th_ulb/67-REV.usfm

819 lines
173 KiB
Plaintext

\id REV Unlocked Literal Bible
\ide UTF-8
\h REVELATION
\toc1 Revelation
\toc2 Revelation
\toc3 rev
\mt1 REVELATION
\s5
\c 1
\p
\v 1 วิวรณ์ของพระเยซูคริสต์ที่พระเจ้าประทานแก่พระองค์ เพื่อแสดงต่อบรรดาผู้รับใช้ของพระองค์เห็นสิ่งที่จะต้องเกิดขึ้นในไม่ช้า พระองค์ทรงให้ทูตสวรรค์ของพระองค์ไปสำแดงแก่ยอห์นผู้รับใช้ของพระองค์
\v 2 ยอห์นเป็นพยานเกี่ยวกับพระวจนะของพระเจ้าและเกี่ยวกับคำพยานของพระเยซูคริสต์ คือทุกสิ่งที่ท่านเห็น
\v 3 ความสุขจึงมีแก่ผู้ที่อ่านและแก่บรรดาผู้ที่ฟังคำเผยพระวจนะนี้ และบรรดาผู้เชื่อฟังทำตามสิ่งที่เขียนไว้ในนั้น เพราะว่าเวลานั้นใกล้เข้ามาแล้ว
\s5
\p
\v 4 ยอห์น ขอเรียนคริสตจักรทั้งเจ็ดในแคว้นเอเซีย ขอให้ท่านทั้งหลายได้รับพระคุณและสันติสุขจากพระองค์ผู้ทรงเป็นอยู่ ผู้ทรงเคยเป็นอยู่ และผู้ที่จะเสด็จมา และจากพระวิญญาณทั้งเจ็ดที่อยู่ต่อหน้าพระบัลลังก์ของพระองค์
\v 5 และจากพระเยซูคริสต์ ผู้ทรงเป็นพยานที่ซื่อสัตย์ ซึ่งเป็นผู้แรกที่ทรงเป็นขึ้นจากตาย และเป็นผู้ทรงครอบครองเหนือบรรดากษัตริย์ในโลก แด่พระองค์ผู้ทรงรักพวกเราและทรงปลดปล่อยพวกเราจากบาปของพวกเราด้วยพระโลหิตของพระองค์
\v 6 พระองค์ทรงตั้งพวกเราให้เป็นอาณาจักรหนึ่งและเป็นพวกปุโรหิตของพระเจ้าและพระบิดาของพระองค์ ขอพระเกียรติและฤทธิ์เดชจงมีแด่พระองค์สืบๆ ไปเป็นนิตย์ อาเมน
\s5
\p
\v 7 นี่แน่ะ พระองค์กำลังเสด็จมาพร้อมกับหมู่เมฆ และนัยน์ตาทุกดวงจะเห็นพระองค์ รวมถึงคนทั้งหลายที่แทงพระองค์ และทุกเผ่าพันธุ์ทั่วโลกจะคร่ำครวญเพราะพระองค์ ใช่แล้ว อาเมน
\v 8 พระเจ้าผู้เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า "เราเป็นอัลฟาและโอเมกา ผู้ทรงเป็นอยู่ ผู้ทรงเคยเป็นอยู่ และผู้ที่จะเสด็จมา ผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุด"
\s5
\p
\v 9 ข้าพเจ้าคือยอห์น พี่น้องของท่านทั้งหลาย ผู้มีส่วนร่วมในความยากลำบาก และในราชอาณาจักร และในความทรหดอดทนในพระเยซู ข้าพเจ้าอยู่ที่เกาะปัทมอสเพราะพระวจนะของพระเจ้าและคำพยานเกี่ยวกับพระเยซู
\v 10 ข้าพเจ้าอยู่ในพระวิญญาณในวันขององค์พระผู้เป็นเจ้า และข้าพเจ้าได้ยินพระสุรเสียงดังเหมือนอย่างเสียงแตรมาจากข้างหลังข้าพเจ้า
\v 11 ตรัสว่า "จงเขียนสิ่งที่ท่านเห็นลงไปในหนังสือ และส่งไปให้คริสตจักรทั้งเจ็ด คือคริสตจักรที่เอเฟซัส สเมอร์นา เปอร์กามัม ธิยาทิรา ซาร์ดิส ฟีลาเดลเฟีย และเลาดีเซีย"
\s5
\p
\v 12 แล้วข้าพเจ้าก็หันกลับมาดูว่าเป็นพระสุรเสียงของผู้ใดตรัสกับข้าพเจ้า และเมื่อข้าพเจ้าหันกลับมาข้าพเจ้าเห็นคันประทีปทองคำเจ็ดคัน
\v 13 ในท่ามกลางคันประทีปเหล่านั้นมีผู้หนึ่งเหมือนบุตรมนุษย์ ทรงฉลองพระองค์ยาวคลุมพระบาท และทรงคาดแถบทองคำที่พระอุระ
\s5
\p
\v 14 พระเศียรและพระเกศาของพระองค์ขาวเหมือนอย่างขนแกะ และขาวเหมือนอย่างหิมะ พระเนตรของพระองค์เหมือนอย่างเปลวไฟ
\v 15 พระบาทของพระองค์เหมือนทองสัมฤทธิ์เป็นเงางาม เหมือนทองสัมฤทธิ์ที่ถูกหลอมให้บริสุทธิ์แล้วในเตาหลอม และพระสุรเสียงของพระองค์เหมือนอย่างเสียงน้ำเชี่ยวมากหลาย
\v 16 พระองค์ทรงถือดวงดาวเจ็ดดวงไว้ในพระหัตถ์ขวาของพระองค์ และมีดาบสองคมที่คมกริบออกมาจากพระโอษฐ์ของพระองค์ พระพักตร์ของพระองค์ส่องแสงเหมือนดวงอาทิตย์ตอนที่ส่องแสงแรงกล้าที่สุด
\s5
\p
\v 17 เมื่อข้าพเจ้าเห็นพระองค์ ข้าพเจ้าก็ล้มลงแทบพระบาทของพระองค์เหมือนอย่างคนตาย พระองค์ทรงวางพระหัตถ์ขวาบนข้าพเจ้าและตรัสว่า "อย่ากลัวเลย เราเป็นเบื้องต้นและเป็นเบื้องปลาย
\v 18 เป็นผู้ที่ดำรงชีวิตอยู่ เราได้ตายแล้ว แต่นี่แน่ะ เรายังดำรงชีวิตอยู่ตลอดไปเป็นนิตย์ และเราถือลูกกุญแจทั้งหลายแห่งความตายและแห่งแดนคนตาย
\s5
\p
\v 19 เพราะฉะนั้น จงเขียนสิ่งที่เจ้าได้เห็น คือสิ่งที่กำลังเป็นอยู่ขณะนี้ และสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้
\v 20 ส่วนความล้ำลึกของดาวทั้งเจ็ดดวงซึ่งเจ้าเห็นในมือขวาของเรา และของคันประทีปทองคำทั้งเจ็ดนั้น ดาวเจ็ดดวงก็คือบรรดาทูตสวรรค์ของคริสตจักรทั้งเจ็ด และคันประทีปเจ็ดคันนั้นก็คือคริสตจักรทั้งเจ็ด"
\s5
\c 2
\p
\v 1 "จงเขียนถึงทูตสวรรค์ของคริสตจักรที่เมืองเอเฟซัสว่า 'พระองค์ผู้ทรงถือดาวทั้งเจ็ดไว้ในพระหัตถ์ขวา และทรงดำเนินอยู่ท่ามกลางคันประทีปทองคำทั้งเจ็ดนั้นตรัสดังนี้ว่า
\v 2 "เรารู้ถึงสิ่งที่เจ้าได้ทำไป และรู้เรื่องการตรากตรำและความทรหดอดทนของเจ้า เรารู้ว่าเจ้าไม่ยอมทนต่อพวกคนชั่วได้ เรารู้ว่าเจ้าทดสอบพวกที่อ้างตัวว่าเป็นอัครทูต แต่ไม่ได้เป็นจริง และเจ้าก็พบว่าพวกเขาโกหก
\s5
\p
\v 3 เรารู้ว่าเจ้ามีความทรหดอดทน และเจ้าต้องทนทุกข์อย่างมากเพราะนามของเรา และเจ้าไม่ได้อ่อนระอา
\v 4 แต่เรามีข้อที่จะต่อว่าเจ้าบ้าง คือว่าเจ้าละทิ้งความรักครั้งแรกของเจ้าไว้ข้างหลัง
\v 5 เหตุฉะนั้น จงระลึกถึงสภาพเดิมที่เจ้าหล่นจากมาแล้วนั้น จงกลับใจใหม่และทำตามสิ่งที่เจ้าได้เคยทำในตอนแรกถ้าเจ้าไม่กลับใจ เราก็จะมาหาเจ้าและเราจะย้ายคันประทีปของเจ้าออกจากที่ของมัน
\s5
\p
\v 6 แต่เจ้ายังมีข้อดีอยู่ คือว่าเจ้าเกลียดชังความประพฤติของพวกนิโคเลาส์ ซึ่งเราเองก็เกลียดชังเช่นกัน
\v 7 ใครมีหูก็จงฟังสิ่งที่พระวิญญาณตรัสแก่คริสตจักรทั้งหลาย คนที่ชนะ เราจะให้เขามีสิทธิ์ที่จะกินผลจากต้นไม้แห่งชีวิต ที่อยู่ในเมืองบรมสุขเกษมของพระเจ้า"'"
\s5
\p
\v 8 "จงเขียนถึงทูตสวรรค์ของคริสตจักรที่เมืองสเมอร์นาว่า 'พระองค์ผู้ทรงเป็นเบื้องต้นและเบื้องปลาย ผู้ซึ่งสิ้นพระชมน์แล้ว และกลับมีชีวิตอีก ตรัสดังนี้ว่า
\v 9 "เรารู้เรื่องความยากลำบากและความยากจนของเจ้า แต่ว่าเจ้าก็มั่งมี เรารู้เรื่องการกล่าวร้ายของพวกที่อ้างตัวว่าเป็นยิว แต่พวกเขาไม่ได้เป็น พวกเขาเป็นธรรมศาลาของซาตาน
\s5
\p
\v 10 อย่ากลัวการทนทุกข์ที่เจ้าจะได้รับนั้น นี่แน่ะ มารจะขังพวกเจ้าบางคนไว้ในคุกเพื่อทดลองพวกเจ้า และเจ้าทั้งหลายจะทนทุกข์ลำบากเป็นเวลาสิบวัน แต่เจ้าจงซื่อสัตย์จนถึงวันตาย และเราจะมอบมงกุฎแห่งชีวิตให้แก่เจ้า
\v 11 ใครมีหูก็จงฟังสิ่งที่พระวิญญาณตรัสแก่คริสตจักรทั้งหลาย คนที่ชนะจะไม่ได้รับอันตรายจากความตายครั้งที่สองเลย"'"
\s5
\p
\v 12 "จงเขียนถึงทูตสวรรค์ของคริสตจักรที่เมืองเปอร์กามัมว่า 'พระองค์ผู้ทรงถือดาบสองคมตรัสว่า
\v 13 " เรารู้ว่าเจ้าอาศัยอยู่ที่ไหน ที่นั่นเป็นที่ซึ่งซาตานครองบัลลังก์ ถึงกระนั้นเจ้าก็ยึดมั่นในนามของเรา เรารู้ว่าเจ้าไม่ปฏิเสธความเชื่อในเรา แม้ในเวลาที่อันทีพาสผู้เป็นพยานให้เราอย่างสัตย์ซื่อต้องถูกฆ่าท่ามกลางพวกเจ้าในที่ซึ่งซาตานอยู่
\s5
\p
\v 14 แต่เรามีข้อที่จะต่อว่าเจ้าสองสามข้อ คือเจ้ามีบางคนที่ยึดมั่นคำสอนของบาลาอัมอยู่ที่นั่น ผู้ซึ่งสอนบาลาคให้วางสิ่งสะดุดต่อหน้าเชื้อสายของพวกอิสราเอล คือให้พวกเขากินอาหารที่บูชารูปเคารพและล่วงประเวณี
\v 15 เช่นเดียวกัน เจ้าก็มีคนที่ยึดมั่นคำสอนของพวกนิโคเลาส์ด้วย
\s5
\p
\v 16 เพราะฉะนั้นจงกลับใจใหม่ ถ้าเจ้าไม่กลับใจ เราจะมาหาเจ้าโดยเร็ว และเราจะต่อสู้กับพวกเขาด้วยดาบในปากของเรา
\v 17 ใครมีหูจงฟังสิ่งที่พระวิญญาณตรัสกับคริสตจักรทั้งหลาย ผู้ใดมีชัยชนะเราจะให้มานาที่ซ่อนอยู่ และให้หินขาวอันมีนามใหม่จารึกไว้ซึ่งผู้ที่รับเท่านั้นจึงจะรู้""
\s5
\p
\v 18 จงเขียนถึงทูตสวรรค์ของคริสตจักรเมืองธิยาทิราว่า 'พระองค์ผู้ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า ผู้ทรงมีพระเนตรเหมือนอย่างเปลวไฟ และทรงมีพระบาทเหมือนทองสัมฤทธิ์ที่แวววาวตรัสดังนี้ว่า
\v 19 "เรารู้จักถึงสิ่งที่เจ้าได้ทำไป ทั้งความรัก ความเชื่อ การปรนนิบัติ และความทรหดอดทนของเจ้า และรู้ว่าสิ่งที่เจ้าได้ทำเมื่อไม่นานมานี้ดีกว่าสิ่งที่เจ้าได้ทำไปเมื่อตอนแรก
\s5
\p
\v 20 แต่เรามีข้อที่จะต่อว่าเจ้าบ้าง คือพวกเจ้ายอมให้ผู้หญิงชื่อเยเซเบล ที่อ้างตัวเป็นผู้เผยพระวจนะหญิง เธอสอนและล่อลวงพวกผู้รับใช้ของเราให้ผิดศีลธรรมทางเพศและให้กินอาหารบูชาแก่รูปเคารพ
\v 21 เราให้โอกาสเธอเพื่อจะได้กลับใจใหม่ แต่เธอก็ไม่ประสงค์จะกลับใจจากการผิดศีลธรรมของเธอ
\s5
\p
\v 22 ดูเถิดเราจะโยนเธอไว้บนเตียงคนไข้ และโยนพวกที่ล่วงประเวณีกับเธอไว้ในความลำบากยิ่งใหญ่ นอกจากว่าพวกเขาจะกลับใจจากการประพฤติชั่วของเธอ
\v 23 เราจะประหารลูกๆ ของเธอให้ตาย แล้วคริสตจักรทั้งหมดจะได้รู้ว่าเราเป็นผู้ตรวจสอบความคิดและจิตใจ และเราจะให้กับเจ้าทั้งหลายแต่ละคนตามความประพฤติของพวกเจ้า
\s5
\p
\v 24 สำหรับพวกเจ้าที่เหลืออยู่ในเมืองธิยาทิรา คือผู้ที่ไม่ถือคำสอนนี้ และไม่รู้จักสิ่งที่เขาเรียกว่าความล้ำลึกของซาตาน เราบอกเจ้าว่า 'เราจะไม่มอบภาระอื่นแก่เจ้า'
\v 25 ถึงอย่างไรก็ดี เจ้าจงยึดมั่นจนกว่าเราจะมา
\s5
\p
\v 26 คนที่ชนะและผู้ที่ได้ทำตามสิ่งที่เราได้ทำจนถึงที่สุด เราจะประทานสิทธิอำนาจเหนือบรรดาประชาชาติกับเขา
\v 27 'เขาจะปกครองดูแลคนทั้งหลายด้วยคทาเหล็ก เหมือนอย่างหม้อกระเบื้องที่ถูกพระองค์ตีแตกเป็นชิ้นๆ'
\v 28 เหมือนอย่างที่เราได้รับจากพระบิดาของเราแล้ว และเราจะมอบดาวประจำรุ่งให้กับเขาด้วย
\v 29 ใครมีหูจงฟังสิ่งที่พระวิญญาณตรัสกับคริสตจักรทั้งหลาย"'"
\s5
\c 3
\p
\v 1 "จงเขียนถึงทูตสวรรค์ของคริสตจักรที่เมืองซาร์ดิสว่า 'พระองค์ผู้ทรงครองพระวิญญาณทั้งเจ็ดของพระเจ้า และดวงดาวทั้งเจ็ดนั้น ตรัสดังนี้ว่า "เรารู้ถึงสิ่งที่เจ้าได้ทำไป คือเจ้าได้ชื่อว่ามีชีวิตอยู่ แต่ว่าเจ้าตายแล้ว
\v 2 จงตื่นขึ้นและจงเสริมกำลังให้กับส่วนที่เหลืออยู่ซึ่งจวนจะตายแล้วนั้น เพราะว่าเราไม่พบความประพฤติที่ครบบริบูรณ์ของเจ้าในสายพระเนตรของพระเจ้า
\s5
\p
\v 3 เหตุฉะนั้นเจ้าจงระลึกถึงสิ่งที่เจ้าเคยได้รับและได้ยิน จงทำตามสิ่งนั้นและจงกลับใจใหม่ เพราะถ้าเจ้าไม่ตื่นขึ้น เราจะมาเหมือนอย่างขโมย และเจ้าจะไม่รู้ว่าเราจะมาหาเจ้าเวลาใด
\v 4 แต่เจ้าก็ยังมีสองสามชื่อในเมืองซาร์ดิสที่ไม่ได้ทำให้เสื้อผ้าของตนสกปรก และพวกเขาจะเดินไปกับเรา สวมชุดสีขาว เพราะว่าพวกเขาเป็นคนที่เหมาะสมแล้ว
\s5
\p
\v 5 คนที่ชนะก็จะสวมเสื้อสีขาว และเราจะไม่ลบชื่อของเขาออกจากหนังสือแห่งชีวิต และเราจะรับรองชื่อของเขาเฉพาะพระพักตร์พระบิดาของเรา และต่อหน้าบรรดาทูตสวรรค์ของพระองค์
\v 6 ใครมีหูจงฟังสิ่งที่พระวิญญาณตรัสกับคริสตจักรทั้งหลาย"'"
\s5
\p
\v 7 "จงเขียนถึงทูตสวรรค์ของคริสตจักรที่เมืองฟีลาเดลเฟียว่า 'พระองค์ผู้บริสุทธิ์ ผู้ทรงสัตย์จริง ผู้ทรงถือลูกกุญแจของดาวิด ผู้ทรงเปิดแล้วจะไม่มีใครปิดได้ ผู้ทรงปิดแล้วจะไม่มีใครสามารถเปิดได้นั้น ตรัสดังนี้ว่า
\v 8 "เรารู้ถึงการกระทำของเจ้า ดูเถิด เราได้ตั้งประตูที่เปิดไว้ตรงหน้าเจ้าและไม่มีใครปิดได้ไว้ เรารู้ว่าเจ้ามีกำลังเพียงเล็กน้อย แต่กระนั้นเจ้าก็ทำตามถ้อยคำของเรา และไม่ได้ปฏิเสธนามของเรา
\s5
