th_ulb/24-JER.usfm

2332 lines
654 KiB
Plaintext
Raw Permalink Blame History

This file contains ambiguous Unicode characters

This file contains Unicode characters that might be confused with other characters. If you think that this is intentional, you can safely ignore this warning. Use the Escape button to reveal them.

\id JER Unlocked Literal Bible
\ide UTF-8
\h JEREMIAH
\toc1 Jeremiah
\toc2 Jeremiah
\toc3 jer
\mt1 JEREMIAH
\s5
\c 1
\p
\v 1 บรรดาถ้อยคำของเยเรมีย์บุตรชายของฮิลคียาห์ ผู้หนึ่งในหมู่ปุโรหิต อยู่ที่เมืองอานาโธทในแผ่นดินของเผ่าเบนยามิน
\v 2 พระวจนะของพระยาห์เวห์ได้มาถึงเยเรมีย์ในรัชกาลของโยสิยาห์ โอรสของอาโมน กษัตริย์แห่งยูดาห์ในปีที่สิบสามแห่งการครองราชย์ของพระองค์
\v 3 และมีมาในรัชกาลของเยโฮยาคิม โอรสของโยสิยาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์ จนถึงเดือนที่ห้า ปีที่สิบเอ็ดแห่งรัชกาลเศเดคียาห์ โอรสของโยสิยาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์ เมื่อมีการกวาดต้อนประชาชนของกรุงเยรูซาเล็มไปเป็นเชลย
\s5
\p
\v 4 พระวจนะของพระยาห์เวห์ได้มาถึงข้าพเจ้าว่า
\v 5 “ก่อนที่เราได้ก่อร่างตัวเจ้าขึ้นในครรภ์ เราได้เลือกเจ้า ก่อนที่เจ้าคลอดจากครรภ์ เราก็ได้กำหนดตัวเจ้าไว้ เราได้ให้เจ้าเป็นผู้เผยพระวจนะแก่บรรดาประชาชาติ”
\v 6 แล้วข้าพเจ้าก็ได้กราบทูลว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์พูดไม่เป็นเพราะข้าพระองค์เป็นเด็กเกินไป”
\s5
\p
\v 7 แต่พระยาห์เวห์ได้ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “อย่าพูดว่า 'ข้าพเจ้าเป็นเด็กเกินไป' เพราะเจ้าต้องไปยังทุกแห่งที่เราใช้ให้เจ้าไป และเจ้าจะต้องพูดทุกสิ่งที่เราบัญชาเจ้า!
\v 8 อย่ากลัวพวกเขาเลย เพราะเราจะอยู่กับเจ้าเพื่อช่วยกู้เจ้านี่เป็นคำประกาศของพระยาห์เวห์"
\v 9 แล้วพระยาห์เวห์ได้ทรงเหยียดพระหัตถ์สัมผัสปากข้าพเจ้า และได้ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “บัดนี้ เราได้เอาถ้อยคำของเราใส่ในปากของเจ้า
\s5
\p
\v 10 ในวันนี้เรากำลังแต่งตั้งเจ้าไว้เหนือบรรดาประชาชาติ และเหนือราชอาณาจักรทั้งหลาย ให้ถอนรากและให้รื้อลง ให้ทำลายและให้ล้มล้าง ให้สร้างและให้ปลูก”
\v 11 พระวจนะของพระยาห์เวห์ได้มาถึงข้าพเจ้าว่า “เยเรมีย์เอ๋ย เจ้าเห็นอะไร?” ข้าพเจ้าได้กราบทูลว่า “ข้าพระองค์เห็นกิ่งของต้นอัลมอนด์”
\v 12 พระยาห์เวห์ได้ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “เจ้าได้เห็นนั้นดีแล้ว เพราะเรากำลังเฝ้าดูถ้อยคำของเรา เพื่อให้นำไปปฏิบัติให้สำเร็จ”
\s5
\p
\v 13 พระวจนะของพระยาห์เวห์ได้มาถึงข้าพเจ้าครั้งที่สอง กล่าวว่า “เจ้าเห็นอะไร?” ข้าพเจ้าได้กราบทูลว่า “ข้าพระองค์เห็นหม้อที่ร้อนใบหนึ่งกำลังเดือดเป็นฟองอยู่ ปากหม้อเทมาจากทางทิศเหนือ”
\v 14 พระยาห์เวห์ได้ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “ความพินาศจะปะทุจากทิศเหนือมาเหนือชาวแผ่นดินนี้ทั้งสิ้น
\v 15 เพราะเรากำลังร้องเรียกทุกตระกูลแห่งบรรดาราชอาณาจักรทิศเหนือ” พระยาห์เวห์ได้ทรงประกาศดังนี้แหละ พวกเขาจะมา และต่างก็จะวางบัลลังก์ของตนไว้ตรงทางเข้าประตูกรุงเยรูซาเล็ม เพื่อสู้กับกำแพงทั้งหลายที่ล้อมรอบ และสู้กับเมืองทั้งสิ้นของยูดาห์
\s5
\p
\v 16 เราจะกล่าวคำพิพากษาของเราต่อคนในเมืองเหล่านั้น เพราะความชั่วร้ายของพวกเขาที่ได้ทอดทิ้งเรา และได้เผาเครื่องหอมบูชาพระอื่นๆ และนมัสการสิ่งที่มือของพวกเขาได้ทำไว้
\v 17 จงเตรียมตัวให้พร้อม จงลุกขึ้นไปบอกพวกเขาถึงทุกสิ่งที่เราบัญชาเจ้าไว้นั้น อย่าตกใจกลัวพวกเขา มิฉะนั้นเราจะทำให้เจ้าตกใจกลัวต่อหน้าพวกเขา
\v 18 นี่แน่ะ วันนี้เราทำให้เจ้าเป็นเมืองมีป้อมเป็นเสาเหล็ก และกำแพงทั้งหลายเป็นทองสัมฤทธิ์ เพื่อจะสู้กับแผ่นดินทั้งหมด สู้กับบรรดากษัตริย์ของยูดาห์ สู้กับเจ้าหน้าที่ข้าราชการ สู้กับบรรดาปุโรหิต และสู้กับประชาชนในแผ่นดิน
\v 19 พวกเขาจะต่อสู้กับเจ้า แต่จะไม่ชนะเจ้า เพราะเราจะอยู่กับเจ้าเพื่อช่วยกู้เจ้าไว้ นี่เป็นประกาศของพระยาห์เวห์"
\s5
\c 2
\p
\v 1 พระวจนะของพระยาห์เวห์ได้มาถึงข้าพเจ้าว่า
\v 2 “จงไปและประกาศให้เยรูซาเล็มได้ยิน ให้กล่าวว่า 'พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า เรายังจำความจงรักภักดีในพันธสัญญาในวัยหนุ่มสาวของเจ้าได้ ความรักของเจ้าตอนเราหมั้น เมื่อเจ้าได้ตามเราไปในถิ่นทุรกันดาร ในแผ่นดินที่ไม่ได้หว่านพืช
\v 3 อิสราเอลนั้นถูกแยกไว้เพื่อพระยาห์เวห์ คือเป็นผลิตผลรุ่นแรกในฤดูเก็บเกี่ยวของพระองค์ ทุกคนที่ได้กินผลรุ่นแรกนั้นก็มีความผิด ความพินาศจึงได้มาถึงพวกเขา นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์'''
\s5
\p
\v 4 จงฟังพระวจนะของพระยาห์เวห์ เชื้อสายของยาโคบและทุกตระกูลในเชื้อสายของอิสราเอล
\v 5 พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า “บรรพบุรุษของเจ้าพบความผิดอะไรในเราเล่า พวกเขาจึงได้ออกห่างจากการติดตามเรา? ที่พวกเขาได้ไปติดตามรูปเคารพไร้ค่า และพวกเขาได้กลายเป็นสิ่งไร้ค่าเสียเอง?
\v 6 เขาทั้งหลายไม่ได้กล่าวว่า ‘พระยาห์เวห์ทรงอยู่ที่ไหน ผู้ได้ทรงพาเรามาจากแผ่นดินอียิปต์? พระยาห์เวห์ทรงอยู่ที่แห่งใด ผู้ได้ทรงนำเราในถิ่นทุรกันดาร เข้าสู่ในดินแดนอาราบาห์และหลุมบ่อทั้งหลาย ในแดนที่แห้งแล้งและมืดทึบ ในแผ่นดินที่ไม่มีใครผ่านไปได้ และไม่มีมนุษย์อาศัยอยู่ที่นั่น?
\s5
\p
\v 7 แต่เราได้พาพวกเจ้าเข้ามาในแผ่นดินแห่งคารเมล เพื่อรับประทานผลไม้และบรรดาสิ่งที่ดี แต่เมื่อเจ้าได้เข้ามา เจ้าได้ทำให้แผ่นดินของเราเป็นมลทิน และทำให้มรดกของเราเป็นสิ่งน่ารังเกียจ
\v 8 ปุโรหิตก็ไม่ได้กล่าวว่า ‘พระยาห์เวห์ทรงอยู่ที่ไหน? คนเหล่านั้นที่เชี่ยวชาญธรรมบัญญัติไม่ได้ใส่ใจเรา บรรดาผู้เลี้ยงก็ทรยศต่อเรา พวกผู้เผยพระวจนะได้เผยพระวจนะแก่พระบาอัล และติดตามสิ่งไร้ประโยชน์
\v 9 ดังนั้น เราจึงยังคงโต้แย้งกับเจ้า นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์ และเราจะกล่าวโทษบรรดาลูกหลานของเจ้า
\s5
\p
\v 10 ดังนั้น จงข้ามไปยังชายฝั่งของคิทธิมและมองดู หรือใช้คนไปยังเมืองเคดาร์ และให้พิจารณาอย่างถี่ถ้วน และดูว่าเคยมีอย่างนี้บ้างไหม
\v 11 มีชนชาติใดเคยแลกเปลี่ยนพระทั้งหลายของตน แม้ว่าพระเหล่านั้นไม่ได้เป็นพระ? แต่ประชาชนของเราได้เอาศักดิ์ศรีของเขา แลกกับสิ่งไม่สามารถช่วยพวกเขาได้
\v 12 ท้องฟ้าทั้งหลาย จงสั่นสะท้าน เพราะด้วยสิ่งนี้ จงสยดสยองและจงร้างเปล่า นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์
\s5
\p
\v 13 เพราะว่าประชาชนของเราได้ทำความชั่วถึงสองประการ พวกเขาได้ทอดทิ้งเราซึ่งเป็นน้ำพุที่มีน้ำแห่งชีวิต และพวกเขาได้ขุดบ่อน้ำไว้สำหรับตนเอง เป็นบ่อแตกที่ขังน้ำไม่ได้
\v 14 อิสราเอลเป็นทาสเขาหรือ? เขาเป็นทาสที่เกิดมาในบ้านนายของเขาหรือ? ดังนั้นเหตุใดเขาจึงตกเป็นของปล้นเล่า?
\v 15 เหล่าสิงห์หนุ่มได้คำรามใส่เขา พวกมันได้แผดเสียงดังมาก และพวกมันได้ทำให้แผ่นดินของเขาร้างเปล่า เมืองทั้งหลายของเขาก็ได้ถูกทำลายไม่มีคนอาศัยอยู่
\s5
\p
\v 16 ยิ่งกว่านั้นอีก ประชาชนเมืองเมมฟิสและเมืองทาปานเหส ได้โกนศีรษะของเจ้าแล้ว
\v 17 เจ้าหาเรื่องเหล่านี้มาใส่ตัวเจ้าเองไม่ใช่หรือ โดยการทอดทิ้งพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า เมื่อพระองค์ทรงนำเจ้าไปตามทาง?
\v 18 ดังนั้นเจ้าได้อะไรจากการลงไปยังอียิปต์ เพื่อดื่มน้ำแห่งชิโหร์เล่า? หรือเจ้าได้อะไรจากการลงไปยังอัสซีเรีย และดื่มน้ำในแม่น้ำยูเฟรติสเล่า?
\s5
\p
\v 19 ความชั่วร้ายของเจ้าจะตีสอนเจ้าเอง และความไม่ซื่อสัตย์ของเจ้าจะลงโทษเจ้า ดังนั้นเจ้าจงคิดถึงมันและเข้าใจเถิดว่ามันเป็นความชั่วและความขมขื่น เมื่อเจ้าทอดทิ้งพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า และไม่มีความยำเกรงเราเลย นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์องค์พระผู้เป็นเจ้าจอมเจ้านาย
\v 20 เพราะเราได้หักแอกของเจ้าที่เจ้ามีอยู่ในเวลาโบราณนั้น เราได้ทำลายโซ่ตรวนของเจ้าเสีย เจ้ายังได้กล่าวว่า ‘ข้าจะไม่ปรนนิบัติ’ เพราะเจ้าได้ก้มลงบนเนินเขาสูงทุกแห่ง และใต้ต้นไม้เขียวสดทุกต้น เจ้าคนล่วงประเวณี
\v 21 เราได้ปลูกเจ้าไว้เป็นเถาองุ่นที่เลือกสรรแล้ว เป็นพันธุ์แท้ทั้งนั้น แล้วเจ้าได้เปลี่ยนแปลงตัวเจ้าแล้วทำไมเจ้าเสื่อมทรามลง จนเป็นองุ่นไร้ค่าไปได้ ?
\s5
\p
\v 22 ถึงแม้ว่าเจ้าชำระตัวในแม่น้ำ และใช้สบู่มาก แต่รอยเปื้อนความผิดบาปของเจ้าก็ยังปรากฏอยู่ต่อหน้าเรา นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์องค์พระผู้เป็นเจ้า
\v 23 เจ้าจะพูดได้อย่างไรว่า ‘ข้าไม่เป็นมลทิน ข้าไม่ได้ติดตามบรรดาพระบาอัลไป’? จงมองดูท่าทางของเจ้าที่ในหุบเขาสิ จงพินิจดูว่าเจ้าได้ทำอะไรไป เหมือนอูฐสาวคะนองอยู่ไม่สุข
\v 24 เหมือนลาป่าที่คุ้นเคยกับถิ่นทุรกันดาร ได้สูดลมหายใจด้วยความอยากอันรุนแรงของมัน ใครจะระงับความใคร่ของมันได้? ไม่มีใครในเหล่าพวกผู้ชายที่จำเป็นต้องแต่งตัวแล้วไล่ตามนาง ในเวลาที่ผสมพันธุ์พวกเขาจะพบนาง
\s5
\p
\v 25 เจ้าต้องยับยั้งเท้าทั้งสองของเจ้าอย่าให้เปล่าเปลือย และอย่าให้คอแห้ง แต่เจ้ากล่าวว่า ‘เหลวไหล เพราะข้าได้รักคนแปลกหน้า และข้าจะติดตามไป’
\v 26 เมื่อโจรถูกจับมีความอับอายอย่างไร เชื้อสายของอิสราเอลก็จะอับอายอย่างนั้น ทั้งตัวเขา กษัตริย์ เจ้านาย ปุโรหิต และผู้เผยพระวจนะของเขา
\v 27 ผู้เหล่านี้ที่กล่าวแก่ต้นไม้ว่า ‘ท่านเป็นบิดาของข้าพเจ้า’ และกล่าวแก่ศิลาว่า ‘ท่านคลอดข้าพเจ้ามา’ เพราะพวกเขาได้หันหลังให้เรา ไม่ใช่หันหน้ามา แต่เมื่อถึงเวลาลำบากพวกเขากล่าวว่า ‘ขอทรงลุกขึ้นช่วยข้าพระองค์ทั้งหลายให้พ้น’
\s5
\p
\v 28 แต่บรรดาพระของเจ้าอยู่ที่ไหนเล่า ซึ่งเป็นพระที่เจ้าสร้างไว้สำหรับตัวเอง? ถ้ามันช่วยเจ้าให้พ้นได้ ก็ให้มันลุกขึ้นช่วย เมื่อถึงเวลาลำบากของเจ้า ยูดาห์เอ๋ย เจ้ามีเมืองต่างๆ มากเท่าใด เจ้าก็มีพระมากเท่านั้น
\v 29 เจ้าทั้งหลายจะมาโต้แย้งเราทำไม? เจ้าได้กบฏต่อเราหมดทุกคนแล้ว นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์
\v 30 เราได้โบยตีลูกหลานของเจ้าเสียเปล่า พวกเขาก็ไม่รับการสั่งสอน ดาบของเจ้าเองได้กลืนผู้เผยพระวจนะของเจ้า เหมือนอย่างสิงห์ช่างทำลาย
\s5
\p
\v 31 คนในยุคนี้เอ๋ย เจ้าทั้งหลายจงใส่ใจต่อถ้อยคำของเรา ถ้อยคำของพระยาห์เวห์ เราเป็นเหมือนถิ่นทุรกันดารแก่อิสราเอลหรือ หรือเหมือนแผ่นดินที่มืดทึบ? ทำไมประชาชนของเราจึงกล่าวว่า ‘พวกเราจะเตร็ดเตร่ไป พวกเราจะไม่มาหาพระองค์อีก'?
\v 32 สาวพรหมจารีจะลืมเครื่องประดับของเธอได้หรือ? เจ้าสาวจะลืมอาภรณ์ของตนได้หรือ? แต่ประชาชนของเราได้ลืมเรา เป็นจำนวนวันที่นับไม่ถ้วน
\v 33 เจ้าหาทางไปพบรักได้อย่างแนบเนียน ซ้ำเจ้ายังสอนทางของเจ้าให้หญิงชั่ว
\s5
\p
\v 34 ที่ชายเสื้อของเจ้ามีโลหิตของคนจนที่ไร้ความผิดติดอยู่ ทั้งที่เจ้าไม่ได้จับเขาขณะทำการโจรกรรม
\v 35 เจ้าก็ยังกล่าวว่า ‘ข้าไม่มีความผิดเลย พระพิโรธของพระองค์ได้หันกลับจากข้าแล้ว’ ดูเถิด เราจะนำเจ้าไปสู่การพิพากษา เพราะเจ้ากล่าวว่า ‘ข้าไม่ได้ทำบาป’
\v 36 ทำไมเจ้าเร่ร่อนไปอย่างนั้น โดยเปลี่ยนเส้นทางของเจ้า? อียิปต์จะทำให้เจ้าอับอาย เหมือนที่อัสซีเรียทำให้เจ้าอับอายมาแล้วนั้น
\v 37 เช่นเดียวกันเจ้าจะออกมาจากที่นั่น โดยเอามือกุมศีรษะของเจ้าไว้ เพราะพระยาห์เวห์ทรงปฏิเสธคนเหล่านั้นที่เจ้าไว้วางใจ เจ้าจะไม่เจริญขึ้นด้วยความช่วยเหลือจากพวกเขา”
\s5
\c 3
\p
\v 1 “ถ้าผู้ชายคนใดหย่าภรรยาของเขา และเธอก็ไปจากเขาเสีย และไปเป็นภรรยาของผู้ชายอีกคนหนึ่ง เขาจะกลับไปหาเธอหรือ? แผ่นดินนั้นจะไม่โสโครกมากมายหรือ? เจ้าได้ใช้ชีวิตเหมือนหญิงโสเภณีที่เล่นชู้กับคนรักหลายคนแล้ว และเจ้าจะกลับมาหาเราหรือ?” นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์
\v 2 จงแหงนหน้าขึ้นสู่บรรดาที่สูงโล่งนั้น และดูสิ ที่ไหนบ้างที่เจ้าไม่มีเพศสัมพันธ์นอกสมรสด้วย? เจ้าได้นั่งคอยคนรักของเจ้าอยู่ริมทาง อย่างคนอาหรับในถิ่นทุรกันดาร เจ้าได้ทำให้แผ่นดินโสโครก ด้วยการเป็นหญิงโสเภณีของเจ้า
\v 3 ดังนั้น ฝนจึงถูกระงับเสีย และฝนปลายฤดูจึงขาดไป แต่เจ้ามีหน้าที่หยิ่งทรนงเหมือนกับผู้หญิงสำส่อน เจ้าปฏิเสธที่จะรู้สึกอาย
\s5
\p
\v 4 เจ้าเพิ่งจะเรียกเราไม่ใช่หรือว่า ‘พระบิดาของข้าพระองค์ พระองค์ทรงเป็นสหายที่ใกล้ชิดที่สุดในวัยเยาว์ของข้าพระองค์
\v 5 พระองค์จะทรงพระพิโรธอยู่เป็นนิตย์หรือ? พระองค์จะกริ้วอยู่จนถึงที่สุดปลายหรือ? นี่แน่ะ เจ้าลั่นวาจาแล้ว แต่เจ้าก็ยังทำความชั่วทุกอย่างซึ่งเจ้าทำได้”
\v 6 แล้วพระยาห์เวห์ได้ตรัสกับข้าพเจ้าในรัชกาลกษัตริย์โยสิยาห์ว่า “เจ้าเห็นอิสราเอลผู้ไม่สัตย์ซื่อได้ทำอะไร? เธอขึ้นไปบนภูเขาสูงทุกลูก และใต้ต้นไม้เขียวสดทุกต้น และที่นั่นเธอก็ไปประพฤติเป็นเหมือนหญิงโสเภณี
\s5
\p
\v 7 เราได้พูดว่า 'หลังจากที่เธอทำทุกสิ่งเหล่านี้แล้ว เธอจะกลับมาหาเรา' แต่เธอก็ไม่กลับมา แล้วยูดาห์น้องสาวที่ทรยศนั้นก็ได้เห็นสิ่งเหล่านี้
\v 8 ดังนั้นเราเห็นว่า ในทำนองเดียวกันที่อิสราเอลผู้กลับสัตย์ได้ล่วงประเวณี และเราจึงไล่เธอไปและได้มอบหนังสือหย่า ยูดาห์น้องสาวที่ทรยศของเธอก็ไม่กลัว เธอกลับไปทำตัวเป็นโสเภณีด้วยเช่นเดียวกัน
\v 9 เธอเห็นว่าการได้ไปเป็นโสเภณีของเธอยังถือเป็นเรื่องเล็กน้อย เธอก็ได้ทำให้แผ่นดินโสโครก และเธอได้ไปล่วงประเวณีกับศิลาและต้นไม้
\s5
\p
\v 10 แล้วภายหลังจากสิ่งเหล่านี้ ยูดาห์น้องสาวที่ทรยศของเธอก็ได้หันกลับมาหาเราแต่ไม่ได้ด้วยสุดใจ แต่แสร้งทำเป็นกลับมา นี่เป็นคำประกาศของพระยาห์เวห์"
\v 11 แล้วพระยาห์เวห์ได้ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “อิสราเอลผู้กลับสัตย์ยังได้สำแดงตัวว่าชอบธรรมยิ่งกว่ายูดาห์ที่ไม่สัตย์ซื่อ
\v 12 จงไปและประกาศถ้อยคำเหล่านี้ทางทิศเหนือ กล่าวว่า "อิสราเอลผู้กลับสัตย์เอ๋ย จงกลับมาเถิด นี่เป็นคำประกาศของพระยาห์เวห์ เราจะไม่มองดูพวกเจ้าด้วยความโกรธ เพราะเรามีความสัตย์ซื่อ นี่เป็นคำประกาศของพระยาห์เวห์ เราจะไม่โกรธอยู่เป็นนิตย์
\s5
\p
\v 13 เพียงแต่ยอมรับความผิดของเจ้า ว่าเจ้าได้กบฏต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า เจ้าได้แบ่งปันเอาใจกับบรรดาเหล่าคนแปลกหน้าใต้ต้นไม้เขียวสดทุกต้น เพราะพวกเจ้าไม่ได้ฟังเสียงของเรา นี่เป็นคำประกาศของพระยาห์เวห์
\v 14 จงกลับมาเถิด ประชาชนที่ไม่สัตย์ซื่อทั้งหลาย นี่เป็นคำประกาศของพระยาห์เวห์ เราเป็นสามีของพวกเจ้า เราจะรับพวกเจ้ามาเมืองละคนและตระกูลละสองคน และเราจะนำเจ้ามาถึงศิโยน
\v 15 เราจะให้บรรดาผู้เลี้ยงแกะคนที่เราพอใจแก่พวกเจ้า พวกเขาจะเลี้ยงดูพวกเจ้าด้วยความรู้และความเข้าใจ
\s5
\p
\v 16 แล้วสิ่งนี้ได้เกิดขึ้น เมื่อพวกเจ้าจะทวีขึ้นและเกิดผลในแผ่นดินในเวลาเหล่านั้น นี่เป็นคำประกาศของพระยาห์เวห์ พวกเขาทั้งหลายจะไม่กล่าวอีกว่า"หีบพันธสัญญาแห่งพระยาห์เวห์" เรื่องนี้จะไม่มีขึ้นอีกต่อไปในหัวใจของพวกเขาหรือจะไม่มีใครจำได้ จะไม่พลาดอีกเลย และจะไม่มีการทำเช่นนี้อีกเลย'
\v 17 ในครั้งนั้นพวกเขาจะเรียกเยรูซาเล็มว่า 'นี่เป็นพระที่นั่งของพระยาห์เวห์' และบรรดาประชาชาติอื่น ๆ ทั้งสิ้นจะรวบรวมกันเข้ามายังกรุเยรูซาเล็มในพระนามของพระยาห์เวห์ พวกเขาจะไม่ดำเนินในความดื้อรั้นในหัวใจชั่วร้ายของพวกเขาอีกต่อไป
\v 18 ในเวลานั้นเชื้อสายของยูดาห์จะเดินมากับเชื้อสายของอิสราเอล พวกเขาจะรวมกันมาจากแผ่นดินฝ่ายเหนือมายังแผ่นดินซึ่งเราได้มอบให้แก่เหล่าบรรพบุรุษของเจ้าเป็นมรดก
\s5
\p
\v 19 สำหรับเรา เราได้กล่าวว่า 'เราจะตั้งเจ้าไว้ท่ามกลางบุตรชายทั้งหลายของเราอย่างไรดีหนอ และให้แผ่นดินที่น่าปรารถนาแก่เจ้า เป็นมรดกสวยงามกว่าสิ่งอื่นใดในประชาชาติอื่นๆ' เราได้กล่าวว่า 'เจ้าจะเรียกเราว่า "พระบิดาของข้าพระองค์" 'เราจะไม่ได้กล่าวว่าพวกเจ้าจะไม่หันกลับจากการติดตามเรา แต่เชื้อสายอิสราเอลเอ๋ย พวกเจ้าได้ทรยศต่อเรา
\v 20 เช่นเดียวกับภรรยาทรยศต่อสามีของนาง พวกเจ้าจะทรยศต่อเราเชื้อสายของอิสราเอล นี่เป็นคำประกาศของพระยาห์เวห์"
\v 21 จะได้ยินเสียงมาจากที่โล่ง เป็นเสียงร้องไห้และเสียงวิงวอนของประชาชนของอิสราเอล เพราะพวกเขาได้แปรวิถีของเขาเสียแล้ว พวกเขาได้ลืมพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา
\s5
\p
\v 22 “จงกลับมาเถิด ประชาชนผู้กลับสัตย์เอ๋ย เราจะทำการรักษาการกลับสัตย์ของเจ้าให้หาย” “นี่แน่ะ ข้าพระองค์ทั้งหลายมาหาพระองค์แล้ว เพราะพระองค์ทรงเป็นพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกข้าพระองค์
\v 23 แท้จริง เนินเขาก็เป็นแต่สิ่งหลอกลวง และเสียงที่สับสนอลหม่านบนภูเขาทั้งหลายก็เช่นกัน แท้จริงพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราทรงเป็นความรอดของอิสราเอล
\v 24 กระนั้นก็ดี การไปนับถือรูปเคารพที่น่าอายนั้นได้กัดกินสิ่งทั้งปวงที่บรรพบุรุษของเราได้ลงแรงทำไว้ คือฝูงแกะ ฝูงโค บรรดาบุตรชาย และบุตรหญิงของพวกเขา
\v 25 ให้เรานอนลงในความอาย และให้ความอัปยศคลุมเราไว้ เพราะเราได้ทำบาปต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา ทั้งตัวเราและบรรพบุรุษของเรา ตั้งแต่เรายังเป็นอนุชนอยู่จนทุกวันนี้ ไม่ได้ฟังพระสุรเสียงแห่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเรา”
\s5
\c 4
\p
\v 1 "ถ้าเจ้าจะกลับมา อิสราเอลเอ๋ย นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์ เจ้าก็ควรจะกลับมาหาเรา ถ้าเจ้ายอมเอาสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนไปให้พ้นหน้าเราเสีย และไม่โลเลจากหน้าเราอีก
\v 2 เจ้าจะต้องซื่อสัตย์ ยุติธรรม และชอบธรรมเมื่อเจ้าสาบานว่า ‘พระยาห์เวห์ทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด’ แล้วบรรดาประชาชาติจะให้พรกันในพระองค์ และในพระองค์เขาทั้งหลายจะได้รุ่งโรจน์”
\v 3 เพราะพระยาห์เวห์ตรัสกับแต่ละบุคคลในยูดาห์และในกรุงเยรูซาเล็มว่า 'จงไถดินที่ของพวกเจ้าและอย่าหว่านลงกลางพงหนาม
\s5
\p
\v 4 จงเข้าสุหนัตตัวเจ้าเองถวายแด่พระยาห์เวห์ จงตัดหนังหุ้มปลายแห่งหัวใจของเจ้าเสีย พวกผู้ชายยูดาห์ทั้งหลายและชาวเยรูซาเล็มทั้งหลายเอ๋ย เกรงว่าความโกรธของเราจะพลุ่งออกไปอย่างไฟ และเผาไหม้โดยไม่มีใครจะดับได้ เนื่องจากพฤติกรรมความชั่วร้ายทั้งหลายของพวกเจ้า
\v 5 จงรายงานในยูดาห์และจงทำให้ได้ยินในกรุงเยรูซาเล็ม จงกล่าวว่า "จงเป่าแตรในแผ่นดิน" จงร้องประกาศดัง ๆ ว่า "จงมารวมกัน ให้เราเข้าไป ในบรรดาเมืองที่มีป้อม"
\v 6 จงยกธงสัญญาณขึ้นและเข้าสู่ศิโยน และจงรีบหนีไปให้ปลอดภัย จงอย่ารออยู่ เพราะเรากำลังนำความพินาศมาจากทิศเหนือ และเป็นการทำลายอย่างใหญ่หลวง
\s5
\p
\v 7 สิงโตตัวหนึ่งกำลังออกจากที่ซุ่มของมันแล้ว และบางคนที่จะทำลายบรรดาประชาชาติก็กำลังยกมาแล้ว เขากำลังออกไปจากสถานที่ของเขานำความน่าสะพึงกลัวไปยังแผ่นดินของเจ้า เพื่อทำให้เมืองต่าง ๆ ของเจ้าจะถูกทิ้งร้าง ปราศจากคนอาศัย
\v 8 ด้วยเหตุนี้ เจ้าจงสวมผ้ากระสอบไว้ทุกข์ จงคร่ำครวญและร้องไห้ เพราะพระพิโรธร้อนแรงของพระยาห์เวห์ ไม่ได้หันกลับไปจากเรา
\v 9 แล้วสิ่งนี้ก็จะเกิดขึ้นในวันนั้น นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์ ในวันจิตใจของกษัตริย์และพวกเจ้านายจะตาย บรรดาปุโรหิตจะตกตะลึงและผู้เผยพระวจนะทั้งหลายก็จะหวาดกลัว'''
\s5
\p
\v 10 แล้วข้าพเจ้าจึงได้ทูลว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์องค์พระผู้เป็นเจ้า แน่นอนทีเดียวว่าพระองค์ทรงล่อลวงอย่างเต็มที่ต่อชนชาตินี้และเยรูซาเล็มว่า ‘เจ้าทั้งหลายจะอยู่เย็นเป็นสุข’ แต่ที่จริงดาบได้ฟาดฟันชีวิตของพวกเขา”
\v 11 ในครั้งนั้น จะได้กล่าวแก่ชนชาตินี้ และเยรูซาเล็มโดยการตรัสว่า "ลมร้อนจากที่ราบทั้งหลายของทะเลทรายจะพัดมาตามเส้นทางสู่บุตรีของประชาชนของเรา มันจะไม่มาฝัดหรือมาชำระพวกเขา
\v 12 ลมจะมาแรงเกินกว่านั้นอีกจะมาโดยคำสั่งของเรา และเราเองจะเป็นผู้กล่าวคำพิพากษาพวกเขา
\s5
\p
\v 13 ดูเถิด เขากำลังจู่โจมเหมือนบรรดาเมฆ และพวกรถม้าศึกของเขาเหมือนพายุ ม้าทั้งหลายของเขาเร็วยิ่งกว่านกอินทรี วิบัติแก่พวกเรา เพราะว่าเราจะต้องพินาศ
\v 14 จงชำระจิตใจของเจ้าจากความชั่วร้าย เยรูซาเล็มเอ๋ย เพื่อเจ้าจะรอดได้ นานสักเท่าใดที่ความคิดลึกๆ ของเจ้า ที่จะคิดแต่เรื่องการทำบาป?
\v 15 เพราะว่ามีเสียงที่นำข่าวมาจากเมืองดาน และความพินาศที่กำลังจะมาที่ได้ยินจากภูเขาทั้งหลายของเอฟราอิม
\s5
\p
\v 16 จงให้บรรดาประชาชาติคิดถึงสิ่งเหล่านี้ นี่แน่ะ จงประกาศแก่เยรูซาเล็มว่า บรรดาผู้ล้อมกำลังมาจากแผ่นดินไกลโห่ร้องในการโจมตีเข้าใส่เมืองต่างๆ ของยูดาห์
\v 17 พวกเขาทั้งหลายเหมือนพวกคนยามของทุ่งนาที่เตรียมดินไว้เพาะปลูกที่ล้อมเธอไว้โดยรอบ เพราะว่าเธอได้กบฏต่อเรา นี่เป็นคำประกาศของพระยาห์เวห์
\v 18 และการประพฤติและการกระทำของเจ้าที่ได้กระทำสิ่งเหล่านี้ต่อเจ้า นี่จะเป็นการลงโทษของเจ้า มันจะสยดสยองขนาดไหน มันจะทำให้เจ้าสะเทือนใจที่สุด
\s5
\p
\v 19 ดวงใจของข้า ดวงใจของข้า ข้าเจ็บปวดในหัวใจ จิตใจของข้าก็สั่นระรัวอยู่ภายใน ข้าจะนิ่งเงียบอยู่ไม่ได้ เพราะข้าได้ยินเสียงเขาสัตว์ เสียงปลุกของสงคราม
\v 20 ความหายนะทับซ้อนหายนะ เพราะแผ่นดินทั้งสิ้นถูกทำลาย บรรดาเต็นท์ของข้าถูกทำลายในฉับพลัน และชั่วครู่เดียวผ้าเต็นท์ทั้งหลายของข้าก็ย่อยยับไป
\v 21 อีกนานสักเท่าใดที่ข้าจะได้เห็นธงชัย? ข้าจะได้ยินเสียงเขาสัตว์หรือไม่?
\s5
\p
\v 22 เพราะความโง่เขลาของประชาชนของเรา พวกเขาไม่รู้จักเรา พวกเขาเป็นประชาชนที่โง่เง่าและพวกเขาไม่มีความเข้าใจ พวกเขาช่ำชองในการทำชั่ว แต่พวกเขาไม่รู้จักทำดี
\v 23 ข้ามองดูแผ่นดิน ดูเถิด มันเป็นที่ร้างและว่างเปล่า เมื่อมองดูท้องฟ้าก็ไม่มีความสว่าง
\v 24 ข้ามองดูภูเขา นี่แน่ะ มันกำลังสั่นสะเทือน เนินเขาก็เคลื่อนตัวไปมา
\s5
\p
\v 25 ข้าได้มองดู นี่แน่ะ ไม่มีใครเลย และนกทั้งปวงบนท้องฟ้าได้หนีไปแล้ว
\v 26 ข้าได้มองดู นี่แน่ะ เรือกสวนไร่นาก็เป็นถิ่นทุรกันดาร และเมืองทั้งสิ้นก็ปรักหักพังไป ต่อพระพักตร์พระยาห์เวห์ ต่อพระพิโรธร้อนแรงของพระองค์"
\v 27 นี้เป็นสิ่งที่พระยาห์เวห์ตรัส “แผ่นดินทั้งหมดจะเป็นที่ร้างเปล่า แต่เราก็จะไม่ทำลายให้จบสิ้นเสียทีเดียว
\s5
\p
\v 28 เพราะด้วยเหตุผลนี้ แผ่นดินจะไว้ทุกข์ และท้องฟ้าเบื้องบนจะดำมืด เพราะเราได้ประกาศความตั้งใจของเราแล้ว เราจะไม่เปลี่ยนใจ เราจะไม่หันกลับจนกว่าจะลุล่วง
\v 29 ทุกเมืองจะหนีจากเสียงพลม้าและเหล่าพลธนูพร้อมกับธนู พวกเขาจะวิ่งเข้าไปในป่า ชาวเมืองทุกแห่งก็จะปีนป่ายไปตามสถานที่เป็นภูเขา เมืองทั้งหลายก็ถูกทอดทิ้ง เพราะไม่มีผู้ใดอาศัยอยู่ในเมืองเหล่านั้นเลย
\v 30 บัดนี้เจ้าก็ถูกทิ้งร้าง พวกเจ้าจะทำอะไรกัน? เพราะถึงแม้ว่าเจ้าจะแต่งตัวสีแดง และเจ้าประดับตัวด้วยอาภรณ์ทองคำ และทำให้ดวงตาทั้งสองขยายให้กว้างด้วยแต้มสี พวกผู้ชายที่เคยปรารถนาในตัวเจ้าบัดนี้ก็ปฏิเสธเจ้า พวกเขากำลังจะพรากเอาชีวิตของเจ้าไป
\v 31 เพราะเราได้ยินเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว แสนเจ็บปวดอย่างกับจะคลอดบุตรหัวปี เสียงร้องแห่งบุตรีของศิโยน เธอแทบจะขาดใจ เธอเหยียดแขนของเธอออกร้องว่า “วิบัติแก่ข้า ข้ากำลังเป็นลมเพราะเหล่าฆาตกรนี้'''
\s5
\c 5
\p
\v 1 “จงวิ่งไปมาบนถนนในเยรูซาเล็ม จงเสาะหาตามลานเมืองด้วยเช่นกัน แล้วดูและคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ถ้าเจ้าจะหาผู้ชายหรือใครก็ได้สักคนหนึ่งคือคนที่กระทำการยุติธรรม และแสวงหาความจริง เพื่อเราจะได้อภัยโทษให้แก่เยรูซาเล็ม
\v 2 แม้พวกเขากล่าวว่า ‘พระยาห์เวห์ทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด’ พวกเขาก็ยังสาบานอย่างเป็นเท็จ”
\v 3 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเนตรของพระองค์ทรงหาความสัตย์จริงไม่ใช่หรือ? พระองค์ทรงเฆี่ยนตีประชาชน แต่พวกเขาก็ไม่รู้สึกเจ็บปวด พระองค์ทรงล้างผลาญพวกเขาอย่างสิ้นเชิง แต่เขาก็ปฏิเสธที่จะรับการแก้ไข พวกเขาได้ทำให้หน้าของตนกระด้างยิ่งกว่าหิน เพราะพวกเขาปฏิเสธที่จะกลับใจ
\s5
\p
\v 4 แล้วข้าพเจ้าทูลว่า “แน่ทีเดียว คนเหล่านี้เป็นประชาชนที่ยากจน พวกเขาโง่ เพราะเขาไม่รู้จักพระมรรคาของพระยาห์เวห์ ไม่รู้จักพระบัญญัติของพระเจ้าของพวกเขา
\v 5 ข้าพระองค์จะไปหาพวกประชาชนที่มีความสำคัญ และประกาศคำสอนของพระเจ้ากับพวกเขา เพราะอย่างน้อยพวกเขาก็รู้จักพระมรรคาของพระยาห์เวห์ และรู้จักพระบัญญัติของพระเจ้าของเขา” แต่พวกเขาทุกคนก็ได้หักแอกเสีย พวกเขาได้ทำลายแอกของพวกเขาด้วยกัน พวกเขาทั้งหมดได้หักโซ่ตรวนที่ผูกมัดพวกเขากับพระเจ้า
\v 6 ดังนั้นสิงโตจากป่าจะมาจู่โจมพวกเขา สุนัขป่าจากอาราบาห์จะทำลายพวกเขา เสือดาวจะมาต่อต้านเมืองทั้งหลายของพวกเขา ใครก็ตามที่ออกไปจากเมืองของเขาจะถูกฉีกเป็นชิ้นๆ เพราะการละเมิดของเขาก็เพิ่มมากขึ้น การประพฤติไม่ซื่อสัตย์ของพวกเขาก็ไม่มีข้อจำกัด
\s5
\p
\v 7 ทำไมเราควรจะให้อภัยประชาชนเหล่านี้? บุตรชายทั้งหลายของเจ้าได้ละทิ้งเราแล้ว และได้สาบานโดยสิ่งที่ไม่ใช่พระเจ้าทั้งหลาย เราได้เลี้ยงพวกเขาให้อิ่ม แต่พวกเขาก็ได้ล่วงประเวณี และผู้คนจำนวนมากมายพากันเดินไปยังบ้านของหญิงโสเภณี
\v 8 พวกเขาเหมือนบรรดาม้าที่กลัดมัน พวกเขาได้ท่องเที่ยวไปเพื่อหาคู่นอน ทุกคนต่างร้องหาภรรยาของเพื่อนบ้านของตน
\v 9 ดังนั้นเราจะไม่ควรลงโทษเขาหรือ นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์ และตัวเราเองไม่ควรจะแก้แค้นแก่ชนชาติที่เป็นอย่างนี้หรือ?
\s5
\p
\v 10 จงไปเถิด ไปตามแถวต้นองุ่นของเธอและทำลายเสีย แต่อย่าให้ถึงการทำลายอย่างสิ้นเชิงแก่พวกเขาเสียทีเดียว ตัดกิ่งก้านของพวกมันออก เพราะเถาองุ่นเหล่านั้นไม่ได้มาจากพระยาห์เวห์
\v 11 เพราะพงศ์พันธุ์ของอิสราเอลและพงศ์พันธุ์ของยูดาห์ได้ทรยศต่อเราอย่างสิ้นเชิงแล้ว นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์
\v 12 พวกเขาทั้งหลายได้พูดมุสาในเรื่องพระยาห์เวห์ และพวกเขาได้กล่าวว่า “พระองค์จะไม่ทรงกระทำอะไร ไม่มีการร้ายใดจะเกิดขึ้นกับเรา และเราจะไม่เห็นดาบหรือการกันดารอาหาร
\s5
\p
\v 13 เหล่าผู้เผยพระวจนะก็จะกลายเป็นเพียงลม พระวจนะไม่มีในพวกเขา ดังนั้น ขอให้สิ่งที่พวกเขาพูดจงเป็นอย่างนั้นแก่พวกเขาเถิด"
\v 14 ดังนั้นพระยาห์เวห์พระเจ้าจอมเจ้านายจึงตรัสดังนี้ว่า “เพราะพวกเจ้าได้กล่าวถ้อยคำเหล่านี้ นี่แน่ะ เราจะวางถ้อยคำของเราในปากของพวกเจ้า มันจะเป็นเหมือนไฟ และประชาชนนี้จะเป็นเหมือนฟืน และไฟนั้นจะเผาผลาญเขาเสีย
\v 15 จงดูเถิด คนอิสราเอลเอ๋ย เราจะนำชนชาติจากแดนไกลมาสู้เจ้าทั้งหลาย นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์ เป็นชนชาติที่มั่นคง เป็นชนชาติดึกดำบรรพ์ เป็นชนชาติที่เจ้าไม่รู้ภาษาของเขา เจ้าก็ไม่เข้าใจว่าพวกเขาจะพูดอะไร
\s5
\p
\v 16 แล่งธนูของเขาเหมือนหลุมฝังศพที่เปิดอยู่ พวกเขาเป็นนักรบ
\v 17 พวกเขาจะกินสิ่งซึ่งเจ้าเก็บเกี่ยวได้ พวกเขาจะกินบุตรชายและบุตรหญิงของเจ้าด้วยเช่นกัน และกินอาหารของเจ้า เขาจะกินฝูงแกะฝูงโคของเจ้า พวกเขาจะกินผลจากเถาองุ่นและต้นมะเดื่อของเจ้า พวกเขาจะใช้ดาบทำลายบรรดาเมืองที่มีป้อมของเจ้าซึ่งเจ้าวางใจนั้น
\v 18 แม้แต่ในวันเหล่านั้น นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์ เราก็ยังไม่ทำลายเจ้าอย่างสิ้นเชิง
\s5
\p
\v 19 เมื่อพวกเจ้า อิสราเอลและยูดาห์ กล่าวว่า ‘ทำไมพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราทั้งหลายจึงทรงทำสิ่งเหล่านี้แก่เรา? แล้วเจ้า เยเรมีย์ จะกล่าวแก่พวกเขาว่า ‘เพราะเจ้าได้ละทิ้งเราไปปรนนิบัติบรรดาพระต่างด้าวในแผ่นดินของเจ้า ดังนั้น เจ้าจะต้องไปปรนนิบัติคนต่างชาติในแผ่นดินซึ่งไม่ใช่ของเจ้า’
\v 20 จงรายงานนี้ต่อวงศ์วานยาโคบ และให้สิ่งนี้ได้ยินในยูดาห์ กล่าวว่า
\v 21 'จงฟังสิ่งนี้ พวกเจ้า ประชาชนที่โง่เขลาและไร้ความเข้าใจ ผู้มีดวงตา แต่มองไม่เห็น ผู้มีหู แต่ฟังไม่ได้ยิน
\s5
\p
\v 22 เจ้าไม่ยำเกรงเราหรือ นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์ หรือเจ้าไม่ตัวสั่นอยู่ต่อหน้าเราหรือ? เราผู้วางกองทรายไว้เป็นเขตล้อมทะเล เป็นเครื่องกีดขวางเป็นนิตย์ไม่ให้ละเมิดได้ แม้ว่าคลื่นจะซัด ก็เอาชนะไม่ได้ แม้ว่าคลื่นจะคะนอง ก็ข้ามไปไม่ได้
\v 23 แต่ประชาชนเหล่านี้มีใจดื้อดึง เขาได้หันเหในการก่อกบฏและจากไปเสีย
\v 24 เพราะพวกเขาไม่ได้คิดในใจของตนว่า "ให้พวกเรายำเกรงพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเรา ผู้ประทานฝน คือฝนต้นฤดูและฝนปลายฤดูในเวลาที่ถูกต้องตามฤดูกาล และทรงรักษา กฎเกณฑ์ของสัปดาห์แห่งการเก็บเกี่ยวไว้ให้พวกเรา"
\s5
\p
\v 25 สิ่งชั่วร้ายทั้งหลายของเจ้าได้ทำให้สิ่งเหล่านี้หันเหไปเสีย บาปทั้งหลายของพวกเจ้าก็กันความดีไว้เสียจากเจ้า
\v 26 เพราะคนอธรรมจะพบได้ท่ามกลางประชาชนของเรา พวกเขาซุ่มคอยเหมือนคนดักนกซุ่มอยู่ พวกเขาวางกับดักไว้ และเขาดักจับประชาชน
\v 27 เหมือนกรงที่เต็มไปด้วยนก บ้านทั้งหลายของพวกเขาก็เต็มด้วยการทรยศ ดังนั้น พวกเขาจึงใหญ่โตและกลายเป็นคนมั่งมี
\s5
\p
\v 28 พวกเขาจึงตัวอ้วน พวกเขาแสดงออกว่ากินอยู่ดี พวกเขาล้ำหน้าในเรื่องการทำชั่ว พวกเขาไม่ได้แก้ต่างในคดีของประชาชน หรือในคดีของลูกกำพร้า พวกเขาเจริญก้าวหน้าแม้ว่าพวกเขาไม่ได้ให้ความยุติธรรมแก่ผู้ที่ขัดสน
\v 29 ควรที่เราจะไม่ลงโทษพวกเขาเพราะสิ่งเหล่านี้หรือ นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์ และไม่ควรที่เราจะแก้แค้นประชาชาติที่เป็นอย่างนี้หรือ?
\v 30 สิ่งน่าหวาดหวั่นและน่ากลัว ได้เกิดขึ้นในแผ่นดิน
\v 31 บรรดาผู้เผยพระวจนะได้เผยพระวจนะเท็จ และบรรดาปุโรหิตก็ปกครองตามอำนาจของพวกเขา ประชาชนของเราก็ชอบแบบนี้ แต่อะไรเกิดขึ้นในวาระสุดท้าย?'''
\s5
\c 6
\p
\v 1 จงไปหาความปลอดภัย ประชาชนเบนยามินเอ๋ย โดยการหนีไปจากเยรูซาเล็ม จงเป่าแตรในเมืองเทโคอา จงยกสัญญาณขึ้นไว้เหนือหมู่บ้านเบธฮักเคเรม เพราะความชั่วร้ายกำลังปรากฏขึ้นจากทิศเหนือ คือการทำลายอย่างใหญ่หลวงกำลังมา
\v 2 บุตรีแห่งศิโยน ผู้หญิงที่สวยและบอบบาง กำลังจะถูกทำลาย
\v 3 บรรดาผู้เลี้ยงแกะพร้อมกับฝูงแกะจะมาหาพวกเขา พวกเขาจะตั้งเต็นท์ไว้รอบเธอ ผู้ชายแต่ละคนก็จะดูแลพวกมันด้วยมือของเขาเอง
\s5
\p
\v 4 "จงอุทิศตัวของพวกเจ้ากับบรรดาเทพเจ้าทั้งหลายเพื่อทำสงคราม จงลุกขึ้น ให้เราโจมตีเวลาเที่ยงวัน น่าผิดหวังมาก เพราะว่ากลางวันล่วงไปแล้ว เงาของเวลาเย็นก็กำลังจะตก
\v 5 แต่ให้พวกเราเข้าโจมตีในเวลากลางคืน และให้ทำลายบรรดาป้อมอันเข้มแข็งของเธอเสีย"
\v 6 เพราะพระยาห์เวห์จอมเจ้านายตรัสดังนี้ว่า จงโค่นบรรดาต้นไม้ของเธอลง และกองล้อมยึดเยรูซาเล็ม นี่แหละเมืองที่ต้องถูกโจมตี เพราะว่ามันเป็นเมืองที่มีแต่การกดขี่ข่มเหง
\s5
\p
\v 7 เหมือนบ่อน้ำที่มีน้ำสะอาดไหลออกมาฉันใด ดังนั้นเมืองนี้ก็ทำให้เกิดความอธรรมขึ้นเรื่อยๆ ฉันนั้น ความทารุณและความโกลาหลก็มีให้ได้ยินเสมอภายในเธอ ความเจ็บป่วยและการบาดเจ็บก็ปรากฏต่อหน้าเราเสมอ
\v 8 เยรูซาเล็มเอ๋ย จงรับคำตักเตือน เกรงว่าเราจะปลีกตัวไปเสียจากเจ้า และทำให้เจ้าเป็นที่ร้างเปล่า เป็นแผ่นดินที่ปราศจากคนอาศัย'''
\v 9 พระยาห์เวห์จอมเจ้านายตรัสดังนี้ว่า "เขาทั้งหลายจะรวบรวมคนเหล่านั้นที่เหลืออยู่ในคนอิสราเอลอย่างแน่นอนเหมือนกับสวนองุ่น จงยื่นมือออกไปด้วยมือของเจ้าเพื่อเก็บผลองุ่นจากกิ่งทั้งหลายของมันอีกครั้งหนึ่ง
\s5
\p
\v 10 ข้าพเจ้าควรจะประกาศและตักเตือนใครเพื่อพวกเขาจะได้เชื่อฟัง? ดูสิ! หูทั้งสองข้างของพวกเขาไม่เข้าสุหนัต พวกเขาไม่สามารถจะให้ความสนใจได้ ดูสิ! พระวจนะของพระยาห์เวห์ได้ไปหาพวกเขาเพื่อตักเตือนพวกเขา แต่พวกเขาไม่ต้องการ"
\v 11 แต่ข้าพเจ้ามีพระพิโรธของพระยาห์เวห์เต็มไปหมด ข้าพเจ้าเหน็ดเหนื่อยเกินที่่จะเก็บมันไว้อีกแล้ว พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้า “จงเทมันรดเด็กๆ ตามถนน และรดกลุ่มทั้งหลายของพวกหนุ่มๆ เพราะว่าผู้ชายทุกคนก็จะต้องเอาไปพร้อมกับภรรยาของเขา และพวกคนแก่ทุกคนก็จะลำบากในปีของพวกเขา
\v 12 บ้านเรือนทั้งหลายของพวกเขาจะต้องยกให้เป็นของคนอื่น ทั้งไร่นาและภรรยาของพวกเขาด้วย เพราะเราจะยกมือของเราโจมตีผู้ที่อาศัยอยู่บนแผ่นดินนั้น นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์
\s5
\p
\v 13 พระยาห์เวห์ทรงประกาศว่า ตั้งแต่คนต่ำต้อยที่สุดจนถึงคนใหญ่โตที่สุด ทุกคนโลภอยากได้ผลกำไรที่ไม่ซื่อสัตย์ ตั้งแต่ผู้เผยพระวจนะไปจนถึงปุโรหิตพวกเขาทุกคนประพฤติหลอกลวง
\v 14 พวกเขาได้รักษาแผลของประชาชนของเราเพียงผิวเผิน กล่าวว่า ‘สันติสุข สันติสุข’ เมื่อไม่มีสันติสุขเลย
\v 15 พวกเขาอับอายหรือเปล่าเมื่อพวกเขาทำการน่าเกลียดน่าชัง? พวกเขาไม่อับอายเลย พวกเขาไม่รู้จักอาย เพราะฉะนั้น พวกเขาจะล้มลงท่ามกลางพวกที่ล้มแล้ว พวกเขาจะล้มคว่ำ เมื่อเราลงโทษพวกเขา พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ
\s5
\p
\v 16 พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า "จงยืนที่ทางแยกถนนและมองให้ดี จงถามหาทางโบราณนั้นว่า 'ทางดีอยู่ที่ไหน?' แล้วจงเดินในทางนั้น และจงหาสถานที่สงบสำหรับตัวเจ้า แต่ประชาชนทั้งหลายกล่าวว่า 'เราจะไม่เดินในทางนั้น’
\v 17 เราได้วางยามไว้สำหรับพวกเจ้าเพื่อฟังเสียงแตร แต่เขาทั้งหลายกล่าวว่า 'พวกเราจะไม่ฟัง’
\v 18 เพราะฉะนั้น ชนชาติทั้งหลายเอ๋ย จงฟัง ดูเถิด พวกพยานทั้งหลาย อะไรจะบังเกิดขึ้นแก่พวกเขา
\s5
\p
\v 19 จงฟังเถิด แผ่นดินโลกเอ๋ย ดูเถิด เรากำลังนำความพินาศมายังประชาชนนี้ ผลแห่งความคิดทั้งหลายของพวกเขา พวกเขาไม่ได้เชื่อฟังถ้อยคำของเรา หรือบัญญัติของเรา แต่พวกเขากลับปฏิเสธเสีย"
\v 20 "กำยานที่ขึ้นมาจากเมืองเชบาจะมีความหมายอะไรกับเรา? หรือกลิ่นหอมทั้งหลายจากเมืองไกลมาให้เราเพื่ออะไรเล่า? เครื่องบูชาเผาทั้งตัวของเจ้ายังไม่เป็นที่ยอมรับสำหรับเราเอง หรือเครื่องสัตวบูชาของเจ้าก็ไม่เป็นที่พอใจเรา
\v 21 ดังนั้น พระยาห์เวห์จึงตรัสดังนี้ว่า 'ดูสิ เรากำลังจะวางเครื่องสะดุดไว้ให้เขาสะดุด ทั้งบิดาและบุตรชายทั้งหลาย ทั้งเหล่าผู้อาศัยและเพื่อนบ้านจะพินาศด้วย'
\s5
\p
\v 22 พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า 'ดูเถิด ประชาชนกำลังมาจากแดนเหนือ เพราะว่าประชาชาติใหญ่ชาติหนึ่งถูกเร้าให้มาจากส่วนไกลสุดของแผ่นดิน
\v 23 พวกเขาทั้งหลายจะจับบรรดาคันธนูและหอกทั้งหลาย พวกเขาดุร้ายและไม่มีความเมตตา เสียงของพวกเขาก็เหมือนเสียงทะเลคำราม และพวกเขากำลังขี่ม้าเตรียมพร้อมเหมือนทหาร บุตรีของศิโยนเอ๋ย'''
\v 24 เราได้ยินข่าวเกี่ยวกับพวกเขาเหล่านั้น มือทั้งหลายของเราก็อ่อนลง ความระทมอย่างแสนสาหัสได้จับเราไว้ เหมือนผู้หญิงที่กำลังคลอดบุตร
\s5
\p
\v 25 อย่าเดินออกไปในทุ่งนาเหล่านั้น หรือเดินบนถนนต่าง ๆ เพราะบรรดาดาบของศัตรูและความสยดสยองมีอยู่เต็มไปหมดทุกด้าน
\v 26 บุตรีของประชาชนของเราเอ๋ย จงเอาผ้ากระสอบมาสวมไว้ และกลิ้งเกลือกอยู่ในกองเถ้าของการเผาศพสำหรับบุตรคนเดียว เจ้าจงคร่ำครวญอย่างขมขื่นที่สุดสำหรับเจ้าเอง เพราะว่าผู้ทำลายจะมาสู้เราในทันทีทันใด
\v 27 "เราได้สร้างเจ้า เยเรมีย์ เป็นผู้ทดสอบท่ามกลางประชาชนของเราเหมือนกับการทดสอบโลหะ เพื่อพวกเจ้าจะได้ตรวจสอบและทดสอบทางทั้งหลายของพวกเขา
\s5
\p
\v 28 พวกเขาทั้งหมดเป็นประชาชนที่ดื้อด้าน ผู้ซึ่งเที่ยวไปทั่วเพื่อปลุกปั่นคนอื่น พวกเขาทั้งหมดเป็นทองสัมฤทธิ์ และเป็นเหล็ก ประพฤติเลวทรามทั้งนั้น
\v 29 เครื่องเป่าลมของเขาเป่าอย่างดุเดือดด้วยไฟที่กำลังเผาผลาญพวกเขา ตะกั่วก็ถูกถลุงในเปลวไฟ การหลอมก็ยังคงดำเนินต่อไปในท่ามกลางพวกเขา แต่ก็ไร้ประโยชน์ เพราะว่าความชั่วก็ยังไม่ถูกขจัดออกไป
\v 30 พวกเขาจะถูกเรียกว่าเงินที่ถูกปฏิเสธ เพราะพระยาห์เวห์ทรงปฏิเสธพวกเขาเสียแล้ว”
\s5
\c 7
\p
\v 1 พระวจนะจากพระยาห์เวห์ได้มาถึงเยเรมีย์ว่า
\v 2 “จงยืนอยู่ที่ประตูพระนิเวศของพระยาห์เวห์ และร้องประกาศถ้อยคำเหล่านี้ว่า 'จงฟังพระวจนะพระยาห์เวห์ บรรดาคนยูดาห์ทั้งปวง เจ้าทั้งหลายผู้เข้าประตูเหล่านี้มาเพื่อถวายนมัสการพระยาห์เวห์
\v 3 พระยาห์เวห์จอมเจ้านาย พระเจ้าของอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า จงทำทางทั้งหลายของพวกเจ้าและกระทำการดี และเราจะให้เจ้าอาศัยอยู่ในสถานที่นี้ต่อไป
\s5
\p
\v 4 อย่าให้ตัวพวกเจ้าเองไว้วางใจในคำหลอกลวงเหล่านี้ที่ว่า "พระวิหารของพระยาห์เวห์ พระวิหารของพระยาห์เวห์ พระวิหารของพระยาห์เวห์"
\v 5 เพราะว่า ถ้าเจ้าทำทางทั้งหลายของเจ้าอย่างจริงจังและกระทำดี ถ้าเจ้าให้ความยุติธรรมระหว่างมนุษย์และเพื่อนบ้านของเขาอย่างเต็มที่
\v 6 ถ้าเจ้าไม่ข่มเหงคนที่อาศัยอยู่ในแผ่นดิน ลูกกำพร้า หรือแม่ม่าย และไม่ทำให้โลหิตที่ไร้ความผิดต้องหลั่งออกในที่แห่งนี้ และไม่ติดตามบรรดาพระอื่น ๆ ไปให้เป็นอันตรายต่อตัวเจ้าเอง
\s5
\p
\v 7 แล้วเราจะให้เจ้าอาศัยอยู่ในสถานที่นี้ ในแผ่นดินซึ่งเราได้ยกให้แก่บรรพบุรุษทั้งหลายของเจ้าตั้งแต่โบราณกาลและตลอดไปเป็นนิตย์
\v 8 นี่แน่ะ เจ้ากำลังวางใจในคำหลอกลวงทั้งหลายที่ไม่ได้ช่วยเจ้าเลย
\v 9 เจ้าลักทรัพย์ ฆ่าคน ล่วงประเวณีหรือ? เจ้าสาบานเท็จ และเผาเครื่องบูชาถวายพระบาอัลและติดตามบรรดาพระอื่น ๆ ซึ่งเจ้าทั้งหลายไม่รู้จักหรือ?
\s5
\p
\v 10 แล้วเจ้าก็มาและยืนต่อหน้าเราในนิเวศแห่งนี้ ซึ่งเรียกตามชื่อของเราและกล่าวว่า "เราทั้งหลายได้รับการช่วยกู้แล้ว" ดังนั้นเจ้าสามารถทำสิ่งน่าเกลียดน่าชังเหล่านั้นทั้งสิ้นอีกหรือ?
