th_ulb/21-ECC.usfm

386 lines
83 KiB
Plaintext

\id ECC Unlocked Literal Bible
\ide UTF-8
\h ECCLESIASTES
\toc1 Ecclesiastes
\toc2 Ecclesiastes
\toc3 ecc
\mt1 ECCLESIASTES
\s5
\c 1
\p
\v 1 เหล่านี้เป็นถ้อยคำของปัญญาจารย์ ผู้เป็นเชื้อสายของดาวิดและกษัตริย์ในกรุงเยรูซาเล็ม
\v 2 ปัญญาจารย์กล่าวดังนี้ว่า "เหมือนกับไอหมอก เหมือนกับสายลมในกระแสลม สารพัดล้วนอนิจจัง เหลือไว้แต่คำถามมากมาย
\v 3 มนุษย์ได้ประโยชน์อะไรจากการทำงานทุกอย่างที่พวกเขาตรากตรำภายใต้ดวงอาทิตย์?
\s5
\p
\v 4 คนรุ่นหนึ่งจากไป และคนอีกรุ่นหนึ่งมา แต่แผ่นดินโลกยังคงอยู่เป็นนิตย์
\v 5 ดวงอาทิตย์ขึ้น และดวงอาทิตย์ตก และก็รีบเร่งกลับไปยังที่ซึ่งมันขึ้นมาอีก
\v 6 ลมพัดไปทางทิศใต้และพัดเวียนกลับไปทางทิศเหนือ ลมพัดเวียนไปตามทางของมันและพัดกลับมาอีก
\s5
\p
\v 7 แม่น้ำทุกสายก็ไหลไปสู่ทะเล แต่ทะเลก็ไม่เคยเต็ม แม่น้ำไหลไปสู่ที่ใด ก็ไหลไปสู่ที่นั่นอีก
\v 8 สารพัดก็เหนื่อยอ่อน และไม่มีใครอธิบายเรื่องนี้ได้ ตาก็ไม่เคยพอใจกับสิ่งที่มองเห็น หรือหูก็ไม่อิ่มกับสิ่งที่ได้ยิน
\v 9 อะไรก็ตามที่มีอยู่แล้ว ก็เป็นสิ่งที่จะมีขึ้นอีก และอะไรก็ตามที่เคยทำแล้ว ก็เป็นสิ่งที่จะทำกันอีก ไม่มีอะไรใหม่ภายใต้ดวงอาทิตย์
\s5
\p
\v 10 มีสิ่งใดที่อาจจะพูดได้ว่า 'ดูสิ นี่เป็นสิ่งใหม่'? อะไรก็ตามที่ได้มีอยู่ ก็มีอยู่เป็นเวลานานแล้ว ในสมัยก่อนที่มีมานานก่อนพวกเรา
\v 11 ดูเหมือนว่าไม่มีใครจดจำสิ่งที่เกิดขึ้นในสมัยก่อน และสิ่งต่างๆ ที่ได้เกิดขึ้นมาภายหลัง และสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีการจดจำกันด้วย
\s5
\p
\v 12 ข้าพเจ้าคือปัญญาจารย์ และเคยเป็นกษัตริย์เหนืออิสราเอลในกรุงเยรูซาเล็ม
\v 13 ข้าพเจ้าได้ตั้งใจศึกษาด้วยสติปัญญาและค้นหาทุกสิ่งที่ทำกันภายใต้ท้องฟ้า การค้นหานั้นคืองานที่เหนื่อยยากที่พระเจ้าได้ประทานแก่ลูกหลานของมนุษย์ให้สาละวนอยู่กับงานนั้น
\v 14 ข้าพเจ้าได้เห็นการกระทำทุกอย่างที่ทำกันภายใต้ดวงอาทิตย์ และดูเถิด การงานเหล่านั้นทั้งหมดก็เป็นเหมือนไอหมอกและกินลมกินแล้ง
\v 15 สิ่งที่คดอยู่ก็จะตรงไม่ได้! สิ่งที่ขาดอยู่ก็จะนับให้ครบไม่ได้!
\s5
\p
\v 16 ข้าพเจ้าได้รำพึงในใจว่า "ดูซิ ข้าพเจ้ามีสติปัญญามากยิ่งกว่าทุกคนที่อยู่ก่อนข้าพเจ้าในกรุงเยรูซาเล็ม จิตใจของข้าพเจ้าได้เห็นสติปัญญาและความรู้อันยิ่งใหญ่
\v 17 เพราะเหตุนี้ ข้าพเจ้าจึงได้ตั้งใจที่จะรู้สติปัญญาและความบ้าบอและความโง่เขลาด้วย ข้าพเจ้าได้มาเข้าใจว่านี่ก็เป็นการกินลมกินแล้งด้วย
\v 18 เพราะในสติปัญญามากมาย ก็มีความzbfหวังอย่างมาก และผู้ที่เพิ่มความรู้ก็เพิ่มความเศร้าโศก
\s5
\c 2
\p
\v 1 ข้าพเจ้ารำพึงในใจว่า "มาเถอะ ข้าพเจ้าจะลองดูด้วยการมีความสุข ถ้าเช่นนั้น ก็จงเพลิดเพลินกับความสนุกสนานเถิด" แต่ดูเถิด นี่ก็เป็นแค่ลมพัดเพียงชั่วครู่
\v 2 ข้าพเจ้าได้พูดเกี่ยวกับการหัวเราะว่า "มันช่างบ้าบอ" และเกี่ยวกับความสนุกสนานว่า "มันมีประโยชน์อะไร?"
\v 3 ข้าพเจ้าได้ค้นดูในใจของข้าพเจ้าว่า ทำอย่างไรจึงจะทำตามใจปรารถนาของข้าพเจ้าด้วยเหล้าองุ่น ข้าพเจ้าได้ปล่อยให้จิตใจของข้าพเจ้านำข้าพเจ้าไปด้วยสติปัญญา ถึงแม้ว่าข้าพเจ้ายังคงยึดความโง่เขลาไว้ ข้าพเจ้าก็ต้องการที่จะพบว่าอะไรดีสำหรับคนเราที่จะทำกันภายใต้ท้องฟ้าตลอดชีวิตของพวกเขา
\s5
\p
\v 4 ข้าพเจ้าได้ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่สำเร็จมากมาย ข้าพเจ้าได้สร้างเรือนหลายหลังเพื่อตนเอง และได้ปลูกสวนองุ่นหลายแปลง
\v 5 ข้าพเจ้าได้สร้างสวนผลไม้และสวนหย่อนใจหลายแห่ง ข้าพเจ้าได้ปลูกต้นไม้ทุกชนิดไว้ในสวนเหล่านั้น
\v 6 ข้าพเจ้าได้สร้างสระน้ำต่างๆ เพื่อรดน้ำป่าเป็นที่ที่ต้นไม้ถูกทำให้เติบโต
\v 7 ข้าพเจ้าได้ซื้อบรรดาทาสชายหญิงไว้ ข้าพเจ้ามีบรรดาทาสที่เกิดในวังของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าได้มีฝูงแกะและฝูงโคที่เป็นปศุสัตว์ขนาดใหญ่ มากยิ่งกว่ากษัตริย์องค์ใดที่ได้ปกครองมาก่อนข้าพเจ้าในกรุงเยรูซาเล็ม
\s5
\p
\v 8 ข้าพเจ้าได้เก็บสะสมเงินและทองคำไว้สำหรับตนเองด้วย และทรัพย์สมบัติของบรรดากษัตริย์และมณฑลต่างๆ ข้าพเจ้าได้มีบรรดานักร้องชายหญิงไว้สำหรับตนเอง และภรรยาน้อยมากมาย ซึ่งเป็นสิ่งที่ชอบใจของบรรดาบุตรของมนุษย์
\v 9 ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงยิ่งใหญ่กว่าและมั่งคั่งกว่าทุกคนที่เคยอยู่มาก่อนข้าพเจ้าในกรุงเยรูซาเล็ม และสติปัญญาของข้าพเจ้ายังคงอยู่กับข้าพเจ้า
\v 10 ไม่ว่าสิ่งใดที่นัยน์ตาของข้าพเจ้าปรารถนาจะเห็น ข้าพเจ้าก็ไม่ยับยั้งจากสิ่งเหล่านั้น ข้าพเจ้าไม่ได้ห้ามใจจากความสนุกสนานใดๆ เพราะใจของข้าพเจ้าได้ชื่นชมยินดีในการตรากตรำทั้งหมดของข้าพเจ้าและความสนุกสนานเป็นรางวัลของข้าพเจ้าสำหรับการงานทั้งหมดของข้าพเจ้า
\s5
\p
\v 11 แล้วข้าพเจ้าได้มองดูที่การกระทำทั้งหมดที่มือของข้าพเจ้าได้ทำสำเร็จ และในการงานที่ข้าพเจ้าได้ทำไป แต่ทุกอย่างล้วนอนิจจังและกินลมกินแล้งอีก ไม่มีประโยชน์อะไรภายใต้ดวงอาทิตย์ในการงานนั้น
\v 12 แล้วข้าพเจ้าได้กลับมาพิจารณาถึงสติปัญญา และความบ้าบอ และความโง่เขลาด้วย เพราะกษัตริย์องค์ต่อไปที่มาภายหลังกษัตริย์องค์นั้นจะทำอะไรที่ยังทำไม่เสร็จได้หรือไม่?
