2167 lines
366 KiB
Plaintext
2167 lines
366 KiB
Plaintext
|
\id LUK Unlocked Literal Bible
|
||
|
\ide UTF-8
|
||
|
\h LUKE
|
||
|
\toc1 Luke
|
||
|
\toc2 Luke
|
||
|
\toc3 luk
|
||
|
\mt1 LUKE
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\c 1
|
||
|
\p
|
||
|
\v 1 มีหลายคนพยายามเรียงลำดับเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นท่ามกลางพวกเรา
|
||
|
\v 2 ตามที่คนเหล่านั้นซึ่งเป็นผู้ที่ได้เห็นกับตาเองตั้งแต่ต้นและเป็นผู้รับใช้พระวจนะนั้นได้ส่งต่อมาให้กับพวกเรา
|
||
|
\v 3 ดังนั้นสำหรับตัวข้าพเจ้าเองเห็นว่าเป็นการดี เนื่องจากข้าพเจ้าได้สืบสวนทุกสิ่งอย่างถี่ถ้วนมาตั้งแต่ต้น จึงเห็นควรที่จะบันทึกสิ่งเหล่านี้ให้เป็นเรื่องเป็นราวเพื่อท่านเธโอฟีลัสที่เคารพยิ่ง
|
||
|
\v 4 เพื่อว่าท่านจะได้รู้อย่างแน่ชัดเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ ที่ท่านได้รับการสอนมา
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 5 ในรัชกาลของเฮโรดกษัตริย์ของยูเดีย มีปุโรหิตคนหนึ่งชื่อเศคาริยาห์ จากกองเวรอาบียาห์ และภรรยาของเขาชื่อว่าเอลีซาเบธ ซึ่งมาจากบรรดาบุตรสาวของอาโรน
|
||
|
\v 6 ทั้งคู่เป็นคนชอบธรรมต่อพระพักตร์พระเจ้า เชื่อฟังบทบัญญัติและกฎเกณฑ์ทั้งหมดขององค์พระผู้เป็นเจ้า
|
||
|
\v 7 แต่พวกเขาไม่มีบุตรเพราะว่านางเอลิซาเบธเป็นหมัน และในเวลานั้นพวกเขาทั้งสองก็ชรามากแล้วในเวลานั้น
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 8 ต่อมาเศคาริยาห์ทำหน้าที่ปุโรหิตเข้าเฝ้าต่อพระพักตร์พระเจ้า เมื่อกองเวรของท่านเข้าประจำการ
|
||
|
\v 9 ตามธรรมเนียมของการเลือกปุโรหิต ในการปรนนิบัติรับใช้ เขาถูกเลือกโดยการจับฉลากให้ทำหน้าที่เผาเครื่องหอมในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า
|
||
|
\v 10 ส่วนประชากรทั้งหมดก็กำลังอธิษฐานอยู่ภายนอกในขณะที่มีการเผาเครื่องหอม
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 11 เวลานั้นทูตสวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าได้ปรากฏแก่เขา และยืนอยู่ด้านขวาของแท่นบูชาเครื่องหอม
|
||
|
\v 12 เมื่อเศคาริยาห์เห็นทูตสวรรค์เขาก็ตื่นตระหนกและรู้สึกหวาดกลัวทูตสวรรค์นั้น
|
||
|
\v 13 แต่ทูตสวรรค์กล่าวกับเขาว่า "อย่ากลัวเลย เศคาริยาห์ เพราะพระองค์ทรงฟังคำอธิษฐานของท่านแล้ว เอลิซาเบธภรรยาของท่านจะให้กำเนิดบุตรชายแก่ท่านคนหนึ่ง ท่านจะตั้งชื่อของเขาว่า ยอห์น
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 14 ท่านจะมีความยินดีและมีความสุข คนเป็นอันมากจะชื่นชมยินดีที่เขาเกิดมา
|
||
|
\v 15 เพราะเขาจะเป็นใหญ่ในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้า เขาจะไม่ดื่มเหล้าองุ่นหรือของมึนเมา และเขาจะเปี่ยมด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดาของเขา
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 16 ประชาชนอิสราเอลมากมายจะหันมาหาองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกเขา
|
||
|
\v 17 เขาจะนำหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยจิตวิญญาณและฤทธิ์เดชของเอลียาห์ เพื่อให้จิตใจของบิดาหันมาหาบุตรและให้คนดื้อด้านหันมาสู่สติปัญญาของผู้ชอบธรรม เพื่อจัดเตรียมชนชาติหนึ่งไว้สำหรับองค์พระผู้เป็นเจ้า”
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 18 เศคาริยาห์กล่าวแก่ทูตสวรรค์ว่า "ข้าพเจ้าจะทราบได้อย่างไร? เพราะว่าข้าพเจ้าเป็นคนชราและภรรยาของข้าพเจ้าก็อายุมากแล้ว"
|
||
|
\v 19 ทูตสวรรค์ตอบและกล่าวกับเขาว่า "ข้าพเจ้าคือกาเบรียล ผู้ซึ่งยืนอยู่ต่อหน้าพระเจ้า เราถูกส่งมาเพื่อแจ้งกับท่านและนำข่าวดีนี้มาให้แก่ท่าน
|
||
|
\v 20 ดูเถิด ท่านจะเป็นใบ้ ไม่สามารถพูดได้จนถึงวันที่สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้น นี่เป็นเพราะท่านไม่เชื่อถ้อยคำของเราซึ่งจะสำเร็จตามเวลาที่กำหนด"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 21 ประชาชนกำลังรอคอยเศคาริยาห์ พวกเขาต่างประหลาดใจเพราะท่านใช้เวลาในพระวิหารนานมาก
|
||
|
\v 22 แต่เมื่อเศคาริยาห์ออกมา ท่านไม่สามารถพูดกับพวกเขาได้ พวกเขาจึงตระหนักว่า ท่านต้องได้รับนิมิตขณะที่อยู่ในพระวิหาร ท่านพยายามแสดงท่าทางต่างๆ แก่พวกเขาแต่ก็ยังคงพูดไม่ได้
|
||
|
\v 23 เมื่อหมดเวลาปรนนิบัติของท่านแล้ว ท่านจึงกลับไปบ้านของท่าน
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 24 หลังจากวันนั้น เอลิซาเบธภรรยาของท่านก็ได้ตั้งครรภ์ เธอได้ซ่อนตัวเป็นเวลาห้าเดือน เธอกล่าวว่า
|
||
|
\v 25 "นี่เป็นสิ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงทำแก่ข้าพเจ้าเมื่อพระองค์ทรงมองดูข้าพเจ้าด้วยความกรุณาเพื่อนำความอับอายขายหน้าของข้าพเจ้าต่อหน้าประชาชนออกไปเสีย"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 26 ในเดือนที่หก พระเจ้าได้ส่งทูตสวรรค์กาเบรียลมายังเมืองหนึ่งในแคว้นกาลิลีชื่อว่านาซาเร็ธ
|
||
|
\v 27 ไปหาหญิงพรหมจารีคนหนึ่งที่ได้หมั้นกับชายคนหนึ่งชื่อโยเซฟ เขาอยู่ในวงศ์วานของดาวิด และหญิงพรหมจารีนั้นชื่อมารีย์
|
||
|
\v 28 ทูตสวรรค์มาหาเธอและกล่าวว่า "หญิงเอ๋ย พระเจ้าทรงโปรดปรานเธอยิ่งนัก องค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตอยู่กับเธอ"
|
||
|
\v 29 แต่เธอสับสนกับถ้อยคำของทูตสวรรค์เป็นอย่างมากและเธอนึกสงสัยว่าการทักทายเช่นนั้นหมายความว่าอย่างไร
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 30 ทูตสวรรค์กล่าวแก่เธอว่า "อย่ากลัวเลย มารีย์ เพราะเธอได้รับความโปรดปรานจากพระเจ้า
|
||
|
\v 31 ดูเถิด เธอจะตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตรชาย เธอจะเรียกนามของเขาว่า 'เยซู'
|
||
|
\v 32 เขาจะเป็นใหญ่และจะถูกเรียกว่า พระบุตรขององค์ผู้สูงสุด องค์พระเจ้าจอมเจ้านายจะประทานบัลลังก์แห่งดาวิดบรรพบุรุษของเขาแก่เขา
|
||
|
\v 33 เขาจะปกครองเหนือพงศ์พันธ์ยาโคบนิรันดร์ และอาณาจักรของพระองค์ไม่มีที่สิ้นสุด"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 34 มารีย์กล่าวแก่ทูตสวรรค์ว่า "สิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้อย่างไร เพราะข้าพเจ้าไม่เคยร่วมหลับนอนกับชายใดเลย?"
|
||
|
\v 35 ทูตสวรรค์ตอบเธอว่า "พระวิญญาณบริสุทธิ์จะทรงเสด็จมาเหนือเธอ และฤทธิ์อำนาจขององค์ผู้สูงสุดจะมาเหนือเธอ ดังนั้นองค์บริสุทธิ์ที่ทรงบังเกิดมาจะถูกเรียกว่าพระบุตรของพระเจ้า
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 36 ดูเถิด เอลิซาเบธญาติของเธอได้ตั้งครรภ์บุตรชายเมื่อเธออายุมากแล้ว ตอนนี้เธอซึ่งใครๆ ถือว่าเป็นหมันก็ตั้งครรภ์ได้หกเดือนแล้ว
|
||
|
\v 37 เพราะไม่มีสิ่งใดเป็นไปไม่ได้สำหรับพระเจ้า"
|
||
|
\v 38 มารีย์กล่าวว่า "ดูเถิด ข้าพเจ้าเป็นหญิงรับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้า ให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นตามถ้อยคำของท่านเถิด" แล้วทูตสวรรค์ก็จากเธอไป
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 39 แล้วในคราวนั้นมารีย์จึงรีบลุกขึ้นไปยังเมืองหนึ่งในแถบภูเขาแคว้นยูเดีย
|
||
|
\v 40 เธอได้เข้าไปในบ้านของเศคาริยาห์และกล่าวคำทักทายเอลิซาเบธ
|
||
|
\v 41 บัดนี้สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเอลิซาเบธได้ยินคำทักทายของมารีย์ ทารกในครรภ์ของเธอก็ดิ้น และเอลีซาเบธเปี่ยมด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 42 เธอจึงร้องขึ้นและกล่าวด้วยเสียงอันดังว่า "เธอได้รับพรท่ามกลางสตรีทั้งปวงและทารกในครรภ์ที่จะออกมาก็ได้รับพระพร
|
||
|
\v 43 เหตุใดสิ่งนี้เกิดขึ้นกับข้าพเจ้าที่มารดาขององค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้ามาเยี่ยมข้าพเจ้า?
|
||
|
\v 44 ดูเถิด เมื่อข้าพเจ้าได้ยินเสียงทักทายของท่าน ทารกในครรภ์ของข้าพเจ้าก็ดิ้นด้วยความชื่นชมยินดี
|
||
|
\v 45 ความสุขมีแก่หญิงที่เชื่อว่าสิ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับเธอนั้นจะสำเร็จ”
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 46 มารีย์กล่าวว่า "จิตใจของข้าพเจ้าสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า
|
||
|
\v 47 และจิตวิญญาณของข้าพเจ้าชื่นชมยินดีในพระเจ้าพระผู้ช่วยให้รอดของข้าพเจ้า
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 48 เพราะพระองค์ทรงมองดูฐานะอันต่ำต้อยของหญิงผู้รับใช้ของพระองค์ ดูเถิด จากนี้ไปทุกยุคจะเรียกข้าพเจ้าว่าผู้ได้รับพร
|
||
|
\v 49 เพราะพระองค์ผู้ทรงฤทธิ์ได้ทรงกระทำการอันยิ่งใหญ่เพื่อข้าพเจ้า และพระนามของพระองค์ก็บริสุทธิ์
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 50 พระเมตตาของพระองค์มีแก่บรรดาผู้ยำเกรงพระองค์ ทุกชั่วอายุสืบไป
|
||
|
\v 51 พระองค์ทรงสำแดงอานุภาพด้วยพระกรของพระองค์ พระองค์ทรงทำให้คนที่มีใจเย่อหยิ่งกระจัดกระจายไป
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 52 พระองค์ทรงปลดเจ้านายทั้งหลายลงจากบัลลังก์ของพวกเขาและยกชูผู้ที่ต่ำต้อยขึ้น
|
||
|
\v 53 พระองค์ทรงให้ผู้หิวโหยอิ่มเอมด้วยสิ่งดี แต่ทรงส่งคนมั่งมีไปมือเปล่า
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 54 พระองค์ประทานความช่วยเหลือแก่อิสราเอลผู้รับใช้ของพระองค์ เพื่อระลึกถึงการสำแดงพระเมตตา
|
||
|
\v 55 (อย่างที่ทรงตรัสแก่บิดาทั้งหลายของพวกเรา) แก่อับราฮัมและพงศ์พันธ์ของท่านนิรันดร์"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 56 มารีย์พักอยู่กับนางเอลิซาเบธประมาณสามเดือนแล้วจึงกลับไปที่บ้านของเธอ
|
||
|
\v 57 เมื่อถึงเวลาที่นางเอลิซาเบธต้องคลอดบุตรของเธอและเธอให้กำเนิดบุตรชายคนหนึ่ง
|
||
|
\v 58 เพื่อนบ้านของเธอและญาติพี่น้องของเธอได้ยินถึงสิ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงสำแดงพระเมตตาอันยิ่งใหญ่แก่เธอ และพวกเขาก็พากันชื่นชมยินดีกับเธอ
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 59 ในวันที่แปดพวกเขาได้นำเด็กคนนี้มาเข้าสุหนัต พวกเขาตั้งชื่อเด็กคนนี้ว่า "เศคาริยาห์" ตามชื่อบิดาของเขา
|
||
|
\v 60 แต่มารดาของเขาตอบว่า "ไม่ได้ เขาจะถูกเรียกว่า ยอห์น"
|
||
|
\v 61 พวกเขากล่าวแก่เธอว่า "ในท่ามกลางญาติพี่น้องของท่านไม่มีใครที่มีชื่อนี้"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 62 พวกเขาทำท่าทางให้บิดาของเด็กดูว่าเขาต้องการตั้งชื่อบุตรของเขาว่าอะไร
|
||
|
\v 63 บิดาของเขาจึงขอกระดานเขียน และเขียนลงไปว่า "ชื่อของเขาคือยอห์น" และพวกเขาทั้งหมดก็พากันประหลาดใจในเรื่องนี้
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 64 ทันใดนั้น ปากของท่านก็เปิดออก และลิ้นของท่านก็เป็นอิสระ เขาจึงกล่าวสรรเสริญพระเจ้า
|
||
|
\v 65 ผู้ที่อยู่ล้อมรอบเขาก็เกิดความกลัว เรื่องราวทั้งหมดนี้เลื่องลือไปทั่วแถบเนินเขาแคว้นยูเดีย
|
||
|
\v 66 บรรดาคนที่ได้ยินก็จดจำไว้ในใจกล่าวกันว่า "เด็กนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป?" เพราะพระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่กับเขา
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 67 เศคาริยาห์บิดาของเขาเปี่ยมด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ และได้กล่าวคำพยากรณ์ กล่าวว่า
|
||
|
\v 68 "สรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าแห่งอิสราเอล เพราะพระองค์ทรงมาเพื่อช่วย และพระองค์ทรงไถ่ประชากรของพระองค์ได้สำเร็จ"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 69 พระองค์ทรงชูเขาสัตว์แห่งความรอดสำหรับเราในพงศ์พันธุ์ดาวิดผู้รับใช้ของพระองค์
|
||
|
\v 70 (ตามที่พระองค์ได้ตรัสไว้ผ่านเหล่าผู้เผยพระวจนะผู้บริสุทธิ์ในสม้ยโบราณ)
|
||
|
\v 71 เป็นความรอดจากเหล่าศัตรูของเรา และจากเงื้อมมือของคนทั้งปวงผู้ที่เกลียดชังเรา
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 72 พระองค์จะทำสิ่งนี้เพื่อสำแดงพระเมตตาแก่บรรพบุรุษของเราและทรงระลึกถึงพันธสัญญาอันบริสุทธิ์ของพระองค์
|
||
|
\v 73 เป็นคำปฏิญาณที่ทรงให้ไว้แก่อับราฮัมบรรพบุรุษของเรา
|
||
|
\v 74 พระองค์ทรงสัญญากับเราว่า เมื่อเราทั้งหลายพ้นจากมือพวกศัตรูของพวกเราแล้ว จะปรนนิบัติพระองค์โดยปราศจากความกลัว
|
||
|
\v 75 ด้วยความบริสุทธิ์และความชอบธรรมต่อหน้าพระองค์ทุกๆ วันของพวกเรา
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 76 ท่านที่เป็นบุตร จะถูกเรียกว่าผู้เผยพระวจนะขององค์ผู้สูงสุด ท่านจะนำหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าเพื่อเตรียมทางของพระองค์ เพื่อเตรียมประชากรสำหรับการเสด็จมาของพระองค์
|
||
|
\v 77 เพื่อให้ความรู้ในเรื่องความรอดแก่ประชากรของพระองค์โดยการให้อภัยความผิดบาปของพวกเขา
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 78 สิ่งนี้จะเกิดขึ้นเพราะพระเมตตาอันอ่อนโยนของพระเจ้าของเรา เพราะแสงรุ่งอรุณจากเบื้องบนจะมาช่วยเรา
|
||
|
\v 79 เพื่อฉายแสงต่อผู้ที่นั่งอยู่ในความมืดและในเงาแห่งความตาย พระองค์จะกระทำสิ่งนี้เพื่อนำเท้าของเราไปไปในทางสันติสุข"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 80 บัดนีเด็กนั้นก็เติบโตขึ้น และเข้มแข็งขึ้นในจิตวิญญาณ และเขาเข้าไปในถิ่นทุรกันดารจนถึงวันที่มาปรากฏตัวต่อสาธารณชนอิสราเอล
|
||
|
\s5
|
||
|
\c 2
|
||
|
\p
|
||
|
\v 1 ในสมัยนั้น ซีซาร์ออกัสตัสมีรับสั่งให้จดทะเบียนสำมะโนครัวทั่วทั้งแผ่นดิน
|
||
|
\v 2 นี่เป็นครั้งแรกที่ได้จดทะเบียนสำมะโนครัว เมื่อคีรินิอัสเป็นเจ้าเมืองซีเรีย
|
||
|
\v 3 ดังนั้นทุกคนจึงไปที่เมืองของเขาเพื่อจดทะเบียนสำมะโนครัว
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 4 เช่นเดียวกับที่โยเซฟได้ขึ้นไปจากเมืองนาซาเร็ธในแคว้นกาลิลี ไปยังนครของดาวิด ที่เรียกว่าเบธเลเฮมในแคว้นยูเดียเพราะเขาเป็นวงศ์วานและเชื้อสายของดาวิด
|
||
|
\v 5 เขาได้ไปที่นั่นเพื่อจดทะเบียนพร้อมกับมารีย์ ที่เขาได้หมั้นไว้แล้ว และกำลังตั้งครรภ์
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 6 ในขณะที่พวกเขายังอยู่ที่นั่น ก็ถึงกำหนดเวลาที่เธอจะคลอดบุตร
|
||
|
\v 7 เธอได้ให้กำเนิดบุตรชายคนหนึ่งซึ่งเป็นบุตรชายหัวปีของเธอ และเธอพันไว้ด้วยผ้าอ้อม และวางไว้ในรางหญ้า เพราะไม่มีที่ว่างสำหรับพวกเขาในโรงแรม
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 8 มีพวกคนเลี้ยงแกะในแถบนั้นกำลังเลี้ยงฝูงแกะของพวกเขาอยู่ในทุ่งหญ้า เฝ้าฝูงแกะของเขายามค่ำคืน
|
||
|
\v 9 ทูตสวรรค์องค์หนึ่งขององค์พระผู้เป็นเจ้าได้ปรากฏต่อพวกเขา และพระสิริขององค์พระผู้เป็นเจ้าส่องแสงล้อมรอบพวกเขา ทำให้พวกเขาตกใจกลัวยิ่งนัก
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 10 แล้วทูตสวรรค์องค์นั้นจึงกล่าวแก่พวกเขาว่า "อย่ากลัวเลย เพราะเรานำข่าวดีมายังพวกท่าน ซึ่งเป็นข่าวที่จะนำความชื่นชมยินดีอันใหญ่หลวงมาสู่คนทั้งปวง
|
||
|
\v 11 วันนี้ พระผู้ช่วยให้รอดได้มาบังเกิดเพื่อท่านทั้งหลายในนครของดาวิด พระองค์ทรงเป็นพระคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้า
|
||
|
\v 12 นี่เป็นหมายสำคัญที่จะให้แก่พวกท่าน นั่นคือพวกท่านจะได้พบทารกที่พันด้วยผ้าอ้อมไว้ และนอนอยู่ในรางหญ้า"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 13 ในทันใดนั้น มีกองทัพแห่งสวรรค์จำนวนมากมายได้มาสรรเสริญพระเจ้าร่วมกับทูตสวรรค์นั้น และกล่าวว่า
|
||
|
\v 14 "พระสิริจงมีแด่พระเจ้าในที่สูงสุด และสันติสุขจงบังเกิดบนแผ่นดินโลกท่ามกลางคนทั้งปวงที่พระองค์ชอบพระทัย"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 15 เมื่อทูตสวรรค์เหล่านั้นได้ละพวกเขากลับไปยังสวรรค์แล้ว พวกคนเลี้ยงแกะจึงพูดกันว่า "ให้พวกเราไปยังเบธเลเฮมกันเถอะ เพื่อดูเหตุการณ์นี้ที่เกิดขึ้นนั้น ตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงแจ้งแก่พวกเรา"
|
||
|
\v 16 พวกเขาจึงรีบไปที่นั่น และได้พบมารีย์กับโยเซฟ และเห็นทารกนอนอยู่ในรางหญ้า
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 17 หลังจากที่พวกเขาได้เห็นพระองค์แล้ว พวกเขาจึงบอกเรื่องราวที่ได้ยินถึงพระกุมารนั้น
|
||
|
\v 18 ทุกคนที่ได้ยินเรื่องราวที่พวกคนเลี้ยงแกะเล่าให้ฟัง ก็พากันประหลาดใจ
|
||
|
\v 19 แต่มารีย์ก็เก็บทุกสิ่งเหล่านี้ที่เธอได้ยิน และเก็บไว้ในใจของเธอ
|
||
|
\v 20 พวกคนเลี้ยงแกะจึงกลับไป ต่างก็ยกย่องและสรรเสริญพระเจ้าสำหรับทุกสิ่งที่พวกเขาได้ยินและได้เห็น ตามที่ได้แจ้งแก่พวกเขาแล้ว
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 21 เมื่อครบแปดวัน เป็นวันที่พระองค์ต้องเข้าสุหนัต เขาจึงตั้งชื่อพระองค์ว่าเยซู ตามที่ทูตสวรรค์ได้กล่าวไว้ก่อนที่พระองค์จะปฏิสนธิในครรภ์
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 22 เมื่อครบกำหนดวันเพื่อการชำระให้บริสุทธิ์ตามธรรมบัญญัติของโมเสสแล้ว โยเซฟกับมารีย์ได้นำพระองค์ขึ้นไปยังพระวิหารในกรุงเยรูซาเล็ม เพื่อถวายพระองค์แด่องค์พระผู้เป็นเจ้า
|
||
|
\v 23 ตามที่มีเขียนไว้ในพระบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้าว่า "บุตรชายหัวปีทุกคนจะต้องถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า"
|
||
|
\v 24 ดังนั้นพวกเขาจึงถวายเครื่องบูชาตามที่พระบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้าได้กล่าวไว้ คือ "นกเขาคู่หนึ่ง หรือนกพิราบหนุ่มสองตัว"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 25 ดูเถิด มีชายคนหนึ่งอยู่ในกรุงเยรูซาเล็มซึ่งมีชื่อว่า สิเมโอน และชายคนนี้เป็นคนชอบธรรมและยำเกรงพระเจ้า ท่านกำลังมองหาการปลอบใจของอิสราเอล และพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงอยู่เหนือเขา
|
||
|
\v 26 เขาได้รับการสำแดงจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ ว่าเขาจะยังไม่เห็นความตาย ก่อนที่เขาจะได้เห็นพระคริสต์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 27 สิเมโอนได้เข้ามาในพระวิหารโดยการทรงนำของพระวิญญาณ เมื่อบิดามารดาได้นำพระกุมารเยซูเข้ามา เพื่อทำตามธรรมเนียมปฏิบัติของพระบัญญัตินั้น
|
||
|
\v 28 เขาได้อุ้มพระองค์ไว้ในอ้อมแขนและสรรเสริญพระเจ้า และเขากล่าวว่า
|
||
|
\v 29 "บัดนี้ องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอให้ผู้รับใช้ของพระองค์จากไปด้วยสันติสุขตามพระดำรัสของพระองค์เถิด
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 30 เพราะตาของข้าพระองค์ได้เห็นความรอดของพระองค์
|
||
|
\v 31 ที่ได้จัดเตรียมไว้เพื่อคนทั้งปวงในยุคนี้
|
||
|
\v 32 แสงสว่างเพื่อการเปิดเผยต่อคนต่างชาติและเพื่อเป็นศักดิ์ศรีต่ออิสราเอลประชากรของพระองค์"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 33 บิดามารดาของพระกุมารนั้นก็ประหลาดใจในถ้อยคำที่เขากล่าวเกี่ยวกับพระกุมาร
|
||
|
\v 34 สิเมโอนจึงอวยพรพวกเขาและกล่าวกับมารีย์ มารดาของพระกุมารว่า "ดูเถิด เด็กคนนี้ได้รับการแต่งตั้ง เพื่อทำให้ผู้คนมากมายในอิสราเอลล้มลงหรือลุกขึ้น และเพื่อเป็นหมายสำคัญที่ถูกปฏิเสธ
|
||
|
\v 35 และดาบจะแทงทะลุจิตใจของท่าน เอง เพื่อที่ความคิดในใจของคนมากมายจะถูกเปิดเผย"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 36 ผู้เผยพระวจนะหญิงคนหนึ่งชื่ออันนาอยู่ที่นั่น เธอเป็นบุตรสาวของฟานูเอลจากเผ่าอาเชอร์ เธอชรามากแล้ว เธออยู่กินกับสามีของเธอเป็นเวลาเจ็ดปี หลังจากที่เธอเป็นสาวพรหมจารีย์
|
||
|
\v 37 แล้วเธอก็เป็นม่ายเป็นเวลาแปดสิบสี่ปี เธอไม่เคยออกจากพระวิหาร แต่ได้รับใช้ด้วยการอดอาหารและอธิษฐานทั้งกลางคืนและกลางวัน
|
||
|
\v 38 ในเวลานั้นเอง เธอก็ได้เข้ามาหาพวกเขาและขอบพระคุณพระเจ้าและเธอกล่าวถึงพระกุมารให้บรรดาผู้ที่รอคอยการไถ่กรุงเยรูซาเล็มฟัง
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 39 เมื่อพวกเขาทำทุกสิ่งเสร็จแล้วตามพระบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้า พวกเขาจึงกลับไปยังนาซาเร็ท เมืองของพวกเขา ในแคว้นกาลิลี
|
||
|
\v 40 พระกุมารนั้นก็เติบโตขึ้นและแข็งแรง เปี่ยมด้วยสติปัญญา และพระคุณของพระเจ้าอยู่เหนือพระองค์
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 41 บิดามารดาของพระองค์ได้ไปที่กรุงเยรูซาเล็มทุกปีเพื่อร่วมเทศกาลปัสกา
|
||
|
\v 42 เมื่อพระองค์อายุสิบสองปี พวกเขาก็พาพระองค์ขึ้นไปที่เทศกาลตามประเพณีนั้นอีกครั้งหนึ่ง
|
||
|
\v 43 หลังจากที่พวกเขาอยู่จนครบวันของเทศกาลนั้น พวกเขาก็เดินทางกลับบ้าน แต่พระกุมารเยซูยังคงอยู่ที่กรุงเยรูซาเล็ม แต่บิดามารดาของพระองค์ไม่รู้
|
||
|
\v 44 พวกเขาคิดว่าพระองค์อยู่ในกลุ่มของคนที่เดินทางมาด้วยกันกับพวกเขา ดังนั้น เมื่อพวกเขาเดินทางไปได้หนึ่งวัน แล้วพวกเขาก็เริ่มมองหาพระองค์ท่ามกลางญาติและเพื่อนๆ ของพวกเขา
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 45 เมื่อพวกเขาหาพระองค์ไม่พบ พวกเขาจึงกลับมาที่กรุงเยรูซาเล็ม และเริ่มตามหาพระองค์ที่นั่น
|
||
|
\v 46 หลังจากนั้นสามวัน พวกเขาก็พบพระองค์กำลังนั่งอยู่ในพระวิหารท่ามกลางพวกอาจารย์ กำลังฟังและถามคำถามพวกเขาอยู่
|
||
|
\v 47 ทุกคนที่ได้ยินพระองค์ก็ประหลาดใจในความเข้าใจและคำตอบของพระองค์
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 48 เมื่อพวกเขาเห็นพระองค์ พวกเขาก็ประหลาดใจ มารดาของพระองค์พูดกับพระองค์ว่า "ลูกเอ๋ย ทำไมลูกถึงทำกับพวกเราเช่นนี้? ฟังเถิด พ่อของลูกและแม่ตามหาลูกด้วยความร้อนใจยิ่งนัก"
|
||
|
\v 49 พระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า "พวกท่านตามหาเราทำไม? พวกท่านไม่รู้หรือว่า เราต้องอยู่กับพระราชกิจของพระบิดาของเรา?
|
||
|
\v 50 แต่พวกเขาไม่เข้าใจความหมายของคำเหล่านั้น
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 51 แล้วพระองค์ก็กลับไปบ้านพร้อมกับพวกเขาที่นาซาเร็ธและทรงเชื่อฟังพวกเขา มารดาของพระองค์เก็บเรื่องราวทั้งหมดนี้ไว้ในใจ
|
||
|
\v 52 แล้วพระเยซูก็เติบโตขึ้นทั้งในด้านสติปัญญาและร่างกาย และเป็นที่โปรดปรานต่อพระเจ้าและผู้คน
|
||
|
\s5
|
||
|
\c 3
|
||
|
\p
|
||
|
\v 1 ในปีที่สิบห้าของรัชกาลทิเบริอัส ซีซาร์ ขณะที่ปอนทิอัสปีลาตเป็นเจ้าเมืองยูเดีย เฮโรดเป็นผู้ครองแคว้นกาลิลี ฟิลิปน้องชายของท่านเป็นผู้ครองแคว้นอิทูเรียและตราโคนิติส และลิซาเนียสเป็นผู้ครองแคว้นอาบีเลน
|
||
|
\v 2 ในสมัยอันนาสและคายาฟาสเป็นมหาปุโรหิต พระวจนะของพระเจ้ามาถึงยอห์นบุตรเศคาริยาห์ในถิ่นทุรกันดาร
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 3 เขาไปทั่วทุกภาคของลุ่มแม่น้ำจอร์แดน ประกาศเรื่องบัพติศมาสำแดงการกลับใจใหม่เพื่อรับการยกโทษบาป
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 4 ดังที่เขียนไว้ในหนังสือถ้อยคำของผู้เผยพระวจนะอิสยาห์ว่า "มีเสียงหนึ่งร้องเรียกในถิ่นทุรกันดารว่า 'จงเตรียมทางขององค์พระผู้เป็นเจ้าให้พร้อม จงทำทางของพระองค์ให้ตรงไป
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 5 หุบเขาทุกแห่งจะถมให้เต็ม ภูเขาและเนินเขาทุกแห่งจะทำให้ต่ำลง ทางคดเคี้ยวจะกลายเป็นทางตรง ทางขรุขระจะกลับราบเรียบ
|
||
|
\v 6 และมนุษย์ทั้งหลายจะได้เห็นความรอดของพระเจ้า'"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 7 ดังนั้นยอห์นจึงกล่าวกับฝูงชนที่ออกมารับบัพติศมาจากท่านว่า "เจ้าชาติงูร้าย ใครเตือนพวกท่านให้หนีจากพระพิโรธที่จะมานั้น?