\v 11 ในนิเวศแห่งนี้ ซึ่งเรียกตามชื่อของเรา ได้กลายเป็นถ้ำของพวกโจรในสายตาของเจ้าไปแล้วหรือ? แต่ นี่แน่ะ ตัวเราได้เห็นเอง นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์'
\v 12 'ดังนั้นจงไปยังสถานที่ของเราซึ่งเคยอยู่ในเมืองชิโลห์ ซึ่งเราได้อนุญาตให้ชื่อของเราอยู่ที่นั่นในตอนแรก และจงดูว่าเราได้ทำอะไรต่อสถานที่นั้นเพราะความชั่วร้ายของอิสราเอลประชาชนของเรา
\s5
\p
\v 13 ดังนั้นบัดนี้ การที่เจ้าทั้งหลายได้ทำสิ่งเหล่านี้ทั้งสิ้น นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์ เราได้พูดกับเจ้าอีกครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เจ้าทั้งหลายไม่ได้ฟัง เราได้เรียกพวกเจ้า แต่พวกเจ้าไม่ได้ตอบ
\v 14 ดังนั้นสิ่งที่เราได้ทำต่อเมืองชิโลห์ เราจะทำต่อนิเวศนี้ที่เราได้เรียกตามชื่อของเรา นิเวศซึ่งพวกเจ้าได้วางใจนั้น สถานที่แห่งนี้ซึ่งเราได้ยกให้แก่เจ้าและแก่บรรพบุรุษทั้งหลายของเจ้า
\v 15 เพราะเราจะไล่เจ้าไปต่อหน้าของเรา เหมือนอย่างที่เราได้ไล่บรรดาพวกพี่น้องของเจ้าไป บรรดาเชื้อสายทั้งหมดของเอฟราอิม'
\s5
\p
\v 16 ส่วนเจ้า เยเรมีย์ อย่าอธิษฐานเพื่อชนชาตินี้ และอย่าเปล่งเสียงคร่ำครวญโศกเศร้าหรืออย่าอธิษฐานในนามของพวกเขา และอย่าขอร้องเราเพื่อตัวเจ้าเอง เพราะเราจะไม่ฟังเจ้า
\v 17 เจ้าไม่เห็นหรือว่า พวกเขาทำอะไรกันในเมืองทั้งหลายของยูดาห์ และตามถนนหนทางในเยรูซาเล็ม?
\v 18 พวกเด็กๆ กำลังเก็บฟืน พวกพ่อทั้งหลายกำลังก่อไฟ พวกผู้หญิงกำลังนวดแป้งเพื่อทำขนมถวายแด่ราชินีแห่งฟ้าและเทเครื่องดื่มบูชาถวายแด่พระอื่นๆ ดังนั้นพวกเขาจะยั่วยุให้เราโกรธ
\s5
\p
\v 19 พวกเขากำลังยั่วยุเราจริงๆ หรือ? นี่เป็นคำประกาศของพระยาห์เวห์ ไม่ใช่ยั่วยุพวกเขาเอง เพื่อให้พวกเขาได้รับความอับอายหรือ?
\v 20 ฉะนั้น พระยาห์เวห์องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า 'นี่แน่ะ ความกริ้วและความพิโรธของเราจะเทลงบนสถานที่นี้ บนทั้งมนุษย์และสัตว์ บนต้นไม้ในท้องทุ่งทั้งมวล และบนพืชผลบนแผ่นดิน มันจะเผาผลาญเสียและจะดับไม่ได้'
\v 21 พระยาห์เวห์จอมเจ้านาย พระเจ้าแห่งอิสราเอล ตรัสดังนี้ว่า 'จงเพิ่มเครื่องบูชาเผาบูชาทั้งตัวเข้ากับเครื่องบูชาของเจ้า และเนื้อจากพวกเขา
\s5
\p
\v 22 เพราะเมื่อเราได้นำบรรพบุรุษของเจ้าออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ เราไม่ได้เรียกร้องอะไรจากพวกเขา เราไม่ได้ให้คำสั่งพวกเขาเรื่องเครื่องเผาบูชาและเครื่องบูชา
\v 23 เราเพียงแต่ให้คำบัญชานี้เท่านั้นว่า "จงฟังเสียงของเรา และเราจะเป็นพระเจ้าของเจ้า และเจ้าจะเป็นประชาชนของเรา ดังนั้นจงดำเนินในหนทางทั้งหลายที่เรากำลังบัญชาเจ้า เพื่อเจ้าจะได้อยู่เย็นเป็นสุข"
\v 24 แต่พวกเขาไม่ได้ฟังหรือตั้งใจฟัง พวกเขาดำเนินชีวิตตามแผนการดื้อด้านของจิตใจชั่วของพวกเขา ดังนั้นพวกเขาได้เดินถอยหลัง ไม่ได้เดินไปข้างหน้า
\s5
\p
\v 25 ตั้งแต่วันที่เหล่าบรรพบุรุษของพวกเจ้าออกจากแผ่นดินอียิปต์จนถึงทุกวันนี้ เราได้ส่งบรรดาผู้เผยพระวจนะผู้รับใช้ของเราไปยังพวกเจ้า เราได้ส่งพวกเขามาอย่างต่อเนื่อง
\v 26 แต่พวกเขาก็ยังไม่ฟังเรา พวกเขาไม่สนใจ แต่พวกเขาได้แข็งคอ พวกเขาได้ทำชั่วยิ่งกว่าบรรดาบรรพบุรุษของพวกเขาเสียอีก'
\v 27 ดังนั้นจงประกาศถ้อยคำเหล่านี้แก่พวกเขา แต่พวกเขาจะไม่ฟังเจ้า จงประกาศสิ่งเหล่านี้แก่พวกเขา แต่พวกเขาจะไม่ยอมตอบเจ้า
\s5
\p
\v 28 จงพูดแก่พวกเขาว่า นี่เป็นประชาชาติที่ไม่ฟังพระสุรเสียงของพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขา และไม่ยอมรับการตีสอน สัจจะถูกทำลายและถูกตัดขาดจากปากของพวกเขาแล้ว
\v 29 จงตัดผมของเจ้าออกและโกนขนของเจ้า และเหวี่ยงผมของเจ้าทิ้งไป จงคร่ำครวญเพลงศพเหนือที่โล่ง เพราะว่าพระยาห์เวห์ได้ทรงปฏิเสธ และได้ทรงละทิ้งคนรุ่นนี้ตามพระพิโรธของพระองค์แล้ว
\v 30 เพราะพงศ์พันธุ์ของยูดาห์ได้ทำความชั่วในสายตาของเรา นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์ พวกเขาได้วางสิ่งน่าสะอิดสะเอียนไว้ในนิเวศซึ่งเรียกตามชื่อของเรา เพื่อทำให้มีมลทิน
\s5
\p
\v 31 แล้วพวกเขาได้สร้างสถานสูงของโทเฟท ซึ่งอยู่ในหุบเขาเบนฮินโนม พวกเขาได้ทำสิ่งนี้เพื่อเผาบุตรชายทั้งหลายและบุตรสาวทั้งหลายของพวกเขาเสียด้วยไฟ เป็นส่ิ่งที่ซึ่งเราไม่ได้บัญชา และไม่เคยมีขึ้นในใจของเรา
\v 32 ดังนั้น ดูเถิด วันเหล่านั้นจะมาถึง นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์ เมื่อเขาจะไม่เรียกที่นั้นอีกว่าโทเฟท หรือหุบเขาเบนฮินโนม มันจะเรียกว่า หุบเขาแห่งการฆ่าฟันกัน เพราะเขาจะฝังร่างทั้งหลายไว้ในโทเฟท จนกระทั่งไม่มีที่ฝังเหลือแล้ว
\v 33 บรรดาศพของประชาชนนี้จะเป็นอาหารของบรรดานกในท้องฟ้า และของสัตว์ป่าบนแผ่นดินโลก และจะไม่มีใครจะขับไล่พวกมันไปเสียได้
\v 34 เราจะทำให้เป็นจุดจบของเมืองต่างๆ ของยูดาห์และถนนต่างๆ ของเยรูซาเล็ม เสียงบันเทิงและเสียงรื่นเริง เสียงของเจ้าบ่าวและเสียงของเจ้าสาว เพราะว่าแผ่นดินนั้นจะกลายเป็นที่ทิ้งร้าง"
\s5
\c 8
\p
\v 1 "ในครั้งนั้น นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์ พวกเขาจะนำกระดูกของบรรดากษัตริย์ยูดาห์และกระดูกของข้าราชการทั้งหลายของยูดาห์ กระดูกของเหล่าปุโรหิต และกระดูกของบรรดาผู้เผยพระวจนะ และกระดูกทั้งหลายของผู้ที่อาศัยอยู่ในเยรูซาเล็มมาจากหลุมฝังศพ
\v 2 แล้วพวกเขาจะกระจายกระดูกเหล่านั้นออกในแสงของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาวทั้งหมดในท้องฟ้าทั้งมวล สิ่งต่างๆ เหล่านี้ที่พวกเขาติดตามและได้ปรนนิบัติ ซึ่งเขาได้เดินตามและได้แสวงหาและที่พวกเขาได้นมัสการ กระดูกเหล่านี้จะไม่มีใครรวบรวมหรือฝังอีกครั้ง พวกเขาจะเป็นเหมือนมูลสัตว์บนพื้นแผ่นดิน
\v 3 ตามสถานที่ทุกแห่งที่เราได้ขับไล่พวกเขาไป พวกเขาจะเลือกเอาความตายแทนที่จะเลือกเอาชีวิตสำหรับพวกเขา ทุกคนที่ยังเหลืออยู่จากชนชาติชั่วร้ายนี้ นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์จอมเจ้านาย
\s5
\p
\v 4 ดังนั้น จงพูดกับเขาทั้งหลายว่า 'พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า เมื่อใครก็ตามที่ล้มลงเขาจะไม่ลุกขึ้นอีกหรือ? ถ้าคนหนึ่งคนใดหลงหายไป เขาจะไม่หันกลับมาหรือ?
\v 5 ทำไมชนชาตินี้ เยรูซาเล็ม จึงได้หันไปในความไม่สัตย์ซื่ออยู่เสมอ? พวกเขายึดการหลอกลวงไว้มั่น และปฏิเสธไม่ยอมหันกลับ
\v 6 เราได้ตั้งใจและคอยฟัง แต่พวกเขาก็ไม่ได้พูดสิ่งที่ถูก ไม่มีใครรู้สึกเสียใจในความชั่วของเขา ไม่มีใครที่กล่าวว่า "ฉันได้ทำอะไรลงไปหรือ?" ทุกคนหันไปตามทางที่เขาปรารถนา เหมือนม้าวิ่งเข้าไปในสงคราม
\s5
\p
\v 7 แม้แต่นกกระสาบนฟ้ายังรู้จักเวลากำหนดของมัน และนกเขาทั้งหลาย บรรดานกนางแอ่น และเหล่านกกรอด พวกมันได้อพยพมาตามเวลากำหนดของมัน แต่ประชาชนของเรา ไม่รู้จักกฎหมายของพระยาห์เวห์
\v 8 เจ้าจะพูดได้อย่างไรว่า "เรามีปัญญา เพราะว่าธรรมบัญญัติของพระยาห์เวห์ก็อยู่กับเรา"? ที่จริงแล้ว ดูสิ ปากกาหลอกลวงของเหล่าพวกอาลักษณ์ได้สร้างคำหลอกลวง
\v 9 พวกคนมีปัญญาจะต้องอับอาย พวกเขาจะคร้ามกลัวและถูกจับตัวไป นี่แน่ะ พวกเขาได้ปฏิเสธพระวจนะของพระยาห์เวห์ ดังนั้น ปัญญาของพวกเขาจะมีประโยชน์อะไร?
\s5
\p
\v 10 ดังนั้น เราจะให้พวกภรรยาของพวกเขาตกไปเป็นของคนอื่น และให้ไร่นาทั้งหลายของพวกเขาตกแก่คนเหล่านั้นผู้ที่จะยึดเอา เพราะว่าตั้งแต่คนต่ำต้อยที่สุดถึงคนใหญ่โตที่สุด ทุกคนก็โลภอยากได้กำไรที่ไม่ซื่อสัตย์ ตั้งแต่ผู้เผยพระวจนะถึงปุโรหิต ทุกคนต่างฉ้อฉล
\v 11 พวกเขาได้รักษาแผลทั้งหลายแห่งประชาชนของเราเพียงผิวเผิน กล่าวว่า ‘สันติสุข สันติสุข’ เมื่อไม่มีสันติสุขเลย
\v 12 พวกเขาอับอายหรือเปล่าเมื่อเขาทำการน่าเกลียดน่าชัง? พวกเขาไม่อับอายเลย พวกเขาไม่รู้จักอาย ดังนั้น พวกเขาจะล้มลงท่ามกลางพวกที่ล้มแล้ว พวกเขาจะล้มคว่ำเมื่อเราลงโทษพวกเขา พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ
\s5
\p
\v 13 เราจะเอาพวกเขาออกไปอย่างสิ้นเชิง นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์ จะไม่มีผลองุ่นบนเถาองุ่น หรือไม่มีผลมะเดื่อบนต้นมะเดื่อทั้งหลาย แม้แต่ใบก็เหี่ยวแห้งไป และสิ่งที่เราให้เขาก็อันตรธานไปจากเขา
\v 14 ทำไมพวกเราจึงนั่งอยู่ที่นี่? จงพากันมา ให้พวกเราเข้าไปในบรรดาเมืองที่มีป้อม และเราจะอยู่เงียบที่นั่นในความตาย เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราจะทรงให้เราเงียบ พระองค์จะให้เราดื่มยาพิษ เพราะพวกเราได้ทำบาปต่อพระองค์
\v 15 พวกเราหวังจะได้สันติสุข แต่ไม่มีสิ่งดีอะไรมาเลย พวกเราหวังสำหรับเวลาแห่งการรักษาให้หาย แต่ดูสิ มีแต่ความสยดสยอง
\s5
\p
\v 16 เสียงคะนองแห่งม้าของเขาก็ได้ยินมาจากเมืองดาน แผ่นดินทั้งสิ้นก็สั่นสะเทือน ด้วยเสียงร้องของเหล่าอาชาของเขา เพราะพวกมันมาและกินแผ่นดินและสิ่งทั้งปวงที่อยู่บนนั้นจนหมด ทั้งเมืองและผู้ที่อาศัยอยู่ในเมือง
\v 17 เพราะนี่แน่ะ เรากำลังส่งงูเข้ามาท่ามกลางพวกเจ้า คืองูทับทาง ซึ่งเจ้าจะผูกด้วยมนตร์ไม่ได้ พวกมันจะกัดเจ้าทั้งหลาย นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์ '''
\v 18 ความทุกข์ของข้าพเจ้าไม่มีที่สิ้นสุด และจิตใจของข้าพเจ้าก็ป่วยอยู่
\s5
\p
\v 19 นี่แนะ มีเสียงกรีดร้องของบุตรีแห่งประชาชนของเราจากดินแดนที่ห่างไกล พระยาห์เวห์ไม่ได้สถิตในศิโยนหรือ? กษัตริย์ของเมืองนั้นไม่อยู่ในนั้นหรือ? ทำไมพวกเขายั่วยุเราให้โกรธด้วยรูปเคารพของพวกเขา และด้วยรูปเคารพที่ไร้ค่าของคนต่างด้าว?
\v 20 ฤดูเกี่ยวก็ผ่านไป ฤดูร้อนก็สิ้นสุดแล้ว แต่เราทั้งหลายก็ไม่รอด
\v 21 เรารู้สึกเจ็บปวดเพราะความเจ็บปวดของบุตรีแห่งประชาชนของเรา เราจึงเจ็บปวด เราเศร้าหมองในสิ่งต่าง ๆ ที่น่ากลัวที่ได้เกิดขึ้นกับเธอ เราหวาดกลัว
\v 22 ไม่มียารักษาในกิเลอาดหรือ? ไม่มีผู้รักษาโรคที่นั่นหรือ? ทำไมการรักษาแห่งบุตรีแห่งประชาชนของเราจึงไม่เกิดขึ้น?
\s5
\c 9
\p
\v 1 ถ้าหากเพียงศีรษะของข้าพเจ้าเป็นแหล่งน้ำ และดวงตาทั้งสองข้างของข้าพเจ้าเป็นน้ำพุแห่งน้ำตาก็จะดี เพื่อข้าพเจ้าจะได้ร้องไห้ทั้งกลางวันและกลางคืน เพราะบุตรีของประชาชนของข้าพเจ้าถูกเข่นฆ่า
\v 2 หากมีใครสักคนจะให้ข้าพเจ้ามีที่พักสำหรับพวกคนเดินทางอยู่ในถิ่นทุรกันดารก็จะดี เพื่อข้าพเจ้าจะได้ไปจากชนชาติของข้าพเจ้า และไปให้พ้นพวกเขาเสีย เพราะพวกเขาทั้งหมดเป็นคนล่วงประเวณี และเป็นหมู่คนที่ทรยศ
\v 3 พระยาห์เวห์ทรงประกาศว่า "พวกเขาเหยียบย่ำคันธนูแห่งความเท็จของพวกเขาด้วยลิ้นของพวกเขา แต่ไม่ใช่โดยสัจจะของพวกเขาที่แข็งแรงขึ้นในแผ่นดิน เพราะพวกเขาออกจากความชั่วอย่างหนึ่งไปสู่ความชั่วอีกอย่างหนึ่ง พวกเขาไม่รู้จักเรา"
\s5
\p
\v 4 ขอให้พวกเจ้าแต่ละคนระวังเพื่อนบ้านของเจ้า และอย่าวางใจในพี่น้องคนใดเลย เพราะพี่น้องทุกคนเป็นคนหลอกลวง และเพื่อนบ้านทุกคนก็เที่ยวไปพูดให้ร้ายผู้อื่น
\v 5 แต่ละคนก็เย้ยหยันเพื่อนบ้านของเขา และไม่ได้พูดความจริงสักคนเดียว บรรดาลิ้นของพวกเขาสอนให้พูดสิ่งมุสา พวกเขาเหนื่อยอ่อนในการทำผิด
\v 6 การตั้งรกรากของพวกเจ้าอยู่ในท่ามกลางการล่อลวง ในท่ามกลางการล่อลวงของพวกเขาปฏิเสธที่จะรู้จักเรา นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์"
\s5
\p
\v 7 พระยาห์เวห์จอมเจ้านาย ตรัสดังนี้ว่า "นี่แน่ะ เราจะถลุงพวกเขาและทดสอบพวกเขา เราจะทำอย่างอื่นได้อย่างไรเพราะว่าพวกเขาเป็นประชาชนของเรา?
\v 8 ลิ้นของพวกเขาคมเหมือนเหล่าลูกศร พวกเขาพูดในสิ่งที่ไม่สัตย์ซื่อ ด้วยปากทั้งหลายของพวกเขา พวกเขาก็กล่าวเรื่องสันติสุขกับเหล่าเพื่อนบ้านของพวกเขา แต่ในใจของพวกเขาก็คอยดักซุ่มโจมตีอยู่
\v 9 ไม่สมควรที่เราจะลงโทษพวกเขาเพราะสิ่งเหล่านี้หรือ นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์ และไม่ควรหรือที่เราเองจะแก้แค้นชนชาติที่เป็นอย่างนี้?
\s5
\p
\v 10 ข้าพเจ้าจะร้องเพลงแห่งการโศกเศร้าและคร่ำครวญสำหรับภูเขาทั้งหลาย และเพลงงานศพจะถูกร้องเพราะทุ่งหญ้าเหล่านั้น เพราะว่ามันได้ถูกเผา ดังนั้นจึงไม่มีใครผ่านพวกมันไปมา พวกมันจะไม่ได้ยินเสียงสัตว์เลี้ยงร้อง ทั้งบรรดานกในท้องฟ้า และสัตว์ทั้งหลายก็ได้หนีไปเสียแล้ว
\v 11 ดังนั้นเราจะทำให้เยรูซาเล็มเป็นกองสิ่งปรักหักพัง เป็นที่อยู่ของพวกหมาป่า เราจะทำให้เมืองต่างๆ ของยูดาห์เป็นที่รกร้างไม่มีคนอาศัย"
\v 12 ใครเป็นคนมีปัญญาเพียงพอที่จะเข้าใจความนี้ได้? มีใครที่พระโอษฐ์ของพระยาห์เวห์ได้ตรัสกับเขา และเขาจะประกาศความนั้นได้? ทำไมแผ่นดินจึงได้พังทลายและได้ถูกทำลายเหมือนถิ่นทุรกันดารที่ไม่มีใครผ่านไปมา?
\s5
\p
\v 13 พระยาห์เวห์ตรัสว่า "เพราะเขาทั้งหลายได้ทอดทิ้งธรรมบัญญัติของเราซึ่งเราได้ตั้งไว้ต่อหน้าพวกเขา เพราะพวกเขาไม่ได้ฟังเสียงของเราหรือดำเนินตามนั้น
\v 14 เพราะว่าพวกเขาได้ดำเนินตามใจดื้อดึงของพวกเขา และได้ติดตามพวกพระบาอัลอย่างที่บรรพบุรุษของพวกเขาได้สั่งสอนพวกเขาให้ทำ
\v 15 ฉะนั้นพระยาห์เวห์จอมเจ้านาย พระเจ้าแห่งอิสราเอลจึงตรัสว่า 'นี่แน่ะ เรากำลังจะให้ประชาชนนี้กินบอระเพ็ดและดื่มน้ำที่เป็นพิษ
\s5
\p
\v 16 แล้วเราจะกระจายพวกเขาไปท่ามกลางบรรดาชนชาติที่ตัวเขาเองไม่รู้จัก หรือบรรพบุรุษของเขาก็ไม่รู้จัก เราจะส่งดาบให้ไล่ตามเขาทั้งหลาย จนกว่าเราจะได้ทำลายพวกเขาจนสิ้นซาก'''
\v 17 พระยาห์เวห์จอมเจ้านาย ตรัสดังนี้ว่า “จงตรึกตรองดู และเรียกพวกนางร้องไห้มา จงให้พวกเธอมา ให้คนไปตามพวกผู้หญิงมืออาชีพในการคร่ำครวญ จงยอมให้พวกเธอมา
\v 18 จงยอมให้พวกเธอรีบมาและร้องคร่ำครวญเพื่อเราทั้งหลาย เพื่อดวงตาของพวกเราจะมีน้ำตาไหล และเปลือกตาของพวกเราจะมีน้ำตาไหลออกมา
\s5
\p
\v 19 เพราะเสียงคร่ำครวญจะได้ยินในศิโยน 'พวกเราล่มจมแล้ว พวกเราสุดแสนจะอับอาย เพราะพวกเราต้องละทิ้งแผ่นดิน เพราะพวกเขาได้ทำลายบ้านเรือนทั้งหลายของพวกเราลง'
\v 20 ดังนั้น พวกผู้หญิงเอ๋ย จงฟังพระวจนะของพระยาห์เวห์ จงให้ใจจดจ่อในพระวจนะจากพระโอษฐ์ของพระองค์ แล้วจงสอนบทคร่ำครวญแก่บุตรีทั้งหลายของเจ้า จงสอนเพลงงานศพแก่หญิงเพื่อนบ้านแต่ละคน
\v 21 เพราะความตายได้เข้ามาทางหน้าต่างทั้งหลายของเรา มันเข้ามาในวังทั้งหลายของเรา มันทำลายเด็กๆ จากข้างนอก และตัดพวกคนหนุ่มๆ ออกเสียจากลานเมือง
\s5
\p
\v 22 จงประกาศว่า 'นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์ บรรดาศพของคนจะเกลื่อนกลาดเหมือนมูลสัตว์ตามทุ่งนา และเหมือนฟ่อนข้าวที่หล่นตามหลังผู้เกี่ยว และไม่มีใครจะเก็บรวบรวมพวกมัน'''
\v 23 พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า "อย่าให้ผู้มีปัญญาอวดสติปัญญาของเขา หรืออย่าให้นักรบอวดความเข้มแข็งของเขา อย่าให้คนมั่งมีอวดความหยิ่งในความมั่งคั่งของเขา
\v 24 เพราะถ้าคนจะโอ้อวดในสิ่งใด ก็ให้เป็นอย่างนี้ คือการที่เขาเข้าใจและรู้จักเรา เพราะเราคือพระยาห์เวห์ ผู้สำแดงพันธสัญญาที่สัตย์ซื่อ ความยุติธรรม และความชอบธรรมในโลก เพราะสิ่งเหล่านี้แหละที่เราพอใจ นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์"
\s5
\p
\v 25 "นี่แน่ะ วันเหล่านั้นกำลังมาแล้ว นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์เมื่อเราจะลงโทษทุกคนที่เข้าสุหนัตเพียงเนื้อหนังของพวกเขา
\v 26 เราจะลงโทษคนอียิปต์ และคนยูดาห์ คนเอโดม ประชาชนของอัมโมน คนโมอับและประชาชนทุกคนที่ตัดผมบนศีรษะของพวกเขาจนสั้น เพราะประชาชาติเหล่านี้ทั้งหมดไม่ได้เข้าสุหนัต และพงศ์พันธุ์ทั้งสิ้นของอิสราเอลก็ไม่ได้เข้าสุหนัตทางใจ"
\s5
\c 10
\p
\v 1 "จงฟังพระวจนะซึ่งพระยาห์เวห์ตรัสกับเจ้า พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย
\v 2 พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า 'อย่าเอาอย่างบรรดาประชาชาติ หรืออย่าคร้ามกลัวเพราะหมายสำคัญของท้องฟ้า ตามที่บรรดาประชาชาติคร้ามกลัวนั้น
\v 3 เพราะธรรมเนียมทางศาสนาของประชาชนเหล่านี้ก็ไร้ค่า พวกเขาได้ตัดต้นไม้ต้นหนึ่งในป่า และช่างฝีมือได้แกะสลักไม้
\s5
\p
\v 4 แล้วเขาทั้งหลายก็เอาเงินและทองมาประดับ พวกเขายึดมันไว้ด้วยค้อนและพวกตะปู ดังนั้นมันก็ไม่ล้มลงมา
\v 5 สิ่งที่พวกเขาทำด้วยมือของพวกเขาก็เหมือนหุ่นไล่กาทั้งหลายที่อยู่ในสวนแตงกวา เพราะว่าพวกมันพูดไม่ได้ และพวกมันต้องถูกขนย้ายไป เพราะพวกมันเดินไม่ได้ อย่ากลัวพวกมันเลย เพราะพวกมันไม่สามารถทำชั่วได้ และพวกมันก็ไม่สามารถทำดีได้ด้วย'''
\v 6 ไม่มีใครเหมือนพระองค์ ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์ทรงยิ่งใหญ่ และพระนามของพระองค์ก็ทรงอำนาจมาก
\s5
\p
\v 7 ข้าแต่กษัตริย์แห่งบรรดาประชาชาติ ใครจะไม่ยำเกรงพระองค์? เพราะพระองค์ทรงสมควรได้รับความยำเกรง เพราะไม่มีใครเหมือนพระองค์ในท่ามกลางบรรดาปราชญ์ของประชาชาติทั้งหลายหรือราชอาณาจักรทั้งหมดของพวกเขา
\v 8 พวกเขาเหมือนกัน พวกเขาเป็นเยี่ยงสัตว์เดรัจฉานและโง่เง่า เหล่าศิษย์ของรูปเคารพซึ่งไม่มีอะไรเลยเป็นเพียงไม้
\v 9 พวกเขานำเครื่องเงินทุบด้วยค้อนมาจากเมืองทารชิช และทองคำก็มาจากเมืองอุฟาส ที่ทำโดยเหล่าช่างฝีมือและเป็นผลน้ำมือของช่างทอง เสื้อผ้าของรูปเคารพนั้นสีครามและสีม่วง พวกที่เชี่ยวชาญทั้งหลายเป็นผู้สร้างสิ่งเหล่านี้ทั้งสิ้น
\s5
\p
\v 10 แต่พระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้ พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ และทรงเป็นพระมหากษัตริย์อยู่เนืองนิตย์ เมื่อทรงพระพิโรธแผ่นดินก็หวั่นไหวและบรรดาประชาชาติจะไม่สามารถทานทนต่อความกริ้วของพระองค์ได้
\v 11 เจ้าจะพูดกับเขาทั้งปวงดังนี้ว่า "บรรดาพระที่ไม่ได้สร้างฟ้าและโลกจะพินาศไปจากโลก และจากภายใต้บรรดาท้องฟ้า"
\v 12 แต่พระองค์เองทรงสร้างโลกด้วยฤทธิ์เดชของพระองค์ และทรงสถาปนาโลกไว้ด้วยพระสติปัญญาของพระองค์ และด้วยความเข้าใจของพระองค์ พระองค์ทรงคลี่ท้องฟ้าออก
\s5
\p
\v 13 พระสุรเสียงของพระองค์ก็ทรงทำให้เกิดเสียงน้ำคะนองในท้องฟ้า และพระองค์ทรงทำให้หมอกลอยขึ้นจากที่สุดปลายแผ่นดิน พระองค์ทรงทำสายฟ้าเพื่อฝน และทรงส่งลมมาจากพระคลังของพระองค์
\v 14 มนุษย์ทุกคนได้กลายเป็นคนเขลาไม่มีความรู้ ช่างโลหะทุกคนจะได้อายเพราะรูปเคารพของเขา เพราะรูปเคารพหล่อของเขาเป็นพวกของปลอม และไม่มีชีวิตในพวกมัน
\v 15 พวกมันเป็นของไร้ค่า และเป็นผลงานของพวกที่มักเยาะเย้ย พวกมันจะต้องพินาศเมื่อถึงเวลาการลงโทษของพวกมัน
\s5
\p
\v 16 แต่พระองค์ผู้ทรงเป็นส่วนมรดกของยาโคบไม่เหมือนสิ่งเหล่านี้ เพราะพระองค์ทรงเป็นผู้ก่อร่างทุกสิ่งขึ้น อิสราเอลเป็นเผ่าที่เป็นมรดกของพระองค์ พระยาห์เวห์จอมเจ้านาย คือพระนามของพระองค์
\v 17 จงเก็บข้าวของของพวกเจ้า และออกจากแผ่นดิน พวกเจ้าประชาชนทั้งหลายที่อาศัยอยู่ภายใต้การยึดครอง
\v 18 เพราะพระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า "นี่แน่ะ เราจะโยนพวกที่อาศัยในแผ่นดินออกไปเสียในเวลานี้ เราจะทำให้พวกเขาเกิดความทุกข์ใจ และพวกเขาจะได้พบว่ามันจะเป็นดังนั้น"
\s5
\p
\v 19 วิบัติแก่ข้าพเจ้า เพราะกระดูกของข้าพเจ้าแตก บาดแผลของข้าพเจ้าก็ติดเชื้อ ดังนั้นข้าพเจ้าได้กล่าววว่า "แท้จริงนี่เป็นความเจ็บปวด และข้าพเจ้าจะต้องทนเอา"
\v 20 เต็นท์ของข้าพเจ้าก็ถูกทำลาย และเชือกเต็นท์ของข้าพเจ้าก็ถูกตัดเป็นสองท่อน พวกเขาได้นำเอาลูกๆ ของข้าพเจ้าไปจากข้าพเจ้าหมด และไม่มีพวกเขาอีกแล้ว ไม่มีใครกางเต็นท์ให้ข้าพเจ้าอีก หรือแขวนม่านของเต็นท์ของข้าพเจ้าให้
\v 21 เพราะว่าพวกผู้เลี้ยงแกะก็โง่เขลาและพวกเขาก็ไม่ได้เสาะหาพระยาห์เวห์ ดังนั้น พวกเขาจึงไม่จำเริญขึ้น และฝูงแกะของพวกเขาก็กระจัดกระจายไป
\s5
\p
\v 22 รายงานของข่าวก็ได้มาถึงแล้ว "ดูเถิด มันกำลังมา แผ่นดินไหวอย่างรุนแรงก็กำลังมาจากแผ่นดินทางเหนือ มาทำให้เมืองต่างๆ ของยูดาห์เป็นที่ร้างเปล่า ให้เป็นที่อยู่ของหมาป่า"
\v 23 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพระองค์ทราบแล้วว่าทางของมนุษย์ไม่ขึ้นอยู่กับตัวเขา ไม่มีบุคคลใดจะดำเนินไปได้โดยย่างเท้าของตนเอง
\v 24 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงตีสอนข้าพระองค์ด้วยความยุติธรรม ไม่ใช่ด้วยความกริ้วของพระองค์ เกรงว่าพระองค์จะทรงทำลายข้าพระองค์
\v 25 ขอพระองค์ทรงเทพระพิโรธของพระองค์เหนือบรรดาชนชาติที่ไม่รู้จักพระองค์ และเหนือบรรดาตระกูลที่ไม่ออกพระนามของพระองค์ เพราะเขาทั้งหลายได้เผาผลาญยาโคบ เขาได้กินท่านเสียและได้ทำลายท่านเสีย และทำให้ที่อาศัยของท่านถูกทิ้งร้าง
\s5
\c 11
\p
\v 1 พระวจนะมาจากพระยาห์เวห์ถึงเยเรมีย์ว่า
\v 2 “จงฟังถ้อยคำแห่งพันธสัญญานี้เถิด และจงประกาศแก่พวกเขาแต่ละคนในยูดาห์และเหล่าผู้ที่อาศัยอยู่ในเยรูซาเล็ม
\v 3 จงกล่าวแก่พวกเขาว่า 'พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า ให้คำแช่งสาปตกอยู่กับคนที่ไม่เชื่อฟังถ้อยคำในพันธสัญญานี้เถิด
\s5
\p
\v 4 นี่คือพันธสัญญาที่เราได้บัญชาแก่เหล่าบรรพบุรุษของพวกเจ้าให้รักษาวันที่เราได้นำพวกเขาออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ จากเตาไฟสำหรับหลอมเหล็ก เราได้กล่าวแก่พวกเขาว่า "จงฟังเสียงของเรา และจงทำทุกอย่างที่เราได้บัญชาพวกเจ้าไว้ เพื่อที่พวกเจ้าจะเป็นประชาชนของเรา และเราจะเป็นพระเจ้าของพวกเจ้า"
\v 5 จงเชื่อฟังเรา เพื่อเราจะยืนยันตามคำปฏิญาณซึ่งเราได้สาบานไว้กับเหล่าบรรพบุรุษของพวกเจ้า คำปฏิญาณที่ว่าเราจะให้แผ่นดินซึ่งมีน้ำนมและน้ำผึ้งไหลบริบูรณ์แก่เขาอย่างที่พวกเจ้าอยู่ทุกวันนี้''' แล้วข้าพเจ้า เยเรมีย์ จึงได้ทูลตอบและได้กล่าวว่า "ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอให้เป็นดังนั้นเถิด"
\v 6 พระยาห์เวห์ได้ตรัสกับข้าพเจ้าว่า "จงป่าวประกาศถึงสิ่งทั้งหมดเหล่านี้ในเมืองต่างๆ ของยูดาห์และตามถนนต่างๆ ของเยรูซาเล็ม จงกล่าวว่า 'จงฟังบรรดาถ้อยคำแห่งพันธสัญญานี้และให้ประพฤติตาม
\s5
\p
\v 7 เพราะเราได้กล่าวตักเตือนอย่างแข็งขันต่อเหล่าบรรพบุรุษของเจ้าจากวันที่เราได้นำพวกเขาขึ้นมาจากแผ่นดินอียิปต์จนถึงทุกวันนี้ ตักเตือนพวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่า และกล่าวว่า "จงฟังเสียงของเรา'''
\v 8 แต่พวกเขาก็ไม่เชื่อฟังหรือเงี่ยหูฟัง แต่ละคนก็ดำเนินตามความดื้อด้านแห่งจิตใจอันชั่วร้ายของพวกเขา ดังนั้นเราจึงนำคำสาปแช่งทุกสิ่งตามพันธสัญญานี้ที่เราได้บัญชามาตกเหนือพวกเขา แต่พวกประชาชนก็ไม่ได้เชื่อฟัง"
\v 9 พระยาห์เวห์ได้ตรัสกับข้าพเจ้าอีกว่า "มีการสมคบคิดกบฏท่ามกลางเหล่าคนยูดาห์และบรรดาผู้ที่อาศัยอยู่ในเยรูซาเล็ม
\s5
\p
\v 10 พวกเขาได้หันกลับไปหาความผิดบาปของบรรพบุรุษรุ่นแรกๆ ของพวกเขา ผู้ที่ได้ปฏิเสธที่จะฟังถ้อยคำของเรา ผู้ซึ่งได้ติดตามบรรดาพระอื่นๆ ไปเพื่อกราบนมัสการพระเหล่านั้น พงศ์พันธุ์ของอิสราเอลและพงศ์พันธุ์ของยูดาห์ได้หักพันธสัญญาของเรา ซึ่งเราได้กระทำต่อบรรพบุรุษของพวกเขา
\v 11 ดังนั้น พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า 'นี่แน่ะ เราจะนำเหตุร้ายมาเหนือพวกเขา จากที่ซึ่งพวกเขาจะไม่สามารถหนีพ้น แล้วพวกเขาจะร้องทุกข์ต่อเรา แต่เราก็จะไม่ฟังพวกเขา
\v 12 บรรดาเมืองต่างๆ ของยูดาห์และบรรดาผู้ที่อาศัยอยู่กรุงเยรูซาเล็มก็จะไปร้องทุกข์ต่อพระอื่นๆ ทั้งหลาย ซึ่งพวกเขาได้เผาเครื่องบูชาถวาย แต่แน่นอนที่พระเหล่านั้นจะช่วยพวกเขาในเวลาลำบากของพวกเขาไม่ได้เลย
\s5
\p
\v 13 สำหรับพวกเจ้า ยูดาห์เอ๋ย บรรดาพระทั้งหลายของเจ้าได้เพิ่มมากเท่ากับบรรดาเมืองของพวกเจ้า พวกเจ้าได้ตั้งแท่นบูชาถวายสิ่งที่อับอายทำสิ่งที่น่าอับอายจำนวนมากในกรุงเยรูซาเล็ม คือแท่นสำหรับเผาเครื่องหอมถวายแก่พระบาอัลเท่ากับจำนวนของถนนทั้งหลายในเมืองนั้น
\v 14 ดังนั้น ตัวเจ้าเอง เยเรมีย์ อย่าได้อธิษฐานเพื่อประชาชนนี้ เจ้าอย่าได้วิงวอนหรืออธิษฐานเพื่อพวกเขา เพราะเราจะไม่ฟังเมื่อพวกเขาร้องต่อเราในเวลาลำบาก
\v 15 ทำไมผู้เป็นที่รักของเรา คนที่ได้ทำความชั่วร้ายมากมายมาทำอะไรในนิเวศของเราเล่า? เนื้อสัตว์ที่สักการบูชาของพวกเจ้าไม่สามารถจะช่วยพวกเจ้าได้ พวกเจ้ายินดีเพราะการกระทำทั้งหลายที่ชั่วร้ายของพวกเจ้า
\s5
\p
\v 16 ในอดีตพระยาห์เวห์ได้ทรงเคยเรียกเจ้าว่าต้นมะกอกใบดกที่งดงามด้วยผลที่น่ารัก แต่พระองค์จะทรงก่อไฟเผามันที่จะมีเสียงดังสนั่นของพายุ และกิ่งทั้งหลายของมันจะแตกหักหมด
\v 17 เพราะพระยาห์เวห์จอมเจ้านายผู้ที่ได้ทรงปลูกเจ้า ได้ทรงประกาศความพินาศให้ตกแก่พวกเจ้า เพราะความชั่วช้าซึ่งพงศ์พันธุ์อิสราเอลและพงศ์พันธุ์ยูดาห์ได้กระทำ พวกเขาได้ยั่วยุให้เราโกรธด้วยการเผาเครื่องบูชาถวายแก่พระบาอัล'''
\v 18 พระยาห์เวห์ได้ทรงสำแดงแก่ข้าพเจ้าให้รู้ถึงสิ่งเหล่านี้ ดังนั้นข้าพเจ้ารู้จักพวกเขา พระองค์ พระยาห์เวห์ได้ทรงทำให้ข้าพเจ้าได้เห็นการกระทำทั้งหลายของพวกเขา
\s5
\p
\v 19 ข้าพเจ้าเป็นเหมือนลูกแกะเชื่องตัวหนึ่ง ซึ่งถูกพาไปหาคนฆ่า ข้าพเจ้าไม่ได้ทราบเลยว่าพวกเขาได้วางแผนการณ์ต่อต้านข้าพเจ้าเอง โดยกล่าวว่า "ให้เราทำลายต้นไม้กับผลของมันเสียด้วย ให้เราตัดเขาออกเสียจากแดนคนเป็น เพื่อชื่อของเขาจะไม่เป็นที่ระลึกถึงอีกเลย"
\v 20 แต่ว่า พระยาห์เวห์จอมเจ้านาย ผู้ทรงพิพากษาอย่างชอบธรรม ผู้ทรงทดสอบดูทั้งความคิดและจิตใจ ข้าพเจ้าได้เป็นพยานการแก้แค้นของพระองค์แก่พวกเขา เพราะข้าพเจ้าได้มอบเรื่องของข้าพระองค์ไว้กับพระองค์แล้ว
\v 21 เพราะฉะนั้น พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ เกี่ยวกับคนตำบลอานาโธท ผู้จะเอาชีวิตของเจ้า พวกเขากล่าวว่า 'เจ้าอย่าเผยพระวจนะในพระนามของพระยาห์เวห์ เพื่อเจ้าจะไม่ต้องตายด้วยมือของพวกเรา'
\s5
\p
\v 22 เพราะฉะนั้น พระยาห์เวห์จอมเจ้านายตรัสว่า 'นี่แน่ะ เรากำลังจะลงโทษเขาทั้งหลาย พวกคนหนุ่มที่กล้าหาญจะตายด้วยดาบ บรรดาบุตรชายและบุตรหญิงของพวกเขาจะตายด้วยการกันดารอาหาร
\v 23 จะไม่มีใครเหลือเลย เพราะเราจะนำสิ่งร้ายมาสู่ชาวอานาโธท คือปีแห่งการลงโทษพวกเขา'''
\s5
\c 12
\p
\v 1 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์ทรงชอบธรรม เมื่อข้าพระองค์สู้คดีกับพระองค์ ข้าพระองค์จะต้องขอทูลเสนอเหตุผลที่จะร้องทุกข์ต่อพระองค์อย่างแน่นอน ทำไมทางของคนอธรรมจึงประสบความสำเร็จ? ประชาชนทุกคนที่ไม่สัตย์ซื่อก็ประสบความสำเร็จ
\v 2 พระองค์ได้ทรงปลูกเขาทั้งหลายและเขาก็ได้หยั่งรากลง พวกเขางอกงามขึ้นและเกิดผล พระองค์ทรงอยู่ใกล้ที่ปากของพวกเขา แต่ไกลจากใจของพวกเขา
\v 3 ข้าแต่พระยาห์เวห์ แต่พระองค์ยังทรงรู้จักข้าพระองค์ พระองค์ทรงทอดพระเนตรเห็นข้าพระองค์ และทรงทดสอบจิตใจของข้าพระองค์ที่มีต่อพระองค์ ขอทรงเอาพวกเขาไปเหมือนแกะถูกนำไปฆ่า และทรงแยกพวกเขาไว้ต่างหากเพื่อวันประหาร
\s5
\p
\v 4 แผ่นดินนี้จะแห้งแล้งไปนานเท่าใด และพืชผลตามท้องนาทุกแห่งจะเหี่ยวแห้งไป เพราะความอธรรมของผู้ที่อาศัยอยู่ในนั้นอีกนานเท่าใด? บรรดาสัตว์ป่าและนกก็ได้ถูกกวาดไปสิ้น จริงๆ แล้ว ประชาชนกล่าวว่า “พระเจ้าไม่ทรงทราบว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับพวกเราทั้งหลาย”
\v 5 พระยาห์เวห์ได้ตรัสว่า “ที่จริงแล้ว เยเรมีย์ ถ้าเจ้าได้วิ่งด้วยเท้าของบรรดาทหารและพวกเขายังทำให้เจ้าหมดแรง แล้วเจ้าจะวิ่งแข่งเอาชนะกับบรรดาม้าทั้งหลายได้อย่างไร? ถ้าเจ้าล้มลงในที่ปลอดภัยของชนบท เจ้าจะทำอย่างไรในดงพุ่มไม้ทั้งหลายตามลุ่มแม่น้ำจอร์แดน?
\v 6 เพราะว่าแม้แต่บรรดาพี่น้องของเจ้าและครอบครัวพงศ์พันธุ์ของเจ้าก็ได้ทรยศต่อเจ้าและได้ปรักปรำเจ้าด้วยเสียงอันดัง จงอย่าวางใจในพวกเขา แม้แต่ที่พวกเขาพูดในสิ่งดีๆ กับเจ้า
\s5
\p
\v 7 เราได้ละทิ้งนิเวศของเรา เราได้ละทิ้งมรดกของเรา เราได้มอบประชาชนที่เป็นที่รักของเราไว้ในมือเหล่าศัตรูของเธอ
\v 8 มรดกของเราได้กลายเป็นเหมือนสิงโตในพุ่มไม้สำหรับเรา เธอตะเบ็งเสียงของเธอใส่เรา ดังนั้น เราจึงเกลียดเธอ
\v 9 ทรัพย์สมบัติที่เป็นรางวัลของเราได้กลายเป็นนกล่อเหยื่อที่นกล่าเหยื่อทั้งหลายไล่ล่าอย่างนั้นหรือ? จงไปเถอะ และรวบรวมสัตว์ป่าในท้องทุ่งทั้งสิ้น และพาพวกมันมากินเธอเสีย
\s5
\p
\v 10 ผู้เลี้ยงแกะมากมายได้ทำลายสวนองุ่นของเรา พวกเขาทั้งหลายได้เหยียบย่ำแผ่นดินส่วนของเรา พวกเขาได้ทำให้ส่วนที่เราพอใจ ให้กลายเป็นถิ่นทุรกันดาร ที่ร้างเปล่า
\v 11 พวกเขาได้ทำส่วนของเราให้ร้างเปล่า เราคร่ำครวญสำหรับเธอ เธอก็ถูกทิ้งให้ร้างเปล่า แผ่นดินทั้งสิ้นได้ถูกทำให้ร้างเปล่า เพราะที่นั่นไม่มีใครเอาใจใส่เรื่องนั้น
\v 12 พวกผู้ทำลายได้มายังบรรดาที่โล่งในถิ่นทุรกันดาร เพราะพระแสงดาบของพระยาห์เวห์กำลังทำลายจากปลายแผ่นดินข้างนี้ไปถึงปลายอีกข้างหนึ่ง ไม่มีสวัสดิภาพในแผ่นดินสำหรับสิ่งมีชีวิตใดๆ เลย
\s5
\p
\v 13 เขาทั้งหลายได้หว่านข้าวสาลีแต่ได้เกี่ยวเหล่าพุ่มหนาม พวกเขาได้เหน็ดเหนื่อยจากงานแต่ไม่ได้อะไรเลย ดังนั้นจงอับอายด้วยผลการเกี่ยวของเจ้า เพราะพระพิโรธของพระยาห์เวห์"
\v 14 พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ต่อเพื่อนบ้านของเรา คนที่ชั่่วร้ายผู้ได้แตะต้องมรดกซึ่งเราได้ให้แก่อิสราเอลประชาชนของเรานั้น "นี่แน่ะ เราเป็นผู้ที่จะถอนเขาทั้งหลายขึ้นจากแผ่นดินของพวกเขา และเราจะถอนเชื้อสายยูดาห์จากท่ามกลางพวกเขา
\v 15 แล้วหลังจากเราได้ถอนบรรดาประชาชาติเหล่านั้นขึ้นแล้ว สิ่งนี้จะเกิดขึ้นที่เราจะกลับมีความเมตตาต่อพวกเขาอีก และนำพวกเขากลับมา แต่ละคนมายังมรดกของเขาและแผ่นดินของเขา
\s5
\p
\v 16 สิ่งนี้จะเกิดขึ้นถ้าประชาชาติเหล่านั้นจะเรียนรู้ทางแห่งประชาชนของเราอย่างตั้งใจ คือปฏิญาณในนามของเราว่า 'พระยาห์เวห์ทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด' อย่างที่พวกเขาได้สอนประชาชนของเราให้ปฏิญาณโดยพระบาอัล แล้วพวกเขาจะได้รับการสร้างขึ้นไว้ท่ามกลางประชาชนของเราฉันนั้น
\v 17 แต่ถ้าพวกเขาไม่ฟัง แล้วเราก็จะถอนชนชาตินั้นออก มันจะถูกถอนออกอย่างแน่นอนและถูกทำลาย นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์"
\s5
\c 13
\p
\v 1 พระยาห์เวห์ได้ตรัสกับข้าพเจ้าดังนี้ว่า “จงไปและซื้อผ้าป่านคาดเอวมาผืนหนึ่ง และให้คาดเอวของเจ้าไว้แต่อย่าจุ่มน้ำก่อน”
\v 2 ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงได้ซื้อผ้าคาดเอวผืนหนึ่งตามพระวจนะของพระยาห์เวห์ และคาดเอวของข้าพเจ้าไว้
\v 3 แล้วพระวจนะของพระยาห์เวห์มาถึงข้าพเจ้าครั้งที่สองว่า
\s5
\p
\v 4 "จงเอาผ้าคาดเอวซึ่งเจ้าได้ซื้อมาซึ่งได้คาดอยู่ที่เอวของเจ้า จงลุกขึ้นและเดินทางไปยังแม่น้ำยูเฟรติส แล้วซ่อนผ้านั้นไว้ในซอกหินแห่งหนึ่ง"
\v 5 ดังนั้นข้าพเจ้าก็ได้ไปและได้ซ่อนผ้านั้นไว้ข้างแม่น้ำยูเฟรติส ดังที่พระยาห์เวห์ได้ทรงบัญชาข้าพเจ้า
\v 6 ต่อมาอีกหลายวันพระยาห์เวห์ได้ตรัสกับข้าพเจ้าว่า "จงลุกขึ้นและไปยังแม่น้ำยูเฟรติส ให้เอาผ้าคาดเอวซึ่งเราได้สั่งเจ้าให้ซ่อนไว้"
\s5
\p
\v 7 ดังนั้นข้าพเจ้าก็ได้กลับไปที่แม่น้ำยูเฟรติส และได้ขุดเอาผ้าคาดเอวมาจากที่ซึ่งข้าพเจ้าได้ซ่อนไว้ แต่นี่แน่ะ ผ้าคาดเอวนั้นได้ถูกทำลาย จะใช้การอะไรก็ไม่ได้
\v 8 แล้วพระวจนะของพระยาห์เวห์ก็มายังข้าพเจ้าว่า
\v 9 "พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า ในแบบเดียวกันเราจะทำลายความทะนงใหญ่หลวงของยูดาห์และของเยรูซาเล็ม
\s5
\p
\v 10 ประชาชนที่ชั่วร้ายนี้ผู้ปฏิเสธไม่ฟังถ้อยคำของเรา ผู้ที่เดินในความดื้อของใจของพวกเขา ผู้ได้ติดตามพระอื่นๆ ไป เพื่อนมัสการพวกเขาและได้โค้งคำนับพระเหล่านั้น พวกเขาจะเป็นเหมือนผ้าคาดเอวนี้ซึ่งจะใช้การอะไรก็ไม่ได้
\v 11 เพราะเช่นเดียวกับผ้าคาดเอวติดอยู่ที่เอวของมนุษย์ฉันใด เราก็ได้ทำให้ประชาชนทั้งสิ้นของอิสราเอลและประชาชนทั้งสิ้นของยูดาห์ติดอยู่กับเราฉันนั้น นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์ เพื่อเขาทั้งหลายจะเป็นประชาชนของเรา เพื่อนำชื่อเสียง คำสรรเสริญ และเกียรติยศมาให้เรา แต่พวกเขาก็ไม่ฟังเรา
\v 12 ดังนั้น เจ้าจงกล่าวถ้อยคำนี้แก่พวกเขา 'พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า ไหเหล้าองุ่นทุกไหจะเต็มด้วยเหล้าองุ่น' พวกเขาทั้งหลายจะพูดกับเจ้าว่า 'พวกเราไม่รู้จริงๆ หรือว่าไหทุกลูกจะต้องเต็มด้วยเหล้าองุ่น?'
\s5
\p
\v 13 ดังนั้นจงพูดกับพวกเขาว่า 'พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า นี่แน่ะ เราจะให้ชาวแผ่นดินนี้ทั้งสิ้นเต็มไปด้วยความมึนเมา คือกษัตริย์ทั้งหลายผู้ประทับบนบัลลังก์ของดาวิด พวกปุโรหิต พวกผู้เผยพระวจนะ และชาวเยรูซาเล็มทั้งสิ้น
\v 14 แล้วเราจะเหวี่ยงพวกเขาให้ชนกัน พวกพ่อกับพวกลูกชนกัน นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์ เราจะไม่สงสารพวกเขาหรือมีความเมตตาและเราจะไม่สงวนพวกเขาจากการทำลาย'''
\v 15 จงฟังและตั้งใจฟัง อย่ายโสไปเลย เพราะพระยาห์เวห์ได้ตรัสแล้ว
\s5
\p
\v 16 จงถวายพระเกียรติแด่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของเจ้าทั้งหลาย ก่อนที่พระองค์จะทรงนำความมืดมา ก่อนที่เท้าของเจ้าจะสะดุด บนภูเขาที่มีแสงสลัว และขณะเมื่อพวกเจ้ามองหาความสว่าง แต่พระองค์ทรงกลับให้เป็นความมืดมิด เป็นเมฆที่มืด
\v 17 ดังนั้นถ้าพวกเจ้าไม่ฟัง เราจะร้องไห้แต่เพียงลำพังเพราะความหยิ่งยโสของพวกเจ้า ดวงตาของข้าพเจ้าจะร้องไห้อย่างหนักและมีน้ำตาอาบหน้า เพราะฝูงแกะของพระยาห์เวห์ถูกต้อนไปเป็นเชลย
\v 18 "จงกล่าวแก่กษัตริย์และพระราชชนนีว่า 'ขอทรงลงมาจากบัลลังก์ของพระองค์ เพราะมงกุฎอันทรงสง่าราศีได้ถูกถอดจากพระเศียรของพระองค์แล้ว'
\s5
\p
\v 19 เมืองต่างๆ ในเนเกบจะถูกปิด โดยไม่มีใครจะเปิดพวกมันได้ ยูดาห์จะต้องถูกกวาดไปเป็นเชลย ถูกกวาดไปเป็นเชลยจนหมดสิ้น
\v 20 จงเงยหน้าของเจ้าขึ้นและดูเขาเหล่านั้นที่มาจากทิศเหนือ ฝูงแกะที่ได้มอบและไว้ให้แก่เจ้านั้นอยู่ที่ไหน คือฝูงแกะที่งดงามของเจ้านั่น?
\v 21 เจ้าจะว่าอย่างไรเมื่อพระเจ้าตั้งคนเหล่านั้นผู้ซึ่งตัวเจ้าเองได้สอนให้เป็นมิตรกับเจ้า? สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เป็นจุดเริ่มต้นของความเจ็บปวดของผู้หญิงที่กำลังคลอดบุตรหรือที่จะยึดเจ้าไว้เหมือนผู้หญิงที่กำลังจะคลอดลูกหรือ?
\s5
\p
\v 22 แล้วถ้าเจ้าพูดในใจของเจ้าว่า 'ทำไมสิ่งเหล่านี้จึงเกิดกับข้า?' ก็เพราะความผิดบาปอันมากมายของเจ้า ที่เสื้อคลุมทั้งหลายของเจ้าจึงต้องถูกถลกขึ้น และเจ้าจึงถูกละเมิด
\v 23 ประชาชนคูชเปลี่ยนสีผิวของตนเองได้หรือ เสือดาวเปลี่ยนลายของมันได้หรือ? ถ้าดังนั้น แล้วพวกเจ้าผู้ที่เคยชินต่อการทำความชั่ว จะมาทำความดีได้หรือ
\v 24 ดังนั้นเราจะกระจายพวกเขาไปเหมือนแกลบ ที่ย่อยยับไปในลมจากทะเลทราย
\s5
\p
\v 25 นี่เป็นส่วนที่เราได้กำหนดให้แก่เจ้า ส่วนที่เราได้มอบให้แก่เจ้า นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์ เพราะเจ้าได้ลืมเราเสีย และไว้วางใจในการมุสา
\v 26 ดังนั้น เราเองจะถลกเสื้อคลุมของเจ้ามาปกหน้าเจ้า และส่วนที่เป็นส่วนตัวของเจ้าจะถูกเปิดเผย
\v 27 เราได้เห็นการล่วงประเวณี และความกำหนัด และความชั่วร้ายของการเป็นโสเภณีของเจ้าบนเนินเขาทั้งหลายและในทุ่งนาและเราได้เป็นสิ่งที่น่าเกลียดชังเหล่านี้ เยรูซาเล็มเอ๋ย วิบัติแก่เจ้า อีกนานสักเท่าใด กว่าที่เจ้าจะถูกทำให้สะอาดได้อีก?"
\s5
\c 14
\p
\v 1 นี่คือพระวจนะของพระยาห์เวห์ที่มาถึงเยเรมีย์ เกี่ยวกับความแห้งแล้งว่า
\v 2 "ให้ยูดาห์ไว้ทุกข์ ให้ประตูเมืองทั้งหลายของเธอพังทลายลง พวกเขากำลังคร่ำครวญสำหรับแผ่นดิน และเสียงร้องของเยรูซาเล็มก็กำลังดังขึ้น
\v 3 บรรดาผู้มีอำนาจของพวกเขาส่งพวกคนใช้ให้ไปตักน้ำ เมื่อพวกเขาไปยังที่ขังน้ำ พวกเขาไม่สามารถหาน้ำได้ พวกเขาก็กลับไปโดยไม่สำเร็จ พวกเขาคลุมศีรษะของพวกเขาด้วยความอับอายและขายหน้า
\s5
\p
\v 4 เพราะเรื่องนี้แผ่นดินก็แตกระแหง เนื่องจากไม่มีฝนตกบนแผ่นดิน พวกชาวนาก็อับอาย และคลุมศีรษะของพวกเขาเสีย
\v 5 เพราะแม้แต่กวางตัวเมียก็จากลูกที่ตกใหม่ในท้องทุ่งและละทิ้งพวกมัน เพราะว่าไม่มีหญ้า
\v 6 พวกลาป่ายืนอยู่บนที่โล่ง และพวกมันหอบในสายลมเหมือนกับพวกหมาป่า ตาของพวกมันก็มืดมัว เพราะว่าไม่มีพืชผัก"
\s5
\p
\v 7 แม้ว่าความผิดบาปของข้าพระองค์ทั้งหลายก็เป็นพยานปรักปรำเหล่าข้าพระองค์ ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอพระองค์ทรงโปรดเถิด เพื่อเห็นแก่พระนามของพระองค์ บรรดาความไม่ซื่อสัตย์ของข้าพระองค์ทั้งหลายก็เพิ่มขึ้น ข้าพระองค์ทั้งหลายทำบาปต่อพระองค์
\v 8 ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงเป็นความหวังแห่งอิสราเอล เป็นพระผู้ช่วยของเขาในยามลำบาก ทำไมพระองค์จึงทรงเป็นเหมือนแขกเมืองในแผ่นดิน หรือเหมือนคนเดินทางต่างด้าวผู้ที่แวะอาศัยเพียงคืนเดียว?