\v 13 แล้วข้าพเจ้าได้เริ่มเข้าใจว่าสติปัญญามีข้อได้เปรียบเหนือความโง่เขลา ซึ่งเหมือนกับความสว่างก็ดีกว่าความมืด
\s5
\p
\v 14 คนฉลาดใช้ตาในสมองของเขามองที่ซึ่งเขากำลังไป แต่คนโง่เขลาเดินในความมืด อย่างไรก็ตาม ข้าพเจ้ารู้ว่ามีเคราะห์กรรมอย่างเดียวกันที่กำหนดไว้สำหรับทุกคน
\v 15 แล้วข้าพเจ้าได้รำพึงในใจว่า "สิ่งที่เกิดขึ้นกับคนเขลา ก็จะเกิดขึ้นกับข้าพเจ้าด้วย เพราะฉะนั้น ถ้าข้าพเจ้าฉลาดมาก ก็จะมีอะไรที่ทำให้แตกต่างกัน?" ข้าพเจ้ารำพึงในใจของข้าพเจ้าว่า "นี่ก็เป็นอนิจจังด้วย"
\v 16 เพราะคนฉลาดก็เหมือนกับคนโง่เขลาที่ไม่ได้เป็นที่จดจำได้นานนัก ตั้งแต่นี้ไป ทุกสิ่งก็จะถูกลืมไปยาวนาน คนฉลาดก็ตายเหมือนกับคนโง่เขลาตาย
\s5
\p
\v 17 ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงได้เกลียดชีวิต เพราะการงานทั้งหมดที่ทำกันภายใต้ดวงอาทิตย์นั้นสามานย์ต่อข้าพเจ้า นี่เป็นเพราะทุกสิ่งล้วนอนิจจังและกินลมกินแล้ง
\v 18 ข้าพเจ้าได้เกลียดความสำเร็จทุกอย่างของข้าพเจ้าสำหรับสิ่งที่ข้าพเจ้าได้ทำงานภายใต้ดวงอาทิตย์ เพราะข้าพเจ้าต้องละสิ่งเหล่านั้นไว้เบื้องหลังให้แก่คนที่มาภายหลังข้าพเจ้า
\v 19 เพราะใครจะทราบว่าเขาจะเป็นคนฉลาดหรือโง่เขลา? แต่เขาจะเป็นนายเหนือทุกสิ่งภายใต้ดวงอาทิตย์ที่การงานและสติปัญญาของข้าพเจ้าได้สร้างไว้ นี่ก็อนิจจังด้วย
\s5
\p
\v 20 เพราะฉะนั้น จิตใจของข้าพเจ้าได้เริ่มผิดหวังในการงานที่ข้าพเจ้าได้ทำภายใต้ดวงอาทิตย์
\v 21 เพราะอาจจะมีใครสักคนที่ทำงานด้วยสติปัญญา ด้วยความรู้ และความชำนาญ แต่เขาจะละทุกสิ่งที่เขามีให้แก่คนที่ไม่ได้ทำสิ่งใดเลย นี่ก็เป็นอนิจจังและน่าเศร้ายิ่งนัก
\v 22 เพราะจะได้ประโยชน์อะไรที่คนเราที่ทำงานหนักและพยายามตั้งใจที่ทำงานตรากตรำของเขาให้สำเร็จภายใต้ดวงอาทิตย์?
\s5
\p
\v 23 การงานของเขาที่เต็มด้วยความเจ็บปวดและคร่ำเครียดอยู่ทุกวัน พอถึงตอนกลางคืนจิตใจของเขาก็ไม่พบความสงบ นี่ก็เป็นอนิจจังด้วย
\v 24 ไม่มีอะไรดีสำหรับคนเรากว่าการกินและดื่มและพอใจกับสิ่งที่ดีในงานของเขา ข้าพเจ้าได้เห็นว่าความจริงนี้มาจากพระหัตถ์ของพระเจ้า
\v 25 เพราะใครจะสามารถกิน หรือใครจะสามารถมีความสุขใดได้ ถ้าแยกจากพระเจ้า?
\v 26 พระเจ้าประทานสติปัญญาและความรู้และความชื่นชมยินดี ให้กับคนที่พระองค์ทรงพอพระทัย แต่อย่างไรก็ดี พระองค์ทรงประทานงานที่ต้องเก็บเกี่ยวและสะสมแก่คนบาป เพื่อมอบให้แก่คนที่พระองค์ทรงพอพระทัย นี่ก็เป็นอนิจจังและกินลมกินแล้งด้วย
\s5
\c 3
\p
\v 1 มีกำหนดเวลาสำหรับทุกสิ่ง และมีฤดูกาลสำหรับจุดมุ่งหมายทุกอย่างภายใต้ท้องฟ้า
\v 2 มีวาระให้กำเนิดและวาระตาย วาระเพาะปลูกและวาระถอนพืชทิ้ง
\v 3 มีวาระฆ่าและวาระรักษาให้หาย มีวาระรื้อลงและวาระก่อสร้างขึ้น
\v 4 มีวาระร้องไห้และวาระหัวเราะ มีวาระโศกเศร้าและวาระเต้นรำ
\v 5 มีวาระขว้างก้อนหินออกไปและวาระเก็บรวบรวมก้อนหิน มีวาระสวมกอดคนอื่นๆ และวาระละเว้นจากการสวมกอด
\s5
\p
\v 6 มีวาระแสวงหาสิ่งต่างๆ และวาระหยุดแสวงหา มีวาระเก็บสิ่งต่างๆ ไว้ และวาระโยนสิ่งต่างๆ ทิ้งไป
\v 7 มีวาระฉีกเสื้อผ้าและวาระปะเสื้อผ้า มีวาระนิ่งเงียบและวาระพูด
\v 8 มีวาระรักและวาระเกลียด มีวาระสงครามและวาระสันติ
\v 9 คนงานได้ประโยชน์อะไรในการตรากตรำของเขา?