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 8 ฉะนั้น จงสำแดงให้เห็นผลของการกลับใจ และอย่าเริ่มนึกเหมาในใจเอาเองว่า 'พวกเรามีอับราฮัมเป็นบิดาของพวกเรา' ข้าพเจ้าขอบอกพวกท่านว่าพระเจ้าทรงสามารถให้บุตรทั้งหลายเกิดแก่อับราฮัมจากก้อนหินเหล่านี้ได้
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 9 ถึงแม้ตอนนี้ขวานก็วางอยู่ตรงโคนต้นไม้แล้ว ดังนั้นต้นไม้ทุกต้นที่ไม่เกิดผลดีย่อมถูกตัดและทิ้งลงในไฟ"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 10 แล้วฝูงชนจึงได้ถามเขาว่า "ถ้าเช่นนั้นแล้วพวกเราต้องทำอย่างไร?"
|
||
|
\v 11 ยอห์นจึงตอบพวกเขาว่า "หากผู้ใดมีเสื้อสองตัว เขาควรแบ่งให้คนที่ยังไม่มี และคนที่มีอาหารก็ควรทำเช่นเดียวกัน"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 12 พวกคนเก็บภาษีก็มารับบัพติศมาด้วยและพวกเขาถามยอห์นว่า "อาจารย์ พวกเราต้องทำสิ่งใด?"
|
||
|
\v 13 ยอห์นบอกพวกเขาว่า "อย่าเก็บภาษีเกินจำนวนกว่าที่พวกท่านได้รับคำสั่งให้เก็บ"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 14 มีทหารบางนายถามยอห์นเช่นกันว่า "แล้วพวกเราล่ะ? พวกเราต้องทำอย่างไร?" ยอห์นจึงตอบพวกเขาว่า "อย่าไปข่มขู่บังคับเอาเงินจากใคร และอย่าไปกล่าวหาคนที่ไม่ได้ทำสิ่งใดผิด จงพอใจกับค่าจ้างของพวกท่าน"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 15 ขณะที่ผู้คนเหล่านี้ต่างกำลังคาดหวังอย่างจดจ่อว่าพระคริสต์จะเสด็จมา ทุกคนต่างสงสัยในใจเกี่ยวกับยอห์น ว่าเขาจะเป็นพระคริสต์หรือไม่
|
||
|
\v 16 ยอห์นจึงได้ตอบพวกเขาทั้งหมดว่า "สำหรับตัวข้าพเจ้า ข้าพเจ้าให้บัพติศมาพวกท่านด้วยน้ำ แต่ผู้หนึ่งซึ่งจะเสด็จมา ทรงฤทธิ์อำนาจยิ่งกว่าข้าพเจ้ามาก และข้าพเจ้าไม่คู่ควรแม้แต่จะแก้สายรัดฉลองพระบาทของพระองค์ พระองค์จะให้บัพติศมาท่านด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และด้วยไฟ
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 17 คราดของพระองค์ก็อยู่ในหัตถ์ของพระองค์แล้วเพื่อชำระลานนวดข้าวของพระองค์ให้ทั่ว และเพื่อแยกข้าวไปไว้ในยุ้งฉาง แต่พระองค์จะทรงเผาแกลบด้วยไฟที่ไม่รู้ดับ"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 18 ยอห์นยังการกระตุ้นเตือนกับ ประชาชนอีกหลายประการและประกาศข่าวประเสริฐแก่ประชาชน
|
||
|
\v 19 เมื่อเฮโรดผู้ครองแคว้นถูกติเตียนเรื่องที่แต่งงานกับเฮโรเดียสภรรยาของน้องชาย และเรื่องความชั่วทั้งสิ้นที่เฮโรดได้ทำ
|
||
|
\v 20 เขายิ่งทำความชั่วหลายๆ อย่างที่เคยทำเพิ่มขึ้นอีก โดยการจับยอห์นขังไว้ในคุก
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 21 เมื่อคนเหล่านั้นรับบัพติศมา พระเยซูก็รับบัพติศมาด้วย และขณะที่พระองค์กำลังอธิษฐาน ท้องฟ้าก็เปิดออก
|
||
|
\v 22 และพระวิญญาณบริสุทธิ์รูปลักษณ์ดั่งนกเขาลงมาบนพระองค์ และมีพระสุรเสียงดังมาจากฟ้าสวรรค์ว่า "ท่านคือบุตรของเรา ผู้ที่เรารัก เราพอใจเจ้ายิ่งนัก"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 23 เมื่อเยซูทรงเริ่มพระราชกิจของพระองค์ พระองค์มีพระชนมายุราวสามสิบพรรษา (ตามที่สันนิษฐาน) พระองค์เป็นบุตรของโยเซฟ ซึ่งเป็นบุตรของเฮลี
|
||
|
\v 24 ซึ่งเป็นบุตรของมัทธัต ซึ่งเป็นบุตรของเลวี ซึ่งเป็นบุตรของเมลคี ซึ่งเป็นบุตรของยันนาย ซึ่งเป็นบุตรของโยเซฟ
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 25 ซึ่งเป็นบุตรของมัทธาธิอัส ซึ่งเป็นบุตรของอาโมส ซึ่งเป็นบุตรของนาฮูม ซึ่งเป็นบุตรของเอสลี ซึ่งเป็นบุตรของนักกาย
|
||
|
\v 26 ซึ่งเป็นบุตรของมาอาท ซึ่งเป็นบุตรของมัทธาธิอัส ซึ่งเป็นบุตรของเสเมอิน ซึ่งเป็นบุตรของโยเสค ซึ่งเป็นบุตรของโยดา
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 27 ซึ่งเป็นบุตรของโยอานัน ซึ่งเป็นบุตรของเรซา ซึ่งเป็นบุตรของเศรุบบาเบล ซึ่งเป็นบุตรของเชอัลทิเอล ซึ่งเป็นบุตรของเนรี
|
||
|
\v 28 ซึ่งเป็นบุตรของเมลคี ซึ่งเป็นบุตรอัดดี ซึ่งเป็นบุตรของโคสัม ซึ่งเป็นบุตรของเอลมาดัม ซึ่งเป็นบุตรของเอร์
|
||
|
\v 29 ซึ่งเป็นบุตรของโยชูวา ซึ่งเป็นบุตรของเอลีเยเซอร์ ซึ่งเป็นบุตรของโยริม ซึ่งเป็นบุตรของมัทธัต ซึ่งเป็นบุตรของเลวี
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 30 ซึ่งเป็นบุตรของสิเมโอน ซึ่งเป็นบุตรของยูดาห์ ซึ่งเป็นบุตรของโยเซฟ ซึ่งเป็นบุตรของโยนาม ซึ่งเป็นบุตรของเอลียาคิม
|
||
|
\v 31 ซึ่งเป็นบุตรของเมเลอา ซึ่งเป็นบุตรของเมนนา ซึ่งเป็นบุตรของมัทตะธา ซึ่งเป็นของบุตรนาธัน ซึ่งเป็นบุตรของดาวิด
|
||
|
\v 32 ซึ่งเป็นบุตรของเจสสี ซึ่งเป็นบุตรของโอเบด ซึ่งเป็นบุตรของโบอาส ซึ่งเป็นบุตรของสัลโมน ซึ่งเป็นบุตรของนาโชน
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 33 ซึ่งเป็นบุตรของอัมมีนาดับ ซึ่งเป็นบุตรของอัดมิน ซึ่งเป็นบุตรของอารนี ซึ่งเป็นบุตรของเฮสโรน ซึ่งเป็นบุตรของเปเรศ ซึ่งเป็นบุตรของยูดาห์
|
||
|
\v 34 ซึ่งเป็นบุตรของยาโคบ ซึ่งเป็นบุตรของอิสอัค ซึ่งเป็นบุตรของอับราฮัม ซึ่งเป็นบุตรของเทราห์ ซึ่งเป็นบุตรของนาโฮร์
|
||
|
\v 35 ซึ่งเป็นบุตรของเสรุก ซึ่งเป็นบุตรของเรอู ซึ่งเป็นบุตรของเปเลก ซึ่งเป็นบุตรของเอเบอร์ ซึ่งเป็นบุตรของเชลาห์
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 36 ซึ่งเป็นบุตรของไคนาน ซึ่งเป็นบุตรของอารฟาซัด ซึ่งเป็นบุตรของเชม ซึ่งเป็นบุตรของโนอาห์ ซึ่งเป็นบุตรของลาเมค
|
||
|
\v 37 ซึ่งเป็นบุตรของเมธูเสลาห์ ซึ่งเป็นบุตรของเอโนค ซึ่งเป็นบุตรของยาเรด ซึ่งเป็นบุตรของมาหะลาเลเอล ซึ่งเป็นบุตรของไคนาน
|
||
|
\v 38 ซึ่งเป็นบุตรเอโนส ซึ่งเป็นบุตรเสท ซึ่งเป็นบุตรอาดัม ซึ่งเป็นบุตรของพระเจ้า
|
||
|
\s5
|
||
|
\c 4
|
||
|
\p
|
||
|
\v 1 จากนั้น พระเยซูทรงเปี่ยมด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ทรงเสด็จกลับจากแม่น้ำจอร์แดน และพระวิญญาณทรงนำพระองค์เข้าไปในถิ่นทุรกันดาร
|
||
|
\v 2 ที่ซึ่งพระองค์ถูกมารทดลองถึงสี่สิบวัน ตลอดวันเหล่านั้นพระองค์ไม่ได้รับประทานสิ่งใดเลย เมื่อเวลานั้นสิ้นสุดแล้ว พระองค์ก็ทรงหิว
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 3 มารจึงพูดกับพระองค์ว่า "ถ้าท่านเป็นพระบุตรของพระเจ้า จงสั่งก้อนหินนี้ให้เป็นขนมปัง"
|
||
|
\v 4 พระเยซูตรัสตอบว่า "มีเขียนไว้ว่า 'มนุษย์จะดำรงชีวิตด้วยอาหารเพียงอย่างเดียวไม่ได้"'
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 5 แล้วมารได้นำพระเยซูไปยังที่สูง และแสดงราชอาณาจักรต่างๆ ของ โลกให้พระองค์เห็นภายในพริบตาเดียว
|
||
|
\v 6 มารจึงพูดกับพระองค์ว่า "เราจะให้สิทธิอำนาจทุกอย่างนี้แก่ท่านและความรุ่งโรจน์ทั้งหมดของพวกเขา เพราะว่า พวกเขาได้มอบไว้ให้แก่เราและเราก็สามารถมอบให้กับใครก็ได้ที่เราต้องการ
|
||
|
\v 7 ดังนั้นถ้าท่านก้มกราบและนมัสการเรา สิ่งเหล่านี้ก็จะเป็นของท่าน"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 8 แต่พระเยซูตรัสตอบมันว่า "มีเขียนไว้ว่า 'ท่านจะนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของท่านและท่านจะรับใช้พระองค์เพียงผู้เดียว"'
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 9 จากนั้นมารได้นำพระเยซูไปยังกรุงเยรูซาเล็มและให้พระองค์ประทับที่จุดสูงสุดของพระวิหาร และพูดกับพระองค์ว่า "ถ้าท่านเป็นพระบุตรของพระเจ้า จงกระโดดลงไปจากที่นี่
|
||
|
\v 10 เพราะมีเขียนไว้ว่า 'พระองค์จะสั่งให้ทูตสวรรค์ของพระองค์ดูแลท่านและปกป้องท่าน'
|
||
|
\v 11 และ 'พวกเขาจะเอามือประคองท่าน เพื่อว่าไม่ให้เท้าของท่านกระทบหิน'"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 12 พระเยซูตรัสตอบมันว่า "มีคำกล่าวว่า 'อย่าทดลององค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของท่าน'"
|
||
|
\v 13 เมื่อมารเสร็จสิ้นการทดลองพระเยซูแล้วมันก็จากไป และละพระองค์ไว้จนกว่าจะมีโอกาส
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 14 แล้วพระเยซูทรงกลับไปยังกาลิลีด้วยฤทธิ์อำนาจของพระวิญญาณและกิตติศัพท์ของพระองค์ได้เลื่องลือไปทั่วดินแดนที่อยู่ล้อมรอบ
|
||
|
\v 15 แล้วพระองค์ทรงเริ่มสั่งสอนในธรรมศาลาของพวกเขาและทุกคนก็พากันสรรเสริญพระองค์
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 16 พระองค์เสด็จมายังนาซาเร็ธ ที่ซึ่งพระองค์ทรงเติบโตขึ้น และพระองค์เสด็จเข้าไปในธรรมศาลาในวันสะบาโตตามเคย และพระองค์ทรงยืนขึ้นเพื่อจะอ่านพระธรรม
|
||
|
\v 17 พวกเขาจึงยื่นม้วนหนังสือผู้เผยพระวจนะอิสยาห์ให้พระองค์ พระองค์ทรงเปิดม้วนหนังสือและพบข้อความที่เขียนไว้ว่า
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 18 "พระวิญญาณขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่เหนือข้าพเจ้า เพราะพระองค์ทรงเจิมตั้งข้าพเจ้าให้บอกข่าวดีแก่คนยากจน พระองค์ส่งข้าพเจ้ามาประกาศอิสรภาพแก่พวกเชลย และทำให้คนตาบอดมองเห็น เพื่อปลดปล่อยผู้ที่ถูกกดขี่ให้ได้รับอิสระ
|
||
|
\v 19 เพื่อประกาศปีแห่งความโปรดปรานขององค์พระผู้เป็นเจ้า"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 20 แล้วพระองค์ทรงม้วนหนังสือ ส่งคืนแก่ผู้ดูแล และนั่งลง สายตาของทุกคนที่อยู่ในธรรมศาลาก็จ้องดูพระองค์
|
||
|
\v 21 พระองค์เริ่มตรัสกับพวกเขาว่า "พระคัมภีร์ที่ท่านได้ยินวันนี้ได้สำเร็จลงแล้ว"
|
||
|
\v 22 ทุกคนก็กล่าวชมเชยพระองค์ และพวกเขาพากันประหลาดใจกับถ้อยคำแห่งพระคุณที่ออกมาจากพระโอษฐ์ของพระองค์ และพวกเขาถามกันว่า "นี่คือบุตรชายของโยเซฟ มิใช่หรือ?"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 23 พระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า "พวกท่านคงจะต้องกล่าวคำสุภาษิตนี้แก่ข้าพเจ้าเป็นแน่ว่า 'หมอจงรักษาตนเองเถิด อะไรก็ตามที่พวกเราได้ยินว่าท่านได้กระทำในคาเปอร์นาอูม จงทำในเมืองของตนที่นี่ด้วย"'
|
||
|
\v 24 แต่พระองค์ตรัสว่า "เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ไม่มีผู้เผยพระวจนะคนใดได้รับการต้อนรับในบ้านเมืองของตนเอง
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 25 แต่เราบอกความจริงแก่พวกท่านว่า ในสมัยของเอลียาห์มีหญิงม่ายมากมายในอิสราเอล เมื่อท้องฟ้าปิดเป็นเวลาสามปีหกเดือนและเกิดการกันดารอาหารครั้งใหญ่ทั่วแผ่นดิน
|
||
|
\v 26 แต่เอลียาห์ไม่ได้ถูกส่งไปหาใคร ยกเว้นหญิงม่ายที่เศราฟัทในไซดอนที่อาศัยอยู่ที่นั่น
|
||
|
\v 27 ในสมัยผู้เผยพระวจนะเอลีชาก็มีคนโรคเรื้อนมากมายในอิสราเอล แต่ไม่มีคนไหนหายจากโรคยกเว้นนาอามานคนซีเรีย"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 28 ทุกคนที่อยู่ในธรรมศาลาเต็มไปด้วยความโกรธ เมื่อพวกเขาได้ยินสิ่งเหล่านี้
|
||
|
\v 29 พวกเขาลุกขึ้นและไล่พระองค์ออกไปนอกเมือง และพาพระองค์ไปยังหน้าผาของเนินเขาที่เมืองของพวกเขาตั้งอยู่ เพื่อจะผลักพระองค์ให้ตกหน้าผาไป
|
||
|
\v 30 แต่พระองค์ทรงดำเนินผ่านท่ามกลางพวกเขาไป และพระองค์เสด็จไปยังที่อื่น
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 31 แล้วพระองค์ลงไปยังเมืองคาเปอร์นาอูม ซึ่งเป็นเมืองหนึ่งในแคว้นกาลิลี และพระองค์ทรงเริ่มต้นสั่งสอนพวกเขาในวันสะบาโต
|
||
|
\v 32 พวกเขาพากันประหลาดใจในคำสอนของพระองค์ เพราะพระองค์ตรัสด้วยสิทธิอำนาจ
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 33 ขณะนั้นในธรรมศาลานั้น มีชายคนหนึ่งมีผีโสโครกสิงอยู่ และเขาตะโกนด้วยเสียงอันดังว่า
|
||
|
\v 34 "อ่ะ พวกเราต้องทำอะไรกับท่านหรือ เยซูชาวนาซาเร็ธ? ท่านมาเพื่อทำลายพวกเราหรือ? ข้ารู้ว่าท่านคือองค์บริสุทธิ์ของพระเจ้า"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 35 พระเยซูจึงตรัสห้ามผีร้ายว่า "เงียบและจงออกมาจากเขา" เมื่อผีร้ายทำให้ชายคนนั้นล้มลงท่ามกลางพวกเขา มันได้ออกจากเขาและไม่ได้ทำอันตรายใดๆ แก่เขาเลย
|
||
|
\v 36 คนทั้งปวงต่างพากันประหลาดใจเป็นอย่างยิ่งและพวกเขาพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องนี้ พวกเขาพูดกันว่า "คำเหล่านี้คืออะไร? เขาสั่งให้ผีโสโครกออกมาด้วยสิทธิอำนาจและฤทธิ์เดช และพวกมันก็ออกมา"
|
||
|
\v 37 ดังนั้นกิตติศัพท์ของพระองค์ก็เลื่องลือไปทั่วทุกภาคแถบนั้น
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 38 แล้วพระเยซูจึงออกไปธรรมศาลาและเข้าไปในบ้านของซีโมน แม่ยายของซีโมนล้มป่วยเป็นไข้สูง และพวกเขาจึงวิงวอนพระองค์แทนเธอ
|
||
|
\v 39 ดังนั้นพระองค์จึงทรงยืนอยู่เหนือเธอและทรงห้ามไข้ แล้วไข้ก็หายไป ทันใดนั้นเธอลุกขึ้นและเริ่มปรนนิบัติพวกเขา
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 40 เมื่อเวลาพลบค่ำ ประชาชนพาทุกคนที่เจ็บป่วยด้วยโรคต่างๆ มาหาพระเยซู พระองค์ทรงวางมือของพระองค์บนพวกเขาทุกคนและพวกเขาก็หายโรค
|
||
|
\v 41 ผีก็ออกจากตัวของหลายคนและร้องว่า "ท่านเป็นพระบุตรของพระเจ้า" แต่พระเยซูทรงห้ามผีร้ายและไม่ให้พวกมันพูด เพราะพวกมันรู้ว่าพระองค์ทรงเป็นพระคริสต์
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 42 เมื่อถึงเวลารุ่งเช้า พระองค์ทรงออกไปยังที่สงบเงียบ ฝูงชนก็พากันมองหาพระองค์และมายังสถานที่ที่พระองค์อยู่ พวกเขาพยายามห้ามพระองค์ไม่ให้ไปจากพวกเขา
|
||
|
\v 43 แต่พระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า "เราต้องไปประกาศข่าวประเสริฐเกี่ยวกับราชอาณาจักรของพระเจ้าแก่เมืองอื่นๆ เพราะนี่เป็นเหตุผลที่เราถูกส่งมาที่นี่"
|
||
|
\v 44 จากนั้นพระองค์ทรงเทศนาในธรรมศาลาต่างๆ ทั่วแคว้นยูเดีย
|
||
|
\s5
|
||
|
\c 5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 1 ขณะที่ฝูงชนล้อมรอบพระเยซูและฟังพระวจนะของพระเจ้า ที่พระองค์ทรงยืนอยู่ริมฝั่งทะเลสาบเยนเนซาเรท
|
||
|
\v 2 พระองค์ทรงเห็นเรือสองลำถูกลากขึ้นมาที่ริมฝั่งทะเลสาบ ชาวประมงขึ้นมาจากเรือและกำลังซักอวนของพวกเขาอยู่
|
||
|
\v 3 พระเยซูจึงเสด็จลงไปในเรือลำหนึ่งซึ่งเป็นของซีโมนและทรงขอให้เขาถอยเรือออกไปห่างจากฝั่งเล็กน้อย แล้วพระองค์ทรงนั่งลงและสอนประชาชนจากเรือลำนั้น
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 4 เมื่อพระองค์ตรัสสอนเสร็จแล้ว พระองค์ตรัสกับซีโมนว่า "จงถอยเรือออกไปยังที่น้ำลึกและหย่อนอวนของท่านลงเพื่อจับปลา"
|
||
|
\v 5 ซีโมนตอบว่า "ท่านอาจารย์ พวกเราทำงานมาทั้งคืนและไม่ได้อะไรเลย แต่ข้าพเจ้าจะหย่อนอวนลงตามคำของท่าน"
|
||
|
\v 6 เมื่อพวกเขาทำ พวกเขาจับปลาได้จำนวนมากมาย จนอวนของพวกเขากำลังจะขาด
|
||
|
\v 7 ดังนั้นพวกเขาจึงส่งสัญญาณให้กับเพื่อนๆ ของพวกเขาที่อยู่ในเรือลำอื่นให้พวกเขามาช่วย พวกเขาก็มาและได้จนเต็มเรือทั้งสองลำจนเรือเริ่มจะจม
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 8 แต่ซีโมนเปโตรเมื่อเขาเห็นดังนั้น จึงทรุดตัวลงที่เข่าของพระเยซูทูลว่า "องค์พระผู้เป็นเจ้า เสด็จไปให้ห่างจากข้าพระองค์เถิด เพราะข้าพระองค์เป็นคนบาป"
|
||
|
\v 9 เพราะเขากับคนทั้งหลายที่อยู่กับเขาต่างก็ประหลาดใจในเรื่องที่พวกเขาจับปลาได้
|
||
|
\v 10 รวมทั้งยากอบและยอห์น บุตรของเศเบดี พวกเขาเป็นเพื่อนร่วมงานของซีโมน พระเยซูจึงตรัสกับซีโมนว่า "อย่ากลัวเลย เพราะจากนี้ไปท่านจะเป็นผู้จับคน"
|
||
|
\v 11 เมื่อพวกเขานำเรือของพวกเขาเข้าฝั่ง พวกเขาจึงทิ้งทุกสิ่งและตามพระองค์ไป
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 12 ในขณะที่พระองค์อยู่ในเมืองๆ หนึ่ง มีชายคนหนึ่งที่ป่วยเป็นโรคเรื้อนอยู่ที่นั่น เมื่อเขาเห็นพระเยซู เขาซบหน้าของเขาลงและทูลอ้อนวอนพระองค์ว่า "องค์พระผู้เป็นเจ้า ถ้าหากพระองค์พอพระทัย ก็จะทำให้ข้าพระองค์จะหายสะอาดได้"
|
||
|
\v 13 แล้วพระเยซูทรงยื่นพระหัตถ์ของพระองค์ออกไปแตะต้องเขา พระองค์ตรัสว่า "เราเต็มใจ จงหายโรคเถิด" แล้วในทันใดโรคเรื้อนที่เป็นอยู่ก็หายไปจากเขา
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 14 พระองค์ทรงกำชับเขาไม่ให้บอกใคร แต่ตรัสกับเขาว่า "จงไปตามทางของท่าน และแสดงตนเองต่อปุโรหิตและถวายเครื่องบูชาสำหรับการหายจากโรคเรื้อนของท่านตามที่โมเสสสั่งไว้ เพื่อเป็นพยานต่อคนทั้งหลาย"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 15 แต่กิตติศัพท์ของพระองค์กลับเลื่องลือออกไปมากยิ่งขึ้น และจนฝูงชนมากมายพากันมาฟังพระองค์สอน และรับการรักษาโรค
|
||
|
\v 16 แต่พระองค์มักจะปลีกตัวออกไปยังที่เปลี่ยวและทรงอธิษฐาน
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 17 อยู่มาวันหนึ่งในขณะที่พระองค์กำลังสั่งสอน และมีพวกฟาริสีและพวกอาจารย์สอนบัญญัตินั่งอยู่ที่นั่นด้วย พวกเขามาจากหมู่บ้านต่างๆ ในแคว้นกาลิลี แคว้นยูเดีย และจากกรุงเยรูซาเล็ม ฤทธิ์อำนาจขององค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตอยู่กับพระองค์เพื่อการรักษาโรค
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 18 มีชายบางคนได้หามผู้ชายคนหนึ่งที่เป็นอัมพาตมาบนที่นอน และพวกเขาพยายามมองหาทางที่จะนำเขาเข้ามาข้างใน เพื่อวางเขาลงต่อหน้าพระเยซู
|
||
|
\v 19 พวกเขาไม่สามารถหาทางนำเขาเข้าไปได้เพราะฝูงชน ดังนั้นพวกเขาจึงขึ้นไปบนหลังคาบ้าน แล้วหย่อนที่นอนซึ่งชายที่เป็นอัมพาตนอนอยู่ผ่านกระเบื้องหลังคากลางประชาชน ตรงหน้าพระเยซูพอดี
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 20 ทรงเห็นความเชื่อของพวกเขา พระเยซูจึงตรัสว่า "มนุษย์เอ๋ย บาปต่างๆ ของพวกท่านได้รับการอภัยแล้ว"
|
||
|
\v 21 พวกธรรมาจารย์และพวกฟาริสีเริ่มตั้งคำถามโดยพูดกันว่า "คนนี้ที่พูดหมิ่นประมาทเป็นผู้ใดเล่า? ใครจะยกความผิดบาปได้เว้นแต่พระเจ้าเท่านั้น?"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 22 แต่พระเยซูทรงทราบที่พวกเขากำลังคิด จึงตรัสตอบพวกเขาว่า "ทำไมพวกท่านจึงตั้งคำถามนี้ในใจของพวกท่าน?
|
||
|
\v 23 อย่างไหนจะง่ายกว่าที่จะพูดว่า 'บาปของท่านได้รับการอภัยแล้ว' หรือพูดว่า 'จงลุกขึ้นและเดินไป?'
|
||
|
\v 24 แต่ว่าพวกท่านอาจรู้ว่าบุตรมนุษย์มีสิทธิอำนาจบนแผ่นดินโลกที่จะให้อภัยบาปได้" พระองค์จึงตรัสกับชายอัมพาต "เราบอกท่านว่า จงลุกขึ้น เก็บเสื่อที่นอนของท่านและไปบ้านของท่านเถิด"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 25 ในทันใดนั้น เขาลุกขึ้นต่อหน้าคนทั้งปวงและเก็บเสื่อที่เขานอนแล้วกลับไปยังบ้านของตนพร้อมกับถวายเกียรติแด่พระเจ้า
|
||
|
\v 26 ทุกคนต่างก็ประหลาดใจและพวกเขาถวายเกียรติแด่พระเจ้า พวกเขาเต็มไปด้วยความเกรงกลัวและพูดกันว่า "วันนี้พวกเราได้เห็นสิ่งที่เหลือเชื่อเกิดขึ้น"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 27 หลังจากสิ่งต่างๆ เหล่านี้เกิดขึ้น พระเยซูเสด็จออกไปจากที่นั่น และทรงเห็นคนเก็บภาษีคนหนึ่งชื่อว่า เลวี นั่งอยู่ที่เต็นท์เก็บภาษี พระองค์ตรัสกับเขาว่า "จงตามเรามา"
|
||
|
\v 28 ดังนั้นเลวีจึงลุกขึ้น และตามพระองค์ไป และทิ้งทุกอย่างไว้เบื้องหลัง
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 29 แล้วเลวีได้จัดให้มีการเลี้ยงใหญ่ในบ้านของตนเพื่อพระเยซู มีคนเก็บภาษีจำนวนมากอยู่ที่นั่นและคนอื่นๆ ที่เอนกายลงที่โต๊ะและรับประทานร่วมกับพวกเขา
|
||
|
\v 30 แต่พวกฟาริสีและพวกธรรมาจารย์กำลังบ่นกับเหล่าสาวกของพระองค์ว่า "ทำไมพวกท่านจึงกินและดื่มร่วมกับพวกคนเก็บภาษีและคนบาปอื่นๆ?"
|
||
|
\v 31 พระเยซูตรัสตอบพวกเขาว่า "คนที่มีสุขภาพดีแล้วก็ไม่ต้องการหมอ เฉพาะคนที่ป่วยเท่านั้นที่ต้องการ"
|
||
|
\v 32 เราไม่ได้มาเพื่อเรียกคนชอบธรรมให้กลับใจ แต่มาเรียกคนบาปให้กลับใจ"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 33 พวกเขาทูลพระองค์ว่า "พวกศิษย์ของยอห์นมักจะถืออดอาหารและอธิษฐานอยู่เสมอ และพวกศิษย์ของฟาริสีก็ทำอย่างเดียวกัน แต่พวกศิษย์ของท่านทั้งกินและดื่ม"
|
||
|
\v 34 พระเยซูตรัสกับพวกเขาว่า "ใครที่สามารถทำให้ผู้เข้าร่วมงานแต่งงานของเจ้าบ่าวอดอาหารในขณะที่เจ้าบ่าวยังคงอยู่กับพวกเขาได้หรือ?
|
||
|
\v 35 แต่วันนั้นจะมาถึงเมื่อเจ้าบ่าวจะถูกนำตัวไปจากพวกเขา และในวันเหล่านั้นพวกเขาจึงจะอดอาหาร"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 36 แล้วพระเยซูจึงตรัสเป็นคำอุปมาแก่พวกเขาว่า "ไม่มีใครฉีกผ้าจากเสื้อตัวใหม่เพื่อมาปะเสื้อเก่า ถ้าเขาทำอย่างนั้น เขาจะต้องฉีกเสื้อตัวใหม่ และผ้าจากเสื้อตัวใหม่ก็จะไม่เข้ากันกับเสื้อตัวเก่าด้วย
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 37 ไม่มีใครเอาเหล้าองุ่นใหม่ใส่ลงไปในถุงหนังเก่า ถ้าเขาทำอย่างนั้น เหล้าองุ่นใหม่จะทำให้ถุงนั้นปริขาด เหล้าองุ่นจะไหลออกมาและถุงหนังก็จะเสียหาย
|
||
|
\v 38 แต่เหล้าองุ่นใหม่ต้องใส่ในถุงหนังองุ่นใหม่
|
||
|
\v 39 ไม่มีใครที่ได้ดื่มเหล้าองุ่นเก่าแล้วจะต้องการเหล้าองุ่นใหม่ เพราะเขากล่าวว่า 'ของเก่าดีกว่า'"
|
||
|
\s5
|
||
|
\c 6
|
||
|
\p
|
||
|
\v 1 เมื่อถึงวันสะบาโต ในขณะที่พระเยซูเสด็จผ่านทุ่งนาและเหล่าสาวกของพระองค์เด็ดรวงข้าว แล้วขยี้มันในมือของพวกเขาและกินเมล็ดข้าวนั้น
|
||
|
\v 2 แต่พวกฟาริสีบางคนกล่าวว่า "ทำไมพวกท่านจึงทำสิ่งที่เป็นข้อห้ามในวันสะบาโต?"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 3 พระเยซูตรัสตอบพวกเขาว่า "พวกท่านไม่เคยอ่านเรื่องที่ดาวิดได้กระทำเมื่อที่เขาหิว ทั้งเขาและพวกคนที่อยู่กับเขาหรือ?
|
||
|
\v 4 เขาได้ไปที่พระนิเวศของพระเจ้า และเอาขนมปังหน้าพระพักตร์มารับประทาน และยังให้แก่พวกคนที่อยู่กับท่านรับประทานด้วย ซึ่งตามบทบัญญัติแล้วมีแต่ปุโรหิตเท่านั้นที่จะรับประทานได้"
|
||
|
\v 5 แล้วพระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า "บุตรมนุษย์เป็นเจ้านายเหนือวันสะบาโต"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 6 เมื่อมาถึงวันสะบาโตอีกวันหนึ่ง พระองค์เสด็จเข้าไปที่ธรรมศาลา และทรงเข้าไปสั่งสอนประชาชนที่นั่น มีชายคนหนึ่งมือขวาลีบ
|
||
|
\v 7 พวกธรรมาจารย์และพวกฟาริสีก็จับตาอยู่ที่พระองค์ เพื่อจะดูว่าพระองค์จะทรงรักษาใครในวันสะบาโตหรือไม่ เพื่อที่พวกเขาจะหาเหตุที่จะกล่าวโทษพระองค์
|
||
|
\v 8 แต่พระองค์ทรงทราบว่าพวกเขากำลังคิดอะไรอยู่ และพระองค์จึงตรัสกับชายที่มีมือลีบคนนั้นว่า "จงลุกขึ้นและมายืนอยู่ตรงกลางของทุกคน" ดังนั้นชายคนนั้นจึงลุกขึ้นและมายืนอยู่ที่นั่น
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 9 พระเยซูตรัสกับพวกเขาว่า "เราถามพวกท่านว่า ตามพระบัญญัติวันสะบาโตควรที่จะทำการดี หรือทำการร้าย ควรที่จะช่วยชีวิตหรือทำลายชีวิต?"
|
||
|
\v 10 แล้วพระองค์ทรงมองพวกเขาไปรอบๆ และตรัสกับชายคนนั้นว่า "จงเหยียดมือของท่านออกมา" เขาก็ทำตามนั้น และมือของเขาจึงหายเป็นปกติ
|
||
|
\v 11 แต่คนเหล่านั้นเต็มไปด้วยความโกรธ และพวกเขาคุยกันว่าจะทำอย่างไรกับพระเยซู
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 12 ในวันนั้น พระองค์เสด็จขึ้นไปบนภูเขาเพื่ออธิษฐาน พระองค์ทรงอธิษฐานต่อพระเจ้าตลอดทั้งคืน
|
||
|
\v 13 เมื่อถึงตอนเช้า พระองค์ทรงเรียกเหล่าสาวกของพระองค์มาหาพระองค์ และพระองค์ทรงเลือกสิบสองคนในพวกเขา ซึ่งเป็นผู้ที่พระองค์ทรงให้ชื่อว่า อัครสาวก
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 14 ชื่อของบรรดาอัครสาวก คือ ซีโมน (ผู้ที่พระองค์ทรงตั้งชื่อให้ว่าเปโตร) และอันดรูว์น้องชายของเขา ยากอบ ยอห์น ฟีลิป บาร์โธโลมิว
|
||
|
\v 15 มัทธิว โธมัส ยากอบบุตรของอัลเฟอัส ซีโมนที่เรียกกันว่าเศโลเท
|
||
|
\v 16 ยูดาสบุตรของยากอบ และยูดาสอิสคาริโอท ผู้ที่กลายเป็นคนทรยศ
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 17 แล้วพระเยซูเสด็จลงมาจากภูเขาพร้อมกับพวกเขา และทรงยืนอยู่บนพื้นที่ราบ กับฝูงชนกลุ่มใหญ่ที่เป็นเหล่าสาวกของพระองค์ และประชาชนมากมายจากแคว้นยูเดียและกรุงเยรูซาเล็ม และชายฝั่งทะเลของเมืองไทระและไซดอน
|
||
|
\v 18 พวกเขามาเพื่อที่จะฟังพระองค์ และรักษาโรคต่างๆ ของพวกเขาให้หาย ประชาชนซึ่งทนทุกข์จากวิญญาณโสโครกก็ได้รับการรักษาให้หายด้วย
|
||
|
\v 19 ทุกคนในฝูงชนพยายามที่จะแตะต้องพระองค์ เพราะว่ามีฤทธิ์ซ่านออกจากพระองค์และพระองค์ทรงรักษาพวกเขาให้หายทุกคน
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 20 แล้วพระองค์ทรงมองดูเหล่าสาวกของพระองค์และตรัสว่า "ความสุขมีแก่ท่านทั้งหลายผู้ขัดสน เพราะราชอาณาจักรของพระเจ้าเป็นของพวกท่าน
|
||
|
\v 21 ความสุขมีแก่ท่านทั้งหลายผู้ซึ่งหิวโหยอยู่ในขณะนี้ เพราะพวกท่านจะได้อิ่มเอม ความสุขมีแก่ท่านทั้งหลายผู้ซึ่งร่ำไห้อยู่ในขณะนี้ เพราะพวกท่านจะได้หัวเราะ
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 22 ความสุขมีแก่ท่านทั้งหลายเมื่อผู้คนเกลียดชังพวกท่าน เมื่อพวกเขาขับไล่และลบหลู่พวกท่าน และปฏิเสธนามของพวกท่านประหนึ่งเป็นสิ่งชั่วช้าเพราะบุตรมนุษย์
|
||
|
\v 23 ในวันนั้นจงชื่นชมยินดีและโลดเต้นด้วยความเปรมปรีดิ์เถิดเพราะบำเหน็จของพวกท่านในสวรรค์ยิ่งใหญ่นัก เนื่องจากบรรพบุรุษของพวกเขาได้ปฏิบัติเช่นเดียวกันนั้นกับบรรดาผู้เผยพระวจนะ
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 24 แต่วิบัติแก่เจ้าทั้งหลายผู้ซึ่งร่ำรวย เพราะพวกเจ้าได้รับความสุขสบายแล้ว
|
||
|
\v 25 วิบัติแก่เจ้าทั้งหลายผู้ซึ่งอิ่มท้องอยู่ในขณะนี้ เพราะพวกเจ้าจะหิวโหยในภายหลัง วิบัติแก่เจ้าทั้งหลายผู้ซึ่งหัวเราะอยู่ในเวลานี้ เพราะพวกเจ้าจะโศกเศร้าและร่ำไห้
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 26 วิบัติแก่เจ้าทั้งหลายเมื่อคนทั้งปวงยกย่องพวกเจ้า เพราะบรรพบุรุษของพวกเขาได้ปฏิบัติเช่นเดียวกันนั้นกับบรรดาผู้เผยพระวจนะเท็จ
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 27 แต่เราบอกท่านทั้งหลายที่ฟังอยู่ว่าจงรักศัตรูของพวกท่าน และจงทำดีแก่ผู้ซึ่งเกลียดชังพวกท่าน
|
||
|
\v 28 จงอวยพรผู้ซึ่งแช่งด่าท่าน และจงอธิษฐานเผื่อผู้ซึ่งทำร้ายท่าน
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 29 ใครซึ่งตบแก้มของพวกท่านข้างหนึ่ง จงหันอีกข้างให้เขาด้วย ถ้าผู้ใดเอาเสื้อคลุมของพวกท่านไป จงอย่าหวงเสื้อของพวกท่านด้วยเช่นกัน
|
||
|
\v 30 จงให้แก่ทุกคนที่ขอจากท่าน ถ้าใครเอาสิ่งที่เป็นของท่านไป อย่าได้ทวงถามเพื่อที่จะเอาคืน
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 31 พวกท่านควรจะปฏิบัติต่อคนทั้งปวงอย่างเดียวกับที่พวกท่านต้องการให้พวกเขาปฏิบัติต่อพวกท่าน
|
||
|
\v 32 ถ้าท่านทั้งหลายรักเฉพาะผู้ที่รักพวกท่าน พวกท่านจะได้รับความเลื่อมใสหรือ? เพราะแม้แต่พวกคนบาปก็ยังรักเฉพาะคนที่รักพวกเขาเหมือนกัน
|
||
|
\v 33 ถ้าพวกท่านทำดีเฉพาะกับคนที่ทำดีต่อพวกท่าน พวกท่านจะได้รับความเลื่อมใสหรือ? เพราะแม้แต่พวกคนบาปก็ทำอย่างนั้นเหมือนกัน
|
||
|
\v 34 ถ้าท่านทั้งหลายให้ยืมเฉพาะคนที่พวกท่านหวังจะได้คืน พวกท่านจะได้รับความเลื่อมใสหรือ? แม้แต่พวกคนบาปก็ยังให้คนบาปยืมโดยหวังจะได้คืนเหมือนกัน
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 35 แต่จงรักศัตรูของพวกท่านและทำดีต่อพวกเขา จงให้ยืมโดยไม่หวังที่จะได้สิ่งใดคืน แล้วบำเหน็จของท่านจะยิ่งใหญ่ และท่านจะเป็นบุตรขององค์ผู้สูงสุด เพราะว่าพระองค์ทรงพระกรุณาทั้งต่อคนอกตัญญูและคนชั่ว
|
||
|
\v 36 จงเมตตากรุณาเช่นเดียวกับที่พระบิดาของพวกท่านทรงเมตตากรุณา
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 37 อย่าตัดสิน และท่านจะไม่ถูกตัดสิน อย่าแช่งด่า และท่านจะไม่ถูกแช่งด่า จงให้อภัยต่อคนอื่นๆ และท่านจะได้รับการอภัย
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 38 จงให้แล้วพวกท่านจะได้รับ จำนวนเหลือเฟือยัดสั่นแน่นพูนล้นจะถูกเทลงในตักของท่าน เพราะท่านใช้ทะนานอันใดก็จะใช้ทะนานอันเดียวกันนั้นตวงแก่ท่าน"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 39 แล้วพระองค์จึงตรัสแก่พวกเขาเป็นคำอุปมาว่า "คนตาบอดจะนำทางคนตาบอดได้หรือ? ถ้าเขาทำอย่างนั้น พวกเขาทั้งสองจะไม่ตกลงไปในบ่อหรือ?