\p
\v 9 ดูสิ บรรดาคนที่เป็นพวกธรรมศาลาของซาตาน พวกที่อ้างว่าพวกเขาเป็นยิวและไม่ได้เป็น แต่กลับโกหกนั้น เราจะทำให้พวกเขามากราบลงแทบเท้าของพวกเจ้า และให้พวกเขารู้ว่าเรารักพวกเจ้า
\v 10 เพราะว่าเจ้าถือรักษาคำสั่งของเราด้วยความทรหดอดทน เราจะเฝ้ารักษาเจ้าให้พ้นจากช่วงเวลาแห่งการทดลอง ซึ่งจะมาถึงคนทั่วทั้งโลก เพื่อจะทดลองคนทั้งหลายที่อาศัยอยู่บนโลก
\v 11 เราจะมาในไม่ช้า จงยึดมั่นในสิ่งที่เจ้ามี เพื่อจะไม่ให้ใครชิงมงกุฎของเจ้าไปได้
\s5
\p
\v 12 เราจะตั้งคนที่ชนะให้เป็นเสาหลักอยู่ในพระวิหารของพระเจ้าของเรา เขาจะไม่ออกไปจากภายนอกอีกเลยและเราจะจารึกพระนามพระเจ้าของเราไว้ที่ผู้นั้น ชื่อเมืองของพระเจ้าของเรา (คือนครเยรูซาเล็มใหม่ ที่ลงมาจากสวรรค์จากพระเจ้าของเรา) และนามใหม่ของเราด้วย
\v 13 ใครมีหูจงฟังสิ่งที่พระวิญญาณตรัสกับคริสตจักรทั้งหลาย"'"
\s5
\p
\v 14 "จงเขียนถึงทูตสวรรค์ของคริสตจักรที่เมืองเลาดีเซียว่า "พระองค์ผู้เป็นพระอาเมน ทรงเป็นพยานที่น่าเชื่อถือและเป็นจริง ทรงเป็นผู้ครอบครองเหนือสิ่งสารพัดที่พระเจ้าทรงสร้างนั้น ตรัสดังนี้ว่า
\v 15 "เรารู้ถึงสิ่งที่เจ้าได้ทำไป คือว่าเจ้าไม่เย็นหรือไม่ร้อน เราอยากให้เจ้าเย็นหรือร้อน
\v 16 เพราะว่าเจ้าเป็นแต่อุ่นๆ ไม่ร้อนและไม่เย็น เราจะคายเจ้าออกจากปากของเรา
\s5
\p
\v 17 เพราะเจ้าพูดว่า 'ข้าร่ำรวย ข้ามีทรัพย์สมบัติมากมาย และข้าไม่ต้องการสิ่งใดเลย' เจ้าไม่รู้ว่าเจ้าเป็นคนน่าสังเวชอย่างมาก น่าสงสาร ยากจน ตาบอด และเปลือยกาย
\v 18 จงฟังคำแนะนำของเรา ให้ไปซื้อทองคำที่หลอมด้วยไฟจากเราเพื่อเจ้าจะได้ร่ำรวย และให้ซื้อเสื้อผ้าสีขาวสุกใสเพื่อจะได้สวมให้พ้นจากความอับอายที่ต้องเปลือยกาย และซื้อยาหยดตาของเจ้าเพื่อเจ้าจะได้เห็น
\s5
\p
\v 19 เราฝึกฝนทุกคนที่เรารัก และเราสอนพวกเขาว่าพวกเขาควรมีชีวิตอยู่อย่างไร เพราะฉะนั้น จงมีความกระตือรือร้นและกลับใจใหม่
\v 20 ดูเถิด เรากำลังยืนอยู่ที่ประตูและเคาะอยู่ ถ้าใครได้ยินเสียงของเราและเปิดประตู เราจะเข้าไปในบ้านของเขาและจะรับประทานอาหารร่วมกับเขา และเขาจะรับประทานอาหารร่วมกับเรา
\s5
\p
\v 21 คนที่ชนะ เราจะให้เขามีสิทธิ์นั่งกับเราบนบัลลังก์ของเรา เหมือนอย่างที่เรามีชัยชนะแล้ว และได้นั่งกับพระบิดาของเราบนบัลลังก์ของพระองค์
\v 22 ใครมีหูจงฟังสิ่งที่พระวิญญาณได้ตรัสกับคริสตจักรทั้งหลาย"'"
\s5
\c 4
\p
\v 1 หลังจากสิ่งเหล่านี้ที่ข้าพเจ้าดู และข้าพเจ้าเห็นประตูที่เปิดอยู่ในสวรรค์ พระสุรเสียงแรกที่ข้าพเจ้าได้ยิน ตรัสกับข้าพเจ้าเหมือนอย่างเสียงแตรว่า "จงขึ้นมาบนนี้เถิด และเราจะสำแดงให้เจ้าเห็นสิ่งที่จะต้องเกิดขึ้นหลังจากนี้"
\v 2 ทันใดนั้น ข้าพเจ้าก็อยู่ในพระวิญญาณ และข้าพเจ้าเห็นพระบัลลังก์ตั้งอยู่ในสวรรค์และมีท่านผู้หนึ่งประทับบนพระบัลลังก์นั้น
\v 3 ผู้ประทับบนพระบัลลังก์นั้นปรากฏเหมือนนิลและหินสีแดงและมีรุ้งรอบๆ พระบัลลังก์นั้น รุ้งนั้นปรากฎเหมือนมรกต
\s5
\p
\v 4 รอบพระบัลลังก์นั้นมีบัลลังก์อีกยี่สิบสี่บัลลังก์ มีผู้อาวุโสยี่สิบสี่คนนั่งอยู่บนบัลลังก์เหล่านั้น ทุกคนสวมเสื้อผ้าสีขาวและสวมมงกุฎทองคำบนศีรษะของพวกเขา
\v 5 มีฟ้าแลบ เสียงครืนๆ และฟ้าร้อง ดังออกมาจากพระบัลลังก์นั้น และมีคบเพลิงเจ็ดอันจุดอยู่ตรงหน้าพระบัลลังก์คบเพลิงเหล่านั้นคือพระวิญญาณทั้งเจ็ดของพระเจ้า
\s5
\p
\v 6 และตรงหน้าพระบัลลังก์นั้นเป็นเหมือนอย่างทะเลแก้ว ที่ใสเหมือนแก้วผลึก ในตรงกลางของพระบัลลังก์และรอบๆ พระบัลลังก์นั้น มีสิ่งมีชีวิตสี่ตนที่มีตาเต็มทั้งข้างหน้าและข้างหลัง
\s5
\p
\v 7 สิ่งมีชีวิตที่หนึ่งนั้นเหมือนสิงโต สิ่งมีชีวิตที่สองนั้นเหมือนโค สิ่งมีชีวิตที่สามนั้นมีหน้าเมือนอย่างมนุษย์ และสิ่งมีชีวิตที่สี่เหมือนนกอินทรีที่บินอยู่
\v 8 สิ่งมีชีวิตทั้งสี่นั้น แต่ละตนมีปีกหกปีก และมีตาอยู่รอบๆ ทั้งข้างบนและข้างในเต็มไปหมด และพวกเขาร้องตลอดคืนตลอดวันไม่ได้หยุดเลยว่า "บริสุทธิ์ บริสุทธิ์ บริสุทธิ์ องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุด ผู้ทรงเคยเป็นอยู่ ผู้ทรงเป็นอยู่ และผู้ที่จะเสด็จมา"
\s5
\p
\v 9 เมื่อใดก็ตามที่สิ่งมีชีวิตเหล่านั้นถวายพระสิริ ถวายพระเกียรติ และคำขอบคุณแด่พระองค์ผู้ประทับบนพระบัลลังก์และผู้ทรงพระชนม์อยู่ตลอดไปเป็นนิตย์นั้น
\v 10 ผู้อาวุโสทั้งยี่สิบสี่ท่านก็ทรุดตัวลงเฉพาะพระพักตร์พระองค์ผู้ประทับบนพระบัลลังก์นั้น และนมัสการแด่พระองค์ผู้ทรงพระชนม์อยู่ตลอดไปเป็นนิตย์ และท่านเหล่านั้นถอดมงกุฎของพวกเขาออกวางตรงหน้าพระบัลลังก์ร้องว่า
\v 11 "ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าและพระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลาย พระองค์ทรงสมควรที่จะได้รับพระสิริ และพระเกียรติและฤทธิ์เดช เพราะว่าพระองค์ทรงสร้างสรรพสิ่ง และสรรพสิ่งก็ดำรงอยู่และได้ถูกสร้างขึ้น"
\s5
\c 5
\p
\v 1 แล้วในพระหัตถ์ขวาของพระองค์ผู้ประทับบนพระบัลลังก์นั้น ข้าพเจ้าเห็นหนังสือม้วนซึ่งเขียนไว้ทั้งข้างหน้าและข้างหลัง ถูกผนึกด้วยตราเจ็ดดวง
\v 2 ข้าพเจ้าได้เห็นทูตสวรรค์ที่มีฤทธิ์องค์หนึ่ง ประกาศด้วยเสียงดังว่า "ใครเป็นผู้ที่สมควรเปิดหนังสือม้วนและแกะตราของมันออก?"
\s5
\p
\v 3 แต่ไม่มีใครในสวรรค์ หรือบนแผ่นดินโลก หรือใต้แผ่นดินโลกที่สามารถเปิดหนังสือม้วนหรืออ่านหนังสือนั้น
\v 4 ข้าพเจ้าก็ร้องไห้อย่างมาก เพราะไม่พบใครที่สมควรจะเปิดหนังสือม้วนหรืออ่านหนังสือนั้น
\v 5 แต่มีคนหนึ่งในพวกผู้อาวุโสบอกกับข้าพเจ้าว่า "อย่าร้องไห้เลย ดูสิ สิงโตแห่งเผ่ายูดาห์ ซึ่งเป็นรากของดาวิด ทรงมีชัยชนะแล้ว พระองค์จึงทรงสามารถเปิดหนังสือม้วนและตราทั้งเจ็ดได้"
\s5
\p
\v 6 ข้าพเจ้าเห็นพระเมษโปดกประทับยืนบริเวณตรงกลางของพระบัลลังก์และท่ามกลางสิ่งมีชีวิตทั้งสี่นั้น และท่ามกลางพวกผู้อาวุโส พระองค์ดูราวกับว่าพระองค์ถูกปลงพระชนม์แล้ว พระองค์ทรงมีเขาเจ็ดเขาและมีดวงตาเจ็ดดวง ซึ่งเป็นพระวิญญาณทั้งเจ็ดของพระเจ้าที่ถูกส่งออกไปทั่วแผ่นดินโลก
\v 7 พระเมษโปดกเสด็จเข้ามา และทรงรับหนังสือม้วนจากพระหัตถ์ขวาของพระองค์ผู้ประทับบนพระบัลลังก์นั้น
\s5
\p
\v 8 เมื่อพระองค์ทรงรับหนังสือม้วนนั้นแล้ว สิ่งมีชีวิตทั้งสี่และผู้อาวุโสยี่สิบสี่คนนั้น ก็หมอบกราบเฉพาะพระพักตร์พระเมษโปดก แต่ละคนนั้นถือพิณและถือชามทองคำบรรจุเครื่องหอมจนเต็ม ซึ่งเป็นคำอธิษฐานของบรรดาเหล่าผู้เชื่อ
\s5
\p
\v 9 เขาทั้งหลายก็ร้องเพลงบทใหม่ว่า "พระองค์ทรงเป็นผู้ที่สมควรจะรับหนังสือม้วนและทรงแกะตราหนังสือนั้นออก เพราะพระองค์ถูกปลงพระชนม์ และด้วยพระโลหิตของพระองค์ทรงไถ่ประชาชนเพื่อถวายพระเจ้า จากคนทุกเผ่า ทุกภาษา ทุกชนชาติและทุกประชาชาติ
\v 10 พระองค์ทรงทำให้พวกเขาเป็นอาณาจักรและเป็นปุโรหิตเพื่อปรนนิบัติพระเจ้าของเรา และพวกเขาจะครอบครองบนแผ่นดินโลก"
\s5
\p
\v 11 แล้วข้าพเจ้ามองดูและได้ยินเสียงของทูตสวรรค์มากมายอยู่รอบพระบัลลังก์รอบพวกสิ่งมีชีวิต และรอบบรรดาผู้อาวุโส พวกเขามีจำนวนเป็นแสนๆ เป็นล้านๆ
\v 12 พวกเขาร้องเสียงดังว่า "พระเมษโปดกผู้ถูกปลงพระชนม์แล้วนั้นทรงสมควรได้รับฤทธานุภาพ ทรัพย์สมบัติ พระปัญญา พระกำลัง พระเกียรติ พระสิริ และคำสรรเสริญ"
\s5
\p
\v 13 ข้าพเจ้าได้ยินเสียงสิ่งที่ทรงสร้างทั้งหมด ทั้งในสวรรค์ บนแผ่นดินโลก ใต้แผ่นดินโลก ในมหาสมุทร และทุกสิ่งซึ่งอยู่ในที่เหล่านั้น ร้องว่า "ขอให้คำสรรเสริญ พระเกียรติ พระสิริ และอำนาจที่จะครอบครอง จงมีแด่พระองค์ผู้ประทับบนพระบัลลังก์และแด่พระเมษโปดกตลอดไปเป็นนิตย์"
\v 14 สิ่งมีชีวิตทั้งสี่นั้นก็ร้องว่า "อาเมน" และบรรดาผู้อาวุโสก็ก้มกราบและนมัสการ
\s5
\c 6
\p
\v 1 เมื่อข้าพเจ้ามองดูขณะพระเมษโปดกทรงแกะตราดวงที่หนึ่งในเจ็ดดวงนั้น และข้าพเจ้าได้ยินสิ่งมีชีวิตตนหนึ่งในสี่ตนนั้นร้องเสียงดังเหมือนอย่างเสียงฟ้าร้องว่า "มาเถอะ"
\v 2 ข้าพเจ้าก็มองดู และมีม้าสีขาวตัวหนึ่ง ผู้ที่ขี่ม้าตัวนั้นถือธนู และเขาได้รับมอบมงกุฎ เขาก็ออกไปอย่างมีชัยเพื่อได้ชัยชนะ
\s5
\p
\v 3 เมื่อพระเมษโปดกทรงแกะตราดวงที่สอง ข้าพเจ้าก็ได้ยินสิ่งมีชีวิตที่สองร้องว่า "มาเถอะ"
\v 4 แล้วม้าอีกตัวหนึ่งออกมาเป็นม้าสีแดงสด ผู้ที่ขี่ม้าตัวนี้ได้รับมอบหมายให้เอาสันติภาพไปจากแผ่นดินโลก เพื่อให้ผู้คนฆ่ากัน ผู้ที่ขี่ม้านี้ได้รับมอบดาบใหญ่เล่มหนึ่ง
\s5
\p
\v 5 เมื่อพระเมษโปดกทรงแกะตราดวงที่สาม ข้าพเจ้าก็ได้ยินสิ่งมีชีวิตที่สามร้องว่า "มาเถอะ" แล้วข้าพเจ้าเห็นม้าสีดำตัวหนึ่ง และผู้ที่ขี่ม้าตัวนี้ถือตราชั่งในมือของเขา
\v 6 ข้าพเจ้าก็ได้ยินเสียงเหมือนอย่างเสียงพูดดังออกมาจากท่ามกลางสิ่งมีชีวิตทั้งสี่นั้นว่า "ข้าวสาลีราคาลิตรละหนึ่งเดนาริอัน ข้าวบาร์เลย์สามลิตรต่อหนึ่งเดนาริอัน แต่เจ้าจงอย่าทำอันตรายน้ำมันและเหล้าองุ่น"
\s5
\p
\v 7 เมื่อพระเมษโปดกทรงแกะตราดวงที่สี่ ข้าพเจ้าก็ได้ยินเสียงสิ่งมีชีวิตที่สี่ร้องว่า "มาเถอะ"
\v 8 แล้วข้าพเจ้าเห็นม้าสีเขียวหม่นตัวหนึ่ง ผู้ที่ขี่ม้าตัวนี้มีชื่อว่าความตาย และนรกก็ติดตามเขามาด้วย ทั้งสองนี้ได้รับสิทธิอำนาจเหนือแผ่นดินโลกหนึ่งในสี่ส่วน ที่จะฆ่าด้วยคมดาบ ด้วยความอดอยาก ด้วยโรคระบาด และด้วยสัตว์ร้ายแห่งแผ่นดิน
\s5
\p
\v 9 เมื่อพระเมษโปดกทรงแกะตราดวงที่ห้า ข้าพเจ้าก็เห็นดวงวิญญาณซึ่งเป็นของคนทั้งหลายที่ถูกฆ่าใต้แท่นบูชาเพราะพระวจนะของพระเจ้า และเพราะคำพยานที่เขายึดถือนั้น
\v 10 เขาทั้งหลายร้องเสียงดังว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้ปกครองสูงสุด ผู้บริสุทธิ์และสัตย์จริง อีกนานเท่าใดพระองค์จึงจะทรงพิพากษาคนที่อยู่บนแผ่นดินโลก และแก้แค้นแทนเลือดของพวกเรา"
\v 11 แล้วพระองค์ประทานเสื้อคลุมสีขาวให้พวกเขาแต่ละคน และพระองค์ตรัสว่าให้รอต่อไปอีกหน่อยหนึ่ง จนกว่าผู้ร่วมรับใช้ และพี่น้องชายหญิงของพวกเขาซึ่งถูกฆ่าแบบเดียวกับพวกเขาครบจำนวน
\s5
\p
\v 12 เมื่อพระเมษโปดกทรงแกะตราดวงที่หก ข้าพเจ้าเห็นแผ่นดินไหวยิ่งใหญ่ ดวงอาทิตย์กลายเป็นสีดำมืดเหมือนกับเสื้อผ้ากระสอบ และดวงจันทร์เต็มดวงก็กลายเป็นเหมือนกับเลือด
\v 13 ดวงดาวทั้งหลายในท้องฟ้าตกลงมาบนพื้นโลก เหมือนกับต้นมะเดื่อที่ถูกลมแรงพัดจนผลที่ยังไม่สุกหล่นลงมา
\v 14 ท้องฟ้าก็หายไปเหมือนกับหนังสือที่ถูกม้วนเก็บ และภูเขาทุกลูกและเกาะทุกเกาะก็ถูกเคลื่อนไปจากที่เดิม
\s5
\p
\v 15 แล้วกษัตริย์ทั้งหลายของโลก บรรดาคนสำคัญ บรรดานายทหารใหญ่ พวกเศรษฐี พวกผู้มีอำนาจ และทุกคนทั้งที่เป็นทาสหรือเสรีชน ต่างซ่อนตัวอยู่ในถ้ำและท่ามกลางโขดหินตามภูเขา
\v 16 พวกเขาร้องบอกกับภูเขาและโขดหินว่า "จงล้มทับพวกเราเถิด จงซ่อนพวกเราให้พ้นจากพระพักตร์ของพระองค์ผู้ประทับอยู่บนพระบัลลังก์ และจากพระพิโรธของพระเมษโปดก
\v 17 เพราะว่าวันยิ่งใหญ่แห่งพระพิโรธของพระองค์มาถึงแล้ว ใครจะสามารถยืนหยัดอยู่ได้?"
