forked from WA-Catalog/th_ulb
1845 lines
356 KiB
Plaintext
1845 lines
356 KiB
Plaintext
\id ACT Unlocked Literal Bible
|
|
\ide UTF-8
|
|
\h ACTS
|
|
\toc1 Acts
|
|
\toc2 Acts
|
|
\toc3 act
|
|
\mt1 ACTS
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\c 1
|
|
\p
|
|
\v 1 ท่านเธโอฟีลัส ในหนังสือที่ข้าพเจ้าได้เขียนก่อนหน้านี้ ได้บอกทุกสิ่งที่พระเยซูทรงเริ่มต้นทำและสั่งสอน
|
|
\v 2 จนถึงวันที่พระองค์ถูกรับขึ้นไป หลังจากพระองค์ตรัสสั่งโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์กับบรรดาอัครทูตที่พระองค์ทรงเลือกไว้
|
|
\v 3 หลังจากที่พระองค์ทรงทนทุกข์ทรมานแล้ว พระองค์ทรงสำแดงพระองค์ที่ทรงพระชนม์กับพวกเขาด้วยข้อพิสูจน์หลายอย่างที่ทำให้พวกเขาเชื่อ พระองค์ทรงปรากฏแก่พวกเขาเป็นเวลาสี่สิบวัน และพระองค์ทรงกล่าวถึงพระราชอาณาจักรของพระเจ้า
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 4 เมื่อพระองค์ทรงประชุมร่วมกับพวกเขา พระองค์ตรัสสั่งพวกเขาไม่ให้ออกไปจากกรุงเยรูซาเล็ม แต่ให้รอคอยรับตามพระสัญญาของพระบิดาที่พระองค์ได้ตรัสไว้ว่า "พวกท่านได้ยินจากเราแล้วว่า
|
|
\v 5 ยอห์นได้ทำการบัพติศมาด้วยน้ำ แต่อีกไม่นาน พวกท่านจะได้รับบัพติศมาในพระวิญญาณบริสุทธิ์
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 6 เมื่อพวกเขามาประชุมพร้อมกัน พวกเขาทูลถามพระองค์ว่า "องค์พระผู้เป็นเจ้า นี่เป็นเวลาที่พระองค์จะทรงตั้งราชอาณาจักรขึ้นใหม่ให้กับชนชาติอิสราเอลหรือ?"
|
|
\v 7 พระเยซูตรัสกับพวกเขาว่า "ไม่ใช่ธุระของท่านที่จะรู้เวลาและวาระที่พระบิดาทรงกำหนดไว้โดยสิทธิอำนาจของพระองค์เอง
|
|
\v 8 แต่พวกท่านจะได้รับฤทธิ์เดช เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์เสด็จลงมาเหนือท่าน และพวกท่านจะเป็นพยานของเรา ทั้งในกรุงเยรูซาเล็ม และทั่วแคว้นยูเดียและทั่วแคว้นสะมาเรีย และจนถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 9 เมื่อพระเยซูตรัสถึงสิ่งเหล่านี้แล้ว พระองค์จึงถูกรับขึ้นไปต่อหน้าต่อตาพวกเขา และมีเมฆมาคลุมพระองค์ให้พ้นจากสายตาของพวกเขา
|
|
\v 10 ในขณะที่พวกเขากำลังเพ่งมองดูฟ้า ตอนที่พระองค์เสด็จขึ้นไป ในทันใดนั้น มีชายสองคนสวมเสื้อสีขาวยืนอยู่ข้างๆ พวกเขา
|
|
\v 11 ชายสองคนนั้นกล่าวว่า "ท่านชาวกาลิลีทั้งหลาย ทำไมพวกท่านจึงยืนจ้องมองฟ้าสวรรค์อยู่ที่นี่? พระเยซูองค์นี้ผู้ซึ่งถูกรับขึ้นไปยังฟ้าสวรรค์ จะเสด็จกลับมาในลักษณะเดียวกับที่พวกท่านได้เห็นพระองค์เสด็จไปยังฟ้าสวรรค์"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 12 พวกเขาจึงออกจากภูเขามะกอกเทศเพื่อกลับไปยังกรุงเยรูซาเล็ม ซึ่งอยู่ใกล้กับภูเขานั้น เป็นระยะทางที่อนุญาตให้คนเดินได้ในวันสะบาโต
|
|
\v 13 เมื่อพวกเขามาถึง พวกเขาก็ขึ้นไปยังห้องชั้นบนที่พวกเขาเคยพักอาศัยอยู่ พวกเขามีเปโตร ยอห์น ยากอบ อันดรูว์ ฟีลิป โธมัส บารโธโลมิว มัทธิว ยากอบบุตรอัลเฟอัส ซีโมนพวกคนหัวรุนแรง และยูดาสบุตรยากอบ
|
|
\v 14 พวกเขามีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ในขณะที่พวกเขายังคงพากเพียรอธิษฐานต่อไป รวมทั้งพวกผู้หญิง มารีย์ผู้เป็นมารดาของพระเยซู และน้องๆ ของพระองค์
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 15 ในเวลานั้น เปโตรได้ยืนขึ้นท่ามกลางพวกพี่น้องประมาณ 120 คน และกล่าวว่า
|
|
\v 16 "พี่น้องทั้งหลาย เรื่องนี้จำเป็นจะต้องสำเร็จตามพระคัมภีร์ที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ตรัสไว้โดยปากของดาวิดเกี่ยวกับยูดาสที่นำทางให้กับพวกคนที่มาจับกุมพระเยซู
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 17 เพราะเขาเป็นคนหนึ่งในพวกเราและมีส่วนร่วมในคุณประโยชน์ของพันธกิจนี้"
|
|
\v 18 (ตอนนี้ชายคนนี้ได้เอาค่าตอบแทนที่เขาได้รับสำหรับความชั่วร้ายของเขาไปซื้อที่ดิน และที่นั่นเขาได้หกล้มหัวคะมำ และลำตัวของเขาก็แตก และไส้พุงก็ทะลักออกมาหมด
|
|
\v 19 ทุกคนที่อยู่ในกรุงเยรูซาเล็มก็รู้เรื่องนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงเรียกที่ดินนั้นตามภาษาของพวกเขาว่า "อาเคลดามา" นั่นคือ "นาเลือด")
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 20 "เพราะมีเขียนไว้ในพระธรรมสดุดีว่า 'ขอให้ที่อยู่ของเขาร้างเปล่า และอย่าให้มีใครอาศัยอยู่ที่นั่น และขอให้อีกคนหนึ่งมายึดตำแหน่งการเป็นผู้นำของเขา'
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 21 เพราะฉะนั้น จึงมีความจำเป็นที่คนหนึ่งในบรรดาคนที่อยู่ร่วมกับเราตลอดเวลาที่องค์พระเยซูเจ้าเสด็จเข้ามาและออกไปท่ามกลางเรา
|
|
\v 22 เริ่มตั้งแต่การบัพติศมาของยอห์นจนถึงวันที่พระองค์ถูกรับขึ้นไปจากเรา ซึ่งต้องเป็นพยานร่วมกับเราในการคืนพระชนม์ของพระองค์"
|
|
\v 23 พวกเขาจึงเสนอชายสองคนคือโยเซฟ ที่เรียกว่าบารซับบาส ผู้ที่มีชื่อเรียกอีกว่ายุสทัส และมัทธีอัส
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 24 พวกเขาจึงอธิษฐาน และกล่าวว่า "องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงทราบจิตใจของทุกคน ขอพระองค์ทรงสำแดงว่าคนไหนในสองคนนี้ที่พระองค์ทรงเลือก
|
|
\v 25 ให้รับหน้าที่ในพันธกิจนี้ และการเป็นอัครสาวกแทนยูดาสที่ได้กระทำผิดไปจากหน้าที่ของตนเอง"
|
|
\v 26 พวกเขาจับฉลากกัน และฉลากนั้นก็ตกอยู่ที่มัทธีอัส แล้วเขาได้ถูกนับอยู่ในกลุ่มอัครทูตสิบเอ็ดคนนั้น
|
|
\s5
|
|
\c 2
|
|
\p
|
|
\v 1 เมื่อวันเทศกาลเพ็นเทคอสต์มาถึง พวกสาวกรวมตัวอยู่ในสถานที่เดียวกัน
|
|
\v 2 ในทันใดนั้น มีเสียงจากฟ้าเหมือนเสียงพายุแรงกล้าดังก้องไปทั่วบ้านที่พวกเขากำลังนั่งอยู่
|
|
\v 3 มีเปลวไฟลักษณะเหมือนลิ้นแผ่กระจายอยู่บนพวกเขาแต่ละคน
|
|
\v 4 พวกเขาทุกคนเต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และเริ่มพูดภาษาอื่นๆ ตามที่พระวิญญาณทรงให้พวกเขาพูด
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 5 มีพวกยิวที่อาศัยอยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม คือพวกคนที่ยำเกรงพระเจ้ามาจากทุกประเทศทั่วใต้ฟ้า
|
|
\v 6 เมื่อได้ยินเสียงนี้ คนมากมายจึงพากันมาและรู้สึกสับสน เพราะทุกคนต่างได้ยินพวกเขาพูดภาษาของตนเอง
|
|
\v 7 พวกเขาอัศจรรย์ใจและประหลาดใจจึงพูดว่า "แท้จริงแล้ว พวกคนที่กำลังพูดอยู่นี้เป็นชาวกาลิลีกันทุกคนไม่ใช่หรือ?
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 8 ทำไมเราจึงได้ยินพวกเขาแต่ละคนพูดภาษาบ้านเกิดเมืองนอนของเรา?
|
|
\v 9 ซึ่งเป็นชาวปารเธีย ชาวมีเดีย และชาวเอลาม และคนที่อาศัยอยู่ในเขตแดนเมโสโปเตเมีย ในแคว้นยูเดีย และแคว้นคัปปาโดเซีย ในแคว้นปอนทัส และแคว้นเอเชีย
|
|
\v 10 ในแคว้นฟรีเจีย และแคว้นปัมฟีเลีย ในประเทศอียิปต์ และบางส่วนของเมืองลิเบียซึ่งขึ้นกับนครไซรีน และคนที่มาเยือนจากกรุงโรม
|
|
\v 11 พวกยิว และพวกคนที่เข้าจารีตยิว ชาวครีต และชาวอาระเบีย เราต่างได้ยินพวกเขาพูดเกี่ยวกับพระราชกิจอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าในภาษาของพวกเราเอง"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 12 พวกเขาจึงประหลาดใจและสงสัย และพูดกันว่า "นี่หมายความว่าอะไร?"
|
|
\v 13 แต่บางคนเยาะเย้ยและพูดว่า "พวกเขาเมาเหล้าองุ่นใหม่"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 14 แต่เปโตรยืนขึ้นพร้อมกับอัครทูตสิบเอ็ดคน และพูดกับพวกเขาด้วยเสียงดังว่า "ท่านชาวยูเดีย และท่านทุกคนที่อาศัยอยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม ขอให้พวกท่านจงทราบเรื่องนี้ และตั้งใจฟังถ้อยคำของข้าพเจ้า
|
|
\v 15 เพราะคนเหล่านี้ไม่ได้เมามายอย่างที่พวกท่านคิด เพราะตอนนี้เพิ่งจะเก้าโมงเช้าเท่านั้น
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 16 แต่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ตามคำที่โยเอลผู้เผยพระวจนะได้กล่าวไว้ว่า
|
|
\v 17 พระเจ้าตรัสว่า 'ในวาระสุดท้าย เราจะเทวิญญาณของเราลงมาเหนือมนุษย์ทุกคน บุตรชายและบุตรหญิงของพวกเจ้าจะเผยพระวจนะ คนหนุ่มของพวกเจ้าจะเห็นนิมิต และคนแก่จะฝันเห็น
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 18 ทั้งผู้รับใช้ชายหญิงทั้งหลายของเราด้วย ในวันนั้นเราจะเทวิญญาณของเราลงมา และพวกเขาจะเผยพระวจนะ
|
|
\v 19 เราจะสำแดงการอัศจรรย์ในท้องฟ้าเบื้องบน และหมายสำคัญบนแผ่นดินเบื้องล่างนี้เป็นเลือด ไฟ และหมอกควัน
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 20 ดวงอาทิตย์จะมืดไป และดวงจันทร์จะเป็นเลือด ก่อนวันอันยิ่งใหญ่และน่าอัศจรรย์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะมาถึง
|
|
\v 21 จะเป็นเช่นนี้ คือทุกคนที่ร้องเรียกพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะรอด'
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 22 ท่านชนชาติอิสราเอล จงฟังถ้อยคำต่อไปนี้ พระเยซูชาวนาซาเร็ธ ผู้ที่พระเจ้าทรงรับรองต่อพวกท่านโดยการทำอิทธิฤทธิ์ และการอัศจรรย์ และหมายสำคัญต่างๆ ที่พระเจ้าทรงทำโดยทางพระองค์ท่ามกลางพวกท่าน ดังที่พวกท่านเองก็ทราบอยู่แล้ว
|
|
\v 23 พระองค์ผู้นี้ได้ทรงถูกมอบไว้ ซึ่งเป็นแผนงานที่พระเจ้าได้ทรงกำหนดไว้และทรงทราบล่วงหน้า และพวกท่านได้ตรึงพระองค์ที่กางเขน และฆ่าพระองค์โดยมือของคนอธรรม
|
|
\v 24 แต่พระเจ้าทรงทำให้พระองค์คืนพระชนม์ และทำให้พระองค์พ้นจากความเจ็บปวดแห่งความตาย เพราะเป็นไปไม่ได้ที่ความตายจะยึดพระองค์ไว้
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 25 เพราะดาวิดกล่าวถึงพระองค์ว่า 'ข้าพเจ้าเห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าตรงหน้าข้าพเจ้าเสมอ เพราะพระองค์ประทับที่ขวามือของข้าพเจ้า เพื่อข้าพเจ้าจะไม่หวั่นไหว
|
|
\v 26 เพราะเหตุนี้ จิตใจของข้าพเจ้าจึงยินดี และลิ้นของข้าพเจ้าจึงเปรมปรีดิ์ เช่นเดียวกับร่างกายของข้าพเจ้าจะมีชีวิตอยู่ในความไว้วางใจ
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 27 เพราะพระองค์จะไม่ทรงละทิ้งวิญญาณของข้าพระองค์ไว้ในแดนคนตาย ทั้งพระองค์จะไม่ปล่อยให้องค์บริสุทธิ์ของพระองค์เน่าเปื่อยไป
|
|
\v 28 พระองค์ได้ทรงสำแดงให้ข้าพระองค์เห็นทางแห่งชีวิต พระองค์จะทรงทำให้ข้าพระองค์เต็มเปี่ยมด้วยความยินดีต่อหน้าพระพักตร์พระองค์'
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 29 พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้ามีใจกล้าที่จะกล่าวกับพวกท่านถึงดาวิดผู้เป็นบรรพบุรุษของเรา ท่านตายแล้วและถูกฝังไว้ และอุโมงค์ฝังศพของท่านก็ยังอยู่กับเราจนถึงทุกวันนี้
|
|
\v 30 ด้วยเหตุนี้ ท่านจึงเป็นผู้เผยพระวจนะที่ทราบว่าพระเจ้าได้ทรงสาบานด้วยคำปฏิญาณกับท่านว่า พระองค์จะทรงตั้งผู้หนึ่งจากวงศ์ตระกูลของท่านให้นั่งบนบัลลังก์ของท่าน
|
|
\v 31 ท่านได้รู้เหตุการณ์นี้ล่วงหน้าและกล่าวถึงการคืนพระชนม์ของพระคริสต์ว่า 'พระองค์จะไม่ถูกละทิ้งไว้ในแดนคนตาย และจะไม่ทำให้พระกายของพระองค์เน่าเปื่อยไป'
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 32 พระเยซูองค์นี้ที่พระเจ้าทรงทำให้คืนพระชนม์แล้ว ซึ่งเราทุกคนได้เป็นพยานในเรื่องนี้
|
|
\v 33 เพราะเหตุนี้ พระเจ้าจึงได้ทรงยกชูพระองค์ให้อยู่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้า และได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์จากพระบิดาตามพระสัญญาแล้ว พระองค์จึงทรงเทลงมาตามที่พวกท่านได้เห็นและได้ยิน
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 34 เพราะดาวิดไม่ได้ถูกรับขึ้นไปยังสวรรค์ แต่เขากล่าวว่า 'พระเจ้าตรัสกับองค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้าว่า "จงนั่งอยู่ข้างขวามือของเรา
|
|
\v 35 จนกว่าเราจะทำให้ศัตรูของท่านเป็นแท่นรองเท้าของท่าน"'
|
|
\v 36 เพราะฉะนั้น ขอให้พงศ์พันธุ์อิสราเอลทั้งหมดทราบอย่างแน่นอนว่า พระเจ้าได้ทรงทำให้พระเยซูองค์นี้ที่พวกท่านตรึงที่กางเขน เป็นทั้งองค์พระผู้เป็นเจ้าและพระคริสต์"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 37 เมื่อพวกเขาได้ยินเรื่องนี้ พวกเขาก็รู้สึกแปลบปลาบใจ จึงกล่าวกับเปโตรและอัครทูตคนอื่นๆ ว่า "พี่น้องเอ๋ย เราจะทำอย่างไรดี?"
|
|
\v 38 แล้วเปโตรจึงกล่าวกับพวกเขาว่า "จงกลับใจเสียใหม่และรับบัพติศมาในพระนามพระเยซูคริสต์ให้หมดทุกคน เพื่อบาปทั้งหลายของพวกท่านจะได้รับการอภัย และพวกท่านจะได้รับของประทานของพระวิญญาณบริสุทธิ์
|
|
\v 39 เพราะว่าพระสัญญาที่มีต่อพวกท่านและลูกหลานของพวกท่าน และกับทุกคนที่อยู่ไกล และคนมากมายตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของเราจะทรงเรียก"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 40 เปโตรได้กล่าวถ้อยคำอีกมากมายเพื่อเป็นพยานและเตือนสติพวกเขาว่า "จงเอาตัวรอดจากชาติพันธุ์ที่ชั่วร้ายนี้เถิด"
|
|
\v 41 แล้วพวกเขาก็รับถ้อยคำของเปโตร และรับบัพติศมา แล้วพวกเขาจึงเข้ามาเป็นสาวกในวันนั้นประมาณสามพันคน
|
|
\v 42 พวกเขายังฟังคำสอนของอัครทูตต่อไปและร่วมสามัคคีธรรม ในการหักขนมปัง และในการอธิษฐาน
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 43 พวกเขามีความเกรงกลัวกันทุกคน พวกอัครทูตได้ทำการอัศจรรย์และหมายสำคัญมากมาย
|
|
\v 44 ผู้ที่เชื่อทุกคนมาอยู่รวมกันและนำสิ่งต่างๆ มารวมเป็นของกลาง
|
|
\v 45 และพวกเขาขายที่ดินและทรัพย์สิน และแจกจ่ายให้แก่กันตามความจำเป็น
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 46 ดังนั้นทุกๆ วัน พวกเขายังคงมีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในพระวิหาร และพวกเขาหักขนมปังตามบ้าน พวกเขารับประทานอาหารร่วมกันด้วยความยินดีและด้วยความถ่อมใจ
|
|
\v 47 พวกเขาสรรเสริญพระเจ้า และได้รับความชื่นชอบจากทุกคน องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเพิ่มจำนวนคนที่กำลังจะรอดเข้ามาทุกๆ วัน
|
|
\s5
|
|
\c 3
|
|
\p
|
|
\v 1 ในขณะที่เปโตรกับยอห์นกำลังขึ้นไปยังพระวิหารช่วงเวลาอธิษฐานตอนบ่ายสามโมง
|
|
\v 2 มีชายคนหนึ่งเป็นง่อยมาตั้งแต่เกิด ทุกๆ วันเขาจะถูกหามมาวางไว้ที่ประตูพระวิหารที่มีชื่อว่าประตูงาม เพื่อให้เขาขอทานจากคนที่เข้าไปยังพระวิหาร
|
|
\v 3 เมื่อเขาเห็นเปโตรกับยอห์นกำลังจะเข้าไปในพระวิหาร เขาก็ขอทาน
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 4 เปโตรกับยอห์นได้จ้องมองดูเขา และกล่าวว่า "จงมองดูเราเถิด"
|
|
\v 5 คนง่อยคนนั้นก็มองที่พวกเขา ด้วยความคาดหวังว่าจะได้รับอะไรบางอย่างจากพวกเขา
|
|
\v 6 แต่เปโตรกล่าวว่า "เงินและทองเราไม่มี แต่สิ่งที่เรามี เราจะให้แก่ท่าน ในพระนามพระเยซูคริสต์ชาวนาซาเร็ธ จงเดินเถิด"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 7 เปโตรจึงจับมือขวาของเขาพยุงขึ้นมา ในทันใดนั้น เท้าและข้อเท้าของเขาก็มีกำลังขึ้น
|
|
\v 8 คนง่อยคนนั้นกระโดดขึ้นมายืนและเริ่มก้าวเดิน เขาเดินเข้าไปในพระวิหารพร้อมกับเปโตรและยอห์น ทั้งเดิน ทั้งกระโดดโลดเต้น และสรรเสริญพระเจ้า
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 9 คนทั้งปวงเห็นเขาเดินและสรรเสริญพระเจ้า
|
|
\v 10 พวกเขาจำได้ว่าเขาเป็นคนที่เคยนั่งขอทานอยู่ที่ประตูงามของพระวิหาร และพวกเขาก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจและอัศจรรย์ใจ เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับคนนั้น
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 11 ในขณะที่ชายคนนั้นยังอยู่กับเปโตรและยอห์น คนทั้งปวงก็วิ่งเข้ามารวมอยู่กับพวกเขาในเฉลียงพระวิหารที่เรียกว่าเฉลียงของซาโลมอนด้วยความอัศจรรย์ใจยิ่งนัก
|
|
\v 12 เมื่อเปโตรเห็นเช่นนี้ จึงกล่าวกับคนเหล่านั้นว่า "ท่านชนชาติอิสราเอล ทำไมพวกท่านจึงอัศจรรย์ใจเล่า? ทำไมพวกท่านจึงจ้องมองเรา ราวกับว่าเราได้ทำให้ชายคนนี้เดินได้โดยฤทธิ์อำนาจและความดีของเราเอง?
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 13 พระเจ้าของอับราฮัม อิสอัค และยาโคบ ซึ่งเป็นพระเจ้าของบรรพบุรุษของเรา ได้ประทานพระเกียรตินี้ให้แก่พระเยซูผู้รับใช้ของพระองค์ พระองค์ทรงเป็นผู้ที่พวกท่านได้มอบไว้ และปฏิเสธต่อหน้าปีลาต เมื่อเขาตัดสินที่จะปล่อยพระองค์
|
|
\v 14 ท่านได้ปฏิเสธองค์บริสุทธิ์และชอบธรรม และท่านได้ขอให้ปล่อยตัวฆาตกรให้แก่ท่านแทน
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 15 ท่านได้ฆ่าพระองค์ผู้ทรงเป็นเจ้าแห่งชีวิต ผู้ที่พระเจ้าได้ทรงทำให้เป็นขึ้นมาจากความตาย และเราได้เป็นพยานในเรื่องนี้
|
|
\v 16 บัดนี้โดยความเชื่อในพระนามของพระองค์ ชายคนนี้ที่ท่านได้เห็นและรู้จัก พระนามเดียวกันนี้ได้ทำให้เขามีกำลังขึ้น โดยความเชื่อทางพระเยซูทำให้เขาหายเป็นปกติตามที่ปรากฏต่อหน้าพวกท่านทุกคน
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 17 พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าทราบว่าพวกท่านได้ทำกระทำการลงไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เช่นเดียวกับบรรดาผู้ครอบครองของพวกท่าน
|
|
\v 18 แต่สิ่งเหล่านี้ พระเจ้าได้ทรงบอกไว้ล่วงหน้าแล้วโดยปากของผู้เผยพระวจนะทุกคนว่าพระคริสต์ของพระองค์จะต้องทนทุกข์ทรมาน ซึ่งพระองค์ได้ทรงกระทำสำเร็จแล้ว
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 19 เพราะเหตุนี้ จงกลับใจเสียใหม่และหันกลับมา เพื่อความบาปของพวกท่านจะถูกลบล้างออกไป เพื่อวาระแห่งการฟื้นฟูใหม่จากการปรากฏขององค์พระผู้เป็นเจ้า
|
|
\v 20 และพระองค์จะประทานพระเยซูผู้ทรงแต่งตั้งให้เป็นพระคริสต์ให้แก่พวกท่าน
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 21 พระองค์ยังต้องอยู่ในสวรรค์จนกว่าจะถึงเวลาแห่งการฟื้นฟูสรรพสิ่งขึ้นมาใหม่ตามที่พระเจ้าตรัสไว้นานแล้ว โดยปากของบรรดาผู้เผยพระวจนะบริสุทธิ์ของพระองค์
|
|
\v 22 โมเสสได้กล่าวความจริงว่า 'องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงแต่งตั้งผู้เผยพระวจนะเหมือนอย่างข้าพเจ้าขึ้นมาท่ามกลางพี่น้องของพวกท่าน พวกท่านจะฟังทุกสิ่งที่พระองค์จะตรัสกับพวกท่าน
|
|
\v 23 สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับทุกคนที่ไม่ฟังผู้เผยพระวจนะนั้น พวกเขาก็จะถูกทำลายให้สิ้นไปจากคนทั้งปวง'
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 24 ใช่แล้ว บรรดาผู้เผยพระวจนะตั้งแต่ซามูเอลและคนเหล่านั้นที่มาภายหลังเขา พวกเขากล่าวและประกาศถึงวันเหล่านี้
|
|
\v 25 พวกท่านเป็นลูกหลานของผู้เผยพระวจนะ และของพันธสัญญาที่พระเจ้าทรงทำไว้กับบรรพบุรุษของพวกท่าน พระองค์ตรัสกับอับราฮัมว่า 'บรรดาพงศ์พันธุ์ของแผ่นดินโลกทั้งสิ้นจะได้รับพระพร เพราะเชื้อสายของเจ้า'
|
|
\v 26 หลังจากที่พระเจ้าทรงทำให้ผู้รับใช้ของพระองค์เป็นขึ้นมาแล้ว พระเจ้าทรงใช้พระองค์ไปหาพวกท่านก่อน เพื่อที่จะทรงอวยพรแก่พวกท่าน โดยการทำให้พวกท่านทุกคนหันกลับจากความชั่วร้ายของตน"
|
|
\s5
|
|
\c 4
|
|
\p
|
|
\v 1 ในขณะที่เปโตรกับยอห์นกำลังพูดกับคนทั้งปวงอยู่นั้น บรรดาปุโรหิต และหัวหน้ารักษาพระวิหาร และพวกสะดูสีก็พากันมาหาพวกเขา
|
|
\v 2 คนเหล่านั้นมีความกังวลใจอย่างมาก เพราะเปโตรกับยอห์นกำลังสอนคนทั้งหลาย และประกาศการเป็นขึ้นจากความตายของพระเยซู
|
|
\v 3 พวกเขาจึงจับกุมทั้งเปโตรและยอห์นและขังไว้ในคุกจนถึงเช้าวันรุ่งขึ้น เพราะตอนนั้นเป็นเวลาเย็นแล้ว
|
|
\v 4 แต่คนจำนวนมากที่ได้ยินถ้อยคำเหล่านั้นก็เชื่อ และนับจำนวนผู้ชายที่เชื่อได้ประมาณห้าพันคน
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 5 เมื่อถึงวันรุ่งขึ้น บรรดาผู้ครอบครองกับพวกผู้ใหญ่ และพวกธรรมาจารย์ก็มาประชุมกันในกรุงเยรูซาเล็ม
|
|
\v 6 อันนาสมหาปุโรหิต คายาฟาส ยอห์น และอเล็กซานเดอร์ และทุกคนที่เป็นญาติของมหาปุโรหิตก็อยู่ที่นั่น
|
|
\v 7 เมื่อพวกเขาให้เปโตรกับยอห์นมายืนอยู่ท่ามกลางพวกเขาแล้ว พวกเขาจึงถามท่านทั้งสองว่า "พวกท่านทำการนี้โดยฤทธิ์อำนาจหรือโดยนามของใคร?"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 8 แล้วเปโตรก็เต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ กล่าวแก่พวกเขาว่า "พวกท่านผู้ครอบครองประชาชน และพวกผู้ใหญ่
|
|
\v 9 ถ้าพวกท่านจะถามพวกเราในวันนี้ ถึงการดีที่พวกเราได้ทำกับคนป่วยนี้ว่าเขาหายเป็นปกติได้อย่างไร?
|
|
\v 10 ขอให้พวกท่านและชนชาติอิสราเอลทุกคนจงทราบไว้ว่า ในพระนามพระเยซูคริสต์ชาวนาซาเร็ธ ผู้ที่พวกท่านได้ตรึงที่กางเขน แต่ผู้ที่พระเจ้าได้ทรงทำให้พระองค์เป็นขึ้นมาจากความตาย โดยพระองค์นี้แหละ ที่ทำให้ชายคนนี้ที่ยืนอยู่ต่อหน้าท่านทั้งหลายหายเป็นปกติ"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 11 พระเยซูคริสต์ผู้ทรงเป็นศิลาที่พวกท่านซึ่งเป็นช่างก่อสร้างได้ดูหมิ่น แต่พระองค์ก็ได้ถูกทำให้เป็นศิลามุมเอกแล้ว
|
|
\v 12 ไม่มีความรอดในผู้อื่นเลย เพราะไม่มีนามอื่นใดทั่วใต้ฟ้าที่ประทานท่ามกลางมนุษย์ทั้งปวงที่ทำให้พวกเรารับความรอดได้
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 13 เมื่อพวกเขาได้เห็นความกล้าหาญของเปโตรกับยอห์น พวกเขารู้ว่าท่านทั้งสองเป็นคนธรรมดา และไร้การศึกษา พวกเขาก็ประหลาดใจ แล้วจำได้ว่าเปโตรกับยอห์นเคยอยู่กับพระเยซู
|
|
\v 14 เพราะพวกเขาเห็นชายคนนั้นที่หายโรคยืนอยู่กับคนทั้งสอง พวกเขาจึงไม่มีอะไรจะคัดค้านได้
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 15 แต่หลังจากนั้น พวกเขาสั่งให้พวกอัครทูตออกไปจากที่ประชุมสภานั้น แล้วพวกเขาจึงพูดคุยกันในท่ามกลางพวกเขาเอง
|
|
\v 16 พวกเขากล่าวว่า "พวกเราจะทำอย่างไรกับคนเหล่านี้? เพราะความจริงที่พวกเขาได้ทำการอัศจรรย์อันยิ่งใหญ่ ซึ่งทุกคนที่อาศัยอยู่ในกรุงเยรูซาเล็มก็รู้เรื่องนี้ ซึ่งพวกเราก็ปฏิเสธไม่ได้
|
|
\v 17 แต่เพื่อไม่ให้เรื่องนี้เลื่องลือออกไปท่ามกลางประชาชน ขอให้พวกเราเตือนพวกเขาที่จะไม่พูดออกชื่อนี้กับใครอีกต่อไป"
|
|
\v 18 พวกเขาจึงเรียกเปโตรกับยอห์นเข้ามา และสั่งกำชับไม่ให้พูดหรือสอนเกี่ยวกับพระนามของพระเยซูอีก
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 19 แต่เปโตรกับยอห์นกล่าวตอบพวกเขาว่า "การที่จะเชื่อฟังพวกท่านมากกว่าพระเจ้าเป็นการถูกต้องในสายพระเนตรของพระองค์หรือไม่ ขอให้ท่านจงพิจารณาดู
|
|
\v 20 พวกเราจะไม่พูดถึงสิ่งที่พวกเราเห็นและได้ยินนั้นก็ไม่ได้"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 21 หลังจากที่ได้ย้ำเตือนเปโตรกับยอห์นแล้ว พวกเขาจึงปล่อยคนทั้งสองไป พวกเขาหาเหตุที่จะลงโทษเปโตรกับยอห์นไม่ได้ เพราะทุกคนกำลังสรรเสริญพระเจ้าในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
|
|
\v 22 ผู้ชายที่หายโรคโดยการอัศจรรย์นี้มีอายุมากกว่าสี่สิบปีแล้ว
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 23 หลังจากที่พวกเขาได้รับการปล่อยตัวแล้ว เปโตรกับยอห์นจึงไปหาพวกพ้องของตน และเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่พวกหัวหน้าปุโรหิต และพวกผู้ใหญ่ได้กล่าวแก่พวกท่าน
|
|
\v 24 เมื่อพวกเขาได้ยินเรื่องนี้ ก็ร่วมใจกันร้องเสียงดังทูลต่อพระเจ้าว่า "องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ผู้สร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก และทะเลและสรรพสิ่งที่มีอยู่ในที่เหล่านั้น
|
|
\v 25 พระองค์ได้ตรัสโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ และโดยปากของดาวิดบรรพบุรุษของเราผู้รับใช้ของพระองค์ว่า 'เหตุใดคนต่างชาติจึงหยิ่งยโส และคนทั้งหลายจึงคิดในสิ่งที่ไร้ประโยชน์หรือ?'