|
||
|
\v 40 ศิษย์ไม่เป็นใหญ่กว่าครูของเขา แต่ทุกคนเมื่อพวกเขาได้รับการฝึกฝนอย่างดีแล้ว ก็จะเป็นกับเหมือนครูของพวกเขา
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 41 ทำไมพวกท่านจึงมองดูเศษฟางชิ้นเล็กๆที่อยู่ในตาพี่น้องของพวกท่าน แต่พวกท่านกลับไม่ได้สังเกตเห็นท่อนไม้ที่อยู่ในตาของตนเอง?
|
||
|
\v 42 พวกท่านจะพูดกับพี่น้องของพวกท่านอย่างไรว่า 'พี่น้องเอ๋ย ขอให้ข้าพเจ้าเอาเศษฟางที่อยู่ในตาท่านออกไป' ในเมื่อท่านเองไม่เห็นท่อนไม้ที่อยู่ในตาของพวกท่านเอง? คนหน้าซื่อใจคด ท่านต้องเอาท่อนไม้ออกจากตาของท่านเสียก่อน แล้วท่านจึงจะมองเห็นได้อย่างชัดเจน เพื่อจะเอาเศษฟางที่อยู่ในตาของพี่น้องของท่านออกมาได้
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 43 เพราะว่าไม่มีต้นไม้ดีที่ออกผลเลว หรือไม่มีต้นไม้เลวที่ออกผลดี
|
||
|
\v 44 เพราะว่าจะรู้จักต้นไม้แต่ละต้นได้จากชนิดของผลที่ออกมา เพราะคนจะไม่เก็บผลมะเดื่อจากพุ่มหนาม หรือพวกเขาจะไม่เก็บผลองุ่นจากพุ่มไม้ที่มีหนามเช่นกัน
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 45 คนดีย่อมเอาของดีออกจากคลังดีแห่งใจของตน และคนชั่วก็ย่อมเอาของชั่วออกจากคลังชั่วแห่งใจของตน ด้วยใจเต็มด้วยอะไร ปากก็พูดออกมาอย่างนั้น
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 46 ทำไมพวกท่านจึงเรียกเราว่า 'องค์พระผู้เป็นเจ้า องค์พระผู้เป็นเจ้า' แต่ไม่ทำตามสิ่งที่เราบอกนั้น?
|
||
|
\v 47 ทุกคนที่มาหาเราและได้ยินถ้อยคำของเราและทำตามนั้น เราจะบอกให้พวกท่านรู้ว่าเขาเป็นเหมือนอะไร
|
||
|
\v 48 เขาก็เป็นเหมือนชายคนหนึ่งที่สร้างบ้าน ผู้ที่ขุดลึกลงไปในดินและสร้างฐานรากของบ้านบนศิลาที่แข็งแกร่ง เมื่อน้ำท่วมและกระแสน้ำเชี่ยวไหลซัดบ้านหลังนั้น แต่ไม่สามารถทำให้บ้านหลังนั้นสั่นไหวได้ เพราะมันถูกสร้างไว้อย่างดีแล้ว
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 49 แต่คนที่ได้ยินถ้อยคำของเราและไม่ทำตามนั้น เขาก็เหมือนชายคนหนึ่งที่สร้างบ้านไว้บนพื้นดินที่ปราศจากฐานราก เมื่อกระแสน้ำเชี่ยวไหลซัดบ้านหลังนั้น มันก็พังทลายลงในทันที และทำลายบ้านหลังนั้นลงอย่างสิ้นซาก
|
||
|
\s5
|
||
|
\c 7
|
||
|
\p
|
||
|
\v 1 หลังจากที่พระเยซูตรัสให้ประชาชนได้ฟังเสร็จสิ้นทุกสิ่งแล้ว พระองค์จึงเสด็จเข้าไปยังเมืองคาเปอรนาอุม
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 2 ขณะนั้นมีทาสของนายร้อยคนหนึ่งผู้ซึ่งเป็นที่เอาใจใส่ของนาย และเขากำลังป่วยหนักและใกล้จะตาย
|
||
|
\v 3 เมื่อนายร้อยได้ยินเกี่ยวกับพระเยซู เขาได้ส่งผู้อาวุโสของชาวยิวบางคนไปหาพระองค์ เพื่อเชิญพระองค์ให้เสด็จมาช่วยรักษาคนรับใช้ของเขา
|
||
|
\v 4 เมื่อพวกเขามาที่พระเยซู พวกเขาได้อ้อนวอนพระองค์อย่างเอาจริงเอาจังว่า "นายร้อยเป็นคนที่พระองค์สมควรจะทำสิ่งนี้เพื่อเขา
|
||
|
\v 5 เพราะเขารักชนชาติของพวกเรา และเขาเป็นผู้ที่สร้างธรรมศาลาให้แก่พวกเรา"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 6 ดังนั้นพระเยซูจึงเสด็จไปตามทางของพระองค์กับพวกเขา แต่เมื่อพระองค์อยู่ไม่ไกลจากบ้านของเขา นายร้อยส่งเพื่อนๆ มาทูลพระองค์ว่า "องค์พระผู้เป็นเจ้า ขออย่าลำบากเลย เพราะข้าพระองค์ไม่สมควรที่จะรับพระองค์เข้ามาใต้ชายคาบ้านของข้าพระองค์
|
||
|
\v 7 เพราะเหตุนี้ ข้าพระองค์จึงเห็นว่าตนเองไม่สมควรที่จะมาหาพระองค์ ขอเพียงตรัสสั่งเพียงคำเดียวและคนรับใช้ของข้าพระองค์จะหายโรค
|
||
|
\v 8 เพราะข้าพระองค์เป็นชายคนหนึ่งที่อยู่ภายใต้ผู้บังคับบัญชา และมีทหารที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของข้าพระองค์อีก ข้าพระองค์สั่งคนนี้ว่า 'ไป' เขาก็ไป และสั่งคนนั้นว่า 'มา' เขาก็มา และสั่งคนรับใช้ว่า 'ทำสิ่งนี้' เขาก็ทำ"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 9 เมื่อพระเยซูได้ยินอย่างนั้น พระองค์ทรงประหลาดใจในตัวเขา และหันไปหาฝูงชนที่ตามพระองค์มาแล้วตรัสว่า "เราบอกพวกท่านว่าเราไม่เคยพบความเชื่อมากเท่านี้แม้แต่ในอิสราเอล"
|
||
|
\v 10 เมื่อคนเหล่านั้นที่ถูกส่งไปกลับมาถึงบ้านแล้ว พวกเขาก็พบว่าคนรับใช้หายเป็นปกติแล้ว
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 11 หลังจากนั้นไม่นาน พระเยซูเสด็จไปยังเมืองหนึ่งที่ชื่อนาอิน และเหล่าสาวกของพระองค์และฝูงชนกลุ่มใหญ่ไปกับพระองค์ด้วย
|
||
|
\v 12 เมื่อพระองค์เข้ามาใกล้ประตูเมืองแล้ว ดูเถิด มีคนหามศพชายหนุ่มคนหนึ่งมา เขาเป็นบุตรชายคนเดียวของมารดา (ซึ่งเป็นหญิงม่าย) และฝูงชนจำนวนมากจากเมืองก็นั้นอยู่กับเธอด้วย
|
||
|
\v 13 เมื่อองค์พระผู็เป็นเจ้าทรงเห็นเธอแล้ว พระองค์ทรงรู้สึกสงสารเธอยิ่งนัก และตรัสกับเธอว่า "อย่าร้องไห้"
|
||
|
\v 14 แล้วพระองค์จึงเสด็จเข้าไปและแตะต้องขอบโลงศพที่พวกเขาหามศพอยู่และคนเหล่านั้นที่หามโลงศพหยุดยืนอยู่ พระองค์ตรัสว่า "ชายหนุ่มเอ๋ย เราสั่งเจ้าว่า จงลุกขึ้น"
|
||
|
\v 15 ชายหนุ่มที่ตายนั้นจึงลุกขึ้นนั่งและเริ่มพูด แล้วพระเยซูจึงทรงมอบเขาให้แก่มารดาของเขา
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 16 แล้วพวกเขาทุกคนจึงเต็มไปด้วยความกลัว และพวกเขาสรรเสริญพระเจ้าว่า "ผู้เผยพระวจนะยิ่งใหญ่ได้มาบังเกิดท่ามกลางพวกเราแล้ว" และ "พระเจ้าทรงทอดพระเนตรผู้คนของพระองค์แล้ว"
|
||
|
\v 17 ข่าวเรื่องพระเยซูนี้ได้เลื่องลือไปทั่วยูเดียและแคว้นโดยรอบทั้งหมด
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 18 พวกศิษย์ของยอห์นมาเล่าให้เขาฟังเกี่ยวกับเหตุการณ์ทั้งปวงเหล่านั้น
|
||
|
\v 19 แล้วยอห์นจึงเรียกศิษย์สองคนของเขามาและส่งพวกเขาไปหาองค์พระผู้เป็นเจ้าเพื่อถามว่า "พระองค์เป็นผู้ซึ่งจะมานั้นหรือ หรือว่าพวกเราต้องรอคอยอีกผู้หนึ่ง?"
|
||
|
\v 20 เมื่อพวกเขาเข้ามาใกล้พระเยซูแล้ว ชายเหล่านั้นจึงทูลว่า "ยอห์นผู้ให้บัพติศมาได้ส่งพวกเรามาหาท่านเพื่อถามว่า 'ท่านเป็นผู้ซึ่งจะมานั้นหรือ หรือว่าเราต้องรอคอยอีกผู้หนึ่ง?'"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 21 ในเวลานั้น พระองค์ทรงรักษาคนมากมายให้หายจากโรค และความทุกข์ยากต่างๆ และจากพวกวิญญาณชั่ว และทรงรักษาคนตาบอดหลายคนให้มองเห็นได้
|
||
|
\v 22 พระเยซูตรัสตอบพวกเขาว่า "หลังจากที่พวกท่านกลับไปแล้ว จงรายงานต่อยอห์นในสิ่งที่ท่านได้เห็นและได้ยิน คนตาบอดมองเห็นได้ คนง่อยเดินได้ คนโรคเรื้อนหายจากโรค คนหูหนวกได้ยิน คนตายเป็นขึ้นมาอีกครั้ง และคนยากไร้ก็ได้รับข่าวประเสริฐ
|
||
|
\v 23 ผู้ใดที่ไม่ล้มเลิกความเชื่อในเราเนื่องจากสิ่งที่เรากระทำก็เป็นสุข"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 24 หลังจากที่ผู้ส่งข่าวของยอห์นไปแล้ว พระเยซูจึงเริ่มตรัสกับฝูงชนเกี่ยวกับยอห์นว่า "ท่านออกไปยังถิ่นทุรกันดารเพื่อดูอะไร? ไปดูต้นอ้อไหวโดยลมหรือ?
|
||
|
\v 25 แต่ท่านออกไปดูอะไร? ไปดูชายคนหนึ่งที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าเนื้อดีหรือ? ดูเถิด ผู้ที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าราคาแพงและใช้ชีวิตอย่างหรูหราย่อมอยู่ในพระราชวังของกษัตริย์
|
||
|
\v 26 แต่ท่านออกไปดูอะไร? ผู้เผยพระวจนะหรือ? แน่ทีเดียว เราบอกพวกท่านว่าเป็นยิ่งกว่าผู้เผยพระวจนะอีก
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 27 ท่านผู้นี้คือคนที่พระคัมภีร์เขียนไว้ว่า 'ดูเถิด เราจะส่งทูตของเราไปข้างหน้าท่าน ผู้ซึ่งจะเตรียมทางไว้ข้างหน้าท่าน'
|
||
|
\v 28 เราบอกพวกท่านว่า ในบรรดาคนที่เกิดจากผู้หญิงเหล่านั้น ไม่มีใครใหญ่กว่ายอห์น แต่ผู้เล็กน้อยที่สุดในราชอาณาจักรของพระเจ้ายังใหญ่กว่าเขา"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 29 (เมื่อประชาชนทั้งปวงได้ยินดังนั้น รวมทั้งบรรดาคนเก็บภาษี พวกเขาประกาศว่าพระเจ้าทรงชอบธรรม เพราะพวกเขาได้รับบัพติศมาจากยอห์นแล้ว
|
||
|
\v 30 แต่พวกฟาริสีและพวกผู้เชี่ยวชาญในบทบัญญัติไม่ยอมรับพระประสงค์ของพระเจ้าสำหรับพวกเขา เพราะพวกเขาไม่ได้รับบัพติศมาจากยอห์น)
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 31 "แล้วเราจะเปรียบคนในยุคนี้กับอะไรดี? พวกเขาเหมือนอะไร?
|
||
|
\v 32 พวกเขาเหมือนกับเด็กๆ ที่เล่นกันในตลาด ซึ่งนั่งลงและร้องเรียกกันและกันว่า 'พวกฉันเป่าปี่ให้พวกเธอ และพวกเธอไม่เต้น พวกฉันเศร้าโศก และพวกเธอไม่ร้องไห้'
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 33 เพราะยอห์นผู้ให้บัพติศมาได้ ไม่ได้กินขนมปังและไม่ดื่มเหล้าองุ่น และพวกท่านกล่าวว่า 'เขามีผีสิง'
|
||
|
\v 34 บุตรมนุษย์มาทั้งกินและดื่ม และพวกท่านกล่าวว่า 'ดูเถิด เขาเป็นคนตะกละ และคนขี้เมา เป็นเพื่อนของพวกคนเก็บภาษีและคนบาป'
|
||
|
\v 35 แต่พระปัญญาก็ได้รับการพิสูจน์ว่าถูกต้องแล้วโดยบรรดาลูกของพระปัญญานั้น"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 36 มีคนหนึ่งในพวกฟาริสีเชิญพระเยซูไปรับประทานอาหารกับเขา หลังจากที่พระเยซูเสด็จเข้าไปในบ้านของฟาริสีแล้ว พระองค์ทรงเอนพระกายลงที่โต๊ะเพื่อจะรับประทานอาหาร
|
||
|
\v 37 ดูเถิด มีหญิงคนหนึ่งในเมืองนั้นซึ่งเป็นคนบาป เมื่อเธอรู้ว่าพระองค์กำลังเอนกายรับประทานอาหารในบ้านของฟาริสี เธอจึงได้นำผอบน้ำมันหอมมา
|
||
|
\v 38 เธอยืนอยู่ข้างหลังพระองค์ใกล้พระบาทของพระองค์และร้องไห้ เธอเริ่มร้องไห้จนน้ำตาของเธอไหลเปียกพระบาทของพระองค์ และเธอเช็ดด้วยผมจากศีรษะของเธอ จูบพระบาทของพระองค์ และชโลมด้วยน้ำมันหอมนั้น
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 39 เมื่อฟาริสีคนที่ได้เชิญพระเยซูมาได้เห็นดังนั้น เขาจึงคิดในใจเขาเองว่า "ถ้าท่านผู้นี้เป็นผู้เผยพระวจนะ ท่านก็คงจะรู้ว่าผู้หญิงที่แตะต้องตัวท่านเป็นใครและเป็นคนแบบไหน เพราะเธอเป็นคนบาป"
|
||
|
\v 40 พระเยซูจึงตรัสตอบเขาว่า "ซีโมน เรามีบางอย่างจะบอกท่าน" เขาทูลว่า "ท่านอาจารย์ เชิญพูดเถิด"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 41 พระเยซูตรัสว่า "เจ้าหนี้คนหนึ่งมีลูกหนี้สองคน คนหนึ่งเป็นหนี้ห้าร้อยเดนาริอัน และอีกคนหนึ่งเป็นหนี้ห้าสิบเดนาริอัน
|
||
|
\v 42 เมื่อพวกเขาไม่มีเงินจะจ่าย เขาจึงยกหนี้ให้ทั้งสองคน ดังนั้นในสองคนนั้น คนไหนจะรักเขามากกว่า?"
|
||
|
\v 43 ซีโมนทูลตอบพระองค์ว่า "ข้าพเจ้าคิดว่าน่าจะเป็นคนที่เขายกหนี้ให้มากที่สุด" พระเยซูตรัสกับเขาว่า "ท่านตัดสินได้ถูกต้องแล้ว"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 44 พระเยซูหันไปหาผู้หญิงคนนั้นและตรัสกับซีโมนว่า "ท่านเห็นผู้หญิงคนนี้ไหม เราเข้ามาในบ้านของท่าน ท่านไม่ได้เอาน้ำมาล้างเท้าให้เรา แต่เธอร้องไห้จนเปียกเท้าของเราแล้วเอาผมของเธอเช็ด
|
||
|
\v 45 ท่านไม่ได้จูบเรา แต่เธอจูบเท้าของเราไม่หยุดเลยตั้งแต่ที่เราเข้ามา
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 46 ท่านไม่ได้ชโลมศีรษะของเราด้วยน้ำมัน แต่เธอได้ชโลมเท้าของเราด้วยน้ำมันหอม
|
||
|
\v 47 ดังนั้นเราบอกท่านว่า บาปต่างๆ ของเธอที่มีบาปมากมายได้รับการอภัยแล้วเพราะเธอรักมาก แต่ผู้ที่ได้รับการอภัยน้อย ก็รักน้อย"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 48 แล้วพระองค์จึงตรัสกับเธอว่า "ความบาปของเจ้าได้รับการอภัยแล้ว"
|
||
|
\v 49 คนเหล่านั้นที่ร่วมเอนกายอยู่ด้วยจึงพูดกันว่า "คนนี้เป็นใครที่จะอภัยโทษบาปได้"
|
||
|
\v 50 แล้วพระเยซูจึงตรัสกับหญิงคนนั้นว่า "ความเชื่อของเจ้าทำให้เจ้ารอด จงไปเป็นสุขเถิด"
|
||
|
\s5
|
||
|
\c 8
|
||
|
\p
|
||
|
\v 1 ต่อมาภายหลัง พระเยซูเสด็จไปยังเมืองและหมู่บ้านต่างๆ โดยรอบ ทรงเทศนาและประกาศข่าวประเสริฐเกี่ยวกับราชอาณาจักรของพระเจ้า และสาวกสิบสองคนก็อยู่กับพระองค์
|
||
|
\v 2 รวมทั้งพวกผู้หญิงที่ได้รับการรักษาจากวิญญาณชั่วและโรคต่างๆ คือมารีย์ที่เรียกว่าชาวมักดาลา คนที่มีผีเจ็ดตนถูกขับออกไป
|
||
|
\v 3 โยอันนาภรรยาของคูซา หัวหน้ากรมวังของเฮโรด สูสันนาและหญิงคนอื่นๆ อีกหลายคนที่ได้จัดเตรียมสิ่งของให้พวกเขาด้วยทรัพย์สินของพวกเธอ
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 4 ขณะผู้คนจำนวนมากมาชุมนุมกันอยู่และประชาชนจากเมืองนั้นเมืองนี้กำลังพากันมาเข้าเฝ้าพระองค์ พระองค์ตรัสคำอุปมาว่า
|
||
|
\v 5 "ชาวนาคนหนึ่งออกไปหว่านเมล็ดพืชของตน ขณะที่เขาหว่าน บางเมล็ดก็ตกตามทาง และถูกเหยียบย่ำ และนกในอากาศก็มากินเสีย
|
||
|
\v 6 บางเมล็ดตกบนหิน ไม่ช้ามันก็งอกขึ้นมา และค่อยๆเหี่ยวเฉาเพราะขาดความชุ่มชื้น
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 7 บางเมล็ดก็ตกอยู่ท่ามกลางต้นหนามและต้นหนามก็เติบโตขึ้นด้วยกันกับเมล็ดนั้นและปกคลุมพวกมันเสีย
|
||
|
\v 8 แต่มีบางเมล็ดที่ตกบนดินดีและเกิดผลมากมายเป็นร้อยเท่า" หลังจากที่พระเยซูตรัสสิ่งเหล่านี้แล้ว พระองค์ก็ทรงร้องบอกว่า "ใครมีหูที่ได้ยิน ก็จงฟังเถิด"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 9 เหล่าสาวกของพระองค์จึงถามพระองค์ถึงความหมายของคำอุปมานี้
|
||
|
\v 10 พระองค์ตรัสว่า "ความลับแห่งราชอาณาจักรของพระเจ้า ทรงโปรดให้พวกท่านรู้ แต่กับคนอื่นนั้นเรากล่าวเป็นคำอุปมาเพื่อว่า 'แม้ได้ดูพวกเขาก็ไม่เห็น แม้ได้ฟังพวกเขาก็ไม่เข้าใจ'
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 11 นี่คือความหมายของคำอุปมา เมล็ดพืชนั้นคือพระวจนะของพระเจ้า
|
||
|
\v 12 เมล็ดที่หล่นตามทางคือคนเหล่านั้นที่ได้ยิน แล้วมารก็มาชิงพระวจนะไปจากใจของพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เชื่อและได้รับความรอด
|
||
|
\v 13 เมล็ดที่ตกลงบนหินคือคนเหล่านั้นที่ได้ยิน แล้วรับพระวจนะด้วยความยินดี แต่พวกเขาไม่มีราก พวกเขาเชื่อเพียงชั่วระยะหนึ่ง และเมื่อถูกทดลองก็หลงหายไป
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 14 เมล็ดที่ตกท่ามกลางต้นหนาม คือคนเหล่านั้นที่ได้ยินพระวจนะ แต่พวกเขายังคงดำเนินในทางของตนเอง พวกเขาถูกความกังวล ทรัพย์สมบัติและความสนุกสนานของชีวิตกีดขวาง และผลของพวกเขาจึงไม่เติบโตเต็มที่
|
||
|
\v 15 แต่เมล็ดที่ตกในดินดี คือคนเหล่านั้นที่ได้ยินพระวจนะด้วยใจที่ซื่อสัตย์และดีงาม ยึดเอาไว้อย่างมั่นคง จึงเกิดผลโดยความทรหดอดทน
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 16 ไม่มีผู้ใดจุดตะเกียงแล้วเอาชามครอบไว้หรือวางไว้ใต้เตียง ในทางตรงกันข้ามเขาจะวางมันไว้ที่บนเชิงตะเกียง เพื่อว่าทุกคนที่เข้ามาจะได้มองเห็นแสงสว่าง
|
||
|
\v 17 เพราะไม่มีสิ่งใดที่ซ่อนไว้จะไม่ปรากฏให้เห็น หรือสิ่งใดที่เป็นความลับนั้นจะไม่ถูกล่วงรู้และถูกเผยออกมาในที่แจ้ง
|
||
|
\v 18 ดังนั้นจงตั้งใจฟังให้ดี สำหรับคนที่มีอยู่แล้ว จะทรงเพิ่มเติมให้แก่คนนั้น แต่คนที่ไม่มี แม้แต่สิ่งที่เขาคิดว่ามีอยู่นั้น ก็จะทรงเอาไปจากเขา”
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 19 แล้วมารดาและพวกน้องชายของพระองค์มาหาพระองค์ แต่พวกเขาไม่สามารถเข้าใกล้พระองค์ได้เพราะฝูงชน
|
||
|
\v 20 คนจึงไปทูลพระองค์ว่า "มารดาและพวกน้องชายของพระองค์ยืนอยู่ข้างนอกต้องการจะพบพระองค์"
|
||
|
\v 21 แต่พระเยซูตรัสตอบพวกเขาว่า "มารดาของเราและพวกน้องชายของเราคือคนเหล่านั้นที่ได้ยินพระวจนะของพระเจ้าและกระทำตาม"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 22 วันหนึ่ง พระองค์ลงเรือไปกับเหล่าสาวกของพระองค์ และพระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า "ให้พวกเราข้ามไปยังอีกฟากหนึ่งของทะเลสาบ" พวกเขาก็แล่นเรือไป
|
||
|
\v 23 แต่เมื่อพวกเขาแล่นเรืออยู่นั้น พระองค์บรรทมหลับ เกิดพายุใหญ่กลางทะเลสาบอย่างรุนแรง และเรือของพวกเขาเต็มไปด้วยน้ำ และพวกเขาก็ตกอยู่ในอันตราย
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 24 แล้วเหล่าสาวกของพระเยซูเข้าไปหาพระองค์และปลุกพระองค์ให้ตื่นขึ้น และกล่าวว่า "พระอาจารย์ พระอาจารย์ พวกเรากำลังจะตาย" พระองค์ทรงตื่นขึ้น และทรงห้ามลมและคลื่นที่กำลังบ้าคลั่ง และพวกมันก็หยุดและสงบเงียบ
|
||
|
\v 25 แล้วพระองค์จึงตรัสกับพวกเขาว่า "ความเชื่อของพวกท่านอยู่ที่ไหน?" และพวกเขาก็กลัว ขณะที่พวกเขากลัวพวกเขาก็ถามกันว่า "ท่านผู้นี้เป็นใครหนอ พระองค์ถึงสั่งได้แม้กระทั่งลมและน้ำ และพวกมันก็เชื่อฟังคำสั่งท่าน?"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 26 พวกเขาแล่นเรือมาถึงเขตแดนเกราซา ซึ่งอยู่คนละฟากกับกาลิลี
|
||
|
\v 27 เมื่อพระเยซูเสด็จขึ้นฝั่ง พระองค์ทรงพบชายคนหนึ่งจากเมืองนั้น ชายนี้มีผีหลายตัวสิงอยู่ เขาไม่ได้สวมเสื้อผ้ามาเป็นเวลานานแล้วและเขาไม่ได้อาศัยอยู่ในบ้าน แต่อาศัยอยู่ตามอุโมงค์ฝังศพ
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 28 เมื่อเขาเห็นพระเยซู เขาก็ได้ส่งเสียงร้องและกราบลงต่อหน้าพระองค์ และเขาตะโกนด้วยเสียงอันดังว่า "ข้าแต่พระเยซูบุตรของพระเจ้าสูงสุด พระองค์จะทำอะไรกับข้าพระองค์? ข้าพระองค์ขอร้องพระองค์ ขออย่าทรมานข้าพระองค์เลย"
|
||
|
\v 29 เพราะว่าพระเยซูทรงสั่งให้วิญญาณโสโครกออกจากชายนั้น เพราะมันได้ครอบงำเขามาหลายครั้งแล้ว แม้ว่าจะเอาโซ่และตรวนล่ามเขาไว้และให้อยู่ภายใต้การควบคุมดูแล เขาก็หักโซ่ตรวนเสียและผีร้ายขับเขาให้เข้าไปในถิ่นทุรกันดาร
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 30 แล้วพระเยซูถามมันว่า "เจ้าชื่ออะไร?" และมันตอบว่า "ชื่อกอง"เพราะมีผีหลายตนเข้าอยู่ภายในเขา
|
||
|
\v 31 พวกมันอ้อนวอนพระองค์ที่จะไม่ส่งพวกมันไปสู่ขุมนรก
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 32 ขณะนั้นมีฝูงสุกรกำลังหากินอยู่บนเนินเขา พวกผีเหล่านั้นได้ขอร้องพระองค์อนุญาตพวกมันให้เข้าไปสิงในสุกรเหล่านั้น และพระองค์อนุญาตพวกมันให้ทำเช่นนั้น
|
||
|
\v 33 ดังนั้นพวกผีจึงได้ออกจากชายคนนั้นและไปเข้าสิงอยู่ในฝูงสุกร และฝูงสุกรได้พากันวิ่งกระโจนลงจากหน้าผาสู่ทะเลและจมน้ำตาย
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 34 เมื่อคนที่ดูแลฝูงสุกรเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเขาก็วิ่งหนีไปและเล่าเรื่องนั้นทั้งในเมืองและในชนบท
|
||
|
\v 35 ดังนั้นผู้คนก็พากันออกไปดูสิ่งที่เกิดขึ้น และพวกเขามาหาพระเยซูและพบชายที่ถูกขับผีออก เขานั่งอยู่แทบพระบาทของพระเยซู สวมเสื้อผ้า และมีสติ และพวกเขาก็เกิดความกลัว
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 36 จากนั้นผู้ที่เห็นเหตุการณ์ต่างพากันพูดถึงการที่ชายที่ถูกผีสิงได้รับการช่วยรักษาให้หาย
|
||
|
\v 37 แล้วคนทั้งปวงที่อยู่ในดินแดนเกราซาจึงขอร้องพระเยซูให้ทรงไปจากพวกเขา เพราะพวกเขากลัวมาก ดังนั้นพระองค์จึงเสด็จลงเรือกลับไป
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 38 ชายที่ได้รับการขับผีขอร้องพระองค์อนุญาตให้เขาไปกับพระองค์ด้วย แต่พระเยซูส่งเขากลับไป และตรัสว่า
|
||
|
\v 39 "จงกลับไปที่บ้านของท่านและเล่าถึงสิ่งที่พระเจ้าทรงทำต่อท่าน" ชายนั้นจึงไปตามทางของตน และประกาศให้คนทั้งเมืองทราบถึงเหตุการณ์ยิ่งใหญ่ที่พระเยซูทรงทำต่อเขา
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 40 เมื่อพระเยซูเสด็จกลับมา ฝูงชนก็พากันมาต้อนรับพระองค์ เนื่องจากพวกเขารอคอยพระองค์อยู่
|
||
|
\v 41 ดูเถิด มีชายคนหนึ่งชื่อไยรัส เป็นนายธรรมศาลา เข้ามาและก้มลงกราบที่พระบาทพระเยซู และเขาอ้อนวอนพระองค์ให้เสด็จไปที่บ้านของเขา
|
||
|
\v 42 เพราะว่าลูกสาวคนเดียวของเขา เด็กหญิงอายุประมาณสิบสองปีกำลังจะตาย ขณะพระเยซูเสด็จไป ฝูงชนที่อยู่ล้อมรอบพระองค์ก็เบียดเสียดพระองค์แน่นขนัด
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 43 ขณะนั้นหญิงคนหนึ่งมีโลหิตตกมาสิบสองปีและใช้เงินทั้งหมดของเธอไปกับการรักษา และไม่มีใครรักษาเธอได้
|
||
|
\v 44 เธอมาข้างหลังพระเยซูและแตะต้องชายฉลองของพระองค์ และทันใดนั้นโลหิตของนางก็หยุดไหล
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 45 พระเยซูตรัสว่า "ใครแตะต้องเรา?" เมื่อทุกคนปฏิเสธ เปโตรจึงทูลว่า "พระอาจารย์ ฝูงชนที่อยู่ล้อมรอบพระองค์กำลังเบียดเสียดพระองค์"
|
||
|
\v 46 แต่พระเยซูตรัสว่า "มีบางคนแตะต้องเรา เพราะเรารู้ว่าฤทธิ์อำนาจได้แผ่ซ่านออกจากเรา"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 47 เมื่อหญิงคนนั้นเห็นว่าเธอไม่อาจหนีพ้นการสังเกตเห็นได้ เธอก็มาตัวสั่นและก้มกราบต่อหน้าพระองค์ และหมอบกราบต่อหน้าพระเยซู เธอได้เปิดเผยต่อหน้าประชาชนทั้งปวงว่าทำไมเธอจึงแตะต้องพระองค์และเธอได้หายโรคในทันใดนั้น
|
||
|
\v 48 แล้วพระองค์จึงตรัสกับเธอว่า "บุตรสาวเอ๋ย ความเชื่อของเจ้าทำให้เจ้าหายโรค จงไปเป็นสุขเถิด"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 49 ขณะที่พระองค์กำลังตรัสอยู่นั้น มีบางคนมาจากบ้านของนายธรรมศาลามาบอกว่า "บุตรสาวของท่านได้ตายแล้ว อย่ารบกวนอาจารย์อีกเลย"
|
||
|
\v 50 แต่เมื่อพระเยซูได้ยินเช่นนั้น จึงตอบไยรัสว่า "อย่ากลัวเลย จงเชื่อเท่านั้น แล้วเธอจะหาย"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 51 เมื่อพระองค์เสด็จถึงที่บ้าน พระองค์ไม่อนุญาตให้ใครเข้าไปในบ้านกับพระองค์ ยกเว้นเปโตร ยอห์นและยากอบ และบิดากับมารดาของเด็กนั้น
|
||
|
\v 52 ผู้คนที่อยู่ที่นั่นกำลังโศกเศร้าและร้องไห้คร่ำครวญให้กับเธอ แต่พระองค์ตรัสว่า "อย่าร้องไห้คร่ำครวญไปเลย เธอไม่ได้ตาย แต่หลับอยู่"
|
||
|
\v 53 แต่พวกเขาพากันหัวเราะเยาะพระองค์เพราะรู้ว่าเด็กนั้นได้ตายไปแล้ว
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 54 แต่พระองค์จับมือเธอ แล้วตรัสออกมาว่า "ลูกเอ๋ย จงลุกขึ้นเถิด"
|
||
|
\v 55 วิญญาณของเธอก็กลับมา และเธอก็ลุกขึ้นทันที พระองค์สั่งพวกเขาให้นำอาหารมาให้เธอรับประทาน
|
||
|
\v 56 บิดามารดาของเธอพากันประหลาดใจ แต่พระองค์สั่งพวกเขาไม่ให้บอกใครถึงสิ่งที่เกิดขึ้นนี้
|
||
|
\s5
|
||
|
\c 9
|
||
|
\p
|
||
|
\v 1 พระองค์ทรงเรียกสาวกทั้งสิบสองคนมาพร้อมกัน แล้วประทานฤทธิ์เดชและสิทธิอำนาจเหนือวิญญาณชั่วทั้งปวงและการรักษาโรคต่างๆ ให้พวกเขา
|
||
|
\v 2 พระองค์ทรงส่งพวกเขาออกไปประกาศเรื่องราชอาณาจักรของพระเจ้าและรักษาคนป่วยให้หาย
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 3 พระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า "ไม่ต้องนำสิ่งใดติดตัวไปในการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นไม้เท้า ย่ามใส่ของ อาหาร เงิน หรือเสื้อคลุมสองตัว
|
||
|
\v 4 เมื่อท่านเข้าไปในบ้านใด จงพักที่บ้านนั้นจนกว่าจะออกจากที่นั่น
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 5 หากพวกเขาไม่ต้อนรับพวกท่าน เมื่อพวกท่านออกจากเมืองนั้น จงสะบัดฝุ่นออกจากเท้าของพวกท่าน เพื่อเป็นพยานกล่าวโทษพวกเขา”
|
||
|
\v 6 แล้วพวกเขาจึงได้เข้าไปในหมู่บ้านต่างๆ เพื่อประกาศข่าวประเสริฐและรักษาโรคในทุกๆ ที่
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 7 ขณะนั้นเฮโรดเจ้าเมืองได้ยินเรื่องเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น และเขาจึงสับสน เพราะมีบางคนกล่าวว่ายอห์นผู้ให้บัพติศมาได้เป็นขึ้นมาจากตายแล้ว
|
||
|
\v 8 และบางคนกล่าวว่าเอลียาห์ได้มาปรากฎตัวทั้งยังมีคนอื่นๆ ที่บอกว่าผู้เผยพระวจนะสมัยก่อนคนหนึ่งได้เป็นขึ้นจากตาย
|
||
|
\v 9 เฮโรดจึงกล่าวว่า "เราได้ตัดศีรษะของยอห์นแล้ว แต่คนที่เราได้ยินเรื่องราวของเขาเช่นนี้เป็นใครกัน?" ดังนั้นเขาจึงพยายามหาโอกาสที่จะพบพระองค์
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 10 เมื่อบรรดาอัครทูตกลับมาแล้ว พวกเขาทูลพระเยซูถึงทุกสิ่งที่ได้ทำนั้น พระองค์จึงพาเขาไปกับพระองค์ และพวกเขาไปกันตามลำพังยังเมืองที่เรียกว่าเบธไซดา
|
||
|
\v 11 แต่เมื่อฝูงชนทราบเรื่องนี้จึงได้พากันตามพระองค์ไป พระองค์ต้อนรับพวกเขาและตรัสกับพวกเขาเกี่ยวกับราชอาณาจักรของพระเจ้า และพระองค์ทรงรักษาโรคให้กับคนเหล่านั้นที่ต้องการให้รักษา
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 12 ในเวลาใกล้ค่ำ และสาวกสิบสองคนมาหาพระองค์และทูลว่า "ขอทรงส่งฝูงชนเหล่านี้ไปตามหมู่บ้านและตามเมืองรอบๆ นี้เถิด เพื่อให้พวกเขาหาที่พักและอาหาร เพราะว่าที่ที่เราอยู่นี้เป็นที่เปลี่ยว"
|
||
|
\v 13 แต่พระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า "พวกท่านจงให้อาหารพวกเขากินเถิด" พวกเขาทูลว่า "พวกเราไม่มีอะไรมากกว่าขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัว นอกจากว่าพวกเราจะออกไปซื้ออาหารสำหรับคนทั้งปวงเหล่านี้"
|
||
|
\v 14 (มีผู้ชายประมาณห้าพันคน) พระองค์จึงตรัสกับเหล่าสาวกของพระองค์ว่า "ให้พวกเขานั่งลงเป็นกลุ่มๆ ละประมาณห้าสิบคน"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 15 ดังนั้นพวกเขาจึงได้กระทำตามและประชาชนทั้งปวงก็นั่งลง
|
||
|
\v 16 ทรงนำขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัวมาแล้วมองขึ้นไปยังฟ้าสวรรค์และขอพระพรสำหรับอาหารนั้น แล้วทรงหักเป็นชิ้นๆ และพระองค์ทรงส่งให้เหล่าสาวกนำไปแจกแก่ฝูงชน
|
||
|
\v 17 พวกเขาได้กินอิ่มกันทุกคนและเก็บเศษอาหารที่เหลือได้ถึงสิบสองตะกร้า
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 18 ขณะที่พระเยซูทรงกำลังอธิษฐานเป็นการส่วนพระองค์และเหล่าสาวกอยู่กับพระองค์ด้วย พระองค์ตรัสถามพวกเขาว่า "ผู้คนพูดกันว่าเราเป็นใคร?"
|
||
|
\v 19 พวกเขาจึงทูลว่า "เป็นยอห์นผู้ให้บัพติศมา แต่บางคนบอกว่าเป็นเอลียาห์ และคนอื่นๆ บอกว่าเป็นหนึ่งในบรรดาผู้เผยพระวจนะในอดีตที่เป็นขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 20 แล้วพระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า "แต่พวกท่านละคิดว่าเราเป็นใคร?" เปโตรทูลพระองค์ว่า "เป็นพระคริสต์ของพระเจ้า"
|
||
|
\v 21 แต่พระองค์ทรงกำชับพวกเขาไม่ให้บอกใครเรื่องนี้
|
||
|
\v 22 ตรัสว่า "บุตรมนุษย์จะต้องทนทุกข์หลายประการด้วยกันและจะถูกบรรดาผู้อาวุโสและพวกหัวหน้าปุโรหิตและพวกธรรมาจารย์ปฎิเสธ และพระองค์จะถูกประหาร และในวันที่สามพระองค์จะทรงมีชีวิตกลับเป็นขึ้นมาใหม่"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 23 แล้วพระองค์ตรัสกับพวกเขาทุกคนว่า "ถ้าใครปรารถนาที่จะตามเรามา ให้ผู้นั้นปฎิเสธตนเอง และแบกกางเขนของตนทุกวันและตามเรามา
|
||
|
\v 24 ใครต้องการจะเอาชีวิตของเขาให้รอด คนนั้นจะเสียชีวิต แต่ใครยอมเสียชีวิตของเขาเพราะเห็นแก่เรา คนนั้นจะได้ชีวิตรอด
|
||
|
\v 25 จะมีประโยชน์อะไรที่คนๆ หนึ่งจะได้โลกนี้ทั้งโลกแต่ต้องสูญเสียตัวของเขาเอง?