\v 9 ทำไมพระองค์จึงทรงเป็นเหมือนผู้ชายที่สับสน หรือเหมือนนักรบผู้ที่ไม่สามารถช่วยใครได้? ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์สถิตท่ามกลางข้าพระองค์ทั้งหลาย พระนามของพระองค์ได้รับการประกาศเหนือพวกข้าพระองค์ ขออย่าทรงละทิ้งข้าพระองค์ทั้งหลาย
\s5
\p
\v 10 พระยาห์เวห์ตรัสอย่างนี่กับประชาชนนี้ว่า "ด้วยเหตุที่พวกเขารักจะพเนจรไป พวกเขาไม่ได้ยับยั้งเท้าของพวกเขาไว้จากการกระทำนั้น "พระยาห์เวห์จึงไม่ทรงโปรดปรานพวกเขา บัดนี้พระองค์ทรงระลึกถึงความผิดบาปของเขา และได้ทรงลงโทษบาปของพวกเขา"
\v 11 พระยาห์เวห์ได้ตรัสกับข้าพเจ้าว่า "อย่าอธิษฐานเพื่อความอยู่เย็นเป็นสุขของประชาชนนี้เลย
\v 12 ถ้าพวกเขาอดอาหาร เราก็จะไม่ฟังเสียงร้องของเขา และถ้าพวกเขาถวายเครื่องเผาบูชาและธัญบูชา เราก็จะไม่ยินดีในสิ่งเหล่านั้น เพราะเราจะผลาญเขาเสียด้วยดาบ ด้วยการกันดารอาหารและด้วยโรคระบาด"
\s5
\p
\v 13 แล้วข้าพเจ้าพูดว่า "โอ ข้าแต่พระยาห์เวห์องค์พระผู้เป็นเจ้า นี่แน่ะ พวกผู้เผยพระวจนะกำลังกล่าวกับประชาชนว่า ‘พวกเจ้าจะไม่เห็นดาบหรือการกันดารอาหารสำหรับพวกเจ้า เพราะเราจะให้ความมั่นคงแก่พวกเจ้าในสถานที่นี้'''
\v 14 พระยาห์เวห์ได้ตรัสกับข้าพเจ้าว่า "พวกผู้เผยพระวจนะเผยพระวจนะเท็จในนามของเรา เราไม่ได้ส่งพวกเขาไป เราไม่ได้บัญชาพวกเขาหรือพูดกับพวกเขา แต่การเผยนิมิตเท็จและเปล่าประโยชน์ การทำนายที่หลอกลวงมาจากจิตใจของพวกเขาเองที่พวกเขากำลังทำนายให้แก่พวกเจ้า"
\v 15 ฉะนั้น พระยาห์เวห์จึงตรัสดังนี้ "เกี่ยวกับพวกผู้เผยพระวจนะที่เผยพระวจนะในนามของเราแม้ว่าเราไม่ได้ใช้พวกเขา คนเหล่านั้นที่กล่าวว่าจะไม่มีดาบหรือการกันดารอาหารในแผ่นดินนี้ พวกผู้เผยพระวจนะเหล่านี้จะตายเสียด้วยดาบและการกันดารอาหาร
\s5
\p
\v 16 แล้วประชาชนผู้ซึ่งพวกเขาได้เผยพระวจนะนั้น จะถูกโยนทิ้งไว้ตามถนนทั้งหลายของเยรูซาเล็ม เพราะการกันดารอาหารและดาบ เพราะจะไม่มีใครฝังพวกเขา คือทั้งพวกเขา ภรรยาของพวกเขา บุตรชายและบุตรหญิงของพวกเขา เพราะเราจะเทความชั่วร้ายของพวกเขาออกมาบนพวกเขา
\v 17 จงกล่าวถ้อยคำนี้แก่พวกเขาว่า ‘ขอให้ดวงตาของเรามีน้ำตาไหลทั้งกลางคืนและกลางวัน อย่าให้หยุดยั้ง เพราะจะมีการล่มสลายที่ยิ่งใหญ่ของบุตรสาวพรหมจารีแห่งประชาชนของเรา ด้วยบาดแผลฉกรรจ์และไม่สามารถเยียวยาได้
\v 18 ถ้าเราออกไปตามท้องทุ่ง ก็มีบรรดาคนที่ได้ถูกฆ่าด้วยดาบ ถ้าเราเข้าไปในเมือง ก็จะมีเหล่าคนเจ็บป่วยเนื่องจากการกันดารอาหาร ทั้งพวกผู้เผยพระวจนะและปุโรหิต ต่างก็เดินทางไปยังดินแดนและพวกเขาไม่รู้จัก'''
\s5
\p
\v 19 พระองค์ได้ทรงปฏิเสธยูดาห์อย่างสิ้นเชิงแล้วหรือ? พระองค์ทรงเกลียดศิโยนเสียแล้วหรือ? ทำไมพระองค์ทรงเฆี่ยนตีพวกข้าพระองค์ทั้งหลาย เมื่อไม่มีการเยียวยาสำหรับพวกข้าพระองค์ได้? ข้าพระองค์ทั้งหลายได้หวังในสันติสุข แต่ไม่พบสิ่งดีใดๆ เลย และมองหาเวลาในการเยียวยา แต่ดูสิ มีแต่ความสยดสยอง
\v 20 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพระองค์ทั้งหลายขอยอมรับผิดในความอธรรมของพวกข้าพระองค์ และความผิดบาปของบรรพบุรุษของพวกข้าพระองค์ เพราะพวกข้าพระองค์ทั้งหลายได้ทำบาปต่อพระองค์
\v 21 ขออย่าทรงปฏิเสธพวกข้าพระองค์เพราะเห็นแก่พระนามของพระองค์ ขออย่าทรงให้พระที่นั่งรุ่งเรืองของพระองค์ต้องเสื่อมเสีย ขอทรงระลึกถึงและขออย่าทรงหักพันธสัญญาของพระองค์ซึ่งมีไว้กับพวกข้าพระองค์
\v 22 ในบรรดารูปเคารพทั้งหลายของชนชาติทั้งหลายมีพระองค์ใดที่นำฝนมา? หรือทำให้ท้องฟ้าเกิดฝนได้? ไม่ใช่พระองค์เองดอกหรือ ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของพวกข้าพระองค์ พวกข้าพระองค์หวังในพระองค์ เพราะพระองค์ทรงทำสิ่งเหล่านี้ทั้งสิ้น
\s5
\c 15
\p
\v 1 แล้วพระยาห์เวห์ได้ตรัสกับข้าพเจ้าว่า "แม้ว่าโมเสส หรือซามูเอลกำลังยืนอยู่ต่อหน้าเรา เราก็ยังจะไม่โปรดปรานชนชาตินี้ จงไล่พวกเขาออกไปให้พ้นหน้าเรา ให้พวกเขาไป
\v 2 สิ่งนี้จะเกิดขึ้นว่าพวกเขาจะพูดกับเจ้าว่า 'เราจะไปที่ไหน?' แล้วเจ้าจงพูดกับพวกเขาว่า 'พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า คนเหล่านั้นที่ถูกกำหนดให้ตายก็จะต้องตาย คนเหล่านั้นที่ถูกกำหนดให้แก่ดาบก็จะโดนดาบ คนที่ถูกกำหนดให้แก่การกันดารอาหาร จะพบการกันดารอาหาร คนที่ถูกกำหนดให้ตกเป็นเชลยก็จะเป็นเชลย'
\v 3 เพราะเราจะกำหนดพวกเขาเป็นสี่กลุ่ม นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์ ดาบเพื่อสังหารบางคน เหล่าสุนัขลากไปบ้าง พวกนกในอากาศและสัตว์ป่าบนแผ่นดินโลกกัดกินและทำลายไปบ้าง
\s5
\p
\v 4 เราจะทำให้พวกเขาเป็นสิ่งที่น่าหวาดกลัวแก่ราชอาณาจักรทั้งสิ้นแห่งแผ่นดินโลก เพราะสิ่งที่มนัสเสห์โอรสของเฮเซคียาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์ได้ทรงกระทำในเยรูซาเล็ม
\v 5 เพราะว่าใครจะสงสารเจ้า เยรูซาเล็มเอ๋ย? ใครจะเสียใจกับเจ้า?
\v 6 เจ้าได้ปฏิเสธเรา นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์ เจ้าได้ถอยหลังไปจากเรา ดังนั้นเราจะตีเจ้าด้วยมือของเราและทำลายเจ้า เราเหนื่อยหน่ายที่จะมีเมตตาต่อเจ้าแล้ว
\s5
\p
\v 7 ดังนั้นเราฝัดพวกเขาด้วยส้อมฝัดข้าวที่ประตูทั้งหลายของแผ่นดิน เราจะทำให้พวกเขาพลัดพราก เราจะทำลายประชาชนของเรา เพราะพวกเขาทั้งหลายไม่ได้หันกลับจากทางของพวกเขา
\v 8 เราจะทำให้จำนวนของหญิงม่ายของพวกเขามากยิ่งกว่าทรายที่ชายทะเล ในเวลาเที่ยงวันเราจะส่งผู้ทำลายมายังบรรดาแม่ของคนหนุ่มทั้งหลาย เราจะทำให้ความตกใจสุดขีดและความสยดสยองตกเหนือพวกเขาโดยฉับพลัน
\v 9 แม่ผู้มีลูกเจ็ดคนก็อ่อนกำลัง เธอจะสลบไป ดวงอาทิตย์ของเธอจะตกขณะเมื่อยังวันอยู่ เธอจะต้องอับอายและขายหน้า เพราะเราจะมอบคนเหล่านั้นที่เหลืออยู่ให้แก่ดาบต่อหน้าศัตรูของพวกเขา นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์"
\s5
\p
\v 10 วิบัติแก่ข้าพเจ้า แม่ของข้าพเจ้า เพราะแม่ได้คลอดข้าพเจ้ามา ข้าพเจ้าเป็นคนที่ทำให้เกิดการโต้เถียงและการขัดแย้งกันทั่วทั้งแผ่นดิน ข้าพเจ้าก็ไม่ได้ให้เขายืม หรือมีใครให้ข้าพเจ้ายืม แต่ทุกคนแช่งข้าพเจ้า
\v 11 พระยาห์เวห์ได้ตรัสว่า "เราไม่ได้ช่วยเจ้าให้ได้รับสิ่งดีหรือ? เราไม่ได้ให้ศัตรูมาอ้อนวอนขอความช่วยเหลือต่อเจ้าในเวลาลำบากและในเวลาทุกข์ใจอย่างแน่นอน
\v 12 มีใครสามารถหักเหล็กได้หรือ? เฉพาะอย่างยิ่งเหล็กจากทิศเหนือที่ผสมทองสัมฤทธิ์ได้หรือ ?
\s5
\p
\v 13 เราจะมอบความมั่งคั่งและเหล่าทรัพย์สมบัติของเจ้าเป็นของริบให้แก่เหล่าศัตรูของพวกเจ้า เราจะทำเช่นนี้เพราะบาปทั้งสิ้นของเจ้าตลอดทั่วดินแดนของพวกเจ้า
\v 14 แล้วเราจะทำให้พวกเจ้าต้องปรนนิบัติศัตรูของพวกเจ้าในแผ่นดินซึ่งพวกเจ้าไม่รู้จัก เพราะไฟจะถูกจุดขึ้นในความพิโรธของเราต่อพวกเจ้า"
\v 15 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์ทรงทราบ ขอทรงระลึกถึงข้าพระองค์ และทรงช่วยข้าพระองค์ ขอทรงนำการแก้แค้นแก่คนเหล่านั้นที่ข่มเหงพวกข้าพระองค์ พระองค์ทรงอดกลั้นพระทัยของพระองค์ แต่ขออย่าอนุญาตให้พวกเขานำข้าพระองค์ไปเสีย ขอทรงตระหนักว่าข้าพระองค์ทนการติเตียนด้วยเห็นแก่พระองค์
\s5
\p
\v 16 เมื่อได้พบพระวจนะของพระองค์แล้ว ข้าพระองค์ก็ได้กินเสีย พระวจนะของพระองค์เป็นความชื่นบานแก่ข้าพระองค์ และเป็นความปีติยินดีแห่งจิตใจของข้าพระองค์ ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าจอมเจ้านาย
\v 17 ข้าพระองค์ไม่ได้นั่งอยู่ในหมู่คนเหล่านั้นที่ได้ฉลองหรือเปรมปรีดิ์ ข้าพระองค์นั่งอยู่ด้วยความสันโดษ เพราะพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์ของพระองค์ เพราะพระองค์ทรงให้ข้าพระองค์เต็มด้วยความเกรี้ยวกราด
\v 18 ทำไมความเจ็บของข้าพระองค์จึงไม่หยุดยั้ง และบาดแผลของข้าพระองค์รักษาไม่ได้ มันปฏิเสธที่จะรับการรักษาหรือ? พระองค์ทรงเป็นเหมือนลำธารที่พึ่งไม่ได้แก่ข้าพระองค์ หรือทรงเป็นอย่างน้ำที่เหือดแห้งหรือ?
\s5
\p
\v 19 เพราะฉะนั้น พระยาห์เวห์จึงได้ตรัสว่า "เยเรมีย์เอ๋ย ถ้าเจ้ากลับใจ แล้วเราจะให้เจ้ากลับสู่สภาพดี และเจ้าจะยืนอยู่ต่อหน้าเราและรับใช้เรา เพราะถ้าเจ้าแยกสิ่งที่โง่เขลาต่างๆ จากสิ่งที่มีค่าทั้งหลาย เจ้าจะเป็นเหมือนปากของเรา ประชาชนทั้งหลายจะหันกลับมาหาเจ้า แต่เจ้า ตัวเจ้าเองต้องไม่หันกลับไปหาพวกเขา
\v 20 เราจะทำให้เจ้าเป็นกำแพงทองสัมฤทธิ์ซึ่งผ่านเข้าไปไม่ได้ และเขาทั้งหลายจะต่อสู้กับเจ้า แต่พวกเขาจะไม่ชนะเจ้า เพราะเราอยู่กับเจ้าเพื่อช่วยเจ้าให้รอดและช่วยกู้เจ้า นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์
\v 21 เพราะเราจะช่วยกู้เจ้าจากมือของคนอธรรม และไถ่เจ้าจากเงื้อมมือของคนโหดร้าย"
\s5
\c 16
\p
\v 1 แล้วพระวจนะของพระยาห์เวห์ได้มายังข้าพเจ้าว่า
\v 2 “เจ้าอย่ามีภรรยา และเจ้าอย่ามีพวกบุตรชายหรือพวกบุตรหญิงในสถานที่นี้
\v 3 เพราะพระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แก่พวกบุตรชายและพวกบุตรหญิงที่เกิดในสถานที่นี้ แก่พวกมารดาที่คลอดบุตรเหล่านั้น และแก่พวกบิดาที่ได้ให้กำเนิดคนเหล่านั้นในแผ่นดินนี้ว่า
\s5
\p
\v 4 'เขาทั้งหลายจะตายด้วยโรคร้าย พวกเขาจะไม่มีการคร่ำครวญอาลัยพวกเขา หรือจะไม่มีใครจัดการฝังพวกเขา พวกเขาจะเป็นเหมือนมูลสัตว์ที่อยู่บนพื้นแผ่นดิน เพราะพวกเขาทั้งหลายจะพินาศด้วยดาบและการกันดารอาหาร และศพของพวกเขาจะเป็นอาหารของเหล่านกในท้องฟ้าทั้งหลายและบรรดาสัตว์ป่าบนแผ่นดินโลก'
\v 5 เพราะถ้อยคำของพระยาห์เวห์ได้มาถึงข้าพเจ้าว่า 'อย่าเข้าไปในเรือนที่กำลังมีความโศกเศร้า อย่าไปคร่ำครวญ หรือไปแสดงความเห็นอกเห็นใจสำหรับพวกเขา เพราะเราได้เอาสันติสุขของเราไปจากประชาชนนี้แล้ว ทั้งความรักมั่นคงและความกรุณาของเรา นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์
\v 6 ทั้งผู้ใหญ่และผู้น้อยจะตายในแผ่นดินนี้ พวกเขาจะไม่มีใครจัดการฝังศพให้ และจะไม่มีใครมาคร่ำครวญอาลัยพวกเขา หรือมากรีดตัว หรือมาโกนศีรษะเพื่อพวกเขา
\s5
\p
\v 7 จะต้องไม่มีใครแบ่งปันอาหารให้แก่คนไว้ทุกข์เพื่อจะปลอบโยนพวกเขา เพราะเรื่องคนที่ตายทั้งหลายนั้น และจะต้องไม่มีใครมอบถ้วยแห่งการปลอบใจให้บิดาของพวกเขาหรือมารดาของพวกเขาเพื่อที่จะปลอบใจพวกเขา
\v 8 เจ้าต้องไม่เข้าไปในบ้านที่มีการเลี้ยงเพื่อนั่งกินหรือดื่มกับพวกเขา'
\v 9 เพราะพระยาห์เวห์จอมเจ้านาย พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า 'นี่แน่ะ ต่อหน้าต่อตาของพวกเจ้า ในวันทั้งหลายของเจ้าและในสถานที่แห่งนี้ เรากำลังจะทำให้เสียงบันเทิงและเสียงรื่นเริง เสียงเจ้าบ่าวและเสียงเจ้าสาว ขาดไปจากสถานที่นี้'
\s5
\p
\v 10 แล้วสิ่งนี้ได้เกิดขึ้น เมื่อเจ้ารายงานถ้อยคำเหล่านี้ทั้งสิ้นแก่ชนชาตินี้ และเขาทั้งหลายจะพูดกับเจ้าว่า 'ทำไมพระยาห์เวห์จึงทรงประกาศโทษใหญ่ยิ่งทั้งสิ้นนี้ให้ตกแก่เรา? ความผิดและความบาปอะไรของเราที่ได้ทำบาปต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราหรือ?'
\v 11 ดังนั้นจงกล่าวแก่เขาทั้งหลายว่า 'เพราะเหล่าบรรพบุรุษของเจ้าได้ละทิ้งเรา นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์ และพวกเขาได้ไปติดตามพระอื่นๆ และได้ปรนนิบัติและนมัสการพระเหล่านั้น พวกเขาได้ละทิ้งเราและไม่ได้รักษาธรรมบัญญัติของเรา
\v 12 แต่ตัวพวกเจ้าเองได้ทำชั่วเสียยิ่งกว่าเหล่าบรรพบุรุษของพวกเจ้าเสียอีก เพราะดูสิ เจ้าแต่ละคนกำลังดำเนินด้วยจิตใจชั่วร้ายดื้อดึงของเจ้า ไม่มีใครเลยที่ยอมฟังเรา
\s5
\p
\v 13 ดังนั้น เราจะเหวี่ยงเจ้าออกเสียจากแผ่นดินนี้เข้าไปในแผ่นดินซึ่งเจ้าหรือเหล่าบรรพบุรุษของเจ้าไม่รู้จัก และที่นั่นเจ้าจะปรนนิบัติพระอื่น ๆ ทั้งกลางวันและกลางคืน เพราะเราจะไม่สำแดงความกรุณาแก่เจ้าเลย'
\v 14 เพราะฉะนั้น นี่แน่ะ วันเหล่านั้นกำลังจะมาถึง นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์ เมื่อไม่มีใครกล่าวต่อไปอีกว่า 'พระยาห์เวห์ทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด พระองค์ผู้ทรงนำประชาชนอิสราเอลออกมาจากแผ่นดินอียิปต์'
\v 15 แต่จะกล่าวว่า 'พระยาห์เวห์ทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด พระองค์ผู้ที่ได้ทรงนำประชาชนอิสราเอลออกมาจากแผ่่นดินทางเหนือและจากบรรดาประเทศซึ่งพระองค์ได้ทรงขับไล่พวกเขาให้ไปอยู่นั้น' เพราะเราจะนำพวกเขากลับมาสู่แผ่นดินของพวกเขาเอง ซึ่งเราได้ยกให้เหล่าบรรพบุรุษของเขาแล้วนั้น
\s5
\p
\v 16 นี่แน่ะ เราจะส่งชาวประมงมาเป็นจำนวนมาก นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์ ดังนั้นพวกเขาจะจับประชาชนออกมา ภายหลังจากนี้เราจะส่งพรานจำนวนมากมา ดังนั้นพรานจะล่าเขาทั้งหลายตามภูเขาทุกแห่งและตามเนินเขาทุกลูกและตามซอกหินทั้งหลาย
\v 17 เพราะว่าเรามองดูทางทั้งสิ้นของพวกเขา พวกเขาไม่สามารถจะปิดบังไว้จากเราได้ ความผิดบาปของพวกเขาไม่สามารถจะซ่อนจากดวงตาของเราได้
\v 18 ขั้นแรกเราจะจ่ายคืนเป็นสองเท่าสำหรับความผิดบาปและบาปของเขาสำหรับที่พวกเขาได้ทำให้แผ่นดินของเราเป็นมลทินไปด้วยซากของรูปเคารพที่น่าสะอิดสะเอียน และทำให้มรดกของเราเต็มไปด้วยบรรดารูปเคารพที่น่าเกลียดน่าชังของพวกเขา"
\s5
\p
\v 19 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์ทรงเป็นพระกำลังและเป็นที่ลี้ภัยของข้าพระองค์ และที่กำบังเข้มแข็งของข้าพระองค์ในวันยากลำบาก บรรดาประชาชาติจะมาเฝ้าพระองค์จากที่สุดปลายแผ่นดินโลก และทูลว่า 'แน่ทีเดียว เหล่าบรรพบุรุษของพวกเราได้รับมรดกที่หลอกลวง พวกมันว่างเปล่า ไม่มีประโยชน์อะไรในพวกนั้น
\v 20 มนุษย์จะสร้างพระทั้งหลายไว้สำหรับพวกเขาเองได้หรือ? แต่พวกสิ่งเหล่านั้นไม่ใช่พระ'
\v 21 เพราะฉะนั้น นี่แน่ะ เราจะทำให้เขารู้จัก ในเวลานี้ เราจะทำให้เขารู้จักอำนาจของเราและฤทธานุภาพของเรา เพื่อเขาทั้งหลายจะรู้ว่านามของเราคือพระยาห์เวห์
\s5
\c 17
\p
\v 1 "บาปของยูดาห์นั้นได้บันทึกไว้ด้วยปากกาเหล็ก ที่มีปลายเพชร ได้จารึกไว้บนแผ่นแห่งจิตใจทั้งหลายของพวกเขาและบนพวกเชิงงอนที่แท่นบูชาทั้งหลายของพวกเจ้า
\v 2 แม้แต่บุตรหลานของพวกเขาก็ระลึกถึงแท่นบูชาและเสาอาเชราห์ทั้งหลายข้างพวกต้นไม้เขียวสดและบนเนินเขาสูงทั้งหลาย
\v 3 บนภูเขาของเราที่แถบชนบทที่เปิดกว้าง ทรัพย์สินและสมบัติทั้งสิ้นของเจ้าเราจะแจกจ่ายไปเป็นของริบ พร้อมด้วยสถานสูงทั้งหลายของพวกเจ้า เพราะเหตุแห่งบาปที่พวกเจ้าได้กระทำตลอดทั่วแผ่นดินของพวกเจ้า
\s5
\p
\v 4 เจ้าจะต้องสูญเสียมรดกซึ่งเราได้ยกให้แก่เจ้า เราจะทำให้เจ้าปรนนิบัติเหล่าศัตรูของเจ้าในแผ่นดินซึ่งเจ้าไม่รู้จัก เพราะเจ้าได้จุดไฟแห่งความพิโรธของเราขึ้นซึ่งจะไหม้อยู่เป็นนิตย์"
\v 5 พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า "บุคคลที่วางใจในมนุษย์ก็เป็นที่แช่งสาป เขาทำให้เนื้อหนังเป็นกำลังของเขา แต่หันใจของเขาออกจากพระยาห์เวห์
\v 6 เพราะเขาเป็นเหมือนพุ่มไม้เล็กๆ ที่อยู่ในอราบาห์ และจะไม่เห็นสิ่งดีที่กำลังมาถึง เขาจะอาศัยอยู่ในสถานที่ที่แข็งเหมือนหินในถิ่นทุรกันดาร ในแผ่นดินแห้งแล้งที่ไม่มีคนอาศัย
\s5
\p
\v 7 แต่คนที่วางใจในพระยาห์เวห์จะได้รับพระพร เพราะพระยาห์เวห์เป็นเหตุแห่งความวางใจของเขา
\v 8 เพราะเขาเป็นเหมือนต้นไม้ที่ปลูกไว้ริมน้ำซึ่งหยั่งรากของมันออกไปข้างลำน้ำ มันไม่กลัวความร้อนเมื่อแดดส่องมา เพราะใบของมันคงเขียวอยู่เสมอ และไม่กระวนกระวายในปีที่แห้งแล้ง และมันไม่หยุดที่จะเกิดผล
\v 9 จิตใจก็เป็นตัวล่อลวงเหนือกว่าสิ่งใด มันเสื่อมทราม ใครจะรู้จักใจนั้น?
\s5
\p
\v 10 เราคือพระยาห์เวห์ ผู้ที่ตรวจค้นดูจิตใจ ผู้ทดสอบดูใจทั้งหลาย เราให้แต่ละคนตามทางทั้งหลายของเขา ตามผลแห่งการกระทำของเขา
\v 11 นกกระทาที่ฟักไข่ซึ่งมันไม่ได้ออกเอง บางคนที่ได้ความมั่งมีมาอย่างไม่เป็นธรรมก็เช่นกัน เมื่อพอถึงวัยกลางคน ความมั่งคั่งก็พรากจากเขาไป และในตอนปลายของเขา เขาจะเป็นคนโฉดเขลา"
\v 12 "สถานที่ตั้งแห่งสถานนมัสการของเราทั้งหลาย เป็นพระที่นั่งรุ่งเรืองซึ่งตั้งอยู่สูงตั้งแต่เริ่มต้น
\s5
\p
\v 13 พระยาห์เวห์ทรงเป็นความหวังแห่งอิสราเอล บรรดาคนเหล่านั้นทั้งหมดที่ละทิ้งพระองค์จะต้องอับอาย คนเหล่านั้นในแผ่นดินที่หันไปจากพระองค์จะต้องถูกจารึกไว้ในผงคลี เพราะเขาได้ละทิ้งพระยาห์เวห์ผู้เป็นน้ำพุแห่งชีวิต
\v 14 ขอทรงรักษาข้าพระองค์ ข้าแต่พระยาห์เวห์ แล้วข้าพระองค์จะได้รับการรักษา ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้รอด แล้วข้าพระองค์จึงจะรอดได้ เพราะพระองค์ทรงเป็นบทเพลงสรรเสริญของข้าพระองค์
\v 15 ดูสิ เขาทั้งหลายพูดกับข้าพระองค์ว่า 'พระวจนะของพระยาห์เวห์อยู่ที่ไหน? ขอให้มาเถิด'
\s5
\p
\v 16 สำหรับข้าพระองค์แล้ว ข้าพระองค์ไม่ได้หนีไปจากการเป็นผู้เลี้ยงที่ติดตามพระองค์ ข้าพระองค์ไม่ประสงค์วันแห่งความหายนะ พระองค์ทรงทราบถึงการประกาศทั้งหลายซึ่งออกมาจากริมฝีปากของข้าพระองค์ มันได้อยู่เฉพาะพระพักตร์ของพระองค์
\v 17 ขออย่าทรงเป็นเหตุให้ข้าพระองค์หวาดกลัว พระองค์ทรงเป็นที่ลี้ภัยของข้าพระองค์ในวันที่ยากร้าย
\v 18 ขอให้พวกที่ตามล่าข้าพระองค์ต้องอับอาย แต่ขออย่าให้ข้าพระองค์ต้องอับอาย ขอให้พวกเขาครั่นคร้าม แต่ขออย่าให้ข้าพระองค์ต้องครั่นคร้าม ขอทรงนำวันร้ายมาตกเหนือพวกเขา และขอทรงทำลายพวกเขาด้วยการทำลายครั้งแล้วครั้งเล่า"
\s5
\p
\v 19 พระยาห์เวห์ได้ตรัสกับข้าพเจ้าดังนี้ว่า "จงไปยืนในประตูแห่งประชาชน ซึ่งบรรดากษัตริย์แห่งยูดาห์เสด็จเข้าและที่พวกเขาเสด็จออก และในประตูทั้งหลายของเยรูซาเล็ม
\v 20 จงกล่าวแก่พวกเขาว่า 'จงฟังพระวจนะของพระยาห์เวห์ ท่านทั้งหลายผู้เป็นกษัตริย์ของยูดาห์ และบรรดาคนยูดาห์ และชาวเยรูซาเล็มทั้งสิ้น ผู้ซึ่งเข้าทางประตูเหล่านี้
\v 21 พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า "จงระวังเพื่อเห็นแก่ชีวิตของพวกเจ้า และอย่าได้หาบหามภาระอะไรในวันสะบาโต เพื่อนำของนั้นเข้าทางบรรดาประตูของเยรูซาเล็ม
\s5
\p
\v 22 อย่าหาบหามของของเจ้าออกจากบ้านของเจ้าในวันสะบาโต อย่าทำงานใดๆ แต่จงรักษาวันสะบาโตให้บริสุทธิ์ ดังที่เราได้บัญชาเหล่าบรรพบุรุษของเจ้าไว้'''
\v 23 พวกเขาก็ไม่ฟังหรือเงี่ยหูฟัง แต่ได้ทำคอแข็ง เพื่อพวกเขาจะไม่ได้ยินและไม่รับคำตักเตือน
\v 24 สิ่งนี้จะเกิดขึ้นถ้าพวกเจ้าเชื่อฟังเราจริงๆ นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์ และไม่นำภาระใดๆ เข้ามาทางประตูเมืองนี้ในวันสะบาโต แต่รักษาวันสะบาโตให้บริสุทธิ์ และไม่ทำงานในวันนั้น
\s5
\p
\v 25 แล้วบรรดากษัตริย์ เจ้านายทั้งหลาย และคนเหล่านั้นผู้ประทับบนบัลลังก์ของดาวิด จะเสด็จเข้าทางประตูทั้งหลายของเมืองนี้ โดยบรรดารถม้าศึกและม้าทั้งหลาย พวกเขาและพวกผู้นำทั้งหลายทั้งคนยูดาห์และชาวเยรูซาเล็ม และเมืองนี้จะมีคนอาศัยอยู่เป็นนิตย์
\v 26 พวกเขาจะมาจากเมืองต่างๆ ของยูดาห์และจากที่ซึ่งอยู่รอบเยรูซาเล็ม จากแผ่นดินเบนยามิน และจากแคว้นที่ราบต่ำ จากเทือกเขาทั้งหลาย และจากเนเกบนำเอาเครื่องเผาบูชา และเครื่องสัตวบูชา เครื่องธัญบูชาและกำยาน และนำเครื่องบูชาขอบพระคุณมายังนิเวศของพระยาห์เวห์
\v 27 แต่ถ้าเจ้าทั้งหลายไม่ฟังเราที่จะรักษาวันสะบาโตให้บริสุทธิ์ และที่จะไม่แบกภาระหนักเข้าทางประตูทั้งหลายของเยรูซาเล็มในวันสะบาโต แล้วเราจะก่อไฟไว้ในประตูเมืองเหล่านั้น และไฟนั้นจะเผาผลาญป้อมทั้งหลายของเยรูซาเล็ม และไม่สามารถจะดับได้"
\s5
\c 18
\p
\v 1 พระวจนะซึ่งมาจากพระยาห์เวห์ได้มาถึงเยเรมีย์ ตรัสว่า
\v 2 "จงลุกขึ้น ไปที่บ้านของช่างปั้นหม้อ เพราะเราจะให้เจ้าได้ยินถ้อยคำของเราที่นั่น"
\v 3 ดังนั้นข้าพเจ้าจึงได้ลงไปที่บ้านของช่างปั้นหม้อ และดูเถิด ช่างปั้นหม้อกำลังทำงานอยู่ที่แป้นช่างหม้อ
\s5
\p
\v 4 แต่ภาชนะดินซึ่งกำลังทำนั้นได้เสียอยู่ในมือของช่างปั้นหม้อ ดังนั้นเขาจึงได้เปลี่ยนใจและปั้นภาชนะใหม่อีกลูกหนึ่งตามที่เขาได้เห็นว่าดีและควรทำในสายตาของเขา
\v 5 แล้วพระวจนะของพระยาห์เวห์ได้มายังข้าพเจ้า ตรัสว่า
\v 6 "เราจะทำแก่เจ้าอย่างที่ช่างปั้นหม้อนี้ทำไม่ได้หรือ พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย? นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์ นี่แน่ะ พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย พวกเจ้าอยู่ในมือของเราเหมือนอย่างดินเหนียวที่อยู่ในมือของช่างปั้นหม้อ
\s5
\p
\v 7 ในคราวเดียวกัน เราประกาศเกี่ยวกับประชาชาติหนึ่งหรือราชอาณาจักรหนึ่งว่า เราจะถอน หรือพังและทำลายเสียก็ได้
\v 8 แต่ถ้าประชาชาตินั้น ซึ่งเราได้ประกาศไว้แล้ว หันเสียจากความชั่ว แล้วเราก็จะผ่อนปรนภัยพิบัติซึ่งเราได้กำลังวางแผนจะทำนั้นเสีย
\v 9 ถ้าเวลาใดก็ตาม เราได้ประกาศเกี่ยวกับประชาชาติหนึ่งหรือราชอาณาจักรหนึ่งว่า เราจะสร้างขึ้นหรือปลูกฝังไว้
\s5
\p
\v 10 แต่ถ้าชนชาตินั้นทำชั่วในสายตาของเรา โดยไม่ฟังเสียงของเรา แล้วเราจะหยุดสิ่งที่ดีซึ่งเราได้กล่าวไว้ว่าเราจะทำกับพวกเขานั้นเสีย
\v 11 ดังนั้น บัดนี้ จงกล่าวแก่คนยูดาห์และผู้อาศัยในเยรูซาเล็ม และกล่าวว่า 'พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า นี่แน่ะ เรากำลังก่อภัยพิบัติต่อพวกเจ้า และคิดแผนงานอย่างหนึ่งต่อสู้กับพวกเจ้า พวกเจ้าแต่ละคนจงกลับใจเสียจากทางชั่วของพวกเจ้า เพื่อทางทั้งหลายของพวกเจ้าและการกระทำของพวกเจ้าจะนำความดีมาสู่พวกเจ้า'
\v 12 แต่เขาทั้งหลายจะกล่าวว่า 'นี่ไม่มีประโยชน์อะไรเลย พวกเราจะดำเนินตามแผนงานทั้งหลายของพวกเรา แต่ละคนจะทำในสิ่งที่ชั่วร้ายของเขา คือความปรารถนาของจิตใจที่ดื้อดึง'
\s5
\p
\v 13 เพราะฉะนั้น พระยาห์เวห์จึงตรัสดังนี้ว่า 'จงถามบรรดาประชาชาติ ใครเคยได้ยินสิ่งนี้บ้าง? อิสราเอลพรหมจารีย์ได้ทำสิ่งที่น่ากลัวยิ่งนัก
\v 14 หิมะในเลบานอนเคยไปจากเนินผาหินทั้งหลายบนมันหรือ? บรรดาธารน้ำจากภูเขาที่ไหลมาจากที่ไกล สายน้ำเย็นเหล่านั้นเคยถูกทำลายไปหรือ?
\v 15 แต่ประชาชนของเราได้ลืมเราเสีย พวกเขาได้เผาเครื่องหอมบูชาแก่พวกรูปเคารพที่ไร้ประโยชน์ และได้ล้มลงในหนทางทั้งหลายของพวกเขา พวกเขาได้จากถนนโบราณทั้งหลายเพื่อเดินเข้าไปตามซอกซอยทั้งหลาย
\s5
\p
\v 16 แผ่นดินของพวกเขาจะกลายเป็นที่น่ากลัว เป็นสิ่งที่ถูกเยาะเย้ยอยู่เป็นนิตย์ ทุกคนที่ผ่านไปก็หวาดหวั่น และสั่นศีรษะของเขา
\v 17 เราจะกระจายพวกเขาต่อหน้าศัตรูของพวกเขาเหมือนอย่างลมตะวันออก เราจะหันหลังให้พวกเขา และจะไม่หันหน้าให้ ในวันแห่งภัยพิบัติของพวกเขานั้น'''
\v 18 ดังนั้นพวกประชาชนได้กล่าวว่า "มาเถิด ให้เราคิดแผนปองร้ายเยเรมีย์ เพราะว่าธรรมบัญญัติย่อมไม่สูญหายไปจากพวกปุโรหิต หรือจากคำปรึกษาจากพวกนักปราชญ์ หรือจากบรรดาถ้อยคำของเหล่าผู้เผยพระวจนะ มาเถิด ให้เราโจมตีเขาด้วยบรรดาถ้อยคำของพวกเรา และอย่าไปสนใจต่อสิ่งที่เขาได้ประกาศเลย"
\s5
\p
\v 19 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงฟังข้าพระองค์ และขอทรงฟังเสียงพวกศัตรูของข้าพระองค์เถิด
\v 20 ความพินาศจากพวกเขาจะเป็นรางวัลของข้าพระองค์สำหรับการทำดีต่อพวกเขาหรือ? เพราะพวกเขาได้ขุดหลุมไว้สำหรับข้าพระองค์ ขอทรงระลึกว่าข้าพระองค์ยืนเฝ้าพระองค์อย่างไรเพื่อทูลขอสวัสดิภาพเพื่อพวกเขา เพื่อจะหันพระพิโรธของพระองค์ไปเสียจากพวกเขา
\v 21 ดังนั้น ขอทรงมอบบุตรหลานของเขาให้แก่การกันดารอาหาร และขอทรงมอบพวกเขาให้แก่คนเหล่านั้นที่ใช้ดาบ ดังนั้นขอให้ภรรยาของพวกเขาได้กลายเป็นผู้สูญเสียและเป็นพวกแม่ม่าย และพวกผู้ชายของพวกเขาได้ถูกฆ่าตาย และให้พวกคนหนุ่มของพวกเขาถูกฆ่าตายด้วยดาบในสงคราม
\s5
\p
\v 22 ขอให้ได้ยินเสียงความทุกข์ร้องมาจากเรือนของพวกเขา เมื่อพระองค์ทรงนำผู้บุกรุกมาปล้นเขาอย่างฉับพลัน เพราะพวกเขาได้ขุดหลุมไว้ดักข้าพระองค์ และได้ซ่อนบ่วงดักสำหรับเท้าของข้าพระองค์
\v 23 แต่พระองค์เอง ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์ทรงทราบแผนการปองร้ายทั้งสิ้นของเขาที่จะฆ่าข้าพระองค์เสีย ขออย่าทรงอภัยความชั่วและความบาปทั้งหลายของพวกเขา ขออย่าทรงลบความบาปทั้งหลายของพวกเขาไปเสียจากพระองค์ แต่ขอให้พวกเขาถูกคว่ำลงเฉพาะพระพักตร์พระองค์ ขอทรงจัดการเขาทั้งหลายในเวลาแห่งความพิโรธของพระองค์
\s5
\c 19
\p
\v 1 พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า "จงไปและซื้อเหยือกดินของช่างปั้นหม้อมาลูกหนึ่งขณะที่เจ้าอยู่กับพวกผู้ใหญ่ของประชาชนและพวกปุโรหิต
\v 2 แล้วให้ไปที่หุบเขาเบนฮินโนม ตรงทางเข้าประตูกองเศษหม้อ และที่นั่นจงป่าวร้องบรรดาถ้อยคำที่เราจะบอกเจ้า
\v 3 จงกล่าวว่า 'ขอจงฟังพระวจนะของพระยาห์เวห์ ข้าแต่บรรดากษัตริย์แห่งยูดาห์ และชาวเยรูซาเล็ม พระยาห์เวห์จอมเจ้านายพระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า "นี่แน่ะ และเราจะนำภัยพิบัติมาถึงสถานที่นี้ และบรรดาหูของทุกคนที่ได้ยินถึงสิ่งนี้จะอื้อไป
\s5
\p
\v 4 เราจะทำสิ่งนี้เพราะว่าพวกเขาได้ละทิ้งเรา และได้ทำให้สถานที่นี้เป็นมลทิน ในสถานที่นี้พวกเขาได้เผาเครื่องบูชาแก่เทพเจ้าอื่นๆ ที่พวกเขาไม่รู้จัก พวกเขาเอง บรรพบุรุษของพวกเขา และบรรดากษัตริย์ของยูดาห์ได้ทำให้สถานที่นี้เต็มด้วยโลหิตของผู้ไร้ความผิด
\v 5 พวกเขาได้สร้างสถานสูงสำหรับพระบาอัล เพื่อจะเผาบรรดาบุตรชายของเขาเสียในไฟ เป็นเครื่องบูชาเผาทั้งตัวแก่พระบาอัล บางสิ่งซึ่งเราไม่ได้บัญชาหรือกล่าวถึง หรือได้นึกในใจของเรา
\v 6 ฉะนั้น ดูเถิด วันทั้งหลายกำลังจะมาถึง นี่เป็นคำประกาศของพระยาห์เวห์ เมื่อสถานที่นี้จะไม่มีใครเรียกโทเฟท หรือหุบเขาเบนฮินโนมอีก แต่จะเรียกว่า หุบเขาแห่งการฆ่า
\s5
\p
\v 7 ในสถานที่นี้ เราจะทำให้แผนงานทั้งหลายของยูดาห์และเยรูซาเล็มไร้ประโยชน์ เราจะทำให้พวกเขาล้มลงด้วยดาบ ต่อหน้าบรรดาศัตรูของพวกเขา และด้วยมือของบรรดาผู้ที่แสวงหาชีวิตของพวกเขา แล้วเราจะให้ศพของพวกเขาเป็นอาหารของพวกนกในอากาศ และบรรดาสัตว์ป่าบนแผ่นดินโลก
\v 8 แล้วเราจะทำให้เมืองนี้ถูกทำลายและเป็นสิ่งที่ถูกเยาะเย้ย เพราะทุกคนที่ผ่านไปจะหวาดหวั่น และจะเยาะเย้ยในภัยพิบัติทั้งสิ้นของพวกเขา
\v 9 เราจะทำให้พวกเขากินเนื้อของบุตรชาย และบุตรหญิงของพวกเขา แต่ละคนจะกินเนื้อของเพื่อนบ้านของพวกเขา ในการที่ถูกล้อมและปวดร้าวใจที่ศัตรูของเขาได้นำมาและผู้ที่แสวงหาชีวิตของพวกเขา'''
\s5
\p
\v 10 แล้วเจ้าจะทำเหยือกให้แตกต่อหน้าต่อตาคนที่ไปกับเจ้านั้น
\v 11 เจ้าจะกล่าวแก่เขาทั้งหลายว่า 'พระยาห์เวห์จอมเจ้านายตรัสดังนี้ว่า เราจะทำสิ่งที่เหมือนกันนี้ให้ชนชาตินี้และเมืองนี้ นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์ เช่นเดียวกับที่เยเรมีย์ได้ทำให้ภาชนะของช่างปั้นหม้อแตกดังนั้นมันไม่สามารถจะซ่อมแซมได้อีก ประชาชนจะฝังคนตายไว้ในโทเฟทจนไม่มีที่สำหรับให้ฝังคนตายอีก
\v 12 นี่คือสิ่งที่เราจะทำแก่สถานที่นี้และแก่ผู้ที่อาศัยอยู่เมืองนี้ เมื่อเราทำเมืองนี้ให้เหมือนโทเฟท นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์
\s5
\p
\v 13 ดังนั้นบรรดาบ้านแห่งเยรูซาเล็ม และกษัตริย์ทั้งหลายแห่งยูดาห์จะเป็นเหมือนโทเฟท คือบรรดาบ้านที่บนหลังคานั้น พวกประชาชนที่ไม่สะอาดนมัสการดาวทุกดวงในท้องฟ้า และเทเครื่องดื่มบูชาถวายแก่เหล่าเทวรูปอื่นๆ'''
\v 14 แล้วเยเรมีย์ได้ไปจากโทเฟทที่ซึ่งพระยาห์เวห์ทรงใช้ให้เขาไปเผยพระวจนะนั้น เขาก็ยืนอยู่ในลานพระนิเวศของพระยาห์เวห์ และเขากล่าวแก่ประชาชนทั้งปวงว่า
\v 15 "พระยาห์เวห์จอมเจ้านาย พระเจ้าแห่งอิสราเอล ตรัสดังนี้ว่า 'นี่แน่ะ เราจะนำความพินาศทั้งสิ้นซึ่งเราได้บอกกล่าวมาให้เมืองนี้และบรรดาหัวเมืองทั้งสิ้นดังที่เราได้ประกาศไว้แล้ว เพราะพวกเขาได้ดื้อดึง และได้ปฏิเสธไม่ฟังบรรดาถ้อยคำของเรา'''
\s5
\c 20
\p
\v 1 ปาชเฮอร์ผู้เป็นปุโรหิตบุตรชายของอิมเมอร์ เขาเป็นหัวหน้าใหญ่ ได้ยินเยเรมีย์เผยพระวจนะถึงถ้อยคำเหล่านี้ต่อพระนิเวศของพระยาห์เวห์
\v 2 ดังนั้นปาชเฮอร์จึงตีเยเรมีย์ผู้เผยพระวจนะและได้จับเขาใส่ขื่อคา ซึ่งอยู่ที่ประตูบนของเบนยามินในพระนิเวศของพระยาห์เวห์
\v 3 มันได้เกิดขึ้นในวันรุ่งขึ้นเมื่อปาชเฮอร์ได้นำเยเรมีย์ออกจากขื่อคา แล้วเยเรมีย์ได้พูดกับเขาว่า "พระยาห์เวห์ไม่ได้ทรงเรียกชื่อของเจ้าว่าปาชเฮอร์ แต่ทรงเรียกว่า มาโกร์มิสสาบิบ
\s5
\p
\v 4 เพราะพระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า 'นี่แน่ะ เราจะทำให้เจ้าเองเป็นสิ่งที่น่าหวาดกลัว เจ้าและทุกคนที่เป็นที่รักของเจ้า เพราะพวกเขาจะล้มลงด้วยดาบของศัตรูของพวกเขาและดวงตาของเจ้าจะมองดูอยู่ เราจะมอบยูดาห์ทั้งสิ้นไว้ในมือของกษัตริย์บาบิโลน เขาจะกวาดเอาไปเป็นเชลยยังบาบิโลน หรือโจมตีพวกเขาด้วยดาบ
\v 5 เราจะยกความมั่งคั่งของเมืองนี้ให้เขาและความร่ำรวยทั้้งสิ้น ของมีค่าทั้งสิ้นของเมืองนี้ และทรัพย์สมบัติทั้งสิ้นของบรรดากษัตริย์ของยูดาห์ เราจะมอบสิ่งเหล่านี้ไว้ในมือของศัตรูของเขาทั้งหลาย และพวกเขาจะยึดพวกมันไว้ พวกเขาจะยึดเอาและนำพวกมันไปบาบิโลน
\v 6 แต่ตัวเจ้า ปาชเฮอร์และบรรดาผู้ที่อาศัยอยู่ในบ้านของเจ้า จะต้องไปเป็นเชลย เจ้าจะต้องไปยังบาบิโลนและตายที่นั่นเจ้าและทุกคนที่เจ้ารักผู้ซึ่งเจ้าได้เผยพระวจนะบรรดาความเท็จจะถูกฝังที่นั่น'''
\s5
\p
\v 7 "ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์ทรงได้หลอกลวงข้าพระองค์ และข้าพระองค์ก็ถูกหลอกลวง พระองค์ทรงมีพระกำลังยิ่งกว่าข้าพระองค์ และพระองค์ทรงชนะข้าพระองค์ ข้าพระองค์ได้กลายเป็นที่ให้เขาหัวเราะวันยังค่ำ ทุกคนได้เยาะเย้ยข้าพระองค์
\v 8 เพราะเมื่อใดที่ข้าพระองค์ได้พูด ข้าพระองค์ได้ร้องให้ช่วย และข้าพระองค์ได้ตะโกนว่า 'ความทารุณและการทำลาย' แล้วพระวจนะของพระยาห์เวห์ได้ทำให้ข้าพระองค์ถูกตำหนิและเยาะเย้ยทุกวัน
\v 9 ถ้าข้าพระองค์จะกล่าวว่า 'ข้าพระองค์จะไม่คิดถึงเกี่ยวกับพระยาห์เวห์อีกต่อไป ข้าพระองค์จะไม่กล่าวในพระนามของพระองค์อีก' แล้วก็มีสิ่งเหมือนไฟในใจของข้าพระองค์ อัดอยู่ในบรรดากระดูกของข้าพระองค์ ดังนั้นข้าพระองค์ก็ต่อสู้เพื่อยับยั้งมันไว้ แต่ข้าพระองค์ก็ไม่สามารถทำได้
\s5
\p
\v 10 ข้าพระองค์ได้ยินเสียงพวกข่าวลือของความสยดสยองจากประชาชนเป็นจำนวนมากอยู่รอบด้าน 'ใส่ความเขา เราต้องใส่ความเขา' คนเหล่านั้นที่คุ้นเคยทั้งสิ้นของข้าพระองค์ เฝ้าดูความล่มจมของข้าพระองค์กล่าวว่า 'บางทีเขาอาจจะถูกหลอกลวง ถ้าเป็นดังนั้น เราสามารถที่จะชนะเขา และเอาการแก้แค้นของเราไว้บนเขา'
\v 11 แต่พระยาห์เวห์ทรงอยู่กับข้าพเจ้าดังนักรบที่น่าเกรงขาม ดังนั้น บรรดาผู้ที่ไล่ตามข้าพเจ้าจะสะดุด พวกเขาจะไม่ชนะข้าพเจ้า เขาจะอับอายอย่างยิ่ง เพราะพวกเขาทำไม่สำเร็จ พวกเขาจะมีความอัปยศอดสูเป็นนิตย์ มันจะไม่มีวันถูกลืม
\v 12 แต่พระองค์เอง ข้าแต่พระยาห์เวห์จอมเจ้านายผู้ทรงทดลองคนชอบธรรม และผู้ทรงทอดพระเนตรทั้งจิตและใจ ขอให้ข้าพระองค์ได้เห็นการแก้แค้นของพระองค์เหนือพวกเขา เพราะข้าพระองค์ได้ทูลเสนอคดีของข้าพระองค์ต่อพระองค์แล้ว
\s5
\p
\v 13 จงร้องเพลงถวายแด่พระยาห์เวห์ จงสรรเสริญพระยาห์เวห์ เพราะว่าพระองค์ได้ทรงช่วยกู้ชีวิตคนเหล่านั้นที่ถูกกดขี่ข่มเหงให้พ้นจากมือของผู้ทำความชั่วร้ายทั้งหลาย
\v 14 ขอให้วันที่ข้าพเจ้าเกิดมานั้นถูกแช่งสาป อย่าให้วันที่มารดาของข้าพเจ้าได้คลอดข้าพเจ้าได้รับพร
\v 15 ขอให้ผู้ชายคนนั้นที่นำข่าวไปบอกบิดาข้าพเจ้าถูกแช่งสาป คือคนนั้นที่ได้พูดว่า 'เด็กผู้ชายคนหนึ่งได้เกิดมาแก่ท่านแล้ว' ซึ่งเป็นเหตุให้มีความยินดีเป็นอันมาก
\s5
\p
\v 16 ขอให้ผู้ชายคนนั้นเป็นเหมือนกับบรรดาเมืองซึ่งพระยาห์เวห์ทรงคว่ำเสียและพระองค์ไม่ได้มีความเมตตากับพวกเขา ขอให้พระองค์ได้ยินเสียงร้องให้ช่วยในเวลารุ่งอรุณ และให้ได้ยินเสียงต่อสู้ในเวลาเที่ยง
\v 17 เพราะพระองค์ไม่ได้ฆ่าข้าพเจ้าเสียตั้งแต่ในครรภ์ ขอให้มารดาของข้าพเจ้าเป็นหลุมฝังศพของข้าพเจ้า และครรภ์นั้นจะได้ตั้งครรภ์อยู่เป็นนิตย์
\v 18 ทำไมข้าพเจ้าจึงออกจากครรภ์มาเห็นความลำบากทั้งหลายและความทุกข์ ดังนั้นวันทั้งหลายของข้าพเจ้าก็เต็มไปด้วยความอับอาย?"
\s5
\c 21
\p
\v 1 ถ้อยคำจากพระยาห์เวห์ได้มาถึงเยเรมีย์ เมื่อกษัตริย์เศเดคียาห์ได้ทรงส่งปาชเฮอร์ บุตรชายของมัลคียาห์ และเศฟันยาห์ปุโรหิตบุตรชายของมาอาเสยาห์ไปหาเยเรมีย์ พวกเขาได้กล่าวกับท่านว่า
\v 2 "จงแสวงหาคำแนะนำจากพระยาห์เวห์ในนามของพวกเรา เพราะเนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์แห่งบาบิโลนกำลังทำสงครามกับพวกเรา บางทีพระยาห์เวห์จะทรงทำการอัศจรรย์ต่างๆ เพื่อพวกเรา เช่นเดียวกับเวลาในอดีตทั้งหลาย และจะทรงทำให้เนบูคัดเนสซาร์ถอยทัพไปจากพวกเรา"
\v 3 ดังนั้นเยเรมีย์ได้กล่าวกับพวกเขาว่า "นี่เป็นสิ่งที่พวกเจ้าจะต้องทูลต่อเศเดคียาห์ คือ
\s5
\p
\v 4 'พระยาห์เวห์ พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า นี่แน่ะ เราจะหันอาวุธทั้งหลายที่อยู่ในมือของพวกเจ้ากลับมา ซึ่งพวกเจ้ากำลังใช้สู้รบกับกษัตริย์แห่งบาบิโลนและคนเคลเดียซึ่งกำลังล้อมพวกเจ้าอยู่นอกกำแพงทั้งหลาย เพราะเราจะรวบรวมพวกมันมาไว้ในใจกลางเมืองนี้
\v 5 แล้วเราเองจะต่อสู้กับพวกเจ้าด้วยมือที่ยกชูขึ้นและด้วยแขนที่แข็งแรงด้วยความกริ้ว ด้วยความเกรี้ยวกราดและความโกรธอย่างรุนแรง
\v 6 เพราะเราจะโจมตีบรรดาผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองนี้ ทั้งคนและสัตว์ พวกเขาจะตายด้วยโรคระบาดร้ายแรง
\s5
\p
\v 7 หลังจากนี้ นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์ เศเดคียาห์กษัตริย์ของยูดาห์ และบรรดาข้าราชการของเขาและประชาชนเมืองนี้ และใครก็ตามที่ยังเหลืออยู่ในเมืองนี้ซึ่งรอดตายจากโรคระบาด จากดาบ และการกันดารอาหาร เราจะมอบพวกเขาไว้ในมือของเนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์แห่งบาบิโลน และมอบไว้ในมือศัตรูของเขาทั้งหลาย ในมือคนเหล่านั้นที่แสวงหาชีวิตของเขา พระองค์จะฟันเขาเสียด้วยคมดาบ พระองค์จะไม่สงสารพวกเขา หรือไว้ชีวิตพวกเขา หรือมีความเมตตาต่อเขา'
\v 8 แล้วต่อชนชาตินี้เจ้าจะต้องกล่าวว่า 'พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า นี่แน่ะ เรากำลังจะวางวิถีแห่งชีวิตและทางแห่งความตายไว้ต่อหน้าพวกเจ้า
\v 9 ใครก็ตามที่อยู่ในเมืองนี้จะตายด้วยดาบ ด้วยการกันดารอาหาร และด้วยโรคระบาด แต่ใครก็ตามที่ออกไปและคุกเข่าของพวกเขาต่อชาวเคลเดียที่ได้ล้อมพวกเจ้าอยู่นั้นจะมีชีวิตอยู่ เขาจะหลบหนีไปด้วยชีวิตของเขา
\s5
\p
\v 10 เพราะเราได้มุ่งหน้าต่อสู้เมืองนี้เพื่อนำความพินาศและไม่ได้นำความดี นี่เป็นคำประกาศของพระยาห์เวห์ คือเมืองนี้จะถูกมอบไว้ในมือของกษัตริย์แห่งบาบิโลน และพระองค์จะเผามันเสีย'
\v 11 เกี่ยวกับราชวงศ์ของกษัตริย์แห่งยูดาห์ จงฟังพระวจนะของพระยาห์เวห์
\v 12 ราชวงศ์ของดาวิดเอ๋ย พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า 'จงให้ความยุติธรรมในเวลาเช้า จงช่วยกู้ผู้ที่ถูกปล้นโดยมือผู้กดขี่ข่มเหง เกรงว่าความโกรธของเราจะออกไปเหมือนไฟ และเผาไหม้ และไม่มีใครสามารถที่จะดับได้ เพราะการกระทำอันชั่วช้าของพวกเจ้า
\s5
\p
\v 13 นี่แน่ะ พวกที่อาศัยอยู่ในหุบเขาเอ๋ย เราต่อสู้พวกเจ้า ศิลาแห่งที่ราบเอ๋ย นี่เป็นคำประกาศของพระยาห์เวห์ เรากำลังต่อสู้กับใครก็ตามที่กำลังกล่าวว่า "ใครจะลงมาต่อสู้กับเรา?" หรือ "ใครจะเข้ามาในบ้านทั้งหลายของพวกเรา?"
\v 14 เราได้กำหนดผลแห่งการกระทำของพวกเจ้าให้มาต่อสู้พวกเจ้า นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์ และเราจะก่อไฟไว้ในพุ่มไม้ต่าง ๆ และมันจะเผาผลาญทุกสิ่งที่อยู่รอบเมืองนั้น'''
\s5
\c 22
\p
\v 1 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ตรัส "จงลงไปยังราชสำนักของกษัตริย์ยูดาห์ และกล่าวถ้อยคำเหล่านี้ที่นั่น
\v 2 ว่า 'ข้าแต่กษัตริย์แห่งยูดาห์ ผู้ประทับบนพระที่นั่งของดาวิด จงสดับพระวจนะของพระยาห์เวห์ ทั้งพระองค์เอง บรรดาข้าราชการของพระองค์ และประชาชนของพระองค์ผู้เข้ามาในประตูเมืองทั้งหลายนี้
\v 3 พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า "จงกระทำความยุติธรรมและความชอบธรรม และจงช่วยกู้ผู้ที่ถูกปล้นให้พ้นมือของผู้ที่กดขี่ข่มเหง อย่าทำความทารุณแก่คนต่างด้าวในแผ่นดินของเจ้า หรือลูกกำพร้าพ่อ หรือหญิงม่าย อย่าทำการทารุณกรรมหรือทำให้โลหิตที่ไร้ความผิดหลั่งออกในสถานที่นี้
\s5
\p
\v 4 เพราะว่าถ้าเจ้าเชื่อฟังถ้อยคำเหล่านี้จริง ๆ แล้วเหล่ากษัตริย์ผู้ประทับบนพระที่นั่งของดาวิดจะเสด็จเข้ามาทางประตูทั้งหลายของวังนี้ประทับมาบนรถม้าศึกและบนม้าทั้งหลาย ทั้งตัวกษัตริย์ บรรดาข้าราชการ และประชาชนของพระองค์
\v 5 แต่ถ้าเจ้าไม่ฟังถ้อยคำเหล่านี้จากเราที่เราได้ประกาศแล้ว นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์ แล้วราชสำนักนี้จะเป็นซากปรักหักพัง'''
\v 6 เพราะพระยาห์เวห์ตรัสดังนี้เกี่ยวกับราชสำนักแห่งกษัตริย์ของยูดาห์ว่า 'เจ้าเป็นเหมือนกิเลอาด หรือเป็นเหมือนยอดภูเขาของเลบานอนสำหรับเรา ถึงกระนั้น เราจะทำเจ้าให้เป็นถิ่นทุรกันดาร เป็นเมืองทั้งหลายที่ไม่มีคนอาศัย
\s5
\p
\v 7 เพราะเราได้เตรียมพวกผู้ทำลายไว้ต่อสู้เจ้า พวกนักรบพร้อมด้วยอาวุธของพวกเขาจะตัดบรรดาต้นสนสีดาร์ที่ดีที่สุดของเจ้าลง และโยนเข้าในไฟ
\v 8 แล้วประชาชาติเป็นอันมากจะผ่านเมืองนี้ไป แต่ละคนจะพูดกันต่อๆ ไปว่า "ทำไมพระยาห์เวห์จึงได้ทรงทำวิธีเช่นนี้แก่เมืองใหญ่นี้?"