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 26 พวกเขาพูดว่า 'บรรดากษัตริย์แห่งแผ่นดินโลกได้รวมตัวกันตั้งขึ้น และบรรดาผู้ครอบครองจึงรวมตัวกันต่อสู้องค์พระผู้เป็นเจ้าและต่อสู้พระคริสต์ของพระองค์'
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 27 ในความเป็นจริง ทั้งเฮโรดและปอนทัสปีลาตกับพวกคนต่างชาติและชนชาติอิสราเอลได้ชุมนุมกันในเมืองนี้เพื่อต่อสู้กับพระเยซูผู้รับใช้บริสุทธิ์ของพระองค์ที่พระองค์ทรงเจิมไว้แล้ว
|
|
\v 28 พวกเขาชุมนุมกันเพื่อที่จะทำทุกสิ่งตามพระหัตถ์และพระประสงค์ของพระองค์ที่ได้ตัดสินพระทัยต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นในภายหน้า
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 29 บัดนี้ องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทอดพระเนตรคำเตือนของพวกเขา และขอให้บรรดาผู้รับใช้ของพระองค์ที่จะกล่าวพระวจนะของพระองค์ด้วยใจกล้า
|
|
\v 30 เพื่อว่าในขณะที่พระองค์ทรงยื่นพระหัตถ์ของพระองค์ออกเพื่อรักษาโรคนั้น หมายสำคัญและการอัศจรรย์จะเกิดขึ้นโดยพระนามของพระเยซูผู้รับใช้บริสุทธิ์ของพระองค์"
|
|
\v 31 เมื่อพวกเขาอธิษฐานจบแล้ว สถานที่ซึ่งพวกเขาประชุมอยู่นั้นก็สั่นหวั่นไหว แล้วพวกเขาก็เต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ และกล่าวพระวจนะของพระเจ้าด้วยใจกล้าหาญ
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 32 คนที่เชื่อจำนวนมากก็มีใจและวิญญาณเดียวกัน ไม่มีใครอ้างว่าสิ่งของที่เขาพวกมีเป็นของตน แต่สิ่งของทั้งหมดที่พวกเขามีเป็นของส่วนกลาง
|
|
\v 33 ด้วยฤทธิ์อำนาจอันยิ่งใหญ่ บรรดาอัครทูตจึงประกาศคำพยานถึงการคืนพระชนม์ของพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้า และพระคุณอันยิ่งใหญ่ก็อยู่เหนือพวกเขาทุกคน
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 34 ในพวกเขาไม่มีใครขัดสนสิ่งใดๆ เพราะทุกคนที่เป็นเจ้าของที่ดินและบ้านก็ขายไปเสีย และนำเงินที่ได้จากการขายสิ่งเหล่านั้น
|
|
\v 35 มาวางไว้ที่เท้าของพวกอัครทูต และแจกจ่ายให้กับผู้เชื่อแต่ละคนตามที่จำเป็น
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 36 โยเซฟเป็นคนเลวี ที่มาจากไซปรัส ซึ่งบรรดาอัครทูตตั้งชื่อให้ว่า บารนาบัส (ซึ่งแปลว่า ลูกแห่งการหนุนใจ)
|
|
\v 37 ได้ขายที่ดิน และนำเงินนั้นมาวางไว้ที่เท้าของพวกอัครทูต
|
|
\s5
|
|
\c 5
|
|
\p
|
|
\v 1 บัดนี้มีชายคนหนึ่งชื่ออานาเนียกับสัปฟีราภรรยาของเขาได้ขายที่ดิน
|
|
\v 2 และเก็บเงินที่ขายได้ส่วนหนึ่งไว้ (ภรรยาของเขาก็รู้เรื่องนี้ด้วย) และได้นำเงินอีกส่วนหนึ่งมาวางไว้ที่เท้าของพวกอัครทูต
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 3 แต่เปโตรกล่าวว่า "อานาเนีย ทำไมซาตานจึงควบคุมใจของเจ้าให้โกหกต่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ และเก็บเงินส่วนหนึ่งของค่าที่ดินนั้นไว้?
|
|
\v 4 เมื่อที่ดินยังไม่ได้ขายนั้น มันก็ยังเป็นของเจ้าไม่ใช่หรือ? และหลังจากขายมันไปแล้ว มันก็ยังอยู่ในอำนาจของเจ้าไม่ใช่หรือ? อะไรที่ทำให้ใจของเจ้าคิดทำอย่างนี้? เจ้าไม่ได้โกหกต่อมนุษย์ แต่ได้โกหกต่อพระเจ้า"
|
|
\v 5 เมื่อได้ยินถ้อยคำเหล่านี้ อานาเนียก็ล้มลงและสิ้นใจ และทุกคนที่ได้ยินเรื่องนี้ก็เกิดความเกรงกลัวอย่างยิ่ง
|
|
\v 6 พวกคนหนุ่มจึงเข้ามาห่อศพของเขาแล้วหามเขาออกไปฝัง
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 7 หลังจากนั้นประมาณสามชั่วโมง ภรรยาของเขาซึ่งไม่ทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้เข้ามา
|
|
\v 8 เปโตรจึงกล่าวกับเธอว่า "จงบอกเรามาเถิดว่า เจ้าขายที่ดินได้ราคาเท่านั้นหรือไม่" เธอตอบว่า "ใช่ ได้เท่านั้น"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 9 แล้วเปโตรกล่าวกับเธอว่า "พวกเจ้าเป็นอย่างไร จึงได้พร้อมใจกันทดสอบพระวิญญาณขององค์พระผู้เป็นเจ้า? ดูสิ เท้าของพวกคนที่ฝังศพสามีของเจ้าอยู่ที่ประตู และพวกเขาจะหามศพของเจ้าออกไปด้วย"
|
|
\v 10 ทันใดนั้น เธอก็ล้มลงสิ้นใจที่เท้าของท่าน เมื่อพวกคนหนุ่มเข้ามาพบว่าเธอตายแล้ว พวกเขาจึงหามศพของเธอออกไปฝังไว้ข้างสามีของเธอ
|
|
\v 11 ทั่วทั้งคริสตจักร และทุกคนที่ได้ยินเหตุการณ์นั้นก็เกิดความเกรงกลัวอย่างยิ่ง
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 12 มีหมายสำคัญและการอัศจรรย์มากมายเกิดขึ้นท่ามกลางประชาชนโดยมือของพวกอัครทูต พวกเขารวมตัวกันอยู่ที่เฉลียงของซาโลมอน
|
|
\v 13 แต่ไม่มีใครกล้าที่จะเข้าไปร่วมกับพวกเขา อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ได้รับความนับถืออย่างมากจากประชาชน
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 14 มีผู้เชื่อที่ยังคงเข้ามาเป็นสาวกขององค์พระผู้เป็นเจ้ามากขึ้นทั้งชายและหญิง
|
|
\v 15 พวกเขาได้หามคนป่วยไปที่ถนน และวางผู้ป่วยเหล่านั้นไว้บนที่นอนและแคร่ เพื่อเวลาที่เปโตรเดินผ่านไป เงาของเขาจะทอดลงมาที่บางคนเหล่านั้น
|
|
\v 16 มีประชาชนจำนวนมากจากเมืองที่อยู่รอบๆ กรุงเยรูซาเล็มได้พากันมาด้วย และนำคนป่วยกับคนที่ทนทุกข์ทรมานจากผีโสโครกมาด้วย และพวกเขาก็ได้รับการรักษาให้หายทุกคน
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 17 แต่มหาปุโรหิตกับพรรคพวกที่อยู่กับเขา (ที่เป็นพวกสะดูสี) ก็ลุกขึ้นไป พวกเขาเต็มไปด้วยความอิจฉา
|
|
\v 18 จึงจับพวกอัครทูต และขังพวกเขาไว้ในคุกหลวง
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 19 แต่ในเวลากลางคืน ทูตสวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าได้เปิดประตูคุกและพาพวกเขาออกไป และกล่าวว่า
|
|
\v 20 "จงไปยืนอยู่ในพระวิหาร และพูดกับประชาชนเกี่ยวกับบรรดาถ้อยคำแห่งชีวิตนี้"
|
|
\v 21 เมื่อพวกเขาได้ยินเช่นนี้ พวกเขาก็เข้าไปในพระวิหารในตอนรุ่งเช้าและสั่งสอน แต่เมื่อมหาปุโรหิตกับพรรคพวกที่อยู่กับเขามาถึง ก็เรียกประชุมสภายิว พวกผู้ใหญ่ทั้งหมดของชนชาติอิสราเอล และใช้คนไปที่คุกเพื่อพาพวกอัครทูตออกมา
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 22 แต่เมื่อพวกเจ้าหน้าที่ไปแล้วก็ไม่พบพวกอัครทูตในคุก พวกเขาจึงกลับมารายงานว่า
|
|
\v 23 "เราเห็นประตูคุกปิดแน่นหนามั่นคง และพวกยามก็ยืนเฝ้าอยู่ที่ประตู แต่เมื่อเราเปิดประตูเข้าไป ไม่เห็นมีใครอยู่ข้างในนั้น"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 24 เมื่อหัวหน้ารักษาพระวิหารและพวกหัวหน้าปุโรหิตได้ยินถ้อยคำเหล่านี้ พวกเขาก็งุนงงมากในเรื่องพวกอัครทูตว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป
|
|
\v 25 แล้วมีบางคนเข้ามาบอกกับพวกเขาว่า "พวกคนที่ท่านขังไว้ในคุกกำลังยืนสอนประชาชนอยู่ในพระวิหาร"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 26 ดังนั้นหัวหน้ารักษาพระวิหารกับพวกเจ้าหน้าที่จึงออกไป และพาพวกอัครทูตกลับมาโดยไม่ใช้ความรุนแรง เพราะพวกเขากลัวประชาชนจะเอาหินขว้างพวกเขา
|
|
\v 27 เมื่อพวกเขาพาพวกอัครทูตมาแล้ว ก็ให้ยืนอยู่ต่อหน้าสภา มหาปุโรหิตจึงซักถามพวกเขาว่า
|
|
\v 28 "พวกเราได้สั่งกำชับพวกท่านอย่างแข็งขันแล้วว่าไม่ให้สอนโดยออกชื่อนี้ แต่พวกท่านกำลังทำให้คำสอนของพวกท่านแพร่กระจายไปทั่วกรุงเยรูซาเล็ม และต้องการให้ความผิดเรื่องโลหิตของชายคนนี้ตกอยู่กับพวกเรา"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 29 แต่เปโตรและบรรดาอัครทูตตอบว่า "พวกเราจำเป็นต้องเชื่อฟังพระเจ้ามากกว่าเชื่อฟังมนุษย์
|
|
\v 30 พระเยซูผู้ที่พวกท่านได้ฆ่าและแขวนไว้บนต้นไม้ พระเจ้าของบรรพบุรุษของพวกเราได้ทรงทำให้เป็นขึ้นมาแล้ว
|
|
\v 31 พระเจ้าทรงยกพระองค์ขึ้นไว้ที่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระองค์ เพื่อให้เป็นองค์เจ้านายและพระผู้ช่วยให้รอด เพื่อจะให้ชนชาติอิสราเอลกลับใจใหม่ และทรงให้อภัยความบาป
|
|
\v 32 พวกเราเป็นพยานในเรื่องนี้และพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่พระเจ้าประทานให้กับคนเหล่านั้นที่เชื่อฟังพระองค์ก็ทรงเป็นพยานด้วย"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 33 เมื่อพวกสมาชิกสภาได้ยินจึงโกรธมาก และต้องการจะฆ่าพวกอัครทูต
|
|
\v 34 แต่มีฟาริสีคนหนึ่งชื่อกามาลิเอล และเขาเป็นอาจารย์สอนพระบัญญัติซึ่งเป็นที่นับถือของประชาชนได้ยืนขึ้น และสั่งให้พาพวกอัครทูตออกไปข้างนอกสักครู่หนึ่ง
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 35 แล้วเขาจึงกล่าวกับพวกสมาชิกสภาว่า "พวกท่านชนชาติอิสราเอล จงระวังให้ดีถึงสิ่งที่พวกท่านจะทำกับคนเหล่านี้
|
|
\v 36 เพราะก่อนหน้านี้ ธุดาส ได้ปรากฏตัวขึ้นอ้างว่าเขาเป็นคนสำคัญ มีคนประมาณสี่ร้อยคนเข้าร่วมกับเขา เขาได้ถูกฆ่าตาย และบรรดาคนที่เชื่อฟังเขาได้กระจัดกระจายสาปสูญไป
|
|
\v 37 หลังจากชายคนนี้ ก็มียูดาสชาวกาลิลีได้ปรากฏตัวขึ้นในช่วงที่มีการจดทะเบียนสำมะโนครัวและได้เกลี้ยกล่อมผู้คนให้ติดตามเขา เขาก็พินาศด้วย และบรรดาคนที่เชื่อฟังเขาก็กระจัดกระจายไป
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 38 บัดนี้เราขอบอกพวกท่านว่า อย่าไปยุ่งเกี่ยวอะไรกับคนเหล่านี้เลย จงปล่อยพวกเขาไปเถิด เพราะถ้าเป็นแผนงานหรือกิจการที่มาจากมนุษย์ มันจะล่มสลายไปเอง
|
|
\v 39 แต่ถ้ามาจากพระเจ้า พวกท่านก็ไม่สามารถล้มล้างพวกเขาได้ เกรงว่าพวกท่านจะเป็นผู้ที่กำลังต่อสู้กับพระเจ้า" ดังนั้นพวกเขาจึงยอมฟังกามาลิเอล
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 40 แล้วพวกคนเหล่านั้นจึงเรียกพวกอัครทูตเข้ามาและเฆี่ยนพวกเขา และสั่งกำชับพวกเขาไม่ให้ออกพระนามของพระเยซู แล้วจึงปล่อยพวกเขาไป
|
|
\v 41 พวกอัครทูตจึงออกมาจากสภาด้วยความยินดี เพราะพวกเขาสมควรที่จะได้รับการหลู่เกียรติเพื่อพระนามนั้น
|
|
\v 42 ตั้งแต่นั้นมา พวกเขายังคงสั่งสอนและประกาศว่าพระเยซูทรงเป็นพระคริสต์ในพระวิหารและตามบ้านเรือนทุกๆ วันไม่ได้ขาด
|
|
\s5
|
|
\c 6
|
|
\p
|
|
\v 1 ในเวลานั้น เมื่อพวกสาวกกำลังเพิ่มทวีจำนวนมากขึ้น พวกยิวที่ใช้ภาษากรีกเริ่มต่อว่าพวกคนฮีบรู เพราะบรรดาแม่ม่ายของพวกเขาถูกละเลยไม่ได้รับแจกอาหารประจำวัน
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 2 อัครทูตสิบสองคนจึงเรียกพวกสาวกจำนวนมากมายนั้นมาหาพวกเขา และกล่าวแก่พวกเขาว่า "การที่เราจะละเลยพระวจนะของพระเจ้า เพื่อมาแจกอาหารก็เป็นการไม่ถูกต้อง
|
|
\v 3 เพราะฉะนั้น พี่น้องทั้งหลาย พวกท่านควรจะเลือกเจ็ดคนในพวกท่าน ที่เป็นคนมีชื่อเสียงดี เต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และสติปัญญา ผู้ที่เราจะตั้งให้ดูแลงานนี้
|
|
\v 4 ส่วนพวกเราจะยังคงอยู่ในการอธิษฐานและในพันธกิจด้านพระวจนะของพระเจ้าต่อไป"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 5 คำกล่าวของพวกอัครทูตเป็นที่พอใจของฝูงชน ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกสเทเฟน ผู้ที่เต็มด้วยไปความเชื่อและพระวิญญาณบริสุทธิ์ และฟีลิป โปรโครัส นิคาโนร์ ทิโมน ปารเมนัส และนิโคเลาซ์ชาวเมืองอันทิโอกคนที่เข้าจารีตในศาสนายิว
|
|
\v 6 บรรดาผู้ที่เชื่อก็นำคนเหล่านี้มาอยู่ต่อหน้าพวกอัครทูต ผู้ที่อธิษฐานและวางมือบนพวกเขา
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 7 ดังนั้นพระวจนะของพระเจ้าเจริญขึ้นและจำนวนสาวกในกรุงเยรูซาเล็มก็เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ พวกปุโรหิตก็มาเชื่อถือจำนวนมาก
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 8 บัดนี้สเทเฟนเต็มไปด้วยพระคุณและฤทธิ์เดช ได้ทำการอัศจรรย์และหมายสำคัญอันยิ่งใหญ่ท่ามกลางประชาชน
|
|
\v 9 แต่มีคนมาจากธรรมศาลาที่เรียกว่าธรรมศาลาของทาสอิสระ ที่เป็นชาวไซรีน ชาวอเล็กซานเดรีย และบางคนจากซิลิเซียและเอเชีย คนเหล่านี้กำลังโต้แย้งกับสเทเฟน
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 10 แต่พวกเขาต่อสู้ถ้อยคำที่สเทเฟนกล่าวด้วยสติปัญญาและพระวิญญาณไม่ได้
|
|
\v 11 พวกเขาได้แอบเกลี้ยกล่อมบางคนให้กล่าวว่า "เราได้ยินสเทเฟนพูดถ้อยคำหมิ่นประมาทโมเสสและพระเจ้า"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 12 พวกเขาปลุกระดมประชาชน พวกผู้ใหญ่ และพวกธรรรมาจารย์ และคนเหล่านั้นเข้ามาจับสเทเฟนและพาเขาไปที่สภายิว
|
|
\v 13 พวกเขาพาพยานเท็จมากล่าวว่า "ชายคนนี้ไม่หยุดพูดถ้อยคำดูหมิ่นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้และพระบัญญัติ
|
|
\v 14 เพราะเราได้ยินเขาพูดว่า พระเยซูชาวนาซาเร็ธคนนี้จะทำลายสถานที่นี้และเปลี่ยนธรรมเนียมที่โมเสสได้ให้ไว้กับเรา"
|
|
\v 15 ทุกคนที่นั่งอยู่ในสภายิวจึงจ้องมองไปที่สเทเฟนและเห็นหน้าของท่านเป็นเหมือนหน้าของทูตสวรรค์
|
|
\s5
|
|
\c 7
|
|
\p
|
|
\v 1 มหาปุโรหิตจึงถามว่า "เรื่องนี้จริงหรือ?"
|
|
\v 2 สเทเฟนตอบว่า "พี่น้องทั้งหลาย และท่านที่เป็นผู้ใหญ่ ขอจงฟังข้าพเจ้าเถิด พระเจ้าแห่งพระสิริได้ทรงปรากฏต่ออับราฮัมบิดาของพวกเรา เมื่อเขายังอยู่ในเมโสโปเตเมีย ก่อนที่เขาไปอาศัยอยู่ในเมืองฮาราน
|
|
\v 3 พระองค์ตรัสกับอับราฮัมว่า 'จงออกไปจากดินแดนของเจ้าและญาติพี่น้องของเจ้า และไปยังดินแดนที่เราจะสำแดงแก่เจ้า'
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 4 แล้วอับราฮัมจึงออกจากดินแดนของชาวเคลเดีย และไปอาศัยอยู่ในเมืองฮาราน หลังจากที่บิดาของเขาได้เสียชีวิตแล้ว พระเจ้าทรงนำเขาออกมาจากที่นั่นมายังดินแดนที่พวกท่านอาศัยอยู่ทุกวันนี้
|
|
\v 5 พระองค์ไม่ได้ประทานแผ่นดินนั้นให้เป็นมรดกของเขา ไม่มีแม้แต่ขนาดเท่าฝ่าเท้า ถึงแม้ว่า อับราฮัมจะไม่มีบุตรเลย แต่พระองค์ทรงสัญญาว่า พระองค์จะทรงประทานแผ่นดินนั้นให้เป็นกรรมสิทธิ์ของเขาและเชื้อสายของเขา
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 6 พระเจ้าตรัสกับเขาว่า เชื้อสายของเขาจะอาศัยอยู่ในต่างประเทศชั่วระยะหนึ่ง และคนในประเทศนั้นจะเอาพวกเขาไปเป็นทาส และข่มเหงพวกเขาเป็นเวลาสี่ร้อยปี
|
|
\v 7 พระเจ้าตรัสว่า 'แต่เราจะพิพากษาชนชาติที่พวกเขาเป็นทาสอยู่นั้น หลังจากนั้น พวกเขาจะออกมาและนมัสการเราในสถานที่นี้'
|
|
\v 8 แล้วพระองค์จึงประทานพันธสัญญาแห่งการเข้าสุหนัตแก่อับราฮัม เพราะเหตุนี้ เมื่ออับราฮัมได้เป็นบิดาของอิสอัค จึงให้เข้าสุหนัตในวันที่แปด อิสอัคเป็นบิดาของยาโคบ ยาโคบเป็นบิดาของบุตรสิบสองคนที่เป็นบรรพบุรุษของพวกเรา
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 9 เพราะบรรพบุรุษของพวกเราเหล่านั้นมีใจอิจฉาโยเซฟ พวกพี่น้องจึงขายเขาไปยังประเทศอียิปต์ แต่พระเจ้าสถิตกับเขา
|
|
\v 10 และช่วยเขาให้พ้นจากความทุกข์ยากลำบากทั้งสิ้น และทรงให้เขาเป็นที่ชอบและมีสติปัญญาต่อหน้าฟาโรห์ กษัตริย์แห่งอียิปต์ ฟาโรห์จึงตั้งเขาให้ดูแลเหนือประเทศอียิปต์ และทุกอย่างในพระราชสำนักของพระองค์
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 11 ต่อมาเกิดการกันดารอาหารขึ้นทั่วประเทศอียิปต์และแคว้นคานาอัน และเกิดความทุกข์ยากใหญ่ยิ่ง บรรพบุรุษของพวกเราจึงไม่มีอาหาร
|
|
\v 12 แต่เมื่อยาโคบได้ยินว่ามีข้าวอยู่ในประเทศอียิปต์ เขาจึงใช้บรรพบุรุษของพวกเราไปครั้งแรก
|
|
\v 13 ครั้งที่สองโยเซฟได้แสดงตัวให้พี่น้องรู้ และฟาโรห์จึงได้รู้จักกับครอบครัวของโยเซฟ
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 14 โยเซฟจึงส่งพี่น้องกลับไปบอกบิดาของเขาให้มาที่ประเทศอียิปต์พร้อมกับบรรดาญาติพี่น้องรวมทั้งหมดเจ็ดสิบห้าคน
|
|
\v 15 ดังนั้นยาโคบจึงลงไปที่ประเทศอียิปต์ และเขากับบรรพบุรุษของพวกเราได้เสียชีวิตที่นั่น
|
|
\v 16 พวกเขาถูกนำกลับมาที่เมืองเชเคมและฝังไว้ในอุโมงค์ฝังศพที่อับราฮัมได้ซื้อด้วยเงินจำนวนหนึ่งจากบุตรของฮาโมร์ในเมืองเชเคม
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 17 เมื่อถึงเวลาตามพระสัญญาที่พระเจ้าทรงทำกับอับราฮัม ชนชาติอิสราเอลได้ทวีจำนวนมากขึ้นในประเทศอียิปต์
|
|
\v 18 จนกระทั่งกษัตริย์อีกองค์หนึ่งที่ไม่รู้จักโยเซฟ ได้ขึ้นครอบครองประเทศอียิปต์
|
|
\v 19 กษัตริย์องค์เดียวกันนี้ที่ออกอุบายกับชนชาติของพวกเรา และข่มเหงบรรพบุรุษของพวกเรา พวกเขาต้องทิ้งให้เด็กทารกอยู่ในอันตราย ด้วยหวังว่าพวกเขาจะรอดชีวิต
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 20 เมื่อถึงเวลาที่โมเสสเกิดมา ท่านมีรูปงามต่อพระพักตร์พระเจ้า และได้รับการเลี้ยงดูในบ้านของบิดาเป็นเวลาสามเดือน
|
|
\v 21 เมื่อโมเสสถูกนำมาทิ้งไว้นอกบ้าน ราชธิดาของฟาโรห์ได้รับมาเลี้ยงไว้และเลี้ยงดูเขาเหมือนเป็นบุตรของตนเอง
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 22 โมเสสได้รับการศึกษาและเรียนรู้ทุกสิ่งของชาวอียิปต์ และเขามีความสามารถในการพูดและการงานต่างๆ
|
|
\v 23 แต่เมื่อเขามีอายุได้ประมาณสี่สิบปี ก็นึกอยากไปเยี่ยมเยียนพี่น้องของเขาที่เป็นลูกหลานคนอิสราเอล
|
|
\v 24 เขาได้เห็นคนอิสราเอลคนหนึ่งถูกข่มเหง โมเสสได้ปกป้องและแก้แค้นคนที่ข่มเหงนั้นโดยการฆ่าชาวอียิปต์คนนั้น
|
|
\v 25 โมเสสคิดว่าพี่น้องของเขาคงเข้าใจว่า พระเจ้าได้ทรงช่วยพวกเขาด้วยมือของตน แต่พวกเขาไม่เข้าใจอย่างนั้น
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 26 วันต่อมา โมเสสได้มาพบคนอิสราเอลในขณะที่พวกเขากำลังทะเลาะวิวาทกันอยู่ โมเสสจึงพยายามทำให้พวกเขาคืนดีกัน โมเสสกล่าวว่า 'เพื่อนเอ๋ย พวกท่านเป็นพี่น้องกัน ทำไมพวกท่านจึงทำร้ายกันและกัน?'
|
|
\v 27 แต่คนที่ทำผิดต่อเพื่อนบ้านได้ผลักเขาออกไป และกล่าวว่า 'ใครตั้งเจ้าให้เป็นผู้ครอบครองและผู้พิพากษาเหนือพวกเรา?
|
|
\v 28 เจ้าอยากจะฆ่าพวกเราเหมือนกับที่เจ้าฆ่าชาวอียิปต์คนนั้นเมื่อวานนี้หรือ?'
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 29 โมเสสได้ยินดังนั้น จึงหนีไป และเป็นคนต่างชาติในแผ่นดินมีเดียน เขาได้เป็นบิดาของบุตรชายสองคนที่นั่น
|
|
\v 30 เมื่อสี่สิบปีผ่านไป ทูตสวรรค์องค์หนึ่งได้ปรากฏต่อเขา เป็นเปลวไฟในพุ่มไม้ในถิ่นทุรกันดารของภูเขาซีนาย
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 31 เมื่อโมเสสได้เห็นเปลวไฟนั้น เขาจึงมองด้วยความอัศจรรย์ใจ เมื่อเขาเข้าไปดูใกล้ๆ ก็ได้ยินพระสุรเสียงขององค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสออกมาว่า
|
|
\v 32 'เราเป็นพระเจ้าของบรรพบุรุษของเจ้า พระเจ้าของอับราฮัม ของอิสอัค และของยาโคบ' โมเสสก็กลัวจนตัวสั่นไม่กล้าที่จะมองดู
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 33 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า 'จงถอดรองเท้าออก เพราะที่ที่เจ้ายืนอยู่นี้เป็นที่บริสุทธิ์
|
|
\v 34 เราได้เห็นความทุกข์ยากลำบากของชนชาติของเราที่อยู่ในประเทศอียิปต์แล้ว เราได้ยินเสียงคร่ำครวญของพวกเขา เราจึงลงมาเพื่อจะช่วยพวกเขาให้รอด มาเถิด เราจะใช้เจ้าไปยังประเทศอียิปต์'
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 35 โมเสสคนนี้แหละ ที่พวกเขาเคยปฏิเสธ เมื่อพวกเขากล่าวว่า 'ใครตั้งเจ้าให้เป็นผู้ครอบครองและผู้พิพากษา?' เขาเป็นผู้ที่พระเจ้าทรงใช้ไปที่เป็นทั้งผู้ครอบครองและผู้ปลดปล่อย พระเจ้าทรงใช้เขาไปโดยมือของทูตสวรรค์ที่ปรากฏแก่โมเสสในพุ่มไม้
|
|
\v 36 โมเสสนำพวกเขาออกมาจากประเทศอียิปต์ หลังจากได้ทำการอัศจรรย์และหมายสำคัญต่างๆ ในประเทศอียิปต์และที่ทะเลแดง และระหว่างที่อยู่ในถิ่นทุรกันดารสี่สิบปี
|
|
\v 37 โมเสสคนเดียวกันนี้แหละ ที่กล่าวกับชนชาติอิสราเอลว่า 'พระเจ้าจะประทานผู้เผยพระวจนะผู้หนึ่งเกิดมาท่ามกลางพี่น้องของพวกท่าน ที่เป็นผู้เผยพระวจนะเหมือนอย่างข้าพเจ้า'
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 38 โมเสสคนนี้แหละ ที่อยู่ในชุมนุมชนในถิ่นทุรกันดารกับทูตสวรรค์ที่ได้พูดกับเขาบนภูเขาซีนาย ชายคนนี้แหละที่อยู่กับบรรพบุรุษของพวกเรา ชายคนนี้แหละที่รับพระวจนะอันทรงชีวิตที่มอบให้แก่พวกเรา
|
|
\v 39 ชายคนนี้แหละที่บรรพบุรุษของพวกเราปฏิเสธที่จะเชื่อฟัง และผลักเขาออกไปจากพวกของตน และในใจของพวกเขาคิดจะกลับไปยังประเทศอียิปต์
|
|
\v 40 ในเวลานั้น พวกเขากล่าวกับอาโรนว่า 'จงสร้างพระให้แก่พวกเรา เพื่อจะนำพวกเราไป เพราะว่าโมเสสคนนี้ที่นำพวกเราออกมาจากประเทศอียิปต์ พวกเราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา'
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 41 ดังนั้นพวกเขาจึงสร้างโคขึ้นมาตัวหนึ่งในตอนนั้น และนำเครื่องบูชามาถวายต่อรูปเคารพนั้น และรื่นเริงยินดี จากผลงานที่สร้างขึ้นมาด้วยมือของตน
|
|
\v 42 แต่พระเจ้าทรงหันไป และปล่อยให้พวกเขานมัสการกลุ่มดาวในท้องฟ้า ตามที่มีเขียนไว้ในหนังสือของบรรดาผู้เผยพระวจนะว่า 'พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย พวกเจ้าได้ถวายสัตว์ที่ถูกฆ่าและเครื่องบูชาเป็นเวลาสี่สิบปีในถิ่นทุรกันดารหรือ?
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 43 พวกเจ้ารับเอาเต็นท์ของพระโมเลค และดาวของพระเรฟาน และรูปพระต่างๆ ที่เจ้าทำขึ้นเพื่อกราบนมัสการรูปเหล่านั้น เราจะกวาดพวกเจ้าไกลออกไปยังบาบิโลน'
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 44 บรรพบุรุษของพวกเรามีเต็นท์ที่เป็นพยานอยู่ในถิ่นทุรกันดาร ตามที่พระเจ้าทรงบัญชาไว้ เมื่อพระองค์ตรัสกับโมเสสให้เขาทำเต็นท์ตามแบบที่เขาได้เห็น
|
|
\v 45 เต็นท์นี้ที่บรรพบุรุษของพวกเราได้ขนตามโยชูวาไปยังดินแดนนั้นหลังจากเข้ายึดครองแผ่นดินของประชาชาติที่พระเจ้าทรงขับไล่ให้พ้นหน้าบรรพบุรุษของพวกเราแล้ว เต็นท์นั้นก็ยังคงอยู่มาจนถึงสมัยของดาวิด
|
|
\v 46 ผู้ที่ได้รับความพอพระทัยในสายพระเนตรของพระเจ้า เขาทูลขอพระเจ้าที่จะจัดเตรียมพระนิเวศสำหรับพระเจ้าของยาโคบ
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 47 แต่ซาโลมอนได้สร้างพระนิเวศของพระเจ้า
|
|
\v 48 ถึงกระนั้น องค์ผู้สูงสุดก็ไม่ได้ประทับในพระนิเวศที่สร้างด้วยมือมนุษย์ ตามที่ผู้เผยพระวจนะได้กล่าวไว้ว่า
|
|
\v 49 'สวรรค์เป็นที่ประทับของเรา โลกเป็นที่รองเท้าของเรา พวกเจ้าจะสร้างพระนิเวศชนิดไหนให้กับเรา หรือสถานที่ไหนจะเป็นที่พำนักของเรา?
|
|
\v 50 มือของเราได้สร้างสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดไม่ใช่หรือ?'