\s5
\c 7
\p
\v 1 หลังจากนั้น ข้าพเจ้าเห็นทูตสวรรค์สี่องค์ยืนอยู่ที่มุมทั้งสี่ของแผ่นดินโลก ห้ามลมทั้งสี่ของแผ่นดินโลกไว้ เพื่อไม่ให้ลมพัดบนบก บนทะเลหรือบนต้นไม้ทุกต้น
\v 2 ข้าพเจ้าเห็นทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งขึ้นมาจากทิศตะวันออก ถือตราประทับของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ ท่านร้องด้วยเสียงดังต่อทูตสวรรค์ทั้งสี่ผู้ซึ่งได้รับอนุญาตให้ทำอันตรายแก่แผ่นดินและทะเลนั้น ว่า
\v 3 "จงอย่าทำอันตรายแผ่นดิน ทะเล หรือต้นไม้ จนกว่าพวกเราจะได้ประทับตราบนหน้าผากของบรรดาผู้รับใช้ของพระเจ้าของพวกเรา"
\s5
\p
\v 4 ข้าพเจ้าได้ยินว่าจำนวนผู้ที่ได้รับการประทับตราแล้วมี 144,000 คน ซึ่งมาจากทุกเผ่าของอิสราเอล
\v 5 จากเผ่ายูดาห์มี หนึ่งหมื่นสองพันคน จากเผ่ารูเบนมี หนึ่งหมื่นสองพันคน จากเผ่ากาดมี หนึ่งหมื่นสองพันคน
\v 6 จากเผ่าอาเซอร์มี หนึ่งหมื่นสองพันคน จากเผ่านัฟทาลีมี หนึ่งหมื่นสองพันคน จากเผ่ามนัสเสห์มี หนึ่งหมื่นสองพันคน
\s5
\p
\v 7 จากเผ่าสิเมโอนมี หนึ่งหมื่นสองพันคน จากเผ่าเลวีมี หนึ่งหมื่นสองพันคน จากเผ่าอิสสาคาร์มี หนึ่งหมื่นสองพันคน
\v 8 จากเผ่าเศบูลุนมี หนึ่งหมื่นสองพันคน จากเผ่าโยเซฟมี หนึ่งหมื่นสองพันคน จากเผ่าเบนยามินมี หนึ่งหมื่นสองพันคน ได้รับการประทับตรา
\s5
\p
\v 9 หลังจากสิ่งเหล่านี้ ข้าพเจ้ามองดู และมีมหาชนที่ไม่มีใครนับจำนวนได้ จากทุกประชาชาติ ทุกเผ่า ทุกชนชาติ และทุกภาษา ยืนอยู่ต่อหน้าพระบัลลังก์และเฉพาะพระพักตร์พระเมษโปดก พวกเขาสวมเสื้อคลุมสีขาวและถือใบตาลอยู่ในมือของพวกเขา
\v 10 และพวกเขาร้องเสียงดังว่า "ความรอดเป็นของพระเจ้าของพวกเราผู้ประทับบนพระบัลลังก์ และเป็นของพระเมษโปดก"
\s5
\p
\v 11 และทูตสวรรค์ทั้งหมดที่ยืนอยู่รอบพระบัลลังก์ และรอบผู้อาวุโส และรอบสิ่งมีชีวิตทั้งสี่นั้น และพวกเขาก็ก้มกราบต่อหน้าพระบัลลังก์ของพระองค์ พวกเขาก็นมัสการพระเจ้า
\v 12 กล่าวว่า "อาเมน คำสรรเสริญ พระสิริ พระปัญญา คำขอบพระคุณ พระเกียรติ ฤทธิ์เดช และพระกำลัง จงมีแด่พระเจ้าของพวกเราตลอดไปเป็นนิตย์ อาเมน"
\s5
\p
\v 13 แล้วคนหนึ่งในพวกผู้อาวุโสนั้นถามข้าพเจ้าว่า "คนที่สวมเสื้อคลุมสีขาวเหล่านี้คือใคร? และพวกเขามาจากไหน?"
\v 14 ข้าพเจ้าตอบเขาว่า "ท่านเองก็ทราบอยู่แล้ว" และเขาจึงบอกข้าพเจ้าว่า "คนเหล่านี้เป็นคนที่มาจากความยากลำบากครั้งยิ่งใหญ่ พวกเขาชำระล้างเสื้อคลุมของพวกเขาด้วยพระโลหิตของพระเมษโปดกจนขาวสะอาด
\s5
\p
\v 15 เหตุฉะนั้น เขาทั้งหลายจึงได้อยู่หน้าพระบัลลังก์ของพระเจ้า และพวกเขานมัสการพระองค์ในพระวิหารของพระองค์ทั้งกลางวันและกลางคืน พระองค์ผู้ประทับบนพระบัลลังก์จะทรงกางเต็นท์ของพระองค์เหนือพวกเขา
\v 16 พวกเขาจะไม่หิวอีก พวกเขาจะไม่กระหายอีกแล้ว ดวงอาทิตย์และความร้อนจะไม่แผดเผาเขาอีกต่อไป
\v 17 เพราะว่าพระเมษโปดกผู้ทรงอยู่กลางพระบัลลังก์นั้นจะทรงเป็นผู้เลี้ยงดูของพวกเขา และพระองค์จะทรงนำพวกเขาไปยังน้ำพุแห่งชีวิต และพระเจ้าจะทรงเช็ดน้ำตาทุกหยดจากดวงตาของเขาทั้งหลาย"
\s5
\c 8
\p
\v 1 เมื่อพระเมษโปดกแกะตราดวงที่เจ็ด ฟ้าสวรรค์ก็เงียบเป็นเวลาประมาณครึ่งชั่วโมง
\v 2 แล้วข้าพเจ้ามองดูทูตสวรรค์เจ็ดองค์ยืนอยู่ต่อหน้าพระเจ้า และแตรทั้งเจ็ดได้ถูกมอบให้แก่พวกทูตสวรรค์เหล่านั้น
\s5
\p
\v 3 มีทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งถือขันเครื่องหอมทองคำเข้ามายืนอยู่ตรงหน้าแท่นถวายเครื่องหอมบูชา เครื่องหอมมากมายได้ถูกมอบให้แก่ทูตสวรรค์เพื่อเขาจะมอบถวายพร้อมกับคำอธิษฐานมากมายของธรรมิกชนทั้งหลายบนแท่นถวายเครื่องหอมบูชาทองคำหน้าพระบัลลังก์
\v 4 ควันของเครื่องหอมบูชาพร้อมกับคำอธิษฐานของธรรมิกชนทั้งหลายก็ลอยจากมือของทูตสวรรค์ขึ้นไปต่อพระพักตร์พระเจ้า
\v 5 ทูตสวรรค์นำเอาขันบรรจุเครื่องหอมบูชามาและเติมไฟจากแท่นบูชาลงไปในขันนั้น จากนั้นเขาจึงเทมันลงมายังโลก ทำให้เกิดเสียงฟ้าร้องดังสนั่น เกิดฟ้าแล่บสว่างจ้า และเกิดแผ่นดินไหว
\s5
\p
\v 6 ทูตสวรรค์ทั้งเจ็ดที่มีแตรเจ็ดอันเตรียมพร้อมที่จะเป่าแตร
\v 7 ทูตสวรรค์องค์แรกเป่าแตรของเขา และมีพายุลูกเห็บและลูกไฟผสมกับเลือด ถูกเทลงมาบนแผ่นดินโลกเพื่อจะเผาหนึ่งในสามของโลก หนึ่งในสามของต้นไม้ถูกเผาไหม้ และพืชพันธุ์สีเขียวทั้งหมดถูกเผาไหม้
\s5
\p
\v 8 ทูตสวรรค์องค์ที่สองเป่าแตรของเขา มีบางสิ่งที่เหมือนกับภูเขาใหญ่ที่ลุกเป็นไฟถูกโยนลงมายังทะเล หนึ่งในสามของทะเลกลายเป็นเลือด
\v 9 หนึ่งในสามของสิ่งทรงสร้างที่มีชีวิตในทะเลตายสิ้น หนึ่งในสามของเรือต่างๆ ถูกทำลาย
\s5
\p
\v 10 ทูตสวรรค์องค์ที่สามเป่าแตรของเขา และมีดาวใหญ่ดวงหนึ่งสว่างเหมือนคบเพลิงตกลงจากท้องฟ้าบนแม่น้ำหนึ่งในสามของแม่น้ำทั้งหลายและตกลงบนบ่อน้ำพุต่างๆ
\v 11 ดาวดวงนี้มีชื่อว่า "บอระเพ็ด" หนึ่งในสามของน้ำทั้งหมดเปลี่ยนเป็นรสขม และคนจำนวนมากต้องตายเพราะน้ำที่มีรสขม
\s5
\p
\v 12 ทูตสวรรค์องค์ที่สี่เป่าแตรของเขา และหนึ่งในสามของดวงอาทิตย์ถูกโจมตี รวมถึงหนึ่งในสามของดวงจันทร์ และหนึ่งในสามของดวงดาวด้วย หนึ่งในสามของดวงเหล่านี้จึงถูกทำให้มืดไป หนึ่งในสามของกลางวันและหนึ่งในสามของกลางคืนไม่มีความสว่าง
\s5
\p
\v 13 ข้าพเจ้ามองดู และข้าพเจ้าได้ยินเสียงนกอินทรีย์ตัวหนึ่งที่กำลังบินอยู่เหนือศรีษะร้องเรียกด้วยเสียงดังว่า "วิบัติ วิบัติ วิบัติ แก่คนเหล่านั้นที่อาศัยอยู่บนโลก เพราะแตรที่เหลืออยู่ที่กำลังจะถูกเป่าโดยทูตสวรรค์ทั้งสามองค์"
\s5
\c 9
\p
\v 1 จากนั้นทูตสวรรค์องค์ที่ห้าก็เป่าแตรของเขา ข้าพเจ้าเห็นดาวจากท้องฟ้าดวงหนึ่งตกลงมายังโลก ดาวดวงนั้นได้รับมอบกุญแจสำหรับช่องของหลุมที่ลึกจนหยั่งไม่ถึง
\v 2 เขาไขเปิดช่องของหลุมที่ลึกจนหยั่งไม่ถึง และมีควันพลุ่งออกมาจากช่องเหมือนกับควันจากเตาหลอมมหึมา ดวงอาทิตย์และอากาศก็มืดไปเพราะควันที่ทะลักพลุ่งออกมาจากช่องนั้น
\s5
\p
\v 3 มีฝูงตั๊กแตนออกมาจากควันนั้นมายังแผ่นดินโลก และพวกมันได้รับอำนาจเหมือนกับแมงป่องแห่งแผ่นดินโลก
\v 4 พวกมันถูกห้ามไม่ให้ทำลายหญ้า พืชพันธุ์บนโลก หรือต้นไม้บนแผ่นดินโลก แต่เฉพาะผู้คนที่ไม่มีตราประทับของพระเจ้าที่บนหน้าผากของพวกเขาเท่านั้น
\s5
\p
\v 5 พวกมันไม่ได้รับอนุญาตให้ฆ่าประชาชนเหล่านั้น แต่ให้ทรมานพวกเขาห้าเดือน ความทุกข์ทรมานของพวกเขาเหมือนถูกแมงป่องต่อย
\v 6 ในวันเหล่านั้นผู้คนจะเสาะหาความตาย แต่จะไม่พบ พวกเขาจะปรารถนาความตายอย่างมาก แต่ความตายจะหนีจากพวกเขาไป
\s5
\p
\v 7 ฝูงตั๊กแตนดูเหมือนฝูงม้าที่เตรียมพร้อมสำหรับสงคราม บนศีรษะของพวกมันมีบางสิ่งที่เหมือนกับมงกุฎทองคำ และใบหน้าของพวกมันก็เหมือนกับใบหน้าของมนุษย์
\v 8 พวกมันมีเส้นผมเหมือนกับผมของผู้หญิง และฟันของพวกมันเหมือนกับฟันของสิงโต
\v 9 พวกมันมีเสื้อเกราะเหมือนเสื้อเกราะเหล็ก และเสียงปีกของพวกมันเหมือนกับเสียงของรถม้าศึกและฝูงม้าที่กำลังวิ่งเข้าสู่สนามรบ
\s5
\p
\v 10 พวกมันมีหางที่ใช้ต่อยเหมือนแมงป่อง ในหางของพวกมันมีอำนาจที่จะทำร้ายมนุษย์ให้บาดเจ็บตลอดห้าเดือน
\v 11 พวกมันมีทูตแห่งหลุมที่ลึกจนหยั่งไม่ถึงเป็นกษัตริย์ปกครองมัน ชื่อของมันในภาษาฮีบรูเรียกว่า อาบัดโดน และในภาษากรีกมันชื่อว่า อปอลลิโยน
\v 12 วิบัติอย่างแรกผ่านพ้นไป ดูเถิด หลังจากนี้ ยังคงมีวิบัติอีกสองอย่างที่มา
\s5
\p
\v 13 ทูตสวรรค์องค์ที่หกเป่าแตรของเขา และข้าพเจ้าได้ยินเสียงมาจากบรรดาเชิงงอนของแท่นบูชาทองคำที่ตั้งอยู่ต่อพระพักตร์ของพระเจ้า
\v 14 มีเสียงพูดกับทูตสวรรค์องค์ที่หกที่เป่าแตรนั้นว่า "จงปล่อยทูตสวรรค์ทั้งสี่ที่ถูกมัดเอาไว้ที่แม่น้ำใหญ่ชื่อยูเฟรติส"
\v 15 ทูตสวรรค์ทั้งสี่ที่ถูกเตรียมเอาไว้สำหรับชั่วโมงนั้น วันนั้น เดือนนั้น และปีนั้น ได้ถูกปล่อยมาเพื่อฆ่าหนึ่งในสามของมวลมนุษย์
\s5
\p
\v 16 ข้าพเจ้าได้ยินถึงจำนวนพลทหารที่นั่งบนหลังม้าว่ามีจำนวน 200,000,000 คน
\v 17 นี่คือนิมิตที่ข้าพเจ้าได้เห็นเกี่ยวกับม้าทั้งหลาย และบรรดาผู้ที่ขี่ม้าเหล่านั้น เสื้อเกราะของพวกเขาเป็นสีแดงเพลิง สีน้ำเงินเข้ม และสีเหลืองกำมะถัน ศีรษะของม้าเหล่านั้นเหมือนศีรษะของสิงโต และมีไฟ ควัน และกำมะถันออกมาจากปากของพวกมัน
\s5
\p
\v 18 จำนวนหนึ่งในสามของมนุษย์ถูกฆ่าโดยภัยพิบัติทั้งสามอย่างนี้ คือ ไฟ ควัน และกำมะถันที่ออกมาจากปากของพวกมัน
\v 19 เพราะอำนาจของม้าเหล่านั้นอยู่ในปากและในหางของพวกมัน หางของพวกมันเหมือนงูและพวกมันมีหัวหลายหัวเพื่อใช้ทำร้ายประชาชน
\s5
\p
\v 20 สำหรับมนุษย์ที่เหลือที่ยังไม่ได้ถูกฆ่าโดยภัยพิบัติทั้งสามอย่างนี้ คือพวกคนที่ไม่ได้กลับใจจากการกระทำของตน หรือพวกเขาไม่ได้หยุดนมัสการผีชั่วและพวกรูปเคารพที่ทำด้วยทองคำ เงิน ทองแดง ก้อนหิน และไม้ คือ สิ่งต่างๆ ที่ไม่สามารถมองเห็น ได้ยิน หรือเดินได้
\v 21 พวกเขาที่ไม่ได้กลับใจจากการฆาตกรรม จากเวทย์มนต์คาถา จากการทำผิดศีลธรรมทางเพศ หรือจากการประพฤติลักขโมยของพวกเขา
\s5
\c 10
\p
\v 1 แล้วข้าพเจ้าได้เห็นทูตสวรรค์ที่มีฤทธิ์อำนาจอีกองค์หนึ่งลงมาจากฟ้าสวรรค์ เขามีเมฆเป็นเสื้อคลุม และมีสายรุ้งอยู่เหนือศีรษะของเขา ใบหน้าของเขาเหมือนกับดวงอาทิตย์และเท้าของเขาเหมือนเสาเพลิง
\v 2 เขาถือหนังสือม้วนเล็กเล่มหนึ่งที่ถูกเปิดออกในมือของเขา เขาวางเท้าข้างขวาของเขาบนทะเล และวางเท้าซ้ายบนแผ่นดิน
\s5
\p
\v 3 แล้วเขาจึงตะโกนด้วยเสียงอันดังเหมือนกับเสียงสิงโตคำราม เมื่อเขาตะโกน ก็มีเสียงฟ้าร้องทั้งเจ็ดพูดกับพวกเขาขึ้นมาว่า
\v 4 เมื่อเสียงฟ้าร้องทั้งเจ็ดพูดออกมา ข้าพเจ้ากำลังจะลงมือเขียน แต่ข้าพเจ้าได้ยินเสียงจากฟ้าสวรรค์กล่าวว่า "จงเก็บไว้เป็นความลับเกี่ยวกับสิ่งที่ฟ้าร้องทั้งเจ็ดพูดนั้น จงอย่าเขียนลงไป"