\v 10 ข้าพเจ้าได้เห็นการงานที่พระเจ้าได้ประทานแก่มนุษย์ที่จะทำให้สำเร็จ
\s5
\p
\v 11 พระเจ้าได้ทรงทำทุกสิ่งให้เหมาะสมตามวาระของมัน พระองค์ได้ทรงใส่นิรันดร์กาลไว้ในจิตใจของพวกเขาด้วย แต่มนุษย์ไม่สามารถเข้าใจพระราชกิจที่พระเจ้าได้ทรงกระทำไว้แล้ว ตั้งแต่ปฐมกาลตลอดไปจนถึงกาลสุดท้ายของพวกเขา
\v 12 ข้าพเจ้าทราบว่า สำหรับคนใดก็ตาม ไม่มีอะไรดีกว่าความชื่นชมยินดีและทำความดีตราบที่เขามีชีวิตอยู่
\v 13 และทุกคนควรจะได้กินและดื่ม และควรเข้าใจถึงการที่จะเพลิดเพลินในสิ่งดีที่มาจากการงานทั้งสิ้นของเขา นี่เป็นของประทานจากพระเจ้า
\s5
\p
\v 14 ข้าพเจ้าทราบว่าอะไรก็ตามที่พระเจ้าทรงกระทำก็จะคงอยู่ชั่วนิรันดร์ ไม่มีอะไรที่สามารถเพิ่มเติมเข้าไปได้ หรือสามารถเอาอะไรออกไปได้ เพราะเป็นพระเจ้านั่นเองที่ได้ทรงทำเช่นนั้นเพื่อให้คนทั้งหลายจะเข้ามาใกล้พระองค์ด้วยการถวายพระเกียรติ
\v 15 อะไรก็ตามที่มีอยู่ก็ได้มีมาอยู่แล้ว อะไรก็ตามที่จะมีขึ้นมาก็ได้มีมาอยู่แล้ว พระเจ้าทรงทำให้มนุษย์ได้ค้นหาสิ่งต่างๆ ที่ซ่อนอยู่
\v 16 ข้าพเจ้าได้เห็นความอธรรมที่อยู่ภายใต้ดวงอาทิตย์ ที่ซึ่งควรจะมีความยุติธรรม และในสถานที่แห่งความชอบธรรม ก็มีความอธรรมอยู่ที่นั่น
\s5
\p
\v 17 ข้าพเจ้ารำพึงในใจว่า "พระเจ้าจะทรงพิพากษาคนชอบธรรมและคนอธรรมในเวลาที่เหมาะสมสำหรับทุกเรื่องและการกระทำทุกอย่าง"
\v 18 ข้าพเจ้ารำพึงในใจว่า "พระเจ้าทรงทดสอบมนุษย์เพื่อที่จะทรงแสดงให้พวกเขาทั้งหลายเห็นว่าพวกเขาทั้งหลายก็เป็นเหมือนกับพวกสัตว์"
\v 19 เพราะเคราะห์กรรมของลูกหลานของมวลมนุษย์และเคราะห์กรรมของพวกสัตว์ก็เป็นเคราะห์กรรมอย่างเดียวกัน ความตายของฝ่ายหนึ่งก็เหมือนความตายของอีกฝ่ายหนึ่ง ลมหายใจก็เหมือนกันทั้งหมด สำหรับมวลมนุษย์ไม่มีข้อได้เปรียบเหนือกว่าพวกสัตว์ เพราะไม่ใช่ทุกสิ่งที่เป็นเพียงแค่ลมหายใจ?
\s5
\p
\v 20 ทุกอย่างก็จะไปสู่ที่เดียวกัน ทุกอย่างมาจากผงคลีดิน และทุกอย่างก็กลับไปเป็นผงคลีดิน
\v 21 ใครทราบว่าวิญญาณของมนุษย์ขึ้นไปสู่เบื้องบนและวิญญาณของสัตว์ลงไปยังเบื้องล่างในแผ่นดินโลกหรือไม่?
\v 22 เพราะฉะนั้น ข้าพเจ้าได้ตระหนักอีกว่าไม่มีอะไรดีไปกว่าการที่คนเราจเพลิดเพลินในการงานของเขา เพราะนั่นคือหน้าที่ที่เขาได้รับมอบหมาย ใครจะนำเขากลับมาได้ เพื่อจะเห็นว่ามีอะไรเกิดขึ้นภายหลังเขา?
\s5
\c 4
\p
\v 1 อีกครั้งที่ข้าพเจ้าได้คิดเกี่ยวกับการข่มเหงทุกอย่างที่กระทำภายใต้ดวงอาทิตย์ และดูเถิด น้ำตาของพวกคนที่ถูกข่มเหง และพวกเขาไม่มีใครปลอบใจพวกเขา! อำนาจได้อยู่ในมือของบรรดาผู้ที่กดขี่พวกเขาและไม่มีใครปลอบใจพวกเขา!
\v 2 ดังนั้น ข้าพเจ้าพิจารณาแล้วว่าคนเหล่านั้นที่ตายไปแล้วก็โชคดีกว่ามีชีวิตและคนที่ยังคงมีชีวิตอยู่
\v 3 แต่อย่างไรก็ตาม คนที่ยังไม่มีชีวิตขึ้นมา และคนที่ยังไม่เคยเห็นการกระทำที่ชั่วร้ายใดๆ ก็โชคดีกว่าคนทั้งสองพวกนั้นที่กระทำภายใต้ดวงอาทิตย์
\s5
\p
\v 4 แล้วข้าพเจ้าได้เห็นว่าการตรากตรำทุกอย่างและความชำนาญในการงานทุกอย่างก็ทำให้เพื่อนบ้านของคนนั้นอิจฉา นี่ก็อนิจจังและกินลมกินแล้งด้วย
\v 5 คนโง่กุมมือของเขาไว้และไม่ทำงาน ดังนั้น อาหารของเขาก็คือเนื้อของตนเอง
\v 6 แต่มีสักกำมือหนึ่งที่ได้มาด้วยการทำงานอย่างสงบก็มีประโยชน์มากกว่ามีสองกำมือด้วยการทำงานซึ่งพยายามอย่างกินลมกินแล้ง
\v 7 แล้วข้าพเจ้าได้คิดอีกครั้งหนึ่งเกี่ยวกับการเปล่าประโยชน์ยิ่งขึ้น อนิจจังยิ่งขึ้นภายใต้ดวงอาทิตย์
\s5
\p
\v 8 มีคนประเภทหนึ่งที่อยู่คนเดียว เขาไม่มีใครเลย ไม่มีบุตรชายหรือพี่น้อง ไม่มีที่สิ้นสุดสำหรับการงานทั้งสิ้นของเขา และตาของเขาก็ไม่เคยพอใจกับความมั่งคั่งที่เพิ่มพูนขึ้น เขาสงสัยว่า "ข้ากำลังตรากตรำและห้ามใจตนเองต่อความสนุกสนานเพื่อใครกัน?" สถานการณ์ที่เลวร้าย นี่ก็อนิจจังด้วย
\v 9 สองคนทำงานดีกว่าคนเดียว พวกเขารวมกันก็ได้รับผลตอบแทนที่ดีสำหรับงานตรากตรำของพวกเขา
\v 10 เพราะถ้าคนหนึ่งล้มลง อีกคนหนึ่งก็พยุงเพื่อนของเขาขึ้นมาได้ แต่ความเศร้าก็ติดตามคนที่อยู่คนเดียวไป เพราะเมื่อเขาล้มลงก็ไม่มีใครที่จะพยุงเขาขึ้น
\s5
\p
\v 11 ถ้าสองคนนอนอยู่ด้วยกัน พวกเขาก็อบอุ่น แต่คนที่อยู่คนเดียวจะอบอุ่นได้อย่างไร?
\v 12 คนเดียวเอาชนะได้ แต่สองคนก็ต่อต้านการโจมตีได้ และเชือกสามเกลียวก็ไม่ขาดได้ง่ายๆ
\v 13 การเป็นคนหนุ่มที่ยากจนแต่ฉลาดก็ดีกว่ากษัตริย์ชราและโง่เขลา ผู้ที่ไม่รู้จักที่จะรับฟังคำเตือนอีกต่อไป
\s5
\p
\v 14 นี่เป็นความจริง ถึงแม้ว่าชายหนุ่มคนนั้นจะออกมาจากเรือนจำมาเป็นกษัตริย์ หรือถึงแม้ว่าเขาได้เกิดมาเป็นคนจนในราชอาณาจักรของเขา
\v 15 ข้าพเจ้าได้เห็นว่าทุกคนที่ได้มีชีวิตอยู่และเดินไปมาภายใต้ดวงอาทิตย์ก็จะยอมสวามิภักดิ์ต่อชายหนุ่มอีกคนหนึ่งที่ได้ขึ้นเป็นกษัตริย์
\v 16 ประชาชนทุกคนก็ต้องการเชื่อฟังต่อกษัตริย์องค์ใหม่อย่างไม่สิ้นสุด แต่ภายหลังพวกเขาหลายคนก็ไม่ยกย่องกษัตริย์องค์นั้นอีกต่อไป แน่ทีเดียว สถานการณ์เช่นนี้ก็อนิจจังและกินลมกินแล้ง
\s5
\c 5
\p
\v 1 จงระวังเท้าของเจ้าให้ดี เมื่อเจ้าไปยังพระนิเวศของพระเจ้า จงไปที่นั่นเพื่อฟัง การฟังก็ดีกว่าคนโง่เขลาถวายเครื่องบูชา พวกเขาไม่เข้าใจว่าพวกเขากำลังทำสิ่งที่ผิด
\v 2 อย่าด่วนพูดจากปากของเจ้าเร็วเกินไป และอย่าให้ใจของเจ้าเร็วเกินไปที่จะนำเรื่องใดๆ ขึ้นมาต่อพระพักตร์พระเจ้า พระเจ้าทรงสถิตในท้องฟ้า แต่เจ้าอยู่บนแผ่นดินโลก ดังนั้นจงให้คำพูดของเจ้าน้อยคำ
\v 3 ถ้าเจ้ามีหลายสิ่งที่ต้องทำมากเกินไปและกลุ้มใจเกี่ยวกับสิ่งเหล่านั้น เจ้าก็อาจจะฝันร้าย ยิ่งเจ้าพูดถ้อยคำมากขึ้นเท่าใด เจ้าก็อาจจะพูดแต่สิ่งที่โง่เขลามากขึ้นเท่านั้น
\s5
\p
\v 4 เมื่อเจ้าบนไว้ต่อพระเจ้า อย่าชักช้าที่จะแก้บนนั้น เพราะพระเจ้าไม่ทรงพอพระทัยพวกคนโง่เขลา จงทำสิ่งที่เจ้าบนไว้ว่าเจ้าจะทำ
\v 5 การที่เจ้าไม่บนก็ดีกว่าเจ้าบนไว้ แล้วไม่แก้บนให้สำเร็จ
\v 6 อย่าให้ปากของเจ้าเป็นเหตุให้เนื้อหนังของเจ้าทำบาป อย่าพูดต่อผู้ส่งสารของปุโรหิตว่า "การบนนั้นผิดพลาด" ทำไมจึงทำให้พระเจ้ากริ้วโดยการบนอย่างผิดๆ และเร่งเร้าให้พระเจ้าทรงทำลายการงานในมือของเจ้าเสียเล่า?