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 51 พวกท่าน พวกคนหัวแข็ง ใจดื้อดึงและหูตึง พวกท่านขัดขวางพระวิญญาณบริสุทธิ์อยู่เสมอ พวกท่านได้กระทำเหมือนอย่างที่บรรพบุรุษของพวกท่านได้กระทำ
|
|
\v 52 มีผู้เผยพระวจนะคนไหนบ้างที่บรรพบุรุษของพวกท่านไม่ได้ข่มเหง? พวกเขาฆ่าบรรดาผู้เผยพระวจนะที่พยากรณ์ถึงการเสด็จมาขององค์ผู้ชอบธรรม และบัดนี้พวกท่านก็เป็นคนทรยศและเป็นฆาตกรต่อพระองค์ด้วย
|
|
\v 53 พวกท่านที่ได้รับพระบัญญัติจากเหล่าทูตสวรรค์ แต่ไม่ได้ปฏิบัติตามพระบัญญัตินั้น"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 54 บัดนี้เมื่อพวกสมาชิกสภาได้ยินอย่างนั้นก็โกรธมาก และขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเข้าใส่สเทเฟน
|
|
\v 55 แต่สเทเฟนเต็มด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ เพ่งมองที่ฟ้าสวรรค์และเห็นพระสิริของพระเจ้า และเขาเห็นพระเยซูทรงยืนอยู่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้า
|
|
\v 56 สเทเฟนกล่าวว่า "ดูสิ ข้าพเจ้าเห็นท้องฟ้าเปิดออก และบุตรมนุษย์ทรงยืนอยู่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้า"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 57 แต่พวกสมาชิกสภาร้องตะโกนเสียงดังและอุดหู แล้วพากันวิ่งกรูเข้าไปหาเขา
|
|
\v 58 พวกเขาขับไล่สเทเฟนออกไปจากกรุงนั้น แล้วเอาก้อนหินขว้างเขา พวกคนที่เห็นเหตุการณ์นั้นได้วางเสื้อผ้าของเขาไว้ที่เท้าของชายหนุ่มคนหนึ่งที่ชื่อว่า เซาโล
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 59 ในขณะที่พวกเขาเอาหินขว้างสเทเฟน เขาก็ยังร้องทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า "องค์พระเยซูเจ้า ขอทรงรับวิญญาณของข้าพระองค์"
|
|
\v 60 เขาคุกเข่าลงแล้วร้องเสียงดังว่า "องค์พระผู้เป็นเจ้า ขออย่าทรงถือโทษบาปนี้ต่อพวกเขาเลย" เมื่อเขากล่าวดังนี้แล้ว เขาก็ล่วงหลับไป
|
|
\s5
|
|
\c 8
|
|
\p
|
|
\v 1 เซาโลเห็นชอบกับการตายของสเทเฟน ในวันนั้นจึงเกิดการข่มเหงคริสตจักรครั้งใหญ่ในกรุงเยรูซาเล็ม บรรดาผู้ที่เชื่อต่างกระจัดกระจายไปทั่วแคว้นยูเดียและสะมาเรีย ยกเว้นพวกอัครทูต
|
|
\v 2 บรรดาคนที่ยำเกรงพระเจ้าได้ฝังศพของสเทเฟน และคร่ำครวญถึงเขาเป็นอย่างมาก
|
|
\v 3 แต่เซาโลได้ทำร้ายคริสตจักรอย่างหนัก เขาเข้าไปตามบ้านและฉุดลากผู้ชายและผู้หญิงออกมา แล้วเอาพวกเขาไปขังไว้ในคุก
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 4 ผู้เชื่อทั้งหลายที่กระจัดกระจายออกไปได้ประกาศพระวจนะของพระเจ้า
|
|
\v 5 ฟีลิปได้ลงไปยังเมืองหนึ่งของแคว้นสะมาเรียและประกาศพระคริสต์กับพวกเขา
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 6 เมื่อฝูงชนได้ยินและได้เห็นการอัศจรรย์กับหมายสำคัญที่ฟีลิปทำ พวกเขาสนใจฟังถ้อยคำที่เขาสอน
|
|
\v 7 ในคนมากมายนั้นมีผีโสโครกร้องเสียงดังออกมาจากพวกเขา คนที่เป็นอัมพาตและคนง่อยก็ได้รับการรักษาให้หาย
|
|
\v 8 ดังนั้นจึงมีความชื่นชมยินดีอย่างมากในเมืองนั้น
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 9 แต่มีชายคนหนึ่งในเมืองนั้นมีชื่อว่าซีโมนเป็นคนใช้เวทมนต์มาก่อน เขาเคยทำให้ชาวสะมาเรียพิศวงหลงไหล เมื่อเขายกตัวว่าเป็นผู้วิเศษ
|
|
\v 10 ชาวสะมาเรียทุกคนตั้งแต่คนเล็กน้อยที่สุดไปจนถึงคนใหญ่โตที่สุดต่างก็สนใจฟังเขา พวกเขากล่าวว่า "ชายคนนี้มีฤทธิ์เดชของพระเจ้าซึ่งเรียกว่า มหิทธิฤทธิ์"
|
|
\v 11 พวกเขาฟังซีโมน เพราะเขาทำให้คนเหล่านั้นพิศวงหลงไหลกับเวทย์มนต์ของเขามานานแล้ว
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 12 แต่เมื่อพวกเขาเชื่อในข่าวประเสริฐที่ฟีลิปได้ประกาศเกี่ยวกับราชอาณาจักรของพระเจ้า และพระนามของพระเยซูคริสต์ พวกเขาได้รับบัพติศมาทั้งชายและหญิง
|
|
\v 13 แม้แต่ซีโมนเองก็เชื่อด้วย และหลังจากที่เขารับบัพติศมาแล้ว เขาก็ยังอยู่กับฟีลิปต่อไป เมื่อเขาเห็นหมายสำคัญและการอัศจรรย์ที่เกิดขึ้น เขาก็อัศจรรย์ใจยิ่งนัก
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 14 เมื่อพวกอัครทูตในกรุงเยรูซาเล็มได้ยินว่าชาวสะมาเรียได้รับพระวจนะของพระเจ้าแล้ว พวกเขาจึงส่งเปโตรกับยอห์นไป
|
|
\v 15 เมื่อเปโตรกับยอห์นมาถึงก็อธิษฐานเผื่อพวกเขา เพื่อให้พวกเขารับพระวิญญาณบริสุทธิ์
|
|
\v 16 เพราะจนถึงตอนนั้น พระวิญญาณบริสุทธิ์ยังไม่เสด็จลงมาสถิตกับผู้ใดเลย พวกเขาเพียงแค่รับบัพติศมาในพระนามขององค์พระเยซูเจ้าเท่านั้น
|
|
\v 17 แล้วเปโตรกับยอห์นจึงวางมือบนพวกเขา และพวกเขาก็ได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 18 เมื่อซีโมนเห็นว่าพวกเขาได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์โดยการวางมือของพวกอัครทูต เขาจึงนำเงินมาให้พวกอัครทูต
|
|
\v 19 เขากล่าวว่า "ขอฤทธิ์เดชนี้ให้แก่ข้าพเจ้าด้วย เพื่อว่าคนใดก็ตามที่ข้าพเจ้าวางมือจะได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 20 แต่เปโตรกล่าวกับเขาว่า "ขอให้เงินของเจ้าพินาศไปพร้อมกับเจ้า เพราะเจ้าคิดจะซื้อของประทานจากพระเจ้าด้วยเงิน
|
|
\v 21 เจ้าไม่มีส่วนหรือมีส่วนร่วมใดๆ ในเรื่องนี้ เพราะใจของเจ้าไม่ถูกต้องต่อพระเจ้า
|
|
\v 22 เพราะฉะนั้น จงกลับใจใหม่จากความชั่วร้ายของเจ้า และอธิษฐานต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า เพื่อว่าพระองค์อาจจะทรงอภัยให้กับเจ้าสำหรับสิ่งที่อยู่ในใจของเจ้า
|
|
\v 23 เพราะข้าเห็นเจ้าอยู่ในอันตรายของความขมขื่นและในการผูกมัดของบาป"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 24 ซีโมนตอบว่า "ขอพวกท่านอธิษฐานต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าเผื่อข้าพเจ้าด้วย เพื่อที่สิ่งที่ท่านกล่าวจะไม่เกิดขึ้นกับข้าพเจ้าเลย"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 25 เมื่อเปโตรกับยอห์นเป็นพยานและประกาศพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้าแล้ว พวกเขาจึงกลับไปยังกรุงเยรูซาเล็ม ในขณะที่ไปตามทาง พวกเขาได้ประกาศข่าวประเสริฐกับหมู่บ้านของชาวสะมาเรียหลายแห่ง
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 26 ทูตสวรรค์องค์หนึ่งขององค์พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับฟีลิปว่า "จงลุกขึ้นไปยังทิศใต้ตามถนนที่ลงจากกรุงเยรูซาเล็มไปถึงกาซา" (ถนนนี้อยู่ในถิ่นทุรกันดาร)
|
|
\v 27 เขาก็ลุกขึ้นไป นี่แน่ะ มีชายคนหนึ่งมาจากคูช ซึ่งเป็นขันทีที่เป็นข้าราชการของพระนางคานดาสี พระราชินีแห่งคูช เขาเป็นนายคลังทรัพย์ทั้งหมดของพระราชินีองค์นั้น เขามานมัสการที่กรุงเยรูซาเล็ม
|
|
\v 28 เขากำลังเดินทางกลับและนั่งอยู่ในรถม้า และกำลังอ่านอิสยาห์ผู้เผยพระวจนะอยู่
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 29 พระวิญญาณตรัสกับฟีลิปว่า "จงเข้าไป และอยู่ใกล้รถม้าคันนั้น"
|
|
\v 30 ดังนั้นฟีลิปจึงวิ่งไปหาเขา และได้ยินเขากำลังอ่านอิสยาห์ผู้เผยพระวจนะ และถามว่า "ท่านเข้าใจสิ่งที่ท่านกำลังอ่านอยู่หรือไม่?"
|
|
\v 31 ชาวคูชคนนั้นตอบว่า "ข้าพเจ้าจะเข้าใจได้อย่างไร เว้นเสียแต่มีคนแนะนำข้าพเจ้า" เขาขอร้องให้ฟีลิปขึ้นมาบนรถม้านั้นและนั่งกับเขา
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 32 บัดนี้พระคัมภีร์ตอนที่ชาวเอธิโอเปียอ่านอยู่นั้นเป็นข้อความเหล่านี้ "เขาถูกนำไปเหมือนแกะที่เอาไปฆ่า และลูกแกะที่เงียบอยู่ต่อหน้าคนที่ตัดขนมันอย่างไร เขาก็ไม่ปริปากของเขาเลยอย่างนั้น
|
|
\v 33 ในเวลาที่เขาถูกเหยียดหยาม เขาไม่ได้รับความยุติธรรม ใครจะประกาศต่อพงศ์พันธุ์ของเขา? เพราะชีวิตของเขาได้ถูกเอาออกไปจากแผ่นดินโลก"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 34 ดังนั้นขันทีจึงถามฟีลิปว่า "ข้าพเจ้าขอถามท่าน ใครคือผู้ที่ผู้เผยพระวจนะกล่าวถึง ตัวเขาเองหรือคนอื่น?"
|
|
\v 35 ฟีลิปจึงเริ่มเล่าเรื่อง เริ่มต้นด้วยพระคัมภีร์ตอนนี้ในอิสยาห์เพื่อประกาศเรื่องพระเยซูกับขันทีคนนั้น
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 36 ขณะที่พวกเขาเดินทางมาตามถนน พวกเขาก็มาถึงที่ที่มีน้ำ และขันทีจึงกล่าวว่า "ดูสิ ที่นี่มีน้ำ มีอะไรขัดข้องไม่ให้ข้าพเจ้ารับบัพติศมา?"
|
|
\v 37 ฟีลิปจึงตอบว่า ถ้าท่านเชื่อด้วยสุดใจ ท่านก็รับบัพติศมาได้ ชาวเอธิโอเปียคนนั้นจึงตอบว่า "ข้าพเจ้าเชื่อว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า"
|
|
\v 38 ดังนั้นชาวเอธิโอเปียคนนั้นจึงสั่งให้หยุดรถ พวกเขาก็ลงไปในน้ำทั้งฟีลิปกับขันที ฟีลิปได้ให้เขารับบัพติศมา
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 39 เมื่อพวกเขาขึ้นมาจากน้ำแล้ว พระวิญญาณขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงรับฟีลิปไป และขันทีคนนั้นก็ไม่ได้เห็นฟีลิปอีกเลย เขาจึงเดินทางต่อไปด้วยความยินดี
|
|
\v 40 แต่ฟีลิปได้ปรากฏตัวที่อาโซทัส เขาผ่านเมืองนั้นไป และประกาศข่าวประเสริฐทั่วทุกเมือง จนกระทั่งเขามาถึงเมืองซีซารียา
|
|
\s5
|
|
\c 9
|
|
\p
|
|
\v 1 แต่เซาโลยังคงขู่ว่าจะฆ่าบรรดาสาวกขององค์พระผู้เป็นเจ้า และไปหามหาปุโรหิต
|
|
\v 2 และขอหนังสือไปยังธรรมศาลาต่างๆ ในเมืองดามัสกัส เพื่อว่าถ้าเขาพบคนใดที่เป็นพวกทางนั้น ไม่ว่าชายหรือหญิง เขาจะจับมัดพามายังกรุงเยรูซาเล็ม
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 3 ขณะที่เซาโลกำลังเดินทางไปใกล้จะถึงเมืองดามัสกัส ในทันใดนั้นก็เกิดมีแสงสว่างส่องมาจากฟ้าสวรรค์รอบตัวเขา
|
|
\v 4 เขาก็ล้มลงที่พื้นและได้ยินพระสุรเสียงตรัสว่า "เซาโล เซาโลเอ๋ย เจ้าข่มเหงเราทำไม?"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 5 เซาโลจึงตอบว่า "องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงเป็นผู้ใด" องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า "เราคือเยซูผู้ที่เจ้าข่มเหง
|
|
\v 6 แต่จงลุกขึ้นเถิด และเข้าไปในเมือง แล้วจะมีคนบอกเจ้าว่าเจ้าจะต้องทำอะไร"
|
|
\v 7 พวกคนที่เดินทางมากับเซาโลก็ยืนพูดไม่ออก ได้ยินพระสุรเสียงแต่มองไม่เห็นใคร
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 8 เซาโลจึงลุกขึ้นจากพื้น เมื่อท่านลืมตาขึ้นก็มองอะไรไม่เห็น พวกเขาจึงจูงมือเซาโลและพาเขาเข้าไปในเมืองดามัสกัส
|
|
\v 9 เพราะเขามองไม่เห็นเป็นเวลาสามวัน และไม่รับประทานหรือดื่มอะไรเลย
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 10 มีสาวกคนหนึ่งที่เมืองดามัสกัสชื่ออานาเนีย องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับเขาในนิมิตว่า "อานาเนียเอ๋ย" และเขาทูลตอบว่า "ข้าพระองค์อยู่ที่นี่ องค์พระผู้เป็นเจ้า"
|
|
\v 11 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับเขาว่า "จงลุกขึ้นแล้วไปที่ถนนที่เรียกว่าถนนตรง และไปที่บ้านของยูดาส ถามหาชายคนหนึ่งที่มาจากเมืองทาร์ซัสที่ชื่อว่าเซาโล เพราะเขากำลังอธิษฐานอยู่
|
|
\v 12 เขาได้เห็นในนิมิตว่า ชายคนหนึ่งชื่ออานาเนียเข้ามาและวางมือบนตัวเขา เพื่อที่เขาจะมองเห็นอีก"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 13 แต่อานาเนียทูลตอบว่า "องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์ได้ยินจากหลายคนเกี่ยวกับชายคนนี้ เขาได้ทำร้ายผู้คนที่บริสุทธิ์ของพระองค์ในกรุงเยรูซาเล็ม
|
|
\v 14 เขาได้รับอำนาจจากพวกหัวหน้าปุโรหิตที่จะจับกุมใครก็ตามที่อยู่ที่นี่ที่ออกพระนามของพระองค์"
|
|
\v 15 แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับเขาว่า "จงไปเถิด เพราะเขาเป็นภาชนะที่เราเลือกสรรไว้ ที่จะนำนามของเราไปถึงบรรดาคนต่างชาติ และบรรดากษัตริย์ และลูกหลานของคนอิสราเอล
|
|
\v 16 เพราะเราจะแสดงให้เขาเห็นว่า เขาต้องทนทุกข์ลำบากมากเท่าใดเพื่อนามของเรา"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 17 ดังนั้นอานาเนียจึงออกเดินทางไป และเข้าไปในบ้านนั้น วางมือบนตัวเซาโล กล่าวว่า "เซาโล องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ที่ปรากฏต่อท่านระหว่างทางที่ท่านมานั้น ได้ทรงใช้ข้าพเจ้ามาเพื่อให้ท่านมองเห็นอีก และได้รับการเต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์"
|
|
\v 18 ในทันใดนั้น มีสิ่งหนึ่งเหมือนเกล็ดตกลงมาจากตาของเซาโล แล้วเขาก็มองเห็นได้ เขาจึงลุกขึ้น และรับบัพติศมา
|
|
\v 19 และเขารับประทาน แล้วก็มีกำลังขึ้น เขาพักอยู่กับพวกสาวกในเมืองดามัสกัสเป็นเวลาหลายวัน
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 20 เขาประกาศในธรรมศาลาต่างๆ ทันทีว่า พระเยซูทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า
|
|
\v 21 ทุกคนที่ได้ยินเขาก็ประหลาดใจ และพูดกันว่า "คนนี้ไม่ใช่หรือที่ทำร้ายผู้คนในกรุงเยรูซาเล็มที่ออกพระนามนี้? เขามาที่นี่เพื่อจะจับมัดพวกนั้นส่งให้พวกหัวหน้าปุโรหิต"
|
|
\v 22 แต่เซาโลก็ยิ่งมีกำลังมากขึ้น และเขาทำให้พวกยิวในเมืองดามัสกัสยุ่งยากใจด้วยการพิสูจน์ว่าพระเยซูทรงเป็นพระคริสต์
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 23 หลังจากหลายวันต่อมา พวกยิวก็วางแผนกันจะฆ่าเซาโล
|
|
\v 24 แต่แผนการของพวกเขารู้ไปถึงหูของเซาโล พวกเขาคอยเฝ้าอยู่ที่ประตูเมืองทั้งกลางวันและกลางคืนเพื่อที่จะฆ่าเขา
|
|
\v 25 แต่พวกสาวกได้เอาเซาโลนั่งลงในเข่ง และหย่อนเขาลงไปจากกำแพงเมืองในตอนกลางคืน
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 26 เมื่อเซาโลมาถึงกรุงเยรูซาเล็ม เขาก็พยายามที่จะเข้าร่วมกับพวกสาวก แต่พวกเขาทุกคนกลัวเซาโล ไม่เชื่อว่าเขาเป็นสาวก
|
|
\v 27 แต่บารนาบัสพาเขาไปหาพวกอัครทูต และบารนาบัสได้บอกพวกเขาว่า เซาโลได้พบกับองค์พระผู้เป็นเจ้าระหว่างทาง และองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสกับเขาอย่างไร และเซาโลได้ประกาศในพระนามของพระเยซูด้วยใจกล้าหาญในเมืองดามัสกัสอย่างไร
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 28 เซาโลจึงได้เข้านอกออกในอยู่กับพวกอัครทูตในกรุงเยรูซาเล็ม เขาประกาศพระนามขององค์พระเยซูเจ้าด้วยใจกล้าหาญ
|
|
\v 29 และได้โต้เถียงกับชาวยิวที่พูดกรีก แต่พวกนั้นยังพยายามที่จะฆ่าเขา
|
|
\v 30 เมื่อพี่น้องได้รู้เรื่องนี้ พวกเขาก็พาเซาโลลงไปยังเมืองซีซารียา แล้วส่งต่อไปยังเมืองทาร์ซัส
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 31 หลังจากนั้น คริสตจักรตลอดทั่วแคว้นยูเดีย แคว้นกาลิลี และสะมาเรียก็สงบสุข และเจริญเติบโต และดำเนินในความยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้า และได้รับการหนุนใจจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ คริสตจักรก็มีจำนวนสมาชิกเพิ่มขึ้น
|
|
\v 32 ในเวลานั้น ขณะที่เปโตรเดินทางไปทั่วทุกแคว้น เขาก็ลงไปหาผู้เชื่อที่อาศัยอยู่ในเมืองลิดดาด้วย
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 33 ที่นั่นเปโตรได้พบกับชายคนหนึ่งชื่อไอเนอัสที่นั่น เขาเป็นอัมพาตต้องอยู่ในที่นอนมาเป็นเวลาแปดปีแล้ว
|
|
\v 34 เปโตรกล่าวกับเขาว่า "ไอเนอัส พระเยซูคริสต์ทรงรักษาท่านให้หายแล้ว จงลุกขึ้นและเก็บที่นอนของท่านเถิด" และเขาก็ลุกขึ้นในทันที
|
|
\v 35 ดังนั้นทุกคนที่อาศัยอยู่ในเมืองลิดดาและในที่ราบชาโรนเห็นชายคนนั้น พวกเขาก็กลับใจมาหาองค์พระผู้เป็นเจ้า
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 36 มีสาวกคนหนึ่งในเมืองยัฟฟาชื่อทาบิธา ที่แปลว่า "โดรคัส" หญิงคนนี้ได้ทำงานที่ดีไว้มากมาย และมีเมตตาต่อคนยากจน
|
|
\v 37 ในเวลานั้น เธอได้ล้มป่วยและตาย เมื่อพวกเขาอาบน้ำศพเธอแล้ว ก็เอาไปวางไว้ในห้องชั้นบน
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 38 เนื่องจากเมืองลิดดาอยู่ใกล้กับเมืองยัฟฟา และพวกสาวกได้ยินว่าเปโตรอยู่ที่นั่น จึงใช้ชายสองคนไปหาและขอร้องเปโตรว่า "ขอให้ท่านมากับเราโดยเร็วเถิด"
|
|
\v 39 เปโตรลุกขึ้นไปกับพวกเขา เมื่อเขามาถึง คนเหล่านั้นก็พาเขาขึ้นไปยังห้องชั้นบน พวกแม่ม่ายทุกคนยืนร้องไห้อยู่ข้างๆ เขา และชี้ให้เขาดูเสื้อคลุมและเสื้อผ้าต่างๆ ที่โดรคัสได้ทำไว้ในขณะที่เธอยังมีชีวิตอยู่กับพวกเธอ
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 40 เปโตรจึงให้พวกเธอออกไปข้างนอก แล้วคุกเข่าลงอธิษฐาน เขาหันมาที่ศพนั้นแล้วกล่าวว่า "ทาบิธาเอ๋ย จงลุกขึ้นเถิด" เธอก็ลืมตาขึ้น และเมื่อเธอเห็นเปโตรจึงลุกขึ้นนั่ง
|
|
\v 41 แล้วเปโตรจึงจับมือของเธอพยุงขึ้น และเมื่อเขาเรียกผู้ที่เชื่อและพวกแม่ม่ายเข้ามา เปโตรก็มอบหญิงที่มีชีวิตให้กับพวกเขา
|
|
\v 42 เรื่องนี้ได้เลื่องลือไปทั่วเมืองยัฟฟา และคนจำนวนมากพากันมาเชื่อในองค์พระผู้เป็นเจ้า
|
|
\v 43 เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในขณะที่เปโตรพักอยู่ในเมืองยัฟฟาเป็นเวลาหลายวันกับชายคนหนึ่งที่มีชื่อว่าซีโมนเป็นช่างฟอกหนัง
|
|
\s5
|
|
\c 10
|
|
\p
|
|
\v 1 บัดนี้มีชายคนหนึ่งในเมืองซีซารียา ชื่อโครเนลิอัส เป็นนายร้อยในกองทหารที่เรียกว่ากองทหารอิตาเลียน
|
|
\v 2 เขาและครอบครัวเป็นคนยำเกรงและนมัสการพระเจ้า เขาให้ทานเป็นเงินจำนวนมากแก่ชาวยิว และอธิษฐานต่อพระเจ้าเสมอ
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 3 เวลาประมาณบ่ายสามโมง นายร้อยคนนั้นได้เห็นนิมิตชัดเจนว่า ทูตสวรรค์องค์หนึ่งของพระเจ้ามาหาเขา ทูตสวรรค์องค์นั้นกล่าวแก่เขาว่า "โครเนริอัส"
|
|
\v 4 โครเนริอัสจ้องมองที่ทูตสวรรค์ด้วยความตกใจอย่างยิ่ง และกล่าวว่า "นี่คืออะไร ท่าน" ทูตองค์น้้นกล่าวแก่เขาว่า "คำอธิษฐานและการให้ทานแก่คนยากจนของท่านเป็นเครื่องบูชาที่ทำให้ระลึกถึงขึ้นไปถึงที่ประทับของพระเจ้า
|
|
\v 5 บัดนี้จงใช้คนไปยังเมืองยัฟฟา และพาชายคนหนึ่งที่ชื่อซีโมนที่เรียกว่าเปโตรมา
|
|
\v 6 เขากำลังพักอยู่กับช่างฟอกหนังที่ชื่อซีโมนซึ่งบ้านของเขาอยู่ริมฝั่งทะเล"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 7 เมื่อทูตสวรรค์ที่พูดกับเขาจากไปแล้ว โคเนริอัสจึงเรียกคนรับใช้ในบ้านสองคนและทหารคนหนึ่งที่นมัสการพระเจ้าจากกองทหารที่รับใช้เขาเช่นกัน
|
|
\v 8 โครเนลิอัสเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้พวกเขาฟัง และใช้พวกเขาไปยังเมืองยัฟฟา
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 9 วันรุ่งขึ้น เวลาประมาณเที่ยง ขณะที่พวกเขาเดินทางใกล้จะถึงเมืองนั้น เปโตรได้ขึ้นไปบนหลังคาบ้านเพื่ออธิษฐาน
|
|
\v 10 เขาเริ่มหิวและต้องการรับประทานอาหาร แต่ในขณะที่คนกำลังทำอาหารอยู่ เขาก็ได้รับนิมิต
|
|
\v 11 และเขาเห็นท้องฟ้าเปิดออก และมีภาชนะใส่ของเลื่อนต่ำลงมาบางอย่างที่เหมือนแผ่นใหญ่ลงมายังพื้นโลก หย่อนลงมาโดยมุมสี่มุมของสิ่งนั้น
|
|
\v 12 ในนั้นมีสัตว์สี่เท้าทุกชนิด และสิ่งที่คลานบนพื้นดิน และเหล่านกในฟ้าอากาศ
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 13 แล้วมีพระสุรเสียงตรัสกับเขาว่า "เปโตร จงลุกขึ้น จงฆ่าและกินเสีย"
|
|
\v 14 แต่เปโตรทูลว่า "ขออย่าเป็นอย่างนั้นเลย องค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะข้าพระองค์ไม่เคยรับประทานสิ่งใดที่เป็นมลทินและไม่บริสุทธิ์"
|
|
\v 15 แต่มีพระสุรเสียงนั้นมาถึงเขาอีกเป็นครั้งที่สองว่า "สิ่งที่พระเจ้าทรงชำระแล้ว อย่าถือว่าเป็นมลทิน"
|
|
\v 16 เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นสามครั้ง แล้วภาชนะใส่ของนั้นก็ถูกรับขึ้นไปบนท้องฟ้าทันที
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 17 ขณะที่เปโตรยังรู้สึกสับสนมากเกี่ยวกับนิมิตที่เขาเห็นว่ามีความหมายอย่างไร นี่แน่ะ พวกคนที่โครเนลิอัสใช้มา ยืนอยู่หน้าประตูรั้ว หลังจากที่พวกเขาได้ถามหาทางมาที่บ้านนั้น
|
|
\v 18 พวกเขาร้องเรียกและถามว่าซีโมนที่เรียกว่าเปโตรอยู่ที่นั่นหรือไม่
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 19 ขณะที่เปโตรยังครุ่นคิดเกี่ยวกับนิมิตนั้น พระวิญญาณตรัสกับเขาว่า "ดูสิ มีชายสามคนกำลังมาหาท่าน
|
|
\v 20 จงลุกขึ้น และลงไปข้างล่างและไปกับพวกเขาเถิด อย่ารอช้า เพราะเราใช้พวกเขามา"
|
|
\v 21 ดังนั้นเปโตรจึงลงไปหาคนเหล่านั้นและกล่าวว่า "ข้าพเจ้าเป็นคนที่พวกท่านตามหาอยู่ พวกท่านมาทำไม?"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 22 พวกเขากล่าวว่า "นายร้อยที่ชื่อว่าโครเนริอัสเป็นผู้ชอบธรรมและนมัสการพระเจ้า และเป็นคนมีชื่อเสียงดีในพวกชนชาติยิว ทูตสวรรค์บริสุทธิ์องค์หนึ่งของพระเจ้าได้กล่าวแก่โครเนริอัสให้มาเชิญท่านไปที่บ้าน เพื่อฟังถ้อยคำของท่าน"
|
|
\v 23 แล้วเปโตรจึงเชิญพวกเขาเข้ามาข้างใน และพักอยู่กับเขา วันรุ่งขึ้นเปโตรลุกขึ้นและไปกับพวกเขา พี่น้องบางคนจากเมืองยัฟฟาก็ไปกับเขาด้วย
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 24 วันต่อมา พวกเขามาถึงเมืองซีซารียา โครเนริอัสกำลังรอคอยพวกเขาอยู่ เขาได้เรียกบรรดาญาติพี่น้องและเพื่อนสนิทของเขาให้มาอยู่รวมกัน
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 25 เมื่อเปโตรมาถึง โครเนริมัสได้พบเขา และหมอบลงแทบเท้าของเขาเพื่อที่จะนมัสการ
|
|
\v 26 แต่เปโตรประคองโครเนริอัสให้ยืนขึ้นและกล่าวว่า "จงยืนขึ้นเถิด ข้าพเจ้าก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 27 ในขณะที่เปโตรกำลังสนทนากับโครเนริอัส เปโตรก็เข้ามาข้างใน และพบคนมากมายมาประชุมรวมกัน
|
|
\v 28 เปโตรจึงกล่าวกับพวกเขาว่า "พวกท่านเองก็ทราบอยู่ว่า การที่คนยิวจะคบหา หรือเยี่ยมเยียนคนต่างชาติถือว่าเป็นเรื่องต้องห้าม แต่พระเจ้าทรงแสดงให้ข้าพเจ้าเห็นว่า ไม่ควรเรียกว่าคนหนึ่งคนใดเป็นมลทินหรือไม่บริสุทธิ์
|
|
\v 29 นั่นคือเหตุผลที่ข้าพเจ้ามาโดยไม่โต้แย้ง เมื่อท่านใช้คนไปเชิญข้าพเจ้า ดังนั้นข้าพเจ้าขอถามเหตุผลที่ท่านเชิญข้าพเจ้ามา"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 30 โครเนริอัสจึงตอบว่า "เมื่อสี่วันก่อนในเวลาราวๆ นี้ ตอนบ่ายสามโมง ข้าพเจ้ากำลังอธิษฐานอยู่ในบ้าน และเห็นชายคนหนึ่งสวมชุดสีขาวระยิบระยับยืนอยู่ต่อหน้าข้าพเจ้า
|
|
\v 31 ชายผู้นั้นกล่าวว่า 'โครเนริอัส พระเจ้าทรงได้ยินคำอธิษฐานของท่านแล้ว และการให้ทานแก่คนยากจนก็ทำให้พระเจ้าทรงระลึกถึงท่าน
|
|
\v 32 เพราะเหตุนั้น จงใช้คนไปยังเมืองยัฟฟา และเชิญชายคนหนึ่งชื่อซีโมนที่เรียกว่าเปโตรมาหาท่าน กำลังพักอยู่ในบ้านของช่างฟอกหนังที่ชื่อว่าซีโมนที่ริมฝั่งทะเล'
|
|
\v 33 ดังนั้นข้าพเจ้าจึงส่งคนไปเชิญท่าน และท่านได้แสดงความกรุณามายังข้าพเจ้า บัดนี้เราทุกคนอยู่ที่นี่ในสายพระเนตรของพระเจ้า เพื่อฟังทุกสิ่งที่ท่านจะได้สั่งสอนตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสแก่ท่าน"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 34 แล้วเปโตรจึงเริ่มกล่าวว่า "ข้าพเจ้าเข้าใจอย่างแท้จริงแล้วว่า พระเจ้าไม่ทรงเข้าข้างผู้ใด
|
|
\v 35 แต่คนใดในทุกชนชาติที่นมัสการ และประพฤติชอบธรรม พระองค์ก็ทรงยอมรับผู้นั้น
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 36 พวกท่านรู้ว่าถ้อยคำที่พระองค์ประทานให้กับคนอิสราเอล เมื่อพระองค์ทรงประกาศข่าวประเสริฐเรื่องสันติสุขโดยทางพระเยซูคริสต์ ผู้ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าของทุกคน
|
|
\v 37 พวกท่านเองก็รู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั่วแคว้นยูเดีย เริ่มต้นในแคว้นกาลิลี หลังจากที่ยอห์นได้ประกาศการบัพติศมานั้น
|
|
\v 38 เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวกับพระเยซูชาวนาซาเร็ธ และการที่พระเจ้าทรงเจิมพระองค์ด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และด้วยฤทธิ์เดช พระองค์เสด็จออกไปทำความดีและรักษาทุกคนผู้ที่ถูกมารเบียดเบียน เพราะว่าพระเจ้าสถิตกับพระองค์
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 39 พวกเราคือผู้ที่เป็นพยานของทุกสิ่งที่พระองค์ทรงกระทำทั้งในแคว้นยูเดียและในกรุงเยรูซาเล็ม พระเยซูองค์นี้แหละที่พวกเขาฆ่าและแขวนพระองค์ไว้บนต้นไม้
|
|
\v 40 พระเจ้าทรงทำให้พระองค์เป็นขึ้นมาจากความตายในวันที่สาม และทรงให้พระองค์ทรงสำแดง
|
|
\v 41 ไม่ได้ทรงสำแดงแก่ทุกคน แต่สำแดงต่อผู้ที่เป็นพยานที่พระเจ้าทรงเลือกไว้ล่วงหน้า คือพวกเราเองที่ได้รับประทานและดื่มกับพระองค์ หลังจากที่พระองค์ทรงเป็นขึ้นมาจากความตายแล้ว
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 42 พระองค์บัญชาพวกเราให้ออกไปประกาศกับประชาชนและเป็นพยานว่า นี่คือผู้ที่พระเจ้าทรงเลือกให้เป็นผู้พิพากษาทั้งคนเป็นและคนตาย
|
|
\v 43 บรรดาผู้เผยพระวจนะได้เป็นพยานถึงพระองค์ เพื่อว่าทุกคนที่เชื่อในพระองค์จะได้รับการอภัยโทษบาปโดยทางพระนามของพระองค์"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 44 ขณะที่เปโตรยังกล่าวเรื่องนี้อยู่ พระวิญญาณบริสุทธิ์เสด็จลงมาสถิตกับทุกคนที่ฟังถ้อยคำของเขาอยู่
|
|
\v 45 บรรดาคนในกลุ่มผู้เชื่อที่เข้าสุหนัตทุกคนที่มากับเปโตรก็พากันประหลาดใจ เพราะของประทานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้เทลงมาบนคนต่างชาติด้วย
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 46 พวกเขาได้ยินพวกต่างชาติเหล่านี้พูดภาษาต่างๆ และสรรเสริญพระเจ้า เปโตรจึงกล่าวว่า
|
|
\v 47 "ใครจะห้ามคนเหล่านี้ที่รับพระวิญญาณบริสุทธิ์เช่นเดียวกับเราจากการบัพติศมาด้วยน้ำ?"