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 26 ใครก็ตามอับอายในตัวเราและถ้อยคำของเรา บุตรมนุษย์ก็จะอับอายในตัวเขา เมื่อพระองค์เสด็จมาด้วยพระเกียรติสิริของพระองค์และพระเกียรติสิริของพระบิดา และเหล่าทูตสวรรค์บริสุทธิ์
|
||
|
\v 27 เราบอกความจริงแก่พวกท่านว่า "มีบางคนซึ่งยืนอยู่ที่นี่จะไม่ได้ลิ้มรสความตายก่อนที่พวกเขาจะเห็นราชอาณาจักรของพระเจ้า"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 28 ประมาณแปดวันหลังจากที่พระเยซูตรัสถ้อยคำเหล่านี้แล้ว พระองค์พาเปโตร ยอห์นและยากอบขึ้นไปบนภูเขาเพื่ออธิษฐาน
|
||
|
\v 29 ขณะที่พระองค์กำลังอธิษฐานอยู่นั้น พระพักตร์ของพระองค์เปลี่ยนไปและฉลองพระองค์เปลี่ยนเป็นสีขาวเจิดจ้า
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 30 ดูเถิด มีชายสองคนกำลังสนทนากับพระองค์ คือโมเสสและเอลียาห์
|
||
|
\v 31 ผู้ซึ่งปรากฎด้วยสง่าราศี พวกเขาพูดถึงการจากไปของพระองค์ ซึ่งพระองค์กำลังจะทำให้สำเร็จในกรุงเยรูซาเล็ม
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 32 ขณะที่เปโตรและคนที่อยู่กับเขานั้นนอนหลับสนิท แต่เมื่อพวกเขาตื่นขึ้น พวกเขาได้เห็นพระสิริของพระองค์และเห็นชายสองคนยืนอยู่กับพระองค์
|
||
|
\v 33 ขณะที่พวกเขากำลังไปจากพระเยซู เปโตรทูลพระองค์ว่า "พระอาจารย์ เป็นการดีที่พวกเราอยู่ที่นี่ ให้พวกเราทำเพิงขึ้นสามหลัง หลังหนึ่งสำหรับพระองค์ หลังหนึ่งสำหรับโมเสสและอีกหลังหนึ่งสำหรับเอลียาห์" (เขาไม่รู้ว่าเขากล่าวอะไรออกไป)
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 34 ขณะที่เขากำลังพูดอยู่นั้น หมู่เมฆก็มาปกคลุมพวกเขาไว้ และพวกเขาก็กลัวเมื่อเขาอยู่ในหมู่เมฆนั้น
|
||
|
\v 35 มีพระสุรเสียงตรัสออกมาจากหมู่เมฆนั้นว่า "นี่เป็นบุตรของเราซึ่งได้เลือกสรรไว้ จงเชื่อฟังท่านเถิด"
|
||
|
\v 36 เมื่อสิ้นพระสุรเสียงนั้น พระเยซูทรงอยู่เพียงลำพัง พวกเขาเก็บเงียบไว้และในช่วงเวลานั้นพวกเขาไม่ได้เล่าสิ่งที่พวกเขาได้เห็นให้ใครฟัง
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 37 วันต่อมา เมื่อพวกเขาลงมาจากภูเขา ฝูงชนกลุ่มใหญ่ก็มาพบกับพระองค์
|
||
|
\v 38 ดูเถิด มีชายคนหนึ่งจากฝูงชนนั้นร้องออกมาว่า "ท่านอาจารย์ ข้าพระองค์ขอให้ท่านทอดพระเนตรบุตรชายคนเดียวของข้าพระองค์
|
||
|
\v 39 ดูเถิด มีวิญญาณเข้าสิงเขาและเขาจะกรีดร้องทันที มันทำให้เขาชักทุรนทุราย น้ำลายฟูมปาก ไม่ค่อยยอมออกจากตัวเขา และทำให้เนื้อตัวเขาฟกช้ำ
|
||
|
\v 40 ข้าพระองค์ขอให้สาวกของพระองค์ขับมันออก แต่พวกเขาทำไม่ได้"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 41 พระเยซูจึงตรัสตอบว่า “พวกเจ้าที่อยู่ในยุคที่ขาดความเชื่อและวิปลาส เราจะต้องอยู่กับเจ้าทั้งหลายและอดทนเพราะพวกเจ้านานเท่าใด? จงพาบุตรชายของท่านมาที่นี่เถิด"
|
||
|
\v 42 เมื่อเด็กนั้นกำลังมา วิญญาณชั่วก็ทำให้เขาล้มลงบนพื้นและชักดิ้น แต่พระเยซูทรงห้ามวิญญาณโสโครกและทรงรักษาเด็กให้หาย แล้วส่งคืนให้บิดาเขา
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 43 แล้วพวกเขาทุกคนก็ประหลาดใจในความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า ขณะที่คนเหล่านั้นทั้งหมดกำลังอัศจรรย์ใจกับสิ่งทั้งปวงที่พระองค์ได้ทรงกระทำ พระองค์ตรัสกับเหล่าสาวกของพระองค์
|
||
|
\v 44 "จงให้คำเหล่านี้เข้าไปในหูของพวกท่าน คือบุตรมนุษย์จะถูกทรยศให้ตกอยู่ในมือมนุษย์"
|
||
|
\v 45 แต่พวกเขาไม่เข้าใจถึงความหมายนี้และมันถูกปิดซ่อนไว้จากพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถเข้าใจ และพวกเขาก็กลัวที่จะถามเรื่องนี้
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 46 แล้วก็เกิดการทะเลาะกันท่ามกลางพวกเขาว่าใครจะเป็นใหญ่ที่สุด
|
||
|
\v 47 แต่พระเยซูทรงทราบถึงความคิดในจิตใจของพวกเขา จึงทรงนำเด็กเล็กๆ คนหนึ่งมาไว้ข้างพระองค์
|
||
|
\v 48 และตรัสกับพวกเขาว่า "ถ้าผู้ใดต้อนรับเด็กคนนี้ในนามของเรา เขาก็ต้อนรับเราด้วย และถ้าผู้ใดต้อนรับเรา เขาก็ต้อนรับพระองค์ผู้ทรงส่งเรามาด้วย เพราะว่าใครก็ตามเป็นผู้เล็กน้อยที่สุดท่ามกลางท่านทั้งหลาย ก็คือผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 49 ยอห์นทูลตอบว่า "พระอาจารย์ พวกเราเห็นบางคนขับผีออกโดยนามของพระองค์ และพวกเราห้ามเขาไว้ เพราะว่าเขาไม่ได้ตามพวกเรามา"
|
||
|
\v 50 พระเยซูตรัสว่า "อย่าห้ามเขาเลย เพราะว่าผู้ที่ไม่ได้ต่อสู้ท่าน ก็เป็นฝ่ายท่านแล้ว"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 51 เมื่อใกล้วันที่พระองค์จะถูกรับขึ้นไป พระองค์ทรงมุ่งหน้าเสด็จไปยังกรุงเยรูซาเล็ม
|
||
|
\v 52 พระองค์ทรงใช้พวกผู้ส่งข่าวล่วงหน้าพระองค์ไปก่อน และพวกเขาจึงออกไปและเข้าไปในหมู่บ้านแห่งหนึ่งของชาวสะมาเรีย เพื่อจัดเตรียมทุกสิ่งสำหรับพระองค์
|
||
|
\v 53 แต่ว่าผู้คนที่นั่นไม่ต้อนรับพระองค์ เพราะว่าพระองค์กำลังมุ่งหน้าที่จะเสด็จไปยังกรุงเยรูซาเล็ม
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 54 เมื่อเหล่าสาวกของพระองค์คือยากอบและยอห์นได้เห็นดังนี้แล้วจึงทูลว่า "องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงต้องการให้พวกเราสั่งไฟจากสวรรค์ลงมาและเผาไหม้พวกเขาหรือไม่?"
|
||
|
\v 55 แต่พระองค์ทรงหันมาและตำหนิพวกเขา
|
||
|
\v 56 แล้วพวกเขาจึงไปที่หมู่บ้านอื่น
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 57 ขณะที่พวกเขาเดินไปตามทาง ก็มีบางคนทูลพระองค์ว่า "ข้าพระองค์จะตามพระองค์ไปในทุกที่ ที่พระองค์เสด็จไป"
|
||
|
\v 58 พระเยซูตรัสกับเขาว่า "หมาจิ้งจอกยังมีโพรงและนกในอากาศยังมีรัง แต่บุตรมนุษย์ไม่มีที่จะวางศีรษะของท่าน"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 59 แล้วพระองค์ตรัสกับอีกคนหนึ่งว่า "จงตามเรามาเถิด" แต่เขาทูลว่า "องค์พระผู้เป็นพระเจ้า ขอให้ข้าพระองค์ไปฝังศพบิดาของข้าพระองค์ก่อน"
|
||
|
\v 60 แต่พระเยซูตรัสกับเขาว่า "ปล่อยให้คนตายฝังคนตายของพวกเขาเองเถิด แต่สำหรับท่านจงไปและประกาศเกี่ยวกับราชอาณาจักรของพระเจ้าทุกหนทุกแห่ง"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 61 แล้วมีอีกคนหนึ่งทูลพระองค์ว่า "องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าจะตามพระองค์ไป แต่ขออนุญาตให้ข้าพระองค์ไปลาคนที่บ้านของข้าพระองค์ก่อน"
|
||
|
\v 62 พระเยซูตรัสกับเขาว่า "ผู้ใดเอามือของเขาจับคันไถแล้วหันหลังกลับ ผู้นั้นก็ไม่เหมาะกับราชอาณาจักรของพระเจ้า"
|
||
|
\s5
|
||
|
\c 10
|
||
|
\p
|
||
|
\v 1 ภายหลังเหตุการณ์เหล่านี้ องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงแต่งตั้งอีกเจ็ดสิบคน และส่งพวกเขาเป็นคู่ๆ ล่วงหน้าไปก่อนพระองค์ เข้าไปในทุกเมืองและทุกสถานที่ที่พระองค์จะเสด็จไป
|
||
|
\v 2 พระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า "ข้าวที่ต้องเก็บเกี่ยวมีมากมาย แต่คนงานมีน้อยอยู่ ฉะนั้นจงทูลขอต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าของการเก็บเกี่ยวนั้น ให้ส่งคนงานทั้งหลายมาเก็บเกี่ยวข้าวของพระองค์
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 3 จงออกไปตามทางของพวกท่าน ดูเถิดเราส่งพวกท่านออกไปเป็นเหมือนเหล่าลูกแกะในท่ามกลางฝูงหมาป่า
|
||
|
\v 4 อย่านำถุงเงิน ย่าม หรือรองเท้าไป และอย่าทักทายผู้ใดตามทาง
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 5 เมื่อท่านทั้งหลายเข้าไปในบ้านหลังใด ให้พูดก่อนว่า 'ขอให้สันติสุขอยู่กับบ้านหลังนี้'
|
||
|
\v 6 ถ้ามีคนแห่งสันติสุขอยู่ที่นั่น สันติสุขของพวกท่านก็จะอยู่กับเขา แต่ถ้าไม่มี สันติสุขจะกลับคืนมาอยู่กับพวกท่าน
|
||
|
\v 7 จงอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน จงรับประทานและดื่มสิ่งที่พวกเขาจัดให้ เพราะคนงานสมควรได้รับค่าจ้าง อย่าย้ายจากบ้านหลังหนึ่งไปอีกหลังหนึ่ง
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 8 ไม่ว่าท่านจะเข้าไปยังเมืองใด และพวกเขาต้อนรับท่าน จงรับประทานอาหารที่พวกเขาจัดให้ท่าน
|
||
|
\v 9 และจงรักษาคนเจ็บป่วยในที่นั่น บอกแก่พวกเขาว่า 'ราชอาณาจักรของพระเจ้ามาใกล้ท่านแล้ว'
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 10 แต่เมื่อพวกท่านเข้าไปในเมืองใด และพวกเขาไม่ต้อนรับพวกท่าน ให้ออกไปที่ถนนและกล่าวว่า
|
||
|
\v 11 'แม้แต่ฝุ่นจากเมืองของเจ้าที่ติดเท้าของพวกเรามา เราขอปัดออกต่อหน้าเจ้า แต่จงรู้ไว้ว่า ราชอาณาจักรของพระเจ้ามาใกล้แล้ว'
|
||
|
\v 12 เราบอกท่านว่าในวันพิพากษา โทษของเมืองโสโดมก็จะเบากว่าโทษของเมืองนั้น
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 13 วิบัติแก่เจ้าเมืองโคราซิน วิบัติแก่เจ้าเมืองเบธไซดา ถ้าการงานที่ยิ่งใหญ่เหล่านั้นซึ่งได้กระทำ ท่ามกลางเจ้าได้ทำในเมืองไทระและเมืองไซดอนแล้วนั้น พวกเขาคงจะนุ่งห่มผ้ากระสอบและนั่งบนขี้เถ้า กลับใจใหม่นานแล้ว
|
||
|
\v 14 แต่โทษของเมืองไทระและเมืองไซดอนจะเบากว่าโทษของพวกเจ้าในการพิพากษา
|
||
|
\v 15 ส่วนเจ้า เมืองคาเปอรนาอุม เจ้าคิดว่าเจ้าจะถูกยกขึ้นสูงถึงฟ้าสวรรค์หรือ?ไม่เลย เจ้าจะถูกนำลงไปยังแดนมรณา
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 16 ผู้ที่ฟังพวกท่านก็ฟังเรา และผู้ที่ปฏิเสธพวกท่านก็ปฏิเสธเรา ผู้ที่ปฏิเสธเราก็ปฏิเสธพระองค์ผู้ทรงส่งเรามา"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 17 พวกสาวกเจ็ดสิบคนกลับมาด้วยความชื่นชมยินดี กล่าวว่า "องค์พระผู้เป็นเจ้า แม้แต่เหล่าวิญญาณชั่วก็ยอมต่อพวกเราในนามของพระองค์"
|
||
|
\v 18 พระเยซูตรัสกับพวกเขาว่า "เราได้เห็นซาตานตกลงมาจากฟ้าเหมือนฟ้าแลบ
|
||
|
\v 19 ดูเถิด เราให้ท่านทั้งหลายมีอำนาจที่จะบดขยี้งูร้าย และแมงป่อง และอยู่เหนืออำนาจของศัตรู และไม่มีอะไรจะหาทางทำร้ายพวกท่านได้เลย
|
||
|
\v 20 แต่อย่างไรก็ตาม อย่าชื่นชมยินดีในสิ่งนี้ ที่วิญญาณต่างๆ ยอมสยบให้พวกท่าน แต่จงชื่นชมยินดีที่ว่าชื่อของพวกท่านถูกจดไว้ในสวรรค์”
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 21 ในขณะเดียวกัน พระองค์ทรงยินดีอย่างมากในพระวิญญาณบริสุทธิ์ และตรัสว่า "ข้าพระองค์สรรเสริญพระองค์ ข้าแต่พระบิดา องค์พระผู้เป็นเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก เพราะพระองค์ได้ทรงปิดบังสิ่งเหล่านี้ไว้จากคนฉลาดและคนที่มีความเข้าใจ และได้ทรงเปิดเผยสิ่งนั้นให้แก่บรรดาคนที่ไม่ได้รับการสอน ซึ่งเป็นเหมือนเด็กเล็กๆ ข้าแต่พระบิดา ที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะเป็นที่ชอบพระทัยในสายพระเนตรของพระองค์"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 22 "พระบิดาของเราได้มอบทุกสิ่งให้แก่เรา และไม่มีใครรู้ว่าพระบุตรเป็นผู้ใดนอกจากพระบิดา และไม่มีใครรู้ว่าพระบิดาเป็นผู้ใดนอกจากพระบุตร และผู้ที่พระบุตรประสงค์จะเปิดเผยแก่เขา"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 23 แล้วพระองค์ทรงหันไปยังเหล่าสาวก และตรัสเป็นส่วนตัวว่า "บรรดาผู้ที่เห็นแบบเดียวกับที่พวกท่านเห็นก็เป็นสุข
|
||
|
\v 24 เราบอกกับพวกท่านว่า บรรดาผู้เผยพระวจนะและบรรดากษัตริย์ทั้งหลายปรารถนาจะเห็นสิ่งที่พวกท่านเห็น แต่พวกเขาก็ไม่ได้เห็น และปรารถนาที่จะได้ยินสิ่งที่พวกท่านได้ยิน แต่พวกเขาก็ไม่ได้ยินสิ่งนั้น"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 25 ดูเถิด มีอาจารย์สอนธรรมบัญญัติของพวกยิวคนหนึ่ง ยืนขึ้นทดสอบพระองค์ว่า "ท่านอาจารย์ ข้าพเจ้าต้องทำอย่างไรจึงจะได้รับชีวิตนิรันดร์?"
|
||
|
\v 26 พระเยซูตรัสกับเขาว่า "ธรรมบัญญัติเขียนไว้ว่าอย่างไร? ท่านอ่านได้ว่าอย่างไร?"
|
||
|
\v 27 เขาจึงตอบว่า "ท่านจงรักองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของท่านด้วยสุดใจของท่าน ด้วยสุดจิตของท่าน ด้วยสุดกำลังของท่าน และด้วยสุดความคิดของท่าน และจงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง"
|
||
|
\v 28 พระเยซูตรัสกับเขาว่า "ท่านตอบได้ถูกต้อง จงทำตามนี้ แล้วท่านจะได้ชีวิต"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 29 แต่อาจารย์คนนั้น อยากจะพิสูจน์ตนเอง จึงทูลพระเยซูว่า "ใครเป็นเพื่อนบ้านของข้าพเจ้า?"
|
||
|
\v 30 พระเยซูตรัสตอบเขาว่า "มีชายคนหนึ่งเดินทางลงมาจากกรุงเยรูซาเล็มเพื่อไปยังเมืองเยรีโค เขาถูกพวกโจรปล้น โจรนั้นได้แย่งชิงทรัพย์สินของเขาไป และทุบตีเขา และทิ้งเขาไว้เกือบจะตายแล้ว
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 31 โดยบังเอิญมีปุโรหิตคนหนึ่งเดินลงมาทางนั้น และเมื่อเขาได้เห็นคนนั้น เขาก็เลยไปเสียอีกฟากหนึ่ง
|
||
|
\v 32 เช่นเดียวกับเลวีคนหนึ่ง เมื่อเขามาถึงที่นั่น และเห็นคนนั้น ก็เลยไปเสียอีกฟากหนึ่ง
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 33 แต่มีชาวสะมาเรียคนหนึ่ง เขาเดินทางมาถึงที่คนนั้นอยู่ เมื่อเขาเห็นคนนั้น เขาก็เกิดความสงสาร
|
||
|
\v 34 เขาจึงเดินเข้าไปหาคนนั้น และพันบาดแผลของเขา เทน้ำมันและเหล้าองุ่นลงที่บาดแผล เขาให้คนนั้นขึ้นหลังสัตว์ของตนเอง และพาคนนั้นไปที่โรงแรม และดูแลเขา
|
||
|
\v 35 ในวันถัดมา เขาก็เอาเงินสองเดนาริอันให้แก่เจ้าของโรงแรม และบอกว่า 'จงดูแลเขา และหากท่านต้องจ่ายอะไรเพิ่มเติม เมื่อข้าพเจ้ากลับมา ข้าพเจ้าจะจ่ายคืนให้ท่าน'
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 36 ท่านคิดว่าคนใดในสามคนนี้เป็นเพื่อนบ้านของคนที่ถูกโจรปล้น?"
|
||
|
\v 37 อาจารย์คนนั้นก็ตอบว่า "ชายคนที่แสดงความเมตตาให้แก่คนนั้น" พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า "จงไปทำแบบเดียวกันเถิด"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 38 ในขณะเมื่อพวกเขาเดินทาง พระองค์ก็เข้าไปยังหมู่บ้านหนึ่ง และมีผู้หญิงคนหนึ่งชื่อมารธามาเชิญพระองค์เข้าไปในบ้านของเธอ
|
||
|
\v 39 เธอมีน้องสาวชื่อมารีย์ ซึ่งเป็นผู้ที่นั่งแทบพระบาทขององค์พระผู้เป็นเจ้าและฟังถ้อยคำของพระองค์
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 40 แต่มารธายุ่งอยู่กับการจัดเตรียมอาหารมากเกินไป เธอจึงได้มาหาพระเยซู และทูลว่า "องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ไม่สนใจหรือว่าน้องสาวของข้าพเจ้าปล่อยให้ข้าพเจ้าปรนนิบัติแต่เพียงผู้เดียว? ฉะนั้นขอบอกให้เธอมาช่วยงานข้าพเจ้าด้วย"
|
||
|
\v 41 แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสตอบเธอว่า "มารธา มารธาเอ๋ย เธอกังวลเกี่ยวกับหลายสิ่งหลายอย่าง
|
||
|
\v 42 แต่สิ่งที่จำเป็นนั้นมีแต่สิ่งเดียว มารีย์ได้เลือกเอาสิ่งที่ดีที่สุดไว้ ซึ่งจะเอาไปจากเธอไม่ได้"
|
||
|
\s5
|
||
|
\c 11
|
||
|
\p
|
||
|
\v 1 เมื่อพระเยซูกำลังอธิษฐานอยู่ที่แห่งหนึ่ง สาวกคนหนึ่งของพระองค์ทูลพระองค์ว่า "องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงสอนเราให้อธิษฐานเหมือนกับที่ยอห์นสอนศิษย์ของเขาด้วย"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 2 พระเยซูตรัสกับพวกเขาว่า "เมื่อท่านอธิษฐาน จงกล่าวว่า 'ข้าแต่พระบิดา ขอให้พระนามของพระองค์เป็นที่เคารพสักการะ ขอให้ราชอาณาจักรของพระองค์มาตั้งอยู่
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 3 ขอทรงโปรดประทานอาหารประจำวันแก่เราทั้งหลาย
|
||
|
\v 4 ขอทรงโปรดยกความผิดบาปของเราทั้งหลาย เหมือนที่พวกเราได้ยกโทษแก่ทุกคนที่เป็นหนี้พวกเรา ขออย่านำเราทั้งหลายเข้าสู่การทดลอง'"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 5 พระเยซูตรัสกับพวกเขาว่า "ผู้ใดในพวกท่านที่มีเพื่อน และไปหาเขาตอนเที่ยงคืน พูดกับเขาว่า 'เพื่อนเอ๋ย ให้เรายืมขนมปังสักสามก้อนเถิด
|
||
|
\v 6 เพื่อนของข้าเพิ่งเดินทางมาจากที่แห่งหนึ่ง และข้าก็ไม่ได้เตรียมอะไรไว้ต้อนรับเขาเลย'?
|
||
|
\v 7 และคนที่อยู่ข้างในอาจตอบว่า 'อย่ารบกวนข้าเลย ประตูปิดแล้ว และลูกๆ ของข้าก็กำลังอยู่บนที่นอนกับข้า ข้าไม่สามารถลุกขึ้นเพื่อหยิบขนมปังให้ท่านได้'
|
||
|
\v 8 เราบอกกับท่านทั้งหลายว่า ถึงแม้เขาไม่ลุกขึ้นหยิบขนมปังให้พวกท่าน เพราะพวกท่านเป็นเพื่อนของเขา แต่เพราะการร้องขออย่างไม่ลดละของพวกท่าน เขาก็จะลุกขึ้นและเอาขนมปังให้ท่านมากเท่าที่ท่านต้องการ
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 9 เราบอกกับท่านทั้งหลายว่า จงขอ แล้วจะมอบให้แก่พวกท่าน จงหา แล้วพวกท่านจะพบ จงเคาะ แล้วจะเปิดให้แก่ท่านทั้งหลาย
|
||
|
\v 10 เพราะว่าทุกคนที่ขอก็จะได้รับ และคนที่หาก็จะพบ และคนที่เคาะก็จะเปิดให้
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 11 มีบิดาคนใดท่ามกลางพวกท่าน ถ้าบุตรของพวกท่านขอปลา จะเอางูให้เขาแทนปลาหรือ?
|
||
|
\v 12 หรือเมื่อเขาขอไข่ พวกท่านจะเอาแมงป่องให้เขาหรือ?
|
||
|
\v 13 เหตุฉะนั้น ถ้าพวกท่านซึ่งเป็นคนชั่ว ยังรู้จักให้สิ่งดีแก่บุตรของตน แล้วยิ่งกว่านั้นพระบิดาของพวกท่านในสวรรค์ย่อมประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์แก่บรรดาผู้ที่ทูลขอต่อพระองค์?"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 14 ขณะที่พระเยซูทรงกำลังขับผีร้ายออกซึ่งเป็นผีใบ้ เมื่อผีออกแล้ว ชายที่เป็นใบ้นั้นจึงพูดได้ และฝูงชนก็ประหลาดใจ
|
||
|
\v 15 แต่บางคนในคนเหล่านั้นพูดว่า "ขับผีออกได้โดยอาศัยเบเอลเซบูล นายผีนั้น"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 16 คนอื่นๆ ก็ทดสอบพระองค์โดยขอให้พระองค์แสดงหมายสำคัญจากท้องฟ้า
|
||
|
\v 17 แต่พระเยซูทรงรู้ถึงความคิดของพวกเขาจึงตรัสว่า "อาณาจักรทุกแห่งที่แตกแยกกันย่อมต้องพินาศ และครอบครัวไหนที่แตกแยกกันเองย่อมพังทลาย
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 18 ถ้าซาตานแตกแยกกันเอง อาณาจักรของมันจะตั้งอยู่ได้อย่างไร? เพราะพวกท่านกล่าวว่าเราขับผีออกได้โดยอาศัยเบเอลเซบูล
|
||
|
\v 19 ถ้าเราขับผีออกโดยอาศัยเบเอลเซบูล แล้วพวกพ้องของพวกท่านขับมันออกโดยอาศัยใคร? เพราะเหตุนี้ พวกพ้องของพวกท่านจะเป็นผู้ตัดสินโทษท่าน
|
||
|
\v 20 แต่ถ้าเราได้ขับผีนั้นออกโดยนิ้วพระหัตถ์ของพระเจ้า แล้วราชอาณาจักรของพระเจ้าก็มาถึงพวกท่านแล้ว
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 21 เมื่อคนที่แข็งแรงถืออาวุธพร้อมและเฝ้าระวังบ้านของตน ทรัพย์สินของเขาก็ปลอดภัย
|
||
|
\v 22 แต่เมื่อคนที่แข็งแรงกว่าเขาเอาชนะเขาได้ คนที่แข็งแรงกว่าก็จะยึดอาวุธไปจากชายคนนั้นและปล้นเอาสมบัติของคนนั้นไป
|
||
|
\v 23 ใครไม่อยู่ฝ่ายเราก็ต่อต้านเรา และใครไม่รวบรวมไว้กับเรา ก็ทำให้กระจัดกระจายไป
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 24 เมื่อวิญญาณโสโครกออกจากชายคนหนึ่ง มันก็ได้เดินทางผ่านไปยังที่กันดารน้ำและมองหาที่พัก เมื่อหาไม่พบ มันจึงพูดว่า 'ข้าจะกลับไปยังบ้านของข้าที่ข้าจากมานั้น'
|
||
|
\v 25 เมื่อมาถึงก็เห็นบ้านนั้นถูกกวาดและจัดเป็นระเบียบไว้แล้ว
|
||
|
\v 26 แล้วมันจึงไปและพาผีอื่นอีกเจ็ดตัวที่ร้ายกว่าตัวมันเองเข้าไปอาศัยอยู่ที่นั่น แล้วในที่สุดคนนั้นก็ตกอยู่ในสภาพที่เลวร้ายยิ่งกว่าตอนแรก"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 27 ขณะที่พระองค์กำลังตรัสคำเหล่านั้น มีผู้หญิงคนหนึ่งที่อยู่ท่ามกลางฝูงชนร้องทูลพระองค์ว่า “ครรภ์ที่ให้กำเนิดท่านและเต้านมที่เลี้ยงท่านนั้นก็เป็นสุข"
|
||
|
\v 28 แต่พระองค์ตรัสว่า "ตรงกันข้าม คนทั้งหลายที่ได้ยินพระวจนะของพระเจ้าแล้วถือรักษาไว้ต่างหากที่เป็นสุข"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 29 เมื่อฝูงชนเริ่มมาชุมนุมกันมากขึ้น พระองค์ตรัสว่า "ชนชาติยุคนี้เป็นยุคที่ชั่วร้าย ชอบแสวงหาหมายสำคัญ แต่จะไม่มีหมายสำคัญอันใดเปิดเผย เว้นแต่หมายสำคัญของโยนาห์
|
||
|
\v 30 เพราะโยนาห์เป็นหมายสำคัญแก่ชาวนีนะเวห์ฉันใด บุตรมนุษย์ก็เป็นหมายสำคัญแก่คนยุคนี้ฉันนั้น
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 31 ราชินีแห่งทิศใต้จะลุกขึ้นในการพิพากษาพร้อมกับผู้ชายในยุคนี้และลงโทษคนในยุคนี้ เพราะเธอได้มาจากที่สุดปลายแผ่นดินโลกเพื่อจะฟังสติปัญญาของซาโลมอน และดูเถิด ผู้ที่ยิ่งใหญ่กว่าซาโลมอนก็อยู่ที่นี่
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 32 ผู้คนแห่งเมืองนีนะเวห์จะลุกขึ้นในวันพิพากษาพร้อมกับคนในยุคนี้และจะปรับโทษคนในยุคนี้ เมื่อพวกเขากลับใจเพราะการประกาศของโยนาห์ และดูเถิด ผู้ที่ยิ่งใหญ่กว่าโยนาห์ก็อยู่ที่นี่
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 33 ไม่มีใครหลังจากจุดตะเกียงแล้วจะตั้งไว้ในที่ซ่อนไว้หรือเอาถังครอบไว้ แต่จะตั้งไว้บนเชิงตะเกียง เพื่อคนที่เข้ามาจะเห็นแสงสว่าง
|
||
|
\v 34 ดวงตาของพวกท่านคือประทีปของร่างกาย หากตาของพวกท่านดี ร่างกายของพวกท่านทั้งร่างกายก็จะเต็มไปด้วยความสว่าง แต่เมื่อตาของท่านเสีย ร่างกายของท่านก็จะเต็มไปด้วยความมืด
|
||
|
\v 35 เหตุฉะนั้น จงระวังอย่าให้แสงสว่างในตัวพวกท่านมืดไป
|
||
|
\v 36 ถ้าทั้งตัวของพวกท่านเต็มไปด้วยความสว่างไม่มีความมืดเลย มันก็จะสว่างไสวไปหมดเหมือนอย่างความสว่างของตะเกียงที่ส่องมายังพวกท่าน
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 37 เมื่อพระองค์ตรัสเสร็จแล้ว ฟาริสีคนหนึ่งได้เชิญพระองค์ไปรับประทานอาหารที่บ้านของเขา เมื่อพระเยซูไปถึงและเอนกายลง
|
||
|
\v 38 ฟาริสีคนนั้นก็ประหลาดใจที่พระองค์ไม่ได้ล้างมือก่อนจะรับประทานมื้อเย็น
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 39 แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับเขาว่า "บัดนี้ พวกท่านซึ่งเป็นฟาริสี ชำระถ้วยและชามแต่เพียงภายนอก แต่ข้างในตัวพวกท่านกลับเต็มไปด้วยความโลภและความชั่วร้าย
|
||
|
\v 40 พวกท่านช่างโง่เขลาเสียจริง ผู้ที่สร้างภายนอกก็สร้างภายในด้วยมิใช่หรือ?