\v 7 เพราะในความฝันมาก เช่นเดียวกับในคำพูดมากมายที่ไม่มีความหมายใดๆก็อนิจจัง ดังนั้นจงยำเกรงพระเจ้า
\s5
\p
\v 8 เมื่อเจ้าเห็นคนจนถูกข่มเหงและถูกลิดรอนความยุติธรรมและการปฏิบัติอย่างเที่ยงธรรมในมณฑลของเจ้า อย่าประหลาดใจว่าไม่มีใครทราบ เพราะมีพวกคนที่มีอำนาจคอยเฝ้าดูคนเหล่านั้นที่อยู่ภายใต้พวกเขาอยู่ และยังมีพวกคนที่อยู่สูงกว่าที่อยู่เหนือเขาอีก
\v 9 ยิ่งกว่านั้น กษัตริย์เองได้เอาผลผลิตจากทุ่งนาไป ซึ่งเป็นผลิตผลของแผ่นดินสำหรับทุกคน
\v 10 คนใดที่รักเงินก็จะไม่เคยอิ่มใจด้วยเงิน และคนใดที่รักความมั่งคั่งก็ยิ่งต้องการมากขึ้นอยู่เสมอ นี่ก็อนิจจังด้วย
\s5
\p
\v 11 ยิ่งความมั่งคั่งเพิ่มพูนมากขึ้นฉันใด ก็มีคนที่ทำให้สูญเสียไปมากขึ้นด้วยฉันนั้น คนที่เป็นเจ้าของจะได้ประโยชน์อะไรในความมั่งคั่งนั้นเล่า นอกจากได้แต่มองด้วยตาของเขาเท่านั้น?
\v 12 การหลับของกรรมกรก็ผาสุกไม่ว่าเขาจะกินน้อยหรือมาก แต่ทรัพย์สมบัติของคนมั่งมีไม่ได้ทำให้เขาหลับสบาย
\v 13 นี่ก็สามานย์ยิ่งที่ข้าพเจ้าได้เห็นภายใต้ดวงอาทิตย์ คนที่เป็นเจ้าของที่กักตุนความร่ำรวยไว้ ก็ทำให้เกิดความทุกข์ยากกับตนเอง
\s5
\p
\v 14 เมื่อคนมั่งมีได้สูญเสียทรัพย์สมบัติของเขาไปเนื่องจากความเคราะห์ร้าย บุตรชายของเขาเอง ผู้ที่เขาให้กำเนิด ก็ไม่เหลืออะไรในมือของเขาเลย
\v 15 คนหนึ่งได้เกิดจากครรภ์มารดามาตัวเปล่าฉันใด เขาก็จะจากชีวิตนี้ไปตัวเปล่าฉันนั้น เขาไม่สามารถเอาสิ่งใดติดมือจากการงานของเขาไปได้เลย
\v 16 ความสามานย์อีกอย่างหนึ่งที่แน่นอน คือคนหนึ่งได้เกิดมาฉันใด เขาก็ต้องจากไปฉันนั้น ดังนั้น คนเราจะได้ประโยชน์อะไรในการทำงานที่ได้แต่ลมเล่า?
\s5
\p
\v 17 เขากินด้วยความมืดและความคร่ำเครียดอย่างยิ่ง ด้วยการเจ็บป่วยและความโกรธตลอดชั่วชีวิตของเขา
\v 18 ดูเถิด สิ่งที่ข้าพเจ้าเห็นว่าดีและเหมาะสมก็คือให้กินและดื่มและเพลิดเพลินกับสิ่งที่ได้มาจากการงานของเรา ในขณะที่เราตรากตรำภายใต้ดวงอาทิตย์ตลอดชั่วชีวิตนี้ที่พระเจ้าประทานแก่เรา เพราะนี่เป็นหน้าที่รับผิดชอบของมนุษย์
\v 19 คนใดที่พระเจ้าประทานความมั่งคั่งและทรัพย์สมบัติ และความสามารถในการรับส่วนแบ่งของเขาและชื่นชมยินดีในการงานของเขา นี่คือของประทานจากพระเจ้า
\v 20 เพราะเขาไม่ค่อยได้นึกถึงวันเวลาของเขามากนัก เพราะพระเจ้าทรงทำให้เขาสาละวนกับสิ่งที่เขาเพลินเพลินในการทำนั้น
\s5
\c 6
\p
\v 1 มีความชั่วร้ายอย่างหนึ่งที่ข้าพเจ้าได้เห็นภายใต้ดวงอาทิตย์ และเป็นสิ่งที่หนักหน่วงสำหรับมนุษย์
\v 2 พระเจ้าอาจจะประทานความมั่งคั่ง ทรัพย์สมบัติและเกียรติให้แก่คนหนึ่งเพื่อที่เขาจะไม่ขาดแคลนสิ่งใดที่เขาปรารถนาสำหรับตนเองเลย แต่แล้วพระเจ้าไม่ได้ประทานความสามารถที่จะชื่นชมกับสิ่งนั้นได้ คนอื่นก็ใช้สิ่งต่างๆ ของเขาแทน นี่ก็อนิจจัง และความทุกข์ใจอย่างเลวร้าย
\v 3 ถ้าคนใดมีบุตรหลานเป็นร้อยคนและมีชีวิตยืนนาน ถึงแม้ว่าวันเดือนปีของเขาจะมากหลาย แต่ถ้าใจของเขาไม่อิ่มใจด้วยสิ่งดี และเขาไม่ได้ถูกฝังไว้อย่างมีเกียรติ แล้วข้าพเจ้าก็พูดได้ว่าทารกที่ตายแต่แรกเกิดก็ยังดีกว่าคนนั้น
\s5
\p
\v 4 อย่างเช่นทารกคนหนึ่งได้เกิดมาในความอนิจจังและตายไปในความมืด และชื่อของเขาก็ยังคงปิดซ่อนอยู่
\v 5 แม้ว่าเด็กคนนั้นไม่ได้เห็นดวงอาทิตย์หรือไม่ได้รู้สิ่งใดเลย เด็กคนนั้นก็ได้พักสงบ ทั้งๆ ที่ชายคนนั้นไม่ได้พัก
\v 6 แม้ว่าคนหนึ่งจะมีชีวิตอยู่สองพันปี แต่ไม่ได้รู้ถึงความสำราญใจกับสิ่งดีทั้งหลาย เขาก็ไปในที่เดียวกันเหมือนกับคนอื่นๆ
\v 7 การงานทุกอย่างของมนุษย์ก็เพื่อปากของเขา แต่ความอยากของเขาก็ไม่ได้รับความพอใจ
\s5
\p
\v 8 แท้จริงแล้ว คนฉลาดได้เปรียบอะไรกว่าคนโง่เขลาเล่า? คนที่ยากจนได้เปรียบอะไร ถึงแม้ว่าเขาทราบถึงวิธีการกระทำต่อหน้าคนอื่นๆ?