|
|
\v 48 แล้วเปโตรสั่งให้พวกเขารับบัพติศมาในพระนามของพระเยซูคริสต์ หลังจากนั้น พวกเขาจึงขอให้เปโตรพักอยู่กับพวกเขาเป็นเวลาหลายวัน
|
|
\s5
|
|
\c 11
|
|
\p
|
|
\v 1 พวกอัครสาวกและพวกพี่น้องที่อยู่ในแคว้นยูเดียได้ข่าวว่าคนต่างชาติยอมรับพระวจนะของพระเจ้าด้วย
|
|
\v 2 เมื่อเปโตรขึ้นมาถึงกรุงเยรูซาเล็มแล้ว พวกคนในกลุ่มที่เข้าสุหนัตก็ต่อว่าเขา
|
|
\v 3 พวกเขากล่าวว่า "ท่านคบหากับพวกคนที่ไม่เข้าสุหนัต และรับประทานอาหารร่วมกับพวกเขา"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 4 แต่เปโตรเริ่มต้นอธิบายเรื่องนั้นให้พวกเขาฟังอย่างละเอียดว่า
|
|
\v 5 "ขณะที่ข้าพเจ้ากำลังอธิษฐานอยู่ในเมืองยัฟฟา ข้าพเจ้าได้เห็นในนิมิตว่า มีภาชนะใส่ของเลื่อนลงมา มีลักษณะเป็นแผ่นขนาดใหญ่หย่อนลงมาจากฟ้าโดยมุมทั้งสี่มุมได้หย่อนลงมาหาข้าพเจ้า
|
|
\v 6 ข้าพเจ้าจ้องดูและครุ่นคิดเกี่ยวกับสิ่งนี้ ข้าพเจ้าเห็นสัตว์บกสี่เท้า สัตว์ป่า สัตว์เลื้อยคลาน และนกในอากาศ
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 7 แล้วข้าพเจ้าก็ได้ยินพระสุรเสียงตรัสกับข้าพเจ้าว่า "เปโตร จงลุกขึ้นฆ่ากินเถิด"
|
|
\v 8 ข้าพเจ้าทูลว่า "อย่าให้เป็นเช่นนั้นเลย องค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะสิ่งที่ไม่บริสุทธิ์หรือเป็นมลทินไม่เคยเข้าปากข้าพระองค์เลย"
|
|
\v 9 แต่พระสุรเสียงนั้นตอบจากฟ้าอีกครั้งว่า "สิ่งที่พระเจ้าถือว่าสะอาด อย่าเรียกว่าเป็นมลทิน"
|
|
\v 10 สิ่งนี้ได้เกิดขึ้นสามครั้ง แล้วทุกสิ่งก็ถูกรับขึ้นไปบนฟ้าอีกครั้ง
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 11 ในทันใดนั้น มีชายสามคนมายืนอยู่ที่หน้าบ้านที่พวกเราอาศัยอยู่ พวกเขาถูกส่งมาจากเมืองซีซารียามาหาข้าพเจ้า
|
|
\v 12 พระวิญญาณจึงสั่งให้ข้าพเจ้าไปกับพวกเขา แล้วข้าพเจ้าก็ตามพวกเขาไปโดยไม่ลังเล พี่น้องทั้งหกคนนี้ก็ไปกับข้าพเจ้า และพวกเราก็เข้าไปในบ้านของชายคนนั้น
|
|
\v 13 ชายคนนั้นเล่าให้เราฟังว่า เขาได้เห็นทูตสวรรค์ยืนอยู่ในบ้านของเขาอย่างไร และกล่าวกับเขาว่า "จงใช้คนไปที่เมืองยัฟฟาและเชิญซีโมนที่เรียกกันว่าเปโตรมา
|
|
\v 14 เขาจะกล่าวถ้อยคำกับพวกท่าน เพื่อที่พวกท่านจะได้รับความรอด ทั้งท่านและครอบครัวของท่าน"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 15 ในขณะที่ข้าพเจ้าเริ่มต้นพูด พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็เสด็จลงมาสถิตกับพวกเขา ซึ่งเหมือนกับพวกเราในตอนเริ่มแรก
|
|
\v 16 ข้าพเจ้าจึงระลึกถึงพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่พระองค์ตรัสว่า "ยอห์นให้บัพติศมาด้วยน้ำ แต่พวกท่านจะได้รับบัพติศมาในพระวิญญาณบริสุทธิ์"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 17 แล้วถ้าพระเจ้าประทานของประทานอย่างเดียวกันแก่พวกเขาเหมือนที่พระองค์ประทานแก่พวกเรา เมื่อพวกเราเชื่อในองค์พระเยซูคริสต์เจ้า ข้าพเจ้าเป็นใครที่จะขัดขวางพระเจ้าได้?"
|
|
\v 18 เมื่อพวกเขาได้ยินเช่นนี้ พวกเขาก็ไม่มีอะไรจะกล่าวได้ พวกเขาจึงสรรเสริญพระเจ้าว่า "พระเจ้าทรงประทานการกลับใจใหม่เพื่อให้มีชีวิตแก่คนต่างชาติด้วย"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 19 บรรดาคนที่กระจัดกระจายไป เพราะการข่มเหงที่เริ่มต้นด้วยการตายของสเทเฟน ก็ได้กระจายไปถึงเมืองฟีนิเซีย เกาะไซปรัส และเมืองอันทิโอก แต่พวกเขากล่าวถ้อยคำเกี่ยวกับพระเยซูกับชาวยิวเท่านั้น
|
|
\v 20 แต่บางคนในพวกเขาเป็นชาวเกาะไซปรัสและชาวไซรีนมายังเมืองอันทิโอกได้บอกข่าวประเสริฐเกี่ยวกับองค์พระเยซูเจ้ากับพวกเขาเป็นภาษากรีกด้วย
|
|
\v 21 พระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่กับพวกเขา คนจำนวนมากได้เชื่อและหันกลับมาหาองค์พระผู้เป็นเจ้า
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 22 ข่าวเกี่ยวกับพวกเขาได้มาถึงหูของคริสตจักรในกรุงเยรูซาเล็ม พวกเขาจึงส่งบารนาบัสไปที่เมืองอันทิโอก
|
|
\v 23 เมื่อเขามาถึงและเห็นของประทานของพระเจ้า เขาก็ยินดี และเขาได้หนุนใจพวกเขาทุกคนให้มั่นคงในองค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยสิ้นสุดใจ
|
|
\v 24 เพราะบารนาบัสเป็นคนดี และเต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และความเชื่อ และคนจำนวนมากก็เพิ่มเข้ามาในองค์พระผู้เป็นเจ้า
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 25 บารนาบัสจึงไปหาเซาโลที่เมืองทาร์ซัส
|
|
\v 26 เมื่อเขาพบเซาโลแล้วก็พาเซาโลมาที่เมืองอันทิโอก และท่านทั้งสองก็ประชุมร่วมกับคริสตจักรนั้นตลอดทั้งปีและสั่งสอนคนเป็นจำนวนมาก พวกสาวกจึงได้ชื่อว่าเป็นคริสเตียนครั้งแรกในเมืองอันทิโอก
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 27 ในเวลานั้น พวกผู้เผยพระวจนะจากกรุงเยรูซาเล็มได้ลงมาที่เมืองอันทิโอก
|
|
\v 28 คนหนึ่งในพวกเขาที่ชื่อว่าอากาบัส ได้ยืนขึ้นพยากรณ์โดยพระวิญญาณว่า จะเกิดการกันดารอาหารครั้งยิ่งใหญ่ขึ้นทั่วแผ่นดินโลก เรื่องนี้เกิดขึ้นในรัชสมัยจักรพรรดิ์คลาวดิอัส
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 29 ดังนั้น พวกสาวกจึงตกลงใจกันว่าจะเรี่ยไรกันตามกำลัง และส่งไปช่วยเหลือพี่น้องที่อยู่ในแคว้นยูเดีย
|
|
\v 30 พวกเขาก็ได้ทำอย่างนั้น พวกเขาส่งเงินไปให้พวกผู้ปกครองโดยฝากไปกับบารนาบัสและเซาโล
|
|
\s5
|
|
\c 12
|
|
\p
|
|
\v 1 ในเวลานั้นกษัตริย์เฮโรดได้จับกุมบางคนในคริสตจักร เพื่อว่าจะทำการทารุณต่อพวกเขา
|
|
\v 2 เขาฆ่ายากอบพี่ชายของยอห์นด้วยดาบ
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 3 หลังจากที่เขาเห็นว่าการนั้นเป็นที่พอใจของพวกยิว เขาก็สั่งให้จับกุมเปโตรด้วย เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นในระหว่างเทศกาลขนมปังไร้เชื้อ
|
|
\v 4 หลังจากที่จับเปโตรมาได้แล้วจึงขังเขาไว้ในคุก และจัดให้มีทหารสี่หมู่ หมู่ละสี่คนคุมเขาไว้ เฮโรดตั้งใจที่จะพาเปโตรออกมาให้ประชาชนหลังจากเทศกาลปัสกาแล้ว
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 5 ดังนั้นเปโตรจึงถูกขังไว้ในคุก แต่คริสตจักรได้อธิษฐานเผื่อเขาด้วยใจร้อนรนต่อพระเจ้า
|
|
\v 6 ในคืนนั้นก่อนถึงวันที่เฮโรดจะพาเปโตรออกมา เปโตรกำลังนอนหลับอยู่ระหว่างทหารสองคน ถูกล่ามด้วยโซ่สองเส้น และมีพวกยามเฝ้าดูอยู่ที่หน้าประตูคุก
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 7 ในทันใดนั้น ทูตสวรรค์องค์หนึ่งขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาปรากฏอยู่ข้างๆ เปโตร และมีแสงสว่างส่องลงมาในห้องขังนั้น ทูตองค์นั้นกระตุ้นที่สีข้างของเขาให้ตื่นขึ้น และกล่าวว่า "จงลุกขึ้นเร็วๆ" และโซ่นั้นก็หลุดตกจากมือของเขา
|
|
\v 8 ทูตสวรรค์องค์นั้นกล่าวกับเขาว่า "จงแต่งตัวและสวมรองเท้า" เปโตรก็ทำตาม ทูตสวรรค์องค์นั้นกล่าวกับเขาว่า "จงสวมเสื้อคลุมแล้วตามเรามา"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 9 ดังนั้นเปโตรจึงตามทูตสวรรค์องค์นั้นออกไป เขาไม่รู้ว่าสิ่งที่ทูตสวรรค์ทำนั้นเป็นความจริง เขาคิดว่าตัวเองกำลังเห็นนิมิต
|
|
\v 10 หลังจากที่พวกเขาเดินผ่านคนเฝ้ายามชั้นที่หนึ่งและชั้นที่สองไปแล้ว พวกเขามาถึงประตูเหล็ก ทางที่เข้าไปในเมือง ประตูบานนั้นก็เปิดออกเอง พวกเขาจึงออกไปและเดินไปตามถนน ทูตสวรรค์นั้นก็หายวับไปจากเขา
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 11 เมื่อเปโตรรู้สึกตัวแล้ว จึงกล่าวว่า "ตอนนี้ข้าพเจ้ารู้แน่แล้วว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงใช้ทูตสวรรค์ของพระองค์ให้มาปล่อยข้าพเจ้าให้พ้นจากเงื้อมมือของเฮโรด และจากความมุ่งร้ายของพวกยิว"
|
|
\v 12 เมื่อเขาคิดได้อย่างนั้นแล้ว เขาจึงไปที่บ้านของมารีย์มารดาของยอห์นผู้มีอีกชื่อหนึ่งว่ามาระโก ผู้ที่เชื่อจำนวนมากกำลังประชุมอธิษฐานด้วยกันอยู่
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 13 เมื่อเปโตรเคาะประตูชั้นนอก สาวใช้คนหนึ่งชื่อโรดาออกมาถาม
|
|
\v 14 เมื่อเธอจำได้ว่าเป็นเสียงของเปโตร ก็ชื่นชมยินดีมาก แต่แทนที่จะเปิดประตูให้ เธอกลับวิ่งเข้าไปในห้องและบอกว่าเปโตรกำลังยืนอยู่ที่ประตู
|
|
\v 15 แล้วพวกเขาจึงกล่าวกับเธอว่า "เจ้าเป็นบ้า" แต่เธอยืนยันว่าเป็นเช่นนั้น พวกเขากล่าวว่า "นั่นเป็นทูตประจำตัวของเขา"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 16 แต่เปโตรยังคงเคาะประตูต่อไป แล้วเมื่อพวกเขาเปิดประตูมาเห็นเปโตรก็อัศจรรย์ใจ
|
|
\v 17 เปโตรโบกมือให้พวกเขาเงียบ และบอกกับพวกเขาว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพาเขาออกมาจากคุกอย่างไร เขากล่าวว่า "จงบอกเรื่องนี้กับยากอบและพวกพี่น้องให้ทราบ" แล้วเขาก็ออกไปที่อื่น
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 18 เมื่อถึงรุ่งเช้า พวกทหารพากันตกใจอย่างมากเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเปโตร
|
|
\v 19 หลังจากที่เฮโรดทรงตามหาเปโตรไม่พบ เขาจึงไต่สวนพวกคนเฝ้ายามและสั่งให้ประหารชีวิต แล้วเขาได้ลงมาจากแคว้นยูเดียไปยังเมืองซีซารียาและพักอยู่ที่นั่น
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 20 เฮโรดกริ้วอย่างมากต่อชาวเมืองไทระและชาวเมืองไซดอน ชาวเมืองจึงพากันไปหาเขา พวกเขาได้เกลี้ยกล่อมบลัสทัสกรมวังของกษัตริย์ให้ช่วยพวกเขา พวกเขาขอทำไมตรีกัน เพราะเมืองของพวกเขาต้องได้รับอาหารจากเมืองของกษัตริย์องค์นั้น
|
|
\v 21 เมื่อถึงวันนัดหมาย เฮโรดทรงเครื่องกษัตริย์และประทับบนบัลลังก์ เขากล่าวคำปราศรัยต่อคนเหล่านั้น
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 22 ผู้คนตะโกนว่า "นี่เป็นเสียงของพระ ไม่ใช่เสียงของมนุษย์"
|
|
\v 23 ในทันใดนั้น ทูตสวรรค์องค์หนึ่งขององค์พระผู้เป็นเจ้าก็ทำให้เขาป่วยเป็นโรคร้ายแรง เพราะเขาไม่ได้ถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า แล้วเขาก็ถูกหนอนกัดกินและสิ้นชีวิต
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 24 แต่พระวจนะของพระเจ้าได้เจริญขึ้นและแพร่ขยายออกไป
|
|
\v 25 หลังจากบารนาบัสกับเซาโลทำภารกิจในกรุงเยรูซาเล็มสำเร็จแล้ว พวกเขาก็กลับจากที่นั่น พายอห์นที่มีอีกชื่อหนึ่งว่ามาระโกไปด้วย
|
|
\s5
|
|
\c 13
|
|
\p
|
|
\v 1 เวลานั้นมีบางคนที่เป็นผู้เผยพระวจนะและอาจารย์ในคริสตจักรอันทิโอก พวกเขาคือ บารนาบัส สิเมโอน (ที่เรียกว่านิเกอร์) ลูสิอัสชาวไซรีน มานาเอน (ผู้ที่ได้รับการเลี้ยงดูมาด้วยกันกับเฮโรดเจ้าเมือง) และเซาโล
|
|
\v 2 ขณะที่พวกเขากำลังนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าและถืออดอาหาร พระวิญญาณบริสุทธิ์ตรัสว่า "จงตั้งบารนาบัสกับเซาโลไว้สำหรับงานนั้นที่เราเรียกให้พวกเขาทำ"
|
|
\v 3 หลังจากที่พวกเขาถืออดอาหาร อธิษฐานและวางมือบนตัวของคนทั้งสองแล้ว พวกเขาจึงส่งเขาทั้งสองไป
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 4 ดังนั้นบารนาบัสและเซาโลเชื่อฟังพระวิญญาณบริสุทธิ์จึงลงไปที่เมืองเซลูเคีย จากที่นั่นพวกเขาแล่นเรือไปยังเกาะไซปรัส
|
|
\v 5 เมื่อพวกเขาอยู่ในเมืองซาลามิส พวกเขาประกาศพระวจนะของพระเจ้าในธรรมศาลาของพวกยิว พวกเขาได้ยอห์นที่ชื่อมาระโกไปเป็นผู้ช่วยของพวกเขาด้วย
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 6 เมื่อพวกเขาเดินไปทั่วทั้งเกาะจนมาถึงเมืองปาโฟสแล้ว พวกเขาได้พบกับชาวยิวคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้มีเวทย์มนต์และเป็นผู้เผยพระวจนะเท็จที่มีชื่อว่า บารเยซู
|
|
\v 7 ผู้มีเวทย์มนต์คนนี้คบหาอยู่กับผู้สำเร็จราชการ เสอร์จีอัส เปาลัสซึ่งเป็นคนฉลาดรอบรู้ ชายคนนี้เชิญบารนาบัสกับเซาโลมาพบ เพราะเขาอยากจะฟังพระวจนะของพระเจ้า
|
|
\v 8 แต่เอลีมาส "ผู้มีเวทย์มนต์" (เป็นคำแปลชื่อของเขา) ขัดขวางพวกเขาทั้งสอง เขาพยายามไม่ให้ผู้สำเร็จราชการเชื่อ
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 9 แต่เซาโลที่มีอีกชื่อหนึ่งว่าเปาโลเต็มด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และจ้องมองดูเอลีมาส
|
|
\v 10 แล้วกล่าวว่า "เจ้าลูกของมารร้าย เจ้าเต็มด้วยอุบายและความชั่วร้ายทุกอย่าง เจ้าเป็นศัตรูกับความชอบธรรมทุกอย่าง เจ้าจะไม่หยุดบิดเบือนทางตรงไปหาองค์พระผู้เป็นเจ้าหรือ?
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 11 ดูเถิด พระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่เหนือเจ้า เจ้าจะกลายเป็นคนตาบอด เจ้าจะมองไม่เห็นดวงอาทิตย์ชั่วระยะหนึ่ง" ในทันใดนั้น ความมืดมัวก็เกิดกับเอลีมาส เขาจึงหันไปรอบๆ เพื่อขอให้คนช่วยจูงเขาไป
|
|
\v 12 เมื่อผู้สำเร็จราชการได้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาก็เชื่อ เพราะเขาอัศจรรย์ใจในคำสอนเกี่ยวกับองค์พระผู้เป็นเจ้า
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 13 แล้วเปาโลกับพวกของเขาก็แล่นเรือออกจากเมืองปาโฟสมาถึงเมืองเปอร์กาในแคว้นปัมฟีเลีย แต่ยอห์นได้ละจากพวกเขาเพื่อกลับไปยังกรุงเยรูซาเล็ม
|
|
\v 14 เปาโลและพวกของเขาเดินทางจากเมืองเปอร์กาไปยังเมืองอันทิโอกในแคว้นปิสิเดีย ที่นั่นพวกเขาได้เข้าไปในธรรมศาลาในวันสะบาโตแล้วนั่งลง
|
|
\v 15 หลังจากอ่านพระบัญญัติและคำของผู้เผยพระวจนะแล้ว บรรดานายธรรมศาลาจึงใช้คนไปบอกกับพวกเขาว่า "พี่น้องเอ๋ย ถ้าพวกท่านมีถ้อยคำหนุนใจให้กับคนที่นี่ ก็ขอให้พูดเถิด"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 16 ดังนั้นเปาโลจึงยืนขึ้นและโบกมือ เขากล่าวว่า "ท่านทั้งหลายผู้เป็นชนชาติอิสราเอล และท่านทั้งหลายที่ยำเกรงพระเจ้า ขอจงฟังเถิด
|
|
\v 17 พระเจ้าของชนชาติอิสราเอลนี้ได้ทรงเลือกพวกบรรพบุรุษของเราไว้ และทำให้มีจำนวนคนมากมายในขณะที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินของประเทศอียิปต์ และพระองค์ทรงนำพวกเขาออกมาด้วยพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์
|
|
\v 18 พระองค์ทรงจัดหาสิ่งที่จำเป็นให้กับพวกเขาในถิ่นทุรกันดารเป็นเวลาประมาณสี่สิบปี
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 19 หลังจากที่พระองค์ได้ทำลายเจ็ดชนชาติในแผ่นดินคานาอันแล้ว พระองค์ก็ประทานแผ่นดินของคนเหล่านั้นให้กับชนชาติของเราให้เป็นมรดก
|
|
\v 20 เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเมื่อสี่ร้อยห้าสิบปีมาแล้ว หลังจากนี้พระเจ้าได้ผู้วินิจฉัยให้แก่พวกเขาจนถึงสมัยของซามูเอลผู้เผยพระวจนะ
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 21 แล้วประชาชนได้ร้องขอให้มีกษัตริย์ และพระเจ้าจึงทรงให้ซาอูลบุตรคีชจากเผ่าเบนยามินแก่พวกเขา เป็นกษัตริย์เป็นเวลาสี่สิบปี
|
|
\v 22 หลังจากที่พระเจ้าทรงถอดเขาออกจากการเป็นกษัตริย์ พระองค์ทรงยกดาวิดขึ้นเป็นกษัตริย์ของพวกเขา พระเจ้าตรัสถึงดาวิดว่า 'เราพบว่าดาวิดบุตรของเจสสีเป็นคนที่เราชอบใจที่จะทำทุกสิ่งที่เราประสงค์ให้เขาทำ'
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 23 พระเจ้าประทานพระผู้ช่วยให้รอดของชนชาติอิสราเอลคือพระเยซููจากเชื้อสายของดาวิดตามที่พระองค์ทรงสัญญาไว้
|
|
\v 24 เหตุการณ์นี้ได้เกิดขึ้นก่อนที่พระเยซูเสด็จมา ยอห์นได้ประกาศถึงบัพติศมาที่แสดงถึงการกลับใจใหม่ต่อชนชาติอิสราเอลทุกคนแล้ว
|
|
\v 25 ขณะที่ยอห์นกำลังเสร็จสิ้นภารกิจของเขา เขากล่าวว่า 'พวกท่านคิดว่าข้าพเจ้าเป็นใคร? ข้าพเจ้าไม่ใช่ผู้นั้น แต่จงฟังเถิด ผู้ที่มาภายหลังข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าไม่คู่ควรจะแก้สายรัดฉลองพระบาทของพระองค์'
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 26 พี่น้องทั้งหลายที่เป็นลูกหลานของเชื้อสายของอับราฮัม และพวกคนที่อยู่ท่ามกลางพวกท่านที่นับถือพระเจ้า ถ้อยคำแห่งความรอดนี้ได้ส่งมาถึงเรา
|
|
\v 27 เพราะพวกคนที่อยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม และผู้ครอบครองของพวกเขาไม่รู้จักพระองค์ และพวกเขาทำให้ถ้อยคำของผู้เผยพระวจนะที่อ่านกันทุกวันสะบาโตสำเร็จโดยการกล่าวโทษพระองค์
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 28 ถึงแม้ว่าพวกเขาไม่พบความผิดใดที่มีโทษถึงตายในพระองค์ พวกเขายังขอให้ปีลาตให้ประหารพระองค์
|
|
\v 29 เมื่อพวกเขาทำทุกอย่างสำเร็จตามที่เขียนไว้เกี่ยวกับพระองค์แล้ว พวกเขาจึงเอาพระศพลงมาจากต้นไม้และวางพระศพไว้ในอุโมงค์
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 30 แต่พระเจ้าได้ทรงทำให้พระองค์เป็นขึ้นมาจากความตาย
|
|
\v 31 บรรดาคนที่อยู่กับพระองค์จากแคว้นกาลิลีจนถึงกรุงเยรูซาเล็มจึงได้เห็นพระองค์เป็นเวลาหลายวัน คนเหล่านี้ก็ยังเป็นพยานของพระองต์ต่อผู้คน
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 32 ดังนั้นพวกเรากำลังบอกพวกท่านเรื่องข่าวประเสริฐเกี่ยวกับพระสัญญาที่พระเจ้าได้ทำไว้กับบรรพบุรุษของพวกเรา
|
|
\v 33 พระเจ้าทรงทำให้พระสัญญาเหล่านี้สำเร็จเพื่อพวกเราผู้เป็นลูกหลานของพวกเขา ในการทำให้พระเยซูทรงเป็นขึ้นมามีชีวิต เรื่องนี้ได้เขียนไว้ในพระธรรมสดุดีบทที่สองว่า 'เจ้าเป็นบุตรของเรา วันนี้เราได้เป็นบิดาของเจ้า'
|
|
\v 34 แล้วยังกล่าวถึงความจริงที่พระเจ้าทรงทำให้พระองค์เป็นขึ้นมาจากความตายเพื่อที่พระกายของพระองค์จะไม่เน่าเปื่อย พระองค์ตรัสดังนี้ว่า 'เราจะให้พระพรบริสุทธิ์และมั่นคงที่สัญาญากับดาวิดแก่เจ้า'
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 35 นี่คือเหตุผลที่เขายังกล่าวไว้ในพระธรรมสดุดีบทอื่นๆ ไว้ด้วยว่า 'พระองค์จะไม่ทรงปล่อยให้องค์บริสุทธิ์ของพระองค์เปื่อยเน่า'
|
|
\v 36 เพราะหลังจากที่ดาวิดได้ปรนนิบัติตามพระประสงค์ของพระเจ้าในช่วงอายุของเขาแล้ว เขาก็ล่วงหลับไป และถูกฝังไว้กับบรรพบุรุษของเขา แล้วก็เน่าเปื่อยไป
|
|
\v 37 แต่พระองค์ผู้ที่พระเจ้าทรงทำให้เป็นขึ้นมานั้นไม่เน่าเปื่อย
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 38 เพราะฉะนั้น พี่น้องทั้งหลาย ขอให้พวกท่านรู้เถิดว่า โดยชายผู้นี้ที่ประกาศการยกโทษบาปให้แก่พวกท่าน
|
|
\v 39 โดยพระองค์ทุกคนที่เชื่อก็นับว่าเป็นคนชอบธรรมจากทุกสิ่งที่พระบัญญัติของโมเสสทำให้พวกท่านเป็นคนชอบธรรมไม่ได้
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 40 เพราะฉะนั้นจงระวังให้ดี เพื่อว่าคำที่ผู้เผยพระวจนะได้กล่าวไว้จะไม่เกิดขึ้นกับพวกท่าน คือ
|
|
\v 41 'ดูเถิด เจ้าพวกหมิ่นประมาท จงอัศจรรย์ใจและพินาศ เพราะเรากำลังทำงานในวันเวลาของพวกเจ้า งานที่พวกเจ้าจะไม่เชื่อ แม้ว่าจะมีคนประกาศกับเจ้า'"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 42 ขณะที่เปาโลและบารนาบัสจากไป พวกเขาได้อ้อนวอนให้เขาทั้งสองกล่าวถ้อยคำอย่างเดียวกันอีกในวันสะบาโตหน้า
|
|
\v 43 เมื่อการประชุมในวันสะบาโตเลิกแล้ว พวกยิวและคนที่เข้าจารีตยิวที่นับถือพระเจ้าหลายคนจึงตามเปาโลและบารนาบัส เขาทั้งสองได้พูดคุยและหนุนใจให้พวกเขาดำรงอยู่ในพระคุณของพระเจ้า
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 44 ในวันสะบาโตต่อมา คนในเมืองเกือบทั้งหมดก็มาประชุมกันเพื่อที่จะฟังพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้า
|
|
\v 45 เมื่อพวกยิวเห็นฝูงชน พวกเขาก็เต็มด้วยความอิจฉา และพูดคัดค้านคำที่เปาโลพูด และพูดหมิ่นประมาทเขา
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 46 แต่เปาโลและบารนาบัสพูดด้วยใจกล้าหาญว่า "เป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องกล่าวพระวจนะของพระเจ้าให้พวกท่านฟังก่อน แต่เมื่อพวกท่านได้ปฏิเสธและตัดสินตัวเองว่าไม่สมควรที่จะได้รับชีวิตนิรันดร์ ดูเถิด เราจะหันไปหาคนต่างชาติ
|
|
\v 47 เพราะฉะนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสสั่งเราว่า 'เราตั้งเจ้าไว้ให้เป็นแสงสว่างสำหรับคนต่างชาติ เพื่อเจ้าจะได้นำความรอดไปจนถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก'"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 48 เมื่อคนต่างชาติได้ยินดังนั้นต่างก็ชื่นชมยินดี และสรรเสริญพระวจนะของพระเจ้า คนมากมายที่ได้กำหนดไว้เพื่อให้ได้รับชีวิตนิรันดร์ก็เชื่อ
|
|
\v 49 พระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้าก็แพร่ออกไปทั่วตลอดเขตแดนนั้น
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 50 แต่พวกยิวได้ยุยงให้บรรดาสตรีที่เป็นคนสำคัญและนับถือพระเจ้า กับพวกผู้ชายที่เป็นผู้นำของเมืองนั้น พวกเขายุยงให้ทำการข่มเหงเปาโลกับบารนาบัส และขับไล่พวกเขาทั้งสองออกไปจากเมืองนั้น
|
|
\v 51 เปาโลกับบารนาบัสจึงสะบัดผงคลีออกจากเท้าต่อพวกเขา แล้วพวกเขาก็ไปยังเมืองอิโคนิยูม
|
|
\v 52 และพวกสาวกก็เต็มด้วยความชื่นชมยินดี และเต็มด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์
|
|
\s5
|
|
\c 14
|
|
\p
|
|
\v 1 ในเมืองอิโคนียูมที่เปาโลและบารนาบัสพากันเข้าไปในธรรมศาลาของพวกยิว และกล่าวเกี่ยวกับทางนั้น ซึ่งทำให้ทั้งพวกยิวและพวกกรีกจำนวนมากเชื่อ
|
|
\v 2 แต่พวกยิวที่ไม่เชื่อฟังได้ยุยงพวกต่างชาติให้คิดร้ายต่อพวกพี่น้อง
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 3 เหตุฉะนั้นพวกเขาทั้งสองจึงพักอยู่ที่นั่นเป็นเวลานาน ประกาศด้วยใจกล้าหาญด้วยฤทธิ์เดชขององค์พระผู้เป็นเจ้า ในขณะที่พระองค์ทรงรับรองถ้อยคำแห่งพระคุณของพระองค์ พระองค์ทรงทำโดยประทานหมายสำคัญและการอัศจรรย์ด้วยมือของเปาโลและบารนาบัส
|
|
\v 4 แต่ชาวเมืองนั้นได้แยกออกเป็นสองพวก บางคนอยู่ฝ่ายพวกยิว และบางคนอยู่ฝ่ายพวกอัครทูต
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 5 เมื่อพวกต่างชาติและพวกยิวพยายามยุยงพวกผู้นำให้ข่มเหงและเอาหินขว้างเปาโลและบารนาบัส
|
|
\v 6 พวกเขาทั้งสองได้ทราบเรื่องนี้จึงหนีไปยังแคว้นลิคาโอเนีย เมืองลิสตราและเมืองเดอร์บี และเขตแดนที่อยู่โดยรอบ
|
|
\v 7 แล้วพวกเขาก็ประกาศข่าวประเสริฐที่นั่น
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 8 ที่เมืองลิสตรา มีชายคนหนึ่งนั่งอยู่ เท้าของเขาไม่มีแรง ซึ่งเป็นคนง่อยมาตั้งแต่กำเนิดที่ยังไม่เคยเดินเลย
|
|
\v 9 ชายคนนี้ฟังคำที่เปาโลพูด เปาโลจ้องมองดูเขาและเห็นว่ามีความเชื่อพอที่จะได้รับการรักษาให้หายได้
|
|
\v 10 เปาโลจึงบอกเขาด้วยเสียงดังว่า"จงลุกขึ้นยืน" ชายคนนั้นก็กระโดดขึ้นและเดินไปรอบๆ
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 11 เมื่อฝูงชนเห็นสิ่งที่เปาโลทำ พวกเขาจึงพากันร้องเป็นภาษาลิคาโอเนียว่า "พวกพระได้แปลงเป็นมนุษย์ลงมาหาเราแล้ว"
|
|
\v 12 พวกเขาเรียกบารนาบัสว่า "พระซุส" และเรียกเปาโลว่า "พระเฮอร์เมส" เพราะเปาโลเป็นคนพูด
|
|
\v 13 ปุโรหิตของพระซุสที่มีพระวิหารอยู่นอกเมืองนั้นได้นำโคและพวงมาลัยมาที่ประตูเมือง เขาและฝูงชนต้องการถวายเครื่องบูชา
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 14 แต่เมื่อพวกอัครทูต บารนาบัสและเปาโลได้ยินเรื่องนี้ พวกเขาก็ฉีกเสื้อผ้าของตนแล้วรีบเข้าไปในฝูงชน ร้องว่า
|
|
\v 15 "ทำไมพวกท่านจึงทำเช่นนี้? พวกเราก็เป็นมนุษย์ที่มีความรู้สึกเช่นเดียวกับพวกท่าน พวกเรานำข่าวประเสริฐมาเพื่อให้พวกท่านกลับใจจากสิ่งที่ไร้ประโยชน์เหล่านี้ แล้วหันกลับไปหาพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ ผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์ แผ่นดินโลกและทะเล และทุกสิ่งที่มีอยู่ในที่เหล่านั้น
|
|
\v 16 ในยุคก่อนๆ พระองค์ทรงปล่อยให้ประชาชาติต่างๆ ประพฤติตามทางของตนเอง
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 17 แต่พระองค์ยังทรงไม่ให้พระองค์เองขาดพยาน ในการที่พระองค์ทรงกระทำสิ่งดี และประทานฝนตกจากฟ้าให้แก่พวกท่าน และเกิดผลตามฤดูกาล ทรงทำให้ท่านอิ่มด้วยอาหารและความยินดี"
|
|
\v 18 ถึงแม้ว่าเปาโลและบารนาบัสจะกล่าวถ้อยคำเหล่านี้ ก็ไม่สามารถห้ามฝูงชนมาถวายเครื่องบูชาแก่พวกเขาได้
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 19 แต่พวกยิวบางคนมาจากเมืองอันทิโอกและเมืองอิโคนียูมได้ชักชวนฝูงชนแล้ว พวกเขาเอาหินขว้างเปาโลและลากเขาออกไปนอกเมือง คิดว่าเขาตายแล้ว
|
|
\v 20 แต่พวกสาวกได้ยืนล้อมรอบเขาไว้ เขาก็ลุกขึ้นแล้วเข้าไปในเมือง วันต่อมาเขาไปยังเมืองเดอร์บีกับบารนาบัส
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 21 หลังจากที่พวกเขาทั้งสองประกาศข่าวประเสริฐในเมืองนั้นและทำให้คนจำนวนมากเป็นสาวก พวกเขาทั้งสองก็กลับไปยังเมืองลิสตรา แล้วไปยังเมืองอิโคนียูม แล้วไปยังเมืองอันทิโอก
|
|
\v 22 พวกเขาทั้งสองทำให้จิตใจของพวกสาวกเข้มแข็งขึ้น และหนุนใจพวกเขาให้ดำรงอยู่ในความเชื่อว่า "พวกเราต้องทนต่อความทุกข์ยากลำบากมากมายในการเข้าไปสู่ราชอาณาจักรของพระเจ้า"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 23 เมื่อพวกเขาทั้งสองแต่งตั้งพวกผู้ปกครองให้กับคริสตจักรทุกแห่งแล้ว ก็อธิษฐานและถืออดอาหาร พวกเขาทั้งสองมอบคนเหล่านั้นไว้กับองค์พระผู้เป็นเจ้าที่พวกเขาเชื่ออยู่
|
|
\v 24 แล้วพวกเขาทั้งสองเดินทางผ่านแคว้นปิสิเดียมายังแคว้นปัมฟีเซีย
|
|
\v 25 เมื่อพวกเขาทั้งสองกล่าวพระวจนะในเมืองเปอร์กาแล้ว พวกเขาก็ลงไปยังเมืองอัททาลิยา
|
|
\v 26 จากที่นั่นพวกเขาแล่นเรือมายังเมืองอันทิโอก ซึ่งเป็นเมืองที่มอบท่านทั้งสองไว้ในพระคุณของพระเจ้าให้ทำงานนั้นที่พวกเขาทั้งสองได้ทำสำเร็จแล้ว
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 27 เมื่อพวกเขาทั้งสองมาถึงเมืองอันทิโอก และประชุมร่วมกันในคริสตจักร พวกเขาทั้งสองได้เล่าถึงทุกสิ่งที่พระเจ้าทรงกระทำกิจกับพวกเขา และในการที่พระองค์ทรงเปิดประตูแห่งความเชื่อให้กับพวกต่างชาติ
|
|
\v 28 พวกเขาพักอาศัยอยู่กับพวกสาวกเป็นเวลานาน
|
|
\s5
|
|
\c 15
|
|
\p
|
|
\v 1 มีบางคนลงมาจากแคว้นยูเดียถึงอันทิโอก และได้สอนพี่น้องว่า "ถ้าพวกท่านไม่เข้าสุหนัตตามธรรมเนียมของโมเสส พวกท่านจะรอดไม่ได้"
|
|
\v 2 เมื่อเปาโลและบารนาบัสได้เผชิญหน้าและโต้เถียงกับคนเหล่านั้นแล้ว พวกพี่น้องจึงตัดสินใจว่าเปาโล บารนาบัส และคนอื่นๆ บางคนควรจะขึ้นไปหาพวกอัครทูตและพวกผู้ปกครองที่กรุงเยรูซาเล็มเกี่ยวกับปัญหาเรื่องนี้
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 3 เพราะเหตุนี้ คริสตจักรจึงส่งคนเหล่านั้นไป ขณะที่เดินทางผ่านแคว้นฟีนิเซียและแคว้นสะมาเรีย และประกาศเรื่องราวของพวกต่างชาติ พวกเขาทำให้พี่น้องทุกคนชื่นชมยินดีอย่างยิ่ง
|
|
\v 4 เมื่อพวกเขามาถึงกรุงเยรูซาเล็ม คริสตจักรและพวกอัครทูต และพวกผู้ปกครองก็มาต้อนรับพวกเขา แล้วพวกเขาได้เล่าทุกสิ่งทุกอย่างที่พระเจ้าทรงกระทำร่วมกับพวกเขา
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 5 แต่มีบางคนในพวกฟาริสีที่เชื่อ ยืนขึ้นกล่าวว่า "มีความจำเป็นที่พวกเขาต้องเข้าสุหนัตและสั่งพวกเขาให้ถือปฏิบัติตามธรรมบัญญัติของโมเสส"
|
|
\v 6 ดังนั้นพวกอัครทูตและพวกผู้ปกครองจึงได้ประชุมกันเพื่อพิจารณาในเรื่องนี้
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 7 หลังจากที่ได้ถกเถียงกันมากแล้ว เปโตรจึงยืนขึ้นกล่าวกับพวกเขาว่า "พี่น้องทั้งหลาย พวกท่านทราบอยู่แล้วว่านานมาแล้ว พระเจ้าได้ทรงเลือกข้าพเจ้าท่ามกลางพวกท่าน เพื่อที่จะกล่าวถ้อยคำแห่งข่าวประเสริฐให้พวกต่างชาติฟังและเชื่อ
|
|
\v 8 พระเจ้าผู้ทรงทราบใจมนุษย์ ได้ทรงรับรองพวกเขา ด้วยการประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้แก่พวกเขาเหมือนอย่างที่ทรงประทานให้กับพวกเรา
|
|
\v 9 และพระองค์ไม่ได้ถือว่ามีความแตกต่างกันระหว่างพวกเรากับพวกเขา ในการชำระใจพวกเขาโดยความเชื่อ
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 10 เพราะฉะนั้น ตอนนี้ทำไมพวกท่านจึงทดลองพระเจ้า โดยวางแอกไว้บนคอของพวกสาวก ซึ่งบรรพบุรุษของพวกเราหรือพวกเราเองแบกไม่ไหว?