\s5
\p
\v 5 แล้วทูตสวรรค์องค์ที่ข้าพเจ้าได้เห็นว่ากำลังยืนอยู่บนทะเลและแผ่นดินก็ยกมือขวาของเขาขึ้นต่อฟ้าสวรรค์
\v 6 เขาสาบานโดยอ้างผู้หนึ่งซึ่งทรงพระชนม์อยู่เป็นนิตย์ ผู้สร้างฟ้าสวรรค์และทุกสิ่งที่อยู่ในนั้น ผู้สร้างแผ่นดินโลกและทุกสิ่งที่อยู่ในนั้น ผู้สร้างทะเลและทุกสิ่งที่อยู่ในนั้น และทูตสวรรค์องค์นั้นกล่าวว่า "จะไม่มีการล่าช้าอีกต่อไป
\v 7 แต่ในวันที่ทูตสวรรค์องค์ที่เจ็ดเป่าแตรของเขานั้น ความล้ำลึกของพระเจ้าจะสำเร็จ เหมือนอย่างที่พระองค์ประกาศต่อบรรดาผู้เผยพระวจนะที่เป็นผู้รับใช้ของพระองค์
\s5
\p
\v 8 ข้าพเจ้าได้ยินเสียงจากฟ้าสวรรค์กล่าวกับข้าพเจ้าอีกว่า "จงไปและเปิดหนังสือม้วนที่อยู่ในมือของทูตสวรรค์องค์นั้นที่กำลังยืนอยู่บนทะเลและแผ่นดิน"
\v 9 แล้วข้าพเจ้าจึงไปหาทูตสวรรค์และบอกให้เขามอบหนังสือม้วนเล็กให้แก่ข้าพเจ้า เขาพูดกับข้าพเจ้าว่า "จงรับหนังสือม้วนนี้และกินเข้าไป มันจะขมอยู่ในท้องของท่าน แต่เมื่ออยู่ในปากของท่านมันจะมีรสหวานเหมือนน้ำผึ้ง"
\s5
\p
\v 10 ข้าพเจ้าจึงรับหนังสือม้วนเล็กจากมือของทูตสวรรค์และกินเข้าไป ถ้าอยู่ในปากของข้าพเจ้าก็มีรสหวานเหมือนน้ำผึ้ง แต่เมื่อข้าพเจ้ากินมันเข้าไป มันกลับมีรสขมอยู่ในท้องของข้าพเจ้า
\v 11 จากนั้นมีใครบางคนที่พูดกับข้าพเจ้าว่า "ท่านต้องเผยพระวจนะเกี่ยวกับประชาชนจำนวนมาก ชนชาติต่างๆ ภาษาต่างๆ และกษัตริย์จำนวนมาก"
\s5
\c 11
\p
\v 1 ข้าพเจ้าได้รับไม้อ้อท่อนหนึ่งเพื่อใช้เป็นเหมือนไม้วัด ข้าพเจ้าได้รับคำสั่งว่า "จงลุกขึ้นและวัดขนาดพระวิหารของพระเจ้ากับแท่นบูชา และนับจำนวนคนที่นมัสการในพระวิหารนั้น
\v 2 แต่ไม่ต้องวัดลานด้านนอกพระวิหารเพราะได้มอบส่วนนั้นให้กับคนต่างชาติแล้ว พวกเขาจะเหยียบย่ำนครอันบริสุทธิ์เป็นเวลาสี่สิบสองเดือน
\s5
\p
\v 3 เราจะให้สิทธิอำนาจแก่พยานทั้งสองของเรา เพื่อเผยพระวจนะเป็นเวลา 1,260 วัน โดยที่นุ่งห่มด้วยผ้ากระสอบ
\v 4 พยานเหล่านี้คือต้นมะกอกสองต้นและเชิงตะเกียงสองอันที่ตั้งอยู่ต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าแห่งแผ่นดินโลก
\v 5 ถ้าผู้ใดเลือกที่จะทำลายพวกเขา จะมีไฟออกมาจากปากของพวกเขาและเผาผลาญเหล่าศัตรูของพวกเขา ใครก็ตามที่ปรารถนาจะทำลายพวกเขาจะต้องถูกฆ่าเช่นนี้
\s5
\p
\v 6 พยานเหล่านี้มีสิทธิอำนาจในการปิดท้องฟ้าเพื่อไม่ให้ฝนตกในช่วงเวลาที่พวกเขาเผยพระวจนะ พวกเขามีอำนาจที่จะเปลี่ยนน้ำให้กลายเป็นเลือด และโจมตีแผ่นดินโลกด้วยภัยพิบัติทุกชนิดตามที่พวกเขาปรารถนา
\v 7 เมื่อพวกเขาใกล้เสร็จสิ้นการเป็นพยานของพวกเขา สัตว์ร้ายที่ขึ้นมาจากหลุมที่ลึกมาก จะทำสงครามต่อสู้พวกเขา สัตว์ร้ายนั้นจะเอาชนะพวกเขาและฆ่าพวกเขา
\s5
\p
\v 8 ศพของพวกเขาจะถูกทิ้งไว้บนถนนของนครใหญ่ (เป็นสัญลักษณ์ที่เรียกกันว่า โสโดมและอียิปต์) เป็นที่ซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าถูกตรึงที่กางเขน
\v 9 จะมีบางคนจากผู้คนทั้งหมด จากทุกชนเผ่า จากทุกภาษา และจากทุกชนชาติ เฝ้ามองดูที่ศพของพวกเขาเป็นเวลาสามวันครึ่ง และจะไม่ยอมให้ศพของพวกเขาถูกฝังไว้ในอุโมงค์
\s5
\p
\v 10 คนเหล่านั้นที่อาศัยอยู่บนโลกจะชื่นชมยินดีด้วยเรื่องของพวกเขาและเฉลิมฉลอง พวกเขาจะส่งของขวัญให้แก่กันเพราะผู้เผยพระวจนะทั้งสองเหล่านี้ได้ทรมานบรรดาคนเหล่านั้นที่อาศัยอยู่บนแผ่นดินโลก
\v 11 แต่หลังจากสามวันครึ่งไปแล้ว พระเจ้าจะทรงระบายลมหายใจแห่งชีวิตเข้าในร่างนั้น และพวกเขาจะยืนขึ้นด้วยเท้าของเขา คนเหล่านั้นที่เห็นพวกเขาก็เกิดความกลัวอย่างยิ่ง
\v 12 จากนั้นพวกเขาจะได้ยินเสียงดังจากฟ้าสวรรค์พูดกับพวกเขาว่า "จงขึ้นมาที่นี่" แล้วพวกเขาจะขึ้นไปสวรรค์ในเมฆ ขณะที่พวกศัตรูก็จ้องมองดูอยู่
\s5
\p
\v 13 ในชั่วโมงนั้นเองจะเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ และสิบส่วนของนครจะถล่มลงมา คนเจ็ดพันคนจะถูกฆ่าเนื่องจากแผ่นดินไหวนั้น และบรรดาคนที่รอดชีวิตจะตกใจกลัวและถวายเกียรติแด่พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์
\v 14 วิบัติอย่างที่สองผ่านไป ดูเถิด วิบัติอย่างที่สามกำลังมาอย่างรวดเร็ว
\s5
\p
\v 15 แล้วทูตสวรรค์องค์ที่เจ็ดก็เป่าแตรของเขา และมีเสียงอันดังในฟ้าสวรรค์กล่าวว่า "อาณาจักรแห่งโลกนี้ได้กลายมาเป็นราชอาณาจักรขององค์พระผู้เป็นเจ้าของเราและเป็นของพระคริสต์ พระองค์จะทรงครอบครองตลอดไปเป็นนิตย์
\s5
\p
\v 16 แล้วบรรดาผู้อาวุโสทั้งยี่สิบสี่ ที่กำลังนั่งอยู่บนบัลลังก์ของพวกเขาต่อหน้าพระเจ้า ก็ซบหน้าของพวกเขาลง และนมัสการพระเจ้า
\v 17 พวกเขาพูดว่า "พวกเราขอบพระคุณพระองค์ องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุด ผู้ที่ทรงเป็นอยู่และผู้ที่ทรงเคยเป็นอยู่ เพราะพระองค์ได้ทรงใช้ฤทธิ์อำนาจอันยิ่งใหญ่ของพระองค์และทรงเริ่มครอบครองแล้ว
\s5
\p
\v 18 ประชาชาติจะโกรธจัด แต่พระพิโรธของพระองค์ได้มาถึงแล้ว เวลาที่คนตายจะได้รับการพิพากษาก็มาถึงแล้วและเป็นเวลาที่พระองค์จะประทานบำเหน็จให้แก่บรรดาผู้เผยพระวจนะที่เป็นผู้รับใช้ของพระองค์ บรรดาผู้เชื่อ และแก่คนเหล่านั้นที่ยำเกรงพระนามของพระองค์ ทั้งคนที่ไม่สำคัญและคนที่ยิ่งใหญ่ เวลาก็มาถึงเพื่อพระองค์จะทำลายคนเหล่านั้นที่กำลังทำลายแผ่นดินโลกอยู่
\s5
\p
\v 19 จากนั้นพระวิหารของพระเจ้าในสวรรค์ก็ถูกเปิดออก และมองเห็นหีบแห่งพันธสัญญาของพระองค์ที่ตั้งอยู่ภายในพระวิหารของพระองค์ มีฟ้าแลบ เสียงดังครืน เสียงฟ้าร้องกึกก้อง แผ่นดินไหว และมีพายุลูกเห็บร้ายแรง
\s5
\c 12
\p
\v 1 มีหมายสำคัญยิ่งใหญ่ปรากฎขึ้นในสวรรค์ คือมีผู้หญิงคนหนึ่งที่สวมดวงอาทิตย์เป็นเสื้อผ้า และมีดวงจันทร์รองใต้เท้าของเธอ และสวมมงกุฏบนที่เป็นดวงดาวทั้งสิบสองดวงบนศีรษะของเธอ
\v 2 เธอตั้งครรภ์ และเธอกำลังร้องด้วยความเจ็บปวดในการคลอดบุตร
\s5
\p
\v 3 แล้วจึงมีอีกหมายสำคัญหนึ่งเกิดขึ้นในสวรรค์ ดูเถิด มีพญานาคตัวใหญ่สีแดงตัวหนึ่งที่มีเจ็ดหัว และมีสิบเขา และมีมงกุฎเจ็ดอันอยู่บนแต่ละหัวของมัน
\v 4 หางของมันตวัดดวงดาวหนึ่งในสามส่วนในท้องฟ้าและทิ้งดวงดาวเหล่านั้นลงมาบนแผ่นดินโลก พญานาคตัวนั้นยืนอยู่ต่อหน้าผู้หญิงที่กำลังจะคลอดบุตร เพื่อว่าเมื่อผู้หญิงคนนั้นคลอดบุตรออกมา มันก็จะกินบุตรของเธอ
\s5
\p
\v 5 เธอคลอดบุตรชาย เป็นเด็กผู้ชายที่จะปกครองทุกชนชาติด้วยคทาเหล็ก เด็กคนนั้นถูกคว้าไปเข้าเฝ้าพระเจ้าและไปที่พระบัลลังก์ของพระองค์
\v 6 และผู้หญิงนั้นหนีเข้าไปในถิ่นทุรกันดาร ซึ่งพระเจ้าได้จัดเตรียมสถานที่เอาไว้สำหรับเธอ ดังนั้นเธอจะได้รับการดูแลเป็นเวลา 1,260 วัน
\s5
\p
\v 7 บัดนี้มีสงครามเกิดขึ้นในสวรรค์ มิคาเอลและเหล่าทูตสวรรค์ของเขาก็ต่อสู้กับพญานาคนั้น และพญานาคกับบริวารของมันก็ต่อสู้
\v 8 แต่พญานาคไม่แข็งแรงพอที่จะชนะได้ ดังนั้นจึงไม่มีที่อยู่ในสวรรค์สำหรับมันและบริวารของมัน
\v 9 พญานาคใหญ่ คืองูดึกดำบรรพ์ที่มีชื่อว่ามารหรือซาตาน ผู้ที่หลอกลวงทั้งโลก จึงถูกเหวี่ยงลงมาบนแผ่นดินโลกพร้อมกับบริวารของมันทั้งหมด
\s5
\p
\v 10 แล้วข้าพเจ้าได้ยินเสียงอันดังในสวรรค์ว่า บัดนี้ความรอด ฤทธิ์เดช ราชอาณาจักรของพระเจ้าของพวกเรา และสิทธิอำนาจของพระคริสต์ของพระองค์ได้มาถึงแล้ว เพราะผู้กล่าวโทษพี่น้องของพวกเราได้ถูกโยนลงไปแล้ว คือผู้ที่กล่าวโทษพวกเขาต่อพระพักตร์พระเจ้าของพวกเราทั้งกลางวันและกลางคืน
\s5
\p
\v 11 พวกเขาเอาชนะมันได้โดยพระโลหิตของพระเมษโปดกและโดยถ้อยคำแห่งการเป็นพยานของพวกเขา เพราะพวกเขาไม่ได้รักชีวิตของตนเองแต่ยอมตายได้
\v 12 ฉะนั้นสวรรค์และบรรดาผู้ที่อยู่ในสวรรค์จงชื่นชมยินดีเถิด แต่วิบัติจงบังเกิดขึ้นแก่แผ่นดินโลกและทะเล เพราะมารร้ายได้ลงไปหาพวกเจ้าแล้ว มันเต็มไปด้วยความโกรธยิ่ง เพราะมันรู้ว่าเวลาของมันเหลือน้อยนัก
\s5
\p
\v 13 เมื่อพญานาคนั้นรู้ว่ามันได้ถูกโยนลงไปยังโลก มันจึงตามล่าผู้หญิงคนนั้นที่คลอดบุตรชาย
\v 14 แต่ผู้หญิงคนนั้นได้รับปีกของนกอินทรีใหญ่สองปีก ดังนั้นเธอจึงสามารถหนีไปยังสถานที่ที่ได้จัดเตรียมเอาไว้สำหรับเธอในถิ่นทุรกันดาร ณ ที่นั่นเธอจะได้รับการดูแลให้พ้นจากงูใหญ่เป็นเวลาหนึ่งวาระ สองวาระ และอีกครึ่งวาระ
\s5
\p
\v 15 งูใหญ่นั้นได้พ่นน้ำออกมาจากปากของมันเหมือนกับแม่น้ำสายหนึ่งเพื่อจะทำให้เกิดน้ำท่วมพัดพาเอาผู้หญิงคนนั้นไป
\v 16 แต่แผ่นดินโลกได้ช่วยผู้หญิงนั้นเอาไว้ แผ่นดินโลกได้เปิดปากออกและสูบเอาแม่น้ำที่พญานาคได้พ่นออกมาจากปากของมันลงไป
\v 17 แล้วพญานาคจึงโกรธแค้นผู้หญิงคนนั้นมาก มันจึงไปทำสงครามต่อสู้กับเชื้อสายที่เหลือทั้งหมดของเธอ คือ บรรดาคนที่เชื่อฟังคำบัญชาของพระเจ้าและยึดมั่นในคำพยานของพวกเขาเกี่ยวกับพระเยซู
\v 18 จากนั้นพญานาคนั้นจึงยืนขึ้นบนหาดทรายของชายฝั่งทะเล
\s5
\c 13
\p
\v 1 แล้วข้าพเจ้าเห็นสัตว์ร้ายตัวหนึ่งขึ้นมาจากทะเล มันมีเขาสิบเขาและเจ็ดหัว ที่เขาทั้งสิบนั้นมีมงกุฎสิบอัน และมีชื่อที่เป็นคำหมิ่นประมาทจารึกไว้ที่หัวแต่ละหัวของมัน
\v 2 สัตว์ร้ายที่ข้าพเจ้าได้เห็นนี้มีลักษณะคล้ายกับเสือดาวตัวหนึ่ง เท้าของมันเหมือนเท้าของหมี และปากของมันเหมือนปากของสิงโต พญานาคนั้นให้ฤทธิ์อำนาจของมัน บัลลังก์ของมัน และสิทธิอำนาจอันยิ่งใหญ่ของมันแก่สัตว์ร้าย
\s5
\p
\v 3 ที่หัวหนึ่งของสัตว์ร้ายนั้นดูเหมือนเคยมีแผลฉกรรจ์ถูกฆ่าให้ตายแต่ได้หายเป็นปกติแล้ว ทั้งโลกติดตามสัตว์ร้ายนั้นไปด้วยความอัศจรรย์ใจ
\v 4 พวกเขายังนมัสการพญานาคนั้น เพราะมันมอบสิทธิอำนาจของมันให้แก่สัตว์ร้ายตัวนั้น พวกเขาจึงนมัสการสัตว์ร้ายตัวนั้นด้วยและพูดกันต่อไปว่า "ใครจะเหมือนสัตว์ร้ายนี้?" และ "ใครจะต่อสู้มันได้?"