\v 9 แล้วคนอื่นๆ จะตอบว่า "เพราะว่าพวกเขาทั้งหลายได้ละทิ้งพันธสัญญาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา และได้ไปก้มกราบพระอื่นๆ และได้นมัสการพวกพระเหล่านั้น"
\s5
\p
\v 10 อย่าร้องไห้เพื่อคนที่ตาย หรืออย่าเสียใจเพราะเขาเลย แต่จงร้องไห้อย่างขมขื่นเพื่อผู้ที่กำลังจะจากไป เพราะเขาจะไม่มีวันได้กลับมาและเห็นบ้านเกิดเมืองนอนของเขาอีกเลย'
\v 11 เพราะพระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ เกี่ยวกับเยโฮอาหาสโอรสของโยสิยาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์ ผู้ซึ่งได้ครองราชย์ต่อจากโยสิยาห์ราชบิดาของพระองค์ 'เขาได้ไปจากสถานที่นี้และจะไม่กลับมา
\v 12 เขาจะสิ้นชีวิตที่นั่นในสถานที่ซึ่งพวกเขาจับเขาไปเป็นเชลย และเขาจะไม่เห็นแผ่นดินนี้อีกเลย'
\s5
\p
\v 13 วิบัติแก่เขาผู้สร้างวังของเขาด้วยความไม่ชอบธรรม สร้างห้องชั้นบนทั้งหลายไว้ด้วยความไม่ยุติธรรม ผู้ทำให้เพื่อนบ้านของเขาทำงานให้เขาโดยไม่ได้อะไรเลย และเขาไม่ได้จ่ายค่าจ้างต่างๆ ให้แก่เขา
\v 14 เขากล่าวว่า 'เราจะสร้างวังใหญ่สำหรับเราเอง พร้อมด้วยบรรดาห้องชั้นบนกว้างขวาง' ดังนั้นเจาะหน้าต่างบานใหญ่ทั้งหลายให้ห้องนั้น และเขาบุฝาผนังด้วยไม้สนสีดาร์ และเขาทาสีเป็นสีแดง'
\v 15 นี่คือสิ่งที่ทำให้เจ้าเป็นกษัตริย์ที่ดี ที่เจ้าได้ต้องการผนังเป็นไม้สนสีดาร์หรือ? บิดาของเจ้าได้กินและดื่มด้วย แต่ยังทำความยุติธรรมและความชอบธรรมไม่ใช่หรือ? แล้วสิ่งต่างๆ ทั้งหลายก็เป็นไปด้วยดีสำหรับเขา
\s5
\p
\v 16 เขาได้พิพากษาคดีเข้าข้างคนจนและคนขัดสน ก็เป็นการดี การทำอย่างนี้ใช่สิ่งที่หมายความว่ารู้จักเราไม่ใช่หรือ? นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์
\v 17 แต่ไม่มีอะไรในดวงตาทั้งสองของเจ้าและใจเลยนอกจากความวิตกกังวลเรื่องกำไรอธรรมของเจ้า และสำหรับการทำให้โลหิตที่ไร้ความผิดตก เพื่อทำการกดขี่ข่มเหง และกระทำทารุณแก่คนอื่นๆ
\v 18 ดังนั้น พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้เกี่ยวกับเยโฮยาคิมโอรสของโยสิยาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์ ว่า พวกเขาจะไม่คร่ำครวญถึงเขาว่า 'อนิจจา พี่ชายของเราเอ๋ย' หรือ 'อนิจจา พี่สาวของเราเอ๋ย' พวกเขาจะไม่คร่ำครวญถึงเขาว่า 'อนิจจา เจ้านาย' หรือ 'อนิจจา พระองค์ท่าน'
\s5
\p
\v 19 เขาจะได้ถูกฝังไว้อย่างการฝังลา คือได้ถูกลากไปโยนทิ้งไว้ข้างนอกประตูของเยรูซาเล็ม
\v 20 จงขึ้นไปที่ภูเขาทั้งหลายของเลบานอนและตะโกนร้อง จงเปล่งเสียงของเจ้าในบาชาน จงร้องตะโกนจากภูเขาทั้งหลายของอาบาริม เพราะว่าเพื่อนของเจ้าทั้งสิ้นได้ถูกทำลายเสียแล้ว
\v 21 เราได้พูดกับเจ้าเมื่อเจ้าปลอดภัย แต่เจ้าได้กล่าวว่า 'เราจะไม่ฟัง' นี่เป็นธรรมเนียมปฏิบัติของเจ้าตั้งแต่ยังหนุ่มๆ เพราะเจ้าไม่เคยฟังเสียงของเราเลย
\s5
\p
\v 22 ลมจะดูแลผู้เลี้ยงแกะทั้งสิ้นของเจ้า และบรรดาเพื่อนของเจ้าจะตกไปเป็นเชลย แล้วเจ้าจะอับอายอย่างแน่นอน และฉีกหน้าเจ้าด้วยการกระทำชั่วร้ายทั้งสิ้นของเจ้า
\v 23 เจ้าผู้อาศัยอยู่ใน 'เลบานอน' ผู้ได้สร้างรังอยู่ในอาคารไม้สนสีดาร์ เจ้าจะคร่ำครวญอย่างไรเมื่อความปวดร้าวมาเหนือเจ้า ความเจ็บปวดเหมือนกับหญิงที่คลอดบุตร"
\v 24 “เรามีชีวิตอยู่ตราบใด นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์ แม้ว่าถ้าเจ้าเยโฮยาชิน บุตรชายของเยโฮยาคิมกษัตริย์แห่งยูดาห์ ได้เป็นแหวนตราอยู่ที่มือขวาของเรา เราก็จะฉีกเจ้าเสีย
\s5
\p
\v 25 เพราะเราได้มอบเจ้าไว้ในมือของคนเหล่านั้นที่แสวงเอาชีวิตของเจ้า และในมือของคนเหล่านั้นซึ่งพวกเจ้ากลัว คือในพระหัตถ์ของเนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์แห่งบาบิโลน และในมือของคนเคลเดีย
\v 26 เราจะเหวี่ยงเจ้าและมารดาของเจ้าผู้คลอดเจ้าไปยังอีกดินแดนหนึ่ง ที่ซึ่งเจ้าไม่ได้เกิดที่นั่นแต่เจ้าจะตายที่นั่น
\v 27 เกี่่ยวกับแผ่นดินแห่งนี้ซึ่งพวกเขาอยากจะกลับนั้น พวกเขาจะไม่ได้กลับมาที่นี่
\s5
\p
\v 28 นี่เป็นภาชนะที่ถูกดูหมิ่นและแตกหรือ? ผู้ชายคนนี้คือเยโฮยาคีน ที่เป็นหม้อที่ไม่มีใครชอบหรือ? ทำไมพวกเขาจึงเหวี่ยงเขาและเหล่าพงศ์พันธุ์ของเขาออกมา และได้เทพวกเขาออกไปในแผ่นดินซึ่งเขาทั้งหลายไม่รู้จัก?
\v 29 โอ้แผ่นดิน แผ่นดิน แผ่นดินเอ๋ย จงฟังพระวจนะของพระยาห์เวห์
\v 30 พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า 'จงเขียนเกี่ยวกับผู้ชายคนนี้ เยโฮยาชิน ว่าเขาจะไม่มีบุตร เขาจะไม่รุ่งเรืองในชั่วชีวิตของเขา หรือ ไม่มีใครในบรรดาเชื้อสายของเขาที่จะประสบความสำเร็จ หรือได้นั่งบนบัลลังก์ของดาวิด และปกครองเหนือในยูดาห์'''
\s5
\c 23
\p
\v 1 "วิบัติแก่บรรดาผู้เลี้ยงแกะ ผู้ทำลายและทำให้แกะแห่งลานหญ้าของเรากระจัดกระจายไป นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์"
\v 2 เพราะฉะนั้น พระยาห์เวห์ พระเจ้าแห่งอิสราเอล ตรัสเกี่ยวกับบรรดาผู้เลี้ยงแกะผู้ดูแลประชาชนของพระองค์ว่า "เจ้าทั้งหลายได้ทำให้ฝูงแกะของเรากระจัดกระจายไปและได้ขับไล่พวกมันไปเสีย เจ้าไม่ได้เอาใจใส่มัน ดังนั้น เราจะลงโทษเจ้า เพราะการชั่วที่เจ้าได้กระทำ นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์
\v 3 เราเองจะรวบรวมฝูงแกะของเราที่เหลืออยู่ออกจากดินแดนทั้งปวงที่เราได้ขับไล่พวกเขาไป และเราจะนำพวกเขากลับมายังทุ่งเล็มหญ้า ที่พวกเขาจะมีลูกดกและทวีมากขึ้น
\s5
\p
\v 4 แล้วเราจะตั้งผู้เลี้ยงแกะทั้งหลายไว้เหนือพวกเขา ผู้ที่จะเลี้ยงดูเขา ดังนั้นเขาทั้งหลายจะไม่ต้องกลัวหรือสิ้นหวังอีกต่อไป จะไม่มีผู้ใดในพวกเขาจะหลงหายเลย นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์
\v 5 นี่แน่ะ วันทั้งหลายกำลังมา นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์ เมื่อเราจะให้กิ่งชอบธรรมงอกออกมาสำหรับดาวิด เขาจะครอบครองเช่นกษัตริย์และ เขาจะปฏิบัติอย่างสุขุมรอบคอบ และนำความยุติธรรมและความชอบธรรมมาสู่แผ่นดิน
\v 6 ในสมัยของเขา ยูดาห์จะได้รับการช่วยกู้ และอิสราเอลจะอาศัยอยู่อย่างปลอดภัย แล้วนี่จะเป็นนามซึ่งเราจะเรียกเขา คือ พระยาห์เวห์ทรงเป็นความชอบธรรมของเรา
\s5
\p
\v 7 เพราะฉะนั้น ดูเถิด วันทั้งหลายกำลังมา นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์ เมื่อพวกเขาจะไม่กล่าวอีกต่อไปว่า 'พระยาห์เวห์ทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใดผู้ได้ทรงนำประชาชนอิสราเอลออกมาจากแผ่นดินอียิปต์'
\v 8 แต่พวกเขาจะพูดว่า 'พระยาห์เวห์ทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใดผู้ทรงได้นำและพาพงศ์พันธุ์อิสราเอลออกจากแดนเหนือและออกจากแผ่นดินทั้งมวลที่พระองค์ทรงขับไล่ให้ไปอยู่นั้น' แล้วเขาทั้งหลายก็จะได้อาศัยอยู่ในแผ่นดินของตนเอง"
\v 9 เกี่ยวกับเรื่องบรรดาผู้เผยพระวจนะนั้น ใจของข้าเป็นทุกข์อยู่ภายในข้า และกระดูกทั้งสิ้นของข้าก็สั่น ข้าเป็นเหมือนคนเมา เป็นเหมือนคนที่เหล้าองุ่นได้ครอบงำอยู่ เพราะพระยาห์เวห์ และเหล่าพระวจนะบริสุทธิ์ของพระองค์
\s5
\p
\v 10 เพราะแผ่นดินนั้นเต็มด้วยคนล่วงประเวณี เพราะว่าแผ่นดินนี้แห้งแล้ง ทุ่งหญ้าทั้งหลายในถิ่นทุรกันดารก็แห้งไป วิถีของพวกผู้เผยพระวจนะก็ชั่วช้า พวกเขาไม่ได้ใช้อำนาจในทางที่ถูกต้อง
\v 11 "เพราะทั้งพวกผู้เผยพระวจนะและพวกปุโรหิตก็อธรรม เราได้เห็นความชั่วของพวกเขาแม้แต่ในนิเวศของเรา นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์
\v 12 เพราะฉะนั้น หนทางของเขาทั้งหลาย จะเป็นเหมือนทางลื่นในความมืด เขาทั้งหลายจะถูกขับไล่ลงไป พวกเขาจะล้มลงในนั้น เพราะเราจะส่งภัยพิบัติมายังเขาในปีแห่งการลงโทษของพวกเขา นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์
\s5
\p
\v 13 เพราะเราได้เห็นบรรดาผู้เผยพระวจนะในสะมาเรีย กระทำสิ่งที่น่ารังเกียจ พวกเขาได้เผยพระวจนะในนามของพระบาอัล และได้นำอิสราเอลประชาชนของเราหลงไป
\v 14 ในท่ามกลางบรรดาผู้เผยพระวจนะในเยรูซาเล็ม เราได้เห็นสิ่งน่าหวาดหวั่นทั้งหลาย พวกเขาล่วงประเวณีและดำเนินอยู่ในความมุสา พวกเขาหนุนกำลังมือทั้งหลายของผู้ทำความชั่ว ไม่มีใครหันจากการทำชั่วของเขา พวกเขาทุกคนได้กลายเป็นเหมือนโสโดมแก่เรา และชาวเมืองนั้นก็เหมือนโกโมราห์"
\v 15 เพราะฉะนั้น พระยาห์เวห์จอมเจ้านายจึงตรัสดังนี้เกี่ยวกับผู้เผยพระวจนะเหล่านั้นว่า "นี่แน่ะ เราจะทำให้พวกเขากินบอระเพ็ด และดื่มน้ำมีพิษ เพราะว่าความอธรรมได้ออกไปจากบรรดาผู้เผยพระวจนะของเยรูซาเล็มไปทั่วแผ่นดินทั้งสิ้น"
\s5
\p
\v 16 พระยาห์เวห์จอมเจ้านายตรัสดังนี้ว่า "อย่าฟังบรรดาถ้อยคำของเหล่าผู้เผยพระวจนะ ผู้เผยให้เจ้าฟัง พวกเขาได้ทำให้พวกเจ้าเต็มด้วยความหวังลมๆ แล้งๆ พวกเขากำลังกล่าวถึงนิมิตทั้งหลายในใจของพวกเขาเอง ไม่ใช่จากพระโอษฐ์ของพระยาห์เวห์
\v 17 พวกเขาพูดกับคนที่ดูหมิ่นเราโดยทันทีว่า 'พระยาห์เวห์ทรงประกาศว่าจะมีสันติสุขสำหรับเจ้า' เพราะทุกคนที่ดำเนินชีวิตดื้อรั้นตามใจของตนเองกล่าวว่า 'ภัยพิบัติจะไม่มาถึงเจ้า'
\v 18 เพราะว่าใครเล่าที่ได้ยืนอยู่ในที่ประชุมของพระยาห์เวห์? ใครเล่าจะเห็นและได้ยินพระวจนะของพระองค์? ใครเล่าที่ใส่ใจในพระวจนะของพระองค์และเชื่อฟัง?
\s5
\p
\v 19 นี่แน่ะ จะมีพายุกำลังมาจากพระยาห์เวห์ พระพิโรธของพระองค์กำลังจะออกไปแล้ว และพายุกำลังหมุนอยู่ มันจะวนเหนือศีรษะทั้งหลายของคนอธรรม
\v 20 พระพิโรธของพระยาห์เวห์จะไม่หันกลับ จนกว่ามันจะสำเร็จและได้นำไปตามพระเจตนาในพระทัยของพระองค์ ในวันสุดท้าย พวกเจ้าจะเข้าใจเรื่องนี้
\v 21 เราไม่ได้ส่งผู้เผยพระวจนะเหล่านี้ไป พวกเขาได้ออกมาเอง เราไม่ได้ประกาศสิ่งใดกับพวกเขา แต่พวกเขายังเผยพระวจนะอยู่
\s5
\p
\v 22 เพราะถ้าเขาทั้งหลายได้ยืนอยู่ในที่ประชุมของเรา พวกเขาก็คงจะได้ป่าวร้องให้ประชาชนของเราได้ฟังถ้อยคำของเรา พวกเขาคงจะได้ให้พวกเขาหันกลับจากบรรดาถ้อยคำที่ชั่วของพวกเขา และหันกลับจากการกระทำชั่วช้าของพวกเขาแล้ว
\v 23 เราเป็นเพียงพระเจ้าที่อยู่ใกล้หรือ นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์ และไม่ใช่พระเจ้าที่อยู่ไกลด้วยหรือ?
\v 24 ใครจะซ่อนตัวอยู่ในที่ลี้ลับเพื่อเราจะไม่เห็นเขาได้หรือ? นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์ และเราไม่ได้อยู่เต็มท้องฟ้าและโลกหรือ? นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์
\s5
\p
\v 25 เราได้ยินสิ่งที่พวกผู้เผยพระวจนะได้กล่าวแล้ว คนเหล่านั้นผู้ซึ่งได้เผยพระวจนะเท็จในนามของเรา พวกเขาได้กล่าวว่า 'ข้าพเจ้าได้มีความฝัน ข้าพเจ้าได้มีความฝัน'
\v 26 จะเป็นเช่นนี้ไปอีกนานสักเท่าใด พวกผู้เผยพระวจนะที่เผยพระวจนะเท็จจากจิตใจทั้งหลายของพวกเขา และเผยพระวจนะจากใจที่หลอกลวงทั้งหลายของพวกเขา?
\v 27 พวกเขากำลังวางแผนที่จะทำให้ประชาชนของเราลืมชื่อของเราด้วยความฝันทั้งหลายของพวกเขาซึ่งพวกเขาเล่าให้ฟัง แต่ละคนกับเพื่อนบ้านของเขา อย่างกับเหล่าบรรพบุรุษของพวกเขาที่ลืมชื่อของเรา ไปชื่นชอบชื่อของพระบาอัล
\s5
\p
\v 28 ผู้เผยพระวจนะที่ได้ฝัน ให้เขาเล่าความฝัน แต่ให้คนที่มีถ้อยคำของเราได้ประกาศบางสิ่ง ให้เขาประกาศถ้อยคำของเราอย่างสัตย์ซื่อ เพราะฟางข้าวจะเปรียบอะไรกับข้าวได้? นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์
\v 29 ถ้อยคำของเราไม่เหมือนไฟหรือ? นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์ และเหมือนค้อนที่ทุบหินให้แตกเป็นเสี่ยงๆ ไม่ใช่หรือ?
\v 30 ดังนั้น ดูเถิด เราต่อสู้กับบรรดาผู้เผยพระวจนะ ผู้ที่ขโมยถ้อยคำมาจากคนอื่นและกล่าวว่าถ้อยคำเหล่านั้นมาจากเรา นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์
\s5
\p
\v 31 ดูเถิด เราต่อสู้กับพวกผู้เผยพระวจนะ ผู้ใช้ลิ้นของพวกเขาประกาศคำเผยพระวจนะทั้งหลาย นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์
\v 32 ดูเถิด เราต่อสู้ผู้เผยพระวจนะเหล่านั้นที่เผยความฝันเท็จ นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์ และแล้วประกาศสิ่งเหล่านั้นและในวิธีนี้ได้นำประชาชนของเราให้หลงไป ด้วยการมุสาและการโอ้อวดของพวกเขา เราต่อสู้พวกเขา เพราะเราไม่ได้ส่งพวกเขาออกไปหรือไม่ได้สั่งพวกเขา ดังนั้น พวกเขาจะไม่ช่วยชนชาตินี้แต่อย่างใดเลย นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์
\v 33 เมื่อประชาชนเหล่านี้ หรือผู้เผยพระวจนะคนใด หรือปุโรหิตคนใด ถามเจ้าว่า 'อะไรเป็นภาระของพระยาห์เวห์? เจ้าจงกล่าวกับพวกเขาว่า 'พวกเจ้านั่นแหละเป็นภาระ และเราจะโยนเจ้าไปเสีย' นี่เป็นคำประกาศของพระยาห์เวห์
\s5
\p
\v 34 ส่วนพวกผู้เผยพระวจนะ พวกปุโรหิต และประชาชนผู้ซึ่งพูดว่า 'นี่คือภาระของพระยาห์เวห์' เราจะลงโทษผู้นั้นและครอบครัวของเขา
\v 35 พวกเจ้าจงพูดเสมอ แต่ละคนพูดกับเพื่อนบ้านของเขา และแต่ละคนพูดกับพี่น้องของเขา พระยาห์เวห์ทรงตอบว่าอะไร?' และ 'พระยาห์เวห์ได้ทรงประกาศว่าอะไร?'
\v 36 แต่เจ้าจะต้องไม่พูดอีกต่อไปว่า 'ภาระของพระยาห์เวห์' เพราะว่าภาระนั้นเป็นคำของทุกคน และเจ้าได้ผันแปรเหล่าพระวจนะของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่คือพระยาห์เวห์จอมเจ้านายพระเจ้าของพวกเรา
\s5
\p
\v 37 นี่คือสิ่งที่เจ้าจะกล่าวกับผู้เผยพระวจนะว่า 'พระยาห์เวห์ได้ทรงตอบท่านว่าอะไร?' หรือ 'พระยาห์เวห์ได้ตรัสว่าอะไร?'
\v 38 แต่ถ้าพวกเจ้าพูดว่า 'ภาระของพระยาห์เวห์' นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ตรัส คือ 'เพราะพวกเจ้าได้กล่าวคำเหล่านี้ว่า 'ภาระของพระยาห์เวห์' เมื่อเราใช้ไปหาเจ้าว่า 'เจ้าจะไม่พูดว่า "ภาระของพระยาห์เวห์'''
\v 39 เพราะฉะนั้น นี่แน่ะ เราจะยกเจ้าทั้งหลายขึ้นและโยนเจ้าไปเสียจากหน้าเรา พร้อมกับเมืองซึ่งเราได้ให้แก่เจ้าและแก่บรรพบุรุษของเจ้า
\v 40 แล้วเราจะนำความอับอายและการดูหมิ่นเป็นนิตย์มาเหนือเจ้าทั้งหลาย ซึ่งเราจะไม่ลืมเลย'''
\s5
\c 24
\p
\v 1 พระยาห์เวห์ได้ทรงสำแดงบางสิ่งแก่ข้าพเจ้า นี่แน่ะ มีกระจาดสองใบใส่มะเดื่อวางไว้หน้าพระวิหารของพระยาห์เวห์ (นิมิตนี้ได้สำแดงแก่ข้าพเจ้า หลังจากเนบูคัดเนสซาร์ กษัตริย์แห่งบาบิโลนได้จับเยโฮยาคีนโอรสของเยโฮยาคิมกษัตริย์ของยูดาห์ พร้อมกับบรรดาข้าราชการของยูดาห์ ทั้งพวกช่างฝีมือและพวกช่างเหล็ก จากเยรูซาเล็มและนำพวกเขามายังบาบิโลน)
\v 2 กระจาดใบหนึ่งมีพวกมะเดื่ออย่างดีเหมือนมะเดื่อที่สุกต้นฤดู แต่กระจาดอีกใบหนึ่งนั้นมีพวกมะเดื่ออย่างเลวมาก เลวจนรับประทานไม่ได้
\v 3 พระยาห์เวห์ได้ตรัสกับข้าพเจ้าว่า "เยเรมีย์เอ๋ย เจ้าเห็นอะไร?" ข้าพเจ้าได้ทูลตอบว่า "พวกผลมะเดื่อพระเจ้าข้า พวกผลมะเดื่อที่ดีก็ดีมากและผลมะเดื่อที่เลวก็เลวมาก เลวจนรับประทานไม่ได้"
\s5
\p
\v 4 แล้วพระวจนะของพระยาห์เวห์ได้มาถึงข้าพเจ้า กล่าวว่า
\v 5 "พระยาห์เวห์ พระเจ้าแห่งอิสราเอล ตรัสดังนี้ว่า เราจะถือว่าการถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลยของยูดาห์เป็นผลประโยชน์ของพวกเขาอยู่ เหมือนกับผลมะเดื่อที่ยังดีเหล่านี้ คือผู้ที่เราได้ส่งไปจากสถานที่นี้ไปสู่แผ่นดินของคนเคลเดีย
\v 6 เราจะตั้งตาของเราดูพวกเขาเพื่อความดีและเราจะนำพวกเขากลับมายังแผ่นดินนี้อีก เราจะสร้างพวกเขาขึ้นและจะไม่รื้อพวกเขาลง เราจะปลูกพวกเขาและไม่ถอนพวกเขาเสีย
\s5
\p
\v 7 แล้วเราจะให้จิตใจแก่พวกเขาที่จะรู้จักว่าเราคือพระยาห์เวห์ เขาทั้งหลายจะเป็นประชาชนของเรา และเราจะเป็นพระเจ้าของพวกเขา เพราะพวกเขาจะกลับมาหาเราด้วยใจทั้งหมดของพวกเขา
\v 8 แต่เหมือนอย่างมะเดื่อที่เลวมากจนรับประทานไม่ได้นั้น นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ตรัส เราจะทำอย่างนี้ต่อเศเดคียาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์ ทั้งพวกข้าราชการของเขา และพวกที่เหลือในเยรูซาเล็มที่ยังค้างอยู่ในแผ่นดินนี้ หรือที่ไปอาศัยอยู่ในแผ่นดินอียิปต์
\v 9 เราจะทำให้เขาเป็นสิ่งที่น่าหวาดกลัว เป็นภัยพิบัติ ในสายตาของอาณาจักรทั้งสิ้นในโลก เป็นที่ถูกตำหนิ เป็นเรื่องสำหรับสุภาษิต เป็นคำเยาะเย้ย และเป็นพวกคำแช่งในทุกแห่งซึ่งเราขับไล่เขาให้ไปอยู่นั้น
\v 10 เราจะส่งดาบออกไป การกันดารอาหาร และโรคระบาดมายังพวกเขา จนเขาถูกทำลายจากแผ่นดินซึ่งเราได้ให้แก่พวกเขาและแก่บรรพบุรุษของพวกเขา"
\s5
\c 25
\p
\v 1 นี่คือถ้อยคำที่ได้มาถึงเยเรมีย์เกี่ยวด้วยเรื่องชนชาติยูดาห์ทั้งสิ้น เมื่อถึงปีที่สี่แห่งรัชกาลเยโฮยาคิม โอรสของโยสิยาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์ ปีนั้นเป็นปีต้นรัชกาลของเนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์แห่งบาบิโลน
\v 2 เยเรมีย์ผู้เผยพระวจนะได้กล่าวสิ่งนี้แก่ประชาชนยูดาห์ และแก่ผู้ที่อาศัยอยู่ในเยรูซาเล็มทั้งสิ้น
\v 3 เขาได้กล่าวว่า "เป็นเวลายี่สิบสามปี ตั้งแต่ปีที่สิบสามของโยสิยาห์ โอรสของอาโมนกษัตริย์ของยูดาห์ จนถึงวันนี้ พระวจนะของพระยาห์เวห์มายังข้าพเจ้า และข้าพเจ้าก็ได้บอกแก่ท่านทั้งหลายครั้งแล้วครั้งเล่า แต่พวกท่านก็ไม่ได้ฟัง
\s5
\p
\v 4 พระยาห์เวห์ได้ทรงส่งบรรดาผู้เผยพระวจนะผู้รับใช้ของพระองค์มาครั้งแล้วครั้งเล่า แต่พวกท่านก็ไม่ได้ฟังหรือให้ความสนใจเลย
\v 5 พวกผู้เผยพระวจนะเหล่านี้ได้กล่าวว่า 'จงให้แต่ละคนหันกลับจากทางชั่วของเขาและจากการกระทำผิดของเขา และกลับไปยังแผ่นดินซึ่งพระยาห์เวห์ได้ประทานแก่เหล่าบรรพบุรุษของเจ้าและแก่พวกเจ้าตั้งแต่โบราณเป็นของขวัญเป็นนิตย์
\v 6 ดังนั้นอย่าไปติดตามพระอื่นๆ เพื่อจะปรนนิบัติและนมัสการพวกพระเหล่านั้น และอย่ายั่วยุพระองค์ด้วยผลงานแห่งมือทั้งหลายของพวกเจ้า แล้วพระองค์จะไม่ทำอันตรายแก่พวกเจ้า'
\s5
\p
\v 7 แต่พวกเจ้าก็ไม่ฟังเรา นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์ ดังนั้นพวกเจ้าจึงได้ยั่วยุเราด้วยผลงานจากมือทั้งหลายของพวกเจ้า ซึ่งเป็นอันตรายแก่พวกเจ้าเอง
\v 8 ดังนั้น พระยาห์เวห์จอมเจ้านาย จึงตรัสดังนี้ว่า 'เพราะเจ้าไม่เชื่อฟังถ้อยคำของเรา
\v 9 นี่แน่ะ เราจะออกคำสั่งให้รวบรวมประชาชนทั้งหลายของทิศเหนือ นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์ พร้อมด้วยเนบูคัดเนสซาร์ กษัตริย์แห่งบาบิโลนผู้รับใช้ของเรา และเราจะนำพวกเขามาต่อสู้แผ่นดินนี้และผู้ที่อาศัยในเมืองนี้ และต่อสู้กับบรรดาประชาชาติทั้งสิ้นซึ่งอยู่ล้อมรอบพวกเจ้า เพราะเราจะทำลายเขาทั้งหลายให้สิ้น เราจะทำให้เขาเป็นที่หวาดหวั่นและเป็นที่เยาะเย้ยและเป็นที่ทิ้งร้างเป็นนิตย์
\s5
\p
\v 10 เราจะกำจัดเสียงแห่งความชื่นชมและเสียงแห่งความยินดี เสียงของเจ้าบ่าวและเสียงของเจ้าสาว เสียงหินโม่ทั้งหลายและแสงของตะเกียง
\v 11 แล้วแผ่นดินนี้ทั้งสิ้นจะกลายเป็นที่ทิ้งร้างและเป็นที่น่าสยดสยอง และบรรดาประชาชาติเหล่านี้จะปรนนิบัติกษัตริย์แห่งบาบิโลนเป็นเวลาเจ็ดสิบปี
\v 12 แล้วสิ่งนี้จะเกิดขึ้นเมื่อครบเวลาเจ็ดสิบปีแล้ว เราจะลงโทษกษัตริย์แห่งบาบิโลนและชนชาตินั้น คือแผ่นดินของคนเคลเดีย นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์ เพราะความผิดบาปของเขาทั้งหลาย และเราจะทำให้แผ่นดินนั้นถูกทิ้งร้างอยู่เป็นนิตย์
\s5
\p
\v 13 แล้วเราจะสู้ต่อแผ่นดินนั้นที่ถ้อยคำทั้งสิ้นที่เราได้กล่าว และทุกสิ่งที่ได้เขียนไว้ในหนังสือนี้ ซึ่งเยเรมีย์ได้เผยพระวจนะแก่ประชาชาติทั้งสิ้น
\v 14 เพราะว่าหลายประชาชาติและบรรดามหากษัตริย์จะทำให้ประเทศเหล่านี้เป็นทาสด้วย เราจะตอบแทนเขาทั้งหลายตามการกระทำและผลงานทั้งหลายจากมือของพวกเขา'''
\v 15 เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลได้ตรัสกับข้าพเจ้าดังนี้ว่า "จงเอาถ้วยเหล้าองุ่นแห่งความโกรธนี้ไปจากมือเรา และบังคับบรรดาประชาชาติซึ่งเรากำลังส่งเจ้าไปให้ดื่มจากถ้วยนั้น
\s5
\p
\v 16 เพราะพวกเขาจะดื่มและเดินโซเซและบ้าคลั่งต่อหน้าดาบซึ่งเรากำลังส่งไปท่ามกลางเขาทั้งหลาย"
\v 17 ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงรับถ้วยมาจากพระหัตถ์ของพระยาห์เวห์ และบังคับประชาชาติทั้งสิ้นซึ่งพระยาห์เวห์ทรงใช้ให้ข้าพเจ้าไปหานั้นดื่ม
\v 18 เยรูซาเล็มและเมืองต่างๆ ของยูดาห์ ทั้งบรรดากษัตริย์และพวกข้าราชการ และทำให้พวกเขาถูกทิ้งร้างและเป็นบางสิ่งที่น่าสยดสยอง และเป็นสิ่งที่เยาะเย้ยและแช่งสาปอย่างที่พวกเขาเป็นทุกวันนี้
\s5
\p
\v 19 ชนชาติอื่นๆ ก็ต้องดื่มมันด้วย ฟาโรห์กษัตริย์อียิปต์และพวกผู้รับใช้และบรรดาข้าราชการของพระองค์ และประชาชนของพระองค์ทั้งสิ้น
\v 20 ประชาชนทุกคนที่มีวัฒนธรรมที่ผสมผสานกัน บรรดากษัตริย์แห่งแผ่นดินอูส และบรรดากษัตริย์แห่งแผ่นดินฟีลิสเตีย คือเมืองอัชเคโลน กาซา เอโครน และคนที่เหลืออยู่ของอัชโดด
\v 21 เอโดม โมอับและประชาชนของอัมโมน
\s5
\p
\v 22 บรรดากษัตริย์แห่งเมืองไทระและไซดอน บรรดากษัตริย์แห่งเมืองชายฝั่งทั้งหลายของทะเลฟากโน้น
\v 23 เมืองเดดาน เทมา และบุส พร้อมด้วยบรรดาคนที่โกนผมจอนหู พวกเขาต้องดื่มด้วย
\v 24 บรรดากษัตริย์แห่งอาระเบียและบรรดากษัตริย์แห่งประชาชนที่ปะปนกันที่อาศัยอยู่ในถิ่นทุรกันดาร
\s5
\p
\v 25 บรรดากษัตริย์แห่งศิมรี และบรรดากษัตริย์แห่งเอลาม และบรรดากษัตริย์แห่งมีเดีย
\v 26 บรรดากษัตริย์แห่งเมืองทิศเหนือ พวกที่อยู่ใกล้และพวกที่อยู่ไกลออกไป ทุกๆ คนพร้อมด้วยพี่น้องและบรรดาราชอาณาจักรแห่งโลกซึ่งอยู่บนพื้นพิภพ ท้ายที่สุดกษัตริย์แห่งบาบิโลน จะดื่มจากถ้วยนั้นด้วย
\v 27 พระยาห์เวห์ได้ตรัสกับข้าพเจ้าว่า "บัดนี้ เจ้าจงพูดกับเขาทั้งหลายว่า พระยาห์เวห์จอมเจ้านาย พระเจ้าแห่งอิสราเอล ตรัสดังนี้ว่า จงดื่ม และให้เมาแล้วก็อาเจียน จงล้มลงและอย่าลุกขึ้นต่อหน้าดาบซึ่งเราจะส่งมาท่ามกลางเจ้าทั้งหลาย'
\s5
\p
\v 28 แล้วสิ่งนี้จะได้เกิดขึ้นถ้าพวกเขาปฏิเสธไม่รับถ้วยจากมือของเจ้าดื่ม เจ้าจงพูดกับเขาทั้งหลายว่า 'พระยาห์เวห์จอมเจ้านายตรัสดังนี้ว่า เจ้าต้องดื่มอย่างแน่นอน
\v 29 เพราะนี่แน่ะ เรากำลังนำความพินาศมาบนเมืองซึ่งเรียกตามชื่อของเราแล้ว และเจ้าจะหลบหนีไปจากการลงโทษได้หรือ? เจ้าจะหนีรอดไปไม่ได้ เพราะเรากำลังเรียกดาบเล่มหนึ่งมาเหนือบรรดาผู้อาศัยอยู่ในแผ่นดินทั้งสิ้น นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์จอมเจ้านาย'
\v 30 เจ้าจงเผยพระวจนะเหล่านี้ทั้งสิ้นสู้เขาทั้งหลาย และกล่าวแก่พวกเขาว่า 'พระยาห์เวห์จะเปล่งพระสุรเสียงจากที่สูงทั้งหลาย และพระองค์จะเปล่งพระสุรเสียงของพระองค์จากที่พำนักบริสุทธิ์ของพระองค์ และพระองค์จะเปล่งพระสุรเสียงดังสนั่นต่อคอกแกะของพระองค์ เหมือนดังคนเหล่านั้นที่ย่ำองุ่นโห่ร้องต่อสู้คนเหล่านั้นที่อาศัยอยู่บนโลก
\s5
\p
\v 31 เสียงแห่งการต่อสู้จะก้องไปจนถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก เพราะพระยาห์เวห์ทรงมีบรรดาข้อกล่าวหากับประชาชาติทั้งหลาย และพระองค์ทรงเข้าพิพากษาเนื้อหนังทั้งสิ้น พระองค์จะทรงส่งพวกคนชั่วร้ายไปหาดาบ นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์'
\v 32 พระยาห์เวห์จอมเจ้านายตรัสดังนี้ว่า 'นี่แน่ะ ภัยพิบัติกำลังจะออกไปจากประชาชาตินี้ถึงประชาชาตินั้น และพายุใหญ่กำลังจะก่อตัวขึ้นมาจากส่วนที่ไกลที่สุดของโลก
\v 33 แล้วคนเหล่านั้นที่พระยาห์เวห์ได้ทรงประหารในวันนั้นจะมีจากปลายโลกข้างหนึ่งถึงปลายโลกอีกข้างหนึ่ง เขาเหล่านั้นจะไม่มีใครร้องไห้คร่ำครวญให้พวกเขา หรือได้รวบรวมหรือได้ฝัง พวกเขาจะเป็นเหมือนมูลสัตว์อยู่บนพื้นดิน
\s5
\p
\v 34 ผู้เลี้ยงแกะทั้งหลายเอ๋ย จงคร่ำครวญและร้องตะโกนขอความช่วยเหลือเถิด พวกเจ้าของฝูงแกะทั้งหลายเอ๋ย จงกลิ้งเกลือกในขี้เถ้า เพราะพวกผู้สังหารพวกเจ้ากำลังมาแล้ว พวกเจ้าจะต้องกระจัดกระจาย เมื่อพวกเจ้าจะล้มลงเหมือนภาชนะล้ำค่า
\v 35 จะไม่มีที่ลี้ภัยสำหรับพวกผู้เลี้ยงแกะ จะไม่มีทางหนีสำหรับเหล่าผู้นำของฝูงแกะ
\v 36 จงฟังบรรดาเสียงร้องไห้ของพวกผู้เลี้ยงแกะ และเสียงคร่ำครวญของผู้นำทั้งหลายของฝูงแกะ เพราะว่าพระยาห์เวห์ทรงกำลังทำลายทุ่งหญ้าของเขาทั้งหลายเสีย
\s5
\p
\v 37 ดังนั้นทุ่งหญ้าอันสงบสุขก็จะถูกผลาญเสีย เนื่องด้วยความกริ้วอันแรงกล้าของพระยาห์เวห์
\v 38 เหมือนอย่างสิงห์หนุ่มที่ออกจากที่ซุ่มของมัน เพราะว่าแผ่นดินของเขาทั้งหลายเป็นที่น่าสยดสยองเพราะดาบของผู้ที่กดขี่ข่มเหง เพราะความพิโรธของพระองค์'''
\s5
\c 26
\p
\v 1 ในต้นรัชกาลของเยโฮยาคิม โอรสของโยสิยาห์กษัตริย์ของยูดาห์ ได้มีพระวจนะมาจากพระยาห์เวห์กล่าวว่า
\v 2 "พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า จงยืนอยู่ในลานพระนิเวศของเราและจงพูดเกี่ยวกับเมืองทั้งสิ้นแห่งยูดาห์ ผู้ซึ่งมานมัสการในพระนิเวศของเรา จงประกาศทุกถ้อยคำที่เราได้สั่งเจ้าให้พูดกับพวกเขา อย่าเว้นสักคำเดียว
\v 3 บางทีพวกเขาจะฟัง ที่แต่ละคนจะหันกลับจากทางชั่วร้ายของเขา ดังนั้นเราจะยับยั้งเกี่ยวกับภัยพิบัติซึ่งเรากำลังวางแผนจะนำมาเหนือพวกเขา เพราะการชั่วร้ายที่พวกเขาได้กระทำ
\s5
\p
\v 4 ดังนั้นเจ้าจงพูดกับพวกเขาว่า 'พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า ถ้าพวกเจ้าไม่ฟังเรา ที่จะดำเนินตามธรรมบัญญัติที่เราได้วางไว้ต่อหน้าพวกเจ้า
\v 5 ถ้าพวกเจ้าไม่ฟังบรรดาถ้อยคำของผู้รับใช้ทั้งหลายของเรา คือบรรดาผู้เผยพระวจนะ ซึ่งเราได้ส่งไปหาเจ้าอย่างไม่หยุดยั้ง แต่เจ้าไม่ได้ฟังนั้น
\v 6 แล้วเราจะทำให้พระนิเวศนี้เป็นเหมือนอย่างชิโลห์ เราจะทำให้เมืองนี้เป็นคำสาปในสายตาของบรรดาประชาชาติทั่วแผ่นดิน'''
\s5
\p
\v 7 บรรดาปุโรหิต เหล่าผู้เผยพระวจนะ และประชาชนทั้งสิ้นได้ยินเยเรมีย์ประกาศถ้อยคำเหล่านี้ในพระนิเวศของพระยาห์เวห์
\v 8 ดังนั้นสิ่งนี้ได้เกิดขึ้นเมื่อเยเรมีย์ได้จบคำประกาศทั้งสิ้น ซึ่งพระยาห์เวห์ได้ทรงบัญชาท่านให้พูดแก่ประชาชนทั้งสิ้นนั้น บรรดาปุโรหิต พวกผู้เผยพระวจนะและประชาชนทั้งสิ้นได้จับเยเรมีย์และได้กล่าวว่า "เจ้าจะต้องตายอย่างแน่นอน
\v 9 ทำไมเจ้าจึงได้เผยพระวจนะในพระนามของพระยาห์เวห์และก็ได้กล่าวว่า พระนิเวศนี้จะกลายเป็นเหมือนชิโลห์และเมืองนี้จะร้างเปล่า ไม่มีผู้อยู่อาศัย?" เพราะประชาชนทั้งสิ้นได้จัดตั้งกลุ่มประท้วงต่อเยเรมีย์ที่พระนิเวศของพระยาห์เวห์
\s5
\p
\v 10 แล้วบรรดาข้าราชการของยูดาห์ได้ยินถ้อยคำเหล่านี้และได้กลับขึ้นมาจากพระราชวังไปถึงพระนิเวศของพระยาห์เวห์ พวกเขาได้มานั่งในทางเข้าประตูใหม่แห่งพระนิเวศของพระยาห์เวห์
\v 11 บรรดาปุโรหิตและเหล่าผู้เผยพระวจนะจึงได้บอกพวกข้าราชการและประชาชนทั้งปวง พวกเขาได้กล่าวว่า "เป็นการถูกต้องแล้วที่ผู้ชายคนนี้ต้องตาย เพราะเขาได้เผยพระวจนะกล่าวโทษเมืองนี้ ดังที่ท่านทั้งหลายได้ยินกับหูของพวกท่านเองแล้ว"
\v 12 ดังนั้นเยเรมีย์จึงได้บอกกับพวกข้าราชการและประชาชนทั้งปวง และได้พูดว่า "พระยาห์เวห์ได้ทรงใช้ให้ข้าพเจ้ามาเผยพระวจนะต่อพระนิเวศและเมืองนี้ ให้กล่าวถ้อยคำทั้งสิ้นซึ่งท่านทั้งหลายได้ยินแล้ว
\s5
\p
\v 13 เพราะฉะนั้น บัดนี้จงแก้ไขทางทั้งหลายและการกระทำทั้งหลายของพวกท่าน และเชื่อฟังพระสุรเสียงของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน เพื่อที่พระยาห์เวห์จะทรงยับยั้งเกี่ยวกับภัยพิบัติซึ่งพระองค์ได้ทรงประกาศต่อพวกท่าน
\v 14 ส่วนตัวข้าพเจ้าเอง จงมองดูข้าพเจ้า ข้าพเจ้าอยู่ในมือของพวกท่าน ท่านจงทำต่อข้าพเจ้าตามที่ท่านชอบในสายตาของพวกท่านเถิด
\v 15 ขอแต่เพียงให้ทราบแน่ว่า ถ้าท่านจะประหารข้าพเจ้า แล้วท่านกำลังจะนำโลหิตไร้ความผิดมาตกบนตัวพวกท่านเองและแก่เมืองนี้และพวกผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองนี้ เพราะความจริงพระยาห์เวห์ได้ทรงใช้ให้ข้าพเจ้ามาประกาศถ้อยคำเหล่านี้ทั้งสิ้นให้เข้าหูของพวกท่าน"
\s5
\p
\v 16 แล้วพวกข้าราชการและประชาชนทั้งสิ้นได้พูดกับบรรดาปุโรหิต และพวกผู้เผยพระวจนะว่า "เป็นการไม่ถูกต้องสำหรับผู้ชายคนนี้ที่จะตาย เพราะเขาได้ประกาศเรื่องทั้งหลายกับเราในพระนามของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเรา"
\v 17 แล้วพวกผู้ชายจากพวกผู้อาวุโสแห่งแผ่นดินก็ได้ลุกขึ้นและได้พูดกับประชาชนทั้งสิ้นที่ชุมนุมกัน
\v 18 พวกเขาได้พูดว่า "มีคาห์ชาวเมืองโมเรเชทได้กำลังเผยพระวจนะในสมัยเฮเซคียาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์ และได้กล่าวแก่ประชาชนทั้งสิ้นของยูดาห์ และได้กล่าวว่า 'พระยาห์เวห์จอมเจ้านายตรัสดังนี้ว่า เมืองศิโยนจะถูกไถเหมือนไถนา เยรูซาเล็มจะกลายเป็นกองสิ่งปรักหักพัง และภูเขาที่ตั้งของนิเวศนั้นจะกลายเนินเขาที่รกไปด้วยเหล่าพุ่มไม้'
\s5
\p
\v 19 เฮเซคียาห์กษัตริย์ยูดาห์ และคนยูดาห์ทั้งสิ้นได้ฆ่าเขาเสียแล้วหรือ? เขาไม่ได้ยำเกรงพระยาห์เวห์และไม่ได้ทูลวิงวอนขอพระยาห์เวห์ และพระยาห์เวห์ได้ทรงกลับพระทัยเกี่ยวกับภัยพิบัติซึ่งพระองค์ทรงประกาศให้เขาเหล่านั้นหรือ? ดังนั้นเรากำลังจะนำเหตุร้ายยิ่งใหญ่มาสู่ชีวิตของพวกเราเองหรือ?"
\v 20 ในขณะเดียวกันยังมีผู้ชายอีกคนหนึ่งผู้ได้เผยพระวจนะในพระนามของพระยาห์เวห์ ชื่ออุรียาห์ บุตรชายของเชไมยาห์ จากคีริยาทเยอาริม เขาได้เผยพระวจนะกล่าวโทษต่อเมืองนี้ และแผ่นดินนี้เห็นด้วยกับบรรดาถ้อยคำของเยเรมีย์
\v 21 แต่เมื่อกษัตริย์เยโฮยาคิม และเหล่าทหารและบรรดาข้าราชการได้ยินถ้อยคำของเขา แล้วกษัตริย์ก็ทรงพยายามที่่จะสังหารเขาเสีย แต่อุรียาห์ได้ทราบเรื่องและได้กลัว ดังนั้นเขาจึงได้หนีไปยังอียิปต์
\s5
\p
\v 22 แล้วกษัตริย์เยโฮยาคิมก็ทรงส่งพวกผู้ชายไปยังอียิปต์ คือเอลนาธันบุตรชายของอัคโบร์และคนอื่นอีกไปยังอียิปต์ภายหลังอุรียาห์
\v 23 พวกเขาได้จับอุรียาห์ออกมาจากอียิปต์ และได้นำเขามาถวายกษัตริย์เยโฮยาคิม แล้วพระองค์ได้ทรงประหารเขาด้วยดาบ และได้โยนศพของเขาเข้าไปในหลุมฝังศพของสามัญชน
\v 24 แต่มือของอาหิคัมบุตรชายของชาฟานได้ช่วยเหลือเยเรมีย์ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ถูกมอบไว้ในมือของประชาชนที่จะประหารชีวิตเขา
\s5
\c 27
\p
\v 1 ในต้นรัชกาลของเศเดคียาห์ โอรสของโยสิยาห์กษัตริย์ของยูดาห์ พระวจนะนี้ได้มาจากพระยาห์เวห์ถึงเยเรมีย์
\v 2 นี่คือที่พระยาห์เวห์ได้ตรัสกับข้าพเจ้า "จงทำสายรัดและแอกสำหรับตัวเจ้า จงสวมพวกมันที่คอของเจ้า
\v 3 แล้วส่งพวกมันไปยังกษัตริย์แห่งเอโดม กษัตริย์แห่งโมอับ และกษัตริย์ของประชาชนแห่งอัมโมน กษัตริย์แห่งไทระ และกษัตริย์แห่งไซดอน ส่งพวกมันไปด้วยมือของเหล่าทูตที่มาเข้าเฝ้าเศเดคียาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์ที่กรุงเยรูซาเล็ม
\s5
\p
\v 4 จงให้คำสั่งเหล่านี้แก่พวกเขาเพื่อบรรดานายของพวกเขาและกล่าวว่า 'พระยาห์เวห์จอมเจ้านาย พระเจ้าแห่งอิสราเอล ตรัสดังนี้ว่า นี่คือสิ่งที่พวกเจ้าจะต้องกล่าวให้บรรดานายของพวกเจ้าฟังว่า
\v 5 "เราเอง ผู้ได้สร้างโลกด้วยฤทธานุภาพใหญ่ยิ่งและด้วยแขนที่เหยียดออกของเรา เราได้สร้างมนุษย์และสัตว์ทั้งหลายซึ่งอยู่ในโลกด้วยเช่นกัน และเราให้แก่ใครก็ได้แล้วแต่เราเห็นชอบ
\v 6 ดังนั้นบัดนี้ เราเองกำลังจะให้แผ่นดินเหล่านี้ทั้งสิ้นไว้ในมือของเนบูคัดเนสซาร์ กษัตริย์แห่งบาบิโลนผู้รับใช้ของเรา เรากำลังให้สิ่งมีชีวิตทั้งหลายในทุ่งแก่เขาด้วยที่จะปรนนิบัติเขา
\s5
\p
\v 7 เพราะประชาชาติทั้งสิ้นจะปรนนิบัติเขา บุตรชายทั้งหลายและหลานชายทั้งหลายของเขา จนกว่าเวลากำหนดแห่งแผ่นดินของเขาเองจะมาถึง แล้วหลายประชาชาติและบรรดามหากษัตริย์จะทำให้เขาตกเป็นทาสของพวกเขา
\v 8 ดังนั้นถ้าประชาชาติใดและราชอาณาจักรใด ที่ไม่ปรนนิบัติเนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์แห่งบาบิโลน และไม่ยอมวางคอไว้ใต้แอกของกษัตริย์ของบาบิโลน เราจะลงโทษประชาชาตินั้นด้วยดาบ ด้วยการกันดารอาหาร และด้วยโรคระบาด นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์ จนกว่าเราจะได้ทำลายพวกเขาเสียด้วยมือของเขา
\v 9 เพราะฉะนั้น อย่าฟังบรรดาผู้เผยพระวจนะ พวกหมอดูของเจ้า พวกผู้ทำนายของเจ้า หรือคนช่างฝันของเจ้า หรือ หรือผู้วิเศษทั้งหลายของเจ้า ผู้ซึ่งกล่าวแก่เจ้าว่า 'อย่าปรนนิบัติกษัตริย์แห่งบาบิโลน'
\s5
\p
\v 10 เพราะพวกเขาเผยพระวจนะแก่เจ้าเป็นความเท็จ เพื่อส่งให้เจ้าไปไกลจากแผ่นดินทั้งหลายของเจ้า เพราะเราจะขับไล่เจ้าออกไป และเจ้าจะตาย
\v 11 แต่ประชาชาติใดซึ่งเอาคอของตนวางไว้ใต้แอกของกษัตริย์แห่งบาบิโลนและปรนนิบัติเขา เราจะละเขาไว้บนแผ่นดินของเขา นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์ และพวกเขาจะทำไร่ไถนาและสร้างบ้านทั้งหลายในแผ่นดินนั้น'''''
\v 12 ดังนั้น ข้าพเจ้าได้ทูลเศเดคียาห์กษัตริย์ของยูดาห์และได้ทูลข่าวสารนี้ต่อพระองค์ว่า "จงโน้มพระศอของพระองค์ลงใต้แอกของกษัตริย์แห่งบาบิโลน และปรนนิบัติพระองค์และประชาชนของพระองค์ และพระองค์จะมีชีวิตอยู่
\s5
\p
\v 13 ทำไมพระองค์จะตาย พระองค์และประชาชนของพระองค์ โดยดาบ ด้วยการกันดารอาหารและด้วยโรคระบาด ดังที่เราได้ประกาศเกี่ยวกับประชาชาติที่ปฏิเสธไม่ปรนนิบัติกษัตริย์แห่งบาบิโลน?
\v 14 อย่าฟังบรรดาถ้อยคำของผู้เผยพระวจนะผู้กล่าวแก่พระองค์และกล่าวว่า 'จงอย่าปรนนิบัติกษัตริย์แห่งบาบิโลน' เพราะเขาทั้งหลายกำลังเผยพระวจนะมุสาแก่พระองค์
\v 15 'เพราะเราไม่ได้ใช้เขาออกไป นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์ เพราะเขาเผยพระวจนะเท็จในนามของเรา ดังนั้นเราจะขับไล่เจ้าออกไปและเจ้าจะต้องตาย ทั้งตัวเจ้าและผู้เผยพระวจนะทั้งหลายซึ่งเผยพระวจนะให้แก่เจ้า'''
\s5
\p
\v 16 ข้าพเจ้าก็ได้พูดสิ่งนี้แก่ปุโรหิตและประชาชนทั้งสิ้นว่า "พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า อย่าเชื่อฟังถ้อยคำของผู้เผยพระวจนะของเจ้า ซึ่งเผยพระวจนะให้แก่เจ้า และพูดว่า 'ดูสิ เครื่องใช้ต่าง ๆ ของพระนิเวศแห่งพระยาห์เวห์กลับมาจากกรุงบาบิโลน บัดนี้' พวกเขากำลังเผยพระวจนะเท็จแก่เจ้า
\v 17 อย่าฟังพวกเขาเลย เจ้าจงปรนนิบัติกษัตริย์แห่งบาบิโลนและมีชีวิตอยู่ ทำไมจะให้เมืองนี้ถูกทิ้งร้าง?
\v 18 ถ้าเขาเหล่านั้นเป็นเหล่าผู้เผยพระวจนะ และถ้าพระวจนะของพระยาห์เวห์มาจากพวกเขาจริง ๆ ก็ขอให้เขาทูลวิงวอนต่อพระยาห์เวห์จอมเจ้านายไม่ให้เครื่องใช้ซึ่งเหลืออยู่ในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ และในพระราชวังของกษัตริย์แห่งยูดาห์ และในกรุงเยรูซาเล็ม ถูกนำไปยังบาบิโลน
\s5
\p
\v 19 พระยาห์เวห์จอมเจ้านายตรัสดังนี้เกี่ยวกับบรรดาเสา อ่างสาคร และขาตั้ง และเครื่องใช้อื่น ๆ ที่เหลืออยู่ในเมืองนี้
\v 20 บรรดาเครื่องใช้ที่เนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์แห่งบาบิโลนไม่ได้ทรงริบไป เมื่อพระองค์ทรงได้จับเยโคนิยาห์ราชบุตรของเยโฮยาคิมกษัตริย์ของยูดาห์และกรุงเยรูซาเล็มไปเป็นเชลยยังกรุงบาบิโลน พร้อมกับบรรดาข้าราชการผู้ใหญ่ของกรุงเยรูซาเล็ม
\v 21 พระยาห์เวห์จอมเจ้านายพระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้เกี่ยวกับเครื่องใช้ซึ่งยังเหลืออยู่ในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ ในพระราชวังของกษัตริย์แห่งยูดาห์และในกรุงเยรูซาเล็ม
\v 22 'เครื่องใช้เหล่านี้จะถูกนำไปยังบาบิโลนและพวกมันจะอยู่ที่นั่นจนถึงวันที่เรากลับมาหาพวกมัน นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์ แล้วเราจึงจะนำพวกมันกลับมา และให้กลับสู่สถานที่นี้'''
\s5
\c 28
\p
\v 1 มันได้เกิดขึ้นในปีนั้น ในต้นรัชกาลของเศเดคียาห์ กษัตริย์แห่งยูดาห์ ในปีที่สี่และเดือนที่ห้า ฮานันยาห์บุตรชายของอัสซูร์ ผู้เผยพระวจนะผู้ที่ได้มาจากกิเบโอน ได้พูดกับข้าพเจ้าในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ ต่อหน้าบรรดาปุโรหิตและประชาชนทั้งหลาย เขาได้พูดว่า
\v 2 "พระยาห์เวห์จอมเจ้านาย พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า เราได้หักแอกที่ได้บังคับโดยกษัตริย์แห่งบาบิโลนแล้ว
\v 3 ภายในสองปีเราจะนำเครื่องใช้ทั้งสิ้นของพระนิเวศแห่งพระยาห์เวห์กลับมาที่นี่ ซึ่งเป็นภาชนะที่เนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์แห่งบาบิโลนได้ทรงนำไปจากที่นี่และได้ขนย้ายไปยังบาบิโลน
\s5
\p
\v 4 แล้วเราจะนำเยโฮยาคีนโอรสของเยโฮยาคิมกษัตริย์ของยูดาห์ และบรรดาเชลยทั้งหมดของยูดาห์ที่ได้ถูกส่งไปยังบาบิโลนกลับมาที่นี่อีก นี่เป็นคำประกาศของพระยาห์เวห์ เพราะเราจะหักแอกของกษัตริย์แห่งบาบิโลน"
\v 5 ดังนั้น เยเรมีย์ผู้เผยพระวจนะก็ได้พูดกับฮานันยาห์ผู้เผยพระวจนะต่อหน้าบรรดาปุโรหิตและประชาชนทั้งปวงผู้ซึ่งได้ยืนอยู่ในพระนิเวศของพระยาห์เวห์
\v 6 เยเรมีย์ผู้เผยพระวจนะได้กล่าวว่า "ขอให้พระยาห์เวห์ทรงทำสิ่งนี้เถิด ขอให้พระยาห์เวห์ทรงยืนยันถ้อยคำทั้งหลายซึ่งท่านได้เผยพระวจนะนั้นเป็นจริง และทรงนำเครื่องใช้แห่งพระนิเวศของพระยาห์เวห์และบรรดาผู้ตกไปเป็นเชลยทั้งสิ้นจากบาบิโลนกลับมาที่นี่
\s5
\p
\v 7 อย่างไรก็ตาม ขอฟังถ้อยคำซึ่งข้าพเจ้ากำลังจะพูดให้ท่านและให้ประชาชนทั้งสิ้นได้ยิน
\v 8 บรรดาผู้เผยพระวจนะซึ่งอยู่ก่อนข้าพเจ้าและท่านตั้งแต่โบราณกาลก็ได้เผยพระวจนะถึงประเทศต่าง ๆ และต่อมหาอาณาจักรทั้งหลาย เกี่ยวกับสงคราม การกันดารอาหาร และโรคระบาด
\v 9 ดังนั้นผู้เผยพระวจนะผู้เผยว่าจะมีสันติภาพ ถ้าถ้อยคำของเขาเป็นจริง แล้วจึงจะรู้กันว่าเขาเป็นผู้เผยพระวจนะที่แท้จริงที่พระยาห์เวห์ได้ทรงส่งมา"
\s5
\p
\v 10 แต่ฮานันยาห์ผู้เผยพระวจนะก็ได้ปลดแอกออกจากคอของเยเรมีย์ผู้เผยพระวจนะ และได้หักมันเสีย
\v 11 แล้วฮานันยาห์ได้กล่าวต่อหน้าประชาชนทั้งสิ้น และได้กล่าวว่า "พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า เช่นนั้นแหละ ภายในสองปีเราจะหักแอกออกจากคอของชนชาติต่าง ๆ ที่เนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์แห่งบาบิโลนได้บังคับไว้" แล้วเยเรมีย์ผู้เผยพระวจนะก็ได้ออกไปตามทางของเขา
\v 12 หลังจากฮานันยาห์ผู้เผยพระวจนะได้หักแอกจากคอของเยเรมีย์ผู้เผยพระวจนะ พระวจนะของพระยาห์เวห์มาถึงเยเรมีย์ กล่าวว่า
\s5
\p
\v 13 "จงไปและบอกฮานันยาห์ว่า 'พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า เจ้าได้หักแอกไม้ แต่เราจะทำแอกเหล็กมาแทนที่'
\v 14 เพราะพระยาห์เวห์จอมเจ้านาย พระเจ้าของอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า เราได้วางแอกเหล็กไว้บนคอของชนชาติเหล่านี้ทั้งสิ้น ให้ปรนนิบัติเนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์แห่งบาบิโลน และเขาทั้งหลายจะปรนนิบัติเขา เราได้ยกสัตว์ป่าในท้องทุ่งทั้งหลายให้เขาปกครองด้วย"
\v 15 ต่อจากนั้นผู้เผยพระวจนะเยเรมีย์ได้พูดกับฮานันยาห์ผู้เผยพระวจนะว่า "ขอจงฟังฮานันยาห์ พระยาห์เวห์ไม่ได้ทรงใช้ท่าน แต่ท่านเองได้ทำให้ชนชาตินี้เชื่อในความเท็จ
\s5
\p
\v 16 ดังนั้น พระยาห์เวห์ตรัสว่า นี่แน่ะ เราจะส่งเจ้าออกไปจากพื้นโลก เจ้าจะต้องตายในปีนี้ เพราะเจ้าได้ประกาศเป็นการกบฏต่อพระยาห์เวห์"
\v 17 ในเดือนที่เจ็ดของปีเดียวกันนั้น ฮานันยาห์ผู้เผยพระวจนะก็ได้ตาย
\s5
\c 29
\p
\v 1 ต่อไปนี้เป็นบรรดาถ้อยคำในม้วนหนังสือ ซึ่งเยเรมีย์ผู้เผยพระวจนะได้ส่งไปจากเยรูซาเล็มถึงพวกผู้ใหญ่ที่เหลืออยู่ในท่ามกลางพวกเชลยและถึงบรรดาปุโรหิต บรรดาผู้เผยพระวจนะ และประชาชนทั้งสิ้น ที่เนบูคัดเนสซาร์ได้กวาดต้อนไปจากเยรูซาเล็มถึงบาบิโลน
\v 2 นี่เป็นเรื่องหลังจากกษัตริย์เยโฮยาคีน และพระราชชนนี พวกข้าราชการชั้นสูง บรรดาผู้นำของยูดาห์และเยรูซาเล็ม และบรรดาช่างที่ได้ถูกส่งออกไปจากเยรูซาเล็ม
\v 3 เขาได้ส่งม้วนหน้งสือนั้นไปด้วยมือของเอลาสาห์บุตรชายของชาฟาน และเกมาริยาห์บุตรชายของฮิลคียาห์ ผู้ซึ่งเศเดคียาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์ได้ทรงส่งไปบาบิโลนให้เนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์แห่งบาบิโลน
\s5
\p
\v 4 ม้วนหนังสือมีข้อความว่า "พระยาห์เวห์จอมเจ้านาย พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้แก่บรรดาผู้เป็นเชลย ผู้ซึ่งเราได้เป็นเหตุให้ถูกเนรเทศไปจากเยรูซาเล็มถึงบาบิโลนนั้นว่า
\v 5 'จงสร้างบ้านทั้งหลายและเข้าอยู่ในบ้านเหล่านั้น จงปลูกสวนทั้งหลายและรับประทานพืชผลของพวกมัน
\v 6 จงมีเหล่าภรรยาและให้กำเนิดบรรดาบุตรชายและบรรดาบุตรหญิง จงหาภรรยาให้บุตรชายทั้งหลายของพวกเจ้า และยกบุตรหญิงทั้งหลายของพวกเจ้าให้มีสามีเสีย ให้พวกเขาให้กำเนิดบุตรชายทั้งหลายและบุตรหญิงทั้งหลายทวีมากขึ้นที่นั่นเพื่อพวกเจ้าจะไม่เหลือน้อยเกินไป
\s5
\p
\v 7 จงแสวงหาสันติสุขของเมืองซึ่งเราได้เป็นเหตุให้พวกเจ้าได้ไปเป็นเชลยอยู่นั้น และจงประนีประนอมในนามของเราเพื่อจะมีสันติสุขสำหรับพวกเจ้าถ้ามันสงบ'
\v 8 เพราะพระยาห์เวห์จอมเจ้านาย พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า 'อย่ายอมให้พวกผู้เผยพระวจนะของพวกเจ้าผู้ที่อยู่ท่ามกลางพวกเจ้าและพวกผู้ทำนายของพวกเจ้าผู้อยู่ท่ามกลางเจ้าหลอกลวงเจ้า และอย่าเชื่อความฝันทั้งหลายซึ่งพวกเจ้าเองกำลังฝันเห็น
\v 9 เพราะที่พวกเขากำลังเผยพระวจนะอย่างหลอกลวงแก่เจ้าในนามของเรานั้น เราไม่ได้ใช้พวกเขาไป นี่เป็นคำประกาศของพระยาห์เวห์'
\s5
\p
\v 10 เพราะพระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า 'เมื่อบาบิโลนได้ปกครองพวกเจ้าเจ็ดสิบปีแล้ว เราจะช่วยเหลือพวกเจ้าและจะทำให้ถ้อยคำที่ดีของเราสำเร็จเพื่อนำพวกเจ้ากลับมาสู่สถานที่นี้
\v 11 เพราะเราเองรู้แผนงานทั้งหลายที่เรามีไว้สำหรับพวกเจ้า นี่เป็นคำประกาศของพระยาห์เวห์ เป็นแผนงานทั้งหลายเพื่อสันติสุข ไม่ใช่เพื่อภัยพิบัติ เพื่อจะให้อนาคตและความหวังแก่พวกเจ้า
\v 12 แล้วพวกเจ้าจะร้องทูลเรา และไปอธิษฐานต่อเรา และเราจะฟังพวกเจ้า
\s5
\p
\v 13 เพราะพวกเจ้าจะแสวงหาเราและพบเรา เมื่อเจ้าจะแสวงหาเราด้วยสิ้นสุดใจของพวกเจ้า
\v 14 แล้วเราจะให้พวกเจ้าพบเรา นี่เป็นคำประกาศของพระยาห์เวห์ และเราจะให้เจ้ากลับสู่สภาพดี เราจะรวบรวมพวกเจ้ามาจากบรรดาประชาชาติและจากทุกที่ที่เราได้กระจัดกระจายพวกเจ้าให้ไปอยู่นั้น นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์ เพราะเราจะนำพวกเจ้ากลับมายังที่ซึ่งเราได้ทำให้พวกเจ้าถูกเนรเทศนั้น'
\v 15 เพราะเจ้าทั้งหลายได้กล่าวว่า พระยาห์เวห์ได้ทรงยกชูพวกผู้เผยพระวจนะสำหรับพวกเราขึ้นในบาบิโลน
\s5
\p
\v 16 พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แก่กษัตริย์ผู้ประทับบนพระที่นั่งของดาวิด และแก่ประชาชนทั้งสิ้นผู้ที่กำลังอาศัยอยู่ในเมืองนี้ คือบรรดาพี่น้องของพวกเจ้าผู้ไม่ได้ถูกเนรเทศไปกับพวกเจ้าว่า
\v 17 พระยาห์เวห์จอมเจ้านาย ตรัสดังนี้ว่า 'นี่แน่ะ เรากำลังจะส่งดาบ การกันดารอาหาร และโรคร้ายแรงมาเหนือเขาทั้งหลาย เพราะเราจะทำให้พวกเขาเหมือนกับพวกมะเดื่อที่เสียซึ่งเลวมากจนไม่สามารถจะกินได้
\v 18 แล้วเราจะไล่ติดตามพวกเขาด้วยดาบ การกันดารอาหาร และโรคระบาด และจะทำให้พวกเขาเป็นที่หวาดกลัวในสายตาของราชอาณาจักรทั้งสิ้นบนแผ่นดินโลก ให้เป็นความหวาดหวั่น ให้เป็นที่แช่งสาป และน่ารังเกียจ และให้เป็นสิ่งที่น่าละอายท่ามกลางบรรดาประชาชาติซึ่งเราได้ขับไล่เขาให้ไปอยู่นั้น
\s5
\p
\v 19 นี่เป็นเพราะว่าเขาทั้งหลายไม่ได้ฟังถ้อยคำของเรา นี่เป็นคำประกาศของพระยาห์เวห์ ที่เราได้ส่งมาให้พวกเขาโดยทางเหล่าผู้เผยพระวจนะผู้รับใช้ของเรา เราได้ส่งพวกเขามาครั้งแล้วครั้งเล่า แต่พวกเจ้าก็ไม่ยอมฟัง นี่เป็นคำประกาศของพระยาห์เวห์'
\v 20 ดังนั้น เจ้าทั้งหลายเองจงฟังพระวจนะของพระยาห์เวห์ พวกเจ้าทั้งปวงผู้ซึ่งเราได้ส่งออกไปจากเยรูซาเล็มถึงบาบิโลน
\v 21 'พระยาห์เวห์จอมเจ้านาย พระเจ้าของอิสราเอลตรัสดังนี้เกี่ยวกับอาหับบุตรชายของโคลายาห์ และเศเดคียาห์บุตรชายมาอาเสยาห์ ผู้ซึ่งได้เผยพระวจนะเท็จแก่เจ้าในนามของเรา นี่แน่ะ เราจะมอบเขาทั้งสองไว้ในมือของเนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์แห่งบาบิโลน และพระองค์จะทรงฆ่าพวกเขาต่อหน้าต่อตาทั้งหลายของพวกเจ้า
\s5
\p
\v 22 แล้วคำสาปจะถูกกล่าวเกี่ยวกับพวกคนเหล่านี้โดยบรรดาผู้ที่ถูกเนรเทศของยูดาห์ในบาบิโลน คำสาปจะกล่าวว่า ขอพระยาห์เวห์ทรงทำให้เจ้าเหมือนเศเดคียาห์และอาหับ ผู้ที่กษัตริย์บาบิโลนเผาเสียด้วยไฟ
\v 23 สิ่งนี้จะเกิดขึ้นเพราะสิ่งที่น่าละอายที่พวกเขาได้กระทำการล่วงประเวณีกับพวกภรรยาของเพื่อนบ้านของพวกเขาและได้ประกาศคำเท็จในนามของเรา สิ่งเหล่านี้ซึ่งเราไม่เคยได้บัญชาเขาให้กล่าว เพราะเราเป็นผู้ที่รู้ เราเป็นพยาน นี่เป็นคำประกาศของพระยาห์เวห์'''
\v 24 "เกี่ยวกับเชไมยาห์ ชาวเนเฮลาม จงกล่าวว่า
\s5
\p
\v 25 'พระยาห์เวห์จอมเจ้านาย พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า เพราะเจ้าได้ส่งบรรดาจดหมายในนามของเจ้าเองไปยังประชาชนทั้งปวงผู้อยู่ในเยรูซาเล็ม และไปยังเศฟันยาห์บุตรชายของมาอาเสยาห์ปุโรหิต และไปยังปุโรหิตทั้งปวง และได้กล่าวว่า
\v 26 "พระยาห์เวห์ได้ทรงให้เจ้าเป็นปุโรหิตแทนเยโฮยาดาปุโรหิต เพื่อให้เจ้าดูแลพระนิเวศของพระยาห์เวห์ เจ้าได้อยู่ในการควบคุมของประชาชนทั้งปวงผู้ซึ่งบ้าคลั่งและทำให้ตัวพวกเขาเองเป็นพวกผู้เผยพระวจนะ เจ้าควรจับพวกเขาใส่ ขื่อคาและโซ่ตรวนเสีย
\v 27 ดังนั้นบัดนี้ ทำไมเจ้าไม่ได้ต่อว่าเยเรมีย์ชาวอานาโธทผู้ซึ่งได้ทำให้ตัวเขาเองเผยพระวจนะแก่เจ้า?