|
|
\v 11 แต่พวกเราเชื่อว่า พวกเราจะได้รับความรอดโดยพระคุณขององค์พระเยซูคริสต์เจ้า เช่นเดียวกับพวกเขา"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 12 คนทั้งหลายก็นิ่งเงียบ ในขณะที่พวกเขาฟังบารนาบัสกับเปาโลเล่าเรื่องหมายสำคัญและการอัศจรรย์ต่างๆ ที่พระเจ้าทรงกระทำกิจผ่านพวกเขาทั้งสอง
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 13 หลังจากที่พวกเขาทั้งสองกล่าวจบแล้ว ยากอบจึงกล่าวว่า "พี่น้องทั้งหลาย ขอจงฟังข้าพเจ้า
|
|
\v 14 ซีโมนได้บอกว่า พระเจ้าผู้ทรงพระคุณได้ทรงช่วยพวกต่างชาติครั้งแรก เพื่อที่จะนำชนกลุ่มหนึ่งออกจากพวกเขาเพื่อพระนามของพระองค์
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 15 คำของผู้เผยพระวจนะก็สอดคล้องกับเรื่องนี้ ดังที่มีเขียนไว้ว่า
|
|
\v 16 'ภายหลังเหตุการณ์เหล่านี้ เราจะกลับมา และเราจะสร้างเต็นท์ของดาวิดที่พังลงขึ้นมาใหม่ เราจะตั้งขึ้นใหม่และฟื้นฟูซากปรักหักพังของมัน
|
|
\v 17 ดังนั้นเพื่อคนที่เหลืออยู่จะแสวงหาองค์พระผู้เป็นเจ้า รวมทั้งพวกต่างชาติทั้งหมดที่ออกนามของเรา'
|
|
\v 18 องค์พระผู้เป็นเจ้า ผู้แจ้งเหตุการณ์เหล่านี้ให้ทราบตั้งแต่สมัยโบราณตรัสไว้อย่างนี้
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 19 เพราะเหตุนี้ ตามความเห็นของข้าพเจ้า พวกเราไม่ควรทำความลำบากให้แก่พวกต่างชาติที่หันกลับมาหาพระเจ้า
|
|
\v 20 แต่ให้พวกเราเขียนไปถึงพวกเขาว่า พวกเขาต้องงดเว้นจากสิ่งที่เป็นมลทินของรูปเคารพ จากการล่วงประเวณี และจากการกินเนื้อสัตว์ที่ถูกรัดคอตาย และจากการกินเลือด
|
|
\v 21 ตั้งแต่ชนรุ่นเก่า มีคนในทุกเมืองที่ประกาศ และอ่านเรื่องของโมเสสในธรรมศาลาทุกวันสะบาโต
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 22 จากนั้นพวกอัครทูต และพวกผู้ปกครอง และทุกคนในคริสตจักรก็เห็นชอบที่จะเลือกยูดาสที่เรียกว่าบารซับบาสกับสิลาสผู้เป็นคนสำคัญของคริสตจักร และส่งพวกเขาไปยังเมืองอันทิโอกพร้อมกับเปาโลและบารนาบัส
|
|
\v 23 พวกเขาได้เขียนว่า "บรรดาท่านอัครทูต ผู้ปกครองและพี่น้อง ขอส่งคำทักทายมายังพี่น้องชาวต่างชาติในเมืองอันทิโอก แคว้นซีเรียและแคว้นซิลีเซีย
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 24 พวกเราได้ยินมาว่า มีบางคนจากพวกเรา ที่พวกเราไม่ได้ให้คำสั่งเช่นนั้นไป และสร้างความยุ่งยากให้แก่พวกท่านด้วยคำสอนที่ทำให้พวกท่านลำบากใจ
|
|
\v 25 ดังนั้นเพื่อจะเป็นการดีต่อพวกเราทุกคน จึงเห็นพ้องกันที่จะเลือกบางคนและส่งพวกเขาไปหาพวกท่าน พร้อมกับบารนาบัสและเปาโลผู้เป็นที่รักของพวกเรา
|
|
\v 26 ผู้ที่ยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อพระนามขององค์พระเยซูคริสต์เจ้าของพวกเรา
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 27 เพราะฉะนั้น พวกเราจึงส่งยูดาสกับสิลาสมา ผู้ที่จะบอกเรื่องเดียวกันนี้แก่พวกท่าน
|
|
\v 28 เพราะจะเป็นการดีต่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ และต่อพวกเราที่จะไม่วางภาระหนักไว้บนพวกท่านเกินกว่าสิ่งที่จำเป็นเหล่านี้
|
|
\v 29 คือให้พวกท่านงดเว้นเสียจากการกินอาหารที่บูชารูปเคารพ การกินเลือด และการกินเนื้อสัตว์ที่ถูกรัดคอตาย และการล่วงประเวณี ถ้าพวกท่านละเว้นจากสิ่งเหล่านี้ ก็จะดีกับพวกท่าน ขอให้เป็นสุขเถิด"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 30 ดังนั้นเมื่อพวกเขาลาจากกันแล้ว คนเหล่านั้นจึงลงมายังเมืองอันทิโอก หลังจากที่ได้ประชุมกับคนทั้งปวงแล้ว พวกเขาก็มอบจดหมายฉบับนั้นให้
|
|
\v 31 เมื่อพวกเขาได้อ่านแล้ว พวกเขาก็ชื่นชมยินดี เพราะคำหนุนใจนั้น
|
|
\v 32 ยูดาสกับสิลาสเป็นผู้เผยพระวจนะด้วย ก็ได้กล่าวคำหนุนใจพี่น้องด้วยถ้อยคำมากมาย และทำให้พวกเขาเข้มแข็งขึ้น
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 33 หลังจากที่พวกเขาใช้เวลาช่วงหนึ่งที่นั่น พวกพี่น้องก็ส่งท่านทั้งสองกลับมาหาคนเหล่านั้นที่ส่งพวกเขาไปด้วยสันติสุข
|
|
\v 34 แต่การที่สิลาสยังคงอยู่ที่นั่นย่อมเป็นเรื่องดี
|
|
\v 35 แต่เปาโลและบารนาบัสยังคงอาศัยอยู่ในเมืองอันทิโอกด้วยกันกับคนอื่นๆ อีกมากมาย พวกเขาได้สั่งสอนและประกาศพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้า
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 36 หลายวันต่อมา เปาโลกล่าวกับบารนาบัสว่า "ให้เรากลับไปกันเถอะ และเยี่ยมเยียนพี่น้องในทุกเมืองที่เราได้ประกาศพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้า และดูว่าพวกเขาเป็นอย่างไรบ้าง"
|
|
\v 37 บารนาบัสต้องการพายอห์นที่มีชื่อว่ามาระโกไปด้วย
|
|
\v 38 แต่เปาโลคิดว่าไม่ควรพามาระโกไป เพราะมาระโได้ละทิ้งพวกเขาทั้งสองในแคว้นปัมฟีเลีย และไม่ได้ไปทำงานกับพวกเขา
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 39 แล้วมีการโต้เถียงกันอย่างรุนแรง จนพวกเขาทั้งสองต้องแยกจากกัน บารนาบัสจึงพามาระโกไปกับเขาลงเรือไปยังเกาะไซปรัส
|
|
\v 40 แต่เปาโลเลือกสิลาส และออกเดินทางไป หลังจากที่พวกพี่น้องได้มอบพวกเขาทั้งสองไว้ในพระคุณขององค์พระผู้เป็นเจ้า
|
|
\v 41 แล้วเขาก็เข้าไปในแคว้นซีเรีย กับแคว้นซิลีเซีย กล่าวหนุนใจคริสตจักรให้เข้มแข็ง
|
|
\s5
|
|
\c 16
|
|
\p
|
|
\v 1 เปาโลมายังเมืองเดอร์บี กับเมืองลิสตราด้วย และดูเถิด มีสาวกคนหนึ่งชื่อทิโมธีอยู่ที่นั่น มารดาของเขาเป็นผู้เชื่อชาวยิว บิดาของเขาเป็นชาวกรีก
|
|
\v 2 ทิโมธีมีชื่อเสียงดีในพวกพี่น้องที่อยู่ในเมืองลิสตรา และเมืองอิโคนิยูม
|
|
\v 3 เปาโลต้องการพาทิโมธีเดินทางไปกับเขา ดังนั้นเขาจึงให้ทิโมธีเข้าสุหนัต เพราะเห็นแก่พวกยิวที่อยู่ในเมืองเหล่านั้น เพราะพวกเขาทุกคนรู้ว่าบิดาของทิโมธีเป็นชาวกรีก
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 4 ขณะที่พวกเขาเดินทางไปตามเมืองต่างๆ ในระหว่างทาง พวกเขาได้ส่งคำสั่งที่พวกอัครทูตและพวกผู้ปกครองในกรุงเยรูซาเล็มได้เขียนไว้ ให้แก่คริสตจักรทั้งหลาย เพื่อให้พวกเขาปฏิบัติตาม
|
|
\v 5 เพราะเหตุนี้ คริสตจักรจึงเข้มแข็งขึ้นในความเชื่อ และมีคนเพิ่มขึ้นทุกๆ วัน
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 6 เปาโลและพวกของเขาเดินทางไปทั่วเขตแคว้นฟรีเจียและแคว้นกาลาเทีย เนื่องจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงห้ามพวกเขาไม่ให้ประกาศพระวจนะในแคว้นเอเชีย
|
|
\v 7 เมื่อพวกเขามาใกล้แคว้นมิเซียแล้ว พวกเขาก็พยายามเข้าไปยังแคว้นบิธีเนีย แต่พระวิญญาณของพระเยซูทรงยับยั้งพวกเขาไว้
|
|
\v 8 ดังนั้นพวกเขาจึงเดินทางผ่านแคว้นมิเซียลงมายังเมืองโตรอัส
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 9 เปาโลได้เห็นนิมิตในตอนกลางคืน มีชายชาวมาซิโดเนียคนหนึ่งยืนอยู่ที่นั่น ร้องเรียกเขา แล้วกล่าวว่า "ขอมาช่วยเราในแคว้นมาซิโดเนียด้วย"
|
|
\v 10 เมื่อเปาโลได้เห็นนิมิตนั้นแล้ว พวกเราก็ออกเดินทางไปยังแคว้นมาซิโดเนียทันที ตามที่พระเจ้าทรงเรียกพวกเราไปประกาศข่าวประเสริฐกับคนเหล่านั้น
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 11 เพราะเหตุนี้ พวกเราจึงลงเรือออกจากเมืองโตรอัสมุ่งตรงไปยังเมืองสาโมธรัส และวันรุ่งชึ้นพวกเราได้มาถึงเมืองเนอาโปลิส
|
|
\v 12 จากที่นั่นพวกเราเดินทางไปยังเมืองฟีลิปปีที่เป็นเมืองที่สำคัญที่สุดในเขตแคว้นมาซิโดเนีย และเป็นอาณานิคมของโรมัน พวกเราจึงพักอาศัยอยู่ในเมืองนี้เป็นเวลาหลายวัน
|
|
\v 13 ในวันสะบาโต พวกเราออกไปที่ประตูเมืองที่อยู่ริมแม่น้ำ ที่พวกเราคิดว่าจะมีสถานที่สำหรับอธิษฐาน พวกเราจึงนั่งสนทนากับพวกผู้หญิงที่พากันมาด้วยกัน
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 14 ผู้หญิงคนหนึ่งชื่อลิเดีย เป็นคนขายผ้าสีม่วงที่มาจากเมืองธิยาทิราเป็นผู้ที่นับถือพระเจ้าได้ฟังพวกเราอยู่ องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเปิดใจของเธอให้สนใจถ้อยคำที่เปาโลพูด
|
|
\v 15 เมื่อเธอและครอบครัวของเธอรับบัพติศมาแล้ว เธอขอร้องพวกเราว่า "ถ้าพวกท่านเห็นว่าข้าพเจ้าเป็นคนสัตย์ซื่อต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าแล้ว ขอเชิญพวกท่านมาที่บ้านของข้าพเจ้าและพักอยู่ที่นั่นเถิด" แล้วเธอก็ชักชวนพวกเรา
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 16 ต่อมา ขณะที่พวกเรากำลังยังไปที่สำหรับอธิษฐานแห่งหนึ่ง มีหญิงสาวคนหนึ่งที่มีวิญญาณหมอดูเข้าสิงได้มาพบกับพวกเรา เธอทำให้พวกเจ้านายของเธอได้เงินอย่างมากมายโดยการทำนาย
|
|
\v 17 ผู้หญิงคนนี้เดินตามเปาโลกับพวกเราไป ร้องตะโกนว่า "คนเหล่านี้เป็นผู้รับใช้ของพระเจ้าสูงสุด ท่านเหล่านี้มาประกาศทางแห่งความรอดให้กับพวกท่าน"
|
|
\v 18 เธอทำอย่างนี้อยู่เป็นเวลาหลายวัน จนเปาโลรู้สึกรำคาญเธอมาก จึงหันไปสั่งกับวิญญาณนั้นว่า "ข้าสั่งเจ้าในพระนามของพระเยซูคริสต์เจ้า ให้ออกไปจากเธอเดี๋ยวนี้" และมันก็ออกไปทันที
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 19 เมื่อพวกเจ้านายของเธอเห็นว่าหมดหวังจะได้เงินอีกแล้ว พวกเขาจึงจับเปาโลกับสิลาสและฉุดลากมายังที่ว่าการเมืองอยู่ต่อหน้าพวกเจ้าหน้าที่
|
|
\v 20 เมื่อพวกเขาพาคนทั้งสองมาถึงพวกเจ้าหน้าที่ปกครองแล้วกล่าวว่า "คนเหล่านี้เป็นพวกยิว และกำลังทำความยุ่งยากให้กับเมืองนี้
|
|
\v 21 พวกเขาสั่งสอนสิ่งที่ต้องห้ามสำหรับเราที่เป็นชาวโรมันที่ไม่ควรจะรับหรือปฏิบัติเลย"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 22 แล้วฝูงชนลุกฮือขึ้นเล่นงานเปาโลกับสิลาส พวกเจ้าหน้าที่ปกครองก็ฉีกเสื้อผ้าของเขาทั้งสองออก และสั่งให้เฆี่ยนพวกเขาด้วยไม้
|
|
\v 23 เมื่อพวกเขาเฆี่ยนพวกท่านไปหลายที พวกเขาก็จับท่านทั้งสองเข้าไปในคุก และกำชับนายคุกให้ดูแลอย่างเข้มงวด
|
|
\v 24 หลังจากได้รับคำสั่ง นายคุกได้จับเขาทั้งสองไปขังไว้ในคุกชั้นใน และเอาเท้าของพวกเขาใส่ขื่อไว้
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 25 เวลาประมาณเที่ยงคืน ขณะที่เปาโลกับสิลาสกำลังอธิษฐานและร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า และพวกนักโทษคนอื่นๆ กำลังฟังอยู่
|
|
\v 26 ในทันใดนั้นก็เกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงจนรากคุกสะเทือน และประตูคุกก็เปิดออกทุกบาน โซ่ก็หลุดออกจากทุกคน
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 27 นายคุกจึงตื่นขึ้นมามองเห็นประตูคุกเปิดออก เขาชักดาบขึ้นมาเพื่อจะฆ่าตัวตาย เพราะเขาคิดว่านักโทษหนีไปหมดแล้ว
|
|
\v 28 แต่เปาโลตะโกนเสียงดังว่า "อย่าทำร้ายตัวเองเลย เพราะเราทุกคนยังอยู่ที่นี่"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 29 นายคุกจึงเรียกให้จุดไฟมาแล้วรีบเข้าไปคุกเข่าลงตัวสั่นด้วยความกลัวต่อหน้าเปาโลกับสิลาส
|
|
\v 30 และได้พาเขาทั้งสองออกมา แล้วกล่าวว่า "ท่านเจ้าข้า ข้าพเจ้าต้องทำอย่างไรจะได้รับความรอดได้?"
|
|
\v 31 เขาทั้งสองกล่าวว่า "จงเชื่อในองค์พระเยซูเจ้า แล้วท่านจะรอด ทั้งท่านและครอบครัวของท่าน"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 32 เขาทั้งสองจึงกล่าวพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้าให้นายคุกกับทุกคนที่มาอยู่รวมกันในบ้านของเขาฟัง
|
|
\v 33 ในชั่วโมงเดียวกันของคืนนั้น นายคุกได้พาพวกเขาทั้งสองไปล้างบาดแผล แล้วเขากับทุกคนในครอบครัวจึงรับบัพติศมาทันที
|
|
\v 34 แล้วเขาพาเปาโลกับสิลาสไปยังบ้านของเขา แล้วจัดอาหารมาเลี้ยงพวกเขา เขากับทุกคนในครอบครัวชื่นชมยินดีเป็นอันมาก เพราะพวกเขาทุกคนเชื่อในพระเจ้าแล้ว
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 35 ครั้นถึงวันรุ่งขึ้น พวกเจ้าหน้าที่ปกครองจึงใช้คนมาบอกพวกยามว่า "จงปล่อยคนเหล่านั้นไป"
|
|
\v 36 นายคุกจึงบอกถ้อยคำเหล่านั้นแก่เปาโลว่า "พวกเจ้าหน้าที่ปกครองใช้คนมาบอกข้าพเจ้าให้ปล่อยตัวท่านทั้งสองไป เพราะฉะนั้น ขอให้พวกท่านออกมา และไปด้วยสันติสุขเถิด"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 37 แต่เปาโลบอกกับพวกเขาว่า "พวกเขาเฆี่ยนเราที่เป็นคนสัญชาติโรมันต่อหน้าคนทั้งหลาย และจับเราขังไว้ในคุก และตอนนี้พวกเขาจะไล่เราออกไปอย่างลับๆ หรือ? ทำอย่างนั้นไม่ได้ ขอให้พวกเขามาพาเราออกไปเองเถิด"
|
|
\v 38 พวกยามจึงรายงานถ้อยคำเหล่านี้ต่อพวกเจ้าหน้าที่ปกครอง และพวกเจ้าหน้าที่ปกครองก็กลัว เมื่อได้ยินว่าเปาโลกับสิลาสเป็นชาวโรมัน
|
|
\v 39 พวกเจ้าหน้าที่ปกครองจึงมาและขออภัยพวกเขาทั้งสอง เมื่อพวกเขาพาเปาโลกับสิลาสออกมาจากคุกแล้ว พวกเขาขอให้เขาทั้งสองออกจากเมืองไป
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 40 ดังนั้นเปาโลและสิลาสออกจากคุกแล้ว จึงมาที่บ้านของลิเดีย เมื่อเปาโลกับสิลาสได้พบกับพวกพี่น้องแล้ว เขาทั้งสองได้กล่าวหนุนใจพวกเขา แล้วเดินทางออกจากเมืองนั้น
|
|
\s5
|
|
\c 17
|
|
\p
|
|
\v 1 เมื่อเปาโลกับสิลาสเดินทางผ่านเมืองอัมฟีโปลิส และเมืองอปอลโลเนีย พวกเขาทั้งสองได้มาถึงเมืองเธสะโลนิกา ที่นั่นมีธรรมศาลาของพวกยิว
|
|
\v 2 เปาโลจึงเข้าไปในธรรมศาลาอย่างที่ทำเป็นประจำ และเขาได้สนทนาโต้ตอบกับพวกเขาจากพระคัมภีร์เป็นเวลาสามวันสะบาโต
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 3 เขาเปิดพระคัมภีร์และอธิบายว่า จำเป็นที่พระคริสต์ต้องทนทุกข์ และเป็นขึ้นมาจากความตาย เขากล่าวว่า "พระเยซูองค์นี้ที่ข้าพเจ้าประกาศกับพวกท่านคือพระคริสต์"
|
|
\v 4 พวกยิวบางคนเห็นด้วย และเข้าร่วมกับเปาโลและสิลาส รวมทั้งชาวกรีกที่นับถือพระเจ้า และสตรีที่เป็นคนสำคัญหลายคน และผู้คนจำนวนมาก
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 5 แต่พวกยิวที่ไม่เชื่อเกิดความอิจฉา จึงชักชวนพวกคนชั่วร้ายบางคนจากตลาด รวมผู้คนเป็นกลุ่มใหญ่ และก่อการจราจลในเมืองนั้น บุกเข้าไปในบ้านของยาโสน พวกเขาต้องการพาเปาโลกับสิลาสออกมาให้ประชาชน
|
|
\v 6 แต่เมื่อพวกเขาไม่พบคนทั้งสอง พวกเขาจึงฉุดลากยาโสนกับพวกพี่น้องบางคนไปอยู่ต่อหน้าคณะผู้ปกครองเมือง แล้วร้องว่า "คนเหล่านี้ที่คว่ำโลกได้มาที่นี่ด้วย
|
|
\v 7 ยาโสนได้ทำการต้อนรับคนเหล่านี้ไว้ ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งของซีซาร์ พวกเขาบอกว่ามีกษัตริย์อีกองค์หนึ่งคือเยซู"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 8 เมื่อฝูงชนและคณะผู้ปกครองเมืองได้ยินเรื่องนี้
|
|
\v 9 พวกเขาก็ร้อนใจ หลังจากที่พวกเขาเรียกค่าประกันตัวจากยาโสนและคนอื่นๆ แล้วจึงปล่อยพวกเขาไป
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 10 คืนนั้น พวกพี่น้องจึงส่งเปาโลกับสิลาสไปยังเมืองเบโรอา เมื่อพวกเขาทั้งสองไปถึงที่นั่น พวกเขาได้เข้าไปในธรรมศาลาของพวกยิว
|
|
\v 11 พวกยิวเหล่านี้มีจิตใจสูงกว่าพวกยิวในเมืองเธสะโลนิกา เพราะพวกเขาพร้อมรับพระวจนะด้วยสุดใจ และค้นดูพระคัมภีร์ทุกวัน เพื่อที่จะดูข้อความเหล่านี้ว่าเป็นเช่นนั้นหรือไม่
|
|
\v 12 ด้วยเหตุนี้ จึงมีหลายคนในพวกเขาเชื่อ รวมทั้งพวกสตรีมีศักดิ์และพวกผู้ชายชาวกรีกอีกหลายคน
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 13 แต่เมื่อพวกยิวในเมืองเธสะโลนิการู้ว่า เปาโลได้ประกาศสั่งสอนพระวจนะของพระเจ้าที่เมืองเบโรอา พวกเขาจึงไปที่นั่นและยุยงและทำให้ฝูงชนวุ่นวายใจ
|
|
\v 14 พวกพี่น้องจึงส่งเปาโลออกไปทางทะเลทันที แต่สิลาสกับทิโมธียังอยู่ที่นั่น
|
|
\v 15 พวกคนที่ไปส่งเปาโลเหล่านั้นก็พาท่านไปยังกรุงเอเธนส์ ในขณะที่พวกเขาจะละเปาโลไว้ที่นั่น พวกเขาก็รับคำสั่งจากเปาโลถึงสิลาสกับทิโมธีว่าให้รีบไปหาเขาโดยเร็วเท่าที่จะเป็นไปได้
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 16 ขณะที่เปาโลรอคอยพวกเขาอยู่ในกรุงเอเธนส์ วิญญาณของเขาก็รุ่มร้อนอยู่ภายใน เมื่อเขามองเห็นกรุงนั้นเต็มด้วยรูปเคารพ
|
|
\v 17 ดังนั้นเขาจึงสนทนาโต้ตอบกับพวกยิวและบรรดาคนที่นับถือพระเจ้าในธรรมศาลานั้น และคนเหล่านั้นที่เขาพบในตลาดทุกวันด้วย
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 18 แต่มีพวกนักปรัชญาลัทธิเอปิคูเรียนและสโตอิคบางคนได้มาพบเขา บางคนกล่าวว่า "คนเก็บเศษความรู้เล็กๆ น้อยๆ คนนี้กำลังพยายามพูดเรื่องอะไร?" บางคนกล่าวว่า "เขาดูเหมือนจะเป็นผู้ที่ติดตามพระต่างชาติ" เพราะเขาประกาศเรื่องพระเยซูและการเป็นขึ้นมาจากความตาย
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 19 พวกเขาจึงพาเปาโลไปยังสภาอาเรโอปากัส แล้วกล่าวว่า "เราขอทราบคำสอนใหม่ที่ท่านกล่าวอยู่ได้หรือไม่?