|
||
|
\v 41 จงให้ทานแก่คนยากจนด้วยสิ่งที่อยู่ภายใน แล้วทุกสิ่งก็จะสะอาดสำหรับพวกท่าน
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 42 แต่วิบัติแก่ท่าน พวกฟาริสี เพราะท่านได้ถวายทศางค์ด้วยใบสะระแหน่ ขมิ้น และพืชผักอื่นๆ จากสวน แต่ท่านได้เพิกเฉยต่อความยุติธรรมและความรักของพระเจ้า มีความจำเป็นต้องกระทำอย่างยุติธรรมและรักพระเจ้า โดยไม่บกพร่องในการทำสิ่งอื่นๆด้วย
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 43 วิบัติแก่ท่าน พวกฟาริสี เพราะว่าพวกท่านชอบที่นั่งอันมีเกียรติในธรรมศาลา และชอบให้คำนับทักทายกลางตลาด
|
||
|
\v 44 วิบัติแก่พวกท่าน เพราะว่าพวกท่านเป็นเหมือนอุโมงค์ฝังศพที่ไม่ปรากฏให้เห็น และคนก็เดินเหยียบอยู่บนนั้นโดยไม่รู้เรื่อง”
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 45 คนหนึ่งในผู้สอนธรรมบัญญัติทูลพระองค์ว่า "อาจารย์ สิ่งที่ท่านพูดก็สบประมาทพวกเราด้วย"
|
||
|
\v 46 พระเยซูตรัสว่า "วิบัติแก่พวกท่าน พวกผู้สอนธรรมบัญญัติ เพราะพวกท่านวางภาระหนักที่แบกแทบไม่ไหวให้ผู้คน ส่วนพวกท่านเองแม้แต่นิ้วๆ เดียวก็ไม่ขยับช่วยพวกเขา
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 47 วิบัติแก่พวกท่าน เพราะพวกท่านสร้างอุโมงค์ฝังศพให้เหล่าผู้เผยพระวจนะ และบรรพบุรุษของท่านเองก็เป็นผู้ฆ่าท่านเหล่านั้น
|
||
|
\v 48 ฉะนั้นพวกท่านจึงเป็นพยานและเห็นชอบกับการกระทำของบรรพบุรุษของพวกท่าน เพราะว่าพวกเขาเป็นผู้ฆ่าผู้เผยพระวจนะเหล่านั้น และพวกท่านก็เป็นผู้ก่ออุโมงค์ให้
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 49 เพราะเหตุนี้พระปัญญาของพระเจ้าจึงตรัสไว้ว่า 'เราจะส่งพวกผู้เผยพระวจนะและบรรดาอัครทูตไปหาพวกเขา แล้วบางคนจะถูกพวกเขาข่มเหง และบางคนจะถูกพวกเขาฆ่า'
|
||
|
\v 50 ฉะนั้นคนยุคนี้จะต้องรับผิดชอบโลหิตของผู้เผยพระวจนะเหล่านั้นซึ่งหลั่งออกมาตั้งแต่แรกสร้างโลก
|
||
|
\v 51 ตั้งแต่โลหิตของอาแบลจนถึงโลหิตของเศคาริยาห์ที่ถูกฆ่าตายบริเวณระหว่างแท่นบูชากับพระนิเวศ เราบอกพวกท่านว่า คนยุคนี้จะต้องรับผิดชอบในโลหิตนั้น
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 52 วิบัติแก่เจ้า พวกผู้สอนธรรมบัญญัติของคนยิว เพราะพวกท่านได้เอากุญแจแห่งความรู้ไป พวกท่านเองไม่เข้าไป แล้วยังขัดขวางคนอื่นที่กำลังเข้าไป
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 53 หลังจากพระเยซูเสด็จออกจากที่นั่น พวกธรรมาจารย์และพวกฟาริสีได้ต่อต้านและโต้เถียงกับพระองค์อีกหลายเรื่อง
|
||
|
\v 54 พยายามจะให้พระองค์ติดกับดักจากคำตรัสของพระองค์
|
||
|
\s5
|
||
|
\c 12
|
||
|
\p
|
||
|
\v 1 ในระหว่างนั้น เมื่อคนหลายพันคนมารวมตัวกัน มากจนพวกเขาต้องเบียดเสียดกันอยู่ พระองค์เริ่มตรัสกับเหล่าสาวกของพระองค์ก่อนว่า "จงระวังเชื้อของพวกฟาริสีซึ่งเป็นความหน้าซื่อใจคด
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 2 แต่ไม่มีความลับใดที่จะไม่ถูกเปิดเผยและไม่มีสิ่งใดที่ซุกซ่อนไว้จะไม่ถูกล่วงรู้
|
||
|
\v 3 ไม่ว่าอะไรที่พวกท่านพูดในที่มืดก็จะถูกได้ยินในที่แจ้ง และสิ่งที่พวกท่านกระซิบที่หูในห้องชั้นในก็จะถูกป่าวประกาศที่หลังคาบ้าน
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 4 เราบอกแก่พวกท่านที่เป็นเพื่อนของเราว่า อย่ากลัวผู้ที่ฆ่าได้แต่ร่างกาย แล้วหลังจากนั้นพวกเขาก็ไม่มีอะไรที่จะทำได้อีก
|
||
|
\v 5 แต่เราอยากจะเตือนพวกท่านเกี่ยวกับผู้ที่ควรกลัว จงเกรงกลัวพระองค์ผู้ทรงมีฤทธิ์อำนาจที่จะโยนพวกท่านลงนรกหลังจากได้ฆ่ากายของพระองค์แล้ว เราบอกพวกท่านว่าจงเกรงกลัวพระองค์
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 6 นกกระจอกห้าตัวขายสองเหรียญไม่ใช่หรือ? ไม่มีสักตัวที่ถูกลืมในสายพระเนตรของพระเจ้า
|
||
|
\v 7 แม้แต่เส้นผมที่บนศีรษะของพวกท่านก็ถูกนับไว้หมดแล้ว อย่ากลัวเลย พวกท่านมีค่ามากกว่าพวกนกกระจอกมากมายนัก
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 8 เราบอกท่านทั้งหลายว่า ทุกคนที่ยอมรับเราต่อหน้ามนุษย์ บุตรมนุษย์ก็จะยอมรับต่อหน้าทูตสวรรค์ของพระเจ้า
|
||
|
\v 9 แต่ผู้ที่ปฏิเสธเราต่อหน้ามนุษย์ก็จะถูกปฏิเสธต่อหน้าทูตสวรรค์ของพระเจ้าด้วยเช่นกัน
|
||
|
\v 10 ทุกคนที่กล่าวร้ายบุตรมนุษย์ จะทรงอภัยให้ แต่ผู้ใดหมิ่นประมาทพระวิญญาณบริสุทธิ์ จะไม่ทรงอภัยให้
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 11 เมื่อเขาทั้งหลายนำพวกท่านเข้ามาอยู่หน้าธรรมศาลา ต่อหน้าผู้ปกครองและผู้มีอำนาจ อย่ากังวลว่าพวกท่านจะพูดแก้ต่างให้ตนเองอย่างไร หรือพวกท่านจะพูดอะไร
|
||
|
\v 12 เพราะพระวิญญาณบริสุทธิ์จะสอนพวกท่านในเวลานั้นเองว่าพวกท่านควรจะพูดอะไร"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 13 แล้วมีบางคนในฝูงชนทูลกับพระองค์ว่า "ท่านอาจารย์ ช่วยบอกพี่ชายของข้าพเจ้าให้แบ่งมรดกให้ข้าพเจ้าด้วย"
|
||
|
\v 14 พระเยซูตรัสกับเขาว่า "มนุษย์เอ๋ย ใครตั้งเราให้เป็นผู้พิพากษาหรือผู้ไกล่เกลี่ยให้แก่ท่าน?"
|
||
|
\v 15 พระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า "จงระวังตัวของพวกท่านจากความโลภทุกอย่าง เพราะชีวิตคนไม่ได้ประกอบด้วยทรัพย์สมบัติอันอุดมของเขา"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 16 แล้วพระเยซูตรัสกับพวกเขาด้วยคำอุปมาว่า "ไร่นาของเศรษฐีคนหนึ่งเกิดผลบริบูรณ์มาก
|
||
|
\v 17 และเขาก็คิดกับตนเองว่า "ข้าจะทำอย่างไรดี เพราะว่าข้าไม่มีที่ให้เก็บผลผลิตของข้าแล้ว?'
|
||
|
\v 18 เขาพูดว่า 'สิ่งที่ข้าจะทำก็คือ ข้าจะรื้อยุ้งฉางของข้าออกและสร้างหลังใหม่ให้ใหญ่กว่าเดิม และข้าจะรวบเก็บรวมข้าวและสิ่งของอื่นๆ ทั้งหมดของข้าไว้ในนั้น
|
||
|
\v 19 ข้าจะบอกกับจิตใจของข้าว่า "จิตใจเอ๋ย เจ้ามีสิ่งของมากมายที่ถูกรวบรวมไว้ใช้ได้อีกหลายปี จงพักให้สบาย กิน ดื่มและรื่นเริงเถิด"'
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 20 แต่พระเจ้าตรัสแก่เขาว่า 'คนโง่เอ๋ย คืนนี้จิตใจของเจ้าจะถูกเรียกไปจากเจ้า และสิ่งต่างๆ ที่เจ้าตระเตรียมไว้นั้นจะเป็นของใคร?'
|
||
|
\v 21 คนที่สะสมทรัพย์สมบัติไว้สำหรับตัว และไม่ได้มั่งมีต่อหน้าพระเจ้าก็เป็นเช่นนั้น"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 22 พระเยซูตรัสกับเหล่าสาวกของพระองค์ว่า "ดังนั้น เราบอกพวกท่านว่า อย่ากังวลถึงชีวิตของพวกท่าน ว่าพวกท่านจะกินอะไร หรือห่วงร่างกายของตนเองว่าพวกท่านจะเอาอะไรใส่
|
||
|
\v 23 เพราะชีวิตมีค่ามากกว่าอาหาร และร่างกายก็มีค่ามากกว่าเครื่องนุ่งห่ม
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 24 จงพิจารณาดูฝูงกา พวกมันไม่ได้หว่านหรือเกี่ยว พวกมันไม่มีที่เก็บหรือยุ้งฉาง แต่พระเจ้าทรงเลี้ยงดูพวกมัน พวกท่านมีค่ามากกว่าพวกนกเหล่านั้นมากนัก
|
||
|
\v 25 มีใครในพวกท่าน โดยความกระวนกระวาย สามารถต่อความสูงให้ยาวออกไปอีกศอกหนึ่งได้หรือ?
|
||
|
\v 26 ถ้าสิ่งเล็กน้อยที่สุดพวกท่านยังทำไม่ได้ พวกท่านยังจะกระวนกระวายถึงสิ่งอื่นทำไมอีกเล่า?
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 27 จงพิจารณาดูดอกลิลลี่ว่ามันเติบโตขึ้นอย่างไร มันไม่ได้ทำงาน มันไม่ได้ปั่นฝ้าย เราบอกพวกท่านว่า แม้แต่ซาโลมอนที่บริบูรณ์ด้วยสง่าราศีของพระองค์ ก็ไม่ได้แต่งตัวงามเท่าดอกไม้นี้สักดอกหนึ่ง
|
||
|
\v 28 ถ้าพระเจ้าทรงตกแต่งหญ้าที่ทุ่งนาอย่างนั้น ซึ่งเป็นอยู่วันนี้และรุ่งขึ้นต้องทิ้งในเตาไฟ โอ พวกที่มีความเชื่อน้อย พระองค์จะทรงตกแต่งท่านยิ่งกว่านั้นมากนัก
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 29 อย่าแสวงหาว่าพวกท่านจะเอาอะไรกิน และพวกท่านจะเอาอะไรดื่ม และไม่ต้องวิตกกังวล
|
||
|
\v 30 เพราะบรรดาประชาชาติทั้งหลายในโลกพากันแสวงหาสิ่งเหล่านี้ และพระบิดาของพวกท่านก็ทรงทราบว่าพวกท่านต้องการสิ่งต่างๆ เหล่านี้
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 31 แต่จงแสวงหาราชอาณาจักรของพระองค์ และสิ่งเหล่านี้จะถูกเพิ่มเติมให้แก่พวกท่าน
|
||
|
\v 32 อย่ากลัวเลย ฝูงลูกแกะเล็กน้อย เพราะพระบิดาของพวกท่านทรงพอพระทัยที่จะประทานราชอาณาจักรให้แก่พวกท่าน
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 33 จงขายทรัพย์สมบัติของท่านและแจกจ่ายให้กับคนยากจน จงทำถุงใส่เงินที่ไม่รู้จักเก่าสำหรับตนเอง คือทรัพย์สมบัติในสวรรค์ที่ไม่รู้จักหมด ที่ขโมยไม่สามารถเข้าใกล้และไม่มีแมลงมาทำลาย
|
||
|
\v 34 เพราะว่าทรัพย์สมบัติของพวกท่านอยู่ที่ไหน ใจของพวกท่านก็อยู่ที่นั่นด้วย
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 35 จงเอาคาดเอวเสื้อคลุมของท่านไว้ และให้ตะเกียงของท่านจุดอยู่
|
||
|
\v 36 จงเป็นเหมือนคนที่คอยรับนายของตนเมื่อนายจะกลับมาจากงานสมรส เพื่อว่าเมื่อนายมาและเคาะประตูแล้วพวกเขาจะเปิดให้นายได้ทันที
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 37 บ่าวพวกนั้นซึ่งนายมาพบว่ากำลังคอยเฝ้าเจ้านายอยู่ก็เป็นสุข เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า นายผู้นั้นจะคาดเอวไว้และให้บ่าวพวกนั้นนั่งลงที่โต๊ะ และนายนั้นจะมาปรนนิบัติพวกเขา
|
||
|
\v 38 ถ้านายมาเวลาสองยามหรือสามยามและพบว่าบ่าวกำลังคอยเฝ้าอยู่ บ่าวพวกนั้นก็เป็นสุข
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 39 แต่จงเข้าใจอย่างนี้ว่า ถ้าเจ้าของบ้านรู้ก่อนว่าขโมยจะมาเวลาไหน เขาจะตื่นอยู่และระวังไม่ให้ทะลวงบ้านของเขาได้
|
||
|
\v 40 จงเตรียมพร้อม เพราะพวกท่านไม่รู้ว่าเวลาใดที่บุตรมนุษย์จะเสด็จมา
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 41 เปโตรทูลว่า "องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์กำลังตรัสคำอุปมานี้แก่พวกเราหรือแก่ทุกคน?"
|
||
|
\v 42 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า "ใครเป็นพ่อบ้านซื่อสัตย์และฉลาด ที่นายตั้งไว้เหนือพวกคนรับใช้อื่นๆ เพื่อแจกอาหารตามเวลา?
|
||
|
\v 43 เมื่อนายมาพบเขาทำอย่างนั้น บ่าวคนนั้นก็จะเป็นสุข
|
||
|
\v 44 เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า เจ้านายจะตั้งเขาให้ดูแลทรัพย์สมบัติทั้งหมดของท่านที่มีอยู่
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 45 แต่ถ้าบ่าวคนนั้นคิดในใจว่า 'นายของข้าคงจะกลับมาช้า' แล้วเริ่มต้นโบยตีบรรดาบ่าวชายหญิง และกินดื่มเมามาย
|
||
|
\v 46 นายของบ่าวคนนั้นจะมาในวันที่เขาไม่คาดคิด ในเวลาที่เขาไม่รู้ และจะลงโทษเขาอย่างหนัก และจะขับไล่ให้ไปอยู่ในที่ของพวกที่ไม่สัตย์ซื่อ
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 47 บ่าวคนที่รู้ใจนายและไม่ได้เตรียมตัวไว้ ไม่ได้ทำตามใจของนาย จะต้องถูกเฆี่ยนอย่างหนัก
|
||
|
\v 48 แต่คนที่ไม่รู้ แล้วทำสิ่งที่สมควรจะถูกเฆี่ยน เขาก็จะถูกเฆี่ยนเพียงเล็กน้อย แต่ทุกคนที่ได้รับมาก จะต้องเรียกเอาจากคนเหล่านั้นมาก และคนที่ได้รับฝากไว้มาก ก็จะต้องทวงเอาจากคนนั้นมาก
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 49 เรามาเพื่อจะให้ไฟเกิดขึ้นที่แผ่นดินโลก และเราอยากให้ไฟนั้นลุกขึ้นแล้ว
|
||
|
\v 50 แต่เราจะต้องรับบัพติศมาอย่างหนึ่ง และเราเป็นทุกข์มากจนกว่าจะสำเร็จ
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 51 พวกท่านคิดว่าเรามาเพื่อจะให้เกิดสันติภาพในโลกหรือ? เราบอกพวกท่านว่า ไม่ใช่ แต่จะให้แตกแยกกันต่างหาก
|
||
|
\v 52 เพราะว่าตั้งแต่นี้ไป ห้าคนในบ้านหลังหนึ่งก็จะแตกแยกกัน คือสามต่อสองและสองต่อสาม
|
||
|
\v 53 พวกเขาจะถูกแบ่งแยก พ่อจะแตกแยกกับลูกชาย และลูกชายจะแตกแยกกับพ่อ แม่กับลูกสาว และลูกสาวกับแม่ แม่ผัวกับลูกสะใภ้ และลูกสะใภ้กับแม่ผัว"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 54 พระเยซตรัสกับฝูงชนอีกว่า "เมื่อท่านทั้งหลายเห็นเมฆก่อตัวขึ้นทางทิศตะวันตก พวกท่านก็กล่าวทันทีว่า 'ฝนจะตก' และมันก็เกิดขึ้น
|
||
|
\v 55 เมื่อเห็นลมทิศใต้พัดมา พวกท่านก็บอกว่า 'จะร้อนจัด' และมันก็เกิดขึ้น
|
||
|
\v 56 คนหน้าซื่อใจคด พวกท่านรู้จักวิจัยความเป็นไปของแผ่นดินและท้องฟ้า แต่เพราะอะไรท่านถึงวิจัยความเป็นไปของยุคนี้ไม่ได้?
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 57 ทำไมพวกท่านไม่ตัดสินเอาเองว่าอะไรเป็นสิ่งที่ถูก?
|
||
|
\v 58 เพราะในขณะที่พวกท่านกับโจทก์พากันไปหาตุลาการ จงอุตส่าห์หาช่องที่จะปรองดองกับเขาเมื่อยังอยู่ระหว่างทาง เกรงว่าเขาจะฉุดลากพวกท่านเข้าไปถึงตัวผู้พิพากษา และผู้พิพากษาจะมอบพวกท่านไว้กับผู้คุม และผู้คุมจะขังท่านไว้ในคุก
|
||
|
\v 59 เราบอกท่านว่า พวกท่านจะออกจากที่นั่นไม่ได้จนกว่าพวกท่านจะใช้หนี้ครบทุกบาททุกสตางค์"
|
||
|
\s5
|
||
|
\c 13
|
||
|
\p
|
||
|
\v 1 ในเวลานั้น บางคนที่อยู่ที่นั่นทูลพระองค์เกี่ยวกับชาวกาลิลีกลุ่มหนึ่งซึ่งปีลาตเอาเลือดของพวกเขาผสมกับเครื่องบูชาของพวกเขา
|
||
|
\v 2 พระเยซูตรัสตอบพวกเขาว่า "ท่านคิดว่าชาวกาลิลีเหล่านี้เป็นคนบาปมากกว่าชาวกาลิลีคนอื่นๆ ทุกคน เพราะว่าพวกเขาทนทุกข์ทรมานเช่นนี้หรือ?
|
||
|
\v 3 เราบอกแกท่านว่า ไม่ใช่ แต่ถ้าพวกท่านไม่กลับใจใหม่ พวกท่านทุกคนก็จะพินาศเช่นเดียวกัน
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 4 หรืออย่างสิบแปดคนนั้นที่ถูกหอสิโลอัมพังลงมาทับตาย ท่านคิดว่าคนเหล่านั้นเป็นคนบาปที่เลวร้ายกว่าคนอื่นๆ ในกรุงเยรูซาเล็มหรือ?
|
||
|
\v 5 เราบอกว่า ไม่ใช่ แต่ถ้าพวกท่านไม่กลับใจใหม่ พวกท่านทุกคนก็จะพินาศเช่นเดียวกัน
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 6 พระเยซูทรงกล่าวเป็นคำอุปมาว่า "มีคนหนึ่งได้ปลูกต้นมะเดื่อไว้ในสวนองุ่นของเขา แล้วเขาได้มามองหาผลของต้นนั้น แต่ไม่พบเลย
|
||
|
\v 7 ชายคนนั้นจึงบอกกับคนทำสวนว่า 'ดูเถิด เราได้มาและพยามมองหาผลของต้นมะเดื่อต้นนี้เป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ไม่พบเลย จงโค่นมันลง จะปล่อยให้มันทำให้พื้นดินเสียเปล่าทำไมเล่า?'
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 8 คนทำสวนจึงตอบว่า 'ขอให้ปล่อยมันไว้อีกปีหนึ่ง และข้าพเจ้าก็จะขุดรอบๆ ต้นและใส่ปุ๋ยให้มัน
|
||
|
\v 9 ถ้ามันออกผลในปีหน้าก็ดี แต่ถ้ามันไม่ออกผลจึงโค่นมันลง'"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 10 พระเยซูทรงสอนในธรรมศาลาแห่งหนึ่งในวันสะบาโต
|
||
|
\v 11 ดูเถิด มีผู้หญิงคนหนึ่งที่มีผีเข้าสิงซึ่งทำให้เธอเป็นโรคมาสิบแปดปีแล้ว หลังของเธอก็โกง และยืดตัวขึ้นไม่ได้เลย
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 12 เมื่อพระเยซูทรงเห็นเธอ พระองค์ก็ทรงเรียกเธอมา และตรัสว่า "หญิงเอ๋ย เจ้าได้รับการปลดปล่อยจากความเจ็บป่วยของเจ้าแล้ว"
|
||
|
\v 13 พระองค์ทรงวางพระหัตถ์บนเธอ และในทันใดนั้น เธอเหยียดตัวตรงขึ้น และเธอก็สรรเสริญพระเจ้า
|
||
|
\v 14 แต่นายธรรมศาลาไม่พอใจ เพราะพระเยซูทรงรักษาโรคในวันสะบาโต ดังนั้นนายธรรมศาลาจึงกล่าวกับฝูงชนว่า "มีหกวันที่จัดไว้สำหรับทำงาน จงมาและรับการรักษาโรคเถิด แล้วอย่าทำในวันสะบาโต"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 15 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสตอบเขาว่า "เจ้าคนหน้าซื่อใจคด พวกท่านจะไม่ปล่อยวัวหรือลาของเขาออกจากคอกและนำมันไปกินน้ำในวันสะบาโตหรือ?
|
||
|
\v 16 เช่นเดียวกันกับบุตรสาวของอับราฮัมผู้ซึ่งซาตานได้ผูกมัดเธอไว้นานถึงสิบแปดปีแล้ว ไม่สมควรที่เธอจะได้หลุดพ้นจากสิ่งที่ผูกมัดเธอในวันสะบาโตหรือ?"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 17 เมื่อพระองค์ตรัสถ้อยคำเหล่านี้ คนที่ต่อต้านพระองค์ก็ได้รับความอับอาย แต่ฝูงชนทั้งปวงก็พากันชื่นชมยินดีที่พระองค์ได้ทรงกระทำทุกสิ่งที่น่าสรรเสริญ
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 18 แล้วพระเยซูตรัสว่า "ราชอาณาจักรของพระเจ้าเป็นอย่างไร เราจะเปรียบราชอาณาจักรของพระเจ้าเหมือนกับอะไรดี?
|
||
|
\v 19 ก็เป็นเหมือนกับเมล็ดมัสตาร์ดเมล็ดหนึ่งที่คนนำมาหว่านไว้ในสวนของเขา และมันก็เติบโตขึ้นเป็นต้นไม้ใหญ่ และนกในอากาศก็มาทำรังบนกิ่งก้านของมัน"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 20 พระองค์ตรัสอีกครั้งว่า "เราจะเปรียบราชอาณาจักรของพระเจ้ากับอะไรดี?
|
||
|
\v 21 ก็เป็นเหมือนเชื้อที่หญิงคนหนึ่งได้นำมาผสมลงไปในแป้งสามถัง จนแป้งนั้นฟูขึ้นทั้งหมด"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 22 แล้วพระเยซูได้เสด็จตามบ้านเมืองและหมู่บ้านต่างๆ ทรงสั่งสอนระหว่างทางที่มุ่งไปสู่กรุงเยรูซาเล็ม
|
||
|
\v 23 บางคนทูลพระองค์ว่า "องค์พระผู้เป็นเจ้า คนที่จะรอดได้มีจำนวนเพียงเล็กน้อยเท่านั้นหรือ?" ดังนั้นพระองค์จึงตรัสกับพวกเขาว่า
|
||
|
\v 24 "จงเพียรพยายามที่จะเข้าไปทางประตูแคบ เพราะเราบอกพวกท่านว่า มีคนจำนวนมากที่ต้องการจะเข้าไปทางนั้น แต่พวกเขาไม่สามารถที่จะเข้าไปได้
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 25 ในวันหนึ่งเมื่อเจ้าของบ้านลุกขึ้นและใส่กลอนประตูแล้ว และพวกท่านยืนอยู่ภายนอกทุบที่ประตูว่า 'องค์พระผู้เป็นเจ้า องค์พระผู้เป็นเจ้า ช่วยเปิดให้พวกเราเข้าด้วย' แต่เขาจะตอบกับพวกท่านว่า "เราไม่รู้จักเจ้า และไม่รู้ว่าเจ้ามาจากไหน'
|
||
|
\v 26 แล้วพวกท่านจะกล่าวว่า 'พวกเราได้กินและดื่มต่อหน้าท่าน และท่านได้สั่งสอนที่ถนนของพวกเรา'
|
||
|
\v 27 แต่เขาจะตอบกลับมาว่า 'เราบอกเจ้าว่า เราไม่รู้ว่าเจ้ามาจากไหน จงไปให้พ้นหน้าเรา เจ้าคนชั่ว'
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 28 ที่นั่นจะมีเสียงร้องไห้และเสียงขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เมื่อท่านได้เห็นอับราฮัม อิสอัค ยาโคบและบรรดาผู้เผยพระวจนะทุกคนในราชอาณาจักรของพระเจ้า ส่วนท่านจะถูกโยนออกไปข้างนอก
|
||
|
\v 29 พวกเขาจะมาจากทิศตะวันออก ทิศตะวันตก ทิศเหนือและทิศใต้ และนั่งร่วมโต๊ะในราชอาณาจักรของพระเจ้า
|
||
|
\v 30 จงรู้ไว้ว่า ผู้ที่เป็นคนสุดท้ายจะกลับกลายเป็นคนแรก และผู้ที่เป็นคนแรกจะกลับกลายเป็นคนสุดท้าย"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 31 หลังจากนั้นไม่นานนัก พวกฟาริสีก็มาหาและทูลพระองค์ว่า "จงออกไปจากที่นี่ เพราะเฮโรดต้องการจะฆ่าท่าน"
|
||
|
\v 32 พระเยซูตรัสว่า "จงไปบอกเจ้าสุนัขจิ้งจอกนั้นว่า 'ดูเถิด เราได้ขับผีออกไป และทำการรักษาโรคในวันนี้ และวันพรุ่งนี้ และวันที่สาม เราจะทำให้สำเร็จตามเป้าหมายของเรา'
|
||
|
\v 33 ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เราก็ไม่จำเป็นที่จะทำต่อไปไม่ว่าจะเป็นวันนี้ พรุ่งนี้ และวันต่อๆ ไป เพราะว่าเป็นไปไม่ได้ที่ผู้เผยพระวจนะจะถูกฆ่านอกกรุงเยรูซาเล็ม
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 34 เยรูซาเล็มเอ๋ย เยรูซาเล็มที่ได้ฆ่าบรรดาผู้เผยพระวจนะ และเอาก้อนหินขว้างคนเหล่านั้นที่ได้ส่งมาเพื่อเจ้า บ่อยครั้งที่เราปรารถนาที่จะรวบรวมลูกๆ ของเจ้า เหมือนกับแม่ไก่ที่กกลูกไว้ใต้ปีกของมัน แต่เจ้าไม่ได้ปรารถนาเช่นนั้น
|
||
|
\v 35 ดูเถิด บ้านของเจ้าก็ถูกทำให้รกร้าง เราบอกพวกท่านว่า พวกท่านจะไม่ได้เห็นเราอีกจนกว่าพวกท่านจะกล่าวว่า 'สรรเสริญพระองค์ผู้ที่เสด็จมาในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้า'"
|
||
|
\s5
|
||
|
\c 14
|
||
|
\p
|
||
|
\v 1 ในวันสะบาโต เมื่อพระองค์เสด็จไปเข้าไปในบ้านหลังหนึ่งของพวกหัวหน้าฟาริสีเพื่อรับประทานอาหาร ที่นั่นพวกเขาจับตาดูพระองค์อย่างใกล้ชิด
|
||
|
\v 2 ดูเถิด มีชายคนหนึ่งที่ป่วยเป็นโรคบวมน้ำอยู่ต่อหน้าพระองค์
|
||
|
\v 3 พระเยซูถามพวกผู้เชี่ยวชาญบัญญัติของยิวและพวกฟาริสีว่า "การรักษาโรคในวันสะบาโตถูกต้องตามบัญญัติหรือไม่?"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 4 แต่พวกเขานิ่งเงียบ ดังนั้นพระเยซูจึงดึงตัวชายที่ป่วยนั้น ทรงรักษาเขา และปล่อยเขากลับไป
|
||
|
\v 5 พระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า "มีคนใดในพวกท่านที่มีบุตรชายคนหนึ่งหรือวัวตัวหนึ่งตกลงไปในบ่อน้ำในวันสะบาโตแล้วจะไม่รีบช่วยดึงเขาขึ้นมาทันทีบ้าง?"
|
||
|
\v 6 พวกเขาไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 7 เมื่อพระเยซูสังเกตเห็นว่าคนเหล่านั้นที่ได้รับคำเชิญเลือกนั่งในที่อันมีเกียรติ พระองค์จึงตรัสกับพวกเขาเป็นคำอุปมาว่า
|
||
|
\v 8 "เมื่อพวกท่านได้รับคำเชิญจากใครบางคนให้ไปร่วมงานมงคลสมรส จงอย่านั่งในที่อันมีเกียรติ เพราะอาจมีบางคนที่ได้รับคำเชิญที่มีเกียรติมากยิ่งกว่าพวกท่าน
|
||
|
\v 9 เมื่อคนที่เชิญท่านทั้งสองมาถึง เขาจะพูดกับท่านว่า 'ขอท่านลุกจากที่นั่งนี้เพื่อให้อีกคนหนึ่ง' แล้วท่านก็จะต้องอับอายเพราะต้องย้ายไปนั่งในที่ต่ำสุด
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 10 แต่เมื่อท่านได้รับคำเชิญ จงไปและนั่งในที่ต่ำสุด และเมื่อคนที่เชิญท่านมาถึง เขาอาจพูดกับท่านว่า 'เพื่อนเอ๋ย ขอไปนั่งในที่สูงกว่าเถิด' เมื่อนั้นท่านก็จะได้รับเกียรติต่อหน้าผู้คนทั้งปวงที่นั่งร่วมโต๊ะเดียวกันกับท่าน
|
||
|
\v 11 เพราะทุกคนที่ยกย่องตัวเองจะถูกทำให้ถ่อมลง แต่คนที่ถ่อมตัวลงจะได้รับการยกย่อง"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 12 พระเยซูตรัสกับชายคนที่เชิญพระองค์ด้วยว่า "เมื่อท่านจัดงานเลี้ยงไม่ว่ากลางวันหรือตอนเย็นก็ตาม อย่าเชิญบรรดาเพื่อน หรือพวกพี่น้อง หรือเหล่าเครือญาติของท่าน หรือเพื่อนบ้านที่ร่ำรวย เพราะพวกเขาจะเชิญท่านกลับและทำการเลี้ยงตอบแทนท่าน
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 13 แต่เมื่อท่านจัดงานเลี้ยง จงเชิญคนที่ยากจน คนพิการ คนง่อย และคนตาบอด
|
||
|
\v 14 แล้วท่านจะเป็นสุข เพราะว่าเขาทั้งหลายไม่มีอะไรจะตอบแทนท่าน ส่วนท่านจะได้รับการตอบแทนเมื่อคนชอบธรรมเป็นขึ้นจากตาย"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 15 เมื่อคนหนึ่งในท่ามกลางพวกเขาที่นั่งร่วมโต๊ะกับพระเยซูได้ยินสิ่งเหล่านี้ เขาจึงทูลพระองค์ว่า "ผู้ที่จะได้รับประทานอาหารในราชอาณาจักรของพระเจ้าก็เป็นสุข"
|
||
|
\v 16 แต่พระเยซูตรัสกับเขาว่า "ชายคนหนึ่งได้จัดเตรียมงานเลี้ยงใหญ่ในมื้อเย็น และเขาได้เชิญคนมากมาย
|
||
|
\v 17 เมื่ออาหารเย็นได้จัดเตรียมเอาไว้พร้อมแล้ว เขาบอกให้คนรับใช้ของเขาไปบอกกับคนเหล่านั้นที่ได้รับคำเชิญว่า 'ขอมาเถิด เพราะว่าทุกสิ่งเตรียมไว้พร้อมแล้ว'
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 18 พวกเขาทุกคนเริ่มต้นหาข้ออ้าง คนแรกบอกว่า 'ข้าพเจ้าได้ซื้อที่นาแปลงหนึ่ง และข้าพเจ้าต้องออกไปดูแลที่นานั้น ขออภัยที่ไปร่วมงานไม่ได้'
|
||
|
\v 19 อีกคนหนึ่งบอกว่า 'ข้าพเจ้าได้ซื้อวัวมาห้าคู่ และข้าพเจ้าต้องไปลองวัวพวกนั้น ขอโทษที่ข้าพเจ้าไปร่วมงานไม่ได้'
|
||
|
\v 20 แล้วอีกคนหนึ่งบอกว่า "ข้าพเจ้าได้แต่งงานมีภรรยาแล้ว ดังนั้นข้าพเจ้าไม่สามารถไปร่วมงานได้'
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 21 คนรับใช้เข้ามาและบอกถึงสิ่งเหล่านี้ให้กับเจ้านายของเขา แล้วเจ้านายของบ้านนั้นจึงโกรธและบอกกับคนรับใช้ของเขาว่า 'จงรีบออกไปตามถนนและตรอกซอยต่างๆ ในเมืองนี้ และพาพวกคนยากจน คนพิการ คนตาบอด และคนง่อยมาที่งานเลี้ยง'
|
||
|
\v 22 คนรับใช้ก็มาบอกว่า 'เจ้านาย ข้าพเจ้าทำตามที่ท่านสั่งแล้ว แต่ยังมีที่ว่างอยู่'
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 23 เจ้านายคนนั้นจึงบอกกับคนรับใช้ว่า 'จงออกไปตามทางหลวงต่างๆ และตามพื้นที่โดยรอบ และเกณฑ์ผู้คนให้เข้ามา เพื่อว่าบ้านของเราจะไม่มีที่ว่าง
|
||
|
\v 24 เราบอกเจ้าว่า จะไม่มีคนใดในพวกที่ได้รับเชิญนั้นได้ลิ้มรสอาหารของเราเลย'"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 25 ตอนนี้ฝูงชนกลุ่มใหญ่กำลังไปกับพระองค์ พระองค์จึงหันไปและตรัสกับพวกเขาว่า
|
||
|
\v 26 "ถ้าใครก็ตามที่มาหาเราและไม่เกลียดชังบิดา มารดา ภรรยา บุตร พี่น้องชายหญิงของพวกเขา รวมทั้งชีวิตของพวกเขาเอง พวกเขาจะเป็นสาวกของเราไม่ได้
|
||
|
\v 27 ใครก็ตามที่ไม่แบกกางเขนของตนและตามเรามาก็เป็นสาวกของเราไม่ได้
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 28 เพราะว่ามีคนใดในพวกท่านที่ปรารถนาจะสร้างหอสูงแล้วจะไม่นั่งลงคิดราคาดูเสียก่อนว่า จะมีพอที่จะสร้างให้สำเร็จได้หรือไม่?