\s5
\p
\v 28 เพราะเขาได้ส่งจดหมายมายังเราในบาบิโลน และได้กล่าวว่า 'จะเป็นเวลาที่เนิ่นนาน จงสร้างบ้านทั้งหลายและอาศัยอยู่ที่นั่น และจงปลูกสวนและรับประทานผลที่ได้นั้น'''''
\v 29 เศฟันยาห์ปุโรหิตได้อ่านจดหมายนี้ให้เยเรมีย์ผู้เผยพระวจนะฟัง
\v 30 แล้วพระวจนะของพระยาห์เวห์มาถึงเยเรมีย์ กล่าวว่า
\s5
\p
\v 31 "จงส่งถ้อยคำไปถึงพวกเชลยทั้งหมดว่า 'พระยาห์เวห์ตรัสเกี่ยวกับเชไมยาห์ชาวเนเฮลามว่า เพราะว่าเชไมยาห์ได้เผยพระวจนะแก่พวกเจ้าเมื่อเราเองไม่ได้ใช้เขา และเขาได้ทำให้เจ้าวางใจในคำเท็จ
\v 32 เพราะฉะนั้น พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า นี่แน่ะ เราจะลงโทษเชไมยาห์ชาวเนเฮลามและบรรดาเชื้อสายของเขา จะไม่มีแม้แต่คนเดียวสำหรับเขาที่มีชีวิตอยู่ท่ามกลางชนชาตินี้ เขาจะไม่ได้เห็นสิ่งดีซึ่งเราจะทำแก่ประชาชนของเรา นี่เป็นคำประกาศของพระยาห์เวห์ เพราะเขาได้ประกาศการกบฏต่อพระยาห์เวห์'''
\s5
\c 30
\p
\v 1 พระวจนะได้มาถึงเยเรมีย์จากพระยาห์เวห์กล่าวว่า
\v 2 "นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า 'จงเขียน ถ้อยคำทั้งสิ้นที่เราได้ประกาศแก่เจ้าไว้ในหนังสือม้วน
\v 3 เพราะนี่แน่ะ วันทั้งหลายกำลังจะมาถึง นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์ เมื่อเราจะนำความรุ่งเรืองทั้งหลายของประชาชนของเรา คืออิสราเอลและยูดาห์กลับคืนสู่สภาพเดิม เราเอง พระยาห์เวห์ได้ตรัสแล้ว เพราะเราจะนำพวกเขากลับมายังแผ่นดินซึ่งเราได้ให้แก่เหล่าบรรพบุรุษของเขาทั้งหลาย และพวกเขาจะได้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินนั้น'''
\s5
\p
\v 4 ต่อไปนี้เป็นเหล่าพระวจนะซึ่งพระยาห์เวห์ได้ทรงประกาศเกี่ยวกับอิสราเอลและยูดาห์ว่า
\v 5 "เพราะพระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า 'เราได้ยินเสียงร้องเพราะความหวาดกลัวความสยดสยองและไม่ใช่เสียงแห่งสันติสุข
\v 6 จงถามเถิดและดูว่า ถ้าผู้ชายจะคลอดบุตรได้หรือ ทำไมเราจึงเห็นผู้ชายหนุ่มทุกคน เอามือกดไว้ที่เอวของพวกเขาเหมือนผู้หญิงจะคลอดบุตร? ทำไมหน้าตาของพวกเขาทุกคนจึงซีดไป?
\s5
\p
\v 7 อนิจจาเอ๋ย เพราะวันนั้นจะยิ่งใหญ่เหลือเกิน ไม่มีวันใดเหมือน มันจะเป็นเวลากระวนกระวายใจของยาโคบ แต่เขาก็ยังจะได้รับการช่วยเหลือจากวันนั้นไปได้
\v 8 เพราะมันจะเป็นในวันนั้น นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์จอมเจ้านาย ที่เราจะหักแอกจากคอของพวกเจ้า และเราจะระเบิดโซ่ตรวนทั้งหลายของพวกเจ้าเสีย ดังนั้นพวกคนต่างชาติจะไม่ทำให้พวกเจ้าเป็นทาสอีก
\v 9 แต่พวกเขาจะนมัสการพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา และปรนนิบัติดาวิดกษัตริย์ของพวกเขา ผู้ซึ่งเราจะได้ให้เป็นกษัตริย์เหนือพวกเขา
\s5
\p
\v 10 ดังนั้น เจ้าเอง ยาโคบผู้รับใช้ของเราเอ๋ย อย่ากลัวเลย นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์ อิสราเอลเอ๋ย อย่าครั่นคร้าม เพราะนี่แน่ะ เรากำลังจะช่วยพวกเจ้าให้กลับมาจากที่ไกล และเหล่าลูกหลานของพวกเจ้าจากแผ่นดินที่ไปเป็นเชลย ยาโคบจะกลับมา และมีสันติสุข เขาจะมีความมั่นคง และจะไม่มีความกลัวอีกต่อไป
\v 11 เพราะเราจะอยู่กับพวกเจ้า นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์ เพื่อช่วยพวกเจ้าให้รอด แล้วเราจะนำการอวสานอย่างสมบูรณ์แบบไปยังบรรดาประชาชาติทั้งสิ้นที่เราได้กระจายพวกเจ้าให้ไปอยู่ แต่เราจะไม่ทำให้พวกเจ้าถึงการอวสานอย่างแน่นอน แม้ว่าเราจะตีสอนพวกเจ้าอย่างเป็นธรรมและจะไม่ปล่อยพวกเจ้าโดยไม่ลงโทษอย่างแน่นอน'
\v 12 เพราะพระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า 'การบาดเจ็บของพวกเจ้าก็รักษาไม่หาย และบาดแผลของพวกเจ้าก็ได้ติดเชื้อ
\s5
\p
\v 13 ไม่มีใครที่จะช่วยคดีของพวกเจ้า ไม่มียาสำหรับบาดแผลของพวกเจ้าที่รักษาให้พวกเจ้า
\v 14 พวกคนรักทั้งสิ้นของพวกเจ้าก็ได้ลืมพวกเจ้า พวกเขาจะไม่ตามหาพวกเจ้า เพราะเราได้ทำให้พวกเจ้าบาดเจ็บด้วยการทำให้บาดเจ็บโดยศัตรู และเป็นการลงโทษอย่างของนายที่โหดร้าย เพราะว่าความชั่วร้ายทั้งหลายและบาปมากมายของพวกเจ้า
\v 15 ทำไมพวกเจ้าร้องขอความช่วยเหลือเพราะความเจ็บของพวกเจ้า? ความเจ็บของพวกเจ้าก็รักษาไม่หาย เพราะว่าความผิดอย่างยิ่งของพวกเจ้า ความบาปมากมายของพวกเจ้า เราได้ทำสิ่งเหล่านี้แก่พวกเจ้า
\s5
\p
\v 16 ดังนั้น ทุกคนที่กินเจ้าก็จะถูกกิน และปรปักษ์ของเจ้าทุกคนจะตกไปเป็นเชลย เพราะคนเหล่านั้นที่ได้ปล้นเจ้าก็จะตกเป็นของถูกปล้น และเราจะทำให้ทุกคนที่เอาพวกเจ้าเป็นเหยื่อเราจะทำให้พวกเขาเป็นเหยื่อ
\v 17 เพราะเราจะนำการเยียวยาแก่พวกเจ้า และเราจะรักษาบาดแผลของพวกเจ้าให้หาย นี่เป็นคำประกาศของพระยาห์เวห์ เราจะทำสิ่งนี้เพราะเขาทั้งหลายได้เรียกพวกเจ้าว่าพวกนอกคอก ไม่มีใครต้องการศิโยน'''
\v 18 พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า "ดูเถิด เรากำลังจะนำความรุ่งเรืองทั้งหลายของเต็นท์แห่งยาโคบกลับสู่สภาพเดิม และมีความเมตตาในเรื่องที่อาศัยของพวกเขา แล้วเมืองจะได้ถูกสร้างขึ้นใหม่บนกองซากปรักหักพังทั้งหลาย และป้อมปราการจะตั้งขึ้นอีกครั้งในที่มันเคยอยู่
\s5
\p
\v 19 แล้วบทเพลงแห่งการสรรเสริญและเสียงความสนุกสนานจะออกมาจากพวกเขาจากที่เหล่านั้น เราจะเพิ่มพวกเขาและไม่ลดพวกเขา เราจะทำให้เขามีเกียรติ ดังนั้นพวกเขาจะไม่เป็นเพียงผู้เล็กน้อย
\v 20 แล้วประชาชนของพวกเขาจะเป็นเหมือนสมัยก่อน และการชุมนุมของเขาจะได้รับการสถาปนาไว้ต่อหน้าเรา เมื่อเราลงโทษทุกคนที่บีบบังคับพวกเขา
\v 21 ผู้นำของพวกเขาจะมาจากท่ามกลางพวกเขา เขาจะออกมาจากท่ามกลางพวกเขาเอง เมื่อเราดึงเขาเข้ามาใกล้และเมื่อเขาเข้ามาใกล้เรา ถ้าเราไม่ทำสิ่งนี้ ใครเล่าจะกล้าเข้ามาใกล้เรา ? นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์
\s5
\p
\v 22 แล้วพวกเจ้าจะเป็นประชาชนของเรา และเราจะเป็นพระเจ้าของพวกเจ้า
\v 23 ดูเถิด พายุของพระยาห์เวห์ พระพิโรธของพระองค์ได้ออกไปแล้ว มันเป็นพายุต่อเนื่อง มันจะหมุนไปบนบรรดาศีรษะของพวกคนชั่ว
\v 24 ความกริ้วของพระยาห์เวห์จะไม่หมุนกลับ จนกว่ามันดำเนินไปและได้นำไปสู่ความพระประสงค์ในพระทัยของพระองค์ ในวันสุดท้าย พวกเจ้าจะเข้าใจข้อความนี้"
\s5
\c 31
\p
\v 1 นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์ “ในครั้งนั้น เราจะเป็นพระเจ้าของทุกตระกูลแห่งอิสราเอล และเขาทั้งหลายจะเป็นประชาชนของเรา”
\v 2 พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า “ประชาชนที่ได้รอดตายจากดาบ ได้รับความโปรดปรานในถิ่นทุรกันดาร เราจะออกไปมอบการหยุดพักให้อิสราเอล”
\v 3 พระยาห์เวห์ได้ทรงปรากฏแก่ข้าพเจ้าในอดีต และได้ตรัสว่า “อิสราเอลเอ๋ย เราได้รักเจ้าด้วยความรักนิรันดร์ ดังนั้น เราจึงได้นำเจ้ามาหาเราเองด้วยความสัตย์ซื่อแห่งพันธสัญญา
\s5
\p
\v 4 เราจะสร้างเจ้าขึ้นอีกครั้ง ดังนั้นเจ้าจะถูกสร้างขึ้นใหม่ โอ อิสราเอลพรหมจารี เจ้าจะหยิบรำมะนาทั้งหลายของเจ้าขึ้นมาอีกครั้ง และจะออกไปเต้นรำสนุกสนานกัน
\v 5 เจ้าจะปลูกสวนองุ่นทั้งหลายอีกครั้ง บนภูเขาทั้งหลายของสะมาเรีย พวกชาวสวนทั้งหลายก็จะปลูก และจะเก็บผลใช้ได้ดี
\v 6 เพราะว่าวันนั้นจะมาเมื่อพวกคนเฝ้ายามในแดนเทือกเขาเอฟราอิมทั้งหลายจะประกาศว่า ‘จงลุกขึ้น ให้พวกเราไปยังศิโยนเถิด ไปเฝ้าพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเรา’
\s5
\p
\v 7 เพราะพระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า “จงโห่ร้องด้วยความยินดีเพื่อยาโคบ จงเปล่งเสียงโห่ร้องด้วยความยินดีสำหรับพวกประมุขของบรรดาประชาชาติ จงสรรเสริญให้ได้ยิน จงกล่าวว่า 'พระยาห์เวห์ได้ทรงช่วยกู้ประชาชนของพระองค์ให้รอดแล้ว คนที่เหลืออยู่ของอิสราเอล'
\v 8 ดูเถิด เรากำลังจะนำพวกเขามาจากดินแดนทั้งหลายทางทิศเหนือ เราจะรวบรวมพวกเขาจากหลายส่วนที่ไกลที่สุดของแผ่นดินโลก คนตาบอด คนพิการจะอยู่ท่ามกลางพวกเขา ผู้หญิงที่มีครรภ์และคนเหล่านั้นที่กำลังจะคลอดบุตรจะมาด้วยกันกับพวกเขา คนกลุ่มใหญ่จะกลับมาที่นี่
\v 9 พวกเขาจะมาด้วยการร้องไห้ เราจะนำพวกเขาตามที่พวกเขาได้ร้องขอ เราจะให้พวกเขาเดินทางไปยังลำธารน้ำบนถนนที่ตรงไป พวกเขาจะไม่สะดุด เพราะเราเป็นบิดาแก่อิสราเอล และเอฟราอิมจะเป็นบุตรหัวปีของเรา"
\s5
\p
\v 10 "จงฟังพระวจนะของพระยาห์เวห์ บรรดาประชาชาติเอ๋ย และจงประกาศพระวจนะนั้นไปตามชายฝั่งที่ห่างออกไป เจ้าทั้งหลาย บรรดาประชาชาติ จงกล่าวว่า 'พระองค์ผู้ได้ทรงกระจายอิสราเอลนั้นจะรวบรวมเธอขึ้นมาอีกครั้ง และจะดูแลเธออย่างกับผู้เลี้ยงแกะดูแลฝูงแกะของเขา'
\v 11 เพราะพระยาห์เวห์ได้ทรงไถ่ยาโคบไว้แล้ว และได้ไถ่เขามาจากมือที่แข็งแรงเกินกว่าเขา
\v 12 แล้วเขาทั้งหลายจะมาและเปรมปรีดิ์อยู่บนที่สูงทั้งหลายแห่งศิโยน ใบหน้าของพวกเขาจะปลาบปลื้มเพราะสิ่งดีของพระยาห์เวห์ เหนือข้าวโพดและเหล้าองุ่นใหม่ เหนือน้ำมันและลูกของบรรดาสัตว์เลี้ยงและฝูงสัตว์ทั้งหลาย เพราะชีวิตทั้งหลายของพวกเขาจะเหมือนกับสวนที่มีน้ำรด และพวกเขาจะไม่รู้สึกโศกเศร้าอีกต่อไป
\s5
\p
\v 13 แล้วพวกหญิงพรหมจารีย์จะเปรมปรีดิ์ด้วยการเต้นรำ และคนหนุ่มและคนแก่จะอยู่ร่วมกัน เพราะเราจะเปลี่ยนความโศกเศร้าของพวกเขาให้เป็นการฉลอง เราจะมีความกรุณาต่อพวกเขาและทำให้พวกเขายินดีแทนความโศกเศร้า
\v 14 แล้วเราจะให้ชีวิตทั้งหลายของพวกปุโรหิตอิ่มเอมด้วยความอุดมสมบูรณ์ ประชาชนของเราจะเต็มอิ่มด้วยสิ่งดีของเรา นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์"
\v 15 พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า "เสียงที่ได้ยินในเมืองรามาห์ เป็นเสียงโอดครวญและร่ำไห้อย่างขมขื่น นางราเชลร้องไห้คร่ำครวญ เพราะบุตรทั้งหลายของเธอ เธอปฎิเสธที่จะรับคำปลอบโยนสำหรับพวกเขาทั้งหลาย เพราะว่าพวกเขาทั้งหลายนั้นไม่มีชีวิตแล้ว"
\s5
\p
\v 16 พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า "จงระงับเสียงร้องไห้คร่ำครวญไว้เสียเถิด และกลั้นน้ำตาจากดวงตาของพวกเจ้าเสียเถอะ เพราะว่าจะมีค่าชดเชยสำหรับการทนทุกข์ยากของพวกเจ้า นี่เป็นคำประกาศของพระยาห์เวห์ ลูกหลานของพวกเจ้าจะกลับมาจากแผ่นดินของศัตรู
\v 17 จะมีความหวังสำหรับอนาคตของพวกเจ้า นี่เป็นคำประกาศของพระยาห์เวห์ พวกพงศ์พันธ์ุของพวกเจ้าจะกลับเข้ามาข้างในเขตแดนทั้งหลายของพวกเขาเอง
\v 18 "เราได้ยินเอฟราอิมคร่ำครวญอย่างแน่นอน ว่า 'พระองค์ทรงทำโทษข้าพระองค์ และข้าพระองค์ก็ถูกทำโทษ อย่างลูกโคที่ยังไม่ได้รับการฝึก ขอทรงนำข้าพระองค์กลับ และข้าพระองค์จะได้ถูกนำกลับมา เพราะพระองค์ทรงเป็นพระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์
\s5
\p
\v 19 เพราะหลังจากที่ข้าพระองค์ได้หันกลับมาหาพระองค์ ข้าพระองค์ก็เสียใจ หลังจากที่ข้าพระองค์รับคำสั่งสอนแล้ว ข้าพระองค์ก็ได้ตีต้นขาของตัวเอง ข้าพระองค์ได้รู้สึกละอายและได้อับอายขายหน้า เพราะข้าพระองค์ต้องทนรับความเสื่อมเสียเมื่อยังหนุ่มอยู่นั้น'
\v 20 เอฟราอิมเป็นบุตรชายที่รักของเรามิใช่หรือ? เป็นที่รักของเรา เป็นบุตรชายที่เราชื่นชมไม่ใช่หรือ? เมื่อใดก็ตามเราพูดกล่าวโทษเขา เราก็ยังเรียกเขาว่าดวงใจที่รักของเราอย่างแน่นอน เพราะอย่างนี้ จิตใจของเราจึงถวิลหาเขา เราจะมีความเมตตาต่อเขาอย่างแน่นอน นี่เป็นคำประกาศของพระยาห์เวห์"
\v 21 จงปักป้ายชี้ทางทั้งหลายไว้สำหรับพวกเจ้า จงทำป้ายนำทางไว้สำหรับพวกเจ้า จงพิจารณาให้ดีถึงทางที่ถูกต้อง ทางซึ่งเจ้าควรดำเนินไปนั้น อิสราเอลพรหมจารีย์เอ๋ย จงกลับเถิด จงกลับมายังเมืองเหล่านี้ของพวกเจ้า
\s5
\p
\v 22 เจ้าจะเถลไถลอยู่อีกนานสักเท่าใด บุตรสาว ผู้ไม่สัตย์ซื่อเอ๋ย? เพราะพระยาห์เวห์ได้ทรงสร้างสิ่งใหม่บนแผ่นดินโลก ผู้หญิงล้อมผู้ชาย
\v 23 พระยาห์เวห์จอมเจ้านาย พระเจ้าแห่งอิสราเอล ตรัสดังนี้ว่า "เมื่อเรานำพวกประชาชนกลับสู่แผ่นดินของพวกเขา พวกเขาจะพูดสิ่งนี้ในแผ่นดินของยูดาห์ และในเมืองทั้งหลาย ว่า 'ขอพระยาห์เวห์ทรงอวยพรเจ้า พวกเจ้าผู้เป็นสถานที่แห่งความชอบธรรมที่พระองค์สถิตอยู่ พวกเจ้าผู้เป็นภูเขาบริสุทธิ์'
\v 24 เพราะยูดาห์และเมืองทั้งสิ้นนั้นจะอาศัยอยู่ด้วยกันที่นั่น ทั้งบรรดาชาวนาทั้งหลาย และบรรดาผู้เลี้ยงแกะพร้อมกับฝูงแกะของพวกเขา
\s5
\p
\v 25 เพราะเราจะให้น้ำดื่มแก่จิตใจที่อ่อนแรง และเราจะเติมเต็มทุกคนที่กำลังทนทุกข์จากความกระหาย"
\v 26 หลังจากนี้ ข้าพเจ้าก็ได้ตื่นและจำได้ว่าการนอนหลับของข้าพเจ้าก็สดชื่นขึ้น นี่เป็นคำประกาศของพระยาห์เวห์
\v 27 "นี่แน่ะ วันเหล่านั้นกำลังจะมา เมื่อเราจะหว่านเชื้อสายทั้งหลายของอิสราเอลและเชื้อสายของยูดาห์ด้วยพงศ์พันธุ์ของมนุษย์และสัตว์ป่า
\s5
\p
\v 28 ในเวลาที่ผ่านมา เราได้เฝ้าดูพวกเขาเพื่อจะถอนพวกเขาออก และพังพวกเขาลง คว่ำเสีย ทำลาย และนำเหตุร้ายมาให้พวกเขา แต่ในวันทั้งหลายที่กำลังมา เราจะเฝ้าดูพวกเขาเพื่อจะสร้างพวกเขาขึ้นและปลูกพวกเขา นี่เป็นคำประกาศของพระยาห์เวห์
\v 29 ในวันทั้งหลายก่อนนั้น จะไม่มีผู้ใดกล่าวต่อไปอีกว่า 'พวกพ่อได้กินพวกองุ่นเปรี้ยว แต่พวกลูกก็เข็ดฟัน'
\v 30 เพราะแต่ละคนจะต้องตายในความผิดบาปของตนเอง ทุกคนที่รับประทานองุ่นเปรี้ยว ก็จะเข็ดฟัน
\s5
\p
\v 31 นี่แน่ะ วันทั้งหลายกำลังจะมา นี่เป็นคำประกาศของพระยาห์เวห์ เมื่อเราจะทำพันธสัญญาใหม่กับเชื้อสายของอิสราเอลและเชื้อสายของยูดาห์
\v 32 มันจะไม่เหมือนกับพันธสัญญาซึ่งเราได้ทำกับเหล่าบรรพบุรุษของเขาทั้งหลายในวันเหล่านั้นเมื่อเราได้นำพวกเขาโดยมือของพวกเขาเพื่อนำพวกเขาออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ เหล่านั้นได้เป็นวันทั้งหลายที่พวกเขาได้หักพันธสัญญาของเรา ถึงแม้ว่าเราได้เป็นสามีของพวกเขา นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์
\v 33 แต่นี่จะเป็นพันธสัญญาซึ่งเราจะทำกับเชื้อสายของอิสราเอลภายหลังวันทั้งหลายเหล่านี้ นี่เป็นคำประกาศของพระยาห์เวห์ เราจะบรรจุธรรมบัญญัติไว้ในเขาทั้งหลาย และเราจะจารึกมันไว้บนดวงใจของพวกเขา เพราะเราจะเป็นพระเจ้าของพวกเขา และเขาจะเป็นประชาชนของเรา
\s5
\p
\v 34 แล้วแต่ละคนจะไม่สอนเพื่อนบ้านของเขาอีกต่อไป หรือผู้ชายคนหนึ่งจะไม่สอนน้องชายของเขา และกล่าวว่า 'จงรู้จักพระยาห์เวห์' เพราะพวกเขาทุกคนตั้งแต่คนเล็กน้อยที่สุดถึงคนใหญ่โตที่สุดจะรู้จักเรา นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์ เพราะเราจะให้อภัยความผิดบาปของพวกเขา และจะไม่จดจำบาปของพวกเขาอีกต่อไป
\v 35 พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ พระยาห์เวห์ผู้ทรงทำให้ดวงอาทิตย์เป็นแสงสว่างตอนกลางวัน และทรงจัดเตรียมให้ดวงจันทร์ และบรรดาดวงดาวเป็นแสงสว่างตอนกลางคืน พระองค์คือผู้ทรงกวนทะเลให้เหล่าคลื่นเพื่อให้มันส่งเสียงคำราม พระยาห์เวห์จอมเจ้านายคือพระนามของพระองค์ พระองค์ตรัสดังนี้ว่า
\v 36 "เพียงแต่ถ้าหากระเบียบถาวรเหล่านี้จะหายไปจากสายตาของเรา นี่เป็นคำประกาศของพระยาห์เวห์ เชื้อสายของอิสราเอลจึงจะสิ้นสุด จากการเป็นชนชาติหนึ่งต่อหน้าเราเป็นนิตย์"
\s5
\p
\v 37 พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า "เพียงแต่ถ้าท้องฟ้าสูงสูดทั้งหลายเป็นที่วัดได้ และเพียงแต่ถ้าฐานรากของแผ่นดินโลก เบื้องล่างเป็นที่ให้สำรวจได้ เราจึงจะปฎิเสธเชื้อสายทั้งสิ้นของอิสราเอลทิ้งไปเสีย เพราะทุกสิ่งซึ่งพวกเขาได้กระทำนั้น นี่เป็นคำประกาศของพระยาห์เวห์"
\v 38 "นี่แน่ะ วันทั้งหลายกำลังจะมา เมื่อเมืองนี้จะถูกสร้างขึ้นใหม่เพื่อเรา ตั้งแต่หอคอยฮานันเอลไปถึงประตูมุม
\v 39 แล้วเส้นวัดจะออกไปไกลกว่านั้น ตรงไปถึงเนินเขากาเรบ แล้วจะเลี้ยวไปถึงตำบลโกอาห์
\v 40 ทั่วทั้งหุบเขาแห่งซากศพทั้งหลายและมวลขี้เถ้า และทุ่งนาที่ลดหลั่นกันทั้งหมดไปไกลจนถึงหุบเขาขิดโรน จนถึงมุมประตูม้าไปทางตะวันออก จะถูกแยกไว้ให้บริสุทธิ์เพื่อพระยาห์เวห์ เมืองจะไม่ถูกถอนรากหรือคว่ำอีกต่อไปเป็นนิตย์"
\s5
\c 32
\p
\v 1 พระวจนะได้มาจากพระยาห์เวห์ถึงเยเรมีย์ในปีที่สิบแห่งเศเดคียาห์กษัตริย์ของยูดาห์ ซึ่งเป็นปีที่สิบแปด ของเนบูคัดเนสซาร์
\v 2 ครั้งนั้น กองทัพของกษัตริย์แห่งบาบิโลนกำลังล้อมเยรูซาเล็มอยู่ และเยเรมีย์ผู้เผยพระวจนะได้ถูกขังอยู่ในบริเวณทหารรักษาพระองค์ที่อยู่ในวังของกษัตริย์แห่งยูดาห์
\v 3 เศเดคียาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์ได้ทรงจำคุกเขาไว้ และได้ตรัสว่า "ทำไมเจ้าจึงเผยพระวจนะและกล่าวว่า 'พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า ดูเถิด เรากำลังจะมอบเมืองนี้ไว้ในมือของกษัตริย์แห่งบาบิโลน และเขาจะยึดเมืองนี้
\s5
\p
\v 4 เศเดคียาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์จะหนีไปไม่พ้นจากมือของคนเคลเดีย เพราะเขาจะถูกมอบไว้ในมือของกษัตริย์แห่งบาบิโลนเป็นแน่ ปากของเขาจะพูดต่อพระโอษฐ์ของกษัตริย์ และดวงตาทั้งหลายของเขาจะเห็นพระเนตรทั้งหลายของกษัตริย์
\v 5 เขาจะนำเศเดคียาห์ไปยังบาบิโลน และเขาจะอยู่ที่นั่นจนกว่าเราจะไปจัดการกับเขาเอง นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์ ถ้าเจ้าจะต่อสู้กับชาวเคลเดีย เจ้าจะทำไม่สำเร็จ'''
\v 6 เยเรมีย์ได้กล่าวว่า "พระวจนะของพระยาห์เวห์ได้มายังข้าพเจ้า กล่าวว่า
\s5
\p
\v 7 'นี่แน่ะ ฮานัมเอลบุตรชัลลูมลุงของเจ้าจะมาหาเจ้าและจะกล่าวว่า "จงซื้อนาของข้าพเจ้าซึ่งอยู่ที่อานาโธทสำหรับท่านเอง เพราะว่าสิทธิของการซื้อนั้นเป็นของท่าน'''''
\v 8 แล้ว ดังที่พระยาห์เวห์ได้ทรงประกาศแล้ว ฮานัมเอลบุตรชายของลุงของข้าพเจ้าก็ได้มาหาข้าพเจ้าที่บริเวณของทหารรักษาพระองค์ และได้พูดกับข้าพเจ้าว่า 'จงซื้อนาของข้าพเจ้าซึ่งอยู่ที่อานาโธทในแผ่นดินของเบนยามิน เพราะสิทธิการรับมรดกเป็นของท่าน และสิทธิการซื้อก็เป็นของท่าน จงซื้อไว้เป็นของท่านเถิด' แล้วข้าพเจ้าจึงได้ทราบว่า นี่เป็นพระวจนะของพระยาห์เวห์
\v 9 ดังนั้นข้าพเจ้าก็ซื้อนาที่อานาโธทจากฮานัมเอลบุตรชายของลุงของข้าพเจ้า และข้าพเจ้าได้ชั่งเงินให้แก่เขา หนักสิบเจ็ดเชเขล
\s5
\p
\v 10 แล้วข้าพเจ้าก็ได้เขียนในหนังสือม้วนและได้ประทับตราไว้ และมีพยานหลายคนเป็นพยานให้ แล้วข้าพเจ้าก็ได้ชั่งเงินในตาชั่ง
\v 11 ต่อจากนั้นข้าพเจ้าก็รับโฉนดของการซื้อที่ได้ประทับตราแล้ว ตามด้วยคำสั่งและตกลงทั้งหลายรวมทั้งโฉนดที่ได้เปิดผนึกอยู่
\v 12 ข้าพเจ้าก็ได้มอบหนังสือม้วนที่ประทับตราไว้ให้แก่บารุคบุตรชายของเนริยาห์ ผู้เป็นบุตรชายของมาห์เสยาห์ ต่อหน้าฮานัมเอลบุตรชายของลุงของข้าพเจ้า และต่อหน้าพยานทั้งหลายผู้ได้ลงนามในหนังสือม้วนที่ได้ประทับตราแล้ว และต่อหน้าพวกยูดาห์ ผู้ซึ่งได้นั่งอยู่ในบริเวณทหารรักษาพระองค์
\s5
\p
\v 13 ดังนั้นข้าพเจ้าได้กำชับบารุคต่อหน้าพวกเขา ข้าพเจ้าได้กล่าวว่า
\v 14 'พระยาห์เวห์จอมเจ้านาย พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า จงเอาเอกสารเหล่านี้ไปเสีย ทั้งใบเสร็จของการซื้อที่ได้ประทับตรากับสำเนาทั้งหลายที่ไม่ได้ประทับตราของโฉนดในการซื้อนี้ และเก็บพวกมันไว้ในภาชนะดินเพื่อจะทนอยู่ได้นาน
\v 15 เพราะพระยาห์เวห์จอมเจ้านาย พระเจ้าแห่งอิสราเอล ตรัสดังนี้ว่า บ้านเรือนทั้งหลาย และไร่นาทั้งหลาย และสวนองุ่นทั้งหลายจะมีการซื้อขายกันอีกในแผ่นดินนี้"
\s5
\p
\v 16 หลังจากข้าพเจ้าได้มอบใบเสร็จของการซื้อให้แก่บารุคบุตรชายของเนริยาห์แล้ว ข้าพเจ้าได้อธิษฐานต่อพระยาห์เวห์ และได้กล่าวว่า
\v 17 'อนิจจาเอ๋ย ข้าแต่พระยาห์เวห์องค์พระผู้เป็นเจ้า ดูเถิด พระองค์เท่านั้นผู้ได้ทรงสร้างท้องฟ้าและแผ่นดินโลกด้วยฤทธานุภาพยิ่งใหญ่ของพระองค์ และด้วยพระหัตถ์ซึ่งทรงเหยียดออกของพระองค์ ไม่มีสิ่งใดที่ยากเกินสำหรับพระองค์ที่จะทรงกระทำ
\v 18 พระองค์ทรงสำแดงพันธสัญญาที่สัตย์ซื่อต่อคนเป็นพันๆ และทรงเทความผิดบาปของคนเหล่านั้นให้ตกที่บรรดาหน้าตักของพวกลูกหลานของพวกเขาที่สืบต่อจากพวกเขามา พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าที่ยิ่งใหญ่และทรงฤทธิ์ พระนามของพระองค์คือพระยาห์เวห์จอมเจ้านาย
\s5
\p
\v 19 พระองค์ทรงมีพระปัญญาที่เฉียบแหลมยิ่ง และทรงฤทธานุภาพในพระราชกิจทั้งปวง เพราะพระเนตรของพระองค์ทรงเห็นทุกวิถีทางของมนุษย์ ทรงประทานให้แต่ละคนในสิ่งที่พวกเขากระทำและตามการกระทำทั้งหลายที่พวกเขาควรได้รับ
\v 20 พระองค์ได้ทรงเป็นผู้สำแดงหมายสำคัญและการอัศจรรย์ในแผ่นดินอียิปต์ จนถึงสมัยนี้ในอิสราเอล และท่ามกลางมนุษยชาติ พระองค์ได้ทรงทำให้พระนามเลื่องลือไป
\v 21 เพราะพระองค์ได้ทรงนำอิสราเอลประชาชนของพระองค์ออกจากแผ่นดินอียิปต์ ด้วยหมายสำคัญและการอัศจรรย์ ด้วยพระหัตถ์เข้มแข็งและพระกรที่เหยียดออกและด้วยความน่ากลัวอย่างยิ่ง
\s5
\p
\v 22 แล้วพระองค์ได้ทรงประทานแผ่นดินนี้แก่พวกเขา ซึ่งพระองค์ได้ทรงปฏิญาณแก่เหล่าบรรพบุรุษของพวกเขาว่าจะทรงประทานแก่พวกเขา คือแผ่นดินซึ่งมีน้ำนมและน้ำผึ้งไหล
\v 23 ดังนั้นพวกเขาก็ได้เข้าไปและถือกรรมสิทธิ์แผ่นดินนั้น แต่พวกเขาไม่ได้เชื่อฟังพระสุรเสียงของพระองค์ หรือดำเนินชีวิตตามธรรมบัญญัติของพระองค์ พวกเขาไม่ได้ทำสิ่งซึ่งพระองค์ได้ทรงบัญชาพวกเขาให้ทำเลย ดังนั้นพระองค์ได้ทรงให้ภัยพิบัติทั้งสิ้นนี้มาถึงเขา
\v 24 ดูสิ เชิงเทินที่ล้อมอยู่ได้มาถึงเมืองเพื่อจะยึดเอาแล้ว เพราะเนื่องด้วยดาบ การกันดารอาหาร และโรคระบาด เมืองนี้ก็ได้ถูกมอบไว้ในมือของคนเคลเดียผู้กำลังต่อสู้อยู่นั้น เพราะสิ่งที่พระองค์ได้ตรัสแล้วก็ได้กำลังเกิดขึ้นแล้ว และนี่แน่ะ พระองค์กำลังทอดพระเนตรอยู่
\s5
\p
\v 25 แล้วพระองค์เองได้ตรัสกับข้าพระองค์ว่า "จงเอาเงินซื้อนาสำหรับตัวเจ้าเองและหาเหล่าพยานเสียมาเป็นพยาน แม้ว่าเมืองนี้จะถูกมอบไว้ในมือของคนเคลเดีย'''''
\v 26 พระวจนะของพระยาห์เวห์มายังเยเรมีย์ว่า
\v 27 "นี่แน่ะ เราคือยาห์เวห์พระเจ้าของมนุษยชาติทั้งสิ้น มีสิ่งใดที่ยากเกินสำหรับเราที่จะทำหรือ?
\s5
\p
\v 28 เพราะฉะนั้น พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า 'นี่แน่ะ เรากำลังจะมอบเมืองนี้ไว้ในมือของคนเคลเดีย และในมือของเนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์แห่งบาบิโลน เขาจะยึดมัน
\v 29 คนเคลเดียผู้ต่อสู้กับเมืองนี้จะมาและจุดไฟเผาเมืองนี้เสีย รวมทั้งบรรดาบ้านทั้งหลายที่ประชาชนได้นมัสการพระบาอัลบนหลังคาทั้งหลายและเทเครื่องดื่มบูชาถวายแก่พระอื่น ๆ เพื่อยั่วเย้าเรา
\v 30 เพราะพงศ์พันธุ์อิสราเอลและพงศ์พันธุ์ยูดาห์ได้เป็นประชาชนผู้ที่ทำแต่ความชั่วในสายตาของเราตั้งแต่วัยหนุ่มสาว ประชาชนอิสราเอลได้ยั่วเย้าเราให้โกรธด้วยการกระทำทั้งหลายด้วยมือของพวกเขา นี่เป็นคำประกาศของพระยาห์เวห์
\s5
\p
\v 31 พระยาห์เวห์ทรงประกาศว่าเมืองนี้ได้เร้าความกริ้วของเราและความโกรธของเรา ตั้งแต่วันที่พวกเขาได้สร้างมันขึ้น มันได้เป็นอย่างนั้นจนถึงทุกวันนี้ เพราะฉะนั้น เราจะเอามันออกไปให้พ้นหน้าของเรา
\v 32 เพราะว่าความชั่วทั้งสิ้นของประชาชนอิสราเอลและยูดาห์ สิ่งทั้งหลายซึ่งพวกเขาได้กระทำที่ยั่วเย้าเรา คือทั้งพวกเขา บรรดากษัตริย์ เจ้านายทั้งหลาย บรรดาปุโรหิตและผู้เผยพระวจนะทั้งหลายของพวกเขา และทุกคนในยูดาห์และชาวเยรูซาเล็ม
\v 33 พวกเขาได้หันหลังทั้งหลายต่อเรา แทนที่จะหันหน้าทั้งหลายของพวกเขา แม้ว่าเราได้สอนเขาอย่างใจจดใจจ่อ แต่ไม่มีสักคนเดียวในพวกเขาได้ฟังเพื่อรับการสั่งสอน
\s5
\p
\v 34 พวกเขาได้ตั้งเหล่ารูปเคารพน่าสะอิดสะเอียนไว้ในนิเวศซึ่งได้เรียกตามชื่อของเรา ทำให้มีมลทิน
\v 35 พวกเขาได้สร้างสถานสูงต่างๆ สำหรับพระบาอัลในหุบเขาเบนฮินโนม เพื่อให้บรรดาบุตรชายและบุตรหญิงลุยไฟเพื่อพระโมเลค เราไม่ได้บัญชาพวกเขา หรือไม่เคยอยู่ในความคิดของเราว่า พวกเขาควรจะทำสิ่งน่าเกลียดน่าชังนี้และ ดังนั้นทำให้ยูดาห์ผิดบาป'
\v 36 บัดนี้ เราเอง พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสเกี่ยวกับเมืองนี้ เมืองที่ซึ่งพวกเจ้ากำลังพูดว่า 'มันได้ถูกยกให้ไว้ในมือของกษัตริย์แห่งบาบิโลน ด้วยดาบ ด้วยการกันดารอาหาร และด้วยโรคระบาด'
\s5
\p
\v 37 ดูเถิด เรากำลังจะรวบรวมพวกเขามาจากประเทศทั้งปวง ซึ่งเราได้ขับไล่พวกเขาให้ไปอยู่นั้นด้วยความกริ้ว ด้วยความพิโรธ และความโกรธอย่างรุนแรงของเรา เรากำลังจะนำเขาทั้งหลายกลับมายังสถานที่นี้ และจะทำให้เขาอาศัยอยู่อย่างปลอดภัย
\v 38 แล้วพวกเขาจะเป็นประชาชนของเรา และเราจะเป็นพระเจ้าของพวกเขา
\v 39 เราจะให้ใจเดียวและทางเดียวแก่พวกเขาเพื่อจะให้เกียรติเราทุกวัน ดังนั้นมันจะเป็นสิ่งดีแก่พวกเขาและแก่บรรดาลูกหลานของพวกเขาที่ตามมา
\s5
\p
\v 40 แล้วเราจะทำพันธสัญญานิรันดร์กับพวกเขา ว่าเราจะไม่หันไปจากการทำความดีแก่พวกเขา เราจะตั้งเกียรติเราไว้ในใจของพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจะไม่หันไปจากเรา
\v 41 แล้วเราจะยินดีทำความดีต่อพวกเขา เราจะปลูกพวกเขาอย่างสัตย์ซื่อในแผ่นดินนี้ด้วยสุดใจและสุดชีวิตของเรา
\v 42 เพราะพระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า 'ดังที่เราได้นำสิ่งร้ายอย่างยิ่งมาเหนือชนชาตินี้ ดังนั้นเราก็จะนำสิ่งดีทั้งปวงซึ่งเราได้กล่าวแล้วนั้นมาเหนือพวกเขาเช่นกัน
\s5
\p
\v 43 แล้วจะมีการซื้อทุ่งนาทั้งหลายกันในแผ่นดินนี้เกี่ยวกับที่พวกเจ้ากำลังกล่าวถึงว่า "นี่เป็นแผ่นดินที่ร้างเปล่า ซึ่งไม่มีมนุษย์หรือสัตว์ป่า เพราะมันได้ถูกมอบไว้ในมือของคนเคลเดีย"
\v 44 พวกเขาจะซื้อที่นาเหล่านั้นด้วยเงิน และจะเขียนในหนังสือม้วนทั้งหลายที่ได้ประทับตรา พวกเขาจะประชุมพยานทั้งหลายในแผ่นดินของเบนยามิน รอบเยรูซาเล็มทั้งสิ้น และในเมืองทั้งหลายของยูดาห์ ในเมืองทั้งหลายแถบดินแดนเทือกเขา และในที่ราบต่ำทั้งหลาย และในเมืองทั้งหลายของเนเกบ เพราะเราจะนำพวกเขากลับสู่สภาพเดิม นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์'''
\s5
\c 33
\p
\v 1 แล้วพระวจนะของพระยาห์เวห์ได้มายังเยเรมีย์เป็นครั้งที่สอง ขณะเมื่อเขายังถูกกักตัวอยู่ในบริเวณของทหารรักษาพระองค์ กล่าวว่า
\v 2 "พระยาห์เวห์พระผู้ทรงสร้าง ตรัสดังนี้ว่า พระยาห์เวห์ ผู้ทรงสร้างมันเพื่อสถาปนาไว้ พระยาห์เวห์คือพระนามของพระองค์
\v 3 'จงทูลต่อเรา และเราจะตอบเจ้า และเราจะแสดงสิ่งยิ่งใหญ่ทั้งหลาย ข้อลึกลับทั้งปวงซึ่งเจ้าไม่เข้าใจ'
\s5
\p
\v 4 เพราะพระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอลได้ตรัสดังนี้เกี่ยวกับเรื่องบ้านเรือนทั้งหลายในกรุงนี้ และพระราชวังทั้งหลายของบรรดากษัตริย์แห่งยูดาห์ ซึ่งถูกรื้อลงเพื่อใช้ต้านเชิงเทินและดาบ
\v 5 'พวกคนเคลเดียกำลังมาเพื่อต่อสู้และถมบ้านเรือนทั้งหลายด้วยพวกศพของคนที่เราจะสังหารด้วยความกริ้วและความพิโรธของเรา เมื่อเราได้ซ่อนหน้าของเราจากเมืองนี้ เนื่องจากความอธรรมของพวกเขา
\v 6 แต่นี่แน่ะ เรากำลังจะนำการเยียวยาและการรักษามา เพราะเราจะรักษาพวกเขาทั้งหลายให้หายและจะนำความอุดมสมบูรณ์ สันติสุข และความน่าเชื่อถือมาให้พวกเขา
\s5
\p
\v 7 เพราะเราจะนำความรุ่งเรืองทั้งหลายมาให้ยูดาห์และอิสราเอล เราจะสร้างพวกเขาขึ้นใหม่อย่างที่เป็นมาแต่เดิมนั้น
\v 8 แล้วเราจะชำระพวกเขาจากความผิดบาปทั้งสิ้นซึ่งพวกเขาได้ทำต่อเรา เราจะให้อภัยความผิดบาปทั้งสิ้นของพวกเขาซึ่งพวกเขาได้ทำต่อเรา และในทุกวิถึทางที่พวกเขาได้กบฎต่อเรา
\v 9 เพราะเมืองนี้จะกลายเป็นสิ่งที่ชื่นบานสำหรับเรา เป็นบทเพลงแห่งการสรรเสริญ และเป็นศักดิ์ศรีต่อประชาชาติทั้งสิ้นแห่งแผ่นดินโลก ซึ่งจะได้ยินถึงสิ่งดีทั้งปวงซึ่งเรากำลังจะทำเพื่อพวกเขา แล้วพวกเขาจะเกรงกลัวและตัวสั่น เพราะสิ่งดีทั้งปวงและสันติสุขซึ่งเราจะให้แก่พวกเขา'
\s5
\p
\v 10 พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า 'ในสถานที่นี้เกี่ยวกับที่เจ้ากำลังกล่าวว่า "มันเป็นที่ทิ้งร้าง สถานที่ที่ไม่มีมนุษย์หรือสัตว์ป่า" คือในเมืองต่างๆ ของยูดาห์และตามถนนต่างๆ ในเยรูซาเล็มซึ่งร้างเปล่า ไม่มีมนุษย์หรือสัตว์ป่า จะมีเสียงให้ได้ยินอีกครั้ง
\v 11 เสียงของความรื่นเริงและเสียงของความยินดี เสียงของเจ้าบ่าวและเสียงของเจ้าสาว และเสียงของบรรดาคนเหล่านั้นที่กล่าว ขณะที่พวกเขานำเครื่องบูชาขอบพระคุณมายังพระนิเวศของพระยาห์เวห์ว่า "จงถวายขอบพระคุณแด่พระยาห์เวห์จอมเจ้านาย เพราะพระยาห์เวห์ทรงประเสริฐ และความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่เป็นนิตย์" เพราะเราจะนำความรุ่งเรืองทั้งหลายของแผ่นดินนั้นกลับสู่สภาพเดิมที่พวกเขาเคยมีก่อนหน้านั้น' พระยาห์เวห์ตรัส
\v 12 พระยาห์เวห์จอมเจ้านายตรัสดังนี้ว่า 'ในสถานที่ทิ้งร้างนี้ ที่ทุกวันนี้ไม่มีมนุษย์หรือสัตว์ป่า ในเมืองทั้งหมดนี้จะมีทุ่งหญ้าทั้งหลายอีกครั้งที่พวกผู้เลี้ยงแกะจะพาฝูงแกะของพวกเขามาพัก
\s5
\p
\v 13 ในเมืองต่างๆ แถบแดนเทือกเขา ในดินแดนที่ลุ่ม และในเนเกบ ในแผ่นดินของเบนยามิน และตามสถานที่ทุกแห่งรอบเยรูซาเล็ม และในเมืองต่างๆ ของยูดาห์ ฝูงแกะทั้งหลายจะผ่านใต้มือทั้งหลายของคนเหล่านั้นที่นับพวกมันอีกครั้ง' พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า
\v 14 'จงดูเถิด วันเหล่านั้นกำลังจะมา นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์ เมื่อเราจะทำสิ่งที่เราได้สัญญาไว้ต่อพงศ์พันธุ์อิสราเอลและพงศ์พันธุ์ยูดาห์
\v 15 ในวันเหล่านั้นและในเวลานั้น เราจะให้กิ่งชอบธรรมเกิดมาเพื่อดาวิด และเขาจะนำความยุติธรรมและความชอบธรรมให้แก่แผ่นดิน
\s5
\p
\v 16 ในวันทั้งหลายเหล่านั้น ยูดาห์จะได้รับการช่วยให้รอด และเยรูซาเล็มจะอาศัยอยู่อย่างมั่นคง เพราะนี่เป็นชื่อซึ่งเขาจะเรียกเมืองนั้นคือ "พระยาห์เวห์ทรงเป็นความชอบธรรมของเรา'''
\v 17 เพราะพระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า 'เชื้อสายของดาวิดจะไม่เคยต้องขาดผู้ชายที่จะประทับบนบัลลังก์แห่งพงศ์พันธุ์ของอิสราเอล
\v 18 หรือพวกปุโรหิตเผ่าเลวีจะไม่ขาดผู้ชายที่อยู่ต่อหน้าเรา เพื่อถวายบรรดาเครื่องเผาบูชา และเครื่องธัญญาหารเผาบูชา และเครื่องธัญบูชาเป็นนิตย์'''
\s5
\p
\v 19 พระวจนะของพระยาห์เวห์ได้มายังเยเรมีย์ กล่าวว่า
\v 20 "พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า 'ถ้าเจ้าสามารถล้มเลิกพันธสัญญาของเราด้วยวันและคืนได้ เพื่อว่า จะไม่มีวันหรือคืนมาตามเวลากำหนดทั้งหลายของพวกมันอีกต่อไป
\v 21 แล้วเจ้าจึงจะสามารถล้มเลิกพันธสัญญาของเราต่อดาวิดผู้รับใช้ของเราได้ เพื่อว่าเขาจะไม่มีบุตรชายที่จะนั่งบนบัลลังก์ของเขา และล้มเลิกพันธสัญญาของเราต่อพวกปุโรหิตเผ่าเลวี ผู้รับใช้ทั้งหลายของเราได้
\s5
\p
\v 22 ดังที่บริวารของฟ้านั้นไม่สามารถจะนับได้ และเม็ดทรายที่ชายทะเลทั้งหลายก็ตวงไม่ได้ฉันใด ดังนั้นเราก็จะเพิ่มจำนวนเชื้อสายของดาวิดผู้รับใช้ของเรา และพวกคนเลวีผู้ปรนนิบัติของเรามากขึ้นฉันนั้น'''
\v 23 พระวจนะของพระยาห์เวห์ได้มาถึงเยเรมีย์ กล่าวว่า
\v 24 "เจ้าไม่ได้พิจารณาหรือว่า ชนชาตินี้ได้ประกาศอะไร เมื่อพวกเขาได้กล่าวว่า 'สองตระกูลที่พระยาห์เวห์ได้ทรงเลือกไว้นั้น บัดนี้พระองค์ได้ทรงทอดทิ้งพวกเขาเสียแล้ว'? ดังนี้แหละ เขาทั้งหลายได้ดูหมิ่นประชาชนของเรา กล่าวว่าพวกเขาไม่ใช่ประชาชาติในสายตาเขาทั้งหลายอีกต่อไป
\s5
\p
\v 25 เราเอง พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า 'ถ้าเราไม่ได้สถาปนาพันธสัญญาของเรากับวันและคืน และถ้าเราไม่ได้กำหนดกฎเกณฑ์ต่างๆ ของท้องฟ้าและแผ่นดินโลก
\v 26 แล้วเราจะทอดทิ้งบรรดาเชื้อสายของยาโคบและดาวิดผู้รับใช้ของเรา และจะไม่เลือกผู้หนึ่งจากพวกเขาให้ครอบครองเหนือเหล่าพงศ์พันธุ์ของอับราฮัม อิสอัค และยาโคบ เพราะเราจะให้พวกเขากลับสู่ความรุ่งเรืองตามเดิม และจะสำแดงความเมตตาต่อพวกเขา'''
\s5
\c 34
\p
\v 1 พระวจนะที่ได้มาถึงเยเรมีย์จากพระยาห์เวห์ เมื่อเนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์แห่งบาบิโลน และกองทัพทั้งหมดของพระองค์ พร้อมด้วยบรรดาราชอาณาจักรทั้งหลายในแผ่นดินโลก ซึ่งอยู่ใต้การครอบครองของพระองค์ และชนชาติทั้งหลายกำลังต่อสู้กับเยรูซาเล็ม และเมืองทั้งปวงนั้น กล่าวว่า
\v 2 'พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล ตรัสดังนี้ว่า จงไปและพูดกับเศเดคียาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์ และกล่าวแก่พระองค์ว่า "พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า นี่แน่ะ เรากำลังจะมอบเมืองนี้ไว้ในมือกษัตริย์แห่งบาบิโลน พระองค์จะเผาเสียด้วยไฟ
\v 3 เจ้าจะไม่รอดไปจากมือของพระองค์ เพราะเจ้าจะถูกจับอย่างแน่นอนและถูกมอบไว้ในมือของพระองค์ ตาของเจ้าจะได้เห็นพระเนตรของกษัตริย์แห่งบาบิโลน พระองค์จะพูดโดยตรงกับเจ้า ขณะที่เจ้าไปยังบาบิโลน'
\s5
\p
\v 4 ขอทรงสดับพระวจนะของพระยาห์เวห์ ข้าแต่เศเดคียาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์ พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้เกี่ยวกับพระองค์ว่า 'เจ้าจะไม่ตายด้วยดาบ
\v 5 เจ้าจะตายด้วยความสงบ ตามที่ในเพลิงเผาศพของบรรดาบรรพบุรุษของเจ้าคือกษัตริย์ทั้งหลายซึ่งได้อยู่ก่อนเจ้าอย่างไร เขาจะก่อเพลิงเพื่อเจ้าอย่างนั้น พวกเขาจะกล่าวว่า "อนิจจาเอ๋ย เจ้านายพระเจ้าข้า" พวกเขาจะร้องไห้คร่ำครวญเพื่อเจ้า บัดนี้ เราได้ลั่นวาจาไว้แล้ว นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์"
\v 6 ดังนั้นเยเรมีย์ผู้เผยพระวจนะได้ประกาศพระวจนะเหล่านี้ต่อเศเดคียาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์ในเยรูซาเล็ม
\s5
\p
\v 7 กองทัพของกษัตริย์แห่งบาบิโลนได้สู้รบเยรูซาเล็มและเมืองต่างๆ ของยูดาห์ที่ยังเหลืออยู่ คือ เมืองลาคีชและเมืองอาเซคาห์ เมืองทั้งสองนี้ของยูดาห์ที่ยังเหลืออยู่เนื่องจากเป็นเมืองที่มีกำแพงป้อม
\v 8 พระวจนะมาถึงเยเรมีย์จากพระยาห์เวห์ หลังจากกษัตริย์เศเดคียาห์ได้ทรงทำพันธสัญญากับประชาชนในเยรูซาเล็มว่า จะประกาศอิสรภาพแก่เขาทั้งหลาย
\v 9 ว่าให้แต่ละคนปล่อยทาสฮีบรูของเขาให้เป็นอิสระ ทั้งผู้ชายและผู้หญิง เพื่อจะไม่มีใครทำให้คนยิวเป็นทาส ผู้ซึ่งเป็นพี่น้องของเขา