\s5
\p
\v 5 สัตว์ร้ายตัวนั้นได้รับปากที่ใช้พูดจาใหญ่โตและหมิ่นประมาทพระเจ้า มันได้รับอนุญาตให้ใช้สิทธิอำนาจนั้นเป็นเวลาสี่สิบสองเดือน
\v 6 ดังนั้นสัตว์ร้ายนั้นจึงเปิดปากของมันพูดหมิ่นประมาทพระเจ้า ดูหมิ่นพระนามของพระองค์ ดูหมิ่นที่ประทับของพระองค์ และบรรดาผู้ที่อยู่ในสวรรค์
\s5
\p
\v 7 สัตว์ร้ายนั้นได้รับอนุญาตให้ทำสงครามกับบรรดาธรรมิกชน และเอาชนะพวกเขาได้ มันยังได้รับสิทธิอำนาจเหนือทุกเผ่า ทุกชนชาติ ทุกภาษาและทุกประชาชาติ
\v 8 ทุกคนที่อาศัยอยู่บนโลกนี้จะนมัสการมัน คือ ทุกคนที่ชื่อของเขาไม่ได้ถูกเขียนไว้ในหนังสือแห่งชีวิตซึ่งเป็นของพระเมษโปดกผู้ถูกปลงพระชนม์นับตั้งแต่แรกสร้างโลก
\s5
\p
\v 9 ใครมีหู จงฟังเถิด
\v 10 ถ้าผู้ใดถูกพาไปเป็นเชลย เขาก็จะไปเป็นเชลย ถ้าผู้ใดถูกฆ่าด้วยดาบ เขาก็จะถูกฆ่าด้วยดาบ นี่คือการทรงเรียกเพื่อให้มีความทรหดอดทนและความเชื่อของบรรดาธรรมิกชน
\s5
\p
\v 11 จากนั้นข้าพเจ้ามองเห็นสัตว์ร้ายอีกตัวหนึ่งขึ้นมาจากแผ่นดิน มันมีสองเขาเหมือนแกะตัวหนึ่ง และมันพูดเหมือนกับพญานาค
\v 12 มันใช้สิทธิอำนาจทั้งหมดที่มีของสัตว์ร้ายตัวแรก และมันทำให้แผ่นดินโลกและผู้ที่อยู่บนโลกนั้นนมัสการสัตว์ร้ายตัวแรก ที่บาดแผลฉกรรจ์ของมันได้รับการรักษาให้หายแล้ว
\s5
\p
\v 13 มันทำการอัศจรรย์อันยิ่งใหญ่ แม้แต่ทำให้ไฟจากฟ้าตกลงมาบนแผ่นดินโลกต่อหน้าต่อตาผู้คน
\v 14 มันได้รับอนุญาตให้ทำหมายสำคัญต่างๆ ได้ มันหลอกลวงผู้คนที่อยู่ในโลก มันบอกให้พวกเขา สร้างรูปจำลองรูปหนึ่งให้กับสัตว์ร้ายตัวที่มีบาดแผลจากดาบแต่ยังมีชีวิตอยู่
\s5
\p
\v 15 มันได้รับอนุญาตเพื่อให้ลมหายใจแก่รูปของสัตว์ร้าย เพื่อให้รูปสัตว์ร้ายนั้นพูดได้ และใครที่ปฏิเสธที่จะนมัสการสัตว์ร้ายนั้นจะต้องถูกฆ่าตาย
\v 16 มันยังบังคับทุกคน คนไม่สำคัญ มีอำนาจ คนรวย คนจน เป็นไท เป็นทาส ให้รับเครื่องหมายไว้ที่บนมือขวาหรือบนหน้าผาก
\v 17 มันเป็นไปไม่ได้ที่ผู้ใดจะทำการซื้อหรือขายได้ เว้นแต่เขามีเครื่องหมายของสัตว์ร้ายนี้ที่ใช้ตัวเลขแทนชื่อของมัน
\s5
\p
\v 18 เรื่องนี้ต้องใช้สติปัญญา หากผู้ใดมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ก็ให้เขาคาดคะเนตัวเลขของสัตว์ร้ายนั้นเถิด เพราะมันเป็นตัวเลขแทนมนุษย์ หมายเลขของมันคือ 666
\s5
\c 14
\p
\v 1 ข้าพเจ้ามองดูและเห็นพระเมษโปดกกำลังยืนอยู่บนภูเขาศิโยน มี 144,000 คน อยู่ร่วมกับพระองค์ ที่มีพระนามของพระองค์และพระนามของพระบิดาของพระองค์ จารึกไว้บนหน้าผากของพวกเขา
\v 2 ข้าพเจ้าได้ยินเสียงจากสวรรค์ดังขึ้นเหมือนเสียงคำรามของน้ำมากหลายและเสียงฟ้าร้องกึกก้อง เสียงที่ข้าพเจ้าได้ยินนั้นเป็นเหมือนเหล่านักดีดพิณกำลังบรรเลงพิณของพวกเขา
\s5
\p
\v 3 พวกเขาร้องเพลงบทใหม่ต่อหน้าพระบัลลังก์ ต่อหน้าสิ่งมีชีวิตทั้งสี่ และต่อหน้าบรรดาผู้อาวุโส ไม่มีใครสามารถฝึกร้องเพลงนั้นได้นอกจาก 144,000 คน ที่ถูกนำมาจากแผ่นดินโลก
\v 4 คนเหล่านี้คือบรรดาคนที่ไม่ได้ทำให้ตัวเองเป็นมลทินกับผู้หญิง เพราะพวกเขารักษาตัวเองให้มีความบริสุทธิ์ทางเพศ คนเหล่านี้คือผู้ที่ติดตามพระเมษโปดกไปในทุกที่ที่พระองค์ไป คนเหล่านี้ถูกนำออกมาจากมวลมนุษย์เป็นดั่งผลแรกที่มอบถวายแด่พระเจ้าและแด่พระเมษโปดก
\v 5 ไม่พบคำโกหกใดๆ ออกมาจากปากของพวกเขา พวกเขาไม่มีที่ติ
\s5
\p
\v 6 ข้าพเจ้าเห็นทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งบินมากลางอากาศ เขามีถ้อยคำนิรันดร์แห่งข่าวประเสริฐเพื่อประกาศแก่บรรดาคนที่อยู่บนแผ่นดินโลก คือ ทุกประชาชาติ ทุกเผ่า ทุกภาษา และทุกชนชาติ
\v 7 เขาร้องด้วยเสียงอันดังว่า "จงยำเกรงพระเจ้าและถวายเกียรติแด่พระองค์ เพราะชั่วโมงแห่งการพิพากษาของพระองค์ได้มาถึงแล้ว จงนมัสการพระองค์ ผู้เดียวที่สร้างฟ้าสวรรค์ แผ่นดินโลก ทะเล และน้ำพุทั้งหลาย"
\s5
\p
\v 8 แล้วทูตสวรรค์อีกองค์ คือ ทูตสวรรค์องค์ที่สองตามมาและกล่าวว่า "ล่มสลายแล้ว ล่มสลายแล้วคือบาบิโลนผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ที่ชักจูงทุกชนชาติให้ดื่มเหล้าองุ่นแห่งความหลงใหลผิดศีลธรรมของเธอ"
\s5
\p
\v 9 ทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่ง คือ องค์ที่สาม ที่ตามพวกเขามาได้พูดด้วยเสียงอันดังว่า "ผู้ใดที่นมัสการสัตว์ร้ายและรูปของมัน และได้รับเครื่องหมายบนหน้าผากหรือบนมือของเขา
\v 10 เขาจะได้ดื่มเหล้าองุ่นแห่งพระพิโรธของพระเจ้าด้วยเช่นกัน เหล้าองุ่นที่ถูกเทลงในถ้วยแห่งพระพิโรธของพระองค์โดยไม่ผสมเจือปนสิ่งใด คนที่ดื่มจะทนทุกข์ทรมานด้วยไฟและกำมะถันต่อหน้าทูตสวรรค์อันบริสุทธิ์ของพระเจ้าและต่อพระพักตร์พระเมษโปดก
\s5
\p
\v 11 ควันจากการทนทุกข์ทรมานของพวกเขาจะลอยขึ้นตลอดไปเป็นนิตย์ และพวกเขาจะไม่ได้หยุดพักไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางคืน พวกเขาคือผู้ที่นมัสการสัตว์ร้ายกับรูปของมัน และทุกคนที่ได้รับเครื่องหมายที่เป็นชื่อของมัน
\v 12 นี่คือคำเรียกร้องให้มีความทรหดอดทนสำหรับบรรดาธรรมิกชน ผู้ที่เชื่อฟังพระบัญญัติของพระเจ้า และความเชื่ในพระเยซู"
\s5
\p
\v 13 ข้าพเจ้าได้ยินเสียงจากสวรรค์กล่าวว่า "จงเขียนสิ่งนี้ไว้ คนทั้งหลายที่ตายในองค์พระผู้เป็นเจ้าก็เป็นสุข" พระวิญญาณตรัสว่า "ใช่แล้ว เพื่อพวกเขาจะได้หยุดพักจากการตรากตรำของพวกเขา เพราะการกระทำของพวกเขาจะติดตามพวกเขาไป"
\s5
\p
\v 14 ข้าพเจ้ามองดู และมีเมฆสีขาวก้อนหนึ่ง ผู้ที่นั่งอยู่บนเมฆนั้นมีลักษณะเหมือนบุตรมนุษย์ พระองค์สวมมงกุฏทองคำบนศีรษะของพระองค์และทรงถือเคียวที่คมกริบในพระหัตถ์ของพระองค์
\v 15 จากนั้นจึงมีทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งออกมาจากพระวิหารและร้องเรียกผู้ที่นั่งอยู่บนเมฆด้วยเสียงอันดังว่า "ใช้เคียวของพระองค์และเริ่มเก็บเกี่ยวเถิด พราะถึงเวลาเก็บเกี่ยวแล้ว เนื่องจากผลที่จะเก็บเกี่ยวบนแผ่นดินโลกก็สุกงอมแล้ว"
\v 16 แล้วผู้ที่นั่งอยู่บนเมฆจึงตวัดเคียวของพระองค์เหนือโลก แล้วโลกก็ได้รับการเก็บเกี่ยว
\s5
\p
\v 17 มีทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งออกมาจากพระวิหารในสวรรค์ เขามีเคียวคมกริบด้วยเช่นเดียวกัน
\v 18 ยังมีทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งผู้มีสิทธิอำนาจเหนือไฟได้ออกมาจากแท่นเผาเครื่องหอมบูชา เขาร้องเรียกด้วยเสียงอันดังต่อผู้นั้นที่ถือเคียวคมกริบว่า "ใช้เคียวคมกริบของท่านเพื่อเก็บเกี่ยวพวงองุ่นทั้งหลายจากเถาองุ่นที่อยู่บนโลก เพราะผลองุ่นก็สุกงอมแล้ว"
\s5
\p
\v 19 ทูตสวรรค์องค์นั้นจึงตวัดเคียวของเขาบนโลก และเก็บเกี่ยวผลองุ่นบนโลก เขาโยนผลองุ่นเหล่านั้นลงไปในบ่อย่ำองุ่นขนาดใหญ่ซึ่งเป็นบ่อแห่งพระพิโรธของพระเจ้า
\v 20 บ่อย่ำองุ่นนั้นถูกย่ำที่นอกเมือง มีเลือดไหลทะลักออกมาจากบ่อนั้นจนสูงเท่ากับบังเหียนม้าและไหลยาวเป็นระยะทางประมาณ 1,600 ซทาดิออน
\s5
\c 15
\p
\v 1 แล้วข้าพเจ้าเห็นหมายสำคัญในสวรรค์อีกอย่างหนึ่งที่ยิ่งใหญ่และมหัศจรรย์ คือ มีทูตสวรรค์เจ็ดองค์กับภัยพิบัติเจ็ดอย่าง ซึ่งเป็นภัยพิบัติสุดท้าย เพราะว่าพระพิโรธของพระเจ้าจะสิ้นสุดลงด้วยภัยพิบัติเหล่านั้น
\s5
\p
\v 2 ข้าพเจ้าเห็นสิ่งที่ดูเหมือนเป็นทะเลแก้วปนกับไฟ คนเหล่านั้นที่ยืนอยู่ริมทะเลคือบรรดาคนที่มีชัยชนะต่อสัตว์ร้าย และรูปของมัน และต่อตัวเลขที่แสดงถึงชื่อของมัน พวกเขาทั้งหลายถือพิณที่พระเจ้าประทานให้พวกเขา
\s5
\p
\v 3 พวกเขาร้องเพลงของโมเสส ผู้รับใช้ของพระเจ้าและร้องเพลงของพระเมษโปดกว่า "ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเป็นพระเจ้า ผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุด พระราชกิจของพระองค์ยิ่งใหญ่และมหัศจรรย์ ข้าแต่องค์พระมหากษัตริย์แห่งบรรดาประชาชาติ พระมรรคาของพระองค์ยุติธรรมและสัตย์จริง
\v 4 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า มีใครบ้างไม่เกรงกลัวพระองค์และถวายพระเกียรติแด่พระนามของพระองค์? เพราะพระองค์ผู้เดียวทรงบริสุทธิ์ บรรดาประชาชาติทั้งสิ้นจะมานมัสการเฉพาะพระพักตร์พระองค์ เพราะว่าพระราชกิจอันชอบธรรมของพระองค์ได้ปรากฏให้เห็นแล้ว"
\s5
\p
\v 5 หลังจากสิ่งเหล่านี้แล้ว ข้าพเจ้ามองดู และพระวิหารซึ่งมีเต็นท์แห่งสักขีพยานได้เปิดออกในสวรรค์
\v 6 และทูตสวรรค์ทั้งเจ็ดองค์ที่ถือภัยพิบัติทั้งเจ็ดอย่างได้ออกมาจากสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ที่สุด เขาเหล่านั้นนุ่งห่มผ้าลินินบริสุทธิ์ สดใส และคาดแถบทองคำรอบอกของพวกเขา
\s5
\p
\v 7 หนึ่งในสิ่งมีชีวิตทั้งสี่ตนนั้น ได้มอบชามทองคำเจ็ดใบที่เต็มไปด้วยพระพิโรธของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่เป็นนิตย์ให้แก่ทูตสวรรค์ทั้งเจ็ดองค์นั้น
\v 8 พระวิหารก็เต็มไปด้วยควันจากพระสิริของพระเจ้า และจากฤทธานุภาพของพระองค์ ไม่มีใครสามารถเข้าไปในพระวิหารนั้น จนกว่าภัยพิบัติทั้งเจ็ดของทูตสวรรค์เจ็ดองค์นั้นจะสิ้นสุดลง
\s5
\c 16
\p
\v 1 ข้าพเจ้าได้ยินเสียงดังออกมาจากพระวิหาร และสั่งทูตสวรรค์ทั้งเจ็ดองค์นั้นว่า "จงออกไปแล้วเทชามแห่งพระพิโรธของพระเจ้าทั้งเจ็ดใบลงบนแผ่นดินโลก"
\s5
\p
\v 2 ทูตสวรรค์องค์แรกจึงออกไป และเทชามของตนลงบนแผ่นดินโลก แล้วคนทั้งหลายที่มีเครื่องหมายของสัตว์ร้าย และพวกที่นมัสการรูปของมันก็มีแผลร้ายที่น่าเกลียดและเจ็บปวดเกิดขึ้นตามตัว
\s5
\p
\v 3 ทูตสวรรค์องค์ที่สองเทชามของตนลงในทะเล ทะเลก็กลายเป็นเลือดเหมือนอย่างเลือดของคนตาย และสิ่งมีชีวิตทั้งสิ้นซึ่งอยู่ในทะเลนั้นก็ตาย
\s5
\p
\v 4 ทูตสวรรค์องค์ที่สามเทชามของตนลงไปในแม่น้ำและบ่อน้ำพุทั้งหลาย และน้ำเหล่านั้นก็กลายเป็นเลือด
\v 5 ข้าพเจ้าได้ยินทูตสวรรค์แห่งน้ำกล่าวว่า "พระองค์ทรงชอบธรรม ผู้ทรงเป็นอยู่และเคยเป็นอยู่ ผู้ทรงบริสุทธิ์ เพราะพระองค์ได้ทรงพิพากษาสิ่งเหล่านี้แล้ว
\v 6 เพราะพวกเขาทำให้เลือดของบรรดาธรรมิกชน และผู้เผยพระวจนะไหลออก และพระองค์ทรงให้พวกเขาดื่มเลือดซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเขาสมควรได้รับแล้ว"