|
||
|
\v 29 มิเช่นนั้น เมื่อเขาได้วางรากฐานและไม่สามารถสร้างให้สำเร็จได้ ทุกคนที่มองเห็นจะเริ่มต้นเย้ยหยันเขา
|
||
|
\v 30 โดยพูดว่า 'ชายคนนี้เริ่มต้นสร้างและไม่สามารถทำให้สำเร็จได้'
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 31 หรือมีกษัตริย์องค์ไหน เมื่อจะยกกองทัพไปทำสงครามกับกษัตริย์อีกองค์หนึ่งนั้น จะไม่นั่งลงคิดดูเสียก่อนหรือว่า ที่มีพลทหารหนึ่งหมื่นจะสู้กับกองทัพที่ยกมารบสองหมื่นได้หรือไม่?
|
||
|
\v 32 ถ้าสู้ไม่ได้ ท่านก็จะใช้พวกทูตไปและเจรจาผูกไมตรีกันในระหว่างที่อีกฝ่ายยังอยู่ไกล
|
||
|
\v 33 ในทำนองเดียวกัน ไม่ว่าใครในพวกท่านที่ไม่ได้สละทุกสิ่งที่ตนมี เขาก็เป็นสาวกของเราไม่ได้
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 34 เกลือเป็นสิ่งดี แต่ถ้าเกลือสูญเสียรสเค็มของมันแล้ว จะทำให้มันกลับมามีรสเค็มอีกได้อย่างไร?
|
||
|
\v 35 จะใช้เป็นปุ๋ยใส่ดินก็ไม่ได้ จะหมักไว้กับกองมูลสัตว์ก็ไม่ได้ มีแต่จะถูกเอาไปโยนทิ้งเท่านั้น ใครมีหูที่จะฟังก็จงฟังเถิด"
|
||
|
\s5
|
||
|
\c 15
|
||
|
\p
|
||
|
\v 1 ในเวลานั้น พวกคนเก็บภาษีและพวกคนบาปทั้งหลายเข้ามาหาพระเยซูเพื่อจะฟังพระองค์
|
||
|
\v 2 ทั้งพวกฟาริสีและพวกธรรมาจารย์ได้บ่นกันว่า "ชายคนนี้ต้อนรับคนบาปและยังกินด้วยกันกับพวกเขาอีก"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 3 พระเยซูตรัสเป็นคำอุปมาแก่พวกเขาว่า
|
||
|
\v 4 "ใครในพวกท่าน ถ้าเขามีแกะหนึ่งร้อยตัว และมีหนึ่งตัวหายไป จะไม่ทิ้งเก้าสิบเก้าตัวนั้นไว้ที่กลางทุ่งหญ้าแล้วออกไปตามหาตัวที่หายไปนั้นจนกว่าจะพบหรือ?
|
||
|
\v 5 แล้วเมื่อเขาพบมันแล้ว เขาจึงยกขึ้นแบกบนบ่าของเขาด้วยความชื่นชมยินดี
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 6 เมื่อเขามาถึงบ้าน เขาเรียกเพื่อนๆ ของเขาและเพื่อนบ้านของเขามาพร้อมกัน บอกพวกเขาว่า 'มาร่วมชื่นชมยินดีกับข้าพเจ้า เพราะข้าพเจ้าได้พบแกะของข้าพเจ้าที่หายไปแล้ว'
|
||
|
\v 7 เราบอกท่านทั้งหลายว่า ในทำนองเดียวกันนี้ จะมีความชื่นชมยินดีในสวรรค์ เมื่อคนบาปคนหนึ่งกลับใจ มากกว่าผู้ชอบธรรมเก้าสิบเก้าคนที่ไม่ต้องการกลับใจ
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 8 หรือหญิงคนใดที่มีเหรียญเงินสิบเหรียญ ถ้าเธอทำเหรียญนั้นสูญหายไปเหรียญหนึ่ง จะไม่จุดไฟตะเกียงและกวาดบ้านค้นหาอย่างขยันขันแข็งจนกระทั่งพบหรือ?
|
||
|
\v 9 เมื่อเธอพบแล้ว เธอก็จะเรียกเพื่อนๆ ของเธอและเพื่อนบ้านของเธอ มาพร้อมกันแล้วบอกว่า 'จงชื่นชมยินดีร่วมกันกับข้าพเจ้า เพราะข้าพเจ้าพบเหรียญที่ข้าพเจ้าทำหายไปแล้ว'
|
||
|
\v 10 ในทำนองเดียวกันนี้ เราบอกพวกท่านว่า จะมีความชื่นชมยินดีท่ามกลางเหล่าทูตสวรรค์ของพระเจ้า เมื่อมีคนบาปคนหนึ่งกลับใจ"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 11 แล้วพระเยซูตรัสว่า "ชายคนหนึ่งมีบุตรชายสองคน
|
||
|
\v 12 และบุตรชายคนเล็กของเขาพูดกับบิดาของเขาว่า 'พ่อ ขอแบ่งทรัพย์สมบัติส่วนที่เป็นของลูกให้ลูกด้วย' ดังนั้นเขาจึงแบ่งทรัพย์สมบัติของเขาให้บุตรทั้งสอง
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 13 ไม่กี่วันต่อมา บุตรชายคนเล็กนี้ก็รวบรวมสมบัติทั้งหมดของตนแล้วไปยังเมืองไกล และที่นั่นเขาได้ผลาญทรัพย์ของตนทั้งหมดด้วยการใช้ชีวิตสุรุ่ยสุร่าย
|
||
|
\v 14 เมื่อใช้จ่ายจนหมดสิ้นทุกอย่างแล้ว ก็เกิดการกันดารอาหารอย่างรุนแรงทั่วเมือง และเขาจึงเริ่มคลาดแคลน
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 15 เขาออกไปเป็นลูกจ้างของชาวเมืองคนหนึ่งในเมืองนั้น และคนนั้นได้ส่งเขาไปให้เลี้ยงหมูในทุ่งนา
|
||
|
\v 16 เขาเต็มใจที่จะกินฝักถั่วที่หมูกิน เพราะไม่มีใครให้อะไรเขากิน
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 17 แต่เมื่อบุตรน้อยสำนึกตัว เขาจึงพูดว่า 'ลูกจ้างของพ่อไม่ว่าจะมีมากสักแค่ไหน ยังมีอาหารกินเหลือเฟือ แต่ข้าต้องมาอดอาหารตายที่นี่หรือ
|
||
|
\v 18 ข้าจะออกจากที่นี่ไปหาพ่อของข้าและพูดกับพ่อว่า "พ่อ ลูกผิดต่อสวรรค์และผิดต่อท่านด้วย
|
||
|
\v 19 ลูกไม่สมควรที่จะได้ชื่อว่าเป็นลูกของพ่ออีกต่อไป ขอโปรดให้ลูกอยู่ในฐานะของลูกจ้างคนหนึ่งของพ่อด้วยเถิด'"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 20 ดังนั้นบุตรชายคนเล็กจึงออกเดินทางมาหาบิดาของเขา ขณะที่เขาอยู่แต่ไกล บิดาของเขามองเห็นเขา และมีใจสงสาร แล้วบิดาจึงวิ่งออกไปกอดเขาและจูบเขา
|
||
|
\v 21 บุตรชายพูดกับเขาว่า 'พ่อครับ ลูกผิดต่อสวรรค์และผิดต่อท่านด้วย ลูกไม่สมควรที่จะได้ชื่อว่าเป็นลูกของพ่ออีกต่อไป'
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 22 บิดาพูดกับคนรับใช้ของเขาว่า 'จงรีบนำเอาเสื้อคลุมอย่างดีมาใส่ให้เขา และเอาแหวนมาสวมใส่นิ้วมือของเขา และเอารองเท้ามาสวมเท้าของเขา
|
||
|
\v 23 แล้วจงเอาลูกวัวที่อ้วนพีมาฆ่าให้เรามาจัดงานเลี้ยงฉลองกัน
|
||
|
\v 24 เพราะลูกชายของเราได้ตายไปแล้ว แต่ตอนนี้กลับเป็นขึ้นมาอีกครั้ง เขาได้หลงหายไปและตอนนี้ได้พบแล้ว แล้วพวกเขาจึงเริ่มต้นเฉลิมฉลอง
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 25 ส่วนบุตรชายตนโตของเขานั้นออกไปยังทุ่งนา เมื่อเขากลับมาใกล้จะถึงบ้านแล้วเขาได้ยินเสียงดนตรีและการเต้นรำ
|
||
|
\v 26 เขาเรียกคนรับใช้คนหนึ่งมาถามว่า นี่มันอะไร
|
||
|
\v 27 คนรับใช้พูดกับเขาว่า 'น้องชายของท่านกลับมาบ้าน และบิดาของท่านได้ฆ่าลูกวัวตัวอ้วนพี เพราะเขากลับมาด้วยความปลอดภัย'
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 28 บุตรชายคนโตก็โกรธ และไม่ยอมเข้าไปข้างใน และบิดาของเขาก็ออกมาขอร้องเขา
|
||
|
\v 29 แต่บุตรชายคนโตพูดกับบิดาของเขาว่า 'ดูสิ หลายปีมานี้ลูกได้ปรนนิบัติรับใช้พ่อ และลูกไม่เคยทำผิดกฏของพ่อ แต่พ่อก็ไม่เคยให้ลูกแพะสักตัวหนึ่งเพื่อที่ลูกจะได้ฉลองร่วมกับเพื่อนๆ ของลูกเลย
|
||
|
\v 30 แต่เมื่อบุตรชายของพ่อมา คนที่ผลาญสมบัติของพ่อโดยการคบกับพวกหญิงโสเภณี ท่านก็ฆ่าลูกวัวอ้วนพีให้แก่เขา'
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 31 บิดาได้พูดกับเขาว่า 'ลูกเอ๋ยเจ้าอยู่กับพ่อมาตลอด และทุกสิ่งที่เป็นของพ่อก็เป็นของเจ้าอยู่แล้ว
|
||
|
\v 32 แต่เป็นเรื่องที่พวกเราสมควรจะชื่นชมยินดีและรื่นเริง เพราะว่าน้องชายคนนี้ของเจ้าได้ตายไปแล้ว แต่เดี๋ยวนี้กลับเป็นขึ้นมาอีก และเขาได้หลงหายไปแล้ว แต่เดียวนี้ได้พบกันอีก'"
|
||
|
\s5
|
||
|
\c 16
|
||
|
\p
|
||
|
\v 1 พระเยซูตรัสกับเหล่าสาวกด้วยว่า "มีเศรษฐีที่มีพ่อบ้านคนหนึ่ง และมีคนมาฟ้องเขาว่า พ่อบ้านนี้ได้ผลาญสมบัติของเขาเสียแล้ว
|
||
|
\v 2 ดังนั้นเศรษฐีจึงเรียกเขามาและถามเขาว่า 'เรื่องที่เราได้ยินมาเกี่ยวกับเจ้านั้นหมายความว่าอย่างไร? จงเอาบัญชีพ่อบ้านของเจ้ามา เพราะเจ้าไม่ได้เป็นพ่อบ้านอีกต่อไป'
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 3 พ่อบ้านนั้นจึงคิดในใจว่า 'ข้าควรทำอย่างไรดี เพราะนายจะถอดข้าออกจากงานในหน้าที่พ่อบ้านแล้ว? จะขุดดินก็ไม่มีแรง และจะขอทานก็อายเขา
|
||
|
\v 4 ข้ารู้แล้วว่าข้าจะทำอะไรดี เพื่อว่าเมื่อข้าถูกถอดจากหน้าที่พ่อบ้านแล้ว ผู้คนก็จะต้อนรับข้าเข้าไปในบ้านของพวกเขา'
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 5 ต่อมาพ่อบ้านนั้นเรียกลูกหนี้แต่ละคนของนายของเขามา เขาถามคนแรกว่า 'ท่านเป็นหนี้นายข้าพเจ้าเท่าไหร่?'
|
||
|
\v 6 เขาตอบว่า 'เป็นหนี้น้ำมันมะกอกจำนวนหนึ่งร้อยถัง' และเขาบอกกับลูกหนี้คนนั้นว่า 'เอาบิลมา นั่งลงเร็วเข้า แล้วแก้เป็นห้าสิบถัง'
|
||
|
\v 7 จากนั้นพ่อบ้านก็พูดกับอีกคนว่า 'แล้วท่านเป็นหนี้อยู่เท่าไหร่?' เขาตอบว่า 'เป็นหนี้ข้าวสาลีจำนวนหนึ่งร้อยกระสอบ' เขาบอกกับลูกหนี้คนนั้นว่า 'เอาบิลมา แล้วแก้เป็นแปดสิบกระสอบ'
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 8 แล้วเศรษฐีก็ชมพ่อบ้านอธรรมนั้นเพราะเขาได้กระทำอย่างฉลาด ด้วยว่าลูกทั้งหลายของโลกนี้ ก็ฉลาดในการจัดการกับพวกเขาเองมากกว่าลูกของความสว่าง
|
||
|
\v 9 เราบอกท่านทั้งหลายว่า จงทำตัวให้มีเพื่อนๆ ด้วยทรัพย์สมบัติอธรรม เพื่อที่ว่าเมื่อสูญเสียมันไปแล้ว เขาทั้งหลายจะได้ต้อนรับท่านไว้ในที่อาศัยอันถาวรเป็นนิตย์
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 10 คนที่สัตย์ซื่อในสิ่งเล็กน้อยที่สุดก็สัตย์ซื่อในสิ่งใหญ่ด้วย และคนที่อสัตย์ในสิ่งเล็กน้อยที่สุด ก็อสัตย์ในสิ่งใหญ่ด้วย
|
||
|
\v 11 ถ้าท่านทั้งหลายไม่สัตย์ซื่อในทรัพย์สมบัติอธรรม ใครจะมอบทรัพย์สมบัติอันแท้ให้แก่ท่านเล่า?
|
||
|
\v 12 ถ้าท่านทั้งหลายมิได้สัตย์ซื่อในของของคนอื่น ใครจะมอบเงินที่เป็นของท่านเองให้แก่ท่าน?
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 13 ไม่มีคนใช้คนใดปรนนิบัตินายสองคนได้ เพราะเขาจะเกลียดนายคนหนึ่งและรักนายอีกคน หรือเขาจะทุ่มเทต่อนายคนหนึ่งและเหยียดหยามนายอีกคน ท่านไม่สามารถปรนนิบัติพระเจ้าและทรัพย์สมบัติไปพร้อมกันได้"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 14 ขณะนั้นฝ่ายพวกฟาริสีซึ่งเป็นคนเห็นแก่เงินได้ยินสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด พวกเขาก็เยาะเย้ยพระองค์
|
||
|
\v 15 พระองค์จึงตรัสกับพวกเขาว่า "พวกท่านทำตัวให้ดูดีในสายตามนุษย์ แต่พระเจ้าทรงพิสูจน์ทราบจิตใจของพวกท่าน ด้วยว่าซึ่งเป็นที่ยกย่องท่ามกลางมนุษย์กลับเป็นที่น่ารังเกียจในสายพระเนตรของพระเจ้า
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 16 ธรรมบัญญัติและผู้เผยพระวจนะ มีผลใช้จนกระทั่งยอห์นได้มา นับตั้งแต่นั้นมาข่าวประเสริฐแห่งราชอาณาจักรของพระเจ้าก็ได้ถูกประกาศออกไป และทุกคนก็พยายามบากบั่นที่จะเข้าไปในทางนั้น
|
||
|
\v 17 แต่การที่จะให้สวรรค์และโลกสลายไปก็ง่ายกว่าที่จะให้สักขีดใดขีดหนึ่งของหนังสือธรรมบัญญัติเป็นโมฆะ แต่ฟ้าและดินจะล่วงลับไปก็ง่ายกว่าที่พระราชบัญญัติสักจุดหนึ่งจะใช้การไม่ได้
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 18 ทุกคนที่หย่ากับภรรยาของเขาและแต่งงานกับคนอื่นก็ผิดประเวณี และผู้ที่แต่งงานกับผู้ที่หย่าจากสามีก็ผิดประเวณี
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 19 ขณะนั้นมีเศรษฐีคนหนึ่งสวมชุดสีม่วงและผ้าลินินเนื้อดี ใช้ชีวิตอย่างสนุกสนานกับทรัพย์สมบัติมหาศาลของเขาทุกวัน
|
||
|
\v 20 มีขอทานคนหนึ่งชื่อลาซารัส เป็นแผลทั่วทั้งตัว ได้มานอนอยู่ที่ประตูบ้านของเศรษฐี
|
||
|
\v 21 และอยากกินอาหารที่ตกจากโต๊ะของเศรษฐี แม้แต่สุนัขก็มาเลียแผลของเขา
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 22 อยู่มาขอทานนั้นก็ตาย และเหล่าทูตสวรรค์นำเขาไปอยู่ข้างอับราฮัม ฝ่ายเศรษฐีก็ตายเช่นกัน และถูกฝังไว้
|
||
|
\v 23 และเมื่ออยู่ในนรก ซึ่งทุกข์ทรมานมาก เศรษฐีแหงนมองเห็นอับราฮัมอยู่ไกลๆ มีลาซารัสเคียงข้าง
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 24 ดังนั้นเขาจึงร้องว่า 'ท่านบิดาอับราฮัม ขอโปรดเมตตาข้าพเจ้าเถิด ขอใช้ลาซารัสมา เพื่อจะเอาปลายนิ้วจุ่มน้ำมาแตะลิ้นข้าพเจ้าให้เย็น เพราะข้าพเจ้าเจ็บปวดสาหัสอยู่ในเปลวไฟนี้'
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 25 แต่อับราฮัมตอบว่า 'ลูกเอ๋ย จำได้ไหมว่าตลอดชีวิตของเจ้า เจ้าได้รับสิ่งดีทั้งสิ้นแต่ลาซาลัสอยู่ในสภาพเลวร้ายสิ้น มาบัดนี้เขาได้รับการปลอบประโลมอยู่ที่นี่ และเจ้าอยู่ในความทรมานแสนสาหัส
|
||
|
\v 26 นอกเหนือจากทั้งหมดนี้ยังมีหุบเหวใหญ่ขวางอยู่ ใครอยากจะข้ามจากที่นี่ไปหาเจ้าก็ไม่ได้ หรือจะข้ามจากที่โน่นมาหาเราก็ไม่ได้'
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 27 เศรษฐีนั้นพูดว่า 'ข้าพเจ้าขอร้องท่าน ท่านบิดาอับราฮัม ขอท่านช่วยส่งเขาไปยังบ้านบิดาของข้าพเจ้า
|
||
|
\v 28 เพราะว่าข้าพเจ้ามีพี่น้องห้าคน ให้ลาซารัสได้เตือนพวกเขา เพื่อว่าพวกเขาจะได้ไม่ต้องมาที่ทรมานนี้ด้วย'
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 29 แต่อับราฮัมกล่าวว่า 'พวกเขามีโมเสสและบรรดาผู้เผยพระวจนะแล้ว ให้พวกเขาฟังท่านเหล่านั้นเถิด'
|
||
|
\v 30 เศรษฐีนั้นจึงว่า 'ไม่ได้ ท่านบิดาอับราฮัม แต่หากมีใครเป็นขึ้นจากตายไปหาพวกเขา แล้วพวกเขาจะกลับใจ'
|
||
|
\v 31 แต่อับราฮัมตอบเขาว่า 'หากพวกเขาไม่ฟังโมเสสและบรรดาผู้เผยพระวจนะแล้ว ต่อให้มีใครบางคนเป็นขึ้นจากตาย ก็ไม่สามารถที่จะทำให้พวกเขาเชื่อได้'"
|
||
|
\s5
|
||
|
\c 17
|
||
|
\p
|
||
|
\v 1 พระเยซูตรัสแก่เหล่าสาวกของพระองค์ว่า "แน่ทีเดียวที่จะมีสิ่งต่างๆ ที่เป็นสาเหตุให้พวกเราทำบาป แต่วิบัติแก่คนนั้นที่เป็นต้นเหตุ
|
||
|
\v 2 ถ้าเอาหินโม่แป้งผูกคอเขาและถ่วงที่ทะเลก็ดีกว่าที่จะให้เขานำผู้เล็กน้อยเหล่านี้คนหนึ่งให้หลงผิด
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 3 จงระวังตัวเองให้ดี ถ้าหากพี่น้องของพวกท่านทำบาป จงตักเตือนเขา และถ้าเขากลับใจ จงให้อภัยเขา
|
||
|
\v 4 ถ้าหากเขาทำบาปต่อพวกท่านเจ็ดครั้งในหนึ่งวัน แล้วเขากลับมาหาพวกท่านทั้งเจ็ดครั้งโดยกล่าวว่า 'ข้าพเจ้ากลับใจ' พวกท่านต้องให้อภัยแก่เขา"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 5 พวกอัครทูตทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า "ขอเพิ่มความเชื่อให้กับพวกเราเถิด"
|
||
|
\v 6 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า "ถ้าพวกท่านมีความเชื่อเท่ากับเมล็ดมัสตาร์ดหนึ่งเมล็ด พวกท่านก็จะพูดกับต้นหม่อนนี้ว่า 'จงถอนรากและไปปักลงในทะเล' แล้วมันก็จะเชื่อฟังพวกท่าน
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 7 แต่ในพวกท่านมีคนใดที่มีคนรับใช้ไถนาหรือเลี้ยงแกะ แล้วจะพูดกับเขาเมื่อเขากลับมาจากทุ่งนาว่า 'มาเร็วเข้า และนั่งลงกินอาหารด้วยกัน'?
|
||
|
\v 8 ผู้เป็นเจ้านายจะไม่พูดกับเขาว่า 'จงเตรียมอาหารให้เรากิน และจงคาดเอวของเจ้า และรับใช้เราจนกว่าเราจะกินและดื่มเสร็จ แล้วเจ้าจึงค่อยกินและดื่มหรือ'?
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 9 เขาไม่ขอบคุณคนรับใช้เพราะคนรับใช้ทำสิ่งต่างๆ ตามคำสั่งของเขาใช่ไหม?
|
||
|
\v 10 พวกท่านก็เช่นเดียวกัน เมื่อพวกท่านได้ทำทุกสิ่งตามคำสั่งที่พวกท่านได้รับแล้ว ก็สมควรพูดว่า 'พวกเราเป็นคนรับใช้ที่ไม่คู่ควร เพราะพวกเราเพียงแต่ทำสิ่งที่พวกเราสมควรทำอยู่แล้ว'"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 11 เมื่อพระองค์เสด็จไปยังกรุงเยรูซาเล็ม พระองค์เสด็จผ่านเขตชายแดนของแคว้นสะมาเรียและแคว้นกาลิลี
|
||
|
\v 12 ขณะที่พระองค์เข้าไปในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ที่นั่นพระองค์ได้พบชายสิบคนที่ป่วยเป็นโรคเรื้อน พวกเขายืนอยู่ห่างจากพระองค์
|
||
|
\v 13 และพวกเขาเปล่งเสียงของพวกเขาร้องว่า "พระเยซู พระอาจารย์ ขอโปรดเมตตาพวกเราเถิด"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 14 เมื่อพระองค์มองเห็นพวกเขา พระองค์จึงตรัสกับพวกเขาว่า "จงไปและสำแดงตัวของพวกท่านแก่พวกปุโรหิต" ในขณะที่พวกเขาไปนั้นพวกเขาก็หายจากโรคเรื้อน
|
||
|
\v 15 เมื่อหนึ่งคนในพวกเขามองเห็นว่าเขาได้รับการรักษาให้หายแล้ว เขาจึงย้อนกลับมาและร้องเสียงดังถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า
|
||
|
\v 16 เขาก้มกราบลงที่พระบาทของพระเยซูและขอบพระคุณพระองค์ เขาเป็นชาวสะมาเรีย
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 17 พระเยซูตรัสตอบว่า "ทั้งสิบคนก็ได้รับการรักษาให้หายไม่ใช่หรือ? แล้วอีกเก้าคนไปไหนเล่า?
|
||
|
\v 18 ไม่มีคนอื่นที่กลับมาถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า เว้นแต่คนต่างชาติคนนี้หรืออย่างไร?"
|
||
|
\v 19 พระเยซูจึงตรัสแก่เขาว่า "จงลุกขึ้นและไปเถิด ความเชื่อของท่านได้รักษาท่านแล้ว"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 20 พวกฟาริสีถามพระเยซูว่าเมื่อไหร่ที่ราชอาณาจักรของพระเจ้าจะมาถึง พระเยซูตรัสตอบพวกเขาว่า "ราชอาณาจักรของพระเจ้าไม่ได้มาอย่างที่ท่านสังเกตได้
|
||
|
\v 21 หรือสิ่งที่ใครจะพูดว่า 'ดูที่นี่สิ' หรือ 'ดูที่นั่นสิ' เพราะราชอาณาจักรของพระเจ้าอยู่ภายในพวกท่าน"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 22 พระเยซูตรัสกับพวกสาวกว่า "วันเหล่านั้นจะมาถึงเมื่อพวกท่านปรารถนาที่จะเห็นหนึ่งในบรรดาวันของบุตรมนุษย์ แต่พวกท่านจะไม่ได้เห็น
|
||
|
\v 23 แล้วพวกเขาจะพูดกับพวกท่านว่า 'ดูที่นั่น ดูที่นี่' แต่จงอย่าไปดู หรือวิ่งตามหลังพวกเขาไป
|
||
|
\v 24 ด้วยว่าเปรียบเหมือนฟ้าแลบ เมื่อแลบออกจากฟ้าข้างหนึ่ง ก็ส่องสว่างไปถึงฟ้าอีกข้างหนึ่ง บุตรมนุษย์ก็จะเป็นอย่างนั้นแหละในวันของพระองค์
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 25 แต่ก่อนอื่นพระองค์จะต้องทนทุกข์หลายประการและถูกคนยุคนี้ปฏิเสธ
|
||
|
\v 26 ในสมัยของโนอาห์เหตุการณ์ได้เป็นมาแล้วอย่างไร ในสมัยของบุตรมนุษย์ก็จะเป็นไปอย่างนั้นด้วย
|
||
|
\v 27 พวกเขากิน พวกเขาดื่ม พวกเขาแต่งงาน และพวกเขาถูกมอบในการสมรส จนกระทั่งถึงวันที่โนอาห์เข้าไปในเรือ และน้ำก็ได้ท่วมจนทำลายพวกเขาทุกคน
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 28 อย่างเดียวกันกับสมัยของโลทที่พวกเขากิน ดื่ม ซื้อขาย เพาะปลูก และก่อสร้าง
|
||
|
\v 29 แต่เมื่อถึงวันที่โลทออกจากเมืองโสโดม มีลูกไฟและกำมะถันตกลงมาจากฟ้า และพวกเขาก็ถูกทำลายจนหมดสิ้น
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 30 หลังจากที่สิ่งเดียวกันนี้เกิดขึ้นแล้วก็จะถึงวันที่บุตรมนุษย์ถูกทำให้ปรากฎ
|
||
|
\v 31 ในวันนั้นผู้ที่อยู่บนดาดฟ้า อย่าลงมาเก็บข้าวของที่อยู่ในบ้าน และคนที่อยู่ในทุ่งนาไม่ควรกลับมาเอาสิ่งใด
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 32 จงจดจำสิ่งที่เกิดขึ้นกับภรรยาของโลทให้ดี
|
||
|
\v 33 ใครก็ตามแสวงหาที่จะได้มาซึ่งชีวิตของเขาก็จะสูญเสียชีวิต แต่ใครก็ตามที่สูญเสียชีวิตก็จะรักษาชีวิตให้รอดได้
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 34 เราบอกพวกท่านว่า ในคืนนั้นจะมีคนสองคนนอนอยู่ในเตียงเดียวกัน คนหนึ่งจะถูกรับไปและอีกคนหนึ่งจะถูกทิ้งไว้
|
||
|
\v 35 จะมีผู้หญิงสองคนที่กำลังโม่แป้งด้วยกัน คนหนึ่งจะถูกรับไปและอีกคนหนึ่งจะถูกทิ้งไว้
|
||
|
\v 36 มีสองคนอยู่ในทุ่งนา คนหนึ่งจะถูกรับไปและอีกคนหนึ่งจะถูกทิ้งไว้
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 37 พวกเขาทูลถามพระองค์ว่า "สิ่งนี้จะเกิดขึ้นที่ไหนหรือ องค์พระผู้เป็นเจ้า?" และพระองค์จึงตรัสกับพวกเขาว่า "ซากศพอยู่ที่ไหนก็จะมีฝูงนกแร้งมารุมล้อมกันอยู่ที่นั่น"
|
||
|
\s5
|
||
|
\c 18
|
||
|
\p
|
||
|
\v 1 แล้วพระองค์ตรัสคำอุปมาเรื่องหนึ่งแก่พวกเขาเกี่ยวกับการที่พวกเขาควรอธิษฐานอยู่เสมอและไม่อ่อนระอาใจ
|
||
|
\v 2 ตรัสว่า "ในเมืองหนึ่ง มีผู้พิพากษาคนหนึ่งที่ไม่ยำเกรงพระเจ้าและไม่เห็นแก่หน้าผู้ใด
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 3 ในเมืองนั้นมีหญิงม่ายคนหนึ่ง และเธอมาขอร้องเขาบ่อยๆ ว่า 'ขอช่วยให้ข้าพเจ้าได้รับความยุติธรรมต่อฝ่ายตรงข้ามของข้าพเจ้าด้วยเถิด'
|
||
|
\v 4 เขาปฏิเสธที่จะช่วยเธออยู่เป็นเวลานาน แต่หลังจากนั้นสักระยะหนึ่งเขาก็คิดได้ว่า 'แม้เราไม่ยำเกรงพระเจ้าหรือเห็นแก่หน้าผู้ใด
|
||
|
\v 5 แต่เพราะหญิงม่ายคนนี้มากวนใจเรา เราจะช่วยเธอให้ได้รับความยุติธรรม เพื่อว่าเธอจะได้ไม่ต้องมารบกวนเราอยู่เรื่อยๆ'"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 6 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า "จงฟังสิ่งที่ผู้พิพากษาอธรรมพูด
|
||
|
\v 7 แล้วพระเจ้าจะไม่ทรงนำความยุติธรรมมายังคนที่พระองค์เลือกสรรไว้คือผู้ที่ร้องเรียกพระองค์ทั้งวันทั้งคืนหรือ? พระองค์จะยืดเวลาในเรื่องพวกเขาหรือ?
|
||
|
\v 8 เราบอกท่านทั้งหลายว่าพระองค์จะนำความยุติธรรมมาสู่พวกเขาอย่างรวดเร็ว แม้กระนั้น เมื่อบุตรมนุษย์เสด็จมา พระองค์จะพบความเชื่อบนโลกนี้หรือ?"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 9 แล้วพระองค์ตรัสคำอุปมานี้แก่บางคนที่หลงคิดว่าตัวเองเป็นคนชอบธรรมและดูถูกคนอื่นว่า
|
||
|
\v 10 "มีชายสองคนขึ้นไปอธิษฐานในพระวิหาร คนหนึ่งเป็นฟาริสี อีกคนเป็นคนเก็บภาษี
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 11 ฟาริสียืนขึ้นอธิษฐานในเรื่องเกี่ยวกับตัวเองว่า 'ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์ขอบคุณพระองค์ที่ข้าพระองค์ไม่เหมือนคนอื่นที่เป็นโจร เป็นคนอธรรม เป็นคนล่วงประเวณี หรือเป็นเหมือนคนเก็บภาษีนี้
|
||
|
\v 12 ข้าพระองค์ถืออดอาหารสองครั้งทุกสัปดาห์ ข้าพระองค์ถวายสิบลดจากทั้งหมดที่ข้าพระองค์ได้รับ'
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 13 แต่คนเก็บภาษีที่กำลังยืนอยู่ห่างออกไป ไม่กล้าแม้แต่จะมองขึ้นบนฟ้า แต่ทุบอกของตนกล่าวว่า 'ข้าแต่พระเจ้า โปรดเมตตาข้าพระองค์ผู้เป็นคนบาปด้วยเถิด'
|
||
|
\v 14 เราบอกพวกท่านว่า เมื่อชายคนนี้กลับไปยังบ้านของเขาก็ถือว่าเขาเป็นคนชอบธรรมมากกว่าคนอื่น เพราะว่าทุกคนที่ยกตัวเองขึ้นก็จะถูกเหยียดลง แต่ทุกคนที่ถ่อมตัวลงก็จะได้รับการยกขึ้น"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 15 แล้วประชาชนก็อุ้มทารกของพวกเขามาให้พระองค์แตะต้องทารกเหล่านั้น แต่เมื่อพวกสาวกเห็น พวกเขาก็พากันห้ามประชาชน
|
||
|
\v 16 แต่พระเยซูทรงเรียกพวกเขาให้มาหาพระองค์และตรัสว่า "จงปล่อยให้พวกเด็กเล็กๆ มาหาเราเถิด และอย่าห้ามพวกเขาเลย เพราะว่าราชอาณาจักรของพระเจ้าเป็นของเด็กเหล่านี้
|
||
|
\v 17 เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ผู้ใดไม่รับราชอาณาจักรของพระเจ้าเช่นเดียวกับเด็กเล็กๆ ผู้นั้นจะเข้าในราชอาณาจักรนั้นไม่ได้อย่างแน่นอน"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 18 มีขุนนางคนหนึ่งทูลถามพระองค์ว่า "ท่านอาจารย์ผู้ประเสริฐ ข้าพเจ้าต้องทำสิ่งใดจึงจะได้ชีวิตรันดร์"
|
||
|
\v 19 พระเยซูตรัสกับเขาว่า "ท่านเรียกเราว่าประเสริฐทำไม? ไม่มีใครประเสริฐ นอกจากพระเจ้าเท่านั้น
|
||
|
\v 20 ท่านรู้จักพระบัญญัติที่บอกว่า อย่าล่วงประเวณี อย่าฆ่าคน อย่าลักขโมย อย่าเป็นพยานเท็จ จงให้เกียรติแก่บิดาและมารดาของท่าน"
|
||
|
\v 21 ขุนนางคนนั้นทูลว่า "บัญญัติทั้งหมดนี้ ข้าพเจ้าเชื่อฟังมาตั้งแต่สมัยข้าพเจ้ายังเป็นเด็ก"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 22 เมื่อพระเยซูทรงได้ยินดังนั้น พระองค์ก็ตรัสแก่เขาว่า "ท่านยังขาดอยู่สิ่งหนึ่ง ท่านต้องไปขายทั้งหมดที่ท่านมีอยู่ และแจกจ่ายให้แก่คนยากจน แล้วท่านจะมีทรัพย์สมบัติในสวรรค์ และจงตามเรามา"
|
||
|
\v 23 แต่เมื่อขุนนางได้ยินสิ่งเหล่านี้ เขาก็เป็นทุกข์อย่างมาก เพราะว่าเขาร่ำรวยมาก
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 24 แล้วพระเยซูทรงเห็นเขาเป็นทุกข์นัก จึงตรัสว่า "เป็นการยากแค่ไหนที่คนร่ำรวยจะเข้าในราชอาณาจักรของพระเจ้า
|
||
|
\v 25 เพราะอูฐลอดรูเข็มก็ยังง่ายกว่าคนร่ำรวยที่จะเข้าในราชอาณาจักรของพระเจ้า"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 26 บรรดาคนที่ได้ยินต่างก็พูดว่า "แล้วใครจะรอดได้?"