\v 9 การพอใจกับสิ่งที่ตามองเห็นก็ดีกว่าการปรารถนาสิ่งที่อยากได้เหล่านั้นด้วยการตระเวนไป ซึ่งก็อนิจจังและกินลมกินแล้งด้วย
\v 10 อะไรก็ตามที่มีอยู่ที่ได้ตั้งชื่อเรียกสิ่งนั้นแล้ว และมนุษย์เป็นอย่างไรก็ได้ทราบกันอยู่แล้ว ดังนั้น จึงเป็นการไร้ประโยชน์ที่จะโต้แย้งกับองค์ผู้ทรงเป็นผู้พิพากษามหิทธิฤทธิ์ของคนทั้งปวง
\s5
\p
\v 11 ยิ่งพูดถ้อยคำมากเท่าใด ก็ยิ่งไร้ประโยชน์มากขึ้นเท่านั้น ดังนั้น การเป็นมนุษย์ได้เปรียบอะไรเล่า?
\v 12 เพราะใครจะรู้ได้ว่าอะไรดีสำหรับมนุษย์ในชีวิตของเขาในช่วงเวลาอนิจจังของเขา วันเวลาที่ใกล้หมดลงจนถึงวันที่เขาจากไปเหมือนกับเงา? ใครที่จะบอกกับมนุษย์ได้ว่า อะไรจะเกิดขึ้นภายใต้ดวงอาทิตย์หลังจากที่เขาตายไป?
\s5
\c 7
\p
\v 1 ชื่อเสียงดีก็ดีกว่าน้ำหอมราคาแพง และวันตายก็ดีกว่าวันเกิด
\v 2 การไปยังเรือนที่มีการคร่ำครวญก็ดีกว่าไปยังเรือนที่มีงานเลี้ยง เพราะการคร่ำครวญจะเกิดขึ้นกับทุกคนในวาระสุดท้ายของชีวิต ดังนั้น คนที่มีชีวิตอยู่ต้องใส่ใจเรื่องนี้
\v 3 ความโศกเศร้าก็ดีกว่าการหัวเราะ เพราะจากใบหน้าที่โศกเศร้าภายหลังก็จะนำมาซึ่งจิตใจที่ยินดี
\s5
\p
\v 4 จิตใจของคนมีปัญญาอยู่ในเรือนที่มีการคร่ำครวญ แต่จิตใจของคนโง่เขลาอยู่ในเรือนที่มีงานเลี้ยง
\v 5 การฟังคำเตือนของคนมีปัญญาก็ดีกว่าฟังบทกวีของพวกคนโง่เขลา
\v 6 เพราะเสียงปะทุของหนามที่ลุกไหม้อยู่ใต้หม้อฉันใด การหัวเราะของคนโง่เขลาก็เป็นฉันนั้น นี่ก็เป็นอนิจจังด้วย
\s5
\p
\v 7 แท้จริงแล้วการบีบบังคับก็ทำให้คนมีปัญญาโง่ไป และสินบนก็ทำให้จิตใจเสื่อมทรามไป
\v 8 ตอนจบของเรื่องราวย่อมดีกว่าตอนเริ่มต้น และคนที่มีความอดกลั้นใจก็ดีกว่าคนที่เย่อหยิ่งในใจ
\v 9 อย่าปล่อยให้จิตใจของเจ้าโกรธเร็ว เพราะความโกรธฝังอยู่ในจิตใจของคนโง่
\s5
\p
\v 10 อย่าพูดว่า "ทำไมสมัยก่อนจึงดีกว่าสมัยนี้?" เพราะคำถามที่เจ้าถามนี้ไม่ได้มาจากปัญญา
\v 11 ปัญญาก็ดีเหมือนกับสิ่งมีค่าต่างๆ ที่เราได้รับเป็นมรดกจากบรรดาบรรพบุรุษของเรา ปัญญาให้ประโยชน์ต่อคนเหล่านั้นที่เห็นดวงอาทิตย์
\v 12 เพราะปัญญาให้ที่กำบังเหมือนกับเงิน แต่ประโยชน์ของความรู้คือการที่ปัญญาให้ชีวิตต่อผู้ที่มีปัญญานั้น
\s5
\p
\v 13 จงพิจารณาพระราชกิจของพระเจ้า พระองค์ได้ทรงทำให้บางสิ่งคดไปแล้ว ใครจะทำให้ตรงได้เล่า?
\v 14 เมื่อช่วงเวลาที่ดี ก็จงมีชีวิตอย่างมีความสุขในช่วงเวลาที่ดีนั้น แต่เมื่อถึงช่วงเวลาที่เลวร้าย จงพิจารณาดังนี้ว่า พระเจ้าทรงอนุญาตให้ทั้งสองอย่างเคียงคู่กันไป เพราะเหตุนี้จึงไม่มีใครจะค้นพบได้ว่าสิ่งใดที่จะเกิดขึ้นภายหลังเขา
\v 15 ข้าพเจ้าได้เห็นหลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตอนิจจังของข้าพเจ้า มีพวกคนชอบธรรมที่พินาศทั้งๆ ที่มีความชอบธรรมในพวกเขา และมีพวกคนอธรรมที่มีชีวิตยืนยาวทั้งๆ ที่มีความชั่วร้ายในพวกเขา
\s5
\p
\v 16 อย่าอวดตัวเองว่าชอบธรรม และฉลาดในสายตาของตนเอง ทำไมจึงควรทำลายตัวเองเสียเล่า?
\v 17 อย่าได้ชั่วช้าหรือโง่เขลาจนเกินไป ทำไมเจ้าจึงควรตายก่อนถึงเวลาของเจ้าเล่า?
\v 18 เป็นการดีที่เจ้าจะยึดเอาปัญญานี้ไว้ และเจ้าไม่ควรปล่อยความชอบธรรมไป เพราะคนที่ยำเกรงพระเจ้าจะพบกับข้อควรปฏิบัติทั้งสิ้นของเขา
\s5
\p
\v 19 ปัญญามีอำนาจมากในคนฉลาด มากยิ่งกว่าผู้ครอบครองสิบคนในเมือง
\v 20 ไม่มีคนชอบธรรมสักคนเดียวบนแผ่นดินโลกที่ทำแต่ความดีและไม่เคยทำบาปเลย
\v 21 อย่าฟังทุกคำที่คนได้พูดออกมา เพราะเจ้าอาจจะได้ยินคนรับใช้ของเจ้าสาปแช่งเจ้าอยู่ก็ได้
\v 22 เจ้าก็รู้อยู่แก่ใจของเจ้าเองว่าเจ้าก็มักจะสาปแช่งคนอื่นๆ เหมือนกัน
\s5
\p
\v 23 ข้าพเจ้าได้พิสูจน์ทั้งหมดนี้ด้วยปัญญา ข้าพเจ้ากล่าวว่า "ข้าพเจ้าจะฉลาด" แต่ก็ไม่ได้มากไปกว่าที่ข้าพเจ้าจะสามารถเป็นได้
\v 24 ปัญญาอยู่ห่างไกลและลึกล้ำมาก ใครจะสามารถค้นพบปัญญาได้เล่า?