|
|
\v 20 เพราะท่านได้นำเอาเรื่องแปลกประหลาดมาถึงหูของเรา เพราะฉะนั้น เราจึงอยากทราบว่าเรื่องราวเหล่านี้มีหมายความอย่างไร"
|
|
\v 21 เนื่องจากชาวกรุงเอเธนส์ และคนต่างแดนที่อาศัยอยู่ที่นั่น ไม่ใช้เวลาทำอะไร นอกจากจะกล่าว หรือฟังสิ่งใหม่ๆ
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 22 ดังนั้นเปาโลจึงยืนขึ้นกลางสภาอาเรโอปากัส แล้วกล่าวว่า "ท่านทั้งหลายที่เป็นชาวเอเธนส์ ข้าพเจ้าเห็นว่าพวกท่านเป็นคนเคร่งศาสนาในทุกด้าน
|
|
\v 23 เพราะในขณะที่ข้าพเจ้าเดินไปตามทางและได้สังเกตสิ่งที่พวกท่านนมัสการ ข้าพเจ้าพบแท่นหนึ่งที่มีคำจารึกไว้ว่า "แด่พระเจ้าที่ไม่รู้จัก" เพราะฉะนั้น ข้าพเจ้าจึงมาประกาศพวกท่านถึงสิ่งที่ท่านนมัสการด้วยความไม่รู้
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 24 พระเจ้าผู้ทรงสร้างโลกและสิ่งทั้งปวงที่มีอยู่ในนั้น แต่เนื่องจากพระองค์ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก ผู้ไม่ได้ทรงสถิตในพระวิหารที่สร้างด้วยมือมนุษย์
|
|
\v 25 พระองค์ไม่ต้องมีมือมนุษย์มาปรนนิบัติรับใช้ราวกับว่าพระองค์ทรงประสงค์สิ่งใด เพราะพระองค์เองเป็นผู้ประทานชีวิตและลมหายใจแก่คนทั้งปวงและสิ่งสารพัด
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 26 พระองค์ทรงสร้างทุกชนชาติมาจากชายคนเดียวให้มีชีวิตให้อยู่บนพื้นแผ่นดินโลก ผู้ทรงกำหนดฤดูกาลและเขตแดนให้พวกเขาอาศัยอยู่
|
|
\v 27 เพราะเหตุนี้ พวกเขาจึงควรแสวงหาพระเจ้า และเพื่อที่พวกเขาอาจจะเข้าไปถึงและพบพระองค์ อันที่จริงแล้ว พระองค์ไม่ได้ทรงอยู่ห่างไกลจากคนใดในพวกเราเลย
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 28 เพราะพวกเรามีชีวิตและเคลื่อนไหวอยู่ในพระองค์ ดังที่กวีในพวกท่านได้กล่าวว่า 'เพราะเราทั้งหลายเป็นเชื้อสายของพระองค์'
|
|
\v 29 ด้วยเหตุนี้ เมื่อเราเป็นเชื้อสายของพระเจ้า เราก็ไม่ควรคิดว่าความเป็นพระเจ้าเป็นเหมือนกับทองคำ หรือเงิน หรือหิน ที่สร้างขึ้นจากศิลปะและความคิดของมนุษย์
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 30 เพราะฉะนั้น พระเจ้าจึงไม่ทรงถือโทษในเวลาที่มนุษย์ขาดความรู้ แต่บัดนี้ พระเจ้าทรงบัญชาให้มนุษย์ทุกคนทั่วทุกแห่งให้กลับใจใหม่
|
|
\v 31 เพราะพระองค์ได้ทรงกำหนดวันหนึ่งไว้แล้ว เป็นเวลาที่พระองค์จะทรงพิพากษาโลกในความชอบธรรม โดยคนที่พระองค์ทรงเลือกไว้แล้ว พระเจ้าทรงรับรองชายคนนี้ต่อทุกคน โดยการให้พระองค์เป็นขึ้นมาจากความตาย"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 32 เมื่อชาวเอเธนส์ได้ยินเรื่องราวของการเป็นขึ้นมาจากความตาย บางคนก็เย้ยหยันเปาโล แต่บางคนกล่าวว่า "พวกเราจะฟังท่านกล่าวเรื่องนี้อีก"
|
|
\v 33 หลังจากนั้นเปาโลก็จากพวกเขาไป
|
|
\v 34 แต่มีชายบางคนเข้าร่วมกับเปาโลและเชื่อ รวมทั้งดิโอนิสิอัส สมาชิกสภาอาเรโอปากัส กับผู้หญิงคนหนึ่งชื่อดามาริส และคนอื่นๆ ที่อยู่กับพวกเขา
|
|
\s5
|
|
\c 18
|
|
\p
|
|
\v 1 หลังจากเหตุการณ์เหล่านั้น เปาโลจึงออกจากกรุงเอเธนส์ไปยังเมืองโครินธ์
|
|
\v 2 ที่นั่นเปาโลได้พบกับชาวยิวคนหนึ่งชื่ออาควิลลาที่เกิดในแคว้นปอนทัส เขาเพิ่งมาจากประเทศอิตาลีกับภรรยาของเขาชื่อปริสสิลลา เพราะจักรพรรดิคลาวดิอัสได้มีคำสั่งให้พวกยิวทั้งหมดออกไปจากกรุงโรม แล้วเปาโลได้มาหาพวกเขา
|
|
\v 3 แล้วเปาโลได้อาศัยและทำงานอยู่กับพวกเขา เพราะพวกเขาทำงานอย่างเดียวกัน พวกเขาเป็นช่างทำเต็นท์
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 4 ดังนั้นเปาโลจึงสนทนาโต้ตอบกันในธรรมศาลาทุกวันสะบาโต เขาชักชวนทั้งพวกยิวและพวกกรีกให้เชื่อ
|
|
\v 5 แต่เมื่อสิลาสกับทิโมธีลงมาจากแคว้นมาซิโดเนียแล้ว พระวิญญาณบริสุทธิ์ตรัสสั่งให้เปาโลให้เป็นพยานกับพวกยิวว่าพระเยซูคือพระคริสต์
|
|
\v 6 เมื่อพวกยิวต่อต้านและกล่าวคำหยาบช้าต่อเขา เปาโลก็สบัดเสื้อผ้าของเขาไปที่คนเหล่านั้นและกล่าวว่า "โทษที่พวกท่านต้องตายนั้น พวกท่านเองต้องรับผิดชอบ ข้าพเจ้าไม่มีโทษแล้ว ตั้งแต่นี้ไป ข้าพเจ้าจะไปหาพวกต่างชาติ"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 7 เมื่อเปาโลออกจากที่นั่นไปแล้ว จึงไปที่บ้านของชายคนหนึ่งชื่อทิทิอัสยุสทัสเป็นคนที่นับถือพระเจ้า บ้านของเขาอยู่ติดกับธรรมศาลา
|
|
\v 8 คริสปัสนายธรรมศาลากับทั้งครัวเรือนของเขาได้มาเชื่อในองค์พระผู้เป็นเจ้า ชาวโครินธ์หลายคนที่ฟังคำของเปาโลก็เชื่อและรับบัพติศมา
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 9 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับเปาโลทางนิมิตในคืนนั้นว่า "อย่ากลัวเลย แต่จงกล่าวต่อไป อย่านิ่งเงียบ
|
|
\v 10 เพราะเราอยู่กับเจ้า ไม่มีใครจะพยายามทำร้ายเจ้าได้ เพราะเรามีคนมากมายในเมืองนี้"
|
|
\v 11 เปาโลอาศัยอยู่ที่นั่น และสอนพระวจนะของพระเจ้าให้กับพวกเขาเป็นเวลาหนึ่งปีหกเดือน
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 12 แต่เมื่อกัลลิโอได้เป็นผู้สำเร็จราชการแคว้นอาคายา พวกยิวก็รวมตัวกันขึ้นต่อสู้เปาโล และนำเขาไปที่ศาล
|
|
\v 13 พวกเขากล่าวว่า "ชายคนนี้ได้ชักชวนประชาชนให้นับถือพระเจ้าในทางที่ผิดกฎหมาย"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 14 แต่เมื่อเปาโลจะพูดบ้าง กัลลิโอก็กล่าวกับพวกยิวว่า "เจ้าพวกยิว ถ้าการกระทำนี้เป็นเรื่องการอธรรม หรืออาชญากรรม ก็มีเหตุผลที่ข้าจะจัดการให้กับเจ้า
|
|
\v 15 แต่ในเมื่อเป็นการโต้แย้งกันเรื่องถ้อยคำ เรื่องชื่อ และธรรมบัญญัติของพวกเจ้าเอง จงจัดการกันเองเถิด ข้าไม่อยากตัดสินเรื่องเหล่านี้"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 16 กัลลิโอจึงไล่พวกเขาออกไปจากศาล
|
|
\v 17 ดังนั้นพวกเขาจึงจับโสสเธเนสผู้เป็นนายธรรมศาลาและเฆี่ยนเขาต่อหน้าศาล แต่กัลลิโอไม่สนใจในเรื่องที่พวกเขาทำเลย
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 18 หลังจากที่เปาโลพักอาศัยอยู่ที่นั่นอีกหลายวัน ก็ลาพวกพี่น้องลงเรือไปยังแคว้นซีเรียกับปริสสิลลาและอาควิลลา ก่อนที่จะออกจากท่าเรือเมืองเคนเครียไป เขาได้โกนศีรษะเพราะเขาได้บนเป็นนาศีร์ไว้
|
|
\v 19 เมื่อพวกเขามาถึงเมืองเอเฟซัส เปาโลได้ละปริสสิลลากับอาควิลลาไว้ที่นั่น แต่ตัวเขาเองได้เข้าไปในธรรมศาลาและสนทนาโต้ตอบกับพวกยิว
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 20 เมื่อคนเหล่านั้นขอร้องให้เปาโลอยู่ต่อไปอีก เขาก็ไม่ยอม
|
|
\v 21 แต่ขณะที่จะจากพวกเขาไป เขากล่าวว่า "ข้าพเจ้าจะกลับมาหาพวกท่านอีก ถ้าหากเป็นพระประสงค์ของพระเจ้า" แล้วเขาก็ลงเรือออกไปจากเมืองเอเฟซัส
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 22 เมื่อเปาโลมาถึงเมืองซีซารียา เขาก็ขึ้นไปทักทายคริสตจักรเยรูซาเล็ม แล้วลงไปยังเมืองอันทิโอก
|
|
\v 23 หลังจากใช้เวลาที่นั่นระยะหนึ่ง เปาโลก็ออกเดินทางไปทั่วเขตแดนแคว้นกาลาเทียและแคว้นฟรีเจีย และกล่าวคำหนุนใจพวกสาวกทุกคน
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 24 มีชาวยิวคนหนึ่งชื่ออปอลโล เกิดในเมืองอเล็กซานเดรียได้มาที่เมืองเอเฟซัส เขาเป็นคนมีโวหารดีและชำนาญมากในเรื่องพระคัมภีร์
|
|
\v 25 อปอลโลได้รับการสอนจากคำสอนขององค์พระผู้เป็นเจ้า และมีใจกระตือรือร้น เขากล่าวและสอนในเรื่องเกี่ยวกับพระเยซูได้อย่างถูกต้อง แต่เขารู้เพียงบัพติศมาของยอห์นเท่านั้น
|
|
\v 26 อปอลโลพูดอย่างกล้าหาญในธรรมศาลา แต่เมื่อปริสสิลลาและอาควิลลาได้ฟังเขาแล้ว พวกเขาทั้งสองจึงผูกมิตรกับอปอลโล และอธิบายเรื่องราวในทางของพระเจ้าให้ถูกต้องยิ่งขึ้น
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 27 เมื่ออปอลโลตัดสินใจที่จะไปยังแคว้นอาคายา พวกพี่น้องก็กล่าวคำหนุนใจ และเขียนจดหมายฝากไปถึงพวกสาวกในแคว้นอาคายาให้รับรองเขา เมื่อเขาไปถึงแล้ว เขาก็ได้ช่วยเหลือบรรดาผู้ที่เชื่อเหล่านั้นอย่างมากโดยพระคุณ
|
|
\v 28 อปอลโลโต้แย้งกับพวกยิวต่อหน้าคนทั้งปวงด้วยพลังและความชำนาญของเขา และอ้างข้อพระคัมภีร์ที่ชี้ให้เห็นว่าพระเยซูคือพระคริสต์
|
|
\s5
|
|
\c 19
|
|
\p
|
|
\v 1 ในเวลานั้น ขณะที่อปอลโลอยู่ที่เมืองโครินธ์ เปาโลก็เดินทางผ่านเขตแดนทางตอนเหนือมายังเมืองเอเฟซัส และได้พบพวกสาวกบางคนที่นั่น
|
|
\v 2 เปาโลถามพวกเขาว่า "เมื่อพวกท่านเชื่อ พวกท่านได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์หรือไม่?" พวกเขากล่าวกับท่านว่า "ไม่ได้ เรายังไม่เคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับพระวิญญาณบริสุทธิ์เลย"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 3 เปาโลจึงถามว่า "ถ้าอย่างนั้นแล้ว พวกท่านได้รับบัพติศมาอะไร?" พวกเขาตอบว่า "บัพติศมาของยอห์น"
|
|
\v 4 เปาโลตอบว่า "ยอห์นให้รับบัพติศมาด้วยบัพติศมาของการกลับใจใหม่ ท่านบอกกับคนทั้งหลายว่า พวกเขาควรเชื่อในพระองค์ผู้ทรงเสด็จมาภายหลัง นั่นคือ ในพระเยซู"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 5 เมื่อคนทั้งหลายได้ยินเช่นนั้น พวกเขาก็รับบัพติศมาในพระนามขององค์พระเยซูเจ้า
|
|
\v 6 แล้วเปาโลจึงวางมือบนพวกเขา พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็เสด็จลงมาสถิตกับพวกเขาทุกคน และพวกเขาพูดภาษาอื่นๆ และเผยพระวจนะ
|
|
\v 7 พวกเขาทั้งหมดมีประมาณสิบสองคน
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 8 เปาโลเข้าไปในธรรมศาลา และพูดด้วยใจกล้าหาญในสถานที่นั้นเป็นเวลาสามเดือน ท่านถกปัญหา และชักชวนคนทั้งหลายในเรื่องที่เกี่ยวกับราชอาณาจักรของพระเจ้า
|
|
\v 9 แต่เมื่อมีพวกยิวบางคนที่มีใจแข็งกระด้างและไม่ยอมเชื่อ พวกเขาเริ่มพูดหยาบช้าเกี่ยวกับทางของพระคริสต์ต่อหน้าชุมชน ดังนั้นเปาโลจึงจากพวกเขาไป และพาพวกผู้ที่เชื่อไปจากพวกเขาด้วย เขาได้ไปพูดในห้องประชุมของทีรันนัสทุกๆ วัน
|
|
\v 10 เขาทำเช่นนั้นเรื่อยมาเป็นเวลาสองปี เพื่อให้ทุกคนที่อาศัยอยู่ในแคว้นเอเชียทั้งพวกยิวและพวกกรีกได้ยินพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้า
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 11 พระเจ้าทรงทำการอิทธิฤทธิ์ด้วยมือของเปาโล
|
|
\v 12 จนพวกเขาเอาผ้าเช็ดหน้ากับผ้ากันเปื้อนจากตัวเปาโลไป เพื่อทำให้คนที่เจ็บป่วยหายโรค และพวกวิญญาณชั่วก็ออกไปจากพวกเขา
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 13 แต่มีหมอผีชาวยิวคนหนึ่งเดินทางไปทั่วบริเวณนั้น พวกเขาได้ใช้พระนามของพระเยซูเพื่อประโยชน์ของตนเอง พวกเขาพูดกับพวกคนที่มีวิญญาณชั่วว่า "ข้าสั่งเจ้าให้ออกไป โดยพระเยซูที่เปาโลประกาศนั้น"
|
|
\v 14 พวกคนที่ทำเช่นนั้นเป็นบุตรชายเจ็ดคนของเสวาที่เป็นหัวหน้าปุโรหิตชาวยิว
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 15 วิญญาณชั่วตนหนึ่งจึงตอบพวกเขาว่า "ข้ารู้จักพระเยซู และข้ารู้จักเปาโล แต่พวกเจ้าเป็นใครกัน?"
|
|
\v 16 วิญญาณชั่วที่อยู่ในคนนั้นก็กระโดดเข้าใส่พวกหมอผี และเอาชนะพวกเขาได้ และโจมตีพวกเขา แล้วพวกเขาก็หนีออกจากบ้านนั้นในสภาพเปลือยกายและได้รับบาดเจ็บ
|
|
\v 17 เรื่องนี้เป็นที่รู้กันทั่วทั้งพวกยิวและพวกกรีกที่อาศัยอยู่ในเมืองเอเฟซัส พวกเขาเกิดความเกรงกลัวเป็นอย่างมาก และพระนามขององค์พระเยซูเจ้าจึงได้รับการยกย่องสรรเสริญ
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 18 แล้วพวกผู้ที่เชื่อหลายคนก็เข้ามาสารภาพบาป และยอมรับว่าพวกเขาเคยทำสิ่งที่ชั่วร้าย
|
|
\v 19 หลายคนที่ใช้เวทมนต์คาถาก็เอาตำราของตนมากองรวมกันและเผาไฟต่อหน้าคนทั้งปวง ตำราเหล่านั้นคิดเป็นเงินมีมูลถึงห้าหมื่นเหรียญเงิน
|
|
\v 20 ดังนั้นพระวจนะของพระเจ้าก็แพร่กระจายกว้างออกไปด้วยวิธีการที่ทรงอานุภาพ
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 21 หลังจากที่เปาโลเสร็จสิ้นงานพันธกิจของเขาที่เมืองเอเฟซัส เขาตัดสินใจในพระวิญญาณที่จะเดินทางผ่านแคว้นมาซิโดเนียและแคว้นอาคายาไปยังกรุงเยรูซาเล็ม เขากล่าวว่า "หลังจากที่ข้าพเจ้าไปถึงที่นั่นแล้ว ข้าพเจ้าจะต้องไปเห็นกรุงโรมด้วย"
|
|
\v 22 เปาโลได้ส่งทิโมธีและอีรัสทัสที่เป็นผู้ช่วยของเขาไปยังแคว้นมาซิโดเนีย ส่วนตัวเขาเองยังคงอยู่ในแคว้นเอเชียอีกชั่วระยะหนึ่ง
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 23 ในเวลานั้น ได้เกิดเรื่องวุ่นวายใหญ่ยิ่งในเมืองเอเฟซัสที่เกี่ยวข้องกับทางนั้น
|
|
\v 24 มีช่างเงินคนหนึ่งชื่อเดเมตริอัสที่ทำเงินให้เป็นรูปจำลองของเจ้าแม่ไดอานา ซึ่งทำรายได้อย่างมากให้กับช่างฝีมือเหล่านั้น
|
|
\v 25 ดังนั้นเขาจึงเรียกประชุมบรรดาพวกคนงานที่ทำกิจการนั้น เขากล่าวว่า "ท่านทั้งหลาย พวกท่านรู้อยู่ว่า ในการทำกิจการนี้ ทำให้เราได้เงินมากมาย
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 26 พวกท่านได้เห็นและได้ยินมาว่า เปาโลคนนี้ได้ชักชวนผู้คนมากมายให้หันออกไปจากทางเดิม ไม่เพียงแต่เมืองเอเฟซัส แต่เกือบทั่วแคว้นเอเชีย เขาบอกว่า ไม่มีพระใดที่ทำด้วยมือมนุษย์
|
|
\v 27 ไม่เพียงเป็นอันตรายต่อกิจการของเราที่จะไม่เป็นที่ต้องการอีกต่อไป แต่พระวิหารของเจ้าแม่ไดอานาผู้ยิ่งใหญ่จะกลายเป็นสิ่งไร้ค่า แล้วพระนางผู้เป็นที่นับถือของบรรดาชาวแคว้นเอเชียกับคนทั่วโลกก็จะเสื่อมเสียความยิ่งใหญ่"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 28 เมื่อพวกเขาได้ยินดังนี้ พวกเขาก็โกรธ และร้องออกมาว่า "เจ้าแม่ไดอานาของชาวเอเฟซัสเป็นผู้ยิ่งใหญ่"
|
|
\v 29 จึงเกิดความวุ่นวายไปทั่วทั้งเมือง พวกเขาวิ่งกรูกันไปที่เวทีมหรสพ พวกเขาจับกายอัสและอาริสมาทัสที่เป็นพวกที่ร่วมเดินทางของเปาโลที่มาจากแคว้นมาซิโดเนีย
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 30 เปาโลต้องการเข้าไปในฝูงชน แต่พวกสาวกไม่ยอมให้เขาเข้าไป
|
|
\v 31 แม้แต่พวกเจ้าหน้าที่ของแคว้นเอเชียที่เป็นเพื่อนของเขา ก็ใช้คนส่งข้อความไปวิงวอนเปาโลไม่ให้เข้าไปในเวทีมหรสพ
|
|
\v 32 บางคนตะโกนว่าอย่างนี้ บางคนตะโกนว่าอย่างนั้น เพราะฝูงชนพากันสับสน คนส่วนใหญ่ยังไม่รู้ด้วยว่าทำไมพวกเขาจึงมาประชุมกันอยู่ที่นี่
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 33 พวกยิวจึงผลักให้อเล็กซานเดอร์ออกไปยืนอยู่ต่อหน้าประชาชน อเล็กซานเดอร์จึงโบกมือ และทำการอธิบายต่อประชาชน
|
|
\v 34 แต่เมื่อคนทั้งหลายได้รู้ว่าเขาเป็นชาวยิว พวกเขาก็ตะโกนเป็นเสียงเดียวกันเป็นเวลาสองชั่วโมงว่า "เจ้าแม่ไดอานาของชาวเอเฟซัสเป็นผู้ยิ่งใหญ่"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 35 เมื่อเลขานุการสภาเมืองได้ทำให้ฝูงชนเงียบลงแล้ว เขากล่าวว่า "ท่านชาวเอเฟซัส มีใครบ้างที่ไม่รู้ว่า ชาวเมืองเอเฟซัสเป็นผู้ดูแลพระวิหารของเจ้าแม่ไดอานาผู้ยิ่งใหญ่ และรูปปั้นที่ตกลงมาจากฟ้า?
|
|
\v 36 ในเมื่อไม่มีใครปฏิเสธเรื่องนี้ได้ พวกท่านควรอยู่ในความสงบ และอย่าทำอะไรวู่วามไป
|
|
\v 37 เพราะพวกท่านพาคนเหล่านี้มาที่ศาล ซึ่งไม่ได้เป็นพวกปล้นพระวิหาร หรือพูดหมิ่นประมาทเจ้าแม่ของเราเลย
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 38 เพราะฉะนั้น ถ้าเดเมตริอัสและพวกช่างฝีมือที่อยู่กับเขามีข้อกล่าวหากับคนใด ศาลนี้ก็เปิดให้ และมีผู้พิพากษา ให้พวกเขาไปฟ้องร้องกันเอง
|
|
\v 39 แต่ถ้าพวกท่านยังมีเรื่องอื่นๆ อีก ก็ควรตกลงกันในการประชุมสามัญ
|
|
\v 40 เพราะสิ่งเราทำเป็นอันตรายที่จะถูกฟ้องร้องว่าเป็นผู้เกี่ยวข้องในการจราจลในวันนี้ ไม่มีข้ออ้างอะไรในความวุ่นวายนี้ และเราไม่สามารถอธิบายได้"
|
|
\v 41 เมื่อเขากล่าวเช่นนั้นแล้ว เขาก็ให้เลิกการชุมนุม
|
|
\s5
|
|
\c 20
|
|
\p
|
|
\v 1 หลังจากความวุ่นวายได้สงบลงแล้ว เปาโลจึงใช้คนไปตามพวกสาวกมา และกล่าวคำหนุนใจพวกเขา เมื่อเปาโลกล่าวคำอำลาพวกเขาแล้วจึงจากไปยังแคว้นมาซิโดเนีย
|
|
\v 2 เมื่อเปาโลเดินทางผ่านเขตแดนนั้น และได้กล่าวหนุนใจผู้เชื่ออย่างมาก แล้วเขาก็ไปยังประเทศกรีก
|
|
\v 3 หลังจากเขาพักอยู่ที่นั่นสามเดือน พวกยิวได้วางแผนทำร้ายเขาในขณะที่เขาจะลงเรือไปยังแคว้นซีเรีย ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจกลับไปทางแคว้นมาซิโดเนีย
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 4 พวกที่เดินทางไปแคว้นเอเชียกับเขา คือโสปาเธอร์ ชาวเมืองเบโรอาบุตรของปีรัส อริสทารคัสกับเสคุนดัส ทั้งสองคนเป็นผู้เชื่อชาวเมืองเธสะโลนิกา กายอัสชาวเมืองเดอร์บี ทิโมธีกับทีคิกัส และโตรฟีมัสจากแคว้นเอเชีย
|
|
\v 5 แต่คนเหล่านี้ได้เดินทางล่วงหน้าไปก่อน และกำลังรอเราอยู่ที่เมืองโตรอัส
|
|
\v 6 หลังจากเทศกาลขนมปังไร้เชื้อ พวกเราลงเรือออกจากเมืองฟีลิปปี และในเวลาห้าวัน พวกเรามาพบพวกเขาที่เมืองโตรอัส พวกเราได้พักอยู่ที่นั่นเจ็ดวัน
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 7 ในวันต้นสัปดาห์ เมื่อเรามาประชุมร่วมกันเพื่อทำพิธีหักขนมปัง เปาโลก็พูดกับผู้เชื่อเหล่านั้น เขาตั้งใจจะออกจากที่นั่นในวันรุ่งขึ้น เพราะฉะนั้นเขาจึงพูดต่อไปจนถึงเที่ยงคืน
|
|
\v 8 ในห้องชั้นบนที่เราประชุมกันนั้นมีตะเกียงหลายดวง
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 9 มีชายหนุ่มคนหนึ่งชื่อยุทิกัสนั่งอยู่ที่หน้าต่างได้เริ่มง่วงนอนขึ้นทุกที ในขณะที่เปาโลยังคงพูดยืดยาวต่อไปอีก ชายหนุ่มคนนี้ยังคงหลับอยู่ และพลัดตกลงไปจากชั้นสาม และเมื่อยกขึ้นมาก็พบว่าตายแล้ว
|
|
\v 10 แต่เมื่อเปาโลลงไป เขาเหยียดตัวลงบนตัวชายคนนั้น และกอดเขาไว้ แล้วเปาโลกล่าวว่า "อย่าโศกเศร้าไปเลย เพราะเขายังมีชีวิตอยู่"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 11 แล้วเปาโลก็ขึ้นไปห้องชั้นบนอีกครั้ง และหักขนมปังรับประทาน หลังจากที่สนทนากับพวกเขาต่อไปอีกจนถึงรุ่งเช้า เปาโลจึงจากไป
|
|
\v 12 พวกเขาจึงพาชายหนุ่มที่ยังมีชีวิตอยู่กลับไป และได้รับการหนุนใจอย่างมาก
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 13 พวกเราเองลงเรือไปยังเมืองอัสโสสออกหน้าไปก่อนเปาโล เราตั้งใจว่าจะไปรอรับเปาโลลงเรือที่นั่น ซึ่งเขาปรารถนาจะทำเช่นนั้น เพราะเขาตั้งใจที่จะไปทางบก
|
|
\v 14 เมื่อเขาได้พบกับพวกเราที่เมืองอัสโสสแล้ว พวกเราก็รับเขาลงเรือ แล้วไปยังเมืองมิทิเลนี
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 15 แล้วพวกเราออกเรือจากที่นั่นและวันต่อมาก็มาถึงฝั่งตรงข้ามเกาะคิโอส อีกวันต่อมา เรามาถึงเกาะสามอส และอีกวันต่อมาพวกเราจึงมาถึงเมืองมิเลทัส
|
|
\v 16 เพราะเปาโลตัดสินใจที่จะผ่านเมืองเอเฟซัสไป เพื่อที่จะไม่เสียเวลาในแคว้นเอเชีย เพราะเขากำลังรีบไปให้ทันเทศกาลเพนเทคอสต์ที่กรุงเยรูซาเล็ม ถ้าเป็นไปได้ที่เขาจะทำเช่นนั้น
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 17 เปาโลจึงส่งคนเหล่านั้นจากเมืองมิเลทัสไปยังเอเฟซัส เพื่อเรียกบรรดาผู้ปกครองคริสตจักรเหล่านั้นมาพบเขา
|
|
\v 18 เมื่อพวกเขามาพบเปาโลแล้ว เปาโลจึงกล่าวกับพวกเขาว่า "พวกท่านเองทราบดีว่า นับตั้งแต่วันแรกที่ข้าพเจ้าได้ย่างเท้าเข้ามาในแคว้นเอเชีย ข้าพเจ้าได้ใช้เวลาอยู่กับพวกท่านอย่างไร
|
|
\v 19 ข้าพเจ้ายังคงรับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยความถ่อมใจและด้วยน้ำตา และการทนทุกข์ที่เกิดขึ้นกับข้าพเจ้า เพราะแผนร้ายของพวกยิว
|
|
\v 20 พวกท่านรู้ว่าไม่มีสิ่งใดที่เป็นประโยชน์ที่ข้าพเจ้าไม่ได้ประกาศกับพวกท่าน แต่ได้สอนพวกท่านในที่ชุมนุมชนและตามบ้าน
|
|
\v 21 เพื่อเป็นพยานให้กับทั้งพวกคนยิวและกรีกเกี่ยวกับการกลับใจมาหาพระเจ้าและเรื่องความเชื่อในองค์พระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้าของพวกเรา
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 22 บัดนี้ ดูเถิด พระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ทรงนำข้าพเจ้าที่จะไปยังกรุงเยรูซาเล็ม ซึ่งไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับข้าพเจ้าที่นั่น
|
|
\v 23 ยกเว้นสิ่งที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเป็นพยานกับข้าพเจ้าในทุกๆ เมืองว่า เครื่องจำจองและความทุกข์ยากลำบากกำลังรอคอยข้าพเจ้าอยู่
|
|
\v 24 แต่ข้าพเจ้าไม่ได้ถือว่าชีวิตของข้าพเจ้าเป็นสิ่งมีค่าสำหรับตัวเอง ขอแต่เพียงให้ข้าพเจ้าได้ทำหน้าที่ของข้าพเจ้าและทำพันธกิจที่ได้รับจากองค์พระเยซูเจ้าให้สำเร็จ เพื่อที่จะเป็นพยานถึงข่าวประเสริฐแห่งพระคุณของพระเจ้า
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 25 บัดนี้ ดูเถิด ข้าพเจ้าทราบว่า พวกท่านทุกคนที่ข้าพเจ้าได้ประกาศราชอาณาจักรของพระเจ้า จะไม่ได้เห็นข้าพเจ้าอีก
|
|
\v 26 เพราะฉะนั้นข้าพเจ้าจึงขอยืนยันกับพวกท่านในวันนี้ว่า ข้าพเจ้าไม่มีความผิดในความตายของผู้ใด
|
|
\v 27 เพราะข้าพเจ้าไม่ได้ละเว้นจากการกล่าวสิ่งใดที่เป็นพระประสงค์ทั้งสิ้นของพระเจ้ากับพวกท่าน
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 28 เพราะฉะนั้นจงระวังทั้งตัวของพวกท่านเอง และฝูงแกะที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงตั้งพวกท่านไว้ให้เป็นผู้ดูแลให้ดี จงระวังที่จะดูแลคริสตจักรของพระเจ้าที่พระองค์ทรงซื้อมาด้วยพระโลหิตของพระองค์
|
|
\v 29 ข้าพเจ้ารู้ว่า หลังจากที่ข้าพเจ้าจากไปแล้ว จะมีฝูงสุนัขป่าที่ดุร้ายเข้ามาในพวกท่าน และไม่ละเว้นฝูงแกะเลย
|
|
\v 30 ข้าพเจ้ารู้ว่า แม้แต่ในพวกท่านเองก็จะมีบางคนที่กล่าวสิ่งที่ทำให้เขวไป เพื่อชักชวนพวกสาวกให้หลงตามพวกเขาไป
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 31 เพราะฉะนั้น จงเฝ้าระวังให้ดี จำไว้ว่าข้าพเจ้าได้สั่งสอนทุกคนด้วยน้ำตาทั้งกลางวันและกลางคืนตลอดสามปีไม่ได้หยุดหย่อน
|
|
\v 32 บัดนี้ ข้าพเจ้าขอมอบพวกท่านไว้กับพระเจ้าและพระวจนะแห่งพระคุณของพระองค์ ที่สามารถก่อสร้างพวกท่านขึ้นได้ และให้พวกท่านเป็นผู้รับมรดกท่ามกลางคนเหล่านั้นที่ถวายตัวแด่พระเจ้า
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 33 ข้าพเจ้าไม่ได้โลภเอาเงิน ทองหรือเสื้อผ้าของใครเลย
|
|
\v 34 พวกท่านเองทราบว่า มือทั้งสองของข้าพเจ้าได้จัดหาสิ่งจำเป็นสำหรับตนเองและสำหรับพวกคนที่อยู่กับข้าพเจ้า
|
|
\v 35 ข้าพเจ้าได้วางแบบอย่างให้พวกท่านในทุกเรื่องแล้ว ในการที่จะช่วยคนที่อ่อนแอด้วยการทำงาน และพวกท่านควรจะระลึกถึงพระวจนะขององค์พระเยซูเจ้า ตามที่พระองค์ตรัสว่า "การให้เป็นเหตุให้มีความสุขยิ่งกว่าการรับ"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 36 หลังจากที่เปาโลได้กล่าวเช่นนี้แล้ว เขาจึงคุกเข่าลงอธิษฐานร่วมกับพวกเขาทุกคน
|
|
\v 37 มีการร้องไห้อย่างมากและกอดคอเปาโลและจูบเขา
|
|
\v 38 พวกเขาโศกเศร้าอย่างที่สุด เพราะถ้อยคำที่เปาโลกล่าวว่า พวกเขาจะไม่ได้เห็นหน้าเปาโลอีก แล้วพวกเขาก็พาเขาไปส่งที่เรือ
|
|
\s5
|
|
\c 21
|
|
\p
|
|
\v 1 เมื่อพวกเราลาพวกเขาแล้วก็ลงเรือไป พวกเราตรงไปยังเกาะโขส วันรุ่งขึ้น พวกเราได้มาถึงเกาะโรดส์ และจากที่นั่นพวกเราก็ไปยังเมืองปาทารา
|
|
\v 2 เมื่อพวกเราพบเรือลำหนึ่งกำลังจะไปเมืองฟีนิเซีย พวกเราจึงลงเรือลำนั้นแล่นออกไป
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 3 หลังจากเห็นเกาะไซปรัสแล้ว ก็ผ่านเกาะนั้นไปทางซ้าย และพวกเราไปยังแคว้นซีเรียและจอดเรือที่ท่าเมืองไทระ เพราะเรือต้องเอาของที่บรรทุกมาขึ้นท่าที่นั่น
|
|
\v 4 หลังจากพวกเราหาพวกสาวกพบแล้ว พวกเราก็พักอยู่ที่นั่นเจ็ดวัน พวกสาวกเหล่านี้ได้กล่าวกับเปาโลโดยพระวิญญาณไม่ให้ขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 5 เมื่อพวกเราอยู่ที่นั่นหลายวันแล้ว พวกเราจึงออกเดินทางไป บรรดาพวกสาวกพร้อมกับภรรยาและบุตรตามมาส่งพวกเรา จนพวกเราออกไปจากเมืองนั้น แล้วพวกเราก็คุกเข่าลงอธิษฐานที่ชายหาด
|
|
\v 6 และกล่าวอำลาซึ่งกันและกัน แล้วพวกเราจึงลงเรือไป ในขณะที่พวกเขากลับบ้านไป
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 7 เมื่อแล่นเรือจากเมืองไทระแล้ว พวกเราได้มาถึงเมืองทอเลเมอิส พวกเราจึงไปคำนับทักทายพี่น้องที่นั่น และพักอยู่กับพวกเขาวันหนึ่ง
|
|
\v 8 วันรุ่งขึ้นพวกเราก็จากไปและไปยังแคว้นซีซารียา พวกเราเข้าไปในบ้านฟีลิปผู้ประกาศข่าวประเสริฐ ซึ่งเป็นหนึ่งในเจ็ดคนนั้น และพวกเราพักอยู่กับเขา
|
|
\v 9 ขณะนั้น ฟีลิปมีลูกสาวสี่คนที่ยังไม่ได้แต่งงาน ซึ่งเป็นผู้เผยพระวจนะ
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 10 เมื่อเราพักอยู่ที่นั่นหลายวันแล้ว มีผู้เผยพระวจนะคนหนึ่งชื่ออากาบัสลงมาจากแคว้นยูเดีย
|
|
\v 11 เขามาหาพวกเราแล้วเอาเข็มขัดของเปาโลไป มัดมือและเท้าของเขาด้วยเข็มขัดนั้น แล้วกล่าวว่า "พระวิญญาณบริสุทธิ์ตรัสว่า 'พวกยิวในกรุงเยรูซาเล็มจะผูกมัดคนที่เป็นเจ้าของเข็มขัดนี้ แล้วพวกเขาจะส่งมอบท่านไว้ในมือของพวกต่างชาติ'"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 12 เมื่อพวกเราได้ยินเรื่องนี้ พวกเรากับพวกคนที่อยู่ที่นั่นก็อ้อนวอนเปาโลไม่ให้ขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม
|
|
\v 13 แล้วเปาโลจึงตอบว่า "พวกท่านกำลังทำอะไรอยู่ ด้วยการร้องไห้ และทำให้ข้าพเจ้าช้ำใจ? เพราะข้าพเจ้าพร้อมแล้ว ไม่เพียงแต่จะถูกผูกมัด แต่พร้อมจะตายในกรุงเยรูซาเล็มด้วย เพื่อพระนามขององค์พระเยซูเจ้า"
|
|
\v 14 เมื่อเปาโลไม่ยอมฟังคำขอร้อง พวกเราจึงไม่พยายามที่จะพูดอีก แล้วกล่าวว่า "ขอให้เป็นไปตามน้ำพระทัยขององค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 15 หลังจากนั้น พวกเราจึงเก็บสัมภาระแล้วขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม
|
|
\v 16 มีสาวกบางคนจากแคว้นซีซารียาไปกับพวกเราด้วย พวกเขาพาพวกเราไปหาชายคนหนึ่งชื่อมนาสันชาวเกาะไซปรัสที่เป็นสาวกในช่วงแรก และให้พวกเราอาศัยอยู่กับเขา
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 17 เมื่อพวกเรามาถึงกรุงเยรูซาเล็มแล้ว พวกพี่น้องก็มาต้อนรับพวกเราด้วยความยินดี
|
|
\v 18 วันรุ่งขึ้น เปาโลกับพวกเราไปหายากอบ และพวกผู้ปกครองทุกคนอยู่ที่นั่น
|
|
\v 19 เมื่อเปาโลคำนับทักทายคนเหล่านั้นแล้ว เขาจึงเล่าเหตุการณ์ตามลำดับที่พระเจ้าทรงทำท่ามกลางพวกต่างชาติผ่านพันธกิจของเขา
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 20 เมื่อพวกเขาได้ยินเรื่องนี้ ก็สรรเสริญพระเจ้า และพวกเขากล่าวกับเปาโลว่า "ท่านเห็นแล้วว่า มีพวกยิวสักกี่พันคนที่เชื่อ พวกเขาทุกคนมีความมุ่งมั่นในการถือรักษาพระบัญญัติ
|
|
\v 21 พวกเขาได้รับคำบอกเกี่ยวกับท่านว่า ท่านสอนให้พวกยิวทั้งหมดที่อาศัยอยู่ในหมู่คนต่างชาติให้ละทิ้งโมเสส และบอกพวกเขาไม่ต้องให้บุตรของตนเข้าสุหนัต และไม่ต้องทำตามธรรมเนียมดั้งเดิม
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 22 พวกเราควรทำอย่างไร? พวกเขาคงจะทราบข่าวว่าท่านมา
|
|
\v 23 ดังนั้นพวกเราจะบอกท่านว่า พวกเรามีสี่คนที่ได้ปฏิญาณตัวไว้
|
|
\v 24 จงพาคนเหล่านั้นไปและทำพิธีชำระตัวท่านร่วมกับพวกเขา และเสียเงินให้พวกเขา เพื่อให้พวกเขาโกนศีรษะ เพื่อที่ทุกคนจะได้รู้ว่าเรื่องราวต่างๆ ที่ได้ยินเกี่ยวกับท่านเป็นความเท็จ และได้รู้ว่าพวกท่านก็ปฏิบัติตามพระบัญญัติเช่นกัน
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 25 ส่วนพวกต่างชาติที่เชื่อนั้น พวกเราได้เขียนจดหมายคำสั่งให้พวกเขางดเว้นจากกินอาหารที่บูชารูปเคารพ จากการกินเลือด จากการกินเนื้อสัตว์ที่ถูกรัดคอตาย และจากการล่วงประเวณี"
|
|
\v 26 แล้วเปาโลจึงพาคนเหล่านั้นไป และวันรุ่งขึ้น ก็ทำพิธีชำระตนเองด้วยกันกับพวกเขา แล้วจึงเข้าไปในพระวิหาร ประกาศกำหนดวันพิธีชำระ จนกว่าพวกเขาจะถวายเครื่องบูชาหมดทุกคนแล้ว
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 27 เมื่อจวนครบเจ็ดวันแล้ว พวกยิวที่มาจากแคว้นเอเซียได้มองเห็นเปาโลในพระวิหาร และยุยงฝูงชนให้ต่อต้านและจับเปาโล
|
|
\v 28 พวกเขาตะโกนว่า "ชนชาติอิสราเอลเอ๋ย จงช่วยพวกเราเถิด ชายคนนี้ได้สอนทุกคนในทุกแห่งให้เป็นศัตรูต่อชนชาติเรา ต่อพระบัญญัติ และต่อสถานที่นี้ นอกจากนี้ เขายังพาคนกรีกเข้ามาในพระวิหาร ซึ่งทำให้สถานบริสุทธิ์แห่งนี้เป็นมลทิน"
|
|
\v 29 เพราะก่อนหน้านี้คนพวกนั้นได้เห็นโตรฟีมัสชาวเมืองเอเฟซัสอยู่กับเปาโลในเมืองนั้น และพวกเขาจึงคิดว่า เปาโลพาคนนั้นเข้ามาในพระวิหาร
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 30 คนทั้งเมืองจึงโกรธมาก ประชาชนก็วิ่งกรูเข้าไปและจับเปาโล พวกเขาฉุดลากเปาโลออกมาจากพระวิหาร แล้วปิดประตูทันที
|
|
\v 31 ขณะที่พวกเขาพยายามจะฆ่าเปาโล ข่าวเรื่องนี้มาถึงผู้บัญชาการกองพัน ว่ากรุงเยรูซาเล็มเกิดความวุ่นวายขึ้นทั้งเมือง
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 32 เขาจึงนำพวกทหาร และบรรดานายร้อยวิ่งไปที่ฝูงชนทันที เมื่อประชาชนเห็นนายพันมาพร้อมพวกทหาร พวกเขาก็หยุดตีเปาโล
|
|
\v 33 แล้วนายพันจึงเข้าไปใกล้ แล้วจับเปาโล และสั่งให้เอาโซ่สองเส้นล่ามไว้ แล้วถามว่าเขาเป็นใครและได้ทำอะไรไปบ้าง
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 34 บางคนในฝูงชนตะโกนว่าอย่างนี้ บางคนว่าอย่างนั้น เมื่อนายพันไม่สามารถรู้เรื่องอะไรได้ เพราะเสียงเหล่านั้น เขาจึงสั่งให้พาเปาโลเข้าไปในกรมทหาร
|
|
\v 35 เมื่อเปาโลมาถึงบันไดแล้ว พวกทหารก็แบกเขาไป เนื่องจากความรุนแรงของฝูงชน
|
|
\v 36 เพราะฝูงชนได้ติดตามไป และยังคงร้องตะโกนว่า "ฆ่ามันเสีย"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 37 ขณะที่เปาโลถูกนำตัวมายังกรมทหารแล้ว เขาจึงกล่าวกับนายพันว่า "ขอให้ข้าพเจ้าพูดกับท่านสักหน่อยได้ไหม?" นายพันจึงถามว่า "เจ้าพูดภาษากรีกได้หรือ?