|
||
|
\v 27 พระเยซูทรงตอบว่า "สิ่งที่เป็นไปไม่ได้สำหรับมนุษย์นั้น แต่เป็นไปได้สำหรับพระเจ้า"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 28 เปโตรทูลว่า "พวกเราได้ทิ้งทุกสิ่งที่เป็นของเราเองและได้ติดตามพระองค์"
|
||
|
\v 29 แล้วพระเยซูตรัสกับพวกเขาว่า "เราบอกความจริงแก่พวกท่านว่า ผู้ใดที่ทิ้งบ้าน หรือภรรยา หรือพี่น้อง หรือบิดามารดา หรือบุตร เพื่อเห็นแก่ราชอาณาจักรของพระเจ้า
|
||
|
\v 30 ก็จะเป็นผู้ที่ไม่ได้รับมากขึ้นในโลกนี้ และจะได้ชีวิตนิรันดร์ในโลกหน้า"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 31 หลังจากที่พระองค์ทรงเรียกสาวกสิบสองคนเข้ามา พระองค์ตรัสแก่พวกเขาว่า "ดูเถิด พวกเรากำลังจะขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม และทุกสิ่งที่ได้เขียนไว้โดยพวกผู้เผยพระวจนะในเรื่องบุตรมนุษย์ก็จะสำเร็จลง
|
||
|
\v 32 เพราะว่าพระองค์จะถูกมอบให้แก่คนต่างชาติ และจะถูกเยาะเย้ย และจะถูกทำให้อับอาย และถูกถ่มน้ำลายรด
|
||
|
\v 33 หลังจากเฆี่ยนตีพระองค์แล้ว พวกเขาก็จะประหารพระองค์ และในวันที่สามพระองค์ก็จะเป็นขึ้นอีกครั้งหนึ่ง"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 34 พวกเขาไม่เข้าใจเรื่องเหล่านี้เลย และถ้อยคำนี้ถูกปิดซ่อนไว้จากพวกเขา และพวกเขาไม่เข้าใจสิ่งที่พระองค์ตรัส
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 35 เมื่อพระเยซูมาใกล้เมืองเยรีโค มีชายตาบอดคนหนึ่งกำลังนั่งขอทานอยู่ริมถนน
|
||
|
\v 36 เมื่อได้ยินเสียงฝูงชนกำลังเดินผ่านไป เขาก็ถามว่าเกิดอะไรขึ้น
|
||
|
\v 37 พวกเขาบอกชายตาบอดนั้นว่าพระเยซูชาวนาซาเร็ธกำลังเสด็จผ่านมา
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 38 ดังนั้นชายตาบอดก็ร้องออกมาว่า "พระเยซู บุตรดาวิด โปรดเมตตาข้าพระองค์ด้วยเถิด"
|
||
|
\v 39 ผู้คนที่เดินอยู่ข้างหน้าก็ห้ามปรามชายตาบอด บอกให้เขาเงียบ แต่เขากลับร้องดังกว่าเดิมว่า "บุตรดาวิด โปรดเมตตาข้าพระองค์เถิด"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 40 พระเยซูทรงหยุดนิ่งและตรัสสั่งให้พาชายคนนั้นเข้ามาหาพระองค์ เมื่อชายตาบอดเข้ามาใกล้ พระเยซูตรัสถามเขา
|
||
|
\v 41 "ท่านอยากให้เราทำอะไรแก่ท่าน?" เขาทูลว่า "องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์อยากมองเห็น"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 42 พระเยซูตรัสแก่เขาว่า "จงมองเห็นเถิด ความเชื่อของท่านทำให้ท่านหาย"
|
||
|
\v 43 ทันใดนั้นเขาก็มองเห็น และตามพระองค์ไป ถวายเกียรติพระเจ้า เมื่อประชาชนทั้งหมดได้เห็นสิ่งนี้ก็พากันสรรเสริญพระเจ้า
|
||
|
\s5
|
||
|
\c 19
|
||
|
\p
|
||
|
\v 1 ฝ่ายพระเยซูจึงเสด็จเข้าเมืองเยรีโคและกำลังจะทรงผ่านไป
|
||
|
\v 2 ดูเถิด มีชายคนหนึ่งอยู่ที่นั่นชื่อว่าศักเคียส เขาเป็นหัวหน้าคนเก็บภาษีและเป็นคนร่ำรวย
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 3 เขาพยายามจะเห็นว่าพระเยซูเป็นใคร แต่ดูไม่เห็นเพราะฝูงชน เนื่องจากว่าเขาตัวเตี้ย
|
||
|
\v 4 ดังนั้นเขาจึงวิ่งนำหน้าประชาชนไปและปีนขึ้นบนต้นมะเดื่อเพื่อจะได้เห็นพระองค์ เพราะพระเยซูกำลังจะเสด็จผ่านมาทางนั้น
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 5 เมื่อพระเยซูมาถึงสถานที่นั้น พระองค์เงยหน้าขึ้นและตรัสกับเขาว่า "ศักเคียสเอ๋ย จงรีบลงมาเถิด เพราะวันนี้เราต้องพักอยู่ที่บ้านของท่าน"
|
||
|
\v 6 ดังนั้น เขาจึงรีบปีนลงมาและต้อนรับพระองค์อย่างเบิกบานใจ
|
||
|
\v 7 เมื่อคนทั้งหลายเห็นดังนี้ พวกเขาทั้งหมดก็บ่นกันว่า "พระองค์ไปเป็นแขกของชายคนนั้นซึ่งคนบาป"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 8 ศักเคียสลุกขึ้นยืนและทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า "ดูเถิด องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าจะมอบทรัพย์สินครึ่งหนึ่งของข้าพเจ้าให้กับคนยากไร้ และถ้าหากข้าพเจ้าได้โกงสิ่งใดของผู้ใด ข้าพเจ้าก็จะคืนให้สี่เท่า"
|
||
|
\v 9 พระเยซูตรัสกับเขาว่า "วันนี้ ความรอดก็มาถึงบ้านหลังนี้แล้ว เพราะเขาก็เป็นบุตรของอับราฮัมอีกคนหนึ่งด้วย
|
||
|
\v 10 เพราะบุตรมนุษย์ได้มาเพื่อแสวงหาและช่วยผู้คนที่หลงหายให้รอด"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 11 ขณะที่พวกเขาได้ยินเรื่องเหล่านี้ พระองค์กำลังตรัสต่อไปอีกเป็นคำอุปมา เพราะพระองค์อยู่ใกล้กับกรุงเยรูซาเล็ม และพวกเขาคิดว่าราชอาณาจักรของพระเจ้ากำลังจะมาปรากฏในทันที
|
||
|
\v 12 พระองค์ตรัสว่า "มีขุนนางองค์หนึ่งกำลังจะเดินทางไปเมืองไกล เพื่อจะรับอำนาจมาครองอาณาจักรแล้วจะกลับมา
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 13 ท่านจึงเรียกผู้รับใช้ของท่านสิบคนมามอบเงินไว้แก่เขาสิบมินา สั่งเขาว่า `จงเอาไปค้าขายจนเราจะกลับมา'
|
||
|
\v 14 แต่ชาวเมืองชังท่านผู้นั้น จึงใช้คณะทูตตามไปทูลท่านว่า `เราไม่ต้องการให้ผู้นี้ครอบครองเรา'
|
||
|
\v 15 เมื่อท่านได้รับอำนาจครองอาณาจักรกลับมาแล้ว ท่านจึงสั่งให้เรียกผู้รับใช้ทั้งหลายที่ท่านได้ให้เงินไว้นั้นมา เพื่อจะได้รู้ว่าเขาทุกคนค้าขายได้กำไรมาเท่าไร
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 16 คนแรกมาบอกนายว่า `ท่านเจ้านาย เงินมินาหนึ่งของท่านได้กำไรสิบมินา'
|
||
|
\v 17 ท่านขุนนางจึงพูดกับเขาว่า 'ดีมาก ผู้รับใช้ที่ดี เพราะเจ้าซื่อสัตย์ในสิ่งที่เล็กน้อย เจ้าจะมีอำนาจที่จะปกครองสิบเมือง'
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 18 คนที่สองเข้ามาแล้วพูดว่า "เงินมินาของท่านเจ้านายได้กำไรห้ามินา"
|
||
|
\v 19 ท่านขุนนางจึงพูดกับเขาว่า "เจ้าจงดูแลเมืองห้าเมืองเถิด"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 20 อีกคนหนึ่งเข้ามาแล้วพูดว่า 'องค์พระผูเป็นเจ้า นี่คือเงินมินาของท่านที่ข้าพเจ้าเก็บใส่ไว้ในผ้าอย่างปลอดภัย
|
||
|
\v 21 เพราะข้าพเจ้ากลัวท่าน เนื่องจากท่านเป็นคนเข้มงวด ท่านเก็บผลที่ท่านไม่ได้ลงแรง และเกี่ยวสิ่งที่ท่านไม่ได้หว่าน’
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 22 ขุนนางนั้นจึงพูดกับเขาว่า 'เราจะตัดสินเจ้าตามคำพูดของเจ้าเอง เจ้าทาสชั่วช้า เจ้ารู้ว่าเราเป็นผู้ที่เข้มงวด เก็บเอาผลที่เราไม่ได้ลงแรง และเกี่ยวในสิ่งที่เราไม่ได้หว่าน
|
||
|
\v 23 แล้วทำไมเจ้าไม่เก็บเงินไว้ในธนาคาร เมื่อเรากลับมาก็จะได้เงินพร้อมดอกเบี้ยด้วย?'
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 24 ขุนนางนั้นจึงพูดกับคนเหล่านั้นที่ยืนอยู่ว่า 'จงนำเงินมินาจากเขาและให้กับคนที่มีสิบมินา'
|
||
|
\v 25 พวกเขาพูดกับท่านว่า 'ท่านเจ้านาย ชายคนนั้นมีสิบมินาแล้ว'
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 26 'เราบอกกับพวกท่านว่า คนที่มีมากก็จะได้รับมากขึ้นอีก แต่สำหรับคนที่ไม่มี แม้แต่สิ่งที่เขามีนั้นก็จะถูกเอาไป
|
||
|
\v 27 แต่บรรดาศัตรูของเรา ผู้ที่ไม่ยอมให้เราปกครองพวกมัน จงนำตัวพวกมันมาที่นี่แล้วฆ่าพวกมันเสียต่อหน้าเรา'
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 28 เมื่อพระองค์ตรัสสิ่งเหล่านี้แล้ว พระองค์ก็เดินนำหน้า ขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 29 เมื่อพระองค์ได้มาถึงหมู่บ้านเบธฟายีและเบธานีบนภูเขาที่เรียกว่าภูเขามะกอกเทศ พระองค์ส่งสาวกไปสองคน
|
||
|
\v 30 ตรัสว่า "จงไปยังหมู่บ้านถัดไป เมื่อพวกท่านเข้าไปก็จะเห็นลูกลาที่ยังไม่เคยถูกขี่ จงแก้มัดแล้วพามันมาให้เรา
|
||
|
\v 31 ถ้ามีใครถามพวกท่านว่า 'พวกท่านแก้มัดมันทำไม?' ให้ตอบว่า 'องค์พระผู้เป็นเจ้าต้องการใช้มัน'"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 32 พวกคนที่ถูกส่งไปก็พบลูกลาตามที่พระเยซูได้ตรัสกับพวกเขา
|
||
|
\v 33 ขณะที่พวกเขากำลังแก้มัดลูกลาอยู่นั้น พวกเจ้าของก็ถามพวกเขาว่า "ท่านแก้มัดลูกลาทำไม?"
|
||
|
\v 34 พวกเขาตอบว่า "องค์พระผู้เป็นเจ้าต้องการใช้มัน"
|
||
|
\v 35 พวกเขานำลูกลามาให้พระเยซู และพวกเขาวางเสื้อคลุมของพวกเขาไว้บนหลังลาแล้วให้พระเยซูขึ้นขี่มัน
|
||
|
\v 36 ขณะที่พระองค์เสด็จนั้น พวกเขาก็พากันปูเสื้อคลุมของตนไว้บนถนน
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 37 เมื่อพระองค์เสด็จมาใกล้ทางลงจากภูเขามะกอกเทศ ฝูงชนของเหล่าสาวกทั้งหมดต่างชื่นชมยินดีและสรรเสริญพระเจ้ากันเสียงดัง สำหรับมหกิจทั้งหมดที่พวกเขาได้เห็น
|
||
|
\v 38 และพูดว่า "สรรเสริญกษัตริย์ผู้เสด็จมาในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้า ขอจงมีสันติสุขในสวรรค์ และพระเกียรติสิริในที่สูงสุด"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 39 ฟาริสีบางคนในฝูงชนทูลพระองค์ว่า "ท่านอาจารย์ จงห้ามพวกสาวกของท่าน"
|
||
|
\v 40 พระเยซูตอบว่า "เราบอกท่านว่า ถ้าแม้คนเหล่านี้เงียบเสียงไป ก้อนหินทั้งหลายก็จะเปล่งเสียงแทน"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 41 เมื่อพระเยซูเสด็จมาใกล้เมือง พระองค์ร้องไห้เสียใจให้กับเมืองนี้
|
||
|
\v 42 ตรัสว่า "ถ้าเพียงแต่เจ้าได้รู้ในวันนี้ว่าอะไรจะนำสันติสุขมาสู่เจ้า แต่บัดนี้สิ่งนั้นถูกซ่อนจากสายตาของเจ้าแล้ว
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 43 เพราะว่าเวลานั้นจะมาถึงเจ้า เมื่อพวกศัตรูของเจ้าจะก่อเชิงเทินต่อสู้เจ้า และล้อมขังเจ้าไว้ทุกด้าน
|
||
|
\v 44 พวกเขาจะเหวี่ยงเจ้าลงกับพื้น และลูกทั้งหลายของเจ้าซึ่งอยู่ในเจ้า พวกเขาจะไม่ปล่อยให้ก้อนหินซ้อนทับกันสักก้อนเลย เพราะเจ้าไม่ได้ตระหนักถึงเมื่อพระเจ้าพยายามช่วยเจ้า"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 45 พระเยซูเข้าไปในพระวิหารและไล่พวกที่กำลังขายของอยู่
|
||
|
\v 46 ตรัสกับพวกเขาว่า "มีเขียนไว้ว่า 'วิหารของเราเป็นวิหารแห่งการอธิษฐาน' แต่พวกท่านทำให้เป็นถ้ำของพวกโจร"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 47 ดังนั้นพระเยซูกำลังสั่งสอนอยู่ที่พระวิหารทุกวัน พวกหัวหน้าปุโรหิตและพวกธรรมาจารย์ และเหล่าผู้นำของประชาชนต้องการจะฆ่าพระองค์
|
||
|
\v 48 แต่พวกเขายังไม่สามารถหาทางทำได้ เพราะประชาชนทั้งปวงกำลังตั้งใจฟังคำสอนของพระองค์
|
||
|
\s5
|
||
|
\c 20
|
||
|
\p
|
||
|
\v 1 วันหนึ่ง ขณะที่พระเยซูกำลังสั่งสอนประชาชนในพระวิหารและเทศนาข่าวประเสริฐอยู่นั้น พวกหัวหน้าปุโรหิต และธรรมาจารย์พร้อมกับพวกผู้อาวุโส มาหาพระองค์
|
||
|
\v 2 พวกเขาทูลพระองค์ว่า "บอกพวกเราด้วยว่าท่านกระทำการเหล่านี้ด้วยสิทธิอำนาจอะไร หรือใครเป็นผู้ให้สิทธิอำนาจนี้แก่ท่าน"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 3 พระองค์ตรัสตอบพวกเขาว่า "เราก็จะถามพวกท่านข้อหนึ่งด้วยเหมือนกัน และพวกท่านจงบอกเราว่า
|
||
|
\v 4 บัพติศมาของยอห์นมาจากสวรรค์หรือมาจากมนุษย์?"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 5 พวกเขาหารือกันว่า "ถ้าพวกเราบอกว่า 'มาจากสวรรค์' เขาก็จะถามว่า 'แล้วทำไมท่านถึงไม่เชื่อยอห์น?'
|
||
|
\v 6 แต่ถ้าพวกเราบอกว่า 'มาจากมนุษย์' ประชาชนทั้งหมดก็จะเอาหินขว้างพวกเรา เพราะพวกเขาเชื่อว่ายอห์นเป็นผู้เผยพระวจนะ"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 7 ดังนั้นพวกเขาจึงตอบว่าพวกเขาไม่รู้ว่ามาจากไหน
|
||
|
\v 8 พระเยซูจึงตรัสกับพวกเขาว่า "เราก็จะไม่บอกท่านเหมือนกันว่า เรากระทำการเหล่านี้ด้วยสิทธิอำนาจอันใด"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 9 พระองค์ได้เล่าคำอุปมาเรื่องนี้ให้ประชาชนฟังว่า "ชายคนหนึ่งปลูกสวนองุ่นไว้ แล้วให้ชาวสวนเช่า แล้วออกเดินทางไปต่างประเทศเป็นเวลานาน
|
||
|
\v 10 เมื่อถึงเวลากำหนด เขาจึงส่งคนรับใช้ไปยังชาวสวน เพื่อเก็บส่วนแบ่งจากสวนองุ่นนั้น แต่ชาวสวนกลับทุบตีเขา และไล่เขากลับไปมือเปล่า
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 11 เขาจึงส่งคนรับใช้ไปอีกคนหนึ่ง พวกชาวสวนก็ทุบตีเขา กระทำต่อเขาอย่างน่าละอาย แล้วไล่เขากลับไปมือเปล่า
|
||
|
\v 12 เขาก็ยังส่งคนรับใช้คนที่สามไปอีกครั้ง และพวกชาวสวนทำร้ายเขา และโยนเขาออกไป
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 13 ดังนั้นผู้เป็นเจ้าของสวนองุ่นจึงกล่าวว่า 'เราจะทำอย่างไรดี? เราจะส่งบุตรชายที่รักของเราไป บางทีพวกชาวสวนคงจะให้เกียรติเขาบ้าง'
|
||
|
\v 14 แต่เมื่อพวกชาวสวนเห็นบุตรนั้น พวกเขาหารือกันว่า 'นี่คือเป็นทายาท ให้พวกเราฆ่าเขาเสีย เพื่อมรดกจะได้ตกเป็นของพวกเรา'
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 15 พวกเขาโยนร่างของบุตรนั้นออกไปนอกสวนองุ่นแล้วฆ่าเขา แล้วผู้เป็นเจ้าของสวนองุ่น จะทำอย่างไรกับพวกเขา?
|
||
|
\v 16 เจ้าของสวนก็จะมาฆ่าพวกชาวสวนองุ่นนั้น แล้วยกสวนองุ่นให้แก่ผู้อื่นเสีย" เมื่อพวกเขาได้ยินอย่างนั้นจึงทูลว่า "ขออย่าให้เป็นเช่นนั้นเลย"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 17 แต่พระเยซูทรงจ้องดูพวกเขาแล้วตรัสว่า "แล้วที่เขียนไว้นั้นหมายความว่าอย่างไร 'ศิลาซึ่งช่างก่อได้ปฏิเสธเสีย ได้กลับกลายเป็นศิลามุมเอกแล้ว'?
|
||
|
\v 18 ทุกคนที่ตกทับศิลานั้นจะแหลกเป็นชิ้นๆ แต่ศิลานี้ตกทับผู้ใด ผู้นั้นจะแหลกละเอียด"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 19 ดังนั้นพวกธรรมาจารย์และพวกหัวหน้าปุโรหิตจึงหาช่องทางที่จะจับพระองค์เสียในเวลานั้น เพราะพวกเขารู้ว่าพระองค์ตรัสคำอุปมานั้นเพื่อว่ากระทบเขา แต่พวกเขากลัวประชาชน
|
||
|
\v 20 พวกเขาจับตาดูพระองค์อย่างใกล้ชิดโดยส่งคนสอดแนมซึ่งแสร้งทำเป็นคนซื่อตรงมา หวังจะจับผิดถ้อยคำของพระเยซู แล้วจะได้มอบพระองค์ไว้ในอำนาจและการพิพากษาของผู้ว่าการ
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 21 พวกเขาถามพระองค์ว่า "ท่านอาจารย์ เรารู้ว่าท่านพูดและสอนอย่างถูกต้อง และไม่เห็นแก่หน้าใคร แต่ท่านสอนความจริงเรื่องทางของพระเจ้า
|
||
|
\v 22 การที่จะจ่ายภาษีให้แก่ซีซาร์นั้นถูกต้องตามพระราชบัญญัติหรือไม่?"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 23 แต่พระเยซูทรงรู้ทันอุบายของพวกเขา จึงตรัสกับพวกเขาว่า
|
||
|
\v 24 "จงเอาเงินเดนาริอันเหรียญหนึ่งมาให้เราดู รูปและคำจารึกนี้เป็นของใคร?” พวกเขาทูลตอบว่า “ของซีซาร์"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 25 พระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า "ถ้าอย่างนั้นของๆ ซีซาร์ก็จงถวายแก่ซีซาร์ และของๆ พระเจ้าก็จงถวายแด่พระเจ้า"
|
||
|
\v 26 พวกเขาจึงจับผิดในคำสอนของพระองค์ต่อหน้าประชาชนไม่ได้ และพวกเขาก็ประหลาดใจในคำตอบของพระองค์จึงเงียบไป
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 27 เมื่อพวกสะดูสีบางคนมาหาพระองค์ พวกนี้คือคนที่ไม่เชื่อในเรื่องการเป็นขึ้นมาจากความตาย
|
||
|
\v 28 พวกเขาถามพระองค์ว่า "ท่านอาจารย์ โมเสสเขียนสั่งพวกเราไว้ว่า ถ้าชายคนใดมีภรรยาและตายไปโดยไม่มีบุตร ก็ให้น้องชายรับพี่สะใภ้นั้นไว้เป็นภรรยาของตน เพื่อมีบุตรสืบตระกูลให้พี่ชาย
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 29 มีพี่น้องอยู่เจ็ดคน คนแรกมีภรรยาและตายโดยไม่มีบุตร
|
||
|
\v 30 และคนที่สองก็เช่นกัน
|
||
|
\v 31 คนที่สามจึงรับเธอมาเป็นภรรยา และเป็นเช่นนี้ไปจนถึงคนที่เจ็ด ก็ยังไม่มีบุตรแล้วก็ตายไป
|
||
|
\v 32 ต่อมาภายหลังหญิงนั้นก็ตายด้วย
|
||
|
\v 33 ในวันที่มีการเป็นขึ้นมาจากความตาย เธอจะเป็นภรรยาของใคร? เพราะทั้งเจ็ดคนต่างก็ได้เธอเป็นภรรยาของพวกเขาเหมือนกัน"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 34 พระเยซูตรัสกับพวกเขาว่า "คนในโลกนี้แต่งงานและถูกยกให้เป็นสามีภรรยากัน
|
||
|
\v 35 แต่ผู้ที่สมควรมีส่วนในยุคนั้นที่ได้รับในการเป็นขึ้นจากตาย จะไม่แต่งงานหรือยกให้เป็นสามีภรรยากัน
|
||
|
\v 36 พวกเขาจะไม่ตายอีกเลย เพราะพวกเขาจะเป็นเหมือนทูตสวรรค์ และเป็นบุตรของพระเจ้าเนื่องจากเป็นบุตรแห่งการเป็นขึ้นจากตาย
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 37 แต่เรื่องการเป็นขึ้นมาจากความตายนั้น โมเสสก็สำแดงไว้ในเรื่องพุ่มไม้ ท่านเรียกองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า พระเจ้าของอับราฮัม พระเจ้าของอิสอัค และพระเจ้าของยาโคบ
|
||
|
\v 38 บัดนี้พระองค์ไม่ใช่พระเจ้าของคนตาย แต่เป็นพระเจ้าของคนเป็น เพราะว่าจำเพาะพระเจ้าคนทุกคนเป็นอยู่"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 39 พวกธรรมาจารย์บางคนทูลตอบว่า "ท่านอาจารย์ ท่านตอบได้ดี"
|
||
|
\v 40 เพราะพวกเขาไม่กล้าถามคำถามอะไรพระองค์เพิ่มอีกเลย
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 41 พระเยซูตรัสกับพวกเขาว่า "ที่คนทั้งหลายว่า พระคริสต์ทรงเป็นเชื้อสายของดาวิดนั้นเป็นได้อย่างไร?
|
||
|
\v 42 เพราะว่าดาวิดเองกล่าวไว้ในพระธรรมสดุดีว่า พระเจ้าตรัสกับองค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้าว่า 'จงนั่งข้างขวามือของเรา
|
||
|
\v 43 จนกว่าเราจะทำให้ศัตรูของท่าน เป็นที่รองเท้าของท่าน'
|
||
|
\v 44 ฉะนั้นถ้าดาวิดยังเรียกพระคริสต์ว่า "องค์พระผู้เป็นเจ้า" แล้วพระองค์จะเป็นบุตรของดาวิดได้อย่างไร?"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 45 ขณะประชาชนทั้งหมดกำลังฟังอยู่ พระองค์ตรัสกับบรรดาสาวกของพระองค์ว่า
|
||
|
\v 46 "จงระวังพวกธรรมาจารย์ให้ดี พวกที่ชอบสวมเสื้อคลุมยาวเดินไปเดินมา ชอบให้คนคำนับกลางตลาด ชอบที่นั่งสำคัญในธรรมศาลาและที่มีเกียรติในงานเลี้ยง
|
||
|
\v 47 พวกเขายึดบ้านของหญิงม่ายและแสร้งอธิษฐานเสียยืดยาว พวกคนเช่นนี้จะต้องถูกลงโทษหนักยิ่งขึ้น"
|
||
|
\s5
|
||
|
\c 21
|
||
|
\p
|
||
|
\v 1 พระเยซูเงยหน้าขึ้นและเห็นเศรษฐีคนหนึ่งกำลังนำเงินใส่ตู้เก็บเงินถวาย
|
||
|
\v 2 พระองค์ยังทรงเห็นหญิงม่ายยากจนคนหนึ่งหย่อนเหรียญทองแดงเล็กๆ สองเหรียญถวายด้วย
|
||
|
\v 3 แล้วพระองค์จึงตรัสว่า "เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า หญิงม่ายคนนี้ถวายเงินมากกว่าคนทั้งปวง
|
||
|
\v 4 เขาเหล่านั้นได้ถวายเงินส่วนที่เหลือใช้ แต่หญิงม่ายนี้ ทั้งที่ยากจน ยังเอาทั้งหมดที่เธอมีไว้เลี้ยงชีพมาถวาย”
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 5 ขณะที่บางคนพูดถึงพระวิหารว่ามีการตกแต่งด้วยหินที่สวยงามและของถวายต่างๆ พระองค์จึงว่า
|
||
|
\v 6 "สิ่งเหล่านี้ที่พวกท่านเห็น จะมีสักวันหนึ่งที่จะไม่มีก้อนหินซ้อนทับกันแม้แต่ก้อนเดียว แต่จะถูกทำลายลงหมด"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 7 ดังนั้นพวกเขาจึงทูลถามพระองค์ว่า "พระอาจารย์ เหตุการณ์พวกนี้จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่? อะไรเป็นหมายสำคัญว่าใกล้จะเกิดขึ้นแล้ว?"
|
||
|
\v 8 พระเยซูตรัสตอบว่า "จงระวังอย่าให้ใครหลอกพวกท่านได้ เพราะว่าจะมีหลายคนมาต่างอ้างนามของเรา บอกว่า 'เราเป็นผู้นั้น' และ 'เวลานั้นมาใกล้แล้ว' อย่าตามพวกเขาไป
|
||
|
\v 9 เมื่อพวกท่านได้ยินเสียงเรื่องของสงครามและการจลาจล อย่าตกใจกลัว เพราะว่าสิ่งเหล่านี้จำเป็นจะต้องเกิดขึ้นก่อน แต่ที่สุดปลายยังจะไม่มาทันที"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 10 แล้วพระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า "ประชาชาติต่อประชาชาติ อาณาจักรต่ออาณาจักรจะสู้รบกัน
|
||
|
\v 11 จะมีแผ่นดินไหวใหญ่และเกิดการกันดารอาหารในที่ต่างๆและโรคระบาด และจะมีเหตุการณ์ที่น่ากลัวและหมายสำคัญใหญ่ๆ จากฟ้าสวรรค์
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 12 แต่ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์เหล่านั้น เขาทั้งหลายจะจับพวกท่านไว้ และจะข่มเหงพวกท่านและจะส่งมอบตัวพวกท่านไปยังธรรมศาลาและคุก และจะพาพวกท่านไปอยู่ต่อหน้าบรรดากษัตริย์และเจ้าเมืองทั้งหลาย เพราะนามของเรา
|
||
|
\v 13 สิ่งนี้จะนำไปสู่โอกาสเพื่อที่พวกท่านจะได้เป็นพยาน
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 14 ดังนั้นอย่าให้ใจของท่านวิตกกังวลไปก่อนว่าจะแก้ต่างข้อหาเหล่านั้นอย่างไร
|
||
|
\v 15 เพราะเราจะให้ถ้อยคำและสติปัญญานั้นแก่พวกท่าน ซึ่งพวกศัตรูของท่านทั้งหลายจะต่อต้านและคัดค้านไม่ได้
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 16 แม้แต่บิดามารดา พี่น้อง ญาติๆ และเพื่อนๆ ก็จะมอบตัวพวกท่านไว้ และพวกเขาจะทำให้พวกท่านบางคนถึงแก่ความตาย
|
||
|
\v 17 ทุกคนจะเกลียดชังพวกท่านเพราะนามของเรา
|
||
|
\v 18 แต่ผมแม้เพียงเส้นเดียวจะไม่ร่วงจากศรีษะของท่านเลย
|
||
|
\v 19 พวกท่านจะได้ชีวิตรอดโดยความทรหดอดทนของพวกท่าน
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 20 เมื่อท่านเห็นกองทัพทั้งหลายมาตั้งล้อมรอบกรุงเยรูซาเล็ม เมื่อนั้นจงรู้ว่าวิบัติของกรุงนั้นก็ใกล้เข้ามาแล้ว
|
||
|
\v 21 แล้วให้ผู้ที่อยู่ในแคว้นยูเดียหนีไปยังภูเขา และผู้ที่อยู่ในเมืองให้ออกไป และผู้ที่อยู่นอกเมืองให้เข้ามาในเมือง
|
||
|
\v 22 เพราะว่าวันเหล่านี้คือวันแห่งการแก้แค้น เพื่อให้ทุกสิ่งที่เขียนไว้นั้นจะสำเร็จ
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 23 ในวันเหล่านั้น วิบัติแก่หญิงที่มีครรภ์หรือมีลูกอ่อนกินนมอยู่ เพราะว่าจะมีความทุกข์ร้อนใหญ่หลวงบนแผ่นดิน และพระพิโรธจะตกแก่ชนชาตินี้
|
||
|
\v 24 พวกเขาจะล้มลงด้วยคมดาบและพวกเขาจะต้องถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลยของทุกประชาชาติ และคนต่างชาติจะเหยียบย่ำกรุงเยรูซาเล็ม จนกว่าเวลากำหนดของคนต่างชาตินั้นจะครบถ้วน
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 25 จะมีหมายสำคัญที่ดวงอาทิตย์ ที่ดวงจันทร์ และที่ดวงดาวทั้งปวง และบนแผ่นดิน ประชาชาติต่างๆ จะมีความทุกข์ร้อน มีความฉงนสนเท่ห์เพราะเสียงกึกก้องของทะเลและคลื่น
|
||
|
\v 26 จะมีผู้คนจะสลบไสลเพราะความกลัว และหวาดหวั่นเกี่ยวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในโลก เพราะบรรดาสิ่งที่มีอำนาจในท้องฟ้าจะสะเทือนสะท้าน
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 27 แล้วพวกเขาจะเห็นบุตรมนุษย์เสด็จมาในหมู่เมฆด้วยฤทธิ์อำนาจและด้วยพระเกียรติสิริอันยิ่งใหญ่
|
||
|
\v 28 แต่เมื่อสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดเริ่มเกิดขึ้น จงยืนขึ้นและเชิดศีรษะพวกท่านขึ้น เพราะพวกท่านใกล้จะได้รับการไถ่แล้ว"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 29 พระเยซูตรัสกับเขาเป็นคำอุปมาว่า "จงดูต้นมะเดื่อและต้นไม้ทั้งหมด
|
||
|
\v 30 เมื่อพวกมันผลิใบ พวกท่านก็เห็นและรู้ด้วยตนเองว่าฤดูร้อนใกล้เข้ามาแล้ว
|
||
|
\v 31 เช่นเดียวกัน เมื่อพวกท่านเห็นสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น พวกท่านก็รู้ว่าราชอาณาจักรของพระเจ้าใกล้เข้ามาแล้ว
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 32 เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า คนในยุคนี้จะไม่ล่วงลับไปจนกว่าทุกสิ่งจะเกิดขึ้น
|
||
|
\v 33 ฟ้าและดินจะล่วงไป แต่ถ้อยคำของเราจะไม่สูญหายเลย
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 34 แต่จงระวังตัวของพวกท่านเองให้ดี เกรงว่าใจของพวกท่านจะเต็มล้นไปด้วยการเมาเหล้า และการห่วงกังวลถึงชีวิตนี้ แล้วเวลานั้นจะมาถึงพวกท่านโดยไม่คาดฝัน
|
||
|
\v 35 เพราะวันนั้นจะมาถึงคนทั้งปวงที่ใช้ชีวิตอยู่บนพื้นโลก
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 36 แต่จงตื่นตัวตลอดเวลา จงอธิษฐานเพื่อพวกท่านจะเข้มแข็งเพียงพอจนสามารถหลีกหนีจากสิ่งเหล่านั้นที่จะเกิดขึ้น และเพื่อจะยืนหยัดต่อพระพักตร์ของบุตรมนุษย์ได้"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 37 ดังนั้นพระองค์ทรงสั่งสอนในบริเวณพระวิหารในช่วงเวลากลางวัน และในเวลากลางคืนพระองค์เสด็จออกไปและประทับบนภูเขามะกอกเทศ
|
||
|
\v 38 ประชาชนทั้งปวงมากันแต่เช้าตรู่เพื่อจะฟังพระองค์ในพระวิหาร
|
||
|
\s5
|
||
|
\c 22
|
||
|
\p
|
||
|
\v 1 ขณะเมื่อใกล้จะถึงเทศกาลขนมปังไม่ใส่เชื้อที่เรียกว่าปัสกาแล้ว
|
||
|
\v 2 พวกหัวหน้าปุโรหิตกับพวกธรรมาจารย์ปรึกษากันว่าพวกเขาจะฆ่าพระเยซูอย่างไร เพราะพวกเขากลัวประชาชน
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 3 แล้วซาตานได้เข้าดลใจยูดาสอิสคาริโอทซึ่งเป็นคนหนึ่งในสาวกสิบสองคน
|
||
|
\v 4 ยูดาสไปหากับพวกหัวหน้าปุโรหิตและพวกนายทหารและปรึกษากับพวกเขาว่าเขาจะทรยศพระเยซูได้ด้วยวิธีใด
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 5 พวกเขายินดีมาก และตกลงกันว่าจะให้เงินแก่ยูดาส
|
||
|
\v 6 เขาจึงตอบตกลง และพยายามมองหาโอกาสเหมาะที่จะมอบพระองค์แก่พวกเขา ในสถานที่ห่างไกลจากฝูงชน
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 7 เมื่อถึงวันเทศกาลขนมปังไม่ใส่เชื้อซึ่งจะต้องถวายลูกแกะสำหรับปัสกา
|
||
|
\v 8 ดังนั้นพระเยซูจึงส่งเปโตร และยอห์นไปและตรัสว่า "จงไปและจัดเตรียมปัสกาสำหรับพวกเรา เพื่อที่พวกเราจะรับประทานกัน"
|
||
|
\v 9 พวกเขาทูลพระองค์ว่า "พระองค์ทรงประสงค์ให้พวกเราจัดเตรียมที่ไหน?"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 10 พระองค์ตรัสตอบพวกเขาว่า "จงฟัง เมื่อพวกท่านเข้าไปในเมือง จะมีชายคนหนึ่งทูนหม้อน้ำมาพบพวกท่าน จงตามเขาไปยังบ้านที่เขาเข้าไป
|
||
|
\v 11 แล้วบอกกับเจ้าของบ้านว่า 'พระอาจารย์ให้ถามท่านว่า' "ห้องรับแขกที่เราจะรับประทานปัสกากับสาวกของเราอยู่ที่ไหน?'"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 12 เขาจะชี้ให้พวกท่านเห็นห้องใหญ่ชั้นบนที่ตกแต่งเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว"
|
||
|
\v 13 ดังนั้นพวกเขาก็ไปและพบทุกสิ่งตามที่พระองค์ตรัสกับพวกเขา แล้วพวกเขาก็จัดเตรียมอาหารปัสกาไว้พร้อมที่นั่น
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 14 เมื่อถึงเวลา พระองค์ทรงนั่งลงกับพวกอัครสาวก
|
||
|
\v 15 แล้วพระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า "เรามีความปรารถนาอย่างยิ่งที่จะรับประทานปัสกานี้กับพวกท่านก่อนที่เราจะต้องทนทุกข์
|
||
|
\v 16 เพราะเราบอกพวกท่านว่า เราจะไม่รับประทานปัสกานี้อีก จนกว่าปัสกานี้สำเร็จครบถ้วนในราชอาณาจักรของพระเจ้า"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 17 แล้วพระเยซูทรงหยิบถ้วย และเมื่อพระองค์ทรงขอบพระคุณแล้ว พระองค์ตรัสว่า "จงรับถ้วยนี้ไปแบ่งกันดื่ม
|
||
|
\v 18 เพราะเราบอกท่านทั้งหลายว่า เราจะไม่ดื่มจากผลของเถาองุ่นอีกต่อไปจนกว่าราชอาณาจักรของพระเจ้ามาถึง
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 19 แล้วพระองค์ทรงหยิบขนมปัง และเมื่อพระองค์ทรงขอบพระคุณแล้ว พระองค์จึงทรงหักขนมปัง และตรัสว่า "นี่คือกายของเราที่ให้แก่ท่านทั้งหลาย จงทำอย่างนี้ เพื่อระลึกถึงเรา"
|
||
|
\v 20 พระองค์ทรงหยิบถ้วยนั้นด้วยอาการอย่างเดียวกัน และตรัสว่า "ถ้วยนี้คือพันธสัญญาใหม่โดยโลหิตของเรา ซึ่งเทออกเพื่อท่านทั้งหลาย
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 21 แต่ให้สนใจว่า คนที่ทรยศเราอยู่ร่วมโต๊ะกับเราด้วย
|
||
|
\v 22 เพราะบุตรมนุษย์จะไปตามที่กำหนดไว้ แต่วิบัติแก่ผู้ที่ทรยศต่อบุตรมนุษย์ แต่วิบัติแก่คนนั้น คือผู้ที่ได้ทรยศพระองค์"
|
||
|
\v 23 พวกเขาเริ่มถามกันเอง ว่าใครในพวกเขาที่จะทำเช่นนั้น
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 24 แล้วมีการโต้เถียงกันท่ามกลางพวกเขาด้วยว่าใครที่นับว่าเป็นใหญ่ที่สุด
|
||
|
\v 25 พระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า "บรรดากษัตริย์ของคนต่างชาติเป็นเจ้านายเหนือพวกเขา และมีอำนาจเหนือพวกเขาเรียกว่าเจ้าบุญนายคุณ
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 26 แต่พวกท่านจะไม่เป็นอย่างนั้น ในพวกท่านคนที่เป็นใหญ่ต้องเป็นเหมือนผู้เยาว์ที่สุด และให้คนที่สำคัญที่สุดเป็นเหมือนผู้ปรนนิบัติ
|
||
|
\v 27 เพราะคนที่นั่งโต๊ะกับผู้ปรนนิบัติ ใครยิ่งใหญ่กว่ากัน? คนที่นั่งโต๊ะไม่ใช่หรือ? แต่เราอยู่ท่ามกลางพวกท่านเหมือนผู้ปรนนิบัติ
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 28 แต่พวกท่านเป็นคนที่อยู่กับเราในเวลาที่เราถูกทดลอง
|
||
|
\v 29 เราได้มอบราชอาณาจักรให้แก่พวกท่าน อย่างที่พระบิดาของเราได้มอบราชอาณาจักรให้แก่เรา
|
||
|
\v 30 ที่พวกท่านจะได้กินและดื่มที่โต๊ะของเราในราชอาณาจักรของเรา และพวกท่านจะนั่งบนบัลลังก์เพื่อที่จะพิพากษาชนสิบสองเผ่าของอิสราเอล
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 31 ซีโมนเอ๋ย ซีโมน จงรู้ไว้ ซาตานได้ขอท่านไว้เพื่อจะฝัดร่อนท่านเหมือนฝัดข้าวสาลี
|
||
|
\v 32 แต่เราได้อธิษฐานเผื่อท่าน เพื่อความเชื่อของท่านจะไม่ล้มลง หลังจากที่ เมื่อท่านหันกลับมาแล้ว จงช่วยให้พี่น้องของท่านเข้มแข็งขึ้น"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 33 เปโตรทูลพระองค์ว่า"องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์พร้อมที่จะไปกับพระองค์ ไม่ว่าจะต้องติดคุกหรือตาย"
|
||
|
\v 34 พระเยซูตรัสตอบว่า "เราบอกท่านว่า เปโตรเอ๋ย วันนี้ก่อนไก่ขัน ท่านจะปฏิเสธว่าท่านไม่รู้จักเราถึงสามครั้ง"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 35 แล้วพระเยซูตรัสกับพวกเขาว่า "เมื่อเราส่งท่านออกไปโดยไม่มีถุงเงิน ย่าม หรือรองเท้า พวกท่านขาดสิ่งใดหรือไม่?" พวกเขาตอบพระองค์ว่า "ไม่ขาดสิ่งใดเลย"
|
||
|
\v 36 แล้วพระองค์จึงตรัสกับพวกเขาว่า "แต่บัดนี้ คนที่มีถุงเงินก็ให้เอาติดตัวไปและย่ามก็ให้เอาไปเหมือนกัน คนที่ไม่มีดาบก็ให้ขายเสื้อคลุมของเขา ไปซื้อดาบ
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 37 เพราะเราบอกพวกท่านว่า สิ่งที่เขียนไว้แล้วนั้นต้องสำเร็จในเรา คือว่า 'ท่านถูกนับเข้ากับคนอธรรม' เพราะว่าสิ่งที่เล็งถึงเรานั้นกำลังจะสำเร็จแล้ว"
|
||
|
\v 38 แล้วพวกเขาทูลพระองค์ว่า"องค์พระผู้เป็นเจ้า ดูสิ ที่นี่มีดาบสองเล่ม" และพระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า "พอแล้ว"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 39 พระองค์เสด็จออกไปที่ภูเขามะกอกเทศตามเคย และพวกสาวกของพระองค์ก็ตามพระองค์ไป
|
||
|
\v 40 เมื่อพวกเขามาถึง พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า "จงอธิษฐาน เพื่อที่พวกท่านจะไม่เข้าสู่การทดลอง"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 41 พระองค์เสด็จออกไปห่างจากพวกเขาเท่าระยะขว้างก้อนหิน พระองค์ทรงคุกเข่าลงและทรงอธิษฐาน
|
||
|
\v 42 ว่า "ข้าแต่พระบิดา ถ้าพระองค์พอพระทัย ขอให้ถ้วยนี้เลื่อนพ้นไปจากข้าพระองค์ แต่อย่างไรก็ดี อย่าให้เป็นไปตามใจข้าพระองค์ แต่ให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 43 แล้วทูตองค์หนึ่งจากฟ้าสวรรค์มาปรากฎต่อพระองค์ และช่วยให้พระองค์มีกำลังขึ้น
|
||
|
\v 44 เมื่อพระองค์ทรงทนทุกข์ พระองค์ก็ยิ่งอธิษฐานอย่างจริงจังมากขึ้น และเหงื่อของพระองค์เป็นเหมือนโลหิตเม็ดใหญ่ไหลหยดลงถึงดิน
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 45 พระองค์ทรงลุกขึ้นจากการอธิษฐานของพระองค์ และพระองค์เสด็จมาหาพวกสาวก และทรงเห็นว่าพวกเขากำลังหลับอยู่ เพราะความโศกเศร้า
|
||
|
\v 46 และตรัสถามพวกเขาว่า "ทำไมพวกท่านจึงยังหลับอยู่? จงลุกขึ้นและอธิษฐาน เพื่อพวกท่านจะไม่เข้าสู่การทดลอง"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 47 ขณะที่พระองค์ตรัสอยู่นั้น นี่แน่ะ มีฝูงชนปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับยูดาสหนึ่งในสาวกสิบสองคนที่นำพวกเขามา ยูดาสเข้ามาใกล้พระเยซูและจูบพระองค์
|
||
|
\v 48 แต่พระเยซูตรัสกับเขาว่า "ยูดาส ท่านจะทรยศต่อบุตรมนุษย์ด้วยการจูบหรือ?"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 49 เมื่อพวกสาวกที่ห้อมล้อมพระเยซูอยู่ เห็นว่าอะไรเกิดขึ้น พวกเขาทูลว่า"องค์พระผู้เป็นเจ้า พวกข้าพระองค์เอาดาบสู้ไหม?"