\s5
\p
\v 10 ดังนั้นบรรดาผู้นำและบรรดาประชาชนผู้เข้าทำพันธสัญญาว่า แต่ละคนจะปล่อยทาสของตนทั้งทาสผู้ชายและทาสผู้หญิง เพื่อพวกเขาจะไม่ตกเป็นทาสอีกต่อไป เขาทั้งหลายก็ได้เชื่อฟังและได้ปล่อยพวกทาสให้เป็นอิสระ
\v 11 แต่ภายหลังจากนี้พวกเขาได้เปลี่ยนใจของพวกเขา พวกเขาได้จับพวกทาส ซึ่งเขาได้ปล่อยให้เป็นอิสระแล้วนั้น พวกเขาได้บังคับพวกทาสเหล่านั้นให้เป็นทาสอีก
\v 12 ดังนั้นพระวจนะแห่งพระยาห์เวห์ได้มายังเยเรมีย์ กล่าวว่า
\s5
\p
\v 13 "พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า 'เราเองได้ทำพันธสัญญากับพวกบรรพบุรุษของเจ้า ในวันที่เราได้นำพวกเขาออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ ออกจากเรือนทาส นั่นแหละที่เราได้กล่าวว่า
\v 14 "เมื่อถึงทุกสิ้นปีที่เจ็ด แต่ละคนจะต้องปล่อยพี่น้อง เพื่อนชาวฮีบรูผู้ที่ได้ถูกขายตัวเขาเองไว้กับเจ้า และได้รับใช้เจ้ามาหกปี จงปล่อยเขาให้เป็นอิสระ" แต่พวกบรรพบุรุษของเจ้าไม่ได้ฟังเราและไม่เงี่ยหูของพวกเขาต่อเรา
\v 15 บัดนี้เจ้าเองได้กลับใจและได้เริ่มต้นทำสิ่งที่ถูกต้องในสายตาของเรา เจ้าได้ประกาศอิสรภาพแต่ละคนแก่เพื่อนบ้านของเขา และเจ้าได้ทำพันธสัญญาต่อหน้าเราในนิเวศซึ่งเรียกตามชื่อของเรา
\s5
\p
\v 16 แต่แล้วเจ้าก็ได้หวนกลับและได้ทำให้นามของเราเป็นมลทิน เจ้าแต่ละคนทำให้เกิดการจับทาสผู้ชายและทาสผู้หญิงของเขา พวกที่เจ้าได้ปล่อยออกไปให้ไปที่พวกเขาได้ปรารถนา เจ้าได้บังคับให้พวกเขากลับมาให้เป็นทาสอีกครั้ง'
\v 17 เพราะฉะนั้น พระยาห์เวห์จึงตรัสดังนี้ว่า 'พวกเจ้าเองไม่ได้เชื่อฟังเรา เจ้าควรที่จะประกาศอิสรภาพ พวกเจ้าแต่ละคน แก่บรรดาพี่น้องและเหล่าเพื่อนบ้านอิสราเอล ดังนั้นนี่แน่ะ เรากำลังจะประกาศอิสรภาพแก่พวกเจ้า นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์ อิสรภาพ สำหรับดาบ โรคระบาด และการกันดารอาหาร เพราะเรากำลังจะทำให้เจ้าเป็นสิ่งที่หวาดกลัวในสายตาของทุกราชอาณาจักรบนแผ่นดินโลก
\v 18 แล้วเราจะทำให้ประชาชนที่ได้ทำลายพันธสัญญาของเรา ผู้ที่ไม่ได้ทำตามบรรดาข้อตกลงในพันธสัญญาซึ่งพวกเขาได้กระทำต่อหน้าเรา เมื่อพวกเขาได้ผ่าวัวตัวผู้ออกเป็นสองซีก และได้เดินผ่านระหว่างซีกทั้งสองนั้น
\s5
\p
\v 19 และแล้วผู้นำทั้งหลายแห่งยูดาห์และเยรูซาเล็ม พวกขันทีทั้งหลาย และพวกปุโรหิตและบรรดาประชาชนแห่งแผ่นดินนั้นที่ได้เดินผ่านระหว่างส่วนทั้งสองของวัวตัวผู้นั้น
\v 20 เราจะมอบพวกเขาไว้ในมือบรรดาศัตรูของพวกเขา และในมือของคนเหล่านั้นที่แสวงเอาชีวิตของพวกเขา ศพทั้งหลายของพวกเขาจะเป็นอาหารของบรรดานกในอากาศและของสัตว์ป่าบนแผ่นดินโลก
\v 21 ดังนั้น เราจะมอบเศเดคียาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์และผู้นำทั้งหลายของเขานั้นไว้ในมือศัตรูของเขาและมอบไว้ในมือของบรรดาผู้ที่แสวงเอาชีวิตของพวกเขา และมอบไว้ในมือของกองทัพแห่งกษัตริย์บาบิโลนซึ่งได้ลุกขึ้นต่อสู้กับเจ้า
\v 22 นี่แน่ะ เรากำลังจะให้คำบัญชา นี่เป็นคำประกาศของพระยาห์เวห์ และจะนำพวกเขากลับมายังเมืองนี้ เขาจะสู้รบและยึดเอาจนได้ และเผาเสียด้วยไฟ เพราะเราจะทำให้เมืองต่างๆ ของยูดาห์เป็นที่ทั้งหลายที่ปรักหักพัง ซึ่งจะไม่มีคนอาศัย'''
\s5
\c 35
\p
\v 1 พระวจนะจากพระยาห์เวห์ได้มาถึงเยเรมีย์ ในรัชกาลเยโฮยาคิม โอรสของโยสิยาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์ กล่าวว่า
\v 2 "จงไปหาคนตระกูลเรคาบและพูดกับพวกเขา แล้วให้นำพวกเขามาที่พระนิเวศของเรา เข้ามาในห้องหนึ่งของห้องทั้งหลาย แล้วให้พวกเขาดื่มเหล้าองุ่น"
\v 3 ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงได้นำยาอาซันยาห์บุตรชายของเยเรมีย์ผู้เป็นบุตรชายของฮาบาซินยาห์ และพวกพี่น้องของเขา และบุตรชายทั้งหมดของเขาและคนตระกูลเรคาบทุกคน
\s5
\p
\v 4 ข้าพเจ้าได้นำพวกเขามายังพระนิเวศของพระยาห์เวห์ มาในห้องทั้งหลายของบุตรชายของฮานัน ผู้เป็นบุตรชายของอิกดาลิยาห์ คนของพระเจ้า ห้องเหล่านี้ได้อยู่ใกล้กับห้องของผู้นำทั้งหลาย ซึ่งได้อยู่เหนือห้องของมาอาเสยาห์บุตรชายของชัลลูม คนดูแลประตู
\v 5 แล้วข้าพเจ้าก็ได้วางเหยือกเหล้าองุ่นหลายเหยือกกับถ้วยหลายใบที่เต็มไปด้วยเหล้าองุ่นไว้ต่อหน้าคนตระกูลเรคาบ และได้พูดกับพวกเขาว่า "ขอเชิญดื่มเหล้าองุ่น"
\v 6 แต่เขาทั้งหลายได้ตอบว่า "พวกเราจะไม่ดื่มเหล้าองุ่น เพราะโยนาดับบุตรชายของเรคาบผู้เป็นบรรพบุรุษของพวกเราสั่งพวกเราว่า 'อย่าดื่มเหล้าองุ่น ทั้งตัวเจ้าและบรรดาลูกหลานของเจ้าเป็นนิตย์
\s5
\p
\v 7 ทั้งอย่าสร้างบ้านใดๆ เลย อย่าหว่านพวกเมล็ดพืช หรืออย่าปลูกสวนองุ่นใดๆ เลยเช่นกัน นี่ไม่ใช่สำหรับพวกเจ้า แต่พวกเจ้าจงอาศัยอยู่ในเต็นท์ทั้งหลายตลอดชีวิตของพวกเจ้า เพื่อพวกเจ้าจะมีชีวิตยืนนานในแผ่นดินซึ่งเจ้ากำลังอาศัยอยู่ในฐานะคนต่างด้าวทั้งหลาย'
\v 8 พวกเราได้เชื่อฟังเสียงของโยนาดับบุตรชายของเรคาบ ผู้เป็นบรรพบุรุษของพวกเรา ในทุกสิ่งซึ่งเขาได้สั่งเราไว้ คือไม่ดื่มเหล้าองุ่นตลอดชีวิตของเรา ทั้งตัวเรา ภรรยาของพวกเรา เหล่าบุตรชายและบุตรหญิงของพวกเรา
\v 9 เราจะไม่สร้างบ้านทั้งหลายเพื่อจะอาศัยอยู่ และจะไม่มีสวนองุ่น หรือทุ่งนา หรือเมล็ดพืชในการครอบครองของพวกเรา
\s5
\p
\v 10 พวกเราได้อาศัยอยู่ในเต็นท์ทั้งหลายและพวกเราได้เชื่อฟังและได้ทำทุกสิ่งซึ่งโยนาดับบรรพบุรุษของพวกเราได้บัญชาพวกเราไว้
\v 11 แต่เมื่อเนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์แห่งบาบิโลนได้ทรงโจมตีแผ่นดินนี้ เราได้พูดว่า 'มาเถิด เราจะต้องไปยังเยรูซาเล็มเพื่อหลบหนีจากคนเคลเดียและกองทัพทั้งหลายของคนอาราเมียน' ดังนั้นเราจึงอาศัยอยู่ที่เยรูซาเล็ม"
\v 12 แล้วพระวจนะแห่งพระยาห์เวห์มาถึงเยเรมีย์ กล่าวว่า
\s5
\p
\v 13 "พระยาห์เวห์จอมเจ้านาย พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า 'จงไปและบอกบรรดาผู้ชายของยูดาห์ และบอกผู้ที่อาศัยอยู่ในเยรูซาเล็มว่า ‘เจ้าจะไม่รับคำแนะนำและเชื่อฟังบรรดาถ้อยคำของเราหรือ? นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์
\v 14 ถ้อยคำทั้งหลายของโยนาดับบุตรชายของเรคาบที่ได้ให้แก่บุตรชายทั้งหลายของเขาเป็นคำสั่งว่าไม่ให้ดื่มเหล้าองุ่นนั้น พวกเขาก็ได้รักษากันไว้จนถึงทุกวันนี้ พวกเขาได้เชื่อฟังคำสั่งของบรรพบุรุษของพวกเขา แต่สำหรับเรา เราเองได้ประกาศกับพวกเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า แต่พวกเจ้าก็ไม่ฟังเรา
\v 15 เราได้ส่งบรรดาผู้รับใช้ของเราทั้งสิ้นคือเหล่าผู้เผยพระวจนะมาหาเจ้า ส่งพวกเขามาครั้งแล้วครั้งเล่า กล่าวว่า 'ให้เจ้าทุกคนจงหันกลับจากทางชั่วของเขา และทำสิ่งที่ดีทั้งหลาย อย่าให้ผู้ใดไปติดตามพวกพระอื่นๆ และนมัสการพระเหล่านั้น แต่ให้กลับมาที่แผ่นดินซึ่งเราได้ให้แก่พวกเจ้าและเหล่าบรรพบุรุษของพวกเจ้า' แต่พวกเจ้ายังจะไม่ฟังเราหรือสนใจเราเลย
\s5
\p
\v 16 เพราะเชื้อสายทั้งหลายของโยนาดับบุตรชายของเรคาบได้รักษาคำบัญชาซึ่งบรรพบุรุษของพวกเขาได้สั่งพวกเขาไว้ แต่ชนชาตินี้ได้ปฎิเสธที่จะเชื่อฟังเรา'''
\v 17 ดังนั้นพระยาห์เวห์พระเจ้าจอมเจ้านาย พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า 'นี่แน่ะ เรากำลังนำภัยพิบัติทั้งสิ้นมาเหนือยูดาห์และทุกคนที่กำลังอาศัยอยู่ในเยรูซาเล็มตามที่เราได้ประกาศต่อสู้พวกเขาเพราะว่าเราได้ตรัสเอาไว้ แต่พวกเขาก็ไม่ฟัง เราได้เรียกพวกเขาแต่พวกเขาก็ไม่ได้ตอบ'''
\v 18 เยเรมีย์ได้พูดกับคนตระกูลเรคาบว่า "พระยาห์เวห์จอมเจ้านาย พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า พวกเจ้าได้เชื่อฟังคำสั่งทั้งหลายของโยนาดับบรรพบุรุษของพวกเจ้าและถือรักษาข้อบังคับเหล่านั้น พวกเจ้าได้เชื่อฟังทุกอย่างที่เขาได้บัญชาพวกเจ้าให้ทำ
\v 19 ดังนั้น พระยาห์เวห์จอมเจ้านาย พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า 'จะมีบางคนที่สืบเชื้อสายจากโยนาดับบุตรชายของเรคาบที่ปรนนิบัติเราอยู่เสมอ'''
\s5
\c 36
\p
\v 1 มันได้เกิดขึ้นในปีที่สี่แห่งรัชกาลเยโฮยาคิมโอรสของโยสิยาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์ ที่พระวจนะนี้ได้มาถึงเยเรมีย์จากพระยาห์เวห์ และพระองค์ได้ตรัสว่า
\v 2 "จงนำหนังสือม้วนม้วนหนึ่งมาสำหรับตัวเจ้าเอง และให้เขียนถ้อยคำนี้ทั้งสิ้นที่เราได้พูดกับเจ้าเกี่ยวกับอิสราเอล และยูดาห์และบรรดาประชาชาติทั้งสิ้น จงทำทุกสิ่งอย่างที่เราได้บอกเจ้าตั้งแต่รัชกาลโยสิยาห์จนถึงวันนี้
\v 3 บางทีประชาชนยูดาห์จะฟังถึงภัยพิบัติทั้งหลายซึ่งเราตั้งใจจะนำมาให้พวกเขา บางทีทุกคนจะหันกลับจากทางชั่วร้ายของเขา ดังนั้นเราจะได้ยกโทษความผิดและบาปของพวกเขา"
\s5
\p
\v 4 แล้วเยเรมีย์จึงได้เรียกบารุคบุตรชายของเนริยาห์มาและบารุคได้เขียนลงในหนังสือม้วน ตามคำบอกของเยเรมีย์ พระวจนะทั้งสิ้นซึ่งพระยาห์เวห์ได้ตรัสกับเขา
\v 5 ต่อจากนั้นเยเรมีย์ได้สั่งบารุค เขาได้กล่าวว่า "ข้าพเจ้าอยู่ในคุกและไม่สามารถเข้าไปในพระนิเวศของพระยาห์เวห์
\v 6 ฉะนั้นเจ้าต้องเข้าไป และจงอ่านจากหนังสือม้วน ซึ่งเจ้าได้เขียนตามคำบอกของข้าพเจ้า ในวันของการถืออดอาหาร เจ้าจงอ่านพระวจนะของพระยาห์เวห์ให้ประชาชนทั้งสิ้นในพระนิเวศของพระองค์ได้ยิน และเมืองต่างๆ ของพวกยูดาห์ทั้งสิ้นผู้ได้มาจากเมืองต่างๆ ของพวกเขาให้ได้ยินด้วยเช่นเดียวกัน จงประกาศพระวจนะเหล่านี้ให้พวกเขาฟัง
\s5
\p
\v 7 บางทีคำทูลวิงวอนของพวกเขาจะมาถึงพระยาห์เวห์ บางทีแต่ละคนจะหันกลับจากทางชั่วร้ายของเขาเพราะความกริ้วและพระพิโรธ ซึ่งพระยาห์เวห์ได้ทรงประกาศต่อชนชาตินี้นั้นร้ายแรงนัก"
\v 8 ดังนั้น บารุคบุตรชายของเนริยาห์ได้ทำทุกสิ่งที่เยเรมีย์ผู้เผยพระวจนะได้สั่งเขาให้ทำ เขาได้อ่านพระวจนะทั้งหลายของพระยาห์เวห์ด้วยเสียงดังในพระนิเวศของพระยาห์เวห์
\v 9 สิ่งนี้ได้เกิดขึ้นในปีที่ห้าและในเดือนที่เก้าแห่งรัชกาลเยโฮยาคิม โอรสของโยสิยาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์ ที่ประชาชนทั้งสิ้นในเยรูซาเล็มและประชาชนผู้ที่มาเยรูซาเล็มจากเมืองต่างๆ ของยูดาห์ได้ประกาศให้ถืออดอาหารเพื่อถวายพระเกียรติแด่พระยาห์เวห์
\s5
\p
\v 10 บารุคจึงได้อ่านบรรดาถ้อยคำของเยเรมีย์ด้วยเสียงดังในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ จากห้องของเกมาริยาห์บุตรชายของชาฟาน ผู้เป็นราชเลขา ในลานชั้นบน ซึ่งอยู่ตรงทางเข้าประตูแห่งพระนิเวศของพระยาห์เวห์ เขาได้ทำสิ่งนี้เพื่อให้ประชาชนทั้งสิ้นได้ยิน
\v 11 บัดนี้มีคายาห์บุตรชายของเกมาริยาห์ บุตรชายชาฟาน ได้ยินพระวจนะทั้งสิ้นของพระยาห์เวห์จากหนังสือม้วนแล้ว
\v 12 เขาได้ลงมาที่พระราชวังของกษัตริย์ ไปยังห้องของราชเลขา ดูเถิด ข้าราชการทั้งสิ้นกำลังนั่งอยู่ที่นั่น คือเอลีชามาราชเลขา เดไลยาห์บุตรชายของเชไมยาห์ เอลนาธันบุตรชายของอัคโบร์ เกมาริยาห์บุตรชายของชาฟาน และเศเดคียาห์บุตรชายของฮานันยาห์ และบรรดาข้าราชการทั้งสิ้น
\s5
\p
\v 13 แล้วมีคายาห์ได้รายงานถ้อยคำทั้งสิ้นซึ่งท่านได้ยินแก่พวกเขา เมื่อเขาได้ยินที่บารุคได้อ่านด้วยเสียงดังเพื่อให้ประชาชนได้ยิน
\v 14 ดังนั้นบรรดาข้าราชการจึงได้ส่งเยฮูดีบุตรชายของเนธานิยาห์ บุตรชายของเชเลมิยาห์ ผู้เป็นบุตรชายของคูชี ให้ไปหาบารุค เยฮูดีได้พูดกับบารุคว่า "จงนำหนังสือม้วนในมือของเจ้า หนังสือม้วนซึ่งเจ้ากำลังได้อ่านให้ประชาชนฟังนั้น และจงมา" ดังนั้นบารุคบุตรชายของเนริยาห์จึงได้ถือหนังสือม้วนไว้ในมือและไปหาพวกข้าราชการทั้งหลาย
\v 15 แล้วพวกเขาได้กล่าวกับท่านว่า "จงนั่งลงอ่านหนังสือนั้นให้เราได้ยิน" ดังนั้นบารุคจึงได้อ่านหนังสือม้วนนั้น
\s5
\p
\v 16 สิ่งนี้ได้เกิดขึ้นเมื่อพวกเขาได้ยินถ้อยคำทั้งสิ้นเหล่านี้ แต่ละคนได้หันหน้าไปด้วยความกลัวต่อคนที่อยู่ถัดจากเขาและได้กล่าวกับบารุคว่า "เราต้องบอกถ้อยคำเหล่านี้ต่อกษัตริย์อย่างแน่นอน"
\v 17 แล้วเขาทั้งหลายจึงถามบารุคว่า "จงบอกพวกเรา ว่าเจ้าเขียนถ้อยคำเหล่านี้ทั้งสิ้นโดยได้เขียนถ้อยคำเหล่านี้ตามคำบอกของเยเรมีย์หรือ?"
\v 18 บารุคได้ตอบพวกเขาทั้งหลายว่า "เขาได้บอกถ้อยคำเหล่านี้ทั้งสิ้นแก่ข้าพเจ้า และข้าพเจ้าก็ได้เขียนพวกมันไว้ด้วยหมึกในหนังสือม้วนนี้"
\s5
\p
\v 19 แล้วพวกข้าราชการทั้งหลายได้บอกบารุคว่า "จงไปซ่อนตัวของเจ้าเสีย และเยเรมีย์ด้วย อย่าให้ใครรู้ว่าเจ้าอยู่ที่ไหน"
\v 20 ดังนั้นเขาทั้งหลายก็เอาหนังสือม้วนไว้ในห้องของเอลีชามาราชเลขา และพวกเขาก็ได้เข้าไปเฝ้ากษัตริย์ในลาน และพวกเขาก็ได้กราบทูลถ้อยคำทั้งสิ้นนั้นต่อกษัตริย์
\v 21 แล้วกษัตริย์จึงได้รับสั่งให้เยฮูดีไปเอาหนังสือม้วนนั้นมา เยฮูดีก็ได้ไปเอามาจากห้องของเอลีชามาราชเลขา แล้วเขาก็ได้อ่านถวายกษัตริย์และแก่บรรดาข้าราชการทั้งสิ้นผู้ที่กำลังยืนอยู่ข้างพระองค์
\s5
\p
\v 22 บัดนี้ กษัตริย์กำลังประทับอยู่ในวังเหมันต์ในเดือนที่เก้า และเตาถ่านก็กำลังลุกไหม้อยู่เฉพาะพระพักตร์พระองค์
\v 23 สิ่งนี้ก็ได้เกิดขึ้นเมื่อเยฮูดีได้อ่านไปได้สามหรือสี่แถว กษัตริย์ทรงเอามีดตัดออก และทรงโยนเข้าไปในเตาไฟ จนหนังสือม้วนนั้นได้ถูกทำลายหมด
\v 24 ถึงกระนั้นกษัตริย์หรือข้าราชการทั้งหลายของพระองค์ผู้ได้ยินถ้อยคำเหล่านี้ก็ไม่ได้เกรงกลัว ไม่ได้ฉีกเสื้อผ้าของตน
\s5
\p
\v 25 เอลนาธัน เดลายาห์และเกมาริยาห์ได้ทูลวิงวอนกษัตริย์ไม่ให้พระองค์ทรงเผาหนังสือม้วน แต่พระองค์ก็ไม่ทรงฟังพวกเขา
\v 26 แล้วกษัตริย์ได้ทรงบัญชาให้เยราเมเอล พระญาติ เสไรยาห์บุตรชายของอัสรีเอลและเชเลมิยาห์บุตรชายของอับเดเอลจับบารุคอาลักษณ์และเยเรมีย์ผู้เผยพระวจนะ แต่พระยาห์เวห์ได้ทรงซ่อนเขาทั้งสอง
\v 27 แล้วถ้อยคำของพระยาห์เวห์ได้มาถึงเยเรมีย์หลังจากที่กษัตริย์ทรงเผาหนังสือม้วนและถ้อยคำทั้งหลายที่บารุคได้เขียนตามคำบอกของเยเรมีย์แล้ว ว่า
\s5
\p
\v 28 "จงกลับไป เอาหนังสือม้วนอีกม้วนหนึ่งมาสำหรับตัวเจ้าเอง และจงเขียนถ้อยคำทั้งหมดเหล่านั้นซึ่งอยู่ในหนังสือม้วนแรกลงไว้ ม้วนที่เยโฮยาคิมกษัตริย์แห่งยูดาห์ได้ทรงเผาเสียนั้น
\v 29 แล้วเจ้าจะต้องกล่าวสิ่งนี้ต่อเยโฮยาคิมกษัตริย์แห่งยูดาห์ว่า 'ท่านได้เผาหนังสือม้วนนั้น กล่าวว่า "ทำไมเจ้าจึงได้เขียนไว้ในนั้นว่า 'กษัตริย์แห่งบาบิโลนจะมาทำลายแผ่นดินนี้แน่นอน เพราะพระองค์จะทำลายมนุษย์และสัตว์ป่าในแผ่นดินนั้น?'''''
\v 30 เพราะฉะนั้น พระยาห์เวห์จึงตรัสดังนี้เกี่ยวกับพระองค์ คือเยโฮยาคิมกษัตริย์แห่งยูดาห์ว่า "จะไม่มีเชื้อสายของพระองค์ที่จะประทับบนพระที่นั่งของดาวิด สำหรับพระองค์เอง พระศพของพระองค์จะถูกทิ้งไว้ให้ตากแดดกลางวันและตากน้ำค้างแข็งเวลากลางคืน
\s5
\p
\v 31 เพราะเราจะลงโทษเจ้าและพงศ์พันธุ์ของเจ้าและพวกข้าราชการของเจ้า เพราะความผิดบาปของทุกคน เราจะนำเหตุร้ายทั้งสิ้นที่เราได้ประกาศลงโทษพวกเจ้า และทุกคนที่อาศัยอยู่ในเยรูซาเล็ม และทุกคนในยูดาห์ด้วยภัยพิบัติทั้งสิ้น ที่ซึ่งเราได้เตือนภัยพวกเจ้า แต่เป็นสิ่งที่พวกเจ้าไม่ได้ให้ความใส่ใจ"
\v 32 ดังนั้นเยเรมีย์จึงได้เอาหนังสือม้วนอีกม้วนหนึ่ง มอบให้บารุคบุตรชายของเนริยาห์ที่เป็นอารักษ์ บารุคได้เขียนถ้อยคำทั้งสิ้นในนั้นตามคำบอกของเยเรมีย์ คือถ้อยคำทั้งสิ้นที่ได้มีในหนังสือม้วนซึ่งเยโฮยาคิมกษัตริย์แห่งยูดาห์ได้ทรงเผาเสียนั้น ยิ่งไปกว่านั้น มีถ้อยคำอีกเป็นอันมากที่คล้ายคลึงกันเพิ่มเข้าไปในหนังสือม้วนนี้อีก
\s5
\c 37
\p
\v 1 บัดนี้เศเดคียาห์โอรสของโยสิยาห์ได้ทรงครองราชย์เป็นกษัตริย์แทนเยโฮยาคีนโอรสของเยโฮยาคิม เนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์แห่งบาบิโลนได้ทรงตั้งเศเดคียาห์ให้เป็นกษัตริย์เหนือแผ่นดินยูดาห์
\v 2 แต่เศเดคียาห์เอง และพวกข้าราชการของพระองค์ และประชาชนแห่งแผ่นดิน ไม่ได้ฟังพระวจนะของพระยาห์เวห์ ซึ่งพระองค์ได้ทรงประกาศผ่านทางเยเรมีย์ผู้เผยพระวจนะ
\v 3 ดังนั้นกษัตริย์เศเดคียาห์ เยฮูคัลบุตรชายของเชเลมิยาห์ และเศฟันยาห์บุตรชายของมาอาเสยาห์ปุโรหิตได้ส่งข่าวสารให้ไปหาเยเรมีย์ผู้เผยพระวจนะ พวกเขาได้กล่าวว่า "ขออธิษฐานในนามของพวกเราต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเรา"
\s5
\p
\v 4 บัดนี้เยเรมีย์กำลังเข้ามาและออกไปในท่ามกลางประชาชนอยู่ เพราะเขายังไม่ได้ถูกขังคุก
\v 5 กองทัพของฟาโรห์ได้ออกมาจากอียิปต์ เมื่อคนเคลเดียผู้ซึ่งกำลังล้อมเยรูซาเล็มอยู่ได้ทราบข่าวเกี่ยวกับพวกเขาทั้งหลายนั้น และได้ถอยทัพไปจากเยรูซาเล็ม
\v 6 แล้วพระวจนะของพระยาห์เวห์ได้มายังเยเรมีย์ผู้เผยพระวจนะ กล่าวว่า
\s5
\p
\v 7 "พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า นี่คือสิ่งที่เจ้าจะกล่าวกับกษัตริย์แห่งยูดาห์ เพราะว่าพวกเขาได้ส่งเจ้ามาเสาะหาคำแนะนำจากเราว่า 'ดูสิ กองทัพของฟาโรห์ซึ่งได้มาช่วยเจ้ากำลังจะกลับไปยังอียิปต์ แผ่นดินของพวกเขา
\v 8 คนเคลเดียจะกลับมา พวกเขาจะต่อสู้กับเมืองนี้ แล้วยึดได้และเผาเสีย'
\v 9 พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า อย่าล่อลวงตัวเองโดยกล่าวว่า 'แน่ทีเดียวคนเคลเดียจะถอยออกไปจากพวกเรา' เพราะว่าพวกเขาจะไม่ถอยออกไป
\s5
\p
\v 10 ถึงแม้ว่าเจ้าทำให้กองทัพทั้งสิ้นของคนเคลเดียที่กำลังต่อสู้พวกเจ้าพ่ายแพ้ แล้วมีเหลือเพียงแต่พวกคนที่บาดเจ็บอยู่ในเต็นท์ของพวกเขา พวกเขาจะลุกขึ้น และเผาเมืองนี้เสีย"
\v 11 ดังนั้นเมื่อกองทัพของคนเคลเดียได้ถอยไปจากเยรูซาเล็ม เพราะกองทัพของฟาโรห์กำลังเข้ามา
\v 12 แล้วเยเรมีย์ก็ได้ออกไปจากเยรูซาเล็มมุ่งไปยังแผ่นดินเบนยามิน เขาต้องการที่จะรับส่วนแบ่งที่ดินของเขาท่ามกลางประชาชนของเขา
\s5
\p
\v 13 ขณะที่เขาอยู่ที่ประตูเบนยามิน หัวหน้าทหารยามคนหนึ่งอยู่ที่นั่น ชื่อของเขาคืออิรียาห์บุตรชายของเชเลมิยาห์ ผู้เป็นบุตรชายของฮานันยาห์ เขาได้จับตัวเยเรมีย์ผู้เผยพระวจนะ และได้กล่าวว่า "ท่านกำลังจะละทิ้งหนีไปหาคนเคลเดีย"
\v 14 แต่เยเรมีย์ได้ตอบว่า "นั่นไม่เป็นความจริง ข้าพเจ้าไม่ได้หนีไปหาคนเคลเดีย" แต่อิรียาห์ก็ไม่ฟังเขา เขาได้จับเยเรมีย์และได้นำท่านไปหาพวกเจ้าหน้าที่
\v 15 บรรดาเจ้าหน้าที่ก็ได้โกรธเยเรมีย์ พวกเขาได้ตีท่านและขังท่านไว้ในบ้านของโยนาธานอารักษ์ ซึ่งพวกเขาได้เปลี่ยนให้เป็นคุก
\s5
\p
\v 16 ดังนั้นเยเรมีย์จึงถูกขังอยู่ในคุกใต้ดิน เขาต้องอยู่ที่นั่นหลายวัน
\v 17 แล้วกษัตริย์เศเดคียาห์ได้ทรงใช้ให้คนไปเอาตัวเขามาที่พระราชวัง ในวังของพระองค์เอง กษัตริย์ได้ทรงสอบถามเขาเป็นการส่วนพระองค์ว่า "มีพระวจนะมาจากพระยาห์เวห์บ้างหรือไม่?" เยเรมีย์ได้ทูลตอบว่า "มีพระวจนะพระเจ้าข้า" พระองค์จะถูกมอบไว้ในพระหัตถ์ของกษัตริย์แห่งบาบิโลน"
\v 18 แล้วเยเรมีย์ได้ทูลกษัตริย์เศเดคียาห์อีกว่า "ข้าพระองค์ได้ทำอะไรผิดต่อพระองค์หรือต่อบรรดาข้าราชการของพระองค์ หรือต่อชนชาตินี้หรือพระเจ้าข้า พระองค์จึงได้ทรงจำขังข้าพระองค์ไว้ในคุก?
\s5
\p
\v 19 บรรดาผู้เผยพระวจนะของพระองค์ ผู้ได้ทูลเผยพระวจนะต่อพระองค์ และได้กล่าวว่า กษัตริย์แห่งบาบิโลนจะไม่มาต่อสู้พระองค์ หรือต่อสู้แผ่นดินนี้นั้นอยู่ที่ไหน?
\v 20 แต่บัดนี้ข้าแต่กษัตริย์เจ้านายของข้าพระองค์ ขอทรงฟัง ขอคำทูลของข้าพระองค์อยู่เฉพาะพระพักตร์ของพระองค์ ขออย่าทรงส่งข้าพระองค์กลับไปที่บ้านของโยนาธานอารักษ์เลย เกรงว่าข้าพระองค์จะตายเสียที่นั่น"
\v 21 ดังนั้นกษัตริย์เศเดคียาห์จึงได้มีรับสั่ง พวกข้าราชบริพารและเขาก็ได้กักเยเรมีย์ไว้ที่บริเวณทหารรักษาพระองค์ พวกเขาได้ให้ขนมปังแก่ท่านวันละก้อนจากถนนช่างทำขนมปัง จนขนมปังในเมืองนั้นหมด ดังนั้นเยเรมีย์จึงได้ค้างอยู่ในบริเวณทหารรักษาพระองค์
\s5
\c 38
\p
\v 1 เชฟาทิยาห์บุตรชายของมัทธาน เกดาลิยาห์บุตรชายของปาชเฮอร์ และเยฮูคาลบุตรชายของเชเลมิยาห์ และปาชเฮอร์บุตรชายของมัลคียาห์ได้ยินถ้อยคำของเยเรมีย์ที่กำลังประกาศแก่ประชาชน เขาได้กำลังพูดว่า
\v 2 "พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า ใครก็ตามที่ยังคงอยู่ในเมืองนี้จะต้องถูกฆ่าด้วยดาบ ด้วยการกันดารอาหาร และด้วยโรคระบาด แต่คนที่ออกไปหาคนเคลเดียจะมีชีวิตอยู่ เขาจะหนีออกไปด้วยชีวิตของเขาเอง และยังมีชีวิตอยู่
\v 3 พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า เมืองนี้จะถูกมอบไว้ในมือของกองทัพของกษัตริย์แห่งบาบิโลนและพระองค์จะทรงยึดไว้"
\s5
\p
\v 4 ดังนั้นเหล่าข้าราชการจึงได้ทูลกษัตริย์ว่า "ขอให้ผู้ชายคนนี้ตายเสีย เพราะด้วยวิธีนี้ เขากำลังทำให้มือของพวกทหารซึ่งเหลืออยู่ในเมืองนี้อ่อนแอลง ทั้งมือของประชาชนทั้งหมดด้วย เพราะเขากำลังประกาศถ้อยคำเหล่านี้ ผู้ชายคนนี้ไม่ได้ทำให้เกิดสวัสดิภาพแก่ชนชาตินี้ แต่ทำให้พินาศ"
\v 5 ดังนั้น กษัตริย์เศเดคียาห์ได้ตรัสว่า "นี่แน่ะ ผู้ชายคนนี้อยู่ในมือของพวกท่านแล้ว เพราะไม่มีกษัตริย์ใดสามารถต่อต้านอะไรพวกท่านได้"
\v 6 แล้วพวกเขาจึงได้จับเยเรมีย์และได้โยนท่านลงไปในที่ขังน้ำของมัลคียาห์โอรสของกษัตริย์ ที่ขังน้ำอยู่ในลานของพวกทหารรักษาพระองค์ พวกเขาได้หย่อนเยเรมีย์ลงไปด้วยเชือก ในที่ขังน้ำนั้นไม่มีน้ำ มีแต่โคลน และเยเรมีย์ก็ได้จมลงไปในโคลน
\s5
\p
\v 7 บัดนั้นเอเบดเมเลคคนคูช ขันทีในวังของกษัตริย์ เขาได้ยินว่าพวกเขาหย่อนเยเรมีย์ลงไปในที่ขังน้ำนั้น บัดนี้กษัตริย์กำลังประทับอยู่ที่ประตูเบนยามิน
\v 8 ดังนั้นเอเบดเมเลคก็ได้ออกไปจากวังของกษัตริย์และได้ทูลกษัตริย์ เขาได้ทูลว่า
\v 9 "ข้าแต่กษัตริย์เจ้านายของข้าพระองค์ คนเหล่านี้ได้ทำการชั่วร้ายทุกอย่างที่พวกเขาได้ทำต่อเยเรมีย์ผู้เผยพระวจนะ พวกเขาได้ทิ้งท่านลงไปในที่ขังน้ำ เพื่อให้ท่านหิวตายที่นั่น เพราะไม่มีขนมปังเหลืออยู่เลยในเมืองนี้"
\s5
\p
\v 10 แล้วกษัตริย์ได้ทรงมีรับสั่งแก่เอเบดเมเลคคนคูช พระองค์ได้ตรัสว่า "จงสั่งคนสามสิบคนจากที่นี่และนำเยเรมีย์ผู้เผยพระวจนะออกมาจากที่ขังน้ำก่อนเขาตาย"
\v 11 ดังนั้นเอเบดเมเลคจึงได้สั่งคนเหล่านั้นและได้ไปที่วังของกษัตริย์ ไปยังโรงพัสดุเพื่อเอาผ้าใต้ถุนวัง จากที่นั่นเขาได้นำเอาผ้าขี้ริ้วและเสื้อผ้าที่ขาดแล้ว และแล้วหย่อนลงไปด้วยเชือกหลายเส้นให้เยเรมีย์ในที่ขังน้ำ
\v 12 เอเบดเมเลคคนคูชได้พูดกับเยเรมีย์ว่า "ท่านจงคล้องผ้าและเสื้อเก่านั้นไว้ใต้รักแร้รองเชือกไว้" ดังนั้น เยเรมีย์ก็ได้ทำตาม
\s5
\p
\v 13 แล้วพวกเขาก็ได้ฉุดเยเรมีย์ขึ้นมาด้วยเชือก โดยวิธีนี้พวกเขาได้นำท่านขึ้นมาจากที่ขังน้ำ ดังนั้นเยเรมีย์ก็ได้ค้างอยู่ในลานทหารรักษาพระองค์
\v 14 แล้วกษัตริย์เศเดคียาห์ได้ทรงส่งคำบัญชาและได้นำเยเรมีย์ผู้เผยพระวจนะมาเฝ้าพ ระองค์ ที่ทางเข้าช่องที่สามของพระวิหารแห่งพระยาห์เวห์ กษัตริย์ได้ตรัสกับเยเรมีย์ว่า "เราประสงค์จะถามเจ้าบางสิ่ง ขออย่าปิดบังเราเลย"
\v 15 เยเรมีย์จึงได้ทูลเศเดคียาห์ว่า "ถ้าข้าพระองค์จะทูลตอบพระองค์ พระองค์ก็จะทรงประหารข้าพระองค์แน่ไม่ใช่หรือ? แต่ถ้าข้าพระองค์จะถวายคำปรึกษา พระองค์ก็จะไม่ทรงฟังข้าพระองค์"
\s5
\p
\v 16 แต่กษัตริย์เศเดคียาห์ก็ได้ทรงสาบานแก่เยเรมีย์เป็นการลับ และได้กล่าวว่า "พระยาห์เวห์ผู้ทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด พระองค์ผู้ทรงสร้างชีวิตของพวกเรา เราจะไม่ประหารเจ้าหรือมอบเจ้าไว้ในมือของคนเหล่านี้ที่แสวงเอาชีวิตของเจ้าฉันนั้น"
\v 17 ดังนั้นเยเรมีย์ได้ทูลเศเดคียาห์ว่า "พระยาห์เวห์พระเจ้าจอมเจ้านาย พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า ถ้าพระองค์จะทรงยอมออกไปหาบรรดาข้าราชการของกษัตริย์แห่งบาบิโลนแล้ว พระองค์จะทรงรอดชีวิต และเมืองนี้จะไม่ต้องถูกเผา พระองค์และวงศ์วานของพระองค์จะมีชีวิตอยู่ได้
\v 18 แต่ถ้าพระองค์ไม่ทรงยอมมอบตัวแก่พวกข้าราชการของกษัตริย์แห่งบาบิโลน แล้วเมืองนี้จะต้องถูกมอบไว้ในมือของคนเคลเดีย พวกเขาจะเผาเสีย และพระองค์จะไม่สามารถหนีรอดจากมือของพวกเขา"
\s5
\p
\v 19 กษัตริย์เศเดคียาห์จึงได้ตรัสกับเยเรมีย์ว่า "แต่เรากลัวพวกคนยูดาห์ซึ่งเล็ดลอดไปหาคนเคลเดีย เกรงว่าเราจะถูกมอบให้แก่พวกเหล่านั้น เพราะพวกเขาจะทำความอัปยศแก่เรา"
\v 20 เยเรมีย์ได้ทูลว่า "พวกเขาจะไม่มอบพระองค์ไว้ ขอจงเชื่อฟังพระวจนะจากพระยาห์เวห์ ตามที่ข้าพระองค์ได้ทูลพระองค์ ดังนั้นจะเป็นการดีต่อพระองค์ และพระองค์จะทรงพระชนม์อยู่
\v 21 แต่ถ้าพระองค์ไม่ทรงยอมมอบตัว นี่คือสิ่งซึ่งพระยาห์เวห์ได้ทรงสำแดงต่อข้าพระองค์
\s5
\p
\v 22 นี่แน่ะ ผู้หญิงทุกคนที่เหลืออยู่ในวังของกษัตริย์แห่งยูดาห์จะถูกนำออกไปให้เหล่าข้าราชการของกษัตริย์แห่งบาบิโลน พวกผู้หญิงเหล่านี้จะกล่าวต่อพระองค์ว่า 'พระองค์ได้ทรงถูกหลอกลวงโดยพระสหายของพระองค์ พวกเขาได้ทำลายพระองค์แล้ว พระบาททั้งสองของพระองค์ได้จมลงในโคลน และเหล่าพระสหายของพระองค์ก็หันไปจากพระองค์'
\v 23 เพราะบรรดามเหสีทั้งสิ้น และบรรดาโอรสของพระองค์จะถูกนำไปให้คนเคลเดีย และพระองค์เองก็จะไม่ทรงรอดไปจากมือของพวกเขา พระองค์จะถูกกษัตริย์แห่งบาบิโลนจับได้ และเมืองนี้จะถูกเผา"
\v 24 แล้วเศเดคียาห์ได้ตรัสกับเยเรมีย์ว่า "อย่าบอกให้ใครรู้ถ้อยคำเหล่านี้ แล้วเจ้าจะไม่ตาย
\s5
\p
\v 25 ถ้าพวกข้าราชการได้ยินว่าเราพูดกับเจ้าและถ้าพวกเขามาหาเจ้า กล่าวว่า 'จงบอกเรามาว่าเจ้าได้ทูลอะไรกับกษัตริย์ และอย่าปิดบังพวกเราเลย มิเช่นนั้นเราจะฆ่าเจ้า'
\v 26 แล้วเจ้าจงบอกพวกเขาว่า 'ข้าพเจ้าได้ทูลขอต่อกษัตริย์ไม่ให้พระองค์ทรงส่งข้าพเจ้ากลับไปที่บ้านของโยนาธานเพื่อให้ตายเสียที่นั่น'''
\v 27 แล้วบรรดาข้าราชการทั้งสิ้นก็ได้มาหาเยเรมีย์และได้ซักถามท่าน และท่านก็ได้ตอบเขาตามที่กษัตริย์ได้ทรงแนะนำเขา ดังนั้นพวกเขาจึงได้หยุดพูดกับเขาเพราะพวกเขาไม่ได้ยินการสนทนาระหว่างเยเรมีย์และกษัตริย์
\v 28 ดังนั้นเยเรมีย์ก็ได้ค้างอยู่ในลานทหารรักษาพระองค์จนถึงวันที่กรเยรูซาเล็มถูกยึด
\s5
\c 39
\p
\v 1 ในปีที่เก้าและในเดือนที่สิบแห่งรัชกาลของเศเดคียาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์ เนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์แห่งบาบิโลนได้ยกทัพมาด้วยกองทัพทั้งสิ้นของพระองค์มาสู้รบเยรูซาเล็มและได้ล้อมไว้
\v 2 ในปีที่สิบเอ็ดและเดือนที่สี่แห่งรัชกาลเศเดคียาห์ ในวันที่เก้าของเดือน เมืองนั้นก็แตก
\v 3 แล้วบรรดาข้าราชการของกษัตริย์แห่งบาบิโลนทั้งสิ้นได้มาและได้นั่งที่ประตูกลาง มีเนโบสารเสคิม สัมการ์เนโบ สารเสคิมผู้เป็นข้าราชการชั้นสูง เนโบสารเสคิมผู้เป็นข้าราชการชั้นสูง และที่เหลืออยู่ทั้งสิ้นเป็นพวกข้าราชการของกษัตริย์แห่งบาบิโลน
\s5
\p
\v 4 สิ่งนี้ก็ได้เกิดขึ้นเมื่อเศเดคียาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์และบรรดาทหารได้เห็นพวกเขาแล้ว พวกเขาก็ได้หนีไป พวกเขาได้ออกจากเมืองในเวลากลางคืน ไปทางพระราชอุทยานออกทางประตูระหว่างกำแพงทั้งสอง กษัตริย์ได้ออกไปยังอาราบาห์
\v 5 แต่กองทัพของคนเคลเดียได้ไล่ตามพวกเขาไปทันและได้จับเศเดคียาห์ในที่ราบของแม่น้ำจอร์แดนใกล้เมืองเยรีโค แล้วเขาทั้งหลายได้จับพระองค์ได้และได้นำพระองค์ไปยังเนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์แห่งบาบิโลนที่ริบลาห์ในแผ่นดินของฮามัท ที่ที่เนบูคัดเนสซาร์ได้ทรงพิพากษาโทษพระองค์
\v 6 กษัตริย์แห่งบาบิโลนได้ทรงประหารบรรดาโอรสของเศเดคียาห์ต่อหน้าต่อตาของพระองค์ที่ริบลาห์ พระองค์ได้ทรงประหารพวกขุนนางทั้งสิ้นของยูดาห์
\s5
\p
\v 7 แล้วพระองค์ทรงทำให้พระเนตรทั้งสองข้างของเศเดคียาห์บอดไป แล้วได้ตีตรวนทองสัมฤทธิ์พระองค์ไว้เพื่อจะนำไปบาบิโลน
\v 8 แล้วคนเคลเดียก็ได้เผาวังของกษัตริย์และบ้านเรือนทั้งหลายของประชาชน พวกเขาได้พังกำแพงทั้งหลายของเยรูซาเล็มเสีย
\v 9 เนบูซาระดานผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ได้จับประชาชนที่เหลืออยู่ในเมืองเป็นเชลย นี่รวมถึงประชาชนที่เล็ดลอดมาหาคนเคลเดียและประชาชนที่เหลืออยู่ที่คงค้างอยู่ในเมือง
\s5
\p
\v 10 แต่เนบูซาระดานผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ได้อนุญาตให้คนจนที่สุดที่ไม่มีสมบัติอะไรสำหรับตัวพวกเขาเองไว้ในแผ่นดินยูดาห์ เขาได้มอบเหล่าสวนองุ่นและไร่นาทั้งหลายแก่พวกเขาในวันเดียวกันนั้น
\v 11 เนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์แห่งบาบิโลนได้ทรงบัญชาเกี่ยวกับเยเรมีย์ ให้เนบูซาระดานผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ พระองค์ได้ตรัสว่า
\v 12 "จงรับเขาไป ดูแลเขาให้ดี และอย่าทำอันตรายแก่เขา แต่จงกระทำแก่เขาตามที่เขาบอกท่าน"
\s5
\p
\v 13 ดังนั้น เนบูซาระดานผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ เนบูชัสบานผู้เป็นขันที เนอร์กัลชาเรเซอร์ผู้ข้าราชการชั้นสูง และข้าราชการที่สำคัญที่สุดทั้งสิ้นของบาบิโลนได้ส่งพวกคนออกไป
\v 14 พวกคนของพวกเขาได้นำเยเรมีย์มาจากบริเวณทหารรักษาพระองค์ เขาทั้งหลายและได้มอบเขาไว้กับเกดาลิยาห์บุตรชายของอาหิคัม ผู้เป็นบุตรชายของชาฟาน ให้นำเขาไปบ้าน ดังนั้นเยเรมีย์จึงได้อยู่ท่ามกลางประชาชน
\v 15 บัดนี้พระวจนะของพระยาห์เวห์ได้มาถึงเยเรมีย์ ขณะที่เขาถูกจับอยู่ในบริเวณทหารรักษาพระองค์ว่า
\s5
\p
\v 16 "จงไปบอกเอเบดเมเลคคนคูช กล่าวว่า 'พระยาห์เวห์จอมเจ้านาย พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า ดูเถิด เรากำลังจะให้ถ้อยคำทั้งหลายของเราต่อเมืองนี้สำเร็จในทางร้ายไม่ใช่ทางดี เพราะสิ่งเหล่านั้นจะเป็นจริงต่อหน้าเจ้าในวันนั้น
\v 17 แต่เราจะช่วยกู้เจ้าในวันนั้น นี่เป็นคำประกาศของพระยาห์เวห์ และเจ้าจะไม่ถูกมอบไว้ในมือของคนที่เจ้ากลัว
\v 18 เพราะเราจะช่วยเจ้าให้รอดอย่างแน่นอน เจ้าจะไม่ล้มลงด้วยดาบ เจ้าจะหนีเอาชีวิตรอด เพราะเจ้าได้ไว้วางใจในเรา นี่เป็นคำประกาศของพระยาห์เวห์'''
\s5
\c 40
\p
\v 1 พระวจนะได้มาถึงเยเรมีย์จากพระยาห์เวห์ หลังจากที่เนบูซาระดานผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ได้ปล่อยให้เขาที่รามาห์ เขาได้พบเยเรมีย์ได้ถูกตีตรวนท่ามกลางพวกเชลยของเยรูซาเล็มและยูดาห์ ผู้ที่ต้องถูกกวาดไปเป็นเชลยยังบาบิโลน
\v 2 ผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ได้นำเยเรมีย์มา และได้พูดกับเขาว่า "พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงประกาศภัยพิบัตินี้ต่อสถานที่นี้
\v 3 ดังนั้นพระยาห์เวห์ได้ทรงทำให้เป็นไป พระองค์ได้ทรงทำตามที่พระองค์ได้ทรงประกาศไว้แล้ว เนื่องจากพวกท่านได้ทำบาปต่อพระองค์ และไม่ได้เชื่อฟังพระสุรเสียงของพระองค์ นี่เองที่สิ่งนี้จึงได้เกิดขึ้นแก่พวกท่าน
\s5
\p
\v 4 แต่บัดนี้ ดูสิ ข้าพเจ้าได้ปล่อยท่านในวันนี้จากโซ่ตรวนทั้งหลายที่มือของท่าน ถ้าท่านเห็นว่าดีในสายตาของท่านที่จะมายังบาบิโลนกับข้าพเจ้า ก็จงมาเถิด และข้าพเจ้าจะดูแลท่าน แต่ถ้าท่านไม่เห็นดีในสายตาของท่านที่จะมายังบาบิโลนกับข้าพเจ้า แล้วก็อย่ามา ดูสิ แผ่นดินทั้งหมดนี้อยู่ต่อหน้าท่าน ท่านจะไปที่ไหนก็ได้ตามแต่ท่านเห็นดีเห็นชอบในสายตาของท่านที่จะไป"
\v 5 เมื่อเยเรมีย์ไม่ได้ตอบ เนบูซาราดานจึงกล่าวว่า "จงกลับไปหาเกดาลิยาห์บุตรชายของอาหิคัมบุตรชายของชาฟาน ผู้ซึ่งกษัตริย์แห่งบาบิโลนได้ทรงแต่งตั้งให้ดูแลรับผิดชอบเมืองต่างๆ ของยูดาห์ จงอยู่กับเขาท่ามกลางประชาชน หรือจะไปที่ไหนที่ท่านเห็นว่าดีในสายตาของท่านที่จะไปก็ได้" ผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ได้ให้เสบียงและให้ของขวัญแก่เยเรมีย์ แล้วปล่อยเขาไป
\v 6 ดังนั้นเยเรมีย์ก็ได้ไปหาเกดาลิยาห์ บุตรชายอาหิคัมที่มิสปาห์ และได้อาศัยอยู่กับเขาท่ามกลางประชาชนที่ยังตกค้างอยู่ในแผ่นดินนั้น
\s5
\p
\v 7 บัดนี้ บรรดาหัวหน้ากองทหารของยูดาห์ ที่ยังอยู่ในแถบชนบท พวกเขาและคนของพวกเขาได้ยินว่า กษัตริย์แห่งบาบิโลนได้แต่งตั้งเกดาลิยาห์บุตรชายของอาหิคัมให้เป็นผู้ว่าราชการในแผ่นดินนั้น พวกเขาได้ยินด้วยว่าพระองค์ได้ทรงมอบผู้ชายทั้งหลายพวกผู้หญิง และพวกเด็กๆ ผู้ที่เป็นพวกคนจนที่สุดในแผ่นดิน คนเหล่านั้นซึ่งไม่ได้ถูกกวาดไปเป็นเชลยยังบาบิโลน
\v 8 ดังนั้นเขาทั้งหลายก็ได้ไปหาเกดาลิยาห์ที่มิสปาห์ คนเหล่านี้ได้แก่ อิชมาเอลบุตรชายของเนธานิยาห์ โยฮานันและโยนาธานบุตรชายทั้งสองของคาเรอาห์ เสไรยาห์บุตรชายของทันหุเมท บรรดาบุตรของเอฟายชาวเนโทฟาห์ และเยซันยาห์บุตรชายของของชาวมาอาคาห์ พวกเขาและคนของพวกเขา
\v 9 เกดาลิยาห์บุตรชายของอาหิคัมบุตรชายของชาฟาน ก็ได้สาบานแก่พวกเขาและคนของพวกเขา และได้กล่าวแก่พวกเขาว่า "อย่ากลัวที่จะปรนนิบัติพวกข้าราชการของคนเคลเดีย จงอาศัยอยู่ในแผ่นดินและปรนนิบัติกษัตริย์แห่งบาบิโลน แล้วจะเป็นการดีต่อพวกท่าน
\s5
\p
\v 10 ดูเถิด ข้าพเจ้ากำลังอาศัยอยู่ที่มิสปาห์ เพื่อจะพบกับคนเคลเดียผู้ซึ่งจะมาหาพวกเรา ดังนั้นจงเก็บเหล้าองุ่น ผลไม้ฤดูร้อน และน้ำมัน และเก็บพวกมันไว้ในภาชนะต่างๆ จงอยู่ในเมืองทั้งหลายที่ท่านได้ครอบครองอยู่นั้น"
\v 11 แล้วคนยูดาห์ทั้งสิ้นซึ่งอยู่ที่โมอับท่ามกลางคนอัมโมนและในเอโดมและในแผ่นดินทุกที่ได้ยินว่ากษัตริย์แห่งบาบิโลนได้ทรงอนุญาตให้เหลือคนส่วนหนึ่งของยูดาห์ให้อยู่ และพระองค์ได้ทรงแต่งตั้งเกดาลิยาห์บุตรชายของอาหิคัม ผู้เป็นบุตรชายของชาฟานให้ดูแลพวกเขาทั้งหลาย
\v 12 ดังนั้นพวกยูดาห์ทั้งสิ้นก็ได้กลับมาจากทุกที่ซึ่งพวกเขาได้กระจัดกระจายไปอยู่นั้น พวกเขาได้กลับมายังแผ่นดินของยูดาห์มาหาเกดาลิยาห์ที่มิสปาห์ เขาทั้งหลายก็ได้เก็บเหล้าองุ่นและผลไม้ฤดูร้อนได้เป็นอันมาก
\s5
\p
\v 13 โยฮานันบุตรชายของคาเรอาห์และบรรดาหัวหน้ากองทหารที่อยู่ในชนบทได้มาหาเกดาลิยาห์ที่มิสปาห์
\v 14 พวกเขาได้กล่าวกับท่านว่า "ท่านทราบหรือไม่ว่าบาอาลิสกษัตริย์ของคนอัมโมนได้ส่งอิชมาเอลบุตรชายของเนธานิยาห์มาเอาชีวิตของท่าน?" แต่เกดาลิยาห์บุตรชายของอาหิคัมไม่เชื่อพวกเขา
\v 15 ดังนั้นโยฮานันบุตรชายของคาเรอาห์ได้พูดเป็นส่วนตัวกับเกดาลิยาห์ที่มิสปาห์ และได้พูดว่า "ขออนุญาตให้ข้าพเจ้าไปฆ่าอิชมาเอลบุตรชายของเนธานิยาห์เสีย จะไม่มีใครสงสัยข้าพเจ้า ทำไมจะให้เขาเอาชีวิตของท่าน? ทำไมอนุญาตคนยูดาห์ทั้งสิ้นที่ได้มารวมกันอยู่กับท่านแล้วจะกระจัดกระจายกันไป และคนยูดาห์ที่เหลืออยู่นี้ก็จะพินาศ?"