\v 7 ข้าพเจ้าได้ยินแท่นบูชาตอบว่า "ใช่แล้ว องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุด การพิพากษาของพระองค์สัตย์จริงและชอบธรรม"
\s5
\p
\v 8 ทูตสวรรค์องค์ที่สี่เทชามของตนลงไปบนดวงอาทิตย์ และอนุญาตให้ดวงอาทิตย์แผดเผามนุษย์ด้วยไฟ
\v 9 ความร้อนแรงกล้าก็แผดเผามนุษย์ และพวกเขาพูดหมิ่นประมาทพระนามของพระเจ้า ผู้ซึ่งมีฤทธิ์เดชเหนือภัยพิบัติเหล่านั้น พวกเขาไม่ได้กลับใจและไม่ได้ถวายพระเกียรติแด่พระองค์
\s5
\p
\v 10 หลังจากนั้น ทูตสวรรค์องค์ที่ห้าเทชามของตนลงบนบัลลังค์ของสัตว์ร้าย และความมืดก็ปกคลุมอาณาจักรของมัน พวกมันก็กัดลิ้นของตนเพราะความเจ็บปวด
\v 11 พวกมันหมิ่นประมาทพระเจ้าแห่งสวรรค์ เพราะความเจ็บปวดและเพราะแผลตามตัวของพวกมัน และพวกมันยังไม่ยอมกลับใจจากสิ่งที่พวกมันได้กระทำ
\s5
\p
\v 12 ทูตสวรรค์องค์ที่หกเทชามของตนลงไปในแม่น้ำใหญ่ คือแม่น้ำยูเฟรติส ทำให้น้ำในแม่น้ำนั้นแห้ง เพื่อเตรียมทางไว้สำหรับบรรดากษัตริย์ที่จะมาจากทิศตะวันออก
\v 13 ข้าพเจ้าเห็นวิญญาณโสโครกสามดวงที่มองดูเหมือนกบออกมาจากปากของพญานาค จากปากสัตว์ร้าย และจากปากผู้เผยพระวจนะเทียมเท็จ
\v 14 เพราะว่าพวกมันเป็นวิญญาณแห่งผีที่ทำหมายสำคัญอัศจรรย์ พวกมันออกไปหาบรรดากษัตริย์ทั่วโลก เพื่อรวบรวมกษัตริย์เหล่านั้นไปทำสงครามในวันอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุด
\s5
\p
\v 15 ("ดูเถิด เรากำลังมาเหมือนอย่างขโมย คนที่เฝ้าดูอยู่และสวมเสื้อผ้าของตนไว้ก็เป็นสุข เพราะว่าเขาจะไม่ต้องออกไปแบบเปลือยกายและได้เห็นสภาพน่าอับอายของเขา")
\v 16 แล้ววิญญาณทั้งสามได้รวบรวมบรรดากษัตริย์เหล่านั้นไปยังสถานที่ ซึ่งเรียกว่าอารมาเกดโดน ในภาษาฮีบรู
\s5
\p
\v 17 หลังจากนั้น ทูตสวรรค์องค์ที่เจ็ดเทชามของตนลงไปในอากาศ แล้วมีพระสุรเสียงดังออกมาจากพระบัลลังก์ในพระวิหารนั้นว่า "สำเร็จแล้ว"
\v 18 มีฟ้าแลบ เสียงครืนๆ เสียงฟ้าร้อง และแผ่นดินไหวรุนแรง ซึ่งเป็นแผ่นดินไหวที่รุนแรงกว่าแผ่นดินไหวใดๆ ที่เคยเกิดขึ้นตั้งแต่มนุษย์เกิดขึ้นมาบนแผ่นดินโลก ดังนั้นแผ่นดินไหวครั้งนี้รุนแรงอย่างยิ่ง
\v 19 มหานครนั้นก็แยกออกเป็นสามส่วน และเมืองทั้งหลายของบรรดาประชาชาติก็พังทลายลง แล้วพระเจ้าทรงระลึกถึงมหานครบาบิโลน และพระองค์ทรงให้ถ้วยที่เต็มไปด้วยเหล้าองุ่นที่ทำจากพระพิโรธอันรุนแรงของพระองค์แก่นครนั้น
\s5
\p
\v 20 แล้วเกาะทั้งหมดก็หายไปและภูเขาทั้งหมดก็ไม่มีใครหาพบ
\v 21 ลูกเห็บใหญ่ซึ่งมีน้ำหนักประมาณ 1 ตะลันต์ ก็ตกจากท้องฟ้าลงมายังตัวคนทั้งหลาย พวกเขาก็สาปแช่งพระเจ้าเนื่องด้วยภัยพิบัติที่เกิดจากลูกเห็บนั้นเพราะภัยพิบัตินั้นรุนแรงมาก
\s5
\c 17
\p
\v 1 ทูตสวรรค์องค์หนึ่งในเจ็ดองค์ที่ถือชามเจ็ดใบนั้น ก็มาพูดกับข้าพเจ้าว่า "จงมาเถิด เราจะให้ท่านดูการลงโทษหญิงแพศยาคนสำคัญที่นั่งอยู่บนน้ำมากหลาย
\v 2 คือหญิงที่บรรดากษัตริย์ของแผ่นดินโลกผิดศีลธรรมทางเพศด้วย และคนทั้งหลายที่อยู่บนแผ่นดินโลกก็เมามายด้วยเหล้าองุ่นแห่งตัญหาการผิดศีลธรรมทางเพศของเธอ"
\s5
\p
\v 3 แล้วทูตสวรรค์นั้นก็นำข้าพเจ้าเข้าไปในถิ่นทุรกันดารโดยพระวิญญาณ และข้าพเจ้าเห็นผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่บนสัตว์ร้ายสีแดงเข้มตัวหนึ่ง ซึ่งเต็มไปด้วยชื่อที่เป็นคำหมิ่นประมาทพระนามพระเจ้า สัตว์ร้ายนั้นมีเจ็ดหัวและสิบเขา
\v 4 หญิงคนนั้นสวมชุดสีม่วงและสีแดงเข้ม และประดับด้วยทองคำ อัญมณีต่างๆ และไข่มุก เธอกำลังถือถ้วยทองคำที่เต็มไปด้วยสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนและสิ่งโสโครกจากตัญหาการผิดศีลธรรมทางเพศของเธอในมือของเธอ
\v 5 บนหน้าผากของเธอมีชื่อที่มีความหมายลึกลับเขียนไว้ว่า "บาบิโลนมหานคร มารดาของหญิงแพศยาทั้งหลาย และสิ่งน่าสะอิดสะเอียนแห่งแผ่นดินโลก"
\s5
\p
\v 6 ข้าพเจ้าเห็นหญิงนั้นเมามายด้วยโลหิตของบรรดาธรรมิกชน และโลหิตของบรรดาผู้สละชีวิตเพื่อพระเยซู เมื่อข้าพเจ้าเห็นเธอ ข้าพเจ้าก็ประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง
\v 7 แต่ทูตสวรรค์องค์นั้นกล่าวกับข้าพเจ้าว่า "ทำไมท่านจึงประหลาดใจ? เราจะบอกให้ท่านรู้ถึงความหมายของหญิงนั้นและของสัตว์ร้ายที่มีเจ็ดหัวและสิบเขาที่เป็นพาหนะของเธอ
\s5
\p
\v 8 สัตว์ร้ายที่ท่านได้เห็นนั้น ครั้งหนึ่งเคยมีชีวิตอยู่ แต่บัดนี้ไม่มี มันขึ้นมาจากหลุมที่ลึกมากและไปสู่ความพินาศของมัน คนทั้งหลายที่อยู่บนแผ่นดินโลกซึ่งไม่มีชื่อเขียนไว้ในหนังสือแห่งชีวิตตั้งแต่เริ่มสร้างโลก พวกเขาจะประหลาดใจเมื่อพวกเขาเห็นสัตว์ร้ายซึ่งมีชีวิตอยู่และบัดนี้ไม่มี แต่กำลังจะมา
\s5
\p
\v 9 นี่ต้องใช้ความคิดอย่างมีปัญญา หัวทั้งเจ็ดนั้นคือเนินเขาเจ็ดยอดที่หญิงนั้นนั่งอยู่
\v 10 พวกเขาคือกษัตริย์เจ็ดองค์ ห้าองค์ได้ล่วงไปแล้ว องค์หนึ่งกำลังเป็นอยู่ ส่วนอีกองค์หนึ่งยังไม่มา เมื่อพระองค์มาแล้วพระองค์ก็จะอยู่ได้เพียงระยะสั้นๆ เท่านั้น
\s5
\p
\v 11 สัตว์ร้ายที่เคยมีชีวิตอยู่ แต่บัดนี้ไม่มี คือกษัตริย์องค์ที่แปด แต่ก็ยังเป็นหนึ่งในกษัตริย์เจ็ดองค์นั้น และกำลังไปสู่ความพินาศ
\s5
\p
\v 12 ทั้งสิบเขาที่ท่านเห็นนั้นคือกษัตริย์สิบองค์ที่ยังไม่ได้รับอาณาจักร แต่จะรับสิทธิอำนาจเหมือนอย่างกษัตริย์ด้วยกันกับสัตว์ร้ายตัวนั้นหนึ่งชั่วโมง
\v 13 กษัตริย์เหล่านี้ทรงมีความคิดเห็นอย่างเดียวกัน และพวกเขาจะทรงมอบฤทธิ์เดชและสิทธิอำนาจของตนแก่สัตว์ร้ายนั้น
\v 14 พวกเขาจะต่อสู้กับพระเมษโปดก แต่พระเมษโปดกจะทรงชนะเขาเพราะว่าพระองค์ทรงเป็นเจ้านายเหนือเจ้านายทั้งปวง และทรงเป็นกษัตริย์เหนือกษัตริย์ทั้งปวง และพวกที่อยู่กับพระองค์นั้น ก็เป็นพวกที่ได้รับการทรงเรียก ได้รับการทรงเลือก และเป็นพวกที่สัตย์ซื่อ"
\s5
\p
\v 15 ทูตสวรรค์องค์นั้นบอกข้าพเจ้าว่า "น้ำมากหลายที่ท่านเห็นหญิงแพศยานั่งอยู่นั้น คือผู้คนมากมาย เหล่าฝูงชน บรรดาประชาชาติ และภาษาต่างๆ
\s5
\p
\v 16 สิบเขาที่ท่านเห็นและสัตว์ร้ายนั้น จะเกลียดชังหญิงแพศยานั้น พวกมันจะทำให้เธออ้างว้างและเปลือยกาย พวกมันจะรุมกินเนื้อของเธอ และเอาไฟเผาเธอจนสิ้นซาก
\v 17 เพราะว่าพระเจ้าทรงดลใจพวกมันให้ทำตามพระดำริของพระองค์ โดยทรงทำให้พวกมันมีความเห็นอย่างเดียวกันในการมอบอาณาจักรให้แก่สัตว์ร้าย จนกว่าจะสำเร็จตามพระวจนะของพระเจ้า
\s5
\p
\v 18 และผู้หญิงที่ท่านเห็นนั้นคือ มหานครที่ปกครองอยู่เหนือบรรดากษัตริย์ของแผ่นดินโลก"
\s5
\c 18
\p
\v 1 หลังจากนั้น ข้าพเจ้าเห็นทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งลงมาจากสวรรค์ ท่านมีสิทธิอำนาจยิ่งใหญ่ และรัศมีของท่านทำให้แผ่นดินโลกสว่างไสว
\v 2 ท่านร้องประกาศด้วยเสียงกึกก้องว่า "บาบิโลน มหานครพังทลายแล้ว พังทลายแล้ว นครกลายเป็นที่อยู่อาศัยของพวกผี เป็นที่หลบภัยของวิญญาณโสโครกทุกชนิด และเป็นที่หลบภัยของนกที่โสโครกและน่าเกลียด
\v 3 เพราะประชาชาติทั้งหมดได้ดื่มเหล้าองุ่นแห่งตัณหาการผิดศีลธรรมของนครนั้น บรรดากษัตริย์แห่งแผ่นดินโลกได้ผิดศีลธรรมกับนครนั้น และพวกพ่อค้าแห่งแผ่นดินโลกก็ร่ำรวยขึ้นจากฤทธิ์เดชแห่งการใช้ชีวิตมั่วโลกีย์ของนครนั้น"
\s5
\p
\v 4 แล้วข้าพเจ้าได้ยินอีกเสียงหนึ่งจากสวรรค์ว่า "จงออกมาจากนครนั้นเถิด ประชากรของเราเอ๋ย เพื่อเจ้าจะไม่มีส่วนในความบาปของนครนั้น และเพื่อเจ้าจะไม่ต้องรับภัยพิบัติใดๆ ของนครนั้น
\v 5 บาปของนครนั้นกองสูงขึ้นถึงสวรรค์แล้ว และพระเจ้าได้ทรงจดจำความประพฤติชั่วร้ายของนครนั้นแล้ว
\v 6 จงตอบสนองนครนั้นเหมือนอย่างที่นครนั้นเคยตอบสนองคนอื่นๆ และจงตอบสนองการกระทำของนครนั้นเป็นสองเท่าในสิ่งที่นครนั้นได้กระทำ ในถ้วยที่นครนั้นได้ผสมไว้ ก็จงผสมลงไปเป็นสองเท่าให้นครนั้น
\s5
\p
\v 7 นครนั้นให้เกียรติตัวเองและใช้ชีวิตอย่างฟุ่มเฟือยมากเท่าใด ก็จงมอบความทรมานและความโศกเศร้าให้แก่นครนั้นมากเท่านั้น เพราะนครนั้นพูดในใจว่า 'เรานั่งอยู่ในฐานะราชินี เราไม่ใช่หญิงม่าย และเราจะไม่มีวันพบกับความโศกเศร้าเลย'
\v 8 ด้วยเหตุนี้ ภัยพิบัติต่างๆจะมาถึงนครนั้นภายในวันเดียว คือความตาย ความโศกเศร้า และการกันดารอาหาร ไฟจะเผาผลาญนครนั้น เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเป็นพระเจ้าทรงฤทธานุภาพ และพระองค์ทรงเป็นผู้พิพากษานครนั้น"
\s5
\p
\v 9 บรรดากษัตริย์แห่งแผ่นดินโลกที่มอบการผิดศีลธรรมทางเพศและใช้ชีวิตอย่างเสเพลกับนครนั้น จะร้องไห้และคร่ำครวญเมื่อเห็นควันไฟที่เผาไหม้นครนั้น
\v 10 พวกเขาจะออกไปยืนอยู่ห่างๆ ด้วยความกลัวการทรมานนครนั้น และกล่าวว่า "วิบัติ วิบัติแก่บาบิโลนมหานครที่ยิ่งใหญ่ นครที่แข็งแกร่ง เพราะการลงโทษมาถึงเจ้าแล้วภายในชั่วโมงเดียว"
\s5
\p
\v 11 บรรดาพ่อค้าแห่งแผ่นดินโลกจะร้องไห้และโศกเศร้าเนื่องจากนครนั้น ไม่มีใครซื้อสินค้านครนั้นอีกต่อไปแล้ว
\v 12 สินค้านั้นได้แก่ ทองคำ เงิน อัญมณีต่างๆ ไข่มุก ผ้าลินินเนื้อดี ผ้าสีม่วง ผ้าไหม ผ้าสีแดงเข้ม และไม้หอมทุกชนิด ภาชนะทุกอย่างที่ทำจากงาช้าง ภาชนะทุกอย่างที่ทำจากไม้ล้ำค่า ทองสัมฤทธิ์ เหล็ก หินอ่อน
\v 13 อบเชย เครื่องเทศ เครื่องหอม มดยอบ กำยาน เหล้าองุ่น น้ำมัน แป้ง ข้าวสาลี โคและแกะ ม้าและรถม้า และทาส และชีวิตมนุษย์
\s5
\p
\v 14 ผลที่เจ้าปรารถนาด้วยพลังทั้งหมดของเจ้านั้นก็หายไปจากเจ้า สิ่งที่หรูหราและงดงามทั้งหมดของเจ้าก็ได้หายไป ไม่มีใครได้พบอีกเลย
\s5
\p
\v 15 บรรดาพ่อค้าที่ขายสินค้าเหล่านี้ซึ่งร่ำรวยขึ้นมาเพราะนครนั้น จะยืนอยู่ห่างๆ เพราะหวาดกลัวการทรมานนครนั้น จะร้องไห้และโศกเศร้าอย่างมาก
\v 16 พวกเขากล่าวว่า "วิบัติ วิบัติแก่มหานครที่ยิ่งใหญ่ที่สวมใส่ผ้าลินินเนื้อดี ผ้าสีม่วงและผ้าสีแดงเข้ม และประดับด้วยทองคำ อัญมณีล้ำค่าและไข่มุก
\v 17 ภายในชั่วโมงเดียว ทรัพย์สมบัติทั้งหมดนั้นก็ได้สูญสิ้นไป" กัปตันเรือทุกคน นักเดินเรือทุกคน พวกลูกเรือ และคนทั้งหมดที่มีอาชีพทางทะเลก็ยืนอยู่ห่างๆ
\s5
\p
\v 18 พวกเขาส่งเสียงร้องเมื่อพวกเขาเห็นควันไฟที่เผาไหม้นครนั้น พวกเขากล่าวว่า "นครใดจะเหมือนมหานครนี้?"