|
|
\v 38 เจ้าไม่ใช่คนอียิปต์ที่ก่อการกบฎคราวก่อน และพาพวกผู้ก่อการร้ายสี่พันคนเข้าไปในถิ่นทุรกันดารหรือ?"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 39 เปาโลตอบว่า "ข้าพเจ้าเป็นชาวยิวมาจากเมืองทาร์ซัสแคว้นซีลีเซีย ข้าพเจ้าเป็นพลเมืองของเมืองที่สำคัญนี้ ข้าพเจ้าขออนุญาตท่านให้ข้าพเจ้าพูดกับประชาชนหน่อย"
|
|
\v 40 เมื่อนายพันอนุญาตแล้ว เปาโลจึงยืนบนขั้นบันไดและโบกมือให้กับประชาชน เมื่อเงียบสงบลงแล้ว เปาโลจึงกล่าวกับพวกเขาเป็นภาษาฮีบรูว่า
|
|
\s5
|
|
\c 22
|
|
\p
|
|
\v 1 "พี่น้องและผู้อาวุโสทั้งหลาย ขอฟังคำแก้ต่างของข้าพเจ้าที่ข้าพเจ้าจะให้แก่ท่านทั้งหลาย"
|
|
\v 2 เมื่อฝูงชนได้ยินเปาโลพูดกับพวกเขาในภาษาฮีบรู พวกเขาก็เริ่มเงียบเสียง เขากล่าวว่า
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 3 "ข้าพเจ้าเป็นชาวยิว เกิดในเมืองทาร์ซัสแคว้นซีลีเซีย แต่ได้รับการศึกษาในเมืองนี้ที่แทบเท้าของกามาลิเอล ข้าพเจ้าได้รับการสั่งสอนอย่างเคร่งครัดตามบทบัญญัติของบรรพบุรุษของเรา ข้าพเจ้าหวงแหนพระเจ้าเช่นเดียวกับพวกท่านในวันนี้
|
|
\v 4 ข้าพเจ้าได้ข่มเหงพวกที่ถือทางนี้จนถึงตาย ข้าพเจ้าผูกมัดทั้งชายและหญิงและส่งพวกเขาไว้ในคุก
|
|
\v 5 มหาปุโรหิตและพวกผู้ใหญ่ทุกคนสามารถเป็นพยานได้ว่าข้าพเจ้าได้รับจดหมายจากพวกเขาสำหรับพี่น้องในเมืองดามัสกัสให้ข้าพเจ้าเดินทางไปที่นั่น และข้าพเจ้านำผู้ที่ถือในทางนี้กลับมายังกรุงเยรูซาเล็มเพื่อรับการลงโทษ
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 6 มีเหตุการณ์เกิดขึ้นขณะที่ข้าพเจ้ากำลังเดินทางและใกล้เมืองดามัสกัสประมาณเที่ยงวัน ทันใดนั้นมีแสงจ้าจากสวรรค์ส่องแสงอยู่รอบตัวข้าพเจ้า
|
|
\v 7 ข้าพเจ้าล้มลงกับพื้นและได้ยินเสียงหนึ่งพูดกับข้าพเจ้าว่า 'เซาโล เซาโลเอ๋ย เจ้าข่มเหงเราทำไม?'
|
|
\v 8 ข้าพเจ้าตอบว่า 'พระองค์เจ้าข้า พระองค์เป็นผู้ใด?' พระองค์ตรัสแก่ข้าพเจ้าว่า 'เราคือเยซูชาวนาซาเร็ธ ผู้ที่เจ้ากำลังข่มเหง'
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 9 บรรดาผู้ที่อยู่กับข้าพเจ้าได้เห็นแสงสว่างนั้น แต่พวกเขาไม่เข้าใจเสียงของพระองค์ผู้ที่ตรัสกับข้าพเจ้า
|
|
\v 10 ข้าพเจ้ากล่าวว่า 'พระองค์เจ้าข้า ข้าพระองค์ควรจะทำอย่างไร?' องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า 'จงลุกขึ้นและเข้าไปในเมืองดามัสกัส ที่นั่นจะมีคนบอกทุกสิ่งที่เจ้าต้องทำ'
|
|
\v 11 ข้าพเจ้าไม่สามารถมองเห็นได้เนื่องจากความสว่างของแสงนั้น ดังนั้นผู้ที่อยู่กับข้าพเจ้าได้จูงมือข้าพเจ้าเข้าไปในเมืองดามัสกัส
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 12 ที่นั่นข้าพเจ้าได้พบกับชายคนหนึ่งชื่ออานาเนียเป็นคนมีศรัทธาตามบทบัญญัติและเป็นคนมีชื่อเสียงดีในหมู่ชาวยิวที่อาศัยอยู่ที่นั่น
|
|
\v 13 เขามาหาข้าพเจ้า ยืนอยู่ข้างข้าพเจ้าและพูดว่า 'พี่เซาโลเอ๋ย ท่านจงเห็นเถิด' ในทันใดนั้นข้าพเจ้าก็มองเห็นเขา
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 14 แล้วเขาพูดว่า 'พระเจ้าของบรรพบุรุษของเราได้เลือกท่านให้ทราบพระประสงค์ของพระองค์ เพื่อที่จะเห็นพระองค์ผู้ชอบธรรมและได้ยินเสียงที่มาจากพระโอษฐ์ของพระองค์
|
|
\v 15 เพราะท่านจะเป็นพยานฝ่ายพระองค์ต่อทุกคนถึงสิ่งที่ท่านได้เห็นและได้ยิน
|
|
\v 16 บัดนี้เหตุใดท่านจึงรออยู่? จงลุกขึ้นรับบัพติศมาและชำระความผิดบาปของท่าน ด้วยการออกพระนามของพระองค์
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 17 หลังจากที่ข้าพเจ้ากลับไปกรุงเยรูซาเล็มและในขณะที่ข้าพเจ้ากำลังอธิษฐานในพระวิหาร มีสิ่งเกิดขึ้นคือข้าพเจ้าได้รับนิมิต
|
|
\v 18 ข้าพเจ้าได้เห็นพระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า 'จงรีบออกจากกรุงเยรูซาเล็มโดยเร็ว เพราะพวกเขาจะไม่ยอมรับคำพยานของเจ้าเกี่ยวกับเรา'
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 19 ข้าพเจ้าจึงพูดว่า 'พระองค์เจ้าข้า พวกเขาเองรู้ว่าข้าพเจ้าได้จองจำและเฆี่ยนตีผู้ที่เชื่อในพระองค์ในธรรมศาลาทุกแห่ง
|
|
\v 20 เมื่อโลหิตของสเทเฟนที่เป็นพยานของพระองค์ได้ล้มลง ข้าพเจ้าก็ยืนอยู่ใกล้ๆ และเห็นชอบ และข้าพเจ้าได้เฝ้าเสื้อผ้าของผู้ที่ฆ่าเขา'
|
|
\v 21 แต่พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า 'จงออกไป เพราะเราจะส่งเจ้าไปไกล ไปหาคนต่างชาติ'"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 22 พวกประชาชนยอมให้เขากล่าวในจุดนี้ แต่แล้วพวกเขาตะโกนว่า "เอาคนเช่นนี้ออกไปจากแผ่นดินโลก เพราะเขาไม่สมควรที่จะมีชีวิตอยู่"
|
|
\v 23 ขณะที่พวกเขาตะโกน ก็ทิ้งเสื้อคลุมของพวกเขาและโยนฝุ่นละอองขึ้นไปในอากาศ
|
|
\v 24 นายพันจึงสั่งให้นำเปาโลเข้ามาในป้อมปราการ เขาสั่งว่าเปาโลควรจะถูกสอบสวนด้วยการเฆี่ยนตี เพื่อให้เปาโลจะได้รู้ว่าทำไมพวกเขาจึงต่อต้านเขาเช่นนั้น
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 25 เมื่อพวกเขาเอาเชือกหนังมัดเปาโล เปาโลได้กล่าวกับนายร้อยที่ยืนอยู่ข้างๆ ว่า "เป็นเรื่องถูกต้องตามกฏหมายแล้วหรือที่ท่านเฆี่ยนตีคนที่เป็นชาวโรมันและยังไม่ได้ประกาศว่าทำผิด?"
|
|
\v 26 เมื่อนายร้อยได้ยินดังนั้น เขาได้ไปหานายพันและบอกเขาว่า "ท่านจะทำอย่างไร? เนื่องจากชายผู้นี้เป็นคนสัญชาติโรม"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 27 นายพันจึงมาและพูดกับเขาว่า "จงบอกเราว่าท่านเป็นคนสัญชาติโรมหรือ?" เปาโลกล่าวว่า "ใช่"
|
|
\v 28 นายพันตอบว่า "จะต้องใช้เงินจำนวนมากทีเดียวที่เราจะได้รับสัญชาติ" แต่เปาโลกล่าวว่า "ข้าพเจ้าเป็นคนสัญชาติโรมแต่กำเนิด"
|
|
\v 29 จากนั้นคนทั้งหลายที่กำลังไต่สวนเขาก็ได้ละเขาไปทันที นายพันเองก็กลัว เมื่อเขารู้ว่าเปาโลเป็นคนสัญชาติโรม เพราะเขาได้มัดท่านไว้
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 30 ในวันรุ่งขึ้น นายพันต้องการทราบความจริงเกี่ยวกับข้อกล่าวหาของชาวยิวกับเปาโล เขาจึงถอดเครื่องจองจำของเปาโลออกและสั่งให้พวกหัวหน้าปุโรหิตและบรรดาสมาชิกสภามาประชุมกัน จากนั้นเขาพาเปาโลลงมาและให้เปาโลอยู่ท่ามกลางพวกเขา
|
|
\s5
|
|
\c 23
|
|
\p
|
|
\v 1 เปาโลเพ่งมองไปที่สมาชิกสภาและกล่าวว่า "พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้ามีชีวิตอยู่ต่อพระพักตร์พระเจ้าด้วยจิตสำนึกอันดีทุกอย่างจนถึงทุกวันนี้"
|
|
\v 2 มหาปุโรหิตอานาเนียสั่งให้ผู้ที่ยืนอยู่ข้างๆ ตบปากเปาโล
|
|
\v 3 แล้วเปาโลได้กล่าวแก่เขาว่า "พระเจ้าจะทรงตีท่าน ท่านเป็นผนังฉาบด้วยปูนขาว ท่านกำลังนั่งพิพากษาข้าพเจ้าตามบทบัญญัติ ทั้งยังสั่งให้ตบข้าพเจ้าซึ่งเป็นการต่อต้านบทบัญญัติหรือ?"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 4 คนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ กล่าวว่า "นี่เจ้ากล้าดูหมิ่นมหาปุโรหิตของพระเจ้าหรือ?"
|
|
\v 5 เปาโลกล่าวว่า "พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าไม่ทราบว่าเขาเป็นมหาปุโรหิต เพราะมีเขียนไว้ว่า อย่าพูดชั่วร้ายต่อผู้ปกครองของเจ้า"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 6 เมื่อเปาโลเห็นว่าส่วนหนึ่งของสภาเป็นพวกสะดูสีและพวกฟาริสีอื่นๆ เขาจึงพูดเสียงดังในสภาว่า "พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าเป็นฟาริสี เป็นบุตรชายของพวกฟาริสี ที่ข้าพเจ้าถูกพิจารณานี้ก็เพราะเรื่องความหวังในการฟื้นคืนชีพจากความตายอย่างมั่นใจ"
|
|
\v 7 เมื่อเขากล่าวเช่นนี้ ก็เกิดการโต้เถียงระหว่างพวกฟาริสีและพวกสะดูสี และฝูงชนก็แตกแยก
|
|
\v 8 เนื่องจากพวกสะดูสีกล่าวว่าไม่มีการฟื้นคืนชีพ ไม่มีทูตสวรรค์ และไม่มีวิญญาณ แต่พวกฟาริสีถือว่ามีทั้งหมด
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 9 ดังนั้นจึงเกิดความโกลาหลขึ้นอย่างมากมาย และพวกอาลักษณ์บางส่วนที่อยู่ในฝ่ายพวกฟาริสีได้ยืนขึ้นและถกเถียงกันว่า "เราพบว่าชายผู้นี้ไม่มีความผิดอะไร ถ้าวิญญาณหรือทูตสวรรค์จะพูดกับเขาจะเป็นอะไรไป?"
|
|
\v 10 เมื่อการโต้เถียงเริ่มรุนแรงขึ้น นายพันกลัวว่าเปาโลจะถูกพวกเขาฉีกเป็นชิ้นๆ เขาจึงสั่งให้ทหารลงไปและพาเขาออกจากหมู่สมาชิกสภาและนำเขาเข้าไปในป้อมปราการ
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 11 ในคืนต่อมา องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงยืนอยู่ข้างเขาและตรัสว่า "อย่ากลัวเลยเพราะเจ้าเป็นพยานฝ่ายเราในกรุงเยรูซาเล็ม ดังนั้นเจ้าต้องเป็นพยานในกรุงโรมด้วย"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 12 ในเวลารุ่งเช้า มีพวกยิวบางคนได้ทำการตกลงและเรียกร้องให้แช่งสาปตนเอง พวกเขากล่าวว่าพวกเขาจะไม่กินหรือดื่มอะไรจนกว่าพวกเขาจะฆ่าเปาโล
|
|
\v 13 ผู้ที่วางแผนการนี้มีมากกว่าสี่สิบคน
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 14 พวกเขาเดินไปหาพวกหัวหน้าปุโรหิตและพวกผู้ใหญ่และกล่าวว่า "เราได้มอบตัวเองอยู่ภายใต้คำสาปแช่งที่จะไม่กินอะไรจนกว่าจะได้ฆ่าเปาโล
|
|
\v 15 ดังนั้น จงให้สภาบอกนายพันที่จะนำเขาลงไปให้แก่ท่าน เพื่อท่านจะตัดสินคดีของเขาได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น สำหรับเรา เราพร้อมที่จะฆ่าเขาก่อนที่เขาจะมาที่นี่"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 16 แต่บุตรชายของน้องสาวเปาโลได้ยินว่าพวกเขากำลังจัดฉากรออยู่ ดังนั้นเขาจึงได้ไปและเข้าไปในป้อมปราการและบอกเปาโล
|
|
\v 17 เปาโลเรียกนายร้อยคนหนึ่งและกล่าวว่า "พาชายหนุ่มคนนี้ไปหานายพัน เพราะเขามีบางอย่างที่จะบอกแก่ท่าน"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 18 ดังนั้นนายร้อยจึงรับคนหนุ่มและนำเขาไปหานายพันและกล่าวว่า "เปาโลซึ่งเป็นนักโทษได้เรียกข้าพเจ้าไปหาเขา และขอให้ข้าพเจ้านำชายหนุ่มคนนี้มาหาท่าน เขามีบางสิ่งที่จะบอกแก่ท่าน"
|
|
\v 19 นายพันจึงจับมือชายหนุ่มไปยังสถานที่ส่วนตัวและถามเขาว่า "ท่านจะบอกอะไรแก่เรา?"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 20 ชายหนุ่มกล่าวว่า "พวกยิวได้ตกลงที่จะขอให้ท่านนำเปาโลลงไปยังสภาในวันพรุ่งนี้ราวกับว่าพวกเขาจะสอบคดีของเขาให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
|
|
\v 21 แต่ท่านอย่าให้พวกเขา เพราะมีชายมากกว่าสี่สิบคน ที่กำลังจัดฉากรอเขาอยู่ พวกเขาถูกเรียกร้องให้สาปแช่งตนเองว่าจะไม่กินหรือดื่มจนกว่าพวกเขาจะได้ฆ่าเขา แม้ตอนนี้พวกเขาเตรียมพร้อม รอการยินยอมจากท่าน"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 22 ดังนั้นนายพันจึงให้ชายหนุ่มนั้นไป หลังจากแนะนำเขาว่า "อย่าบอกใครว่าเจ้าได้บอกเรื่องนี้แก่เรา"
|
|
\v 23 จากนั้นเขาได้เรียกนายร้อยสองคนมาและกล่าวว่า "ให้จัดกองทหารสองร้อยคน ทหารม้าเจ็ดสิบคน และทหารหอกสองร้อยคนเตรียมพร้อมที่จะเดินทางไกลไปยังเมืองซีซาริยา ท่านจะออกในเวลาสามทุ่มของคืนนี้"
|
|
\v 24 เขายังสั่งให้พวกเขาจัดเตรียมสัตว์ให้เปาโลขี่ และพาเขาไปหาเฟลิกซ์ผู้ว่าราชการเมืองอย่างปลอดภัย
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 25 จากนั้นเขาได้เขียนจดหมายดังนี้ว่า
|
|
\v 26 "คลาวดิอัสลีเซียส เรียนท่านเฟลิกส์ผู้ว่าราชการเมืองที่ยอดเยี่ยมที่สุด
|
|
\v 27 ชายผู้นี้ถูกจับโดยชาวยิวและกำลังจะถูกพวกเขาฆ่าตาย ข้าพเจ้ามาหาพวกเขาพร้อมกับกองทหารและช่วยเขาไว้ เนื่องจากข้าพเจ้ารู้ว่าเขาเป็นคนสัญชาติโรม
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 28 ข้าพเจ้าอยากจะรู้ว่าเหตุใดพวกเขาจึงกล่าวหาเขา ดังนั้นข้าพเจ้าจึงนำเขาลงไปยังสภาของพวกเขา
|
|
\v 29 ข้าพเจ้าได้ทราบว่าเขากำลังถูกกล่าวหาเกี่ยวกับกฎหมายของพวกเขา แต่ไม่มีข้อกล่าวหาใดที่เขาสมควรตายหรือจำคุก จากนั้น ข้าพเจ้าได้ทราบว่ามีการวางแผนต่อชายคนนี้
|
|
\v 30 ดังนั้นข้าพเจ้าจึงส่งเขามาหาท่านในทันที และสั่งให้โจท์ของเขานำคำฟ้องที่มีต่อเขามาแสดงต่อหน้าท่าน"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 31 ดังนั้นเหล่าทหารได้เชื่อฟังคำสั่งของพวกเขา พวกเขารับตัวเปาโลและพาเขาไปยังเมืองอันทิปาตรีส์ในเวลากลางคืน
|
|
\v 32 ในวันต่อมา ทหารส่วนใหญ่ได้ละพวกทหารม้าให้ไปกับเปาโล และพวกเขาเองได้กลับไปยังป้อมปราการ
|
|
\v 33 เมื่อทหารม้ามาถึงเมืองซีซารียาและส่งจดหมายให้แก่ผู้ว่าราชการเมือง พวกเขาได้มอบเปาโลให้แก่เขาด้วย
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 34 เมื่อผู้ว่าราชการได้อ่านจดหมาย เขาถามว่าเปาโลมาจากแคว้นไหน เมื่อเขารู้ว่าเปาโลมาจากซีลีเซีย
|
|
\v 35 เขากล่าวว่า "เราจะฟังเจ้าอย่างเต็มที่เมื่อโจทย์ของเจ้ามาที่นี่" จากนั้นเขาสั่งให้คุมเปาโลไว้ในพระราชวังของเฮโรด
|
|
\s5
|
|
\c 24
|
|
\p
|
|
\v 1 หลังจากห้าวัน อานาเนียมหาปุโรหิต พวกผู้ใหญ่ และนักพูดทีมีชื่อว่าเทอร์ทูลลัสได้ไปที่นั่น คนเหล่านี้นำคำฟ้องเปาโลไปให้ผู้ว่าราชการ
|
|
\v 2 เมื่อเปาโลยืนอยู่ต่อหน้าผู้ว่าราชการ เทอร์ทูลลัสได้เริ่มฟ้องเขาและพูดกับผู้ว่าราชการว่า "ท่านเฟลิกส์เจ้าข้า เพราะท่าน พวกเราจึงมีความสงบสุขยิ่งนัก และการมองการณ์ไกลของท่านนำการปฏิรูปที่ดีมายังประเทศของพวกเรา
|
|
\v 3 ดังนั้นพวกเราจึงยินดีรับทุกอย่างที่ท่านได้ทำด้วยการขอบคุณ
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 4 เพื่อที่ข้าพเจ้าจะไม่เหนี่ยวรั้งท่านเกินไป ข้าพเจ้าขอให้ท่านใช้เวลาสั้นๆ ฟังข้าพเจ้าด้วยความเมตตา
|
|
\v 5 เนื่องจากพวกเราได้พบว่าชายคนนี้จะเป็นคนยุยงทำให้เกิดการกบฏและเป็นสาเหตุที่ทำให้ชาวยิวทุกคนทั่วพิภพวุ่นวาย เขาเป็นผู้นำของนิกายนาซาเร็ธ
|
|
\v 6 เขายังพยายามที่จะทำลายพระวิหาร ดังนั้นพวกเราจึงจับกุมเขาไว้
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 7 แต่ลิเซียสผู้บัญชาการใช้อำนาจมาแย่งตัวเขาไปจากมือของพวกเรา
|
|
\v 8 เมื่อท่านถามเปาโลเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ ท่านจะทราบว่าเรากล่าวหาเขาด้วยเรื่องอะไร"
|
|
\v 9 พวกชาวยิวก็ร่วมกันกล่าวหาเปาโล และกล่าวว่าสิ่งเหล่านี้เป็นความจริง
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 10 แต่เมื่อผู้ว่าราชการจังหวัดโบกมือให้เปาโลพูด เปาโลตอบว่า "ข้าพเจ้าทราบว่าท่านเป็นผู้พิพากษาแก่ชาตินี้มาหลายปีแล้ว ดังนั้น ข้าพเจ้ายินดีที่จะอธิบายเกี่ยวกับตัวข้าพเจ้าแก่ท่าน
|
|
\v 11 ท่านจะสามารถตรวจสอบได้ว่าตั้งแต่ที่ข้าพเจ้าขึ้นไปนมัสการที่กรุงเยซูาเล็มไม่เกินสิบสองวัน
|
|
\v 12 เมื่อพวกเขาพบข้าพเจ้าในพระวิหาร ข้าพเจ้าไม่ได้ทุ่มเถียงกับใคร และไม่ได้ยุยงใครในธรรมศาลาหรือในเมือง
|
|
\v 13 พวกเขาไม่สามารถพิสูจน์ข้อกล่าวหาที่พวกเขาฟ้องร้องข้าพเจ้าแก่ท่านได้ พวกเขาจึงต่อต้านข้าพเจ้าในเวลานี้
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 14 แต่ข้าพเจ้ายอมรับสิ่งนี้ต่อท่านว่า ตามทางที่พวกเขาเรียกว่านิกายนั้น ในทางเดียวกันข้าพเจ้ารับใช้พระเจ้าของบรรพบุรุษของพวกเรา ข้าพเจ้าสัตย์ซื่อต่อทุกสิ่งที่อยู่ในธรรมบัญญัติและที่ผู้พยากรณ์ได้เขียนไว้
|
|
\v 15 ข้าพเจ้ามีความเชื่อมั่นอย่างเดียวกันในพระเจ้าเช่นเดียวกับที่คนเหล่านี้เฝ้ารอ การฟื้นขึ้นจากความตายของทั้งผู้ชอบธรรมและคนอธรรม
|
|
\v 16 ดังนั้นข้าพเจ้าได้ทำงานด้วยจิตสำนึกโดยปราศจากข้อตำหนิต่อหน้าพระเจ้าและมนุษย์ผ่านทางทุกสิ่ง
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 17 ตอนนี้หลังจากหลายปีผ่านไป ข้าพเจ้านำการช่วยเหลือและของประทานในเรื่องเงินทองมายังชนชาติของข้าพเจ้า
|
|
\v 18 เมื่อข้าพเจ้าทำเช่นนี้ พวกยิวบางคนจากเอเชียได้พบข้าพเจ้าในพิธีชำระตัวให้บริสุทธิ์ที่ในพระวิหาร ไม่ได้อยู่กับฝูงชนหรือความวุ่นวาย
|
|
\v 19 หากคนเหล่านี้มีสิ่งใดพวกเขาควรอยู่ต่อหน้าท่านและกล่าวสิ่งที่พวกเขาต่อต้านข้าพเจ้า
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 20 หรือคนเหล่านี้ควรพูดในสิ่งที่ผิดที่พวกเขาพบในข้าพเจ้า เมื่อข้าพเจ้ายืนอยู่ต่อหน้าสภายิว
|
|
\v 21 เว้นแต่ว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับสิ่งหนึ่งที่ข้าพเจ้าพูดเสียงดังเมื่อข้าพเจ้ายืนอยู่ท่ามกลางพวกเขา 'มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับการฟื้นจากความตายที่ข้าพเจ้าถูกท่านตัดสินในวันนี้'"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 22 เฟลิกซ์ได้ทราบเรื่องราวเกี่ยวกับทางนั้นเป็นอย่างดีแล้ว เขาจึงเลื่อนการพิจารณา เขากล่าวว่า "เมื่อใดก็ตามที่ลีเซียสผู้บัญชาการลงมาจากกรุงเยรูซาเล็ม เราจะตัดสินคดีของท่าน"
|
|
\v 23 จากนั้นเขาได้สั่งนายร้อยคุมตัวเปาโล แต่ให้ผ่อนผันบ้าง และห้ามไม่ให้ใครหยุดเพื่อนของเขาจากการช่วยเหลือหรือเยี่ยมเยียนเขา
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 24 หลังจากนั้นหลายวัน เฟลิกส์ได้กลับมาพร้อมกับดรูสิลลาภรรยาของเขาซึ่งเป็นคนยิว เขาได้เรียกเปาโลและฟังเรื่องราวเกี่ยวกับความเชื่อในพระเยซูคริสต์จากเขา
|
|
\v 25 แต่เมื่อเปาโลให้เหตุผลเกี่ยวกับความชอบธรรม การควบคุมตนเองและการพิพากษาที่จะมา เฟลิกซ์ก็กลัวและกล่าวว่า "ตอนนี้จงออกไปก่อน เมื่อมีโอกาสเราจะเรียกท่าน"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 26 ในขณะเดียวกันเขาหวังว่าเปาโลจะให้เงินแก่เขา ดังนั้นเขาจึงเรียกเปาโลและพูดคุยกับเขาบ่อยครั้ง
|
|
\v 27 แต่เมื่อสองปีผ่านไป ปอรสิอัสเฟสทัสมาเป็นผู้ว่าราชการต่อจากเฟลิกซ์ แต่เฟลิกซ์ต้องการการสนับสนุนกับชาวยิว ดังนั้นเขาจึงละเปาโลให้อยู่ภายใต้การควบคุมต่อไป
|
|
\s5
|
|
\c 25
|
|
\p
|
|
\v 1 ตอนนี้เฟสตัสเข้ามาในเมือง และหลังจากนั้นสามวันเขาได้ออกจากเมืองซีซารียาขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม
|
|
\v 2 มหาปุโรหิตและชาวยิวที่มีชื่อเสียงได้นำข้อกล่าวหาเปาโลให้แก่เฟสตัส และพวกเขาพูดกับเฟสตัสอย่างรุนแรง
|
|
\v 3 และพวกเขาขอความกรุณาเฟสตัสเกี่ยวเนื่องกับเปาโลว่าให้เขาเรียกเปาโลไปยังกรุงเยรูซาเล็มเพื่อที่พวกเขาจะสามารถฆ่าเปาโลระหว่างทาง
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 4 เฟสตัสตอบว่าเปาโลเป็นนักโทษในเมืองซีซาริยา และเขาเองจะกลับไปที่นั่นในเร็วๆ นี้
|
|
\v 5 เขากล่าวว่า "ถ้าชายผู้นี้มีความผิดอย่างหนึ่งอย่างใด ดังนั้นก็ให้ผู้ที่สามารถไปกับเราไปฟ้องร้องเขาที่นั่นเถิด"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 6 เฟสตัสพักอยู่แปดหรือสิบวันเขาก็ลงไปยังซีซาริยา และในวันต่อมาเขานั่งอยู่บนบัลลังก์พิพากษาและสั่งให้นำเปาโลมาให้เขา
|
|
\v 7 เมื่อเขามาถึง ชาวยิวจากกรุงเยรูซาเล็มได้ยืนอยู่ใกล้ๆ และพวกเขานำข้อกล่าวหาร้ายแรงหลายอย่างที่พวกเขาไม่สามารถพิสูจน์ได้
|
|
\v 8 เปาโลปกป้องตนเองและกล่าวว่า "ข้าพเจ้าไม่ได้ทำสิ่งใดที่ต่อต้านกฎหมายของชาวยิวหรือต่อต้านพระวิหารหรือต่อต้านซีซาร์"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 9 แต่เฟสตัสต้องการที่จะได้รับการสนับสนุนของชาวยิว ดังนั้นเขาจึงตอบเปาโลและกล่าวว่า "เจ้าต้องการขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็มและให้เราตัดสินเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ที่นั่นหรือ?"