\v 16 แต่เกดาลิยาห์บุตรชายของอาหิคัมได้พูดกับโยฮานันบุตรชายของคาเรอาห์ว่า "อย่าทำสิ่งนี้เลย เพราะท่านกำลังพูดเท็จเกี่ยวกับอิชมาเอล"
\s5
\c 41
\p
\v 1 แต่มีเหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นในเดือนที่เจ็ด อิชมาเอลบุตรชายของเนธานิยาห์ ผู้เป็นบุตรของเอลีชามาผู้เป็นเชื้อพระวงศ์ และพวกข้าราชการบางคนของกษัตริย์พร้อมกับพวกผู้ชายสิบคนที่อยู่กับเขาได้มาหาเกดาลิยาห์บุตรชายของอาหิคัมที่มิสปาห์ พวกเขาได้รับประทานอาหารด้วยกันที่นั่นในมิสปาห์
\v 2 แต่อิชมาเอลบุตรชายของเนธานิยาห์กับพวกผู้ชายสิบคนที่อยู่กับเขาได้ลุกขึ้นประหารเกดาลิยาห์บุตรชายของอาหิคัม ผู้เป็นบุตรชาฟานด้วยดาบ อิชมาเอลได้ฆ่าเกดาลิยาห์ผู้ที่กษัตริย์แห่งบาบิโลนได้แต่งตั้งให้ดูแลแผ่นดินนั้น
\v 3 จากนั้น อิชมาเอลก็ได้ฆ่าพวกคนยูดาห์ผู้ซึ่งอยู่กับเกดาลิอาห์ในมิสปาห์และพวกนักรบชาวเคลเดียที่ได้พบที่นั่น
\s5
\p
\v 4 พอถึงวันที่สองหลังจากการฆ่าเกดาลิยาห์ แต่ไม่มีใครรู้เรื่อง
\v 5 มีบางคนได้มาจากเมืองเชเคม จากเมืองชิโลห์ และจากเมืองสะมาเรียรวมแปดสิบคนที่ได้โกนหนวดเครา ได้ฉีกเสื้อผ้าของพวกเขาและได้เชือดเฉือนตนเองพร้อมกับเครื่องธัญบูชาและกำยานในมือของพวกเขาเพื่อไปยังพระนิเวศของพระยาห์เวห์
\v 6 ดังนั้น อิชมาเอลบุตรชายของเนธานิยาห์ได้ออกมาจากมิสปาห์ได้พบพวกเขาขณะที่คนเหล่านั้นไป เดินไปร้องไห้ไป แล้วเหตุการณ์นี้ได้เกิดขึ้นเมื่อเขาได้พบกับคนเหล่านั้น เขากล่าวกับเขาทั้งหลายว่า "เชิญมาหาเกดาลิยาห์บุตรชายของอาหิคัมเถิด"
\s5
\p
\v 7 ต่อมาเมื่อพวกเขาได้เข้ามาในเมืองนั้น อิชมาเอลบุตรชายของเนธานิยาห์ ทั้งเขากับพวกผู้ชายที่อยู่กับเขาก็ได้สังหารคนเหล่านั้นและโยนพวกเขาลงไปในหลุม
\v 8 แต่มีผู้ชายสิบคนในพวกคนเหล่านั้นผู้ซึ่งได้พูดกับอิชมาเอลว่า "อย่าฆ่าพวกเราเลย เพราะพวกเรา มีข้าวสาลีและข้าวบาร์เลย์ น้ำมันและน้ำผึ้งที่เป็นเสบียงของพวกเราอยู่ในทุ่งนา" ดังนั้น เขาจึงไม่ได้ฆ่าเขาเหล่านั้นกับพวกพ้องคนอื่นๆ
\v 9 บ่อเก็บน้ำที่อิชมาเอลได้โยนศพทั้งหลายที่เขาได้ฆ่าลงไปเป็นบ่อขนาดใหญ่มากที่กษัตริย์อาสาได้สร้างไว้เพื่อป้องกันกษัตริย์บาอาชาแห่งอิสราเอล อิชมาเอลบุตรชายของเนธานิยาห์ก็ถมบ่อนั้นด้วยพวกคนตายไว้จนเต็ม
\s5
\p
\v 10 ต่อมา อิชมาเอลก็ได้จับประชาชนทั้งหมดที่อยู่ในมิสปาห์ไปเป็นเชลย คือบรรดาพระราชธิดาของกษัตริย์และประชาชนทั้งหมดที่ยังเหลืออยู่ในมิสปาห์ ผู้ที่เนบูซาระดานผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ได้มอบหมายให้แก่เกดาลิยาห์บุตรชายของอาหิคัม ดังนั้น อิชมาเอลบุตรชายของเนธานิยาห์ได้จับพวกเขาเป็นเชลยและข้ามฟากไปหาคนอัมโมน
\v 11 แต่โยฮานันบุตรชายของคาเรอาห์และบรรดาผู้บัญชากองทหารที่อยู่กับเขาได้ยินข่าวเกี่ยวกับความชั่วร้ายทั้งหมดที่อิชมาเอลบุตรชายของเนธานิยาห์ได้ทำนั้นแล้ว
\v 12 ดังนั้น พวกเขาจึงได้พาพวกผู้ชายทั้งหมดของพวกเขาไปและได้สู้รบกับอิชมาเอลบุตรชายของเนธานิยาห์ พวกเขาได้พบท่านที่สระใหญ่ของเมืองกิเบโอน
\s5
\p
\v 13 แล้วเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อประชาชนทุกคนที่อยู่กับอิชมาเอลได้เห็นโยฮานันบุตรชายของคาเรอาห์และบรรดาผู้บัญชาการกองทหารทั้งหมดผู้ซึ่งอยู่กับเขา พวกเขาก็ยินดีมาก
\v 14 ดังนั้น ประชาชนทั้งหมดที่อิชมาเอลได้จับมาเป็นเชลยจากมิสปาห์ก็ได้หันกลับไปและไปหาโยฮานันบุตรชายของคาเรอาห์
\v 15 แต่อิชมาเอลบุตรชายของเนธานิยาห์ได้หนีไปจากโยฮานันพร้อมกับพวกผู้ชายแปดคน เขาได้ไปหาคนอัมโมน
\s5
\p
\v 16 โยฮานันบุตรชายของคาเรอาห์และบรรดาผู้บัญชากองทหารทั้งหมดที่อยู่กับเขาได้นำประชาชนทุกคนที่มาจากมิสปาห์ พวกคนที่ได้ช่วยเหลือให้พ้นจากอิชมาเอลบุตรชายของเนธานิยาห์ นี่เป็นเหตุการณ์หลังจากที่อิชมาเอลได้ฆ่าเกดาลิยาห์บุตรชายของอาหิคัมแล้ว โยฮานันและพวกพ้องของเขาได้พาพวกชายฉกรรจ์ พวกนักรบ พวกผู้หญิงและเด็กๆ และพวกขันทีที่ได้ช่วยเหลือที่กิเบโอนไป
\v 17 จากนั้นพวกเขาได้ไปและพักอยู่ชั่วขณะหนึ่งในเกรัทคิมฮามที่อยู่ใกล้กับเบธเลเฮม พวกเขาจะไปที่อียิปต์
\v 18 เหตุเพราะคนเคลเดีย พวกเขาได้กลัวคนเหล่านั้นตั้งแต่อิชมาเอลบุตรชายของเนธานิยาห์ได้ฆ่าเกดาลิยาห์บุตรชายของอาหิคัม ผู้ที่กษัตริย์แห่งบาบิโลนได้แต่งตั้งให้ดูแลแผ่นดินนั้น
\s5
\c 42
\p
\v 1 จากนั้น ผู้บัญชาการกองทหารทั้งหมดกับโยฮานันบุตรชายของคาเรอาห์ และเยซันยาห์บุตรชายของโฮชายาห์ และประชาชนทั้งปวง ตั้งแต่ผู้น้อยที่สุดจนถึงผู้ใหญ่ที่สุดก็ได้มาหาเยเรมีย์ผู้เผยพระวจนะ
\v 2 พวกเขากล่าวกับท่านว่า "ขอให้คำขอร้องของพวกเรามาอยู่ต่อหน้าท่านเถิด ขอให้อธิษฐานเพื่อพวกเราต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน เพื่อประชาชนเหล่านี้ที่เหลืออยู่ เพราะพวกเรามีจำนวนน้อยคนอย่างที่ท่านเห็น
\v 3 ขอทูลถามพระยาห์เวห์ให้ทรงบอกพวกเราถึงทางที่พวกเราควรจะไปและสิ่งที่เราควรจะทำ"
\s5
\p
\v 4 ดังนั้น เยเรมีย์ผู้เผยพระวจนะจึงได้กล่าวกับพวกเขาว่า "ข้าพเจ้าได้ยินพวกท่านแล้ว ดูเถิด ข้าพเจ้าจะอธิษฐานต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านตามที่พวกท่านได้ร้องขอมา พระยาห์เวห์ทรงตอบอย่างไร ข้าพเจ้าก็จะบอกกับพวกท่าน ข้าพเจ้าจะไม่ปิดบังสิ่งใดไว้จากพวกท่านเลย"
\v 5 พวกเขาจึงได้กล่าวกับเยเรมีย์ว่า "ขอพระยาห์เวห์ทรงเป็นพยานที่สัตย์จริงและสัตย์ซื่อต่อสู้พวกเรา ถ้าพวกเราไม่ทำตามทุกสิ่งที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้ทรงบอกให้พวกเราทำ
\v 6 ไม่ว่าจะดีหรือจะร้ายก็ตาม พวกเราก็จะเชื่อฟังพระสุรเสียงของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเรา ผู้ที่พวกเราได้ส่งท่านไป เพื่อจะเป็นการดีต่อพวกเรา เมื่อพวกเราเชื่อฟังพระสุรเสียงของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเรา"
\s5
\p
\v 7 เมื่อครบสิบวันแล้ว พระวจนะของพระยาห์เวห์ได้มายังเยเรมีย์
\v 8 ดังนั้น เยเรมีย์จึงได้เรียกโยฮานันบุตรชายของคาเรอาห์และบรรดาผู้บังคับการกองทหารทั้งหมดที่อยู่กับเขามา และเรียกประชาชนทั้งปวง ตั้งแต่ผู้น้อยที่สุดจนถึงผู้ใหญ่ที่สุด
\v 9 แล้วท่านได้กล่าวกับพวกเขาว่า "นี่เป็นถ้อยคำของพระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอล ผู้ที่พวกท่านได้ใช้ข้าพเจ้าไป เพื่อให้ข้าพเจ้านำคำวิงวอนของพวกท่านไปอยู่ต่อพระพักตร์พระองค์ ตรัสว่า
\s5
\p
\v 10 'ถ้าพวกเจ้ากลับไปและอาศัยอยู่ในแผ่นดินนี้ แล้วเราจะสร้างพวกเจ้าขึ้น และจะไม่รื้อพวกเจ้าลง เราจะปลูกพวกเจ้าและไม่ถอนพวกเจ้าขึ้นมา เพราะเราจะทำให้ภัยพิบัติที่เราได้ส่งมาเหนือพวกเจ้าหันกลับไป
\v 11 อย่ากลัวกษัตริย์แห่งบาบิโลนผู้ซึ่งพวกเจ้ากำลังกลัวอยู่นั้น อย่ากลัวเขาเลย นี่เป็นคำประกาศของพระยาห์เวห์ เพราะเราอยู่กับพวกเจ้าเพื่อช่วยพวกเจ้าและช่วยกู้พวกเจ้าให้พ้นมือของเขา
\v 12 เพราะเราจะให้ความเมตตาต่อพวกเจ้า เราจะมีความกรุณาต่อพวกเจ้า และเราจะนำพวกเจ้ากลับมายังแผ่นดินของพวกเจ้า
\s5
\p
\v 13 แต่ถ้าพวกเจ้าพูดว่า "พวกเราจะไม่อยู่ในแผ่นดินนี้" ถ้าพวกเจ้าไม่ยอมฟังเสียงของเรา ซึ่งเป็นเสียงของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเจ้า
\v 14 ถ้าหากว่าพวกเจ้าพูดว่า "ไม่เอา พวกเราจะไปยังแผ่นดินอียิปต์ ที่ซึ่งพวกเราจะไม่เห็นสงครามเลย ที่ซึ่งพวกเราจะไม่ได้ยินเสียงแตร และพวกเราจะไม่หิวอาหาร พวกเราจะอาศัยอยู่ที่นั่น"
\v 15 บัดนี้ พวกเจ้าคนยูดาห์ที่ยังเหลืออยู่ จงฟังถ้อยคำนี้ของพระยาห์เวห์ พระยาห์เวห์จอมเจ้านาย พระเจ้าของอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า 'ถ้าพวกเจ้าออกเดินทางไปยังอียิปต์จริง ๆ เพื่อไปและอาศัยอยู่ที่นั่น
\s5
\p
\v 16 แล้วดาบที่พวกเจ้ากลัวนั้นก็จะตามไปทันพวกเจ้าที่นั่นในแผ่นดินอียิปต์ การกันดารอาหารที่พวกเจ้ากังวลนั้นจะติดตามพวกเจ้าไปยังอียิปต์ และพวกเจ้าจะตายที่นั่น
\v 17 เพราะฉะนั้น สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับทุกคนที่ออกเดินทางไปยังอียิปต์เพื่ออาศัยอยู่ที่นั่นจะตายด้วยดาบ การกันดารอาหาร และโรคระบาด จะไม่มีใครในพวกเขารอดชีวิต ไม่มีใครหนีรอดจากภัยพิบัติที่เรานำมาเหนือพวกเขาได้
\v 18 เพราะพระยาห์เวห์จอมเจ้านาย พระเจ้าของอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า เช่นเดียวกับที่ความพิโรธและความเกรี้ยวกราดของเราได้เทลงมาบนชาวเยรูซาเล็มอย่างไร เราก็จะเทความเกรี้ยวกราดของเราลงมาบนพวกเจ้าอย่างเดียวกันนั้น ถ้าพวกเจ้าไปยังอียิปต์ พวกเจ้าจะเป็นคำสาปแช่งและความน่ากลัว และเป็นคำที่กล่าวสาปแช่ง และเป็นเรื่องที่น่าอัปยศอดสู และพวกเจ้าจะไม่ได้เห็นสถานที่นี้อีก"'
\s5
\p
\v 19 แล้วเยเรมีย์ได้กล่าวว่า "คนยูดาห์ที่เหลืออยู่เอ๋ย พระยาห์เวห์ได้ตรัสเกี่ยวกับพวกท่านแล้วว่า อย่าไปยังอียิปต์ พวกท่านรู้แน่ว่า ข้าพเจ้าได้เป็นพยานปรักปรำพวกท่านในวันนี้
\v 20 เพราะพวกท่านได้หลอกลวงตัวเองอย่างร้ายแรง เมื่อพวกท่านใช้ข้าพเจ้าไปเฝ้าพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านและกล่าวว่า 'ขอให้อธิษฐานต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเราให้กับพวกเรา ทุกสิ่งที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเราตรัส ขอจงบอกพวกเรา และพวกเราจะทำตามนั้น'
\v 21 เพราะข้าพเจ้าได้แจ้งให้พวกท่านทราบในวันนี้แล้ว แต่พวกท่านก็ไม่ยอมฟังพระสุรเสียงของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน หรือสิ่งใดที่พระองค์ทรงใช้ข้าพเจ้ามายังพวกท่าน
\v 22 ดังนั้น บัดนี้ พวกท่านจึงได้รู้แน่ว่าพวกท่านจะตายด้วยดาบ การกันดารอาหาร และโรคระบาดในที่ซึ่งพวกท่านได้ปรารถนาที่จะไปเพื่ออาศัยอยู่"
\s5
\c 43
\p
\v 1 สิ่งนี้เกิดขึ้นเมื่อเยเรมีย์ได้เสร็จสิ้นการประกาศถ้อยคำทั้งหมดของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขาต่อประชาชนทั้งปวง ซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขาได้ทรงบอกท่านให้พูด
\v 2 อาซาริยาห์บุตรชายของโฮชายาห์ โยฮานันบุตรชายของคาเรอาห์ และคนที่โอหังทุกคนได้พูดกับเยเรมีย์ว่า "ท่านกำลังพูดโกหก พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเราไม่ได้ใช้ท่านมาพูดว่า 'อย่าไปอียิปต์เพื่อจะอาศัยอยู่ที่นั่น'
\v 3 เพราะบารุคบุตรชายของเนริยาห์ได้ยุยงท่านให้ขัดขวางพวกเราเพื่อที่จะมอบพวกเราไว้ในมือของคนเคลเดีย เพราะท่านที่เป็นเหตุให้พวกเราตายและทำให้เราถูกจับเป็นเชลยในบาบิโลน"
\s5
\p
\v 4 ดังนั้น โยฮานันบุตรชายของคาเรอาห์ และบรรดาผู้บัญชาการกองทหาร และประชาชนทั้งปวงได้ปฏิเสธที่จะฟังพระสุรเสียงของพระยาห์เวห์ที่ให้อาศัยอยู่ในแผ่นดินยูดาห์
\v 5 โยฮานันบุตรชายของคาเรอาห์และบรรดาผู้บัญชาการกองทหารก็ได้นำคนยูดาห์ที่เหลืออยู่ทั้งหมด ผู้ที่กลับมาจากบรรดาประชาชาติที่ซึ่งพวกเขาเคยกระจัดกระจายไปอยู่นั้น ได้มาอาศัยอยู่ในแผ่นดินยูดาห์
\v 6 พวกเขาได้นำพวกผู้ชายและพวกผู้หญิง พวกเด็กๆ และบรรดาพระราชธิดาของกษัตริย์ไป และทุกคนที่เนบูซาระดานผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ ได้เหลือไว้ให้กับเกดาลิยาห์บุตรชายของอาหิคัม ผู้เป็นบุตรชายของชาฟาน พวกเขาได้นำเยเรมีย์ผู้เผยพระวจนะและบารุคบุตรชายของเนริยาห์ไปด้วย
\s5
\p
\v 7 พวกเขาได้ไปยังแผ่นดินอียิปต์ที่นครทาปานเหส เพราะพวกเขาไม่ฟังพระสุรเสียงของพระยาห์เวห์
\v 8 ดังนั้น พระวจนะของพระยาห์เวห์ได้มายังเยเรมีย์ในนครทาปานเหส ตรัสว่า
\v 9 "จงถือหินก้อนใหญ่ไว้ในมือของเจ้าและซ่อนก้อนหินเหล่านั้นไว้ในปูนตรงทางเดิน ซึ่งอยู่ที่ทางเข้าไปสู่พระราชวังของฟาโรห์ในนครทาปานเหสต่อหน้าต่อตาคนยูดาห์"
\v 10 แล้วจงกล่าวกับพวกเขาว่า "พระยาห์เวห์จอมเจ้านาย พระเจ้าของอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า 'ดูสิ เราจะใช้ผู้ส่งสารทั้งหลายไปนำเนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์แห่งบาบิโลนผู้เป็นผู้รับใช้ของเรามา เยเรมีย์เอ๋ย เราจะตั้งบัลลังก์ของเขาไว้เหนือก้อนหินที่เจ้าได้ฝังไว้ เนบูคัดเนสซาร์จะตั้งพลับพลาของเขาไว้เหนือก้อนหินเหล่านั้น
\s5
\p
\v 11 เพราะเขาจะมาและโจมตีแผ่นดินอียิปต์ คนใดที่ถูกกำหนดไว้แก่ความตายจะถูกมอบให้แก่ความตาย คนใดที่ถูกกำหนดไว้แก่การตกไปเป็นเชลยก็จะถูกนำไปเป็นเชลย คนใดที่ถูกกำหนดไว้แก่ดาบก็จะถูกมอบให้แก่ดาบ
\v 12 แล้วเราจะจุดไฟในบรรดาวิหารของเทพเจ้าทั้งหลายของอียิปต์ เนบูคัดเนสซาร์จะเผาพวกเขาหรือจับพวกเขาไปเป็นเชลย เขาจะชำระล้างแผ่นดินอียิปต์เหมือนกับพวกคนเลี้ยงแกะชำระล้างเหาออกจากเสื้อผ้าของพวกเขา เขาจะออกไปจากที่นั่นด้วยชัยชนะ
\v 13 เขาจะโค่นเสาหินทั้งหลายที่นครเฮลิโอโปลิสในแผ่นดินอียิปต์ เขาจะเผาบรรดาวิหารของเทพเจ้าทั้งหลายของอียิปต์"'
\s5
\c 44
\p
\v 1 พระวจนะที่มายังเยเรมีย์เกี่ยวกับคนยูดาห์ทั้งหมดที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินอียิปต์ พวกคนที่อาศัยอยู่ในมิกดล ทาปานเหส เมมฟิส และในแผ่นดินอียิปต์ตอนบน ว่า
\v 2 "พระยาห์เวห์จอมเจ้านาย พระเจ้าของอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า พวกเจ้าเองได้เคยเห็นภัยพิบัติทั้งสิ้นที่เราได้นำมาเหนือเยรูซาเล็มและเหนือทุกเมืองของยูดาห์ ดูสิ เมืองเหล่านั้นก็เป็นซากปรักหักพังจนทุกวันนี้ ไม่มีใครอาศัยอยู่ในเมืองเหล่านั้นเลย
\v 3 นี่เป็นเพราะพวกเขาได้ทำความชั่วร้ายต่างๆ ที่ทำให้เราโกรธ ด้วยการไปเผาเครื่องหอมและนมัสการบรรดาเทพเจ้าอื่นๆ เทพเจ้าเหล่านี้ที่ไม่ว่าพวกเขาเอง หรือพวกเจ้า หรือบรรพบุรุษของพวกเจ้าก็ไม่ได้รู้จัก
\s5
\p
\v 4 ดังนั้น เราจึงได้ใช้ผู้รับใช้ของเราทุกคน คือบรรดาผู้เผยพระวจนะไปหาพวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่า เราได้ใช้พวกเขาไปพูดว่า 'จงหยุดทำสิ่งที่น่ารังเกียจเหล่านี้ที่เราเกลียดชัง'
\v 5 แต่พวกเขาไม่ได้ฟัง พวกเขาไม่ยอมใส่ใจหรือหันกลับจากความชั่วร้ายของพวกเขาในการเผาเครื่องหอมแก่เทพเจ้าอื่นๆ
\v 6 ดังนั้นความโมโหและความพิโรธของเราจึงได้เทออกมาและพลุ่งขึ้นเป็นไฟในเมืองทั้งหลายของยูดาห์และตามถนนหนทางของเยรูซาเล็ม ดังนั้นเมืองเหล่านั้นจึงได้กลายเป็นซากปรักหักพังและที่ทิ้งร้างอย่างทุกวันนี้"
\s5
\p
\v 7 ดังนั้น บัดนี้ พระยาห์เวห์พระเจ้าจอมเจ้านาย และพระเจ้าของอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า "ทำไมพวกเจ้าจึงทำความชั่วร้ายอันใหญ่หลวงแก่ตัวพวกเจ้าเอง? ทำไมพวกเจ้าจึงทำให้ตัวเองถูกตัดออกไปจากท่ามกลางยูดาห์ ทั้งพวกผู้ชายและพวกผู้หญิง ทั้งพวกเด็กๆ และพวกทารก? จนไม่เหลือพวกเจ้าอยู่เลย
\v 8 พวกเจ้าได้ทำให้เราโกรธด้วยความชั่วร้ายของพวกเจ้า ด้วยการกระทำของมือพวกเจ้า ด้วยการเผาเครื่องหอมแก่เทพเจ้าอื่นๆ ในแผ่นดินอียิปต์ ที่ซึ่งพวกเจ้าได้ไปอาศัยอยู่ พวกเจ้าได้ไปที่นั่นเพื่อที่พวกเจ้าจะถูกทำลาย เพื่อที่พวกเจ้าจะเป็นคำสาปแช่งและความขายหน้าท่ามกลางบรรดาประชาชาติของแผ่นดินโลก
\s5
\p
\v 9 พวกเจ้าได้ลืมการกระทำความชั่วร้ายของพวกบรรพบุรุษของพวกเจ้า และการกระทำความชั่วร้ายของบรรดากษัตริย์แห่งยูดาห์และพวกมเหสีของพวกเขาแล้วหรือ? พวกเจ้าได้ลืมการกระทำความชั่วร้ายของพวกเจ้าเองและพวกภรรยาของพวกเจ้าในแผ่นดินยูดาห์และตามถนนหนทางของเยรูซาเล็มแล้วหรือ?
\v 10 จนถึงวันนี้ พวกเขายังคงไม่ถ่อมตัวลง พวกเขาไม่เคารพธรรมบัญญัติ หรือกฎเกณฑ์ของเราที่เราได้ตั้งไว้ต่อหน้าพวกเขาและพวกบรรพบุรุษของพวกเขา อีกทั้งพวกเขาก็ไม่ดำเนินในทางเหล่านั้น"
\v 11 เพราะฉะนั้น พระยาห์เวห์จอมเจ้านาย พระเจ้าของอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า "ดูสิ เราจะมุ่งหน้าของเราต่อสู้พวกเจ้าและนำภัยพิบัติมาสู่พวกเจ้าและทำลายยูดาห์เสียให้สิ้น
\s5
\p
\v 12 เพราะเราจะนำคนยูดาห์ที่เหลืออยู่ที่ได้ออกเดินทางไปแผ่นดินอียิปต์เพื่ออาศัยอยู่ที่นั่น เราจะทำดังนี้เพื่อที่พวกเขาทุกคนจะพินาศสิ้นในแผ่นดินอียิปต์ พวกเขาจะล้มลงด้วยดาบและด้วยการกันดารอาหาร ตั้งแต่ผู้น้อยที่สุดจนถึงผู้ใหญ่ที่สุด พวกเขาจะพินาศด้วยดาบและการกันดารอาหาร พวกเขาจะตายและกลายเป็นคำกล่าวสาบาน คำแช่งสาป ความขายหน้าและสิ่งที่น่าสยดสยอง
\v 13 เพราะเราจะลงโทษประชาชนที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินอียิปต์ เช่นเดียวกับที่เราได้ลงโทษเยรูซาเล็มด้วยดาบ ด้วยการกันดารอาหาร และด้วยโรคระบาด
\v 14 ไม่มีผู้ลี้ภัยหรือผู้รอดชีวิตของคนที่เหลืออยู่ของยูดาห์ ผู้ที่ไปอาศัยอยู่ที่นั่นในแผ่นดินอียิปต์ จะกลับไปยังแผ่นดินยูดาห์ ถึงแม้ว่าพวกเขาต้องการจะกลับไปและอาศัยอยู่ที่นั่น ไม่มีใครในพวกเขาจะกลับไป นอกจากคนไม่กี่คนที่จะหลบหนีไปจากที่นี่"
\s5
\p
\v 15 แล้วพวกผู้ชายทุกคนผู้ที่ได้รู้ว่าพวกภรรยาของตนได้เผาเครื่องหอมถวายแก่เทพเจ้าอื่นๆ และพวกผู้หญิงทุกคนที่ได้อยู่ในที่ประชุมใหญ่ และประชาชนทุกคนที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินอียิปต์ตอนใต้และตอนบนได้ตอบเยเรมีย์
\v 16 พวกเขาได้กล่าวว่า "เรื่องถ้อยคำที่ท่านได้บอกพวกเราในพระนามของพระยาห์เวห์นั้น พวกเราจะไม่ฟังท่าน
\v 17 เพราะพวกเราจะทำทุกสิ่งที่พวกเราพูดว่าจะทำอย่างแน่นอน คือเผาเครื่องหอมถวายเจ้าแม่แห่งฟ้าสวรรค์ และเทเครื่องดื่มบูชาถวายพระนางเหมือนอย่างที่พวกเรา บรรดาบรรพบุรุษของพวกเรา บรรดากษัตริย์ของพวกเรา และพวกผู้นำของพวกเราได้ทำในเมืองทั้งหลายของยูดาห์และตามถนนหนทางของเยรูซาเล็ม แล้วพวกเราจะอิ่มหนำด้วยอาหารและจะเจริญรุ่งเรือง โดยไม่ต้องพบกับภัยพิบัติใดๆ
\s5
\p
\v 18 เมื่อเราได้งดเว้นจากการทำสิ่งเหล่านี้ ด้วยการไม่ถวายเครื่องหอมบูชาแก่เจ้าแม่แห่งฟ้าสวรรค์และไม่เทเครื่องดื่มบูชาแก่พระนาง พวกเราทุกคนก็ทนทุกข์ด้วยความขัดสน และกำลังจะตายด้วยดาบและด้วยการกันดารอาหาร"
\v 19 พวกผู้หญิงเหล่านั้นได้กล่าวว่า "เมื่อพวกเราทำการถวายเครื่องหอมบูชาต่อหน้าเจ้าแม่แห่งฟ้าสวรรค์และเทเครื่องดื่มบูชาให้แก่พระนาง นี่มันเป็นการฝ่าฝืนต่อสามีของพวกเราหรือ ที่พวกเราได้ทำสิ่งเหล่านี้ คือการทำขนมเป็นรูปพระนางและเทเครื่องดื่มบูชาให้แก่พระนาง?
\v 20 แล้วเยเรมีย์ได้กล่าวกับประชาชนทุกคน ทั้งพวกผู้ชายและพวกผู้หญิงและประชาชนทุกคนที่ได้ตอบท่าน ท่านได้ประกาศและได้กล่าวว่า
\s5
\p
\v 21 "พระยาห์เวห์ไม่ได้ทรงจดจำเครื่องหอมที่พวกเจ้าได้เผาในเมืองทั้งหลายของยูดาห์ และตามถนนหนทางของเยรูซาเล็มหรือ ทั้งพวกเจ้าและบรรดาบรรพบุรุษของพวกเจ้า บรรดากษัตริย์และพวกผู้นำของพวกเจ้าและประชาชนของแผ่นดินนั้น? เพราะพระยาห์เวห์ได้ทรงระลึกถึงเรื่องนี้ ซึ่งเข้ามาในพระดำริของพระองค์
\v 22 แล้วพระองค์ก็ทรงทนต่อเรื่องนี้ไม่ได้อีกต่อไป เพราะเหตุความประพฤติที่ชั่วร้ายของพวกเจ้า เพราะสิ่งที่น่ารังเกียจที่พวกเจ้าได้ทำ แล้วแผ่นดินของพวกเจ้าจะกลายเป็นที่ทิ้งร้าง เป็นที่น่าสยดสยอง และเป็นที่สาปแช่ง ดังนั้น ที่นั่นจึงไม่มีคนอาศัยอยู่อีกต่อไปอย่างทุกวันนี้
\v 23 เพราะพวกเจ้าได้เผาเครื่องหอมและได้ทำบาปต่อพระยาห์เวห์ และเพราะพวกเจ้าไม่ยอมฟังพระสุรเสียงของพระองค์ ธรรมบัญญัติของพระองค์ กฎเกณฑ์ของพระองค์ หรือพระโอวาทแห่งพันธสัญญาของพระองค์ ภัยพิบัติครั้งนี้จึงได้เกิดขึ้นแก่พวกเจ้าอย่างทุกวันนี้
\s5
\p
\v 24 แล้วเยเรมีย์ได้พูดกับประชาชนทั้งปวงและพวกผู้หญิงทุกคนว่า "คนยูดาห์ทุกคนที่อยู่ในแผ่นดินอียิปต์เอ๋ย จงฟังพระวจนะของพระยาห์เวห์
\v 25 พระยาห์เวห์จอมเจ้านาย พระเจ้าของอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า 'ทั้งพวกเจ้าและพวกภรรยาของพวกเจ้าได้พูดกับปากของพวกเจ้าและได้ลงมือทำด้วยมือของพวกเจ้าตามที่พวกเจ้าได้พูดว่า "พวกเราจะทำตามคำสาบานที่เราได้ทำไว้อย่างแน่นอน ที่จะทำเพื่อนมัสการเจ้าแม่แห่งฟ้าสวรรค์ ในการเทเครื่องดื่มบูชาให้แก่พระนาง" บัดนี้ก็สำเร็จตามคำสาบานของพวกเจ้าแล้ว ได้ทำตามนั้นแล้ว'
\v 26 ดังนั้นแล้ว คนยูดาห์ทั้งหมดที่อยู่ในแผ่นดินอียิปต์เอ๋ย จงฟังพระวจนะของพระยาห์เวห์ 'ดูสิ เราได้ปฏิญาณด้วยนามยิ่งใหญ่ของเรา พระยาเวห์ตรัสว่า จะไม่มีปากของคนใดในพวกคนยูดาห์ทั่วแผ่นดินอียิปต์ที่จะออกนามของเราได้อีกต่อไป ที่พวกเจ้าพูดกันอยู่ตอนนี้ว่า "พระยาห์เวห์องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระชนม์อยู่ฉันใด"
\s5
\p
\v 27 ดูสิ เรากำลังเฝ้ามองเหนือพวกเขาเพื่อเหตุร้ายและไม่ใช่เพื่อสิ่งดี คนยูดาห์ทุกคนในแผ่นดินอียิปต์จะพินาศด้วยดาบและการกันดารอาหารจนกว่าพวกเขาจะจบสิ้น
\v 28 แล้วพวกผู้ที่รอดชีวิตจากดาบจะกลับจากแผ่นดินอียิปต์ไปยังแผ่นดินยูดาห์ ซึ่งพวกเขาจะมีจำนวนน้อยคนเท่านั้น ดังนั้นคนยูดาห์ที่เหลืออยู่ทั้งหมดผู้ซึ่งได้ไปยังแผ่นดินอียิปต์เพื่ออาศัยอยู่ที่นั่นจะรู้ว่าถ้อยคำของใครจะกลายเป็นจริง ถ้อยคำของเราหรือถ้อยคำของพวกเขา
\s5
\p
\v 29 นี่คือประกาศของพระยาห์เวห์ว่า นี่จะเป็นหมายสำคัญสำหรับพวกเจ้า ที่เราจะมุ่งต่อสู้พวกเจ้าในสถานที่นี้ เพื่อที่พวกเจ้าจะรู้ว่าถ้อยคำของเราจะโจมตีพวกเจ้าด้วยภัยพิบัติอย่างแน่นอน'
\v 30 พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า 'ดูเถิด เราจะมอบฟาโรห์โฮฟรากษัตริย์แห่งอียิปต์ไว้ในมือของพวกศัตรูของเขา และในมือของพวกคนที่พยายามจะฆ่าเขา ซึ่งจะเป็นเช่นเดียวกันกับตอนที่เราได้มอบเศเดคียาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์ไว้ในมือของเนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์แห่งบาบิโลน ผู้เป็นศัตรูของเขาที่ได้แสวงเอาชีวิตของเขา"'
\s5
\c 45
\p
\v 1 นี่เป็นถ้อยคำที่เยเรมีย์ผู้เผยพระวจนะได้บอกกับบารุคบุตรชายของเนริยาห์ สิ่งนี้ได้เกิดขึ้นเมื่อท่านได้เขียนถ้อยคำเหล่านี้ลงในหนังสือม้วนตามคำบอกของเยเรมีย์ นี่เป็นปีที่สี่แห่งรัชกาลเยโฮยาคิมโอรสของโยสิยาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์ และท่านได้กล่าวว่า
\v 2 "บารุคเอ๋ย พระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอล ตรัสกับท่านดังนี้ว่า
\v 3 เจ้าได้พูดว่า 'วิบัติแก่ข้า เพราะพระยาห์เวห์ได้เพิ่มความทุกข์เข้ากับความเจ็บปวดของข้า การคร่ำครวญของข้าได้ทำให้ข้าเหน็ดเหนื่อย ข้าไม่พบความสงบเลย'
\s5
\p
\v 4 'พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า นี่เป็นสิ่งที่เจ้าต้องพูดกับเขาว่า ดูเถิด สิ่งใดที่เราได้สร้างขึ้น บัดนี้ เราจะทำลายลง สิ่งใดที่เราได้ปลูก บัดนี้ เราจะถอนขึ้น เราจะทำดังนี้ตลอดทั่วแผ่นดินโลก
\v 5 แต่เจ้ากำลังหวังบรรดาสิ่งที่ยิ่งใหญ่สำหรับตัวเองหรือ? อย่าหวังสิ่งนั้นเลย เพราะดูเถิด ภัยพิบัติกำลังมาเหนือมนุษย์ทุกคน นี่เป็นคำประกาศของพระยาห์เวห์ แต่เราจะให้ชีวิตแก่เจ้า ชีวิตของเจ้าเป็นเหมือนของที่ริบมาได้ในทุกหนทุกแห่งที่เจ้าจะไป"'
\s5
\c 46
\p
\v 1 นี่เป็นพระวจนะของพระยาห์เวห์ที่มายังเยเรมีย์ผู้เผยพระวจนะเกี่ยวกับบรรดาประชาชาติ
\v 2 เรื่องอียิปต์ว่า "เรื่องนี้เกี่ยวกับกองทัพของฟาโรห์เนโคกษัตริย์แห่งอียิปต์ ซึ่งอยู่ที่เมืองคารเคมิชริมแม่น้ำยูเฟรติส เมืองนี้ได้ถูกกองทัพที่เนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์แห่งบาบิโลนทำให้พ่ายแพ้ในปีที่สี่ของรัชกาลเยโฮยาคิมโอรสของโยสิยาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์
\v 3 จงเตรียมบรรดาโล่เล็กและโล่ใหญ่ให้พร้อม และมุ่งหน้าไปสู้รบ
\s5
\p
\v 4 จงผูกอานบนหลังม้าเหล่านั้น จงขึ้นขี่ม้าเหล่านั้นและจงเข้าประจำที่พร้อมด้วยหมวกป้องกันศีรษะของเจ้า จงขัดหอกเหล่านั้นและสวมเสื้อเกราะของเจ้า
\v 5 เรากำลังเห็นอะไรที่นี่? พวกเขาเต็มด้วยความหวาดกลัวและกำลังวิ่งหนี เพราะพวกทหารของพวกเขาได้พ่ายแพ้ พวกเขากำลังวิ่งหนีไปยังที่ปลอดภัยและไม่เหลียวหลัง ความสยดสยองอยู่รอบด้าน นี่เป็นคำประกาศของพระยาห์เวห์
\v 6 คนที่รวดเร็วก็หนีไปไม่ได้ และพวกทหารก็หนีไปไม่รอด พวกเขาสะดุดในแดนเหนือและล้มลงที่ริมแม่น้ำยูเฟรติส
\s5
\p
\v 7 ใครหนอที่ขึ้นมาเหมือนแม่น้ำไนล์ ที่น้ำของมันซัดขึ้นและลงเหมือนแม่น้ำเหล่านั้น?
\v 8 อียิปต์ขึ้นมาเหมือนแม่น้ำไนล์ เหมือนกับแม่น้ำทั้งหลายที่ขึ้นและลง อียิปต์กล่าวว่า 'ข้าจะขึ้นไป และข้าจะปกคลุมแผ่นดินโลก ข้าจะทำลายเมืองทั้งหลายและชาวเมืองเหล่านั้นเสีย
\v 9 ม้าทั้งหลายเอ๋ย จงขึ้นไปเถิด รถม้าศึกทั้งหลายเอ๋ย จงโกรธเกรี้ยวเถิด จงให้พวกทหารออกไป คนคูชและคนพูตเอ๋ย พวกคนที่ชำนาญการใช้โล่ และคนลูดิม พวกคนที่ชำนาญการโก่งคันธนูทั้งหลาย'
\s5
\p
\v 10 วันนั้นจะเป็นวันแห่งการแก้แค้นของพระยาห์เวห์องค์พระผู้เป็นเจ้าจอมเจ้านาย และพระองค์จะทรงแก้แค้นบรรดาศัตรูของพระองค์ด้วยพระองค์เอง ดาบเหล่านั้นจะกินจนอิ่ม มันจะดื่มโลหิตของพวกเขาจนเต็มคราบ เพราะจะมีเครื่องบูชาแด่พระยาห์เวห์องค์พระผู้เป็นเจ้าจอมเจ้านายในดินแดนเหนือริมแม่น้ำยูเฟรติส
\v 11 ธิดาพรหมจารีแห่งอียิปต์เอ๋ย จงขึ้นไปยังกิเลอาดและไปเอายามา มันไม่มีประโยชน์ที่เจ้าจะเอายามาใส่ให้กับตัวเองมากมาย ไม่มีการเยียวยาใดๆ สำหรับเจ้า
\v 12 บรรดาประชาชาติได้ยินถึงความอัปยศของเจ้า แผ่นดินโลกเต็มไปด้วยการคร่ำครวญของเจ้า เพราะทหารได้สะดุดทหารกันเอง พวกเขาก็ล้มลงไปด้วยกันทั้งคู่"
\s5
\p
\v 13 นี่เป็นพระวจนะที่พระยาห์เวห์ได้ตรัสกับเยเรมีย์ผู้เผยพระวจนะ เมื่อเนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์แห่งบาบิโลนได้มาและโจมตีแผ่นดินอียิปต์
\v 14 "จงประกาศในอียิปต์ และจงป่าวร้องในเมืองมิกดล เมืองเมมฟิส และเมืองทาปานเหส 'จงเข้าประจำที่และเตรียมตัวเจ้าเองให้พร้อม เพราะดาบจะผลาญคนเหล่านั้นที่อยู่รอบตัวเจ้า'
\v 15 ทำไมพวกที่มีอำนาจของเจ้าจึงซบหน้าลงที่พื้นดินเล่า? พวกเขาจะไม่ยืนขึ้น เพราะเราเอง พระยาห์เวห์ได้ผลักพวกเขาลงไปยังพื้นดิน
\s5
\p
\v 16 พระองค์ทรงเพิ่มจำนวนพวกคนที่ล้มลง ทหารแต่ละคนก็ล้มทับกันไป พวกเขาพูดว่า "ลุกขึ้นเถอะ ให้พวกเรากลับไปบ้านกันเถิด ให้พวกเรากลับไปยังชนชาติของพวกเราเอง ไปยังแผ่นดินบ้านเกิดเมืองนอนของพวกเรา ให้พวกเราไปจากดาบนี้ที่ฟาดฟันพวกเราอยู่'
\v 17 พวกเขาได้ประกาศที่นั่นว่า 'ฟาโรห์กษัตริย์แห่งอียิปต์ได้แต่เสียงดัง ผู้ที่ได้ปล่อยให้โอกาสหลุดไป'
\v 18 คำประกาศของกษัตริย์ที่พระนามของพระองค์คือพระยาห์เวห์จอมเจ้านายว่า เรามีชีวิตอยู่ฉันใด ผู้หนึ่งจะมาอย่างภูเขาทาโบร์และภูเขาคารเมลริมทะเลฉันนั้น
\s5
\p
\v 19 พวกเจ้าที่อาศัยอยู่ในอียิปต์เอ๋ย จงเก็บสัมภาระสำหรับพวกเจ้าเองเพื่อที่จะถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลย เพราะเมืองเมมฟิสจะกลายเป็นที่ร้างเปล่า เมืองนั้นจะราบลงเป็นซากปรักหักพังและจะไม่มีใครอาศัยอยู่ที่นั่น
\v 20 อียิปต์เป็นโคสาวที่งดงามมาก แต่ตัวแมลงที่ต่อยกำลังมาจากทิศเหนือ มันกำลังมาถึง
\v 21 พวกทหารรับจ้างที่อยู่ท่ามกลางเธอเป็นเหมือนโคอ้วนพี แต่พวกเขาก็จะหันกลับและวิ่งหนีไปด้วย พวกเขาจะไม่ตั้งมั่นอยู่ด้วยกัน เพราะวันแห่งภัยพิบัติที่กำลังมาถึงพวกเขา ซึ่งเป็นเวลาแห่งการลงโทษพวกเขา
\s5
\p
\v 22 อียิปต์ขู่ฟ่อเหมือนงูและเลื้อยออกไป เพราะพวกศัตรูของเธอได้ยกมาต่อสู้กับเธอ พวกเขากำลังตรงไปหาเธอเหมือนพวกคนตัดไม้ที่มีขวานไปด้วย
\v 23 พวกเขาจะโค่นป่าทั้งหลายลง นี่เป็นคำประกาศของพระยาห์เวห์ ถึงแม้ว่าจะหนาทึบมากก็ตาม เพราะพวกศัตรูจะมีจำนวนมากกว่าฝูงตั๊กแตนจนนับไม่ถ้วน
\v 24 ธิดาแห่งอียิปต์จะถูกทำให้อับอาย เธอจะถูกมอบไว้ในมือของพวกคนที่มาจากทิศเหนือ"
\s5
\p
\v 25 พระยาห์เวห์จอมเจ้านาย พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสว่า "ดูเถิด เราจะลงโทษพระอาโมนแห่งเมืองเธเบส ฟาโรห์ อียิปต์ และบรรดาเทพเจ้าของเธอ บรรดาฟาโรห์ซึ่งเป็นกษัตริย์ของเธอ และบรรดาคนที่วางใจในพวกเขา
\v 26 เราจะมอบพวกเขาไว้ในมือของพวกคนที่แสวงหาชีวิตของพวกเขา และไว้ในมือของเนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์แห่งบาบิโลนและพวกข้าราชการของเขา แล้วหลังจากนี้ อียิปต์จะเป็นเมืองที่มีคนอาศัยอยู่เหมือนดังสมัยก่อน นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์
\s5
\p
\v 27 แต่เจ้า ยาโคบ ผู้รับใช้ของเราเอ๋ย อย่ากลัวเลย อิสราเอลเอ๋ย อย่าตกใจเลย เพราะดูเถิด เราจะนำเจ้ากลับมาจากแดนไกล และนำลูกหลานของเจ้ามาจากแผ่นดินที่พวกเขาตกเป็นเชลย แล้วยาโคบจะกลับมา พบกับสันติสุขและปลอดภัย และจะไม่มีผู้ใดทำให้เขากลัว
\v 28 ยาโคบผู้รับใช้ของเราเอ๋ย อย่ากลัวเลย นี่เป็นคำประกาศของพระยาห์เวห์ เพราะเราอยู่กับเจ้า เพื่อที่เราจะนำการทำลายมายังบรรดาประชาชาติที่ซึ่งเราได้ขับไล่เจ้าไปจนสิ้น แต่เราจะไม่ทำลายเจ้าอย่างสิ้นเชิง แต่เราจะตีสอนเจ้าอย่างเป็นธรรม และจะไม่ปล่อยให้เจ้าไม่ถูกลงโทษอย่างแน่นอน"
\s5
\c 47
\p
\v 1 นี่เป็นพระวจนะของพระยาห์เวห์ที่มายังเยเรมีย์ผู้เผยพระวจนะเกี่ยวกับฟีลิสเตีย พระวจนะนี้ได้มายังท่านก่อนที่ฟาโรห์โจมตีเมืองกาซา
\v 2 "พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า ดูสิ น้ำท่วมทั้งหลายกำลังไหลบ่าขึ้นมาในทิศเหนือ น้ำเหล่าน้ั้นจะเป็นเหมือนแม่น้ำที่ไหลล้น แล้วน้ำเหล่านั้นจะไหลท่วมแผ่นดินและทุกสิ่งที่อยู่ในแผ่นดินนั้น ทั้งเมืองทั้งหลายและบรรดาผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองเหล่านั้น ด้วยเหตุนี้ ทุกคนจะตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ และผู้ที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินนั้นทุกคนจะคร่ำครวญ
\s5
\p
\v 3 เมื่อได้ยินเสียงควบของกีบม้าที่แข็งแรงของพวกเขาเหล่านั้น เมื่อได้ยินเสียงคำรามของรถม้าศึกของพวกเขา และเสียงดังของล้อรถของพวกเขา พ่อทั้งหลายจะไม่สามารถช่วยลูกๆ ของพวกเขาได้ เพราะเหตุความอ่อนแอของพวกเขาเอง
\v 4 เพราะวันที่จะทำลายฟีลิสเตียให้หมดสิ้นจะมาถึง ผู้ที่รอดชีวิตทุกคนที่ต้องการช่วยพวกเขาจะถูกตัดออกจากเมืองไทระและเมืองไซดอน เพราะพระยาห์เวห์กำลังทำลายฟีลิสเตีย คือพวกคนที่ยังเหลืออยู่จากเกาะคัฟโทร์
\s5
\p
\v 5 ความโล่งเตียนจะมาถึงเมืองกาซา ส่วนเมืองอัชเคโลน คือพวกคนที่เหลืออยู่ในหุบเขาของพวกเขาจะถูกทำให้นิ่งเงียบ เจ้าจะเชือดเนื้อเองในการคร่ำครวญไปอีกนานเท่าใด?
\v 6 โอ ดาบแห่งพระยาห์เวห์ อีกนานเท่าใดกว่าเจ้าจะสงบลง? จงกลับเข้าไปในฝักของเจ้าเถิด จงหยุดและสงบลงเสียที
\v 7 เจ้าจะสงบอยู่ได้อย่างไรเล่า เพราะพระยาห์เวห์ได้ทรงบัญชาเจ้า พระองค์ได้ทรงเรียกเจ้าให้โจมตีเมืองอัชเคโลนและโจมตีแผ่นดินชายทะเลทั้งหลายไปตามชายฝั่งทะเล"
\s5
\c 48
\p
\v 1 พระยาห์เวห์จอมเจ้านาย พระเจ้าของอิสราเอล ตรัสถึงโมอับดังนี้ว่า "วิบัติแก่เมืองเนโบ เพราะเมืองนั้นได้ถูกทิ้งร้าง เมืองคีริยาธาอิมได้ถูกจับไปเป็นเชลยและขายหน้า ป้อมปราการของเมืองนั้นได้ถูกทำลายและได้รับความอัปยศอดสู
\v 2 ไม่มีการยกย่องโมอับอีกต่อไป ศัตรูของพวกเขาในเมืองเฮชโบนได้คิดแผนการร้ายต่อสู้เมืองนั้น พวกเขากล่าวได้ว่า 'มาเถิด และให้พวกเราทำลายเมืองนั้นเหมือนดังทำลายชนชาติหนึ่ง เมืองมัดเมนก็จะพินาศไปด้วย ดาบจะไล่ตามเจ้าไป'
\s5
\p
\v 3 ฟังสิ มีเสียงกรีดร้องมาจากเมืองโฮโรนาอิม ที่ซึ่งมีซากปรักหักพังและการทำลายอย่างใหญ่หลวง
\v 4 โมอับได้ถูกทำลายแล้ว และได้ยินบุตรทั้งหลายของเธอก็ได้เปล่งเสียงร้องไห้
\v 5 พวกเขาขึ้นไปร้องไห้คร่ำครวญยังเนินเขาลูฮีท เพราะได้ยินเสียงกรีดร้องมาตามทางลงมายังเมืองโฮโรนาอิม เพราะเหตุการทำลายนั้น
\s5
\p
\v 6 จงหนีไปเถิด จงรักษาชีวิตของพวกเจ้าให้รอด และเป็นเหมือนพุ่มต้นสนในถิ่นทุรกันดาร
\v 7 เพราะว่าพวกเจ้าได้วางใจในการกระทำและทรัพย์สมบัติของพวกเจ้า พวกเจ้าก็จะถูกจับไปเป็นเชลยด้วย แล้วพระเคโมชก็จะถูกเอาไปเป็นเชลยด้วย พร้อมกับพวกปุโรหิตและพวกผู้นำของเขา
\v 8 เพราะผู้ทำลายจะมายังทุกเมือง ไม่มีเมืองใดจะรอดพ้นไปได้ ดังนั้น ที่ลุ่มจะต้องพินาศและที่ราบจะถูกทิ้งร้าง ดังที่พระยาห์เวห์ได้ตรัสไว้
\v 9 จงให้ปีกกับโมอับ เพราะเธอจะต้องบินหนีไปอย่างแน่นอน เมืองทั้งหลายของเธอก็จะเป็นที่ร้างเปล่า ที่ซึ่งไม่มีผู้ใดอาศัยอยู่ในเมืองเหล่านั้นเลย
\s5
\p
\v 10 ขอให้คนที่เกียจคร้านในการทำการงานของพระยาห์เวห์ถูกแช่งสาป ขอให้คนที่ยั้งดาบของเขาไว้จากการหลั่งโลหิตถูกแช่งสาป
\v 11 โมอับเคยรู้สึกปลอดภัยมาตั้งแต่ยังหนุ่ม เขาเหมือนกับเหล้าองุ่นที่ไม่เคยถ่ายเทจากภาชนะหนึ่งไปยังอีกภาชนะหนึ่ง เขาไม่เคยถูกจับไปเป็นเชลย เพราะเหตุนี้เขาจึงมีรสที่ดีอย่างที่เคยเป็น รสชาติของเขายังคงไม่เปลี่ยนแปลง
\v 12 เพราะฉะนั้น ดูสิ วันเหล่านั้นกำลังมาถึง นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์ว่า เมื่อเราจะส่งพวกคนผู้ที่ถ่ายเทเขามา และเทออกจากภาชนะเหล่านั้นของเขาจนเกลี้ยงและทุบไหเหล่านั้นของเขาให้แตกเป็นชิ้นๆ
\s5
\p
\v 13 แล้วโมอับจะอับอายเพราะพระเคโมช อย่างที่วงศ์วานของอิสราเอลได้อับอายเพราะเมืองเบธเอล ซึ่งสิ่งของที่วางใจของพวกเขา
\v 14 พวกเจ้าจะพูดได้อย่างไรว่า 'พวกเราเป็นพวกทหาร เป็นพวกนักรบที่เต็มด้วยพลัง?'
\v 15 โมอับจะถูกทำให้เป็นที่ร้างและเมืองต่างๆ จะถูกโจมตี เพราะพวกคนหนุ่มที่ดีที่สุดของเมืองนั้นได้ลงไปยังที่แห่งการสังหาร นี่เป็นคำประกาศของกษัตริย์ พระยาห์เวห์จอมเจ้านาย คือพระนามของพระองค์
\v 16 การทำลายโมอับจะเกิดขึ้นในไม่ช้า ความหายนะกำลังเร่งมาอย่างรวดเร็ว
\s5
\p
\v 17 พวกเจ้าทุกคนที่อยู่รอบๆ โมอับ จงร้องไห้คร่ำครวญ และพวกเจ้าที่รู้จักชื่อเสียงของเมืองนั้น จงร้องตะโกนดังนี้ว่า 'วิบัติ แก่ธารพระกรที่เข้มแข็ง คฑาที่มีเกียรติได้หักเสียแล้ว'
\v 18 จงลงมาจากที่อันมีเกียรติของเจ้าและนั่งลงบนพื้นดินแห้ง ธิดาที่อาศัยอยู่ในเมืองดีโบนเอ๋ย เพราะผู้ที่จะทำลายโมอับกำลังมาโจมตีเจ้า คนที่จะทำลายที่กำบังเข้มแข็งของเจ้า
\v 19 จงยืนบนถนนและเฝ้ามอง ประชาชนที่อาศัยอยู่ในเมืองอาโรเออร์เอ๋ย จงถามพวกคนที่กำลังหนีและรอดมาได้ว่า 'เกิดอะไรขึ้น?'
\s5
\p
\v 20 โมอับได้รับความอับอาย เพราะได้ถูกทำให้แตกเสียแล้ว จงร้องโหยหวนและคร่ำครวญ จงตะโกนขอความช่วยเหลือ จงบอกเรื่องนี้แก่ประชาชนที่อยู่ริมแม่น้ำอารโนนว่าโมอับได้ถูกทิ้งร้างแล้ว
\v 21 บัดนี้ การลงโทษได้มาถึงแดนเทือกเขา มายังโฮโลน ยัคซาห์ และเมฟาอาท
\v 22 มายังดีโบน เนโบ และเบธดิบลาธาอิม
\v 23 มายังคีริยาธาอิม เบธกามุล และเบธเมโอน
\v 24 มายังเคริโอท และโบสราห์ และมายังทุกเมืองในแผ่นดินของโมอับ ทั้งบรรดาเมืองที่อยู่ไกลที่สุดและเมืองที่อยู่ใกล้ที่สุด
\s5
\p
\v 25 เขาของโมอับได้ถูกตัดออกแล้ว แขนของเขาก็หัก นี่เป็นคำประกาศของพระยาห์เวห์
\v 26 จงทำให้เขามึนเมา เพราะเขาได้ทำตัวหยิ่งยโสต่อพระยาห์เวห์ จงปล่อยให้โมอับกลิ้งเกลือกอยู่ในอาเจียนของเขา และให้เขาเป็นที่ดูหมิ่น
\v 27 เพราะอิสราเอลได้กลายเป็นที่เยาะเย้ยแก่เจ้าไม่ใช่หรือ? เจ้าพบเขาอยู่ท่ามกลางพวกโจรหรือ? เพื่อให้เจ้าได้สั่นศีรษะใส่เขาบ่อยครั้งเท่ากับที่เจ้าได้พูดถึงเขาไหม?
\s5
\p
\v 28 ชาวเมืองโมอับเอ๋ย จงละทิ้งเมืองเหล่านั้นและตั้งค่ายพักบนหน้าผา จงเป็นเหมือนนกพิราบที่ทำรังอยู่เหนือปากถ้ำในซอกหิน
\v 29 พวกเราได้ยินถึงความหยิ่งยโสของโมอับ ความโอหังของเขา ความทะนงตัว ความอวดดี ความหยิ่งในศักดิ์ศรีของเขา และความถือดีในใจของเขา
\v 30 นี่เป็นคำประกาศของพระยาห์เวห์ เราเองรู้คำพูดที่ดูหมิ่นของเขา ที่ไม่มีค่าอะไรเลย เช่นเดียวกับการกระทำทั้งหลายของเขา
\s5
\p
\v 31 เพราะฉะนั้น เราจะร้องคร่ำครวญเพื่อโมอับ และเราจะร้องด้วยความโศกเศร้าให้กับโมอับทั้งปวง เราจะคร่ำครวญเพื่อชาวเมืองคีร์เฮเรช
\v 32 เราจะร้องไห้เพื่อเจ้ามากว่าที่เราได้ร้องไห้เพื่อยาเซอร์ เถาองุ่นแห่งสิบมาห์เอ๋ย กิ่งทั้งหลายของเจ้าได้ยื่นข้ามทะเลเกลือและไปไกลถึงยาเซอร์ พวกผู้ทำลายได้มาโจมตีผลไม้ฤดูร้อนของเจ้าและเหล้าองุ่นของเจ้า
\v 33 ดังนั้น การเฉลิมฉลองและความเปรมปรีดิ์ก็ได้ถูกเอาไปจากบรรดาต้นไม้ผลและแผ่นดินของโมอับ เราได้ทำให้เหล้าองุ่นหยุดไหลจากบ่อย่ำองุ่นของพวกเขา พวกเขาจะไม่มาย่ำด้วยการโห่ร้องด้วยความยินดี เสียงโห่ร้องนั้นจะไม่เป็นเสียงโห่ร้องด้วยความยินดี
\s5
\p
\v 34 จากเสียงร้องที่เมืองเฮชโบนไปไกลถึงเมืองเอเลอาเลห์ เสียงของพวกเขาได้ยินไปไกลถึงเมืองยาฮาส จากเมืองโศอันไปไกลถึงเมืองโฮโรนาอิม และเอกลัทเชลีชิยาห์ เนื่องจากแหล่งน้ำของนิมริมก็ได้เหือดแห้ง ด้วย
\v 35 เพราะเราจะนำอวสานมาถึงคนที่อยู่ในโมอับผู้ที่ถวายเครื่องบูชาบนสถานสูงและเผาเครื่องหอมแก่บรรดาเทพเจ้าของเขา นี่เป็นคำประกาศของพระยาห์เวห์
\v 36 เพราะฉะนั้น ใจของเราจึงคร่ำครวญเพื่อโมอับเหมือนกับขลุ่ย ใจของเราคร่ำครวญเพื่อโมอับเหมือนอย่างขลุ่ยทั้งหลายเพื่อชาวเมืองคีร์เฮเรส ทรัพย์สมบัติที่พวกเขาได้มาได้จากไป
\s5
\p
\v 37 เพราะทุกศีรษะก็ล้านและหนวดเคราก็ถูกโกนออก มีรอยแผลอยู่บนทุกมือ และผ้ากระสอบก็คาดอยู่รอบเอวของพวกเขา
\v 38 มีการคร่ำครวญอยู่ทุกหนทุกแห่ง บนทุกหลังคาของโมอับและในลานเมืองของโมอับ เพราะเราได้ทำลายโมอับจนเป็นเหมือนภาชนะที่ไม่มีใครต้องการ นี่เป็นคำประกาศของพระยาห์เวห์
\v 39 มันถูกทุบให้แตกอย่างไม่มีชิ้นดี พวกเขาโอดครวญเหลือเกินอยู่ในการคร่ำครวญของพวกเขา โมอับหันกลับไปด้วยความอาย ดังนั้น โมอับจะกลายเป็นที่ดูหมิ่นและสยดสยองต่อทุกคนที่อยู่รอบเขา"
\s5
\p
\v 40 เพราะพระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า "ดูสิ ศัตรูจะบินมาเหมือนกับนกอินทรี และกางปีกของเขาออกเหนือโมอับ
\v 41 เมืองเคริโอทได้ถูกจับไปเป็นเชลย และที่กำบังเข้มแข็งของเมืองนั้นได้ถูกล้อมไว้ เพราะในวันนั้น จิตใจของพวกทหารทั้งหลายของโมอับก็จะเป็นเหมือนกับจิตใจของพวกผู้หญิงที่เจ็บครรภ์คลอดบุตร
\v 42 เพราะโมอับจะถูกทำลายและไม่เป็นชนชาติอีกต่อไป เพราะเขาได้ยกตัวเองให้ยิ่งใหญ่ต่อสู้กับพระยาห์เวห์
\s5
\p
\v 43 ชาวเมืองโมอับเอ๋ย ความสยดสยองและหลุมพราง และกับดักกำลังมายังเจ้า นี่เป็นคำประกาศของพระยาห์เวห์
\v 44 คนใดที่หนีไปเพราะความหวาดกลัวก็จะตกลงไปในหลุมพรางนั้น และคนใดที่ปีนขึ้นมาจากหลุุมก็จะติดกับดัก เพราะเราจะนำสิ่งนี้มาเหนือพวกเขาในปีแห่งการแก้แค้นของเราต่อพวกเขา นี่เป็นคำประกาศของพระยาห์เวห์
\v 45 พวกคนที่หนีไปจะยืนอย่างหมดแรงในร่มเงาของเมืองเฮชโบน เพราะไฟจะออกมาจากเมืองเฮชโบน เปลวไฟจะออกมาจากตรงกลางของสิโหน ไฟนั้นจะเผาผลาญหน้าผากของโมอับและกระหม่อมของพวกคนที่เต็มด้วยการโอ้อวด
\s5
\p
\v 46 โมอับเอ๋ย วิบัติแก่เจ้า ชนชาติของพระเคโมชได้ถูกทำลาย เพราะพวกบุตรชายของเจ้าได้ถูกจับไปเป็นเชลย และพวกบุตรหญิงของเจ้าได้เข้าสู่การเป็นเชลย
\v 47 แต่เราจะทำให้โมอับฟื้นคืนสู่สภาพดีในภายหลัง นี่เป็นคำประกาศของพระยาห์เวห์" การพิพากษาโมอับก็จบลงตรงนี้
\s5
\c 49
\p
\v 1 เกี่ยวกับคนอัมโมน พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า "อิสราเอลไม่มีบุตรเลยหรือ? ไม่มีใครที่จะรับสิ่งที่เป็นมรดกในอิสราเอลเลยหรือ? ทำไมพระโมเลคจึงยึดครองกาด และประชาชนของเขาได้อาศัยอยู่ในเมืองทั้งหลายของกาด?
\v 2 นี่เป็นคำประกาศของพระยาห์เวห์ว่า เพราะฉะนั้น ดูสิ วันเวลานั้นจะมาถึง เมื่อเราจะส่งเสียงสัญญาณสงครามต่อเมืองรับบาห์ท่ามกลางคนอัมโมน ด้วยเหตุนี้ เมืองนั้นก็จะกลายเป็นกองซากที่ทิ้งร้าง และบรรดาหมู่บ้านของเมืองนั้นจะถูกเผาด้วยไฟ เพราะอิสราเอลจะยึดครองพวกที่เคยยึดครองเขา" พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้
\s5
\p
\v 3 "เฮชโบนเอ๋ย จงร้องคร่ำครวญเถิด เพราะเมืองอัยจะถูกทิ้งร้าง บรรดาธิดาแห่งรับบาห์เอ๋ย จงร้องออกมา จงสวมผ้ากระสอบ จงคร่ำครวญและวิ่งไปมาโดยเปล่าประโยชน์ เพราะพระโมเลคจะเข้าสู่การเป็นเชลย ด้วยกันกับพวกปุโรหิตและพวกเจ้านายของเขา
\v 4 ทำไมเจ้าจึงโอ้อวดถึงบรรดาหุบเขาของเจ้าว่า หุบเขาของเจ้าอุดมสมบูรณ์ยิ่งนัก ธิดาที่ไม่ซื่อสัตย์ ? เจ้าผู้ที่วางใจในทรัพย์สมบัติของเจ้าและกล่าวว่า 'ใครจะมาสู้ข้า?'
\v 5 ดูสิ เราจะนำความสยดสยองมาเหนือเจ้า นี่เป็นคำประกาศขององค์พระผู้เป็นเจ้าพระยาห์เวห์จอมเจ้านาย ความสยดสยองนี้จะมาจากพวกคนทั้งหมดที่อยู่รอบเจ้า เจ้าแต่ละคนจะถูกทำให้กระจัดกระจายไปต่อหน้าพวกเขา จะไม่มีสักคนเดียวที่จะรวบรวมคนเหล่านั้นที่กำลังวิ่งหนีไป
\v 6 แต่หลังจากนี้ เราจะทำให้คนอัมโมนฟื้นคืนสู่สภาพดี นี่เป็นคำประกาศของพระยาห์เวห์"
\s5
\p
\v 7 เกี่ยวกับเอโดม พระยาห์เวห์จอมเจ้านายตรัสดังนี้ว่า "ไม่มีสติปัญญาใดที่จะพบได้ในเทมานอีกแล้วหรือ? คำปรึกษาที่ดีได้หายไปจากพวกคนที่มีความเข้าใจแล้วหรือ? สติปัญญาของพวกเขาได้สูญสลายไปแล้วหรือ?
\v 8 ชาวเมืองเดดานเอ๋ย จงหนีไปเถิด จงหันกลับไปเสีย จงอยู่ในถ้ำในพื้นดิน เพราะเรากำลังนำภัยพิบัติของเอซาวมาเหนือเขาในเวลาที่เราลงโทษเขา
\v 9 ถ้าพวกคนที่เก็บผลองุ่นได้มาหาเจ้า พวกเขาจะไม่เหลือทิ้งไว้ให้สักนิดเลยหรือ? ถ้าพวกขโมยได้มาในตอนกลางคืน พวกเขาจะไม่ขโมยไปมากเท่าที่พวกเขาต้องการหรือ?