\v 19 พวกเขาก็โปรยผงคลีลงบนศีรษะของตน และส่งเสียงร้องไห้และโศกเศร้าว่า "วิบัติ วิบัติแก่มหานครที่ยิ่งใหญ่ที่ซึ่งทุกคนที่มีเรือเดินทะเลต่างก็ร่ำรวยขึ้นจากความมั่งคั่งของนครนั้น เพราะภายในชั่วโมงเดียว นครนั้นก็ถูกทำลายลง"
\v 20 "จงชื่นชมยินดีเพราะนครนั้นเถิด สวรรค์เอ๋ย ท่านผู้เชื่อทั้งหลาย เหล่าอัครทูตและบรรดาผู้เผยพระวจนะ เพราะพระเจ้าทรงพิพากษาลงโทษนครนั้นให้กับพวกท่านทั้งหลายแล้ว"
\s5
\p
\v 21 ทูตสวรรค์องค์หนึ่งที่มีฤทธานุภาพก็ยกหินก้อนหนึ่งที่เหมือนหินโม่ใหญ่ขึ้นมาและโยนลงไปในทะเลแล้วกล่าวว่า "บาบิโลน มหานครที่ยิ่งใหญ่ จะถูกโยนลงอย่างรุนแรงเช่นนี้ และจะไม่มีใครได้เห็นอีกเลย
\v 22 จะไม่มีใครได้ยินเสียงนักดีดพิณ นักดนตรี นักเป่าขลุ่ยและนักเป่าแตรในตัวเจ้าอีกต่อไป จะไม่มีใครได้พบเห็นช่างฝีมือใดๆในตัวเจ้าอีกต่อไป จะไม่มีใครได้ยินเสียงโม่แป้งในตัวเจ้าอีกต่อไป
\s5
\p
\v 23 จะไม่มีแสงของประทีปส่องสว่างในตัวเจ้าอีกต่อไป จะไม่มีใครได้ยินเสียงของเจ้าบ่าวและเจ้าสาวในตัวเจ้าอีกต่อไป เพราะพวกพ่อค้าของเจ้าเคยเป็นคนใหญ่คนโตบนแผ่นดินโลก และบรรดาประชาชาติก็ถูกล่อลวงโดยเวทมนตร์ของเจ้า
\v 24 ในนครนั้นก็พบเลือดของบรรดาผู้เผยพระวจนะและธรรมิกชนทั้งหลาย และเลือดของทุกคนที่ถูกฆ่าบนแผ่นดินโลก"
\s5
\c 19
\p
\v 1 หลังจากสิ่งเหล่านี้ ข้าพเจ้าได้ยินเหมือนกับเสียงดังสนั่นของฝูงชนมากมายในสวรรค์ กล่าวว่า "ฮาเลลูยา ความรอด พระสิริ และฤทธิ์เดชเป็นของพระเจ้าของเรา
\v 2 การพิพากษาของพระองค์สัตย์จริงและยุติธรรม เพราะพระองค์ได้ทรงพิพากษาหญิงแพศยาคนสำคัญที่ทำให้แผ่นดินโลกเสื่อมทรามด้วยการผิดศีลธรรมทางเพศของเธอ พระองค์ทรงแก้แค้นหญิงคนนั้นที่ทำให้เลือดของบรรดาผู้รับใช้ของพระองค์หลั่งออกมา"
\s5
\p
\v 3 พวกเขาร้องอีกเป็นครั้งที่สองว่า "ฮาเลลูยา ควันไฟพลุ่งขึ้นจากนครนั้นตลอดไปเป็นนิตย์"
\v 4 พวกผู้อาวุโสทั้งยี่สิบสี่คนและสิ่งมีชีวิตทั้งสี่ก็ก้มกราบลงนมัสการพระเจ้าผู้ประทับบนพระบัลลังก์ พวกเขาร้องว่า "อาเมน ฮาเลลูยา"
\s5
\p
\v 5 แล้วมีเสียงออกมาจากพระบัลลังก์ว่า "ท่านผู้รับใช้ทุกคนของพระเจ้า ท่านทั้งหลายผู้ที่เกรงกลัวพระองค์ ทั้งคนที่ไม่สำคัญและคนมีอำนาจ จงสรรเสริญพระเจ้าของเรา"
\s5
\p
\v 6 แล้วข้าพเจ้าได้ยินเหมือนอย่างเสียงของมหาชนจำนวนมาก เหมือนอย่างเสียงน้ำมากหลาย และเหมือนอย่างเสียงฟ้าร้องกึกก้องว่า "ฮาเลลูยา เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงครอบครองอยู่ คือพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุด
\s5
\p
\v 7 ขอให้เราชื่นชมยินดีและเปรมปรีดิ์เป็นอย่างยิ่ง และถวายพระเกียรติแด่พระองค์ เพราะงานอภิเษกสมรสของพระเมษโปดกมาถึงแล้ว และเจ้าสาวของพระองค์ก็เตรียมตัวพร้อมแล้ว
\v 8 เจ้าสาวนั้นได้รับอนุญาตให้สวมใส่ผ้าลินินเนื้อดี สว่างเจิดจ้าและสะอาด" (เพราะว่าผ้าลินินเนื้อดีนั้นคือการประพฤติอันชอบธรรมของธรรมิกชน)
\s5
\p
\v 9 ทูตสวรรค์องค์นั้นบอกข้าพเจ้าว่า "จงเขียนลงไปอย่างนี้ว่า คนทั้งหลายที่ได้รับเชิญมางานเลี้ยงอภิเษกสมรสของพระเมษโปดกก็เป็นสุข" ท่านบอกอีกว่า "ถ้อยคำเหล่านี้เป็นคำสัตย์จริงของพระเจ้า"
\v 10 แล้วข้าพเจ้าก็ทรุดตัวลงแทบเท้าของท่านเพื่อจะนมัสการท่าน แต่ท่านกล่าวกับข้าพเจ้าว่า "อย่าทำเช่นนี้ เราเป็นผู้ร่วมรับใช้เช่นเดียวกับท่านและพี่น้องของท่านที่ยึดถือคำพยานเกี่ยวกับพระเยซู จงนมัสการพระเจ้า เพราะว่าคำพยานเกี่ยวกับพระเยซูนั้นเป็นหัวใจของการเผยพระวจนะ"
\s5
\p
\v 11 แล้วข้าพเจ้าเห็นสวรรค์เปิดออก และข้าพเจ้ามองไปเห็นม้าสีขาวตัวหนึ่ง พระองค์ผู้ทรงม้านั้นมีพระนามว่าซื่อสัตย์และสัตย์จริง พระองค์ทรงพิพากษาและสู้ศึกด้วยความยุติธรรม
\v 12 พระเนตรของพระองค์เหมือนอย่างเปลวไฟ และบนพระเศียรของพระองค์มีมงกุฎหลายอัน พระองค์ทรงมีพระนามจารึกไว้บนพระกายของพระองค์ซึ่งไม่มีใครรู้จักเลยนอกจากพระองค์เอง
\v 13 พระองค์ทรงฉลองพระองค์ด้วยเสื้อคลุมที่ได้จุ่มในเลือด และพระนามที่เรียกพระองค์นั้นคือพระวาทะของพระเจ้า
\s5
\p
\v 14 กองทัพทั้งหลายในสวรรค์ขี่ม้าขาวตามพระองค์ไป ต่างก็สวมใส่ผ้าลินินเนื้อดี สีขาวและสะอาด
\v 15 มีพระแสงคมกริบออกมาจากพระโอษฐ์ของพระองค์ซึ่งพระองค์ทรงใช้ฟาดฟันประชาชาติต่างๆ และพระองค์จะทรงปกครองพวกเขาทั้งหลายด้วยคทาเหล็ก พระองค์จะทรงย่ำบ่อย่ำองุ่นแห่งพระพิโรธรุนแรงของพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุด
\v 16 พระองค์ทรงมีพระนามจารึกไว้บนฉลองพระองค์ของพระองค์ และที่ต้นพระอูรุของพระองค์ว่า "กษัตริย์เหนือกษัตริย์ทั้งปวงและเจ้านายเหนือเจ้านายทั้งปวง"
\s5
\p
\v 17 แล้วข้าพเจ้าเห็นทูตสวรรค์องค์หนึ่งยืนอยู่ในดวงอาทิตย์ ท่านร้องประกาศด้วยเสียงอันดังแก่นกทั้งหมดที่บินอยู่เหนือศีรษะว่า "จงมาเถิด มาร่วมชุมนุมกันในงานเลี้ยงของพระเจ้าอันยิ่งใหญ่
\v 18 มากินเนื้อของกษัตริย์ เนื้อของผู้บัญชาการทหาร เนื้อคนที่มีกำลังมาก เนื้อของม้าและคนขี่ของพวกมัน และเนื้อของมนุษย์ทุกคน ทั้งคนที่เป็นไทและเป็นทาส ทั้งคนสำคัญและคนมีอำนาจ"
\s5
\p
\v 19 ข้าพเจ้าเห็นสัตว์ร้ายและบรรดากษัตริย์แห่งแผ่นดินโลกพร้อมทั้งกองทัพของกษัตริย์เหล่านั้น พวกเขาทั้งหลายมาชุมนุมกันเพื่อทำสงครามกับพระองค์ผู้ทรงม้าและกับกองทัพของพระองค์
\v 20 แต่สัตว์ร้ายตัวนั้นถูกจับพร้อมกับผู้เผยพระวจนะเทียมเท็จที่ทำหมายสำคัญต่อหน้ามัน และใช้หมายสำคัญนั้นล่อลวงคนเหล่านั้นที่ได้รับเครื่องหมายของสัตว์ร้าย และคนเหล่านั้นที่นมัสการรูปของมัน ทั้งสองถูกโยนลงไปทั้งเป็นในบึงไฟที่ลุกไหม้ด้วยกำมะถัน
\s5
\p
\v 21 คนที่เหลืออยู่ก็ถูกฆ่าด้วยพระแสงที่ออกมาจากพระโอษฐ์ของพระองค์ผู้ทรงม้านั้น นกทุกตัวก็กินเนื้อของคนเหล่านั้นที่ตายแล้ว
\s5
\c 20
\p
\v 1 แล้วข้าพเจ้าเห็นทูตสวรรค์องค์หนึ่งลงมาจากสวรรค์ ท่านมีลูกกุญแจของหลุมที่ลึกมาก และท่านมีโซ่เส้นใหญ่อยู่ในมือของท่าน
\v 2 ท่านจับพญานาคที่เป็นงูดึกดำบรรพ์ ซึ่งเป็นมารหรือซาตาน แล้วผูกมัดมันไว้หนึ่งพันปี
\v 3 ท่านจึงโยนมันลงไปในหลุมที่ลึกมากนั้น ใส่กุญแจและประทับตราไว้ เพื่อไม่ให้มันล่อลวงประชาชาติทั้งหลายได้อีกต่อไปจนครบเวลาหนึ่งพันปี หลังจากนั้น มันต้องถูกปล่อยออกมาเป็นระยะเวลาสั้นๆ
\s5
\p
\v 4 แล้วข้าพเจ้าเห็นบัลลังก์หลายบัลลังก์ ผู้ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์เหล่านั้น เป็นผู้ที่ได้รับมอบสิทธิอำนาจในการพิพากษา ข้าพเจ้าเห็นวิญญาณของคนเหล่านั้นที่ถูกตัดศีรษะเพราะการเป็นพยานเกี่ยวกับพระเยซูและเพราะพระวจนะของพระเจ้า พวกเขาไม่ได้นมัสการสัตว์ร้ายหรือรูปของมัน และพวกเขาไม่ได้รับเครื่องหมายของมันไว้บนหน้าผากหรือบนมือของพวกเขา พวกเขาทั้งหลายกลับมามีชีวิตและพวกเขาครอบครองร่วมกับพระคริสต์เป็นเวลาหนึ่งพันปี
\s5
\p
\v 5 ส่วนคนอื่นที่ตายไปแล้วไม่ได้กลับมามีชีวิต จนกว่าจะครบหนึ่งพันปี นี่คือการเป็นขึ้นมาจากตายครั้งแรก
\v 6 ใครที่มีส่วนในการเป็นขึ้นมาจากตายครั้งแรกก็เป็นสุขและบริสุทธิ์ ความตายครั้งที่สองจะไม่มีอำนาจเหนือพวกเขาทั้งหลาย แต่พวกเขาจะเป็นปุโรหิตของพระเจ้าและของพระคริสต์ และพวกเขาจะครอบครองร่วมกับพระองค์หนึ่งพันปี
\s5
\p
\v 7 เมื่อครบหนึ่งพันปีแล้ว ซาตานจะถูกปล่อยออกมาจากคุกของมัน
\v 8 มันจะออกไปล่อลวงประชาชาติต่างๆทั้งสี่มุมของแผ่นดินโลก คือโกกและมาโกก เพื่อนำพวกเขามารวมกันเพื่อเข้าสู่สงคราม พวกเขามีจำนวนมากมายเหมือนเม็ดทรายที่ทะเล
\s5
\p
\v 9 พวกเขาจะเดินทางออกไปทั่วแผ่นดินโลก และล้อมรอบค่ายของบรรดาธรรมิกชน และนครอันเป็นที่รักไว้ แต่ไฟลงมาจากสวรรค์และเผาผลาญพวกเขา
\v 10 มารที่ล่อลวงพวกเขาทั้งหลายก็ถูกโยนลงไปในบึงไฟกำมะถัน ที่ซึ่งสัตว์ร้ายและผู้เผยพระวจนะเทียมเท็จได้ถูกโยนลงไปนั้น พวกมันจะถูกทรมานทั้งกลางวันและกลางคืนตลอดไปเป็นนิตย์
\s5
\p
\v 11 แล้วข้าพเจ้าเห็นพระบัลลังก์สีขาว และพระองค์ผู้ประทับบนพระบัลลังก์ แผ่นดินโลกและสวรรค์ก็หายไปจากพระพักตร์ของพระองค์ แต่พวกมันไม่มีที่ไป
\v 12 ข้าพเจ้าเห็นบรรดาคนตาย ทั้งคนมีกำลังมากและคนไม่สำคัญยืนอยู่หน้าพระบัลลังก์นั้น และหนังสือก็ถูกเปิดออก แล้วหนังสืออีกเล่มก็ถูกเปิดออกด้วย คือหนังสือแห่งชีวิต คนตายก็ถูกพิพากษาจากที่มีบันทึกไว้ในหนังสือเหล่านั้น ตามการกระทำของพวกเขา
\s5
\p
\v 13 ทะเลก็ส่งคนตายที่อยู่ในทะเลคืนมา ความตายและแดนคนตายก็ส่งคนตายที่อยู่ในที่เหล่านั้น และคนตายก็ถูกพิพากษาตามสิ่งที่พวกเขาได้กระทำ
\v 14 ความตายและแดนคนตายก็ถูกโยนลงไปในบึงไฟ บึงไฟนี้คือความตายครั้งที่สอง