\v 25 ข้าพเจ้าหันใจของข้าพเจ้ากลับมาเรียนรู้ และตรวจสอบและแสวงหาปัญญาและคำอธิบายแห่งความจริง และเข้าใจว่าความชั่วร้ายคือความโง่ และความโง่เขลาคือความบ้าบอ
\s5
\p
\v 26 ข้าพเจ้าได้พบว่าความขมขื่นยิ่งกว่าความตายคือผู้หญิงคนใดที่ใจของนางเต็มด้วยหลุมพรางและตาข่าย และมือของนางเป็นโซ่ตรวน คนใดที่พระเจ้าทรงพอพระทัยก็จะรอดพ้นจากนางได้ แต่พวกคนบาปจะถูกนางจับเอาไป
\v 27 "จงพิจารณาสิ่งที่ข้าพเจ้าได้ค้นพบ" ปัญญาจารย์กล่าว "ข้าพเจ้าได้เพิ่มสิ่งหนึ่งที่ค้นพบเข้าไปกับอีกสิ่งหนึ่งเพื่อที่จะค้นหาคำอธิบายแห่งความจริง
\v 28 นี่เป็นสิ่งที่ข้าพเจ้ายังคงค้นหาต่อไป แต่ข้าพเจ้าก็ยังไม่พบ ข้าพเจ้าได้พบว่ามีผู้ชายที่ชอบธรรมเพียงคนเดียวในท่ามกลางคนหนึ่งพันคน แต่ไม่พบผู้หญิงสักคนเดียวในท่ามกลางคนเหล่านั้นทั้งหมด
\v 29 ข้าพเจ้าพบเพียงแค่นี้ว่า พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ให้เป็นคนเที่ยงธรรม แต่พวกเขาได้หลงไปแสวงหาความยุ่งยากมากมาย"
\s5
\c 8
\p
\v 1 ใครเล่าเป็นคนฉลาด? ใครรู้ว่าเหตุการณ์ต่างๆ ในชีวิตมีความหมายว่าอย่างไร? ปัญญาในมนุษย์ทำให้ใบหน้าของเขาผ่องใส และความดุดันบนใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป
\v 2 ข้าพเจ้าแนะนำท่านให้เชื่อฟังพระบัญชาของกษัตริย์ เพราะคำปฏิญาณของพระเจ้าปกป้องพระองค์
\v 3 อย่าเร่งรีบออกไปให้พ้นพระพักตร์ของพระองค์ และอย่าดื้อรั้นในการสนับสนุนสิ่งใดที่ผิด เพราะกษัตริย์ทรงกระทำตามที่พระองค์ทรงประสงค์
\s5
\p
\v 4 พระดำรัสของกษัตริย์มีอำนาจ ดังนั้นใครจะทูลพระองค์ว่า "พระองค์ทรงกำลังทำอะไร?"
\v 5 คนใดที่ทำตามพระบัญชาของกษัตริย์ก็ไม่ประสบอันตราย จิตใจของคนฉลาดรู้ถึงการปฏิบัติและวาระของการกระทำที่เหมาะสม
\v 6 มีคำตอบที่ถูกต้องและวาระที่จะตอบสำหรับทุกเรื่องราว เพราะความยากลำบากต่างๆของมนุษย์ก็หนักหนาสาหัส
\s5
\p
\v 7 ไม่มีใครรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป ใครจะบอกเขาได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น?
\v 8 ไม่มีใครที่เป็นผู้มีอำนาจเหนือลมหายใจของเขาเพื่อที่จะหยุดลมหายใจนั้น และไม่มีใครมีอำนาจเหนือวันตายของเขา ไม่มีใครถูกปลดประจำการจากกองทัพในยามสงคราม และความอธรรมก็จะไม่ช่วยชีวิตคนเหล่านั้นที่เป็นทาสของมัน
\v 9 ข้าพเจ้าได้เข้าใจทั้งหมดนี้แล้ว ข้าพเจ้าได้สนใจการงานทุกอย่างที่ทำกันภายใต้ดวงอาทิตย์ มีวาระหนึ่งเมื่อคนหนึ่งข่มเหงอีกคนหนึ่งเพื่อที่จะทำให้คนนั้นเจ็บปวด
\s5
\p
\v 10 ดังนั้นข้าพเจ้าได้เห็นคนอธรรมถูกฝังต่อหน้าปวงชน พวกเขาถูกนำมาจากบริเวณที่บริสุทธิ์และฝังไว้ และประชาชนก็สรรเสริญกันในเมืองที่ซึ่งพวกเขาได้ทำการอธรรมเหล่านั้น นี่ก็อนิจจังด้วย
\v 11 เมื่อการลงโทษต่อคนที่กระทำชั่วร้ายไม่ได้ดำเนินการโดยเร็ว ก็เป็นการชักนำจิตใจของมนุษย์ให้ทำชั่ว
\v 12 ถึงแม้ว่าคนบาปทำชั่วเป็นร้อยครั้งและก็ยังมีชีวิตยืนยาว แต่ข้าพเจ้าก็รู้ว่ามันจะเป็นการดีกว่าสำหรับคนเหล่านั้นที่ยำเกรงพระเจ้า คือผู้ที่ยืนต่อพระพักตร์พระองค์และถวายพระเกียรติต่อพระองค์
\v 13 แต่จะไม่เป็นการดีสำหรับคนอธรรม ชีวิตของเขาจะไม่ยืนยาว วันเวลาของเขาก็เป็นเหมือนดังเงาครู่เดียว เพราะเขาไม่ถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า
\s5
\p
\v 14 มีอนิจจังอีกอย่างหนึ่ง คือสิ่งอื่นๆ ที่ได้ทำกันบนแผ่นดินโลก สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับพวกคนชอบธรรมก็เหมือนกับสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับคนอธรรม สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับคนอธรรมก็เหมือนกับสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับคนชอบธรรม ข้าพเจ้ากล่าวว่า นี่ก็อนิจจังด้วย
\v 15 ดังนั้นข้าพเจ้าจึงขอแนะนำให้มีความสุข เพราะสำหรับมนุษย์ ไม่มีสิ่งใดภายใต้ดวงอาทิตย์ดีไปกว่าการกินและดื่มและมีความสุข ความสุขนี้แหละที่จะเคียงคู่ไปกับเขาในงานตรากตรำของเขาตลอดชีวิตของเขาที่พระเจ้าประทานแก่เขาภายใต้ดวงอาทิตย์
\s5
\p
\v 16 เมื่อข้าพเจ้าใส่ใจที่จะรู้จักปัญญาและความเข้าใจการงานที่ทำกันบนแผ่นดินโลก มักจะทำงานโดยไม่หลับไม่นอนทั้งในตอนกลางคืนหรือตอนกลางวัน
\v 17 แล้วข้าพเจ้าได้พิจารณาพระราชกิจของพระเจ้าทั้งสิ้น และมนุษย์ไม่สามารถเข้าใจการงานที่ทำกันภายใต้ดวงอาทิตย์ ไม่ว่ามนุษย์จะตรากตรำเพื่อหาคำตอบมากแค่ไหน เขาก็จะไม่พบคำตอบเหล่านั้น ถึงแม้ว่าคนฉลาดจะเชื่อว่าเขารู้ แต่จริงๆ แล้วเขาไม่รู้
\s5
\c 9
\p
\v 1 ด้วยเหตุนี้ ข้าพเจ้าจึงได้คิดเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดนี้อยู่ในใจของข้าพเจ้าเพื่อที่จะเข้าใจเกี่ยวกับบรรดาคนชอบธรรมและคนฉลาดและการกระทำของพวกเขา พวกเขาทุกคนอยู่ในพระหัตถ์ของพระเจ้า ไม่มีใครรู้ว่าความรักหรือความเกลียดชังจะมาถึงคนใด
\v 2 ทุกคนมีเคราะห์กรรมอย่างเดียวกัน เคราะห์กรรมอย่างเดียวกันนั้นก็รอคอยคนที่ชอบธรรมและคนอธรรม คนดี คนที่สะอาดและคนมีมลทิน และคนที่ถวายเครื่องบูชาและคนที่ไม่ถวายเครื่องบูชา ราวกับว่าคนดีจะต้องตายฉันใด คนบาปก็จะต้องตายฉันนั้น เหมือนกับคนที่สาบานจะต้องตายฉันใด คนที่เกรงกลัวการทำการสาบานก็จะต้องตายฉันนั้น
\s5
\p