\s5
\p
\v 10 แต่เราได้ทำให้เอซาวเปลือยเปล่า เราได้เปิดเผยที่ซ่อนของเขา ด้วยเหตุนี้ เขาจะไม่สามารถซ่อนตัวเองได้ บุตรทั้งหลายของเขา พวกพี่น้องของเขา และพวกเพื่อนบ้านของเขาได้ถูกทำลายแล้ว และเขาเองก็จากไปแล้ว
\v 11 จงทิ้งพวกลูกกำพร้าของเจ้าไว้เบื้องหลัง เราจะดูแลชีวิตของพวกเขา และพวกแม่ม่ายของเจ้าก็วางใจในเราได้"
\v 12 เพราะพระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า "ดูสิ คนเหล่านั้นผู้ที่ไม่สมควรยังต้องดื่มจากถ้วยนั้นบ้าง แล้วตัวเจ้าเองคิดว่าเจ้าจะไปโดยไม่ถูกลงโทษหรือ? เจ้าจะไม่เป็นเช่นนั้น เพราะเจ้าจะต้องดื่มอย่างแน่นอน
\s5
\p
\v 13 นี่เป็นคำประกาศของพระยาห์เวห์ว่า เพราะเราได้ปฏิญาณด้วยตัวเราเองว่า เมืองโบสราห์จะกลายเป็นที่น่าหวาดหวั่น เป็นความอัปยศอดสู เป็นที่ทิ้งร้าง และเป็นคำสาปแช่ง เมืองทั้งหมดของโบสราห์จะกลายเป็นที่ทิ้งร้างตลอดไป
\v 14 ข้าพเจ้าได้ยินข่าวจากพระยาห์เวห์ และผู้ส่งสารคนหนึ่งได้ถูกส่งออกไปยังบรรดาประชาชาติว่า 'จงรวบรวมเข้าด้วยกันและต่อสู้กับเมืองนั้น จงเตรียมพร้อมทำสงคราม'
\v 15 เพราะดูสิ เราได้ทำให้เจ้าเล็กน้อยเมื่อเปรียบกับประชาชาติอื่นๆ เป็นที่ดูหมิ่นจากคนทั้งหลาย
\s5
\p
\v 16 ส่วนความน่าเกรงขามของเจ้า จิตใจที่หยิ่งยโสของเจ้าได้หลอกลวงเจ้า พวกชาวเมืองที่อยู่บนซอกผา เจ้าผู้ที่ได้ยึดครองเทือกเขาสูงสุดไว้ เพื่อที่เจ้าจะทำรังของเจ้าไว้สูงเหมือนอย่างรังนกอินทรี เราจะนำเจ้าลงมาจากที่นั่น นี่เป็นคำประกาศของพระยาห์เวห์
\v 17 เอโดมจะกลายเป็นความหวาดหวั่นต่อทุกคนที่ผ่านไป คนพวกนั้นทุกคนจะตัวสั่นและเยาะเย้ยเพราะภัยพิบัติทั้งสิ้นของเมืองนั้น
\v 18 เช่นเดียวกับการทำลายของเมืองโสโดมและเมืองโกโมราห์และบรรดาเมืองใกล้เคียงของเมืองเหล่านั้น" พระยาห์เวห์ตรัสว่า "ไม่มีใครสักคนจะอาศัยอยู่ที่นั่น ไม่มีใครจะพักอยู่ที่นั่น
\s5
\p
\v 19 ดูสิ เขาจะขึ้นไปเหมือนกับสิงโตจากป่าของแม่น้ำจอร์แดนไปยังทุ่งหญ้าเขียวสด เพราะเราจะรีบทำให้เอโดมหนีไปจากเมืองนั้น และเราจะแต่งตั้งบางคนผู้ที่จะได้เลือกสรรไว้ให้ดูแลเมืองนั้น เพราะมีใครที่เหมือนอย่างเรา และผู้ใดที่จะฟ้องร้องเรา? ผู้เลี้ยงแกะคนใดที่สามารถต่อต้านเราได้?
\v 20 "ดังนั้น จงฟังแผนงานที่พระยาห์เวห์ได้ทรงตัดสินพระทัยต่อสู้กับเอโดม แผนงานเหล่านั้นที่พระองค์ได้วางไว้ต่อสู้กับชาวเมืองเทมาน แม้ว่าจะเป็นฝูงเล็กที่สุดก็ตาม พวกเขาก็จะถูกลากไปอย่างแน่นอน ทุ่งหญ้าเขียวสดทั้งหลายของพวกเขาจะถูกเปลี่ยนเป็นสถานที่ปรักหักพัง
\v 21 เมื่อได้ยินเสียงพวกเขาร่วงลงมาจนแผ่นดินสั่นสะเทือน เสียงร้องด้วยความทุกข์ใจได้ยินถึงทะเลแดง
\s5
\p
\v 22 ดูสิ ใครบางคนจะมาโจมตีเหมือนอย่างนกอินทรี และโฉบลงมาและกางปีกของเขาออกเหนือโบสราห์ แล้วในวันนั้น จิตใจของพวกทหารเอโดมก็จะกลายเป็นเหมือนจิตใจของผู้หญิงที่เจ็บครรภ์คลอดบุตร"
\v 23 เกี่ยวกับดามัสกัส "เมืองฮามัทและเมืองอารปัดจะได้รับความอับอาย เพราะพวกเขาได้ยินข่าวเกี่ยวกับภัยพิบัติ พวกเขาก็อ่อนระทวยไป พวกเขาจะวุ่นวายเหมือนกับทะเล ที่เงียบสงบลงไม่ได้
\v 24 เมืองดามัสกัสจะอ่อนแอลง เมืองนั้นจะหันกลับไปและหนีไป เพราะความหวาดกลัวเกาะกุมเมืองนั้นไว้ ความทุกข์ใจและความเจ็บปวดเกาะกุมเมืองนั้น เหมือนกับความเจ็บปวดของผู้หญิงที่กำลังคลอดบุตร
\s5
\p
\v 25 เมืองแห่งการสรรเสริญ เมืองแห่งความชื่นบานของเราจะไม่ถูกทอดทิ้งได้อย่างไร?
\v 26 เพราะฉะนั้น พวกคนหนุ่มของเมืองนั้นจะล้มลงในลานเมืองนั้น และนักรบทุกคนจะพินาศในวันนั้น นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์จอมเจ้านาย"
\v 27 "เพราะเราจะก่อไฟขึ้นบนกำแพงของเมืองดามัสกัส และไฟนั้นจะเผาผลาญบรรดาที่กำบังเข้มแข็งของเบนฮาดัด"
\s5
\p
\v 28 เกี่ยวกับเคดาร์และราชอาณาจักรทั้งหลายของฮาโซร์ พระยาห์เวห์ตรัสกับเนบูคัดเนสซาร์ดังนี้ (ตอนนี้ เนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์แห่งบาบิโลนได้กำลังไปโจมตีสถานที่เหล่านี้) ว่า "จงลุกขึ้นและโจมตีเผ่าเคดาร์และทำลายพวกชาวตะวันออกเหล่านั้นเสีย
\v 29 เต็นท์ทั้งหลายและฝูงสัตว์ของพวกเขาจะถูกเอาไป พร้อมกับผ้าม่านเต็นท์และสิ่งของทุกอย่างของพวกเขา พวกอูฐของพวกเขาจะถูกนำเอาไปจากพวกเขา และคนเหล่านั้นจะร้องตะโกนต่อพวกเขาว่า "ความสยดสยองมีอยู่ทุกด้าน"
\v 30 นี่เป็นคำประกาศของพระยาห์เวห์ว่า ชาวเมืองฮาโซร์เอ๋ย จงหนีไป จงเดินร่อนเร่ไปไกล จงอาศัยอยู่ในถ้ำต่างๆ ในพื้นดิน เพราะเนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์แห่งบาบิโลนได้ทรงคิดแผนร้ายต่อสู้เจ้า จงหนีไป จงหันกลับไปเสีย
\s5
\p
\v 31 จงลุกขึ้น จงโจมตีประชาชาติที่อยู่อย่างสบาย ผู้ที่อาศัยอยู่ในความปลอดภัย" พระยาห์เวห์ตรัสว่า "พวกเขาไม่มีบรรดาประตูหรือดาลประตูใดๆ ในเมืองเหล่านั้น และประชาชนของเมืองนั้นก็อาศัยอยู่โดดเดี่ยว
\v 32 เพราะพวกอูฐของเขาจะกลายเป็นของที่ริบมาได้ และทรัพย์สมบัติมากมายของพวกเขาก็จะเป็นของที่ริบมาได้จากสงคราม แล้วเราจะกระจายพวกเขาไปทุกทิศทางลม คือพวกคนที่โกนผมจอนหูของพวกเขา และเราจะนำภัยพิบัติมาเหนือพวกเขาจากทุกด้าน นี่เป็นคำประกาศของพระยาห์เวห์
\v 33 ฮาโซร์จะเป็นที่อาศัยของพวกหมาป่า เป็นที่ร้างเปล่าอย่างถาวร ไม่มีใครจะอาศัยอยู่ที่นั่น ไม่มีมนุษย์คนใดจะพักอยู่ที่นั่น"
\s5
\p
\v 34 นี่เป็นพระวจนะของพระยาห์เวห์ที่มายังเยเรมีย์ผู้เผยพระวจนะเกี่ยวกับเมืองเอลาม เหตุการณ์นี้ได้เกิดขึ้นในตอนต้นรัชกาลของเศเดคียาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์ และท่านได้กล่าวว่า
\v 35 "พระยาห์เวห์จอมเจ้านาย ตรัสดังนี้ว่า ดูสิ เราจะทำลายพวกนักธนูของเอลาม ที่เป็นส่วนสำคัญของอำนาจของพวกเขา
\v 36 เพราะเราจะนำลมทั้งสี่ทิศมาจากทั้งสี่มุมของท้องฟ้า และเราจะทำให้คนเอลามกระจัดกระจายไปตามลมเหล่านั้นทั้งหมด จะไม่มีประชาชาติใดที่พวกคนที่ได้กระจัดกระจายไปจากเอลามจะไม่ได้ไป
\s5
\p
\v 37 เพราะฉะนั้น เราจะทำลายเอลามให้สิ้นต่อหน้าพวกศัตรูของพวกเขา และต่อหน้าพวกคนที่แสวงหาชีวิตของพวกเขา เพราะเราจะนำภัยพิบัติมาต่อสู้กับพวกเขา ด้วยความกริ้วและความพิโรธของเรา นี่เป็นคำประกาศของพระยาห์เวห์ และเราจะส่งดาบไปไล่ตามพวกเขาจนกว่าเราจะทำลายพวกเขาจนสิ้น
\v 38 แล้วเราจะตั้งบัลลังก์ของเราในเอลาม และจะทำลายกษัตริย์และพวกเจ้านายของเมืองนั้นจากที่นั่น นี่เป็นคำประกาศของพระยาห์เวห์
\v 39 และสิ่งที่จะเกิดขึ้นในภายหลัง ที่เราจะนำเอลามกลับมาสู่สภาพดี นี่เป็นคำประกาศของพระยาห์เวห์"
\s5
\c 50
\p
\v 1 นี่เป็นพระวจนะที่พระยาห์เวห์ได้ทรงประกาศเกี่ยวกับบาบิโลน แผ่นดินของคนเคลเดีย โดยทางเยเรมีย์ผู้เผยพระวจนะ ว่า
\v 2 "จงประกาศต่อบรรดาประชาชาติและทำให้พวกเขาได้ยิน จงยกธงสัญญาณขึ้นและทำให้พวกเขาได้ยิน อย่าปิดบังเรื่องนี้ไว้เลย จงกล่าวว่า 'บาบิโลนถูกยึดแล้ว พระเบลได้ถูกทำให้อับอาย เมโรดัคก็ครั่นคร้าม รูปเคารพทั้งหลายของเมืองนั้นก็ถูกทำให้อับอาย รูปปั้นทั้งหลายของเมืองนั้นก็ครั่นคร้าม'
\v 3 ประชาชาติหนึ่งจากทิศเหนือจะขึ้นมาต่อสู้กับเมืองนั้น เพื่อที่จะทำให้แผ่นดินของเมืองนั้นเป็นที่ร้างเปล่า จะไม่มีใครอาศัยอยู่ที่นั่น ไม่ว่ามนุษย์หรือสัตว์ก็จะหนีไปกันหมด
\s5
\p
\v 4 นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์ว่า ในวันเหล่านั้นและในเวลานั้น ประชาชนอิสราเอลและประชาชนยูดาห์จะมารวมกันเพื่อไปด้วยการร้องไห้คร่ำครวญและแสวงหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา
\v 5 พวกเขาจะถามหาทางไปยังศิโยนและจะมุ่งหน้าตรงไปยังเมืองนั้น กล่าวว่า พวกเราจะไปและผูกพันตัวพวกเราเองกับพระยาห์เวห์ในพันธสัญญานิรันดร์ซึ่งจะไม่ลืมเลย"
\v 6 ประชากรของเราได้เป็นฝูงแกะที่หลงหาย บรรดาผู้เลี้ยงแกะของพวกเขาได้นำพวกเขาให้หลงทางไปในภูเขาเหล่านั้น คนเหล่านั้นได้พาพวกเขาวนเวียนจากภูเขาลูกหนึ่งไปยังภูเขาอีกลูกหนึ่ง พวกเขาไปแล้ว พวกเขาได้ลืมสถานที่ซึ่งพวกเขาเคยอาศัยอยู่
\s5
\p
\v 7 ทุกคนที่ได้ออกไปหาพวกเขาก็ได้ล้างผลาญพวกเขา พวกศัตรูของพวกเขากล่าวว่า 'พวกเราไม่ผิด เพราะพวกเขาได้ทำบาปต่อพระยาห์เวห์ พระยาห์เวห์ผู้ทรงเป็นที่อยู่อาศัยที่แท้จริงของพวกเขา ผู้ทรงเป็นความหวังของพวกบรรพบุรุษของพวกเขา'
\v 8 จงออกไปจากท่ามกลางบาบิโลน จงออกไปจากแผ่นดินของคนเคลเดีย จงเป็นเหมือนพวกแพะตัวผู้ที่ออกไปนำหน้าฝูงที่เหลืออยู่
\v 9 เพราะดูสิ เราจะมุ่งหน้าทำการและนำกลุ่มของบรรดาประชาชาติที่ยิ่งใหญ่ขึ้นมาจากทิศเหนือมาต่อสู้กับบาบิโลน พวกเขาได้จัดทัพพวกเขาเองมาต่อสู้กับเธอ บาบิโลนจะถูกจับไปเป็นเชลยจากที่นั่น ลูกธนูทั้งหลายของพวกเขาเป็นเหมือนนักรบที่ชำนาญศึกผู้ที่ไม่กลับไปมือเปล่า
\s5
\p
\v 10 เคลเดียจะกลายเป็นของที่ปล้นมาได้ บรรดาคนทั้งหมดที่ปล้นเมืองนั้นจะอิ่มหนำ นี่เป็นคำประกาศของพระยาห์เวห์ว่า
\v 11 เจ้าเปรมปรีดิ์ เจ้าฉลองกันกับของที่ปล้นมาได้จากมรดกของเรา เจ้ากระโดดไปรอบ ๆ เหมือนกับลูกวัวกระโดดโลดเต้นในทุ่งหญ้า เจ้าร้องเหมือนม้าที่เต็มด้วยกำลัง
\v 12 เพราะมารดาของเจ้าจะได้รับความอับอายอย่างยิ่ง ผู้ได้คลอดเจ้าจะได้รับความอับอาย ดูสิ เธอจะเป็นผู้เล็กน้อยที่สุดของบรรดาประชาชาติ เป็นถิ่นทุรกันดาร เป็นแผ่นดินแห้งแล้งและเป็นทะเลทราย
\s5
\p
\v 13 เพราะความพิโรธของพระยาห์เวห์ บาบิโลนจะไม่เป็นที่ให้คนอยู่อาศัย แต่จะถูกทำลายล้างให้สิ้นซาก ทุกคนที่ผ่านไปก็จะตัวสั่นเพราะบาบิโลน และจะเยาะเย้ยเพราะรอยแผลทั้งสิ้นของเมืองนั้น
\v 14 จงเตรียมตัวเองให้พร้อมต่อสู้บาบิโลนรอบด้าน ทุกคนที่โก่งคันธนูต้องยิงไปที่เธอ อย่าเสียดายลูกธนูทั้งหลายของเจ้าไว้เลย เพราะเธอได้ทำบาปต่อพระยาห์เวห์
\v 15 จงเปล่งเสียงโห่ร้องต่อสู้เธอจากรอบด้าน เธอได้ยอมแพ้แล้ว หอคอยทั้งหลายของเธอได้โค่นลงมา กำแพงทั้งหลายของเธอก็พังลงมา เพราะนี่เป็นการแก้แค้นของพระยาห์เวห์ จงทำการแก้แค้นต่อเธอ จงทำกับเธออย่างที่เธอได้ทำลงไป
\s5
\p
\v 16 จงทำลายทั้งชาวนาที่หว่านเมล็ดพืชและผู้ที่ใช้เคียวในเวลาเก็บเกี่ยวในบาบิโลน ให้แต่ละคนหันกลับไปยังชนชาติของตน ไปจากดาบของพวกกดขี่ข่มเหง ให้พวกเขาหนีไปยังแผ่นดินของตน
\v 17 อิสราเอลเป็นเหมือนฝูงแกะที่ถูกเหล่าสิงโตทำให้กระจัดกระจายไปและถูกขับไล่ไป ครั้งแรกกษัตริย์แห่งอัสซีเรียได้ล้างผลาญเขา แล้วต่อมาครั้งนี้ เนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์แห่งบาบิโลนได้หักกระดูกของเขา
\v 18 ด้วยเหตุนี้ พระยาห์เวห์จอมเจ้านาย กษัตริย์แห่งอิสราเอล ตรัสดังนี้ว่า ดูสิ เราจะลงโทษกษัตริย์แห่งบาบิโลนและแผ่นดินของเขา เหมือนอย่างที่เราได้ลงโทษกษัตริย์แห่งอัสซีเรีย
\s5
\p
\v 19 เราจะให้อิสราเอลกลับสู่แผ่นดินบ้านเกิดเมืองนอนของเขา เขาจะหากินอยู่บนภูเขาคารเมลและในบาชาน แล้วเขาจะอิ่มใจในเทือกเขาเอฟราอิมและกิเลอาด
\v 20 พระยาห์เวห์ตรัสว่า ในวันเหล่านั้นและในวันนั้นจะมีการมองหาความผิดบาปในอิสราเอล แต่ก็จะไม่พบเลย เราจะหาความบาปทั้งหลายในยูดาห์ แต่ก็จะไม่พบเลย เพราะเราจะให้อภัยแก่คนที่เหลืออยู่ที่เราไว้ชีวิต"
\v 21 "จงลุกขึ้นต่อสู้แผ่นดินเมราธาอิม จงต่อสู้เมืองนั้นและพวกคนที่อาศัยอยู่ในเปโขด จงประหารพวกเขาด้วยดาบและแยกพวกเขาไว้สำหรับการทำลาย นี่เป็นคำประกาศของพระยาห์เวห์ จงทำทุกอย่างที่เราบัญชาเจ้า
\s5
\p
\v 22 เสียงแห่งสงครามและการทำลายอย่างใหญ่หลวงอยู่ในแผ่นดินนั้น
\v 23 ค้อนแห่งแผ่นดินทั้งสิ้นได้ถูกตัดออกและถูกทำลายไปได้อย่างไรกัน บาบิโลนได้กลายเป็นที่น่าสยดยองท่ามกลางบรรดาประชาชาติได้อย่างไรกัน
\v 24 บาบิโลนเอ๋ย เราได้วางบ่วงดักไว้สำหรับเจ้า และเจ้าได้ติดบ่วงนั้นแล้ว และเจ้าก็ไม่ได้รู้เรื่องเลย เจ้าได้ถูกพบและถูกจับไปเป็นเชลย เพราะเจ้าได้ต่อสู้พระยาเวห์
\v 25 พระยาห์เวห์ได้ทรงเปิดคลังอาวุธของพระองค์และทรงนำบรรดาอาวุธออกมาเพื่อทำการตามพระพิโรธของพระองค์ เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าพระยาห์เวห์จอมเจ้านาย ทรงมีพระราชกิจในแผ่นดินของชาวเคลเดีย
\s5
\p
\v 26 จงมาโจมตีเธอจากแดนไกล จงเปิดบรรดายุ้งฉางของเธอ และทำให้เธอเป็นกองเหมือนอย่างกองข้าว จงแยกเธอไว้เพื่อการทำลาย อย่าให้เธอมีคนที่เหลืออยู่
\v 27 จงฆ่าบรรดาโคตัวผู้ของเธอให้หมด จงส่งพวกมันลงไปยังสถานที่แห่งการประหัตประหาร วิบัติแก่พวกเขา เพราะวันของพวกเขาได้มาถึงแล้ว เวลาแห่งการลงโทษพวกเขา
\v 28 มีเสียงมาจากพวกคนที่หนีไป เสียงของพวกคนที่เป็นผู้ที่รอดชีวิตทั้งหลายจากแผ่นดินบาบิโลน คนเหล่านี้จะประกาศการแก้แค้นของพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราให้กับศิโยน และการแก้แค้นให้กับพระวิหารของพระองค์"
\s5
\p
\v 29 "จงเรียกบรรดานักธนูมาต่อสู้กับบาบิโลน บรรดาคนทั้งหมดที่โก่งคันธนูทั้งหลาย จงตั้งค่ายสู้กับเธอ และอย่าให้ใครหนีรอดไปได้ จงตอบแทนเธอสำหรับสิ่งที่เธอได้ทำลงไป จงทำกับเธอด้วยเครื่องตวงที่เธอเคยใช้ เพราะเธอได้ต่อสู้พระยาห์เวห์ องค์บริสุทธิ์ของอิสราเอล
\v 30 เพราะเหตุนี้ พวกคนหนุ่ม ๆ ของเธอจะล้มลงในลานเมืองทั้งหลาย และพวกนักรบทุกคนของเธอจะถูกทำลายในวันนั้น นี่เป็นคำประกาศของพระยาห์เวห์"
\v 31 "ดูสิ เราต่อสู้เจ้า เจ้าคนยโสเอ๋ย นี่เป็นคำประกาศของพระยาห์เวห์ เพราะวันของเจ้าได้มาถึงแล้ว เจ้าคนยโสเอ๋ย เป็นเวลาที่เราจะลงโทษเจ้า
\s5
\p
\v 32 เพราะเหตุนี้ พวกคนหยิ่งยโสจะสะดุดและล้มลง จะไม่มีใครฉุดพวกเขาขึ้นมา เราจะก่อไฟในเมืองทั้งหลายของพวกเขา ไฟนั้นจะเผาผลาญทุกสิ่งที่อยู่รอบเมืองนั้น
\v 33 พระยาห์เวห์จอมเจ้านายตรัสดังนี้ว่า ประชาชนอิสราเอลได้ถูกกดขี่ข่มเหง ด้วยกันกับประชาชนยูดาห์ พวกคนทั้งหมดที่ได้จับพวกเขาไปเป็นเชลยยังคงกักพวกเขาไว้ พวกเขาไม่ยอมปล่อยพวกเขาไป
\v 34 ผู้ที่ทรงช่วยกู้พวกเขาทรงเข้มแข็ง พระยาห์เวห์คือพระนามของพระองค์ แท้จริง พระองค์จะทรงแก้คดีของพวกเขา เพื่อนำการพักสงบมาสู่แผ่นดินนั้น และนำการต่อสู้มายังพวกคนที่อาศัยอยู่ในบาบิโลน
\s5
\p
\v 35 นี่เป็นคำประกาศของพระยาห์เวห์ ดาบต่อสู้กับคนเคลเดีย และต่อสู้กับชาวเมืองบาบิโลน พวกผู้นำของเธอ และพวกนักปราชญ์ของเธอ
\v 36 ดาบจะมาต่อสู้กับพวกคนที่กล่าวคำทำนาย เพื่อที่พวกเขาจะสำแดงตนเองให้เห็นว่าเป็นพวกคนโง่ ดาบจะมาต่อสู้กับพวกทหารของเธอ เพื่อที่พวกเขาจะเต็มด้วยความหวาดกลัว
\v 37 ดาบจะมาต่อสู้เหนือม้าทั้งหลายของพวกเขา บรรดารถม้าศึกของพวกเขา และประชาชนทุกคนที่อยู่ท่ามกลางบาบิโลน เพื่อที่พวกเขาจะกลายเป็นเหมือนพวกผู้หญิงไป ดาบจะมาต่อสู้กับคลังทรัพย์ของเธอ และสิ่งเหล่านั้นก็จะถูกปล้นเอาไป
\s5
\p
\v 38 ความแห้งแล้งจะมาเหนือแหล่งน้ำทั้งหลายของเธอ เพื่อที่แหล่งน้ำเหล่านั้นจะเหือดแห้งไป เพราะเธอเป็นแผ่นดินแห่งบรรดารูปเคารพที่ไร้ค่า และพวกเขาทำตัวเหมือนคนบ้ารูปเคารพที่เลวร้ายของพวกเขา
\v 39 เพราะฉะนั้น บรรดาสัตว์ป่าทะเลทรายพร้อมกับหมาป่าจะอาศัยอยู่ที่นั่น และพวกนกกระจอกเทศหนุ่มจะอาศัยอยู่ที่นั่น เพราะเมืองนั้นจะไม่มีใครอาศัยอยู่อีกตลอดไป เมืองนั้นจะไม่มีคนอาศัยอยู่ในนั้นจากคนชั่วอายุหนึ่งจนถึงคนอีกชั่วอายุหนึ่ง
\v 40 เช่นเดียวกับที่พระเจ้าได้ทรงทำลายเมืองโสโดมและเมืองโกโมราห์และบรรดาเมืองที่อยู่ใกล้เคียงเมืองเหล่านั้น นี่เป็นคำประกาศของพระยาห์เวห์ จะไม่มีใครอาศัยอยู่ที่นั่น ไม่มีคนใดจะพักอยู่ในเมืองนั้น"
\s5
\p
\v 41 "ดูสิ ชนชาติหนึ่งจะมาจากทิศเหนือ เพราะชนชาติที่ยิ่งใหญ่และกษัตริย์มากมายได้ถูกเร้าให้มาจากถิ่นที่ไกลของแผ่นดินโลก
\v 42 พวกเขาจะหยิบบรรดาคันธนูและหอกมา พวกเขาโหดร้ายและไม่มีความเมตตา เสียงของพวกเขาเหมือนกับเสียงคะนองของทะเล และพวกเขากำลังขี่ม้าทั้งหลายมาในชุดพวกนักรบ มาต่อสู้เจ้า ธิดาแห่งบาบิโลน
\v 43 กษัตริย์แห่งบาบิโลนได้ยินคำประกาศของพวกเขาและพระหัตถ์ของพระองค์ก็อ่อนลงด้วยความทุกข์ ความเจ็บปวดเกาะกุมพระองค์เหมือนหญิงที่เจ็บครรภ์คลอดบุตร
\s5
\p
\v 44 ดูเถิด เขาขึ้นไปเหมือนสิงโตจากที่สูงของแม่น้ำจอร์แดนไปยังทุ่งเลี้ยงสัตว์ที่คงอยู่ตลอดไป เพราะเราจะรีบทำให้พวกเขาวิ่งหนีไปจากที่นั่นโดยเร็ว และเราจะตั้งบางคนผู้ที่จะเลือกสรรไว้ให้ดูแลเมืองนั้น เพราะใครเป็นเหมือนอย่างเรา และใครจะฟ้องร้องเรา? ผู้เลี้ยงแกะคนใดสามารถต่อต้านเราได้?
\v 45 ดังนั้น จงฟังแผนงานทั้งหลายที่พระยาห์เวห์ได้ทรงวางไว้ต่อสู้กับบาบิโลน แผนงานเหล่านั้นที่พระองค์ได้ทรงวางแผนไว้ต่อสู้กับแผ่นดินของคนเคลเดีย พวกเขาจะถูกลากไปอย่างแน่นอน แม้ว่าจะเป็นฝูงเล็กน้อยที่สุดก็ตาม แผ่นดินทุ่งหญ้าของพวกเขาจะกลายที่ปรักหักพัง
\v 46 แผ่นดินสั่นสะเทือนเพราะได้ยินเสียงแห่งชัยชนะต่อบาบิโลน และเสียงร้องด้วยความทุกข์ของพวกเขาได้ยินไปท่ามกลางบรรดาประชาชาติ"
\s5
\c 51
\p
\v 1 "พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า ดูสิ เราจะปลุกเร้าลมแห่งการทำลายมาต่อสู้กับบาบิโลน และต่อสู้กับบรรดาผู้ซึ่งอาศัยอยู่ในเลบ คามัย
\v 2 เราจะใช้พวกคนต่างชาติมายังบาบิโลน พวกเขาจะทำให้แผ่นดินนั้นกระจัดกระจายไปและร้างเปล่า เพราะพวกเขาจะมาต่อสู้กับเมืองนั้นจากรอบด้านในวันแห่งความพินาศ
\v 3 อย่าให้พวกนักธนูโก่งคันธนูของพวกเขา อย่าให้พวกเขาสวมเสื้อเกราะ อย่าไว้ชีวิตพวกคนหนุ่มของเมืองนั้นเลย จงแยกกองทัพทั้งหมดของเมืองนั้นไว้แก่การทำลาย
\s5
\p
\v 4 เพราะพวกคนที่บาดเจ็บจะล้มลงในแผ่นดินเคลเดีย คนเหล่านั้นที่ถูกฆ่าจะล้มลงตามถนนหนทางของเมืองนั้น
\v 5 เพราะพระเจ้า พระยาห์เวห์จอมทัพไม่ได้ทรงทอดทิ้งอิสราเอลและยูดาห์ ถึงแม้ว่าแผ่นดินของพวกเขาจะเต็มไปด้วยการกระทำผิดบาปต่อองค์บริสุทธิ์ของอิสราเอล
\v 6 จงหนีไปจากท่ามกลางบาบิโลน ให้แต่ละคนเอาชีวิตตัวเองให้รอดเถิด อย่าพินาศไปในความผิดบาปของเมืองนั้น เพราะนี่เป็นเวลาแห่งการแก้แค้นของพระยาห์เวห์ พระองค์จะทรงตอบแทนทุกอย่างต่อเมืองนั้น
\s5
\p
\v 7 บาบิโลนเคยเป็นถ้วยทองคำในพระหัตถ์ของพระยาห์เวห์ที่ได้ทำให้ทั้งโลกมึนเมาไป บรรดาประชาชาติได้ดื่มเหล้าองุ่นของเมืองนั้นและกลายเป็นบ้าไป
\v 8 บาบิโลนจะล้มลงและถูกทำลายในทันที จงคร่ำครวญเพื่อเธอเถิด จงให้ยาเพื่อรักษาความเจ็บปวดของเธอ บางทีเธออาจจะได้รับการรักษาให้หายก็ได้
\v 9 'พวกเราได้ปรารถนาที่จะรักษาบาบิโลนให้หาย แต่เธอก็ไม่หาย ให้พวกเราทุกคนทิ้งเธอไว้และไปกันเถิด ไปยังแผ่นดินของพวกเราเอง เพราะความผิดของเธอขึ้นไปถึงฟ้า มันกองสูงขึ้นไปถึงเมฆ
\v 10 พระยาห์เวห์ได้ทรงประกาศความบริสุทธิ์ของพวกเรา มาเถิด ให้พวกเราบอกถึงพระราชกิจทั้งหลายของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเราในศิโยน'
\s5
\p
\v 11 จงลับลูกธนูเหล่านั้นให้คมและถือโล่เหล่านั้นไป พระยาห์เวห์กำลังปลุกเร้าวิญญาณของกษัตริย์แห่งมีเดียในแผนงานทำลายบาบิโลน นี่เป็นเพื่อการแก้แค้นของพระยาห์เวห์ การแก้แค้นให้กับการทำลายพระวิหารของพระองค์
\v 12 จงยกธงขึ้นเหนือกำแพงทั้งหลายของบาบิโลน จงหนุนใจคนเฝ้าให้เข้มแข็ง จงตั้งพวกคนเฝ้ายามไว้ จงเตรียมกองซุ่มไว้ เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงทำตามสิ่งที่พระองค์ได้ตรัสไว้เกี่ยวกับชาวเมืองบาบิโลน
\v 13 พวกเจ้าบรรดาคนที่อาศัยอยู่ใกล้ธารน้ำมากหลาย พวกเจ้าบรรดาคนที่ร่ำรวยด้วยทรัพย์สมบัติทั้งหลาย อวสานของพวกเจ้าได้มาถึงแล้ว บัดนี้ เส้นชีวิตของพวกเจ้าได้ถูกตัดให้สั้นแล้ว
\s5
\p
\v 14 พระยาห์เวห์จอมเจ้านาย ได้ทรงปฏิญาณด้วยพระชนม์ของพระองค์เองว่า 'เราจะทำให้พวกศัตรูของเจ้าอยู่เต็มเมืองของเจ้า เหมือนกับภัยพิบัติจากตั๊กแตน พวกเขาจะขึ้นมาเปล่งเสียงโห่ร้องทำสงครามต่อเจ้า'
\v 15 พระองค์ได้ทรงสร้างแผ่นดินโลกด้วยฤทธานุภาพของพระองค์ พระองค์ได้ทรงตั้งโลกนี้ไว้ในที่ของมันด้วยพระปัญญาของพระองค์ พระองค์ได้ทรงกางท้องฟ้าออกด้วยความเข้าพระทัยของพระองค์
\v 16 เมื่อพระองค์เปล่งพระสุรเสียง ก็มีเสียงน้ำคะนองในท้องฟ้า เพราะพระองค์ได้ทรงทำให้หมอกลอยขึ้นจากสุดปลายแผ่นดินโลก พระองค์ทรงสร้างฟ้าแลบเพื่อฝนและส่งลมออกไปจากพระคลังของพระองค์
\s5
\p
\v 17 มนุษย์ทุกคนก็โง่เขลา ไม่มีความรู้ ช่างโลหะทุกคนก็ต้องอับอายเพราะบรรดารูปเคารพของเขา เพราะรูปหล่อโลหะของเขาเป็นของปลอมและพวกมันไม่มีชีวิต
\v 18 สิ่งเหล่านั้นไร้ค่า ผลงานของคนชอบเยาะเย้ย พวกมันจะพินาศในเวลาแห่งการลงโทษพวกมัน
\v 19 แต่พระเจ้า ส่วนของยาโคบไม่เป็นเหมือนสิ่งเหล่านี้ เพราะพระองค์ทรงเป็นผู้ก่อร่างทุกสิ่งขึ้น อิสราเอลเป็นเผ่าของมรดกของพระองค์ พระยาห์เวห์จอมเจ้านายคือพระนามของพระองค์
\s5
\p
\v 20 เจ้าเป็นค้อนแห่งสงครามของเรา เป็นอาวุธทำสงครามของเรา เราจะใช้เจ้าทุบบรรดาประชาชาติให้แตกเป็นเสี่ยงๆ และทำลายราชอาณาจักรทั้งหลาย
\v 21 เราจะใช้เจ้าทุบม้าทั้งหลายและบรรดาผู้ขี่ม้าให้แตกเป็นชิ้นๆ เราจะใช้เจ้าทุบรถม้าศึกทั้งหลายและบรรดาผู้ที่ขับขี่พวกมันให้แตกเป็นชิ้นๆ
\v 22 เราจะใช้เจ้าทุบผู้ชายและผู้หญิงทุกคนให้แตกเป็นชิ้นๆ เราจะใช้เจ้าทุบคนแก่และคนหนุ่มให้แตกเป็นชิ้นๆ เราจะใช้เจ้าทุบพวกคนหนุ่มและพวกหญิงสาวพรหมจารีให้แตกเป็นชิ้นๆ
\v 23 เราจะใช้เจ้าทุบบรรดาผู้เลี้ยงแกะและบรรดาฝูงแกะของพวกเขาให้แตกเป็นชิ้นๆ เราจะใช้เจ้าทุบพวกคนไถนาและพวกผู้ร่วมงานของเขาให้แตกเป็นชิ้นๆ เราจะใช้เจ้าทุบพวกเจ้าเมืองและพวกข้าราชการให้แตกเป็นชิ้นๆ
\s5
\p
\v 24 เพราะเราจะตอบแทนบาบิโลนและชาวเมืองเคลเดียทุกคน เพราะความชั่วร้ายทั้งสิ้นที่พวกเขาได้ทำในศิโยนต่อหน้าต่อตาเจ้า นี่เป็นคำประกาศของพระยาห์เวห์
\v 25 ภูเขาแห่งการทำลายเอ๋ย ดูสิ เราต่อสู้เจ้า ที่ซึ่งทำลายแผ่นดินโลกทั้งสิ้น เราจะยื่นมือของเราออกต่อสู้เจ้า และกลิ้งเจ้าลงมาจากหน้าผาเหล่านั้น และทำให้เจ้าเป็นภูเขาที่ลุกไหม้
\v 26 ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจะไม่เอาก้อนหินใด ๆ จากเจ้าไปก่อสร้างศิลาหัวมุมหรือฐานรากของตึก เพราะเจ้าจะกลายเป็นที่ร้างเปล่าเป็นนิตย์ นี่เป็นคำประกาศของพระยาห์เวห์
\s5
\p
\v 27 จงยกธงขึ้นเหนือแผ่นดินโลก จงเป่าแตรเหนือบรรดาประชาชาติ จงร้องเรียกบรรดาประชาชาติมาต่อสู้กับเมืองนั้น อารารัต มินนี และอัชเคนัส จงตั้งผู้บัญชาการมาต่อสู้กับเมืองนั้น จงนำม้าทั้งหลายขึ้นมาเหมือนกับฝูงตั๊กแตน
\v 28 จงเตรียมบรรดาประชาชาติให้พร้อมมาต่อสู้กับเมืองนั้น บรรดากษัตริย์แห่งมีเดียและพวกเจ้าเมืองของเขา พวกข้าราชการทุกคนและแผ่นดินทั้งหมดที่อยู่ภายใต้การปกครองของเขา
\v 29 เพราะแผ่นดินจะสั่นสะเทือนและทุกข์ระทม เพราะแผนงานของพระยาห์เวห์ยังคงต่อสู้บาบิโลนอย่างไม่หยุดหย่อน เพื่อทำให้แผ่นดินบาบิโลนเป็นที่ร้างเปล่าที่ซึ่งไม่มีคนอาศัยอยู่เลย
\s5
\p
\v 30 พวกทหารในบาบิโลนได้หยุดการสู้รบแล้ว พวกเขาพักอยู่ในที่กำบังเข้มแข็งของพวกเขา กำลังของพวกเขาก็หมดไป พวกเขากลายเป็นเหมือนพวกผู้หญิง บ้านเรือนทั้งหลายของเมืองนั้นถูกเผาไฟ ดาลประตูทั้งหลายของเมืองนั้นก็หัก
\v 31 คนส่งสารคนหนึ่งก็วิ่งไปประกาศกับผู้ส่งสารอีกคนหนึ่ง และนักวิ่งคนหนึ่งก็วิ่งไปบอกนักวิ่งอีกคนหนึ่งเพื่อทูลกษัตริย์แห่งบาบิโลนให้ทรงทราบว่าเมืองของพระองค์ได้ถูกยึดไว้แล้วตลอดทั้งเมือง
\v 32 เพราะฉะนั้น ท่าข้ามแม่น้ำก็ได้ถูกยึดแล้ว ศัตรูกำลังเผาบึงต้นกกทั้งหลาย และพวกนักรบของบาบิโลนก็ระส่ำระสาย
\s5
\p
\v 33 เพราะพระยาห์เวห์จอมเจ้านาย พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า ธิดาแห่งบาบิโลนเป็นเหมือนลานนวดข้าว ถึงเวลาที่จะเหยียบย่ำเธอแล้ว อีกไม่นานนัก เวลาแห่งการเก็บเกี่ยวจะมาถึงเธอ
\v 34 'เนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์แห่งบาบิโลนได้กลืนกินข้าแล้ว พระองค์ได้บังคับข้าให้สับสน และทำให้ข้าเป็นภาชนะที่ว่างเปล่า พระองค์ได้ทรงกลืนข้าเหมือนกับสัตว์ร้าย พระองค์ทรงทำให้กระเพาะของพระองค์อิ่มด้วยอาหารอร่อยของข้า แล้วพระองค์ก็ทรงไล่ข้าออกไป'
\v 35 ผู้ที่อาศัยอยู่ในศิโยนจะกล่าวว่า 'ขอให้ความทารุณที่ได้ทำกับข้าและเนื้อหนังของข้าตกอยู่เหนือบาบิโลน' กรุงเยรูซาเล็มจะกล่าวว่า 'ขอให้โลหิตของข้าตกอยู่เหนือชาวเมืองเคลเดีย'
\s5
\p
\v 36 เพราะฉะนั้น พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า ดูสิ เราจะแก้คดีของเจ้าและนำการแก้แค้นให้กับเจ้า เพราะเราจะทำให้แหล่งน้ำของบาบิโลนแห้งไป และทำให้น้ำพุทั้งหลายของเมืองนั้นเหือดแห้งไป
\v 37 บาบิโลนจะกลายเป็นกองสิ่งปรักหักพัง เป็นถ้ำของหมาป่า เป็นความสยดสยอง และเป็นที่เยาะเย้ย ที่ซึ่งไม่มีคนอยู่อาศัยเลย
\v 38 ชาวบาบิโลนจะคำรามใส่กันเหมือนบรรดาสิงโตหนุ่ม พวกเขาจะร้องเหมือนอย่างพวกลูกสิงโต
\s5
\p
\v 39 เมื่อพวกเขาเริ่มเร้าร้อนด้วยความอยาก เราจะจัดงานเลี้ยงให้แก่พวกเขา เราจะทำให้พวกเขามึนเมาเพื่อให้พวกเขามีความสุข แล้วพวกเขาก็จะหลับตลอดไปและไม่ตื่นขึ้นมา นี่เป็นคำประกาศของพระยาห์เวห์
\v 40 เราจะส่งพวกเขาลงมาเหมือนลูกแกะทั้งหลายไปยังการฆ่า เหมือนพวกแกะตัวผู้ รวมทั้งพวกแพะตัวผู้
\v 41 บาบิโลนถูกยึดได้อย่างไรกัน เมืองที่เป็นที่ยกย่องของทั้งแผ่นดินโลกก็ได้ถูกยึดแล้ว บาบิโลนได้กลายเป็นซากปรักหักพังท่ามกลางบรรดาประชาชาติได้อย่างไรกัน
\s5
\p
\v 42 ทะเลได้ขึ้นมาเหนือบาบิโลน เธอก็ถูกท่วมด้วยคลื่นคะนองเสียง
\v 43 เมืองทั้งหลายของเธอก็กลายเป็นที่ร้าง เป็นแผ่นดินแห้งแล้งและถิ่นทุรกันดาร แผ่นดินที่ไม่มีใครอาศัยอยู่เลย และไม่มีมนุษย์คนใดผ่านเข้าไป
\v 44 เพราะเราจะลงโทษพระเบลในบาบิโลน เราจะนำสิ่งที่เขาได้กลืนเข้าไปออกมาจากปากของเขา และบรรดาประชาชาติจะไม่หลั่งไหลไปหาเขาพร้อมกับเครื่องบูชาทั้งหลายของพวกเขาอีกต่อไป กำแพงทั้งหลายของบาบิโลนจะพังลงมา
\s5
\p
\v 45 ประชากรของเราเอ๋ย จงออกไปจากท่ามกลางเมืองนั้น ให้แต่ละคนต่างเอาชีวิตของตนให้รอดจากความร้อนแรงของความพิโรธของเรา
\v 46 อย่าให้ใจของพวกเจ้าขยาดหรือกลัวข่าวที่ได้ยินในแผ่นดินนั้นเลย เพราะข่าวจะมาในหนึ่งปี หลังจากนั้นปีต่อมาจึงจะมีข่าวมา และความทารุณจะอยู่ในแผ่นดินนั้น ผู้ครอบครองจะต่อสู้กับผู้ครอบครอง
\v 47 เพราะฉะนั้น ดูสิ วันเวลาจะมาถึงเมื่อเราจะลงโทษบรรดารูปเคารพแกะสลักของบาบิโลน แผ่นดินทั้งสิ้นของเธอจะได้รับความอับอาย และทุกคนของเมืองนั้นที่ถูกฆ่าจะล้มลงอยู่ในเมืองนั้น
\s5
\p
\v 48 แล้วท้องฟ้าและแผ่นดินโลก และทุกสิ่งที่อยู่ในนั้นจะเปรมปรีดิ์เหนือบาบิโลน เพราะบรรดาผู้ทำลายจากทิศเหนือจะมายังเมืองนั้น นี่เป็นคำประกาศของพระยาห์เวห์
\v 49 "บาบิโลนได้ทำให้คนที่ถูกฆ่าของอิสราเอลล้มลงอย่างไร คนที่ถูกฆ่าทั้งหมดของแผ่นดินนั้นจะล้มลงในบาบิโลนอย่างนั้น
\v 50 พวกคนที่รอดชีวิตจากดาบ จงหนีไป อย่าหยุดนิ่งอยู่ จงระลึกถึงพระยาห์เวห์จากที่ไกล และให้กรุงเยรูซาเล็มเข้ามาในใจของพวกเจ้า
\s5
\p
\v 51 พวกเราได้รับความอับอาย เพราะพวกเราได้ยินคำเยาะเย้ย ความอัปยศได้คลุมหน้าพวกเราไว้ เพราะพวกคนต่างชาติได้เข้ามาในวิสุทธิสถานของพระนิเวศของพระยาห์เวห์
\v 52 เพราะฉะนั้น ดูสิ วันเวลาจะมาถึง นี่เป็นคำประกาศของพระยาห์เวห์ เมื่อเราจะลงโทษบรรดารูปเคารพแกะสลักของเธอ และพวกคนที่บาดเจ็บจะร้องครวญครางทั่วแผ่นดินของเธอ
\v 53 เพราะถึงแม้ว่าบาบิโลนได้ขึ้นไปยังท้องฟ้าหรือได้สร้างป้อมปราการที่สูงที่สุดทั้งหลายของเธอไว้ พวกผู้ทำลายจากเราก็จะไปหาเธอ นี่เป็นคำประกาศของพระยาห์เวห์
\s5
\p
\v 54 เสียงร้องแห่งความทุกข์ระทมได้ออกมาจากบาบิโลน เสียงการทำลายอันใหญ่หลวงมาจากแผ่นดินเคลเดีย
\v 55 เพราะพระยาห์เวห์กำลังทรงทำลายบาบิโลน พระองค์กำลังทรงทำให้เสียงดังของเมืองนั้นเงียบไป พวกศัตรูของพวกเขาคำรามเหมือนเสียงคลื่นของน้ำมากหลาย เสียงดังของน้ำเหล่านั้นก็ดังยิ่งนัก
\v 56 เพราะพวกผู้ทำลายได้มาต่อสู้กับเมืองนั้น ต่อสู้กับบาบิโลน และพวกนักรบของเมืองนั้นได้ถูกจับไป บรรดาคันธนูของพวกเขาก็หักไป เพราะพระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้าแห่งการแก้แค้น พระองค์จะทรงทำการตอบแทนนี้ให้สำเร็จอย่างแน่นอน
\s5
\p
\v 57 เพราะเราจะทำให้พวกเจ้านาย พวกนักปราชญ์ พวกข้าราชการ และพวกทหารของเมืองนั้นมึนเมาไป และพวกเขาจะนอนหลับตลอดไปและไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย นี่เป็นคำประกาศของกษัตริย์ พระยาห์เวห์จอมเจ้านายคือพระนามของพระองค์
\v 58 พระยาห์เวห์จอมเจ้านายตรัสดังนี้ว่า กำแพงที่หนาทั้งหลายของบาบิโลนจะพังราบอย่างยับเยิน และประตูสูงทั้งหลายของเมืองนั้นก็จะถูกเผา แล้วชนชาติทั้งหลายจะมาช่วยเมืองนั้น ซึ่งจะเป็นการเหนื่อยยากโดยเปล่าประโยชน์ ทุกสิ่งที่บรรดาประชาชาติพยายามจะทำเพื่อเมืองนั้นจะถูกเผาจนสิ้น"
\s5
\p
\v 59 นี่เป็นถ้อยคำที่เยเรมีย์ผู้เผยพระวจนะได้บัญชาแก่เสไรยาห์บุตรชายของเนริยาห์ ผู้เป็นบุตรชายของมัคเสยาห์เมื่อเขาได้ขึ้นไปยังบาบิโลนพร้อมกับเศเดคียาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์ในปีที่สี่ของรัชกาลของพระองค์ ตอนนี้เสไรยาห์ได้เป็นหัวหน้าราชการ
\v 60 เพราะเยเรมีย์ได้เขียนในหนังสือม้วนเกี่ยวกับเหตุร้ายที่กำลังจะมาเหนือบาบิโลน ถ้อยคำทั้งหมดนี้ที่ได้เขียนเกี่ยวกับบาบิโลน
\v 61 เยเรมีย์ได้กล่าวกับเสไรยาห์ว่า "เมื่อท่านไปถึงบาบิโลน แล้วท่านจะดูและท่านจะอ่านถ้อยคำเหล่านี้ด้วยเสียงดัง
\s5
\p
\v 62 แล้วท่านจะทูลว่า 'ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์เองได้ทรงประกาศว่าพระองค์จะทรงทำลายสถานที่นี้ และไม่มีคนหรือสัตว์ใดๆ จะอาศัยอยู่ในเมืองนี้เลย และเมืองนี้จะถูกทิ้งร้างเป็นนิตย์'
\v 63 แล้วเมื่อท่านได้อ่านหนังสือม้วนนี้จบแล้ว จงผูกมันกับก้อนหินก้อนหนึ่งและขว้างมันลงไปกลางแม่น้ำยูเฟรติส
\v 64 กล่าวว่า 'บาบิโลนจะจมลงอย่างนี้แหละ เมืองนั้นจะไม่ลอยขึ้นมา เพราะเหตุร้ายที่เราจะนำต่อสู้กับเมืองนั้น และพวกเขาจะล้มลง"' ถ้อยคำของเยเรมีย์ก็จบลงตรงนี้
\s5
\c 52
\p
\v 1 เศเดคียาห์มีพระชนมายุได้ยี่สิบเอ็ดพรรษา เมื่อพระองค์ได้ทรงขึ้นครองราชย์ พระองค์ได้ทรงครองราชย์ในกรุงเยรูซาเล็มสิบเอ็ดปี พระมารดาของพระองค์ทรงพระนามว่าฮามุทาล พระนางทรงเป็นบุตรหญิงของเยเรมีย์ชาวลิบนาห์
\v 2 พระองค์ได้ทรงทำสิ่งชั่วร้ายในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ พระองค์ได้ทรงทำตามทุกอย่างที่เยโฮยาคิมได้ทรงกระทำนั้น
\v 3 เนื่องจากพระพิโรธของพระยาห์เวห์ เหตุการณ์ทั้งหมดนี้จึงได้เกิดขึ้นในเยรูซาเล็มและยูดาห์ จนกระทั่งพระองค์ได้ทรงขับไล่พวกเขาไปให้พ้นพระพักตร์ของพระองค์ แล้วเศเดคียาห์ได้ทรงกบฏต่อกษัตริย์แห่งบาบิโลน
\s5
\p
\v 4 เหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นในปีที่เก้าของรัชกาลกษัตริย์เศเดคียาห์ ในวันที่สิบของเดือนที่สิบ เนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์แห่งบาบิโลนพร้อมกับกองทัพทั้งสิ้นของพระองค์ได้มาต่อสู้กับเยรูซาเล็ม พวกเขาได้ตั้งค่ายต่อสู้กับเมืองนั้น และพวกเขาได้สร้างกำแพงล้อมเมืองนั้นไว้
\v 5 ดังนั้น กรุงนั้นจึงได้ถูกล้อมไว้จนถึงปีที่สิบเอ็ดของรัชกาลกษัตริย์เศเดคียาห์
\v 6 ในวันที่เก้าของเดือนที่สี่ของปีนั้น ได้เกิดการกันดารอาหารร้ายแรงในกรุงนั้นจนไม่มีอาหารให้แก่ประชาชนของแผ่นดินนั้นเลย
\s5
\p
\v 7 แล้วเมืองนั้นก็แตก และพวกนักรบทุกคนได้หนีและออกไปจากเมืองนั้นในตอนกลางคืน ไปทางประตูเมืองที่อยู่ระหว่างกำแพงทั้งสองข้างพระราชอุทยาน ถึงแม้ว่าคนเคลเดียได้ล้อมอยู่รอบเมืองนั้น ดังนั้น พวกเขาจึงได้ออกไปในทางที่ตรงไปยังอารบาห์
\v 8 แต่กองทัพของคนเคลเดียได้ไล่ตามกษัตริย์นั้นไปและได้จับเศเดคียาห์ได้ในที่ราบลุ่มแม่น้ำจอร์แดนใกล้เมืองเยรีโค กองทัพทั้งสิ้นของเศเดคียาห์ก็ได้กระจัดกระจายไปจากพระองค์
\v 9 พวกเขาได้จับเศเดคียาห์และได้นำตัวพระองค์ขึ้นไปถวายกษัตริย์บาบิโลนที่ริบลาห์ในแผ่นดินฮามัท ที่ซึ่งกษัตริย์องค์นั้นก็ได้ทรงพิพากษาลงโทษพระองค์
\s5
\p
\v 10 กษัตริย์แห่งบาบิโลนได้ทรงประหารบรรดาพระราชโอรสของเศเดคียาห์ต่อพระพักตร์ของพระองค์ และพระองค์ได้ทรงประหารพวกเจ้านายของยูดาห์ทุกคนที่นั่นด้วย
\v 11 แล้วพระองค์ได้ควักพระเนตรของเศเดคียาห์ออก และได้ล่ามพระองค์ไว้ด้วยโซ่ทองสัมฤทธิ์ และได้นำพระองค์ไปยังบาบิโลน กษัตริย์แห่งบาบิโลนได้ทรงขังพระองค์ไว้ในคุกจนถึงวันสิ้นพระชนม์ของพระองค์
\v 12 ต่อมาในวันที่สิบของเดือนที่ห้า ซึ่งเป็นปีที่สิบเก้าของรัชกาลกษัตริย์เนบูคัดเนซาร์ กษัตริย์แห่งบาบิโลน เนบูซาระดานได้มายังกรุงเยรูซาเล็ม เขาเป็นผู้บัญชาการกองทหารรักษาพระองค์และเป็นข้าราชการของกษัตริย์แห่งบาบิโลน
\s5
\p
\v 13 เขาได้เผาพระนิเวศของพระยาห์เวห์ พระราชวังของกษัตริย์ และบ้านเรือนทั้งหมดของเยรูซาเล็ม เขายังได้เผาสิ่งก่อสร้างที่สำคัญทุกแห่งในเมืองนั้นด้วย
\v 14 ส่วนกำแพงทั้งหลายที่ล้อมรอบเยรูซาเล็ม กองทัพทั้งสิ้นของคนบาบิโลนผู้ที่ได้อยู่กับผู้บัญชาการกองทหารรักษาพระองค์ได้ทำลายกำแพงเหล่านั้น
\v 15 ส่วนประชาชนที่ยากจนที่สุด ประชาชนที่เหลืออยู่ผู้ที่ได้ทิ้งไว้ในเมืองนั้น คนเหล่านั้นผู้ที่ได้หนีไปหากษัตริย์บาบิโลน และพวกช่างฝีมือที่เหลืออยู่ เนบูซาระดานผู้บัญชาการกองทหารรักษาพระองค์ได้นำพวกเขาบางคนไปเป็นเชลย
\s5
\p
\v 16 แต่เนบูซาระดานผู้บัญชาการกองทหารรักษาพระองค์ได้เหลือพวกคนยากจนที่สุดของแผ่นดินบางคนไว้บ้าง เพื่อทำงานสวนองุ่นและทุ่งนา
\v 17 ส่วนบรรดาเสาทองสัมฤทธิ์ที่เป็นของพระนิเวศของพระยาห์เวห์ และแท่นทั้งหลาย และอ่างสาครทองสัมฤทธิ์ที่ได้อยู่ในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ คนเคลเดียได้ทุบสิ่งเหล่านั้นเป็นชิ้น ๆ และได้ขนทองสัมฤทธิ์ทั้งหมดกลับไปยังบาบิโลน
\v 18 คนเคลเดียได้ขนสิ่งเหล่านี้ไป คือบรรดาหม้อ พลั่ว กรรไกรตัดใส้ตะเกียง ชามและภาชนะทองสัมฤทธิ์ทั้งหมดที่ซึ่งพวกปุโรหิตได้ใช้ในการปฏิบัติงานในพระวิหาร
\s5
\p
\v 19 อ่างต่าง ๆ และกระถางไฟเผาเครื่องหอม ชาม หม้อ เชิงตะเกียง กะทะ และอ่างที่ทำด้วยทองคำทั้งหลาย และสิ่งเหล่านั้นที่ทำด้วยเงิน ผู้บัญชาการกองทหารรักษาพระองค์ได้เอาสิ่งเหล่านั้นไปด้วย
\v 20 เสาทั้งสองต้น อ่างสาคร และโคทองสัมฤทธิ์สิบสองตัวที่อยู่ใต้แท่นเหล่านั้น สิ่งต่าง ๆ ที่ซาโลมอนได้ทรงสร้างสำหรับพระนิเวศของพระยาห์เวห์ ภาชนะทองสัมฤทธิ์มากเกินว่าที่จะชั่งได้
\v 21 เสาเหล่านั้นแต่ละต้นสูงสิบแปดศอก และเส้นรอบวงของแต่ละเสาวัดได้สิบสองศอก แต่ละต้นหนาสี่นิ้วและข้างในกลวง
\s5
\p
\v 22 บัวคว่ำทองสัมฤทธิ์ที่ได้อยู่บนยอดเสานั้น บัวคว่ำนั้นสูงห้าศอก ที่มีโครงตาข่ายและมีลูกทับทิมทั้งหลายอยู่ล้อมรอบ ซึ่งทั้งหมดได้ทำด้วยทองสัมฤทธิ์ เสาอีกต้นหนึ่งและลูกทับทิมทั้งหลายของมันก็เหมือนกับเสาต้นแรก
\v 23 ดังนั้น จึงมีลูกทับทิมเก้าสิบหกลูกบนบัวคว่ำแต่ละด้าน และมีลูกทับทิมหนึ่งร้อยลูกเหนือโครงตาข่ายที่ล้อมรอบอยู่
\v 24 ผู้บัญชาการกองทหารรักษาพระองค์ได้นำนักโทษเสไรยาห์ผู้เป็นมหาปุโรหิตไปด้วย พร้อมกับเศฟันยาห์ปุโรหิตรอง และพวกคนเฝ้าประตูสามคน
\s5
\p
\v 25 เขาได้นำคนที่เป็นนายทหารผู้ซึ่งดูแลกองทหาร และพวกผู้ชายเจ็ดคนผู้ที่เป็นที่ปรึกษาของกษัตริย์ ผู้ที่ยังอยู่ในเมืองนั้นไปเป็นเชลย เขายังได้นำนายทหารของกองทัพของกษัตริย์ผู้ที่รับผิดชอบในการเกณฑ์ผู้ชายทั้งหลายเข้ากองทัพ พร้อมกับพวกคนสำคัญผู้ที่อยู่ในเมืองหกสิบคนจากแผ่นดินนั้น
\v 26 แล้วเนบูซาระดานผู้บัญชาการกองทหารรักษาพระองค์ได้เอาพวกเขาไปและได้นำพวกเขาไปถวายกษัตริย์บาบิโลนที่ริบลาห์
\v 27 กษัตริย์แห่งบาบิโลนได้ประหารพวกเขาที่ริบลาห์ในแผ่นดินฮามัท ดังนี้แหละ ยูดาห์จึงได้ไปจากแผ่นดินของตนไปเป็นเชลย
\s5
\p
\v 28 เหล่านี้เป็นประชาชนที่เนบูคัดเนสซาร์ได้จับไปเป็นเชลย ในปีที่เจ็ด คนยูดาห์ 3,023 คน
\v 29 ในปีที่สิบแปดของรัชกาลเนบูคัดเนสซาร์ เขาได้นำประชาชนจากเยรูซาเล็มไป 832 คน
\v 30 ในปีที่ยี่สิบสามของรัชกาลเนบูคัดเนสซาร์ เนบูซาระดานผู้บัญชาการกองทหารรักษาพระองค์ได้จับคนยูดาห์ไปเป็นเชลย 745 คน รวมประชาชนทั้งหมดที่ถูกจับไปเป็นเชลย 4,600 คน
\s5
\p
\v 31 เหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นหลังจากนั้น ในปีที่สามสิบเจ็ดของการเป็นเชลยของเยโฮยาคีนกษัตริย์แห่งยูดาห์ ในวันที่ยี่สิบห้าของเดือนที่สิบสอง เอวิลเมโรดัคกษัตริย์แห่งบาบิโลนได้ทรงปล่อยเยโฮยาคีนกษัตริย์แห่งยูดาห์ออกจากคุก เหตุการณ์นี้ได้เกิดขึ้นในปีที่เอวิลเมโรดัคได้ขึ้นครองราชย์
\v 32 พระองค์ได้ตรัสอย่างกรุณาต่อเยโฮยาคีน และทรงให้พระองค์ประทับในพระที่นั่งอันมีเกียรติกว่ากษัตริย์องค์อื่น ๆ ผู้ที่อยู่กับพระองค์ในบาบิโลน
\v 33 เอวิลเมโรดัคได้ถอดเครื่องแต่งกายนักโทษออกจากเยโฮยาคีน และเยโฮยาคีนได้เสวยที่โต๊ะของกษัตริย์เป็นประจำตลอดชีวิตที่เหลือของท่าน
\v 34 และได้ทรงประทานค่าอาหารเป็นประจำทุกวันตลอดชีวิตที่เหลือของพระองค์จนถึงวันสิ้นพระชนม์ของพระองค์