|
|
\v 10 เปาโลกล่าวว่า "ข้าพเจ้ายืนอยู่หน้าบัลลังก์พิพากษาของซีซาร์ที่ข้าพเจ้าต้องได้รับการตัดสิน ข้าพเจ้าไม่ได้ทำสิ่งใดผิดต่อชาวยิว ท่านก็ทราบดีอยู่แล้ว
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 11 หากแม้นข้าพเจ้าทำผิดและถ้าข้าพเจ้ากระทำสิ่งที่สมควรตาย ข้าพเจ้าก็ไม่ปฏิเสธที่จะตาย แต่ถ้าข้อกล่าวหาของพวกเขาไม่ได้มีอะไร ไม่มีใครอาจส่งมอบข้าพเจ้าไปให้พวกเขาได้ ข้าพเจ้าจะอุทธรณ์ถึงซีซาร์"
|
|
\v 12 หลังจากที่เฟสตัสได้พูดคุยกับสภาแล้ว เขาตอบว่า "เจ้าอุทธรณ์ต่อซีซาร์ ก็จะต้องไปหาซีซาร์"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 13 หลังผ่านไปหลายวัน กษัตริยอากริปปากับพระนางเบอร์นิสก็เสด็จมาซีซาริยาเพื่อเยี่ยมเยีอนเฟสตัสอย่างเป็นทางการ
|
|
\v 14 หลังจากที่เขาอยู่ที่นั่นหลายวัน เฟสตัสได้เสนอคดีของเปาโลแก่กษัตริย์ เขากล่าวว่า "มีชายคนหนึ่งซึ่งเฟลิกซ์ได้ขังเป็นนักโทษทิ้งไว้ที่นี่
|
|
\v 15 เมื่อข้าพเจ้าอยู่ในกรุงเยรูซาเล็มพวกปุโรหิตใหญ่และพวกผู้ใหญ่ของชาวยิวนำคำฟ้องกล่าวโทษชายผู้นี้ต่อข้าพเจ้า และพวกเขาขอให้ข้าพเจ้าลงโทษเขา
|
|
\v 16 ข้าพเจ้าได้ตอบพวกขา เรื่องนี้ว่าไม่ใช่ธรรมเนียมที่ชาวโรมจะให้ชายนี้ตายตามการสนับนุน แต่ให้ชายที่ถูกกล่าวหาควรมีโอกาสที่จะเผชิญกับโจทย์ของเขาและเพื่อแก้ข้อกล่าวหานั้น
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 17 ดังนั้นเมื่อพวกเขามารวมตัวกันที่นี่ ข้าพเจ้าไม่ได้รอช้า แต่วันต่อมาข้าพเจ้าได้นั่งอยู่บนบัลลังก์พิพากษาและสั่งให้นำชายนั้นเข้ามา
|
|
\v 18 เมื่อโจทย์ยืนขึ้นและกล่าวหาเขา ข้าพเจ้าคิดว่าไม่มีข้อกล่าวหาใดที่พวกเขานำมากล่าวหาเขาเป็นเรื่องร้ายแรง
|
|
\v 19 แต่พวกเขากลับนำเสนอข้อพิพาทเกี่ยวกับศาสนาของตัวเองและเกี่ยวกับพระเยซูที่ตายไปแล้วซึ่งเปาโลอ้างว่ายังมีชีวิตอยู่
|
|
\v 20 ข้าพเจ้าสับสนว่าจะตรวจสอบเรื่องนี้อย่างไร และข้าพเจ้าถามเขาว่าเขาต้องการจะไปยังกรุงเยรูซาเล็มเพื่อตัดสินคดีเหล่านี้ที่นั่นหรือไม่
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 21 แต่เมื่อเปาโลเรียกร้องให้อยู่ภายใต้การควบคุมตัวเพื่อการตัดสินใจของจักรพรรดิ ข้าพเจ้าได้สั่งให้เขาอยู่ภายใต้การควบคุมตัวจนกว่าข้าพเจ้าจะส่งเขาไปหาซีซาร์"
|
|
\v 22 อากริปปาจึงกล่าวแก่ฟีตัสว่า "ข้าพเจ้าอยากฟังชายคนนี้ด้วย" ฟีตัสกล่าวว่า "พรุ่งนี้ ท่านจะได้ฟังเขา"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 23 ดังนั้นในวันต่อมา อากริปปาและเยอร์นิสเสด็จมาพร้อมกับพิธีมากมาย พวกเขาเข้ามาในห้องโถงกับเจ้าหน้าที่ทหารและกับคนที่มีชื่อเสียงของเมือง เมื่อฟีตัสออกคำสั่ง เปาโลจึงถูกนำมายังพวกเขา
|
|
\v 24 ฟีตัสกล่าวว่า "กษัตริย์อากริปปาและท่านทุกคนที่อยู่ที่นี่กับเรา ท่านเห็นผู้ชายคนนี้ ที่คนยิวทั้งหลายพากันมาปรึกษากับข้าพเจ้าในเยรูซาเล็มและที่นี่ และพวกเขาตะโกนให้ข้าพเจ้าว่าเขาไม่ควรมีชีวิตอยู่อีกต่อไป
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 25 ข้าพเจ้าทราบมาว่าเขาไม่ได้ทำผิดอะไรที่สมควรแก่ความตาย แต่เป็นเพราะเขาได้อุทธรณ์ต่อจักรพรรดิ์ ข้าพเจ้าจึงตัดสินใจที่จะส่งเขาไป
|
|
\v 26 แต่ข้าพเจ้าไม่มีสิ่งใดที่จะเขียนระบุให้ชัดเจนถึงจักรพรรดิ ด้วยเหตุนี้ข้าพเจ้าจึงได้นำเขามาให้แก่ท่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านกษัตริย์อากริปปา เพื่อที่ว่าข้าพเจ้าอาจจะมีอะไรบางอย่างที่จะเขียนเกี่ยวกับคดี
|
|
\v 27 เพราะดูเหมือนว่าไม่มีเหตุผลสำหรับข้าพเจ้าที่จะส่งนักโทษและไม่ได้ระบุข้อกล่าวหาเขา"
|
|
\s5
|
|
\c 26
|
|
\p
|
|
\v 1 ดังนั้นอากริปปาจึงกล่าวแก่เปาโลว่า "เจ้าจงพูดแทนตัวเจ้าเอง" แล้วเปาโลจึงยื่นมือออกและให้การปกป้องตนเอง
|
|
\v 2 "ท่านกษัตริย์อากริปปา ข้าพระองค์มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้แก้คดีต่อหน้าพระองค์กับข้อกล่าวหาทั้งหมดของพวกยิว
|
|
\v 3 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เพราะพระองค์เป็นผู้เชี่ยวชาญในประเพณีและปัญหาทุกอย่างของชาวยิว ดังนั้นข้าพระองค์จึงขอให้พระองค์โปรดอดทนฟังข้าพระองค์
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 4 แท้จริงแล้ว พวกยิวทั้งปวงต่างทราบว่าข้าพระองค์ดำเนินชีวิตอย่างไรตั้งแต่วัยหนุ่มในประเทศของตัวเองและที่กรุงเยรูซาเล็ม
|
|
\v 5 พวกเขารู้จักข้าพระองค์ตั้งแต่เริ่มต้นและพวกเขาควรจะยอมรับว่าข้าพระองค์อยู่ในฐานะเป็นพวกฟาริสีที่เข้มงวดในการนับถือศาสนาของเรา
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 6 บัดนี้ ข้าพระองค์ยืนอยู่ที่นี่เพื่อรับการตัดสินเพราะข้าพระองค์มองหาพระสัญญาที่พระเจ้าได้ทรงกระทำกับบรรพบุรุษของพวกเรา
|
|
\v 7 นี่เป็นพระสัญญาสิบสองเผ่าของพวกเราที่หวังว่าจะได้เมื่อพวกเขานมัสการพระเจ้าอย่างจริงจังตลอดทั้งวันและคืน ด้วยความหวังนี้เอง กษัตริย์อากริปปาเจ้าข้า ที่พวกยิวฟ้องข้าพระองค์
|
|
\v 8 เหตุใดพวกท่านจึงคิดว่ามันเป็นเรื่องเหลือเชื่อที่พระเจ้าจะทรงทำให้คนตายฟื้นคืนชีพ?
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 9 ครั้งหนึ่ง ข้าพระองค์คิดกับตัวเองว่าข้าพระองค์ควรจะทำหลายสิ่งหลายอย่างที่ต่อต้านพระนามของพระเยซูชาวนาซาเร็ธ
|
|
\v 10 ข้าพระองค์ได้กระทำสิ่งเหล่านี้ที่ในกรุงเยรูซาเล็ม ข้าพระองค์ได้จับผู้เชื่อจำนวนมากคุมขังด้วยสิทธิอำนาจที่ข้าพระองค์ได้รับจากพวกหัวหน้าปุโรหิตและเมื่อพวกเขาถูกฆ่าตาย ข้าพระองค์ได้ออกเสียงต่อต้านพวกเขา
|
|
\v 11 ข้าพระองค์ลงโทษพวกเขาอยู่หลายต่อหลายครั้งในทุกธรรมศาลาและข้าพระองค์พยายามที่จะบังคับให้พวกเขาหมิ่นประมาท ข้าพระองค์โกรธพวกเขาอย่างเกรี้ยวกราดและข้าพระองค์ได้ข่มเหงพวกเขาแม้แต่ต่างมือง
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 12 ขณะที่ข้าพระองค์กำลังทำเช่นนี้ ข้าพระองค์ได้ไปยังเมืองดามัสกัสด้วยสิทธิอำนาจและคำสั่งจากพวกหัวหน้าปุโรหิต
|
|
\v 13 และเส้นทางที่ไปที่นั่น ในทันใดนั้น กษัตริย์เจ้าข้า ข้าพระองค์ได้เห็นแสงสว่างจากสวรรค์ที่สว่างจ้ากว่าดวงอาทิตย์และมันได้ส่องอยู่รอบทั้งตัวข้าพระองค์และคนที่เดินทางไปกับข้าพระองค์
|
|
\v 14 เมื่อเราทุกคนล้มลงกับพื้น ข้าพระองค์ได้ยินเสียงพูดกับข้าพระองค์กล่าวเป็นภาษาฮีบรูว่า 'เซาโล เซาโลเอ๋ย เจ้าข่มเหงเราทำไม? ซึ่งเจ้าถีบประตักก็ยากนัก'
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 15 แล้วข้าพระองค์พูดว่า 'พระองค์เจ้าข้า พระองค์เป็นผู้ใด?' องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสตอบว่า 'เราคือเยซูซึ่งเจ้าข่มเหง
|
|
\v 16 บัดนี้จงลุกขึ้นและยืนอยู่บนเท้าของเจ้า เพราะจุดประสงค์นี้เราได้ปรากฏแก่เจ้าเพื่อแต่งตั้งเจ้าให้เป็นผู้รับใช้และเป็นพยานถึงสิ่งที่เจ้าทราบเกี่ยวกับเราและสิ่งที่เราจะแสดงแก่เจ้าในภายหน้า
|
|
\v 17 และเราจะช่วยเจ้าจากผู้คนและจากคนต่างชาติที่เราส่งมาให้แก่เจ้า
|
|
\v 18 เพื่อเปิดตาของพวกเขาและทำให้พวกเขาหันจากความมืดมาสู่ความสว่าง และจากอำนาจของซาตานมาหาพระเจ้า เพื่อที่ว่าพวกเขาอาจได้รับการอภัยในความบาปจากพระเจ้าและรับมรดกที่เรามอบให้กับคนทั้งหลายที่ถูกแยกไว้แล้วโดยความเชื่อในพวกเรา
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 19 ดังนั้น กษัตริย์อากริปปาเจ้าข้า ข้าพระองค์จึงเชื่อฟังนิมิตจากสวรรค์
|
|
\v 20 แต่ข้าพระองค์ได้ประกาศสั่งสอนว่าพวกเขาควรกลับใจและหันกลับไปหาพระเจ้า และกระทำการดีที่คุ้มค่าต่อการกลับใจ โดยเริ่มต้นกับอยู่ในเมืองดามัสกัสก่อน และต่อจากนั้นในกรุงเยรูซาเล็มและทั่วแคว้นยูเดียและไปยังคนต่างชาติด้วย
|
|
\v 21 ด้วยเหตุนี้ชาวยิวจึงจับข้าพระองค์ในพระวิหารและพยายามที่จะฆ่าข้าพระองค์เสีย
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 22 พระเจ้าได้ช่วยข้าพระองค์จนถึงทุกวันนี้ ดังนั้นข้าพระองค์จึงยืนและเป็นพยานต่อคนทั่วไปและคนที่เป็นใหญ่ ซึ่งไม่มีอะไรมากกว่าเรื่องที่ผู้พยากรณ์และโมเสสได้กล่าวไว้ว่าจะเกิดขึ้น
|
|
\v 23 ว่าพระคริสต์ต้องทนทุกข์ทรมานและพระองค์เป็นคนแรกที่ฟื้นจากความตายและประกาศถึงความสว่างแก่ชาวยิวและคนต่างชาติ"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 24 เมื่อเปาโลเสร็จสิ้นการแก้ต่างของเขาแล้ว เฟสทัสได้กล่าวด้วยเสียงอันดังว่า "เปาโลเอ๋ย เจ้าบ้าไปแล้ว ความรู้อันมากมายของเจ้าทำให้เจ้าบ้าไปแล้ว"
|
|
\v 25 แต่เปาโลกล่าวว่า "ท่านเฟสทัสเจ้าข้า ข้าพระองค์ไม่ได้บ้า แต่ข้าพระองค์พูดความจริงด้วยความกล้าหาญและมีสติ
|
|
\v 26 เพราะเมื่อกษัตริย์ทราบสิ่งต่างๆ ดังนั้นข้าพระองค์จึงพูดกับพระองค์ได้อย่างอิสระเพราะข้าพระองค์เชื่อว่าไม่มีอะไรที่จะถูกซ่อนไว้จากพระองค์ เพราะสิ่งนี้ไม่ได้กระทำในที่ลี้ลับ
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 27 กษัตริย์อากริปปาเจ้าข้า พระองค์เชื่อพวกผู้พยากรณ์หรือไม่? ข้าพระองค์รู้ว่าท่านเชื่อ"
|
|
\v 28 อากริปปาจึงกล่าวแก่เปาโลว่า "เจ้าจะชักชวนเราในระยะเวลาสั้นๆ นี้ให้เราเป็นคริสเตียนหรือ?"
|
|
\v 29 เปาโลกล่าวว่า "ข้าพระองค์อธิษฐานต่อพระเจ้าว่าไม่ว่าจะใช้เวลาสั้นหรือยาว ไม่เพียงแต่พระองค์ที่ได้ยินข้าพระองค์ในวันนี้เท่านั้น แต่กับทุกคนที่ได้ยินที่จะให้เป็นเหมือนอย่างข้าพระองค์ เว้นเสียจากโซ่ตรวนนี้"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 30 แล้วกษัตริย์ก็ลุกขึ้นยืน ทั้งผู้ว่าราชการเมืองและนางเบอร์นิส และผู้ที่กำลังนั่งอยู่กับพวกเขา
|
|
\v 31 เมื่อพวกเขาออกจากห้องโถงแล้ว พวกเขาพูดคุยต่อกัน และกล่าวว่า "ชายคนนี้ไม่ได้ทำอะไรผิดที่สมควรถึงตายหรือถูกจองจำ"
|
|
\v 32 อากริปปาพูดกับเฟสทัสว่า "ชายคนนี้จะได้รับการปลดปล่อยถ้าเขาไม่ได้ยื่นอุทธรณ์ไปยังซีซาร์"
|
|
\s5
|
|
\c 27
|
|
\p
|
|
\v 1 เมื่อตัดสินใจว่าพวกเราควรจะเดินทางไปยังประเทศอิตาลี พวกเขาจึงมอบเปาโลและนักโทษคนอื่นๆ บางคนให้กับนายร้อยคนหนึ่งชื่อยูเลียสซึ่งเป็นนายทหารของออกัสตัส
|
|
\v 2 พวกเราลงเรือจากเมืองอัดรามิททิยุม ซึ่งต้องแล่นเรือเลียบตามแนวชายฝั่งของเอเชีย ดังนั้นพวกเราจึงไปทะเล อาริสทารคัสชาวมาซิโดเนียจากเมืองเธสะโลนิกาก็ไปกับพวกเราด้วย
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 3 วันต่อมา พวกเราได้ลงจอดที่เมืองไซดอน ที่ซึ่งยูเลียสได้ปฏิบัติต่อเปาโลด้วยความเมตตาและอนุญาตให้เขาไปหาเพื่อนๆ ของเขาเพื่อรับการดูแล
|
|
\v 4 จากที่นั่น พวกเราได้ไปยังทะเลและแล่นเรือรอบเกาะไซปรัสซึ่งเป็นที่กำบังลมเพราะลมต้านเราอยู่
|
|
\v 5 เมื่อพวกเราแล่นข้ามทะเลที่อยู่ใกล้เมืองซิซีลีและแคว้นปัมฟีเลีย พวกเราก็มาถึงเมืองมิราแคว้นลีเซีย
|
|
\v 6 ที่นั่นนายร้อยได้พบเรือลำหนึ่งมาจากเมืองอเล็กซานเดรียที่กำลังแล่นไปยังประเทศอิตาลี เขาจึงให้พวกเราลงเรือลำนั้น
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 7 เมื่อพวกเราได้แล่นเรือช้าๆ อยู่หลายวัน และในที่สุดก็มาถึงเมืองเคนีดัสอย่างยากลำบาก ลมได้ต้านพวกเราไม่ให้ไปทางนั้น ดังนั้นพวกเราจึงแล่นเลียบชายฝั่งด้านที่กำบังของเกาะครีตที่อยู่ข้ามกับเมืองสัลโมเน
|
|
\v 8 พวกเราได้เล่นเรือรอบชายฝั่งด้วยความยากลำบากจนกระทั่งพวกเรามาถึงสถานที่แห่งหนึ่งที่เรียกว่าท่างาม ซึ่งอยู่ใกล้กับเมืองลาเซีย
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 9 ตอนนี้พวกเราได้เสียเวลาไปมาก เวลาแห่งการถืออดของชาวยิวก็ผ่านไป และตอนนี้การแล่นเรือก็เริ่มอันตราย ดังนั้นเปาโลจึงเตือนพวกเขา
|
|
\v 10 และกล่าวว่า "ท่านทั้งหลาย ข้าพเจ้าเห็นว่าการเดินทางของพวกเรานั้นจะเป็นอันตรายและเสียหายมาก ไม่เพียงสินค้าและเรือเท่านั้น แต่รวมถึงชีวิตของพวกเราด้วย"
|
|
\v 11 แต่นายร้อยให้ความสนใจกับเจ้านายและเจ้าของเรือมากกว่าสิ่งที่เปาโลพูด
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 12 เพราะท่าเรือก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะจอดในช่วงฤดูหนาว ชาวเรือส่วนใหญ่จึงแนะนำให้ล่องเรือจากที่นั่น ให้พวกเราสามารถไปถึงเมืองฟินิกซ์ด้วยวิธีการใดก็ได้ เพื่อที่พวกเราจะได้ใช้เวลาในช่วงฤดูหนาวที่นั่น เมืองฟินิกซ์เป็นท่าเรือในเกาะครีต หันหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือกับทิศตะวันออกเฉียงใต้
|
|
\v 13 เมื่อลมทิศใต้เริ่มที่จะพัดเบาๆ ลูกเรือคิดว่าพวกเขามีสิ่งที่พวกเขาต้องการแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงถอนสมอและแล่นไปตามเกาะครีตใกล้กับชายฝั่ง
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 14 แต่หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีลมปั่นป่วนที่เรียกว่าลมตะวันออกเฉียงเหนือ เริ่มตีพวกเราจากทั่วเกาะ
|
|
\v 15 เมื่อเรือถูกจับหันหัวและไม่สามารถต้านลมได้ พวกเราจึงปล่อยให้แล่นตามมันไป
|
|
\v 16 พวกเราได้แล่นไปทางด้านที่กำบังของเกาะเล็กๆ ที่เรียกว่าคลาวดา และพวกเราก็สามารถรักษาเรือชูชีพได้ด้วยความยากลำบาก
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 17 เมื่อพวกเขาได้ยกมันขึ้นแล้ว พวกเขาใช้เชือกในการผูกเรือไว้ พวกเขากลัวว่าเรือจะเกยบนสันดอนทรายของไซติส ดังนั้นพวกเขาจึงทอดสมอลงสู่ทะเลและแล่นเรือออกไป
|
|
\v 18 พวกเราถูกโจมตีด้วยพายุอย่างหนัก ดังนั้นในวันรุ่งขึ้นลูกเรือเริ่มที่จะโยนสิ่งของบรรทุกทิ้งลงน้ำ
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 19 ในวันที่สาม ลูกเรือได้โยนสินค้าบรรทุกลงน้ำด้วยมือของพวกเขาเอง
|
|
\v 20 เมื่อดวงอาทิตย์และดวงดาวไม่ได้ส่องแสงให้กับพวกเราหลายวันและพายุใหญ่ยังคงโจมตีเรา ความหวังที่พวกเราจะรอดก็หายไป
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 21 เมื่อพวกเขาอดอาหารอยู่หลายวัน เปาโลได้ยืนขึ้นท่ามกลางหมู่ชาวเรือและกล่าวว่า "ท่านทั้งหลาย ท่านควรฟังข้าพเจ้า และไม่ควรแล่นเรือจากเกาะครีต จนต้องได้รับบาดเจ็บและสูญเสียในครั้งนี้
|
|
\v 22 ตอนนี้ ข้าพเจ้าขอหนุนใจพวกท่านให้มีความกล้าหาญเพื่อว่าพวกท่านจะไม่ต้องสูญเสียชีวิต แต่เพียงแต่สูญเสียเรือเท่านั้น
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 23 เนื่องจากคืนที่ผ่านมามีทูตสวรรค์ของพระเจ้าผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้าผู้ที่ข้าพเจ้านมัสการ ทูตสวรรค์ของพระองค์ได้ยืนอยู่ข้างข้าพเจ้า
|
|
\v 24 และกล่าวว่า 'เปาโลเอ๋ย อย่ากลัวเลย ท่านต้องยืนต่อหน้าซีซาร์และดูเถิด พระเจ้าจะทรงประทานความเมตตาแก่ทุกคนที่ล่องเรือกับท่าน'
|
|
\v 25 ดังนั้นท่านทั้งหลาย จงกล้าหาญเถิดเพราะข้าพเจ้าวางใจในพระเจ้า ว่ามันจะเกิดขึ้นอย่างที่ได้บอกแก่ข้าพเจ้า
|
|
\v 26 แต่พวกเราต้องเกยอยู่บนเกาะ"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 27 เมื่อถึงคืนที่สิบสี่ ขณะที่เรากำลังแล่นเรือด้วยวิธีนี้ และในราวเที่ยงคืนที่ทะเลอาเดรียติก ลูกเรือคิดว่าพวกเขากำลังเข้าใกล้แผ่นดินบ้างแล้ว
|
|
\v 28 พวกเขาหยั่งน้ำและพบว่าลึกหนึ่งร้อยยี่สิบฟุต หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาก็หยั่งอีกและพบว่าลึกเก้าสิบฟุต
|
|
\v 29 พวกเขากลัวว่าเราอาจจะชนเข้ากับโขดหิน ดังนั้นพวกเขาจึงทอดสมอสี่ตัวจากท้ายเรือและอธิษฐานให้ถึงตอนเช้าเร็วๆ
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 30 ลูกเรือมองหาวิธีที่จะละทิ้งเรือและได้ลดเรือชูชีพลงไปในทะเลและแกล้งทำเป็นว่าพวกเขาจะโยนสมอจากหัวเรือ
|
|
\v 31 แต่เปาโลกล่าวแก่นายร้อยและพวกทหารว่า "ถ้าคนเหล่านี้ไม่อยู่ในเรือ ท่านไม่สามารถรอดได้"
|
|
\v 32 แล้วทหารจึงตัดเชือกของเรือออกและปล่อยให้มันลอยไป
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 33 เมื่อถึงเวลากลางวัน เปาโลได้วิงวอนพวกเขาให้ทานอาหาร เขากล่าวว่า "วันนี้เป็นวันที่สิบสี่ที่ท่านทั้งหลายรอและไม่ได้กินอาหาร พวกท่านไม่ได้กินอะไรเลย
|
|
\v 34 ดังนั้นข้าพเจ้าขอร้องให้ท่านกินอาหารบ้างเพื่อความอยู่รอดของท่าน และเส้นผมของท่านจะไม่เสียไปเลยสักเส้น"
|
|
\v 35 เมื่อเขาได้กล่าวเช่นนี้แล้ว เขาก็หยิบขนมปังและขอบพระคุณพระเจ้าต่อหน้าทุกคน จากนั้นเขาได้หักขนมปังและเริ่มรับประทาน
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 36 จากนั้นพวกเขาทุกคนได้รับการหนุนใจ และพวกเขาก็รับประทานอาหาร
|
|
\v 37 เราทั้งหลายที่อยู่ในเรือนั้นมี 276 คน
|
|
\v 38 เมื่อพวกเขารับประทานอิ่มแล้ว พวกเขาก็ทำเรือให้มีน้ำหนักเบาขึ้นโดยการโยนข้าวสาลีลงไปในทะเล
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 39 เมื่อเวลาล่วงไป พวกเขาไม่รู้ว่าเป็นแผ่นดินอะไร แต่พวกเขาเห็นอ่าวติดกับชายหาด พวกเขาจึงปรึกษากันว่าพวกเขาจะสามารถขับเรือไปยังที่นั่นได้หรือไม่
|
|
\v 40 ดังนั้นพวกเขาจึงตัดสายสมอทิ้งไปในทะเล ในเวลาเดียวกัน พวกเขาแก้เชือกที่มัดหางเสือและยกใบเรือขึ้นบนเสากระโดงเพื่อรับลม ดังนั้นพวกเขาจึงมุ่งหน้าไปยังชายหาด
|
|
\v 41 แต่เมื่อพวกเขามาถึงสถานที่ที่กระแสน้ำสองด้านบรรจบกัน และเรือก็เกยดิน หัวเรือก็ติดอยู่ที่นั่นและไม่สามารถขยับได้ แต่ท้ายเรือเริ่มที่จะแตกออกเพราะความรุนแรงของคลื่น
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 42 ทหารวางแผนการที่จะฆ่านักโทษเพื่อที่จะไม่ให้มีใครสามารถว่ายน้ำออกไปและหลบหนี
|
|
\v 43 แต่นายร้อยต้องการที่จะช่วยเปาโลให้รอดตาย เขาจึงหยุดแผนการของพวกเขา และสั่งให้ผู้ที่สามารถว่ายน้ำที่จะกระโดดลงน้ำไปก่อนและเข้าไปหาฝั่ง
|
|
\v 44 จากนั้นผู้ที่เหลือก็ได้ทำตาม บ้างก็เกาะบนแผ่นกระดาน บ้างก็เกาะบนสิ่งต่างๆ จากเรือ ด้วยเหตุนี้ พวกเราทุกคนจึงเข้าฝั่งได้อย่างปลอดภัย
|
|
\s5
|
|
\c 28
|
|
\p
|
|
\v 1 เมื่อพวกเราถูกนำมาอย่างปลอดภัยแล้ว พวกเราก็รู้ว่าเกาะนั้นชื่อมอลตา
|
|
\v 2 คนพื้นเมืองไม่เพียงให้ความเมตตาแก่พวกเราเท่านั้น แต่พวกเขายังก่อกองไฟ และให้การต้อนรับพวกเราทุกคนเพราะฝนตกอย่างต่อเนื่องและหนาวเย็น
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 3 แต่เมื่อเปาโลได้รวบรวมกิ่งไม้และวางไว้บนกองไฟ มีงูตัวหนึ่งออกมาเพราะความร้อนและรัดบนมือของเขา
|
|
\v 4 เมื่อคนพื้นเมืองเห็นสัตว์ห้อยลงมาจากมือของเขา พวกเขากล่าวต่อกันว่า "ชายคนนี้เป็นฆาตกรแน่นอน แม้รอดจากทะเล ความยุติธรรมก็ยังไม่อนุญาตให้เขามีชีวิตรอดอยู่"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 5 แต่เมื่อเขาได้สบัดสัตว์เข้าไปในกองไฟและไม่ได้รับอันตรายใดๆ
|
|
\v 6 พวกเขาคอยดูว่าเขาจะมีอาการอักเสบเป็นไข้หรือล้มลงตายอย่างกระทันหัน แต่หลังจากที่พวกเขาเฝ้าดูเป็นเวลานานและเห็นว่าไม่มีอะไรที่เป็นเรื่องผิดปกติเกิดขึ้นกับเขา พวกเขาจึงเปลี่ยนใจและกล่าวว่าเขาเป็นพระ
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 7 บัดนี้ บริเวณใกล้เคียงนั้นมีดินแดนที่เป็นของคนที่เป็นหัวหน้าเกาะชื่อปูบลิอัส เขาได้ให้การต้อนรับพวกเราและจัดเตรียมสำหรับพวกเราด้วยความกรุณาเป็นเวลาสามวัน
|
|
\v 8 ต่อมาบิดาของปูบลิอัสได้ล้มป่วยด้วยไข้และโรคบิด เมื่อเปาโลไปหาเขา เขาได้อธิษฐานวางมือบนเขาและรักษาเขาให้หาย
|
|
\v 9 หลังจากเรื่องนี้เกิดขึ้น คนอื่นๆ ที่อยู่บนเกาะที่เจ็บป่วยก็มาหาและได้รับการรักษาเยียวยา
|
|
\v 10 ผู้คนยังให้เกียรติพวกเรามากมาย เมื่อพวกเรากำลังเตรียมที่จะแล่นเรือ พวกเขาได้ให้สิ่งของที่พวกเราต้องการ
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 11 หลังจากสามเดือน พวกเราลงเรือของอเล็กซานเดรียที่ค้างอยู่บนเกาะในฤดูหนาว รูปสลักที่บนหัวเรือนั้นเป็นรูปสองพี่น้องฝาแฝด
|
|
\v 12 หลังจากที่พวกเราลงจอดที่ไซราคิ้วส์ พวกเราอยู่ที่นั่นเป็นเวลาสามวัน
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 13 จากที่นั่น พวกเราแล่นเรือมาถึงเรยีอูม หลังจากนั้นหนึ่งวันก็มีลมใต้พัดมา และในวันที่สองพวกเราก็มาถึงเมืองโปทิโอลี
|
|
\v 14 ที่นั่นพวกเราได้พบกับพี่น้องบางคนและได้เชิญให้ไปพักกับพวกเขาเป็นเวลาเจ็ดวัน ดังนั้นพวกเราจึงมาถึงกรุงโรม
|
|
\v 15 พี่น้องที่อยู่ที่นั่น หลังจากที่พวกเขาได้ยินเกี่ยวกับพวกเรา ก็ได้มาพบกับพวกเราที่ตลาดอัปปีอัส และที่บ้านสามร้าน เมื่อเปาโลได้พบพี่น้องแล้ว เขาขอบคุณพระเจ้าและได้รับกำลังใจ
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 16 เมื่อพวกเราเข้าไปในกรุงโรม เปาโลได้รับอนุญาตให้อยู่คนเดียวกับทหารที่คุมเข้าไว้
|
|
\v 17 หลังจากนั้นสามวัน เปาโลถูกเรียกพร้อมกับคนเหล่านั้นที่เคยเป็นผู้นำในหมู่ชาวยิว เมื่อพวกเขามาร่วมกันแล้ว เขากล่าวกับพวกเขาว่า "พี่น้องที่รัก แม้ว่าข้าพเจ้าไม่ได้ทำอะไรผิดต่อผู้คน หรือประเพณีของบรรพบุรุษของเรา ข้าพเจ้าได้ถูกส่งให้เป็นนักโทษจากกรุงเยรูซาเล็มไปอยู่ในมือของชาวโรมัน
|
|
\v 18 หลังจากที่พวกเขาไต่สวนข้าพเจ้าแล้ว พวกเขาปรารถนาให้ข้าพเจ้าเป็นอิสระ เพราะไม่มีเหตุผลในตัวข้าพเจ้าต่อการลงโทษถึงตาย
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 19 แต่เมื่อพวกยิวพูดคัดค้านความปรารถนาของพวกเขา ข้าพเจ้าถูกบังคับให้อุทธรณ์ไปยังซีซาร์ ถึงแม้ไม่ใช่ข้อกล่าวหาใดที่ข้าพเจ้านำมาต่อต้านชนชาติของข้าพเจ้า
|
|
\v 20 เหตุเพราะการอุทธรณ์ของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าร้องขอที่จะพบกับท่านและได้พูดกับท่าน นี่เป็นเพราะสิ่งที่อิสราเอลมีความมั่นใจจนข้าพเจ้าถูกล่ามด้วยโซ่นี้"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 21 แล้วพวกเขาพูดกับเปาโลว่า "เราไม่ได้รับจดหมายจากแคว้นยูเดียที่เกี่ยวกับท่านหรือมีพี่น้องคนใดที่มารายงานหรือพูดอะไรไม่ดีเกี่ยวกับท่าน
|
|
\v 22 แต่พวกเราต้องการที่จะได้ยินจากสิ่งที่ท่านคิดเกี่ยวกับนิกายนี้ เพราะพวกเราทราบว่าสิ่งนี้ถูกพูดต่อต้านในทุกแห่ง"
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 23 เมื่อพวกเขาจัดวันให้กับเปาโลแล้ว ผู้คนมากมายได้มาหายังที่อยู่อาศัยของเขา เปาโลได้นำเสนอเรื่องนี้แก่พวกเขา และเป็นพยานเกี่ยวกับอาณาจักรของพระเจ้า เปาโลพยายามที่จะชักชวนให้พวกเขาเกี่ยวกับพระเยซูทั้งจากกฏหมายของโมเสสและจากผู้เผยพระวจนะตั้งแต่เช้าจนถึงเวลาเย็น
|
|
\v 24 บางคนได้เชื่อสิ่งที่ถูกกล่าว ขณะที่คนอื่นๆ ไม่เชื่อ
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 25 เมื่อพวกเขาไม่เห็นด้วยกับคนอื่นๆ ได้ลาจากไปหลังจากที่เปาโลได้กล่าวคำหนึ่งว่า "พระวิญญาณบริสุทธิ์ตรัสผ่านอิสยาห์ผู้เผยพระวจนะต่อบรรพบุรุษของท่าน
|
|
\v 26 พระองค์ตรัสว่า 'จงไปหาคนเหล่านี้และพูดว่า "พวกเจ้าจะได้ยิน แต่ไม่เข้าใจ และเห็นสิ่งที่เจ้าจะเห็นแต่ไม่สังเกต
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 27 เพราะหัวใจของคนเหล่านี้ได้เฉื่อยชา หูของพวกเขายากที่จะได้ยิน พวกเขาปิดตาของพวกเขา เกรงว่าพวกเขาอาจจะเห็นด้วยตาของพวกเขาและได้ยินด้วยหูของพวกเขาและเข้าใจด้วยจิตใจของพวกเขาและหันกลับมาอีกครั้งและเราจะรักษาพวกเขา"'
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 28 ดังนั้นท่านควรจะรู้ว่าความรอดของพระเจ้านี้ถูกส่งไปยังคนต่างชาติและพวกเขาจะฟัง"
|
|
\v 29 เมื่อเขาได้กล่าวว่าสิ่งเหล่านี้แล้ว พวกชาวยิวก็กลับออกไป พวกเขาโต้เถียงกันเป็นการใหญ่
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 30 เปาโลอาศัยอยู่ในบ้านที่เขาเช่าเป็นเวลาสองปี และเขาได้ให้การต้อนรับทุกคนที่มาหาเขา
|
|
\v 31 เขาได้เทศนาถึงอาณาจักรของพระเจ้าและสอนสิ่งต่างๆ เกี่ยวกับองค์พระเยซูคริสต์ด้วยความกล้าหาญ ไม่มีใครหยุดเขาได้
|