\v 3 มีเคราะห์ร้ายสำหรับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นภายใต้ดวงอาทิตย์ เคราะห์กรรมอย่างเดียวกันสำหรับพวกเขาทั้งหมด จิตใจของมนุษย์ทั้งหลายเต็มไปด้วยความชั่วร้าย และความบ้าบอก็อยู่ในจิตใจของพวกเขาในขณะที่พวกเขามีชีวิตอยู่ หลังจากนั้นพวกเขาก็ไปสู่ความตาย
\v 4 เพราะคนใดที่อยู่ร่วมกับทุกคนที่มีชีวิต ก็มีความหวัง เช่นเดียวกับสุนัขที่มีชีวิตอยู่ก็ดีกว่าสิงโตที่ตายแล้ว
\s5
\p
\v 5 เพราะคนที่มีชีวิตอยู่รู้ว่าพวกเขาจะตาย แต่คนตายไม่รู้อะไรเลย พวกเขาไม่ได้รางวัลใดๆ อีกต่อไปเพราะความจำของพวกเขาได้ลืมเลือนไป
\v 6 ความรัก ความเกลียดชัง ความอิจฉาของพวกเขาทั้งหลายได้สูญหายไปนานแล้ว พวกเขาทั้งหลายจะไม่มีส่วนในสิ่งใดอีกเลยที่เกิดขึ้นภายใต้ดวงอาทิตย์
\v 7 จงไปตามทางของเจ้าเถิด จงกินอาหารของเจ้าด้วยความชื่นบาน และดื่มเหล้าองุ่นของเจ้าด้วยจิตใจที่มีความสุข เพราะพระเจ้าได้ทรงพอพระทัยในการฉลองการงานที่ดี
\s5
\p
\v 8 จงให้เสื้อผ้าของเจ้าขาวอยู่เสมอและชโลมศีรษะของเจ้าด้วยน้ำมัน
\v 9 จงมีชีวิตที่มีความสุขกับภรรยาที่เจ้ารักตลอดชีวิตอนิจจังของเจ้า วันเวลาที่พระเจ้าได้ประทานให้กับเจ้าภายใต้ดวงอาทิตย์ตลอดชีวิตอนิจจังของเจ้า นั่นคือรางวัลในชีวิตสำหรับการงานของเจ้าภายใต้ดวงอาทิตย์
\v 10 มือของเจ้าจับอะไรก็ตามที่จะทำ จงทำงานนั้นด้วยกำลังของเจ้า เพราะไม่มีการงานหรือคำอธิบายหรือความรู้หรือปัญญาใดๆ ในแดนคนตาย ที่ซึ่งเจ้ากำลังจะไป
\s5
\p
\v 11 ข้าพเจ้าได้เห็นสิ่งต่างๆ ที่น่าสนใจภายใต้ดวงอาทิตย์ คือการแข่ง-ขันไม่ได้เป็นของคนที่รวดเร็ว การต่อสู้ไม่ได้เป็นของคนที่มีกำลัง อาหารไม่ได้เป็นของคนฉลาด ความมั่งคั่งไม่ได้เป็นของคนที่มีความเข้าใจ ความโปรดปรานไม่ได้เป็นของคนที่มีความรู้ ในทางกลับกันวาระและโอกาสเกี่ยวโยงกับพวกเขาทั้งหมด
\v 12 แน่ทีเดียว ไม่มีใครรู้เวลาตายของเขาว่าเมื่อไรจะมาถึง เช่นเดียวกับปลาที่ติดอยู่ในตาข่ายแห่งความตาย หรือเช่นเดียวกับนกที่ถูกจับในบ่วงแร้ว มนุษย์ก็เช่นเดียวกับสัตว์ที่ติดอยู่ในช่วงเวลาอันเลวร้ายที่ตกอยู่กับพวกเขาอย่างฉับพลัน
\s5
\p
\v 13 ข้าพเจ้าก็ได้เห็นปัญญาภายใต้ดวงอาทิตย์ในเรื่องที่ดูเหมือนใหญ่โตสำหรับข้าพเจ้า
\v 14 มีเมืองเล็กๆ เมืองหนึ่งที่มีคนอยู่ในเมืองนั้นน้อยคน และกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่องค์หนึ่งได้มาโจมตีเมืองนั้นและล้อมเมืองนั้นไว้ และได้สร้างบันไดล้อมรอบโจมตีเมืองนั้น
\v 15 ขณะนั้นในเมืองมีชายยากจนคนหนึ่ง เป็นคนฉลาด เขาช่วยเมืองนั้นให้รอดด้วยสติปัญญาของเขา แต่ต่อมาภายหลังก็ไม่มีใครระลึกถึงชายยากจนคนนี้
\s5
\p
\v 16 ดังนั้นข้าพเจ้าจึงสรุปได้ว่า "ปัญญาดีกว่ากำลัง แต่ปัญญาของชายยากจนคนนั้นถูกดูหมิ่น และไม่มีใครฟังถ้อยคำของเขา"
\v 17 ถ้อยคำที่พูดเบาๆของคนมีปัญญาก็น่าฟังกว่าเสียงโห่ร้องของผู้ปกครองคนใดในหมู่คนที่โง่เขลา
\v 18 ปัญญาดีกว่าอาวุธสงครามต่างๆ แต่คนบาปคนเดียวสามารถทำลายความดีได้มาก
\s5
\c 10
\p
\v 1 แมลงวันตายทำให้น้ำหอมมีกลิ่นเหม็นฉันใด ความโง่เขลาเพียงเล็กน้อยก็มีอำนาจเหนือปัญญาและเกียรติยศได้ฉันนั้น
\v 2 จิตใจของคนฉลาดนำไปทางขวา แต่จิตใจของคนโง่เขลานำไปทางซ้าย
\v 3 เมื่อคนโง่เดินลงมาตามถนน ความคิดของเขาก็ขาดสติ เป็นการแสดงให้ทุกคนรู้ว่าเขาเป็นคนโง่
\v 4 ถ้าอารมณ์โกรธของผู้ปกครองพลุ่งขึ้นต่อเจ้า อย่าละทิ้งการงานของเจ้า ความใจเย็นจะทำให้ความโกรธอย่างรุนแรงสงบเงียบลงได้
\s5
\p
\v 5 มีความชั่วร้ายอีกอย่างที่ข้าพเจ้าได้เห็นภายใต้ดวงอาทิตย์ คือความผิดพลาดอย่างหนึ่งที่เกิดมาจากผู้ปกครอง
\v 6 คือคนโง่เขลาได้รับมอบตำแหน่งผู้นำ ในขณะที่คนที่มีความสามารถได้รับมอบตำแหน่งที่ต่ำต้อย
\v 7 ข้าพเจ้าเคยเห็นพวกทาสกำลังขี่ม้า และพวกคนที่มีความสามารถกำลังเดินบนพื้นดินเหมือนอย่างทาส
\s5
\p
\v 8 ผู้ใดที่ขุดบ่อผู้นั้นก็จะตกลงไปในบ่อนั้นได้ และเมื่อใดก็ตามที่ผู้ใดพังกำแพงลง งูก็สามารถกัดเขาได้
\v 9 ผู้ใดสกัดหินผู้นั้นก็จะบาดเจ็บเพราะหินนั้นได้ และผู้ใดตัดไม้ผู้นั้นก็ประสบอันตรายจากไม้นั้นได้
\v 10 ถ้าใบมีดเหล็กทื่อแล้ว และคนไม่ลับมันให้คม แล้วเขาก็ต้องใช้กำลังมากขึ้น แต่ปัญญาให้ประโยชน์เพื่อความสำเร็จ
\s5
\p
\v 11 ถ้างูกัดก่อนที่จะทำให้มันเชื่อง ก็ไม่มีประโยชน์อะไรสำหรับหมองูแล้ว
\v 12 ถ้อยคำจากปากของคนมีปัญญาก็มีคุณ แต่ริมฝีปากของคนโง่ก็กลืนกินตนเอง
\v 13 ถ้อยคำที่เริ่มต้นพลั่งพลูออกมาจากปากของคนโง่ฉันใด ความโง่ก็ออกมาฉันนั้น และในตอนจบปากของเขาก็พลั่งพลูออกมาด้วยความบ้าบออย่างชั่วร้าย
\s5
\p
\v 14 คนโง่พูดอย่างมากมาย แต่ไม่มีใครรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ใครจะรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นภายหลังเขา?
\v 15 การตรากตรำของคนโง่เขลาก็ทำให้พวกเขาเหน็ดเหนื่อย จนกระทั่งพวกเขาไม่รู้แม้แต่ทางที่จะไปในเมือง
\v 16 วิบัติแก่เจ้า แผ่นดินที่กษัตริย์ของเจ้ายังเยาว์วัยอยู่ และถ้าพวกผู้นำของเจ้าเริ่มเลี้ยงฉลองกันแต่เช้า!
\v 17 ความสุขมีแก่เจ้า แผ่นดินที่กษัตริย์ของเจ้าเป็นบุตรชายของพวกเจ้านาย และถ้าพวกผู้นำของเจ้ากินในเวลาที่เหมาะสม เพื่อให้มีกำลัง ไม่ใช่เพื่อความเมามาย!