\v 15 ถ้าชื่อของใครไม่ได้มีเขียนไว้ในหนังสือแห่งชีวิต เขาก็จะถูกโยนลงไปในบึงไฟ
\s5
\c 21
\p
\v 1 แล้วข้าพเจ้าเห็นสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่ เพราะว่าฟ้าสวรรค์เดิมและแผ่นดินโลกเดิมนั้นได้ผ่านพ้นไปแล้ว และทะเลก็ไม่มีอีกต่อไป
\v 2 ข้าพเจ้าเห็นนครบริสุทธิ์ นครเยรูซาเล็มใหม่ซึ่งลงมาจากสวรรค์จากพระเจ้า ซึ่งได้รับการเตรียมพร้อมเหมือนอย่างเจ้าสาวที่ประดับกายไว้สำหรับสามีของเธอ
\s5
\p
\v 3 ข้าพเจ้าได้ยินเสียงดังจากพระบัลลังก์ว่า "ดูเถิด ที่ประทับของพระเจ้าอยู่กับมนุษย์แล้ว และพระองค์จะประทับอยู่กับเขาทั้งหลาย พวกเขาจะเป็นชนชาติของพระองค์ และพระเจ้าเองจะสถิตกับพวกเขา และพระองค์จะทรงเป็นพระเจ้าของพวกเขา
\v 4 พระเจ้าจะทรงเช็ดน้ำตาทุกหยดจากตาของเขาทั้งหลาย และจะไม่มีความตาย หรือความโศกเศร้า หรือการร้องไห้ หรือการเจ็บปวดอีกต่อไป เพราะสิ่งเดิมๆนั้นได้ผ่านไปแล้ว
\s5
\p
\v 5 แล้วพระองค์ผู้ประทับบนพระบัลลังก์ตรัสว่า "ดูเถิด เราสร้างทุกสิ่งขึ้นมาใหม่" พระองค์ตรัสอีกว่า "จงเขียนลงไปเถิด เพราะว่าถ้อยคำเหล่านี้เป็นคำที่เชื่อถือได้และสัตย์จริง"
\v 6 พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า "สิ่งเหล่านี้สำเร็จแล้ว เราเป็นอัลฟาและโอเมกา เป็นปฐมและอวสาน เราจะให้ผู้ที่กระหายดื่มจากบ่อน้ำพุแห่งชีวิตโดยไม่คิดมูลค่าใดๆ เลย
\s5
\p
\v 7 คนที่ชนะจะได้รับสิ่งเหล่านี้เป็นมรดก และเราจะเป็นพระเจ้าของเขา และเขาจะเป็นบุตรของเรา
\v 8 แต่พวกที่ขี้ขลาด พวกที่ไม่สัตย์ซื่อ พวกที่น่าเกลียดชัง พวกฆาตกร พวกผิดศีลธรรมทางเพศ พวกใช้เวทมนตร์ พวกบูชารูปเคารพ และทุกคนที่โกหกนั้น ที่ของเขาคือบึงไฟกำมะถันลุกโชน นั่นคือความตายครั้งที่สอง
\s5
\p
\v 9 แล้วทูตสวรรค์องค์หนึ่งในเจ็ดองค์ที่ถือชามเจ็ดใบอันเต็มไปด้วยภัยพิบัติสุดท้ายเจ็ดอย่างนั้น มาพูดกับข้าพเจ้าว่า "มานี่ซี เราจะให้ท่านดูเจ้าสาวที่เป็นมเหสีของพระเมษโปดก"
\v 10 แล้วท่านนำข้าพเจ้าโดยพระวิญญาณขึ้นไปบนภูเขาสูงและใหญ่และสำแดงให้ข้าพเจ้าเห็นนครบริสุทธิ์คือเยรูซาเล็ม ซึ่งลงมาจากสวรรค์ จากพระเจ้า
\s5
\p
\v 11 เยรูซาเล็มเต็มไปด้วยพระสิริของพระเจ้า และความสุกใสของนครนั้นเหมือนอย่างอัญมณีล้ำค่า เหมือนอย่างหินนิลที่ใสดังแก้วผลึก
\v 12 นครนั้นมีกำแพงสูงและใหญ่ กับประตูสิบสองประตู ที่ประตูมีทูตสวรรค์สิบสององค์ บนประตูมีชื่อเผ่าของอิสราเอลสิบสองเผ่าจารึกไว้
\v 13 ทางด้านตะวันออกมีสามประตู ทางด้านเหนือมีสามประตู ทางด้านใต้มีสามประตู และทางด้านตะวันตกมีสามประตู
\s5
\p
\v 14 กำแพงของนครนั้นมีฐานสิบสองฐาน และบนฐานเหล่านั้นมีชื่อสิบสองชื่อของอัครทูตสิบสองคนของพระเมษโปดก
\v 15 องค์ที่พูดกับข้าพเจ้านั้นมีไม้วัดที่ทำด้วยทองคำเพื่อจะวัดตัวนคร ประตูและกำแพงของนครนั้น
\s5
\p
\v 16 นครนั้นเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ความยาวนั้นเท่ากันกับความกว้าง ท่านวัดนครนั้นด้วยไม้วัดได้ยาว หนึ่งหมื่นสองพัน สทาดิโอน (ความยาว ความกว้างและความสูงของนครนั้นเท่ากัน)
\v 17 ท่านยังวัดกำแพงนครนั้นได้หนา 144 ศอก ตามมาตราวัดของมนุษย์ (ซึ่งเป็นการวัดของทูตสวรรค์เช่นกัน)
\s5
\p
\v 18 กำแพงนั้นสร้างขึ้นด้วยนิล และนครนั้นสร้างด้วยทองคำเนื้อบริสุทธิ์ เหมือนอย่างแก้วใส
\v 19 ฐานของกำแพงนั้นประดับด้วยหินล้ำค่าทุกชนิด อันแรกเป็นนิล อันที่สองเป็นไพลิน อันที่สามเป็นหินมโนรา อันที่สี่เป็นมรกต
\v 20 อันที่ห้าเป็นหินโมรา อันที่หกเป็นหินสีแดง อันที่เจ็ดเป็นพลอยสีเหลือง อันที่แปดเป็นหินหลากสี อันที่เก้าเป็นบุษราคัม อันที่สิบเป็นหินสีเขียวเข้ม อันที่สิบเอ็ดเป็นโกเมนสีส้มอมแดง อันที่สิบสองเป็นแร่ควอตซ์สีม่วง
\s5
\p
\v 21 ประตูทั้งสิบสองประตูนั้นทำด้วยไข่มุกสิบสองเม็ด แต่ละประตูทำมาจากไข่มุกหนึ่งเม็ด ถนนของนครนั้นเป็นทองคำเนื้อบริสุทธิ์ เหมือนแก้วใส
\v 22 ข้าพเจ้าไม่เห็นพระวิหารในนครนั้น เพราะว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุด และพระเมษโปดกเป็นพระวิหารของนครนั้น
\s5
\p
\v 23 นครนั้นไม่จำเป็นต้องมีดวงอาทิตย์หรือดวงจันทร์เพื่อที่จะส่องแสงให้แก่นครนั้น เพราะว่าพระสิริของพระเจ้าได้ส่องแสงให้แก่นครนั้นแล้ว และประทีปของนครนั้นคือพระเมษโปดก
\v 24 บรรดาประชาชาติจะเดินโดยอาศัยแสงสว่างของนครนั้น บรรดากษัตริย์แห่งแผ่นดินโลกจะนำความงดงามของพวกเขาเข้ามาในนครนั้น
\v 25 ประตูต่างๆ จะไม่ปิดในเวลากลางวัน และจะไม่มีเวลากลางคืนที่นั่น
\s5
\p
\v 26 พวกเขาจะนำความงดงามและเกียรติของบรรดาประชาชาติเข้ามาในนครนั้น
\v 27 แต่สิ่งใดที่เป็นมลทิน หรือคนใดที่กระทำความอับอายหรือหลอกลวง จะไม่สามารถเข้ามาในนครนั้นได้เลย นอกจากคนเหล่านั้นที่มีชื่อเขียนไว้ในหนังสือแห่งชีวิตของพระเมษโปดกเท่านั้น
\s5
\c 22
\p
\v 1 แล้วทูตสวรรค์สำแดงให้ข้าพเจ้าเห็นแม่น้ำที่มีน้ำแห่งชีวิตซึ่งใสเหมือนอย่างแก้วผลึก และไหลมาจากพระบัลลังก์ของพระเจ้าและของพระเมษโปดก
\v 2 ผ่านกลางถนนของนครนั้น แต่ละฝั่งของแม่น้ำมีต้นไม้แห่งชีวิตที่ออกผลสิบสองชนิด และออกผลทุกเดือน ใบของต้นไม้นั้นมีไว้สำหรับรักษาโรคของบรรดาประชาชาติ
\s5
\p
\v 3 คำสาปแช่งจะไม่มีอีกต่อไป พระบัลลังก์ของพระเจ้าและของพระเมษโปดกจะอยู่ในเมืองนั้น และบรรดาผู้รับใช้ของพระองค์จะปรนนิบัติพระองค์
\v 4 พวกเขาจะเห็นพระพักตร์ของพระองค์และพระนามของพระองค์จะอยู่บนหน้าผากของพวกเขา
\v 5 กลางคืนจะไม่มีอีกต่อไป พวกเขาไม่จำเป็นต้องมีแสงจากตะเกียงหรือแสงอาทิตย์ เพราะว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเป็นพระเจ้าจะทรงส่องแสงสว่างแก่พวกเขา พวกเขาจะครอบครองตลอดไปเป็นนิตย์
\s5
\p
\v 6 ทูตสวรรค์องค์นั้นพูดกับข้าพเจ้าว่า "ถ้อยคำเหล่านี้เป็นคำที่เชื่อถือได้และสัตย์จริง องค์พระผู้เป็นเจ้าคือพระเจ้าแห่งวิญญาณของบรรดาผู้เผยพระวจนะ ทรงส่งทูตสวรรค์ของพระองค์มาสำแดงถึงสิ่งที่จะต้องเกิดขึ้นในไม่ช้าแก่บรรดาผู้รับใช้ของพระองค์"
\v 7 "ดูเถิด เราจะมาในเร็วๆ นี้ คนที่เชื่อฟังคำเผยพระวจนะของหนังสือเล่มนี้ก็เป็นสุข"
\s5
\p
\v 8 ข้าพเจ้าคือยอห์น เป็นผู้ที่ได้ยินและได้เห็นถึงสิ่งเหล่านี้ เมื่อข้าพเจ้าได้ยินและได้เห็นแล้ว ข้าพเจ้าก็ทรุดตัวลงนมัสการแทบเท้าของเหล่าทูตสวรรค์ที่สำแดงสิ่งเหล่านี้แก่ข้าพเจ้า
\v 9 ท่านกล่าวกับข้าพเจ้าว่า "อย่าทำเช่นนี้ เราเป็นผู้ร่วมรับใช้กับท่าน กับพวกพี่น้องของท่านซึ่งเป็นผู้เผยพระวจนะ และกับคนเหล่านั้นที่เชื่อฟังถ้อยคำในหนังสือเล่มนี้ จงนมัสการพระเจ้าเถิด"
\s5
\p
\v 10 ท่านกล่าวกับข้าพเจ้าว่า "อย่าผนึกตราประทับคำเผยพระวจนะในหนังสือเล่มนี้ เพราะว่าเวลานั้นใกล้เข้ามาแล้ว
\v 11 จงให้คนอธรรมประพฤติการอธรรมของพวกเขาต่อไป จงให้คนโสมมประพฤติการโสมมต่อไป จงให้คนชอบธรรมทำสิ่งที่ชอบธรรมต่อไป จงให้คนบริสุทธิ์เป็นคนบริสุทธิ์ต่อไป"
\s5
\p
\v 12 "ดูเถิด เราจะมาในเร็วๆ นี้ พร้อมกับบำเหน็จของเรา เพื่อที่จะตอบแทนแต่ละคนตามการกระทำของเขา
\v 13 เราคืออัลฟาและโอเมกา เป็นเบื้องต้นและเป็นเบื้องปลาย เป็นปฐมและเป็นอวสาน
\s5
\p
\v 14 คนเหล่านั้นที่ซักล้างเสื้อคลุมของตนเองก็เป็นสุข เพื่อว่าพวกเขาจะมีสิทธิ์ในการกินจากต้นไม้แห่งชีวิตและเข้าไปในนครนั้นทางประตูได้
\v 15 ข้างนอกมีพวกสุนัข พวกใช้เวทมนตร์ พวกผิดศีลธรรมทางเพศ พวกฆาตกร พวกบูชารูปเคารพ และทุกคนที่รักและประพฤติการหลอกลวง
\s5
\p
\v 16 เราคือเยซู ผู้ส่งทูตสวรรค์ของเราให้ไปเป็นพยานแก่ท่านเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้สำหรับคริสตจักรทั้งหลาย เราเป็นรากและเชื้อสายของดาวิด และเป็นดาวประจำรุ่งอันสุกใส
\s5
\p
\v 17 พระวิญญาณและเจ้าสาวกล่าวว่า "มาเถิด" ให้คนที่ได้ยินกล่าวว่า "มาเถิด" ผู้ใดก็ตามที่กระหายน้ำ ก็ให้เขาเข้ามา และผู้ใดก็ตามที่มีความปรารถนา ก็ให้เขามารับน้ำแห่งชีวิตโดยไม่ต้องเสียอะไรเลย
\s5
\p
\v 18 ข้าพเจ้าเป็นพยานแก่ทุกคนที่ได้ยินคำเผยพระวจนะในหนังสือเล่มนี้ว่า ถ้าผู้ใดเพิ่มเติมสิ่งใดเข้าไปในหนังสือเล่มนี้ พระเจ้าก็จะทรงเพิ่มเติมภัยพิบัติที่มีเขียนไว้ในหนังสือเล่มนี้แก่ผู้นั้นด้วย
\v 19 ถ้าผู้ใดตัดถ้อยคำออกไปจากหนังสือเผยพระวจนะเล่มนี้ พระเจ้าก็จะทรงเอาส่วนแบ่งของเขาในต้นไม้แห่งชีวิตและในนครบริสุทธิ์ซึ่งมีเขียนไว้ในหนังสือเล่มนี้ออกไปด้วย
\s5
\p
\v 20 พระองค์ผู้ทรงเป็นพยานในสิ่งเหล่านี้ตรัสว่า "ใช่แล้ว เราจะมาในไม่ช้านี้" อาเมน ขอโปรดเสด็จมาเถิด องค์พระเยซูเจ้า
\v 21 ขอให้พระคุณแห่งองค์พระเยซูเจ้า จงดำรงอยู่กับทุกคนเถิด อาเมน