|
||
|
\v 50 แล้วหนึ่งในพวกเขาก็ฟันคนรับใช้ของมหาปุโรหิต และตัดหูข้างขวาของเขาขาด
|
||
|
\v 51 พระเยซูตรัสว่า "พอแล้ว" แล้วพระองค์ทรงแตะต้องหูของเขาและรักษาเขาให้หาย
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 52 พระเยซูตรัสกับพวกหัวหน้าปุโรหิต พวกนายทหารรักษาพระวิหาร และพวกผู้อาวุโสที่ออกมาจับพระองค์ว่า "พวกท่านเห็นเราเป็นโจรหรือ ถึงได้ถือดาบถือตะบองออกมา?
|
||
|
\v 53 เมื่อเราอยู่กับพวกท่านทุกวันในพระวิหาร พวกท่านไม่ยอมยื่นมือออกมาจับเรา แต่นี่เป็นเวลาของพวกท่าน และเป็นอำนาจของความมืด"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 54 พวกเขาก็จับพระองค์และพาเข้าไปในบ้านของมหาปุโรหิต แต่เปโตรตามไปห่างๆ
|
||
|
\v 55 หลังจากที่พวกเขาก่อไฟที่กลางลานบ้านและนั่งอยู่ด้วยกัน เปโตรก็นั่งอยู่ท่ามกลางพวกเขา
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 56 สาวใช้คนหนึ่งเห็นเปโตรนั่งอยู่ในแสงไฟก็จ้องมองเขาและพูดว่า "ชายคนนี้ก็อยู่กับเขาด้วย"
|
||
|
\v 57 แต่เปโตรปฏิเสธว่า "หญิงเอ๋ย ข้าไม่รู้จักเขา"
|
||
|
\v 58 หลังจากนั้นไม่นาน อีกคนหนึ่งก็เห็นเขาและพูดว่า "เจ้าเป็นคนหนึ่งในพวกเขา" แต่เปโตรบอกว่า "พ่อหนุ่ม ข้าไม่ได้เป็น"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 59 หลังจากนั้นประมาณหนึ่งชั่วโมง มีอีกคนยืนยันว่า "ชายคนนี้อยู่กับเขาแน่ๆ เพราะเขาเป็นชาวกาลิลี"
|
||
|
\v 60 แต่เปโตรบอกว่า "พ่อหนุ่ม ที่ท่านพูดนั้น ข้าไม่รู้ว่าท่านกำลังพูดอะไร" ในทันใดนั้น ในขณะที่เขาพูดอยู่ไก่ก็ขัน
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 61 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเหลียวมามองที่เปโตร และเปโตรจึงระลึกถึงคำขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่ได้ตรัสกับเขาว่า "ก่อนไก่ขันวันนี้ ท่านจะปฏิเสธเราสามครั้ง"
|
||
|
\v 62 เปโตรก็ออกไปข้างนอกและร้องไห้อย่างขมขื่น
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 63 พวกที่คุมพระเยซูก็เยาะเย้ยและทุบตีพระองค์
|
||
|
\v 64 พวกเขาปิดตาพระองค์และถามพระองค์ว่า "ทายสิ ว่าใครตีเจ้า?"
|
||
|
\v 65 พวกเขาพูดดูหมิ่นพระองค์อีกหลายอย่าง
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 66 ครั้นรุ่งเช้า บรรดาพวกผู้อาวุโสของประชาชนก็มารวมตัวกัน รวมทั้งพวกหัวหน้าปุโรหิตและพวกธรรมาจารย์ พวกเขานำพระองค์เข้าไปในสภา
|
||
|
\v 67 และพูดว่า "ถ้าท่านเป็นพระคริสต์ จงบอกพวกเรามาเถิด" แต่พระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า "ถ้าเราบอกพวกท่าน พวกท่านก็จะไม่เชื่อ
|
||
|
\v 68 และถ้าเราถามพวกท่าน พวกท่านก็จะไม่ตอบ
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 69 ตั้งแต่บัดนี้ไป บุตรมนุษย์จะนั่งอยู่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์"
|
||
|
\v 70 พวกเขาทุกคนจึงถามว่า "แล้วท่านเป็นบุตรของพระเจ้าหรือ?" พระเยซูตรัสกับพวกเขาว่า "พวกท่านก็บอกแล้วว่าเราเป็น"
|
||
|
\v 71 พวกเขาบอกว่า "ทำไมพวกเรายังต้องการพยานอะไรอีกเล่า? พวกเราก็ได้ยินกับหูตัวเองจากปากของเขาเองแล้ว"
|
||
|
\s5
|
||
|
\c 23
|
||
|
\p
|
||
|
\v 1 พวกเขาจึงลุกขึ้นพร้อมกันและพาพระองค์ไปหาปีลาต
|
||
|
\v 2 พวกเขากล่าวหาพระองค์ว่า "พวกเราพบว่าชายคนนี้ได้ทำให้ชนชาติของเราให้หลงผิด ด้วยการห้ามส่งส่วยแก่ซีซาร์และกล่าวว่าตัวเขาเองเป็นพระคริสต์กษัตริย์องค์หนึ่ง"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 3 ปีลาตจึงถามพระองค์ว่า "ท่านเป็นกษัตริย์ของคนยิวหรือ?" พระเยซูตอบเขาว่า "ก็ท่านพูดเองแล้ว"
|
||
|
\v 4 ปีลาตจึงพูดกับพวกหัวหน้าปุโรหิตและกับฝูงชนนั้นว่า "เราไม่พบความผิดของชายคนนี้เลย"
|
||
|
\v 5 แต่พวกเขากล่าวยืนยันว่า "ชายผู้นี้ยุยงประชาชนให้วุ่นวาย และสั่งสอนทั่วตลอดแคว้นยูเดีย ตั้งแต่กาลิลีจนมาถึงที่นี่"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 6 ดังนั้นเมื่อปีลาตได้ยินเรื่องนี้ ท่านจึงถามว่า ชายคนนี้เป็นชาวกาลิลีหรือ
|
||
|
\v 7 เมื่อปีลาตทราบว่าพระองค์อยู่ภายใต้การปกครองของเฮโรด เขาจึงส่งพระเยซูไปหาเฮโรด ผู้ซึ่งพักอยู่ในกรุงเยรูซาเล็มในเวลานั้น
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 8 เมื่อเฮโรดเห็นพระเยซู เขาก็มีความยินดีเป็นอย่างมาก เพราะว่าเขาอยากพบพระองค์มานานแล้ว เฮโรดได้ยินเรื่องพระองค์และเขาหวังที่จะเห็นพระองค์ทำการอัศจรรย์
|
||
|
\v 9 เฮโรดซักถามพระเยซูหลายข้อ แต่พระเยซูไม่ทรงตอบอะไรเลย
|
||
|
\v 10 พวกหัวหน้าปุโรหิตและพวกธรรมาจารย์ก็ขึ้นยืนและกล่าวหาพระองค์อย่างรุนแรง
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 11 เฮโรดกับพวกทหารของเขาก็ดูถูกพระเยซูและพวกเขากล่าวเยาะเย้ยพระองค์ และแล้วพวกเขาเอาเสื้อผ้าที่สวยงามมาสวมให้พระองค์แล้วส่งพระองค์กลับไปหาปีลาต
|
||
|
\v 12 ในวันนั้นเฮโรดกับปีลาตกลายเป็นมิตรกัน ทั้งที่ก่อนหน้านี้พวกเขาเป็นศัตรูกัน
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 13 แล้วปีลาตจึงเรียกพวกหัวหน้าปุโรหิต พวกผู้นำ และประชาชนมาพร้อมหน้ากัน
|
||
|
\v 14 และปีลาตกล่าวกับพวกเขาว่า "พวกท่านพาคนนี้มาหาเราเหมือนกับว่าชายคนนี้ได้นำประชาชนให้ทำสิ่งที่ชั่วช้า และดูเถิด เราได้ถามเขาต่อหน้าพวกท่าน ก็ไม่พบว่าชายคนนี้มีความผิดตามที่พวกท่านกล่าวหาเขา
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 15 เฮโรดก็ไม่เห็นว่ามีความผิดเพราะเขาส่งตัวชายคนนี้กลับมาหาเราอีก และดูเถิด เขาไม่ได้ทำผิดอะไรที่ควรจะมีโทษถึงตาย
|
||
|
\v 16 เราจะลงโทษเขาและปล่อยเขาไป"
|
||
|
\v 17 .
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 18 แต่พวกเขาเหล่านั้นร้องขึ้นพร้อมกันว่า "กำจัดคนนี้เสีย และปล่อยบารับบัสให้เรา"
|
||
|
\v 19 บารับบัสนั้นติดคุกอยู่เพราะก่อการจลาจลในเมืองและฆ่าคน
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 20 ปีลาตนั้นยังต้องการที่ปล่อยพระเยซูไป จึงพูดกับพวกเขาอีกครั้งหนึ่ง
|
||
|
\v 21 แต่พวกเขากลับร้องตะโกนว่า "ตรึงเขาที่กางเขน ตรึงเขาที่กางเขน"
|
||
|
\v 22 ปีลาตจึงถามพวกเขาเป็นครั้งที่สามว่า "ทำไม เขาทำผิดอะไร เราไม่พบว่าเขาทำผิดอะไรที่สมควรมีโทษถึงตาย ดังนั้นหลังจากลงโทษเขา ฉันจะปล่อยตัวเขา"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 23 แต่พวกเขายังยืนกรานด้วยเสียงดัง เรียกร้องให้ตรึงพระองค์ที่กางเขน และเสียงของพวกเขาก็สามารถโน้มน้าวปีลาตได้
|
||
|
\v 24 ดังนั้นปีลาตจึงตัดสินใจที่จะทำตามข้อเรียกร้องของพวกเขา
|
||
|
\v 25 ท่านจึงปล่อยคนที่พวกเขาขอนั้นซึ่งติดคุกด้วยข้อหาก่อการจราจลและฆ่าคน แต่ท่านได้มอบพระเยซูไว้ตามใจพวกเขา
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 26 ขณะที่พวกเขานำพระองค์ออกไป พวกเขาได้เกณฑ์ซีโมนชาวไซรีนที่มาจากชนบท และพวกเขาเอากางเขนวางบนตัวเขา แล้วให้แบกตามพระเยซูไป
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 27 ฝูงชนเป็นอันมากตามพระองค์ไปด้วย รวมทั้งพวกผู้หญิงที่กำลังทุกข์โศกและคร่ำครวญเพราะพระองค์
|
||
|
\v 28 แต่พระเยซูทรงหันมาตรัสกับพวกเขาว่า "บุตรสาวแห่งเยรูซาเล็มเอ๋ย อย่าร่ำไห้เพื่อเราเลย แต่จงร่ำไห้เพื่อตัวพวกท่านเองและลูกๆ ของพวกท่านเถิด
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 29 ดูเถิด จะมีเวลาหนึ่งที่พวกเขาจะกล่าวว่า 'พวกผู้หญิงที่เป็นหมัน และครรภ์ที่ไม่ได้ปฏิสนธิ และเต้านมที่ไม่เคยเลี้ยงลูก ก็เป็นสุข'
|
||
|
\v 30 แล้วเขาจะกล่าวแก่ภูเขาทั้งหลายว่า 'ล้มมาทับเราเถิด' และบอกเนินเขาทั้งหลายว่า 'ปกคลุมเราไว้เถิด'
|
||
|
\v 31 เพราะถ้าพวกเขาทำสิ่งเหล่านี้ขณะที่ต้นไม้ยังเขียวสด อะไรจะเกิดขึ้นเมื่อต้นไม้เหี่ยวแห้งเล่า?"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 32 ยังมีอาชญากรอีกสองคนถูกนำตัวมาประหารชีวิตพร้อมกับพระองค์
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 33 เมื่อพวกเขามายังสถานที่ที่เรียกว่า "กะโหลกศีรษะ" ที่นั่นพวกเขาได้ตรึงพระองค์และตรึงโจรคนหนึ่งไว้ด้านขวาและอีกคนไว้ด้านซ้ายของพระองค์
|
||
|
\v 34 พระเยซูตรัสว่า "ข้าแต่พระบิดา ขอทรงโปรดยกโทษให้พวกเขา เพราะพวกเขาไม่รู้ว่าพวกเขากำลังทำอะไร" แล้วพวกเขาก็จับฉลากเพื่อเอาฉลองของพระองค์มาแบ่งกัน
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 35 ประชาชนพากันยืนมองขณะที่ผู้นำก็เยาะเย้ยพระองค์ว่า "เขาช่วยคนอื่นให้รอดได้ ก็จงให้เขาช่วยตนเองให้รอดเถิด ถ้าเขาเป็นพระคริสต์ของพระเจ้า ผู้ที่ทรงเลือก"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 36 พวกทหารก็มาเยาะเย้ยพระองค์ด้วย เอาเหล้าองุ่นเปรี้ยวส่งให้พระองค์
|
||
|
\v 37 และพูดว่า "ถ้าท่านเป็นกษัตริย์ของชาวยิว จงช่วยตัวเองให้รอดเถิด"
|
||
|
\v 38 มีป้ายติดไว้ที่เหนือพระองค์ว่า "นี่คือกษัตริย์ของชาวยิว"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 39 อาชญากรคนหนึ่งที่กำลังถูกตรึงนั้นพูดหมิ่นประมาทพระองค์ว่า "ท่านไม่ใช่พระคริสต์ดอกหรือ? จงช่วยตัวท่านเองและพวกเราให้รอดเถิด"
|
||
|
\v 40 แต่อีกคนได้กล่าวตำหนิเขาว่า "เจ้าไม่เกรงกลัวพระเจ้าหรือในเมื่อเจ้าเองก็ต้องโทษสถานเดียวกัน?
|
||
|
\v 41 เราถูกลงโทษอย่างยุติธรรมเพราะเราได้รับสิ่งที่สมควรกับการกระทำของเราแล้ว แต่ท่านผู้นี้ไม่ได้ทำอะไรผิด"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 42 แล้วเขากล่าวอีกว่า " พระเยซู ขอโปรดระลึกถึงข้าพระองค์เมื่อพระองค์เสด็จเข้าสู่ราชอาณาจักรของพระองค์ด้วยเถิด"
|
||
|
\v 43 พระเยซูตรัสกับเขาว่า "เราบอกความจริงแก่ท่านว่า วันนี้ท่านจะอยู่กับเราในเมืองบรมสุขเกษม"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 44 เวลานั้นประมาณเที่ยงวัน และความมืดปกคลุมทั่วแผ่นดินจนกระทั่งถึงบ่ายสามโมง
|
||
|
\v 45 ขณะนั้นดวงอาทิตย์หยุดส่องแสง แล้วม่านในพระวิหารขาดเป็นสองท่อน
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 46 พระเยซูทรงร้องเสียงดังว่า "ข้าแต่พระบิดา ข้าพระองค์ขอฝากจิตวิญญาณของข้าพระองค์ไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์" ตรัสอย่างนั้นแล้วพระองค์ก็สิ้นพระชนม์
|
||
|
\v 47 เมื่อนายร้อยได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น เขาจึงสรรเสริญพระเจ้าว่า "แท้จริงท่านผู้นี้เป็นคนชอบธรรม"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 48 เมื่อฝูงชนทั้งหมดที่มารวมกันเพื่อจะดูเหตุการณ์นั้น เมื่อเห็นแล้วพวกเขาก็พากันตีอกชกตัวกลับไป
|
||
|
\v 49 แต่คนทั้งปวงที่รู้จักพระองค์และพวกผู้หญิงที่ติดตามพระองค์จากกาลิลี ยืนดูสิ่งเหล่านี้อยู่ห่างๆ
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 50 ดูเถิด มีชายคนหนึ่งชื่อโยเซฟ เป็นสมาชิกคนหนึ่งของสภา เขาเป็นคนดีและคนชอบธรรม
|
||
|
\v 51 ชายคนนี้ไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของสภาและการกระทำของพวกเขา เขามาจากเมืองอาริมาเธียในแคว้นยูเดีย และเขากำลังรอคอยอาณาจักรของพระเจ้า
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 52 ชายคนนี้เข้าไปหาปีลาตเพื่อขอพระศพของพระเยซู
|
||
|
\v 53 เขานำพระศพของพระองค์ลงมาและพันด้วยผ้าลินิน และวางไว้ในอุโมงค์ที่เจาะในศิลาและยังไม่เคยวางศพผู้ใดมาก่อน
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 54 วันนั้นเป็นวันจัดเตรียม และวันสะบาโตกำลังจะเริ่มขึ้น
|
||
|
\v 55 พวกผู้หญิงที่ติดตามพระเยซูจากกาลิลีได้ตามไป และเห็นอุโมงค์และเห็นว่าพระศพของพระองค์วางอย่างไร
|
||
|
\v 56 พวกนางจึงกลับไปและเตรียมเครื่องเทศและน้ำมันหอม แล้วในวันสะบาโตพวกเขาก็หยุดพักตามบทบัญญัติ
|
||
|
\s5
|
||
|
\c 24
|
||
|
\p
|
||
|
\v 1 เช้ามืดของวันต้นสัปดาห์ พวกเขานำเครื่องหอมที่ได้เตรียมไว้มาที่อุโมงค์ฝังศพ
|
||
|
\v 2 พวกเธอพบว่าก้อนหินถูกกลิ้งออกจากปากอุโมงค์แล้ว
|
||
|
\v 3 พวกเธอเข้าไปข้างในแต่ไม่พบพระศพขององค์พระเยซูเจ้า
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 4 ขณะที่พวกเขากำลังสับสนในเรื่องนี้ ทันใดนั้นก็มีชายสองคนสวมเสื้อคลุมทอแสงประกายยืนอยู่ใกล้พวกเขา
|
||
|
\v 5 ขณะที่พวกผู้หญิงต่างก็หวาดกลัวและซบหน้าของพวกเธอลงถึงดิน ชายสองคนนั้นจึงพูดกับพวกเธอว่า "พวกท่านแสวงหาคนเป็นในพวกคนตายทำไมเล่า?
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 6 พระองค์ไม่อยู่ที่นี่ แต่ทรงเป็นขึ้นแล้ว จงระลึกถึงสิ่งที่พระองค์ตรัสกับพวกท่านเมื่อพระองค์ยังทรงอยู่ที่กาลิลี
|
||
|
\v 7 ที่พระองค์ตรัสว่า บุตรมนุษย์ต้องถูกมอบไว้ในมือของพวกคนบาป และต้องถูกตรึงบนกางเขน และวันที่สามจะเป็นขึ้นมาใหม่อีกครั้ง"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 8 พวกผู้หญิงจึงนึกขึ้นได้เกี่ยวกับคำของพระองค์
|
||
|
\v 9 และเมื่อกลับจากอุโมงค์แล้ว ก็เล่าเรื่องทั้งหมดนี้ให้สาวกสิบเอ็ดคนและคนอื่นๆ ทั้งหมด
|
||
|
\v 10 ผู้ที่เล่าเรื่องนี้ให้เหล่าอัครทูตฟังคือ มารีย์ชาวมักดาลา โยอันนา มารีย์มารดาของยากอบ และหญิงอื่นๆที่อยู่กับพวกเขา
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 11 แต่เรื่องที่บอกแก่พวกอัครทูตนั้นดูเหมือนเป็นคำพูดที่เหลวไหล และพวกเขาไม่เชื่อผู้หญิงเหล่านี้
|
||
|
\v 12 แต่เปโตรลุกขึ้นและวิ่งไปที่อุโมงค์ เขาก้มตัวลงและมองดูข้างใน เขาเห็นแต่ผ้าลินินกองอยู่ เปโตรจึงปลีกตัวกลับไปบ้านของตนประหลาดใจในสิ่งที่เกิดขึ้น
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 13 ดูเถิด ในวันนั้นมีสาวกสองคนกำลังเดินทางไปที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งชื่อว่าเอมมาอูส ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงเยรูซาเล็มประมาณสิบเอ็ดกิโลเมตร
|
||
|
\v 14 พวกเขาสนทนากันเกี่ยวกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 15 ขณะที่กำลังสนทนาและซักถามกันอยู่นั้น พระเยซูก็เสด็จเข้ามาใกล้และดำเนินไปด้วยกันกับพวกเขา
|
||
|
\v 16 แต่ตาของเขาทั้งสองถูกปิดกั้นทำให้จำพระองค์ไม่ได้
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 17 พระเยซูตรัสกับพวกเขาว่า "พวกท่านสองคนพูดคุยเรื่องอะไรกันหรือในขณะที่เดินมานี้?" พวกเขายืนนิ่งหน้าตาโศกเศร้า
|
||
|
\v 18 คนหนึ่งที่ชื่อว่า เคลโอปัส ทูลพระองค์ว่า "ท่านคือคนเดียวในเยรูซาเล็มที่ไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นที่นั่นในช่วงนี้หรือ?"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 19 พระเยซูตรัสกับพวกเขาว่า "เรื่องอะไรหรือ?" พวกเขาทูลพระองค์ว่า "เรื่องพระเยซูชาวนาซาเร็ธ ผู้เป็นผู้เผยพระวจนะ ทรงฤทธิ์อำนาจทั้งในราชกิจและถ้อยคำต่อพระพักตร์พระเจ้าและต่อหน้าประชาชนทั้งปวง
|
||
|
\v 20 และพวกหัวหน้าปุโรหิตกับผู้นำของพวกเรามอบพระองค์ให้รับโทษประหาร และตรึงพระองค์ที่กางเขน
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 21 แต่พวกเราหวังไว้ว่าพระองค์คือผู้ที่จะมาไถ่ชนชาติอิสราเอล และยิ่งไปกว่านั้น นี่เป็นวันที่สามนับตั้งแต่เรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้น
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 22 แต่พวกผู้หญิงบางคนในพวกเรายังทำให้พวกเราประหลาดใจด้วย คือเช้ามืดวันนี้พวกเธอไปที่อุโมงค์
|
||
|
\v 23 เมื่อพวกเธอไม่พบพระศพของพระองค์ พวกเธอจึงมาบอกว่า พวกเธอได้เห็นนิมิตของเหล่าทูตสวรรค์ที่กล่าวว่าพระองค์ทรงพระชนม์อยู่
|
||
|
\v 24 ผู้ชายบางคนที่อยู่กับพวกเราได้ไปที่อุโมงค์ และพบตามสิ่งที่พวกผู้หญิงได้พูดไว้ แต่พวกเขาไม่พบพระองค์"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 25 พระเยซูตรัสกับพวกเขาว่า "พวกท่านช่างโง่เขลา และจิตใจช่างเชื่องช้าที่จะเชื่อสิ่งทั้งปวงซึ่งบรรดาผู้เผยพระวจนะกล่าวไว้
|
||
|
\v 26 พระคริสต์ต้องทนทุกข์ทรมานด้วยสิ่งเหล่านั้น แล้วเข้าสู่พระเกียรติสิริของพระองค์ไม่ใช่หรือ?”
|
||
|
\v 27 จากนั้นพระองค์ทรงอธิบายทุกอย่างที่กล่าวไว้ในพระคัมภีร์เกี่ยวกับพระองค์เองให้พวกเขาฟังตั้งแต่โมเสสตลอดจนผู้เผยพระวจนะทั้งปวง
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 28 เมื่อพวกเขาใกล้ถึงหมู่บ้านที่พวกเขาจะไปนั้น พระเยซูทรงทำทีว่าจะเลยไป
|
||
|
\v 29 แต่พวกเขาทูลรบเร้าพระองค์ว่า "พักอยู่กับพวกเราเถิด เพราะใกล้ค่ำจวนจะหมดวันแล้ว" ดังนั้นพระเยซูจึงทรงพักอยู่กับพวกเขา
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 30 เมื่อพระองค์กำลังนั่งลงรับประทานอาหารกับพวกเขา พระองค์ทรงหยิบขนมปัง อวยพระพร แล้วจึงหักขนมปังส่งให้กับพวกเขา
|
||
|
\v 31 แล้วตาของพวกเขาจึงเปิดออกและ พวกเขารู้จักพระองค์ และพระองค์จึงหายไปจากสายตาของพวกเขา
|
||
|
\v 32 พวกเขาจึงพูดกันว่า "ใจของพวกเราก็ร้อนรุ่มอยู่ภายในพวกเรามิใช่หรือ เมื่อพระองค์ตรัสกับเราระหว่างทางขณะที่พระองค์อธิบายพระคัมภีร์ให้กับพวกเราฟัง?"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 33 พวกเขาจึงลุกขึ้นในเวลานั้นแล้วกลับไปยังกรุงเยรูซาเล็ม พวกเขาพบสาวกสิบเอ็ดคนชุมนุมกันอยู่กับคนเหล่านั้นที่อยู่กับพวกเขา
|
||
|
\v 34 กำลังพูดกันว่า "องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นขึ้นมาแล้วจริงๆ และทรงปรากฏแก่ซีโมน"
|
||
|
\v 35 ดังนั้นสองคนนั้นจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นตามทาง และเรื่องที่เขารู้จักพระเยซูโดยการหักขนมปังนั้น
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 36 ขณะพวกเขากำลังพูดเรื่องนี้อยู่ พระเยซูเองทรงมายืนอยู่ท่ามกลางพวกเขาและตรัสกับพวกเขาว่า "สันติสุขจงดำรงอยู่กับท่านทั้งหลาย"
|
||
|
\v 37 แต่พวกเขาต่างตื่นตกใจหวาดกลัวคิดว่าเห็นผี
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 38 พระเยซูตรัสกับพวกเขาว่า "ท่านทั้งหลายวุ่นวายใจทำไม? พวกท่านเกิดความคิดสงสัยขึ้นในใจของพวกท่านทำไม?
|
||
|
\v 39 จงดูมือและเท้าของเรา นี่เราเอง มาจับต้องเราและดู เพราะว่าผีไม่มีเนื้อและกระดูกอย่างที่พวกท่านเห็นอยู่ว่าเรามี"
|
||
|
\v 40 เมื่อตรัสดังนี้แล้ว พระองค์ก็ทรงให้พวกเขาดูพระหัตถ์และพระบาทของพระองค์
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 41 พวกเขายังไม่เชื่อเพราะความตื่นเต้นยินดีและพวกเขาต่างประหลาดใจ พระเยซูก็ตรัสถามพวกเขาว่า "พวกท่านมีอะไรให้กินบ้างไหม?"
|
||
|
\v 42 พวกเขาก็นำปลาย่างชิ้นหนึ่งมาถวายพระองค์
|
||
|
\v 43 และพระองค์ทรงรับมาเสวยต่อหน้าเขาทั้งหลาย
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 44 พระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า "เมื่อเราอยู่กับพวกท่าน เราได้บอกพวกท่านแล้วว่าบรรดาถ้อยคำที่เขียนไว้ในบทบัญญัติของโมเสส และในหนังสือผู้เผยพระวจนะ และในหนังสือสดุดีนั้น ต้องสำเร็จ"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 45 แล้วพระองค์ทรงเปิดใจของพวกเขา เพื่อพวกเขาจะสามารถเข้าใจพระคัมภีร์
|
||
|
\v 46 พระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า "นี่คือสิ่งที่เขียนไว้ คือพระคริสต์จำต้องทนทุกข์และเป็นขึ้นจากตายในวันที่สาม
|
||
|
\v 47 ให้ประกาศการกลับใจใหม่และการอภัยบาปในพระนามของพระองค์แก่บรรดาประชาชาติเริ่มตั้งแต่ที่กรุงเยรูซาเล็ม
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 48 พวกท่านเป็นพยานถึงสิ่งเหล่านี้
|
||
|
\v 49 ดูเถิด เราจะส่งซึ่งพระบิดาของเราทรงสัญญานั้นมายังท่านทั้งหลาย แต่พวกท่านจงคอยอยู่ในเมืองจนกว่าท่านจะสวมด้วยฤทธิ์เดชที่มาจากเบื้องบน"
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 50 แล้วพระองค์จึงพาพวกเขาออกไปใกล้ถึงหมู่บ้านเบธานี พระองค์ทรงยกพระหัตถ์ของพระองค์ และอวยพรพวกเขา
|
||
|
\v 51 ขณะที่ทรงอวยพรพวกเขาอยู่นั้น พระองค์เสด็จจากพวกเขาไป และทรงถูกรับขึ้นสู่สวรรค์
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 52 ดังนั้นพวกเขาจึงนมัสการพระองค์ และกลับมาที่กรุงเยรูซาเล็มด้วยความชื่นชมยินดีอย่างใหญ่หลวง
|
||
|
\v 53 พวกเขาอยู่ในพระวิหารเป็นประจำเพื่อสรรเสริญพระเจ้า
|