\s5
\p
\v 18 เพราะความเกียจคร้าน หลังคาจึงทรุดลงมา และเพราะมือที่เกียจคร้านเรือนนั้นจึงมีรูรั่ว
\v 19 ผู้คนเตรียมอาหารสำหรับการหัวเราะ เหล้าองุ่นนำมาซึ่งชีวิตรื่นเริง และเงินก็ทำให้ได้ทุกสิ่งที่ต้องการ
\v 20 อย่าสาปแช่งกษัตริย์ แม้แต่อยู่ในใจก็ตาม และอย่าสาปแช่งคนมั่งคั่งในห้องนอนของเจ้า เพราะนกในท้องฟ้าอาจจะคาบถ้อยคำของเจ้าไป อะไรก็ตามที่มีปีกจะกระจายเรื่องราวนั้น
\s5
\c 11
\p
\v 1 จงโยนขนมปังของเจ้าลงบนน้ำ เพราะหลังจากนั้นอีกหลายวันเจ้าจะพบมันอีก
\v 2 จงแบ่งมันให้กับเจ็ดคน ถึงแม้จะถึงแปดคนก็เถอะ เพราะเจ้าไม่รู้ว่าภัยพิบัติอะไรจะเกิดขึ้นบนโลกนี้
\v 3 ถ้าเมฆเต็มด้วยฝน เมฆเหล่านั้นก็จะเทฝนลงมาบนแผ่นดินโลก และถ้าต้นไม้ล้มลงไปทางทิศเหนือหรือทางทิศใต้ ต้นไม้ล้มลงที่ใดก็ตาม มันก็ยังคงอยู่ที่นั่น
\v 4 ผู้ใดที่เฝ้ามองดูลมก็จะไม่หว่านพืช และผู้ใดที่เฝ้ามองดูเมฆก็จะไม่เก็บเกี่ยว
\s5
\p
\v 5 ราวกับว่าเจ้าไม่รู้ว่าทางของลม หรือกระดูกของทารกเติบโตในมดลูกของหญิงมีครรภ์ได้อย่างไรฉันใด เจ้าก็จะไม่สามารถเข้าใจพระราชกิจของพระเจ้าผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งฉันนั้น
\v 6 ในตอนเช้า จงหว่านเมล็ดพืชของเจ้า จงทำงานด้วยมือของเจ้าจนถึงเย็นตามความจำเป็น เพราะเจ้าไม่รู้ว่าอย่างไหนจะเจริญกว่ากัน ไม่ว่าจะเป็นตอนเช้าหรือตอนเย็น หรือการนี้หรือการนั้น หรือทั้งสองอย่างจะดีเหมือนกันหรือไม่
\v 7 แท้จริงแสงสว่างทำให้สดชื่น และมันเป็นสิ่งที่น่าพอใจต่อนัยน์ตาที่มองเห็นดวงอาทิตย์
\s5
\p
\v 8 ถ้าหากคนใดมีชีวิตอยู่ได้มากมายหลายปี ก็ขอให้เขามีความสุขตลอดปีเหล่านั้น แต่ให้เขาคิดเกี่ยวกับวันแห่งความมืดที่จะมาถึง เพราะวันแห่งความมืดก็จะมีมากมาย ทุกสิ่งที่จะเกิดขึ้นก็อนิจจัง
\v 9 คนหนุ่มเอ๋ย จงชื่นบานในวัยหนุ่มของเจ้า และให้จิตใจของเจ้าชื่นบานในวัยหนุ่มของเจ้า จงตามหาความปรารถนาที่ดีในจิตใจของเจ้า และสิ่งใดก็ตามในสายตาของเจ้า แต่อย่างไรก็ตาม จงรู้ว่าพระเจ้าจะนำเจ้าไปสู่การพิพากษาสำหรับทุกสิ่งเหล่านี้
\v 10 จงไล่ความโกรธออกไปจากใจของเจ้า และอย่าใส่ใจกับความเจ็บปวดใดๆ ในร่างกายของเจ้า เพราะวัยหนุ่มและกำลังของวัยนั้นก็อนิจจัง
\s5
\c 12
\p
\v 1 เช่นเดียวกันจงระลึกถึงพระผู้สร้างของเจ้าในวัยหนุ่มของเจ้า ก่อนที่วันแห่งความยากลำบากจะมาถึง และก่อนที่ปีเหล่านั้นจะมาถึง เมื่อเจ้าพูดว่า "ข้าไม่มีความยินดีในวันและปีเหล่านั้นเลย"
\v 2 จงทำสิ่งนี้ก่อนที่แสงสว่างของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์และหมู่ดาวจะมืดไป และก่อนเมฆมืดมิดกลับมาภายหลังฝน
\v 3 นั่นจะเป็นเวลาเมื่อพวกยามเฝ้าพระราชวังจะตัวสั่น และผู้ชายที่แข็งแรงหลังโกง และพวกผู้หญิงหยุดโม่แป้ง เพราะพวกเขามีอยู่น้อย และคนเหล่านั้นที่มองออกไปนอกหน้าต่างก็มองเห็นไม่ชัดเจนอีกต่อไป
\s5
\p
\v 4 นั่นจะเป็นเวลาที่ประตูเหล่านั้นถูกปิดในถนน และเสียงของการโม่แป้งก็หยุดไป เมื่อคนทั้งหลายได้หวาดผวาต่อเสียงของนก และเสียงร้องเพลงของหญิงสาวได้จางหายไป
\v 5 นั่นจะเป็นเวลาเมื่อคนทั้งหลายจะเริ่มกลัวความสูงและอันตรายต่างๆ ตามถนน และเมื่อต้นอัลมอนด์ออกดอก และเมื่อตั๊กแตนเคลื่อนตัวเองไปอย่างช้าๆ และเมื่อความปรารถนาตามธรรมชาติได้มอดลง แล้วมนุษย์ก็ไปยังบ้านนิรันดร์ของเขา และคนที่ไว้ทุกข์เหล่านั้นก็เดินไปตามถนน
\s5
\p
\v 6 เจ้าจงระลึกถึงพระผู้สร้างของเจ้าก่อนที่สายเงินจะถูกทำให้ขาด หรือชามทองคำจะถูกทำให้บุบสลายไป หรือเหยือกน้ำจะถูกทำให้แตกกระจายไปที่น้ำพุ หรือกังหันน้ำที่บ่อนำ้จะถูกทำลายไป
\v 7 ก่อนที่ผงคลีดินจะกลับมาสู่แผ่นดินโลกตามเดิม และวิญญาณนั้นจะกลับไปสู่พระเจ้าผู้ได้ประทานมานั้น
\v 8 ปัญญาจารย์กล่าวว่า "อนิจจัง ทุกสิ่งล้วนอนิจจัง"
\s5
\p
\v 9 ปัญญาจารย์มีปัญญา และเขาได้สอนความรู้ให้แก่ประชาชน เขาได้ศึกษาและพิจารณาไตร่ตรองและได้เรียบเรียงสุภาษิตไว้มากมาย
\v 10 ปัญญาจารย์ได้เสาะหาความชัดเจนที่ใช้ในการเขียนถ้อยคำแห่งความจริงไว้อย่างเที่ยงตรง
\v 11 ถ้อยคำของคนมีปัญญาเป็นเหมือนกับประตัก ถ้อยคำของบรรดาเจ้านายในสุภาษิตต่างๆ ที่รวบรวมไว้ ที่ซึ่งผู้เลี้ยงคนหนึ่งได้สอนก็เหมือนกับตะปูที่ถูกตอกลึกลงไป
\s5
\p
\v 12 บุตรชายของข้าพเจ้าเอ๋ย จงระวังบางสิ่งให้มากขึ้นอีก คือการทำหนังสือมากมายซึ่งไม่มีสิ้นสุด และการเรียนมากนักก็ทำให้ร่างกายเหน็ดเหนื่อย
\v 13 จุดสิ้นสุดของเรื่องนี้หลังจากที่ได้ฟังทุกสิ่งแล้ว คือเจ้าต้องยำเกรงพระเจ้าและถือรักษาพระบัญญัติของพระองค์ เพราะสิ่งนี้เป็นหน้าที่ทั้งสิ้นของมนุษย์
\v 14 เพราะว่าพระเจ้าจะทรงนำการกระทำทุกอย่างเข้าสู่การพิพากษา พร้อมด้วยทุกสิ่งที่ซ่อนอยู่ ไม่ว่าดีหรือชั่ว