From 6af29aa56421fe655b215781ccb6c13ca9e04ec3 Mon Sep 17 00:00:00 2001 From: kennym3 Date: Thu, 12 Mar 2020 00:25:08 +0100 Subject: [PATCH] Updated --- 16-NEH.usfm | 1085 +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ manifest.yaml | 43 ++ 2 files changed, 1128 insertions(+) create mode 100644 16-NEH.usfm create mode 100644 manifest.yaml diff --git a/16-NEH.usfm b/16-NEH.usfm new file mode 100644 index 0000000..169188a --- /dev/null +++ b/16-NEH.usfm @@ -0,0 +1,1085 @@ +\id NEH Unlocked Literal Bible +\ide UTF-8 +\h NEHEMIAH +\toc1 Nehemiah +\toc2 Nehemiah +\toc3 Neh +\mt1 NEHEMIAH + + + +\s5 +\c 1 +\p +\v 1 ถ้อยคำของเนหะมีย์บุตรของฮาคาลิยาห์ เกิดขึ้นในเดือนคิสเลฟปีที่ยี่สิบ ขณะที่ข้าพเจ้าอยู่ในป้อมสุสา +\v 2 มีพี่น้องคนหนึ่งของข้าพเจ้าคือฮานานี มากับบางคนจากยูดาห์ ข้าพเจ้าได้ถามพวกเขาเกี่ยวกับพวกยิวที่หนีรอด พวกยิวที่เหลืออยู่ที่นั่น และถามเรื่องเมืองเยรูซาเล็ม + + +\s5 +\p +\v 3 พวกเขาบอกข้าพเจ้าว่า "คนที่อยู่ในเมืองนั้นที่รอดชีวิตจากการตกเป็นเชลยมีความทุกข์และความละอายมาก เพราะกำแพงกรุงเยรูซาเล็มก็ถูกทำลาย และประตูต่างๆก็ถูกไฟเผา" + + +\s5 +\p +\v 4 ทันทีที่ข้าพเจ้าได้ยินถ้อยคำเหล่านี้ ข้าพเจ้าก็นั่งลงร้องไห้ และข้าพเจ้ายังคงโศกเศร้า อดอาหารต่อไป และอธิษฐานเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าแห่งท้องฟ้าอยู่อีกหลายวัน +\v 5 แล้วข้าพเจ้าจึงทูลว่า "ข้าแต่พระยาเวห์ พระเจ้าแห่งท้องฟ้า พระเจ้าผู้ใหญ่ยิ่งและน่าเคารพ ผู้ทรงรักษาพันธสัญญา และมีความรักมั่นคงต่อบรรดาผู้ที่รักพระองค์ และทรงรักษากฎเกณฑ์ของพระองค์ + + +\s5 +\p +\v 6 ขอพระองค์ทรงฟังคำอธิษฐานของข้าพระองค์ และทอดพระเนตร ขอทรงฟังคำอธิษฐานของผู้รับใช้ของพระองค์ ขณะนี้ข้าพระองค์อธิษฐานต่อพระองค์ทั้งเวลาวันและเวลากลางคืน เพื่อประชากรชาวอิสราเอลผู้รับใช้ทั้งหลายของพระองค์ ข้าพระองค์สารภาพบาปทั้งหลายของประชากรชาวอิสราเอล ซึ่งพวกข้าพระองค์ได้ทำบาปต่อพระองค์ ทั้งข้าพระองค์กับวงศ์วานของข้าพระองค์ที่ได้ทำบาปด้วย +\v 7 พวกข้าพระองค์ทั้งหลายประพฤติชั่วร้ายมากต่อพระองค์ และไม่ได้รักษาพระบัญญัติ กฎเกณฑ์ และกฎหมายซึ่งพระองค์ได้ทรงตรัสแก่โมเสส ผู้รับใช้ของพระองค์ไว้ + + +\s5 +\p +\v 8 ขอพระองค์ทรงระลึกถึงพระบัญญัติ ซึ่งได้ทรงบัญชาแก่โมเสสผู้รับใช้ของพระองค์ว่า "ถ้าพวกเจ้าไม่ซื่อตรงต่อเรา เราจะกระจัดกระจายพวกเจ้าไปอยู่ท่ามกลางประชาชาติทั้งหลาย +\v 9 ถ้าพวกเจ้าย้อนกลับมาหาเรา รักษาและประพฤติตามพระบัญญัติของเรา ถึงแม้ว่าพวกเจ้าถูกทำให้แตกกระจายไปไกลสุดปลายฟ้า เราจะรวมพวกเจ้ามาจากที่นั่นและนำพวกเจ้ามายังที่เราได้เลือกไว้ เพื่อทำให้นามของเราดำรงที่นั่น" + + +\s5 +\p +\v 10 บัดนี้พวกเขาทั้งหลายเป็นผู้รับใช้และเป็นประชากรของพระองค์ ผู้ซึ่งพระองค์ได้ทรงไถ่ไว้ด้วยอำนาจอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ และด้วยพระหัตถ์อันมหิทธิฤทธิ์ของพระองค์ +\v 11 ข้าแต่พระยาเวห์ ข้าพระองค์ขอพระองค์ทรงโปรดฟังคำอธิษฐานของผู้รับใช้ของพระองค์ และคำอธิษฐานของบรรดาผู้รับใช้ของพระองค์ ผู้ยินดีที่จะถวายเกียรติแด่พระนามของพระองค์ ในวันนี้ขอทรงทรงมอบความสำเร็จแก่ผู้รับใช้ของพระองค์ และขอทรงทรงมอบพระเมตตาใส่ในสายตาชายผู้นี้" ข้าพเจ้าได้รับใช้เป็นผู้เชิญถ้วยเสวยแด่กษัตริย์ + + +\s5 +\c 2 +\p +\v 1 ในเดือนนิสาน ปีที่ยี่สิบแห่งรัชสมัยของกษัตริย์อารทาเซอร์ซีส พระองค์ได้ทรงเลือกเหล้าองุ่น และข้าพเจ้าได้นำเหล้าองุ่นนั้นมาถวายกษัตริย์ ข้าพเจ้าไม่เคยแสดงความโศกเศร้าต่อพระพักตร์ของพระองค์มาก่อน +\v 2 แต่กษัตริย์จึงตรัสถามข้าพเจ้าว่า "ทำไมใบหน้าของเจ้าจึงดูโศกเศร้ายิ่งนัก? เจ้าไม่ได้เจ็บป่วยอันใด นี่ต้องเป็นความเศร้าใจ" ในขณะนั้นข้าพเจ้ามีความหวาดกลัวยิ่งนัก + + +\s5 +\p +\v 3 ข้าพเจ้าทูลต่อกษัตริย์ว่า "ขอกษัตริย์จงมีพระชนม์มายุยิ่งยืนนาน! เหตุไฉนใบหน้าของข้าพระบาทจึงไม่ควรโศกเศร้าเล่า? เป็นเพราะเมืองอันเป็นที่ฝังศพของบรรดาบรรพบุรุษของข้าพระบาทถูกทำลาย และประตูเมืองก็ถูกไฟเผาจนวอด" + + +\s5 +\p +\v 4 แล้วกษัตริย์จึงตรัสแก่ข้าพเจ้าว่า "เจ้าต้องการให้เราทำสิ่งใดหรือ?" ดังนั้นข้าพเจ้าจึงอธิษฐานต่อพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ +\v 5 ข้าพเจ้าทูลตอบกษัตริย์ว่า "ถ้าหากสิ่งนี้เป็นที่พอพระทัยกษัตริย์ และถ้าหากผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทได้กระทำสิ่งที่ชอบในสายพระเนตรของฝ่าพระบาท ขอทรงส่งข้าพระบาทไปยังยูดาห์ คือเมืองอันเป็นสถานที่ฝังศพของบรรดาบรรพบุรุษของข้าพระบาท เพื่อข้าพระบาทจะสร้างมันขึ้นมาใหม่" +\v 6 กษัตริย์ตรัสตอบข้าพเจ้าว่า (และพระราชินีทรงประทับเคียงข้างพระองค์อยู่ด้วย) "เจ้าจะไปนานสักเท่าใดและเมื่อใดที่เจ้าจะกลับมา?" กษัตริย์ทรงยินดีที่จะส่งข้าพเจ้าไปเมื่อข้าพเจ้าได้กำหนดวันที่แก่พระองค์ + + +\s5 +\p +\v 7 แล้วข้าพเจ้าจึงทูลต่อกษัตริย์ว่า "ถ้าหากสิ่งนี้เป็นที่พอพระทัยของฝ่าพระบาท ขอทรงประทานพระราชสาส์นแก่ข้าพระบาทเพื่อนำไปมอบให้กับบรรดาผู้ว่าการมณฑลที่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำ เพื่อพวกเขาจะอนุญาตให้ข้าพระบาทผ่านเขตแดนของพวกเขาไปยังยูดาห์ได้ +\v 8 ขอทรงประทานพระราชสาส์นไปยังอาสาฟผู้ดูแลป่าไม้หลวงด้วย เพื่อเขาจะมอบไม้ให้แก่ข้าพระบาทในการซ่อมคานประตูป้อมใกล้พระวิหาร ซ่อมกำแพงเมือง และสร้างบ้านที่ข้าพระองค์จะอาศัยอยู่นั้น" เพราะพระหัตถ์อันประเสริฐของพระเจ้าทรงอยู่เหนือข้าพเจ้า ดังนั้นกษัตริย์จึงยินยอมทำตามคำร้องขอต่าง ๆ ของข้าพเจ้า + + +\s5 +\p +\v 9 ข้าพเจ้ามาพบกับผู้ว่าการมณฑลที่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำ และข้าพเจ้าได้มอบบรรดาพระราชสาส์นของกษัตริย์แก่พวกเขา ครั้งนี้กษัตริย์ได้ส่งบรรดาเหล่าทัพและทหารม้ามากับข้าพเจ้าด้วย +\v 10 เมื่อสันบาลลัทชาวโฮโรนาอิมและโทบียาห์ข้าราชการชาวอัมโมนได้ยินเรื่องนี้ พวกเขาไม่พอใจอย่างมากที่มีใครบางคนพยายามช่วยเหลือประชากรชาวอิสราเอล + + +\s5 +\p +\v 11 ดังนั้นข้าพเจ้าจึงเดินทางมาถึงกรุงเยรูซาเล็มและพักอยู่ที่นั่นเป็นเวลาสามวัน +\v 12 ข้าพเจ้าลุกขึ้นในเวลากลางคืน ข้าพเจ้าและชายสองสามคนที่มากับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่ได้บอกใครถึงสิ่งที่พระเจ้าทรงเร้าใจของข้าพเจ้าให้กระทำเพื่อกรุงเยรูซาเล็ม ข้าพเจ้าไม่ได้นำสัตว์แม้สักตัวเดียวมากับข้าพเจ้ายกเว้นสัตว์ตัวที่ข้าพเจ้ากำลังขี่อยู่นั้น + + +\s5 +\p +\v 13 ในเวลากลางคืน ข้าพเจ้าออกไปทางประตูหุบเขา ไปจนถึงบ่อน้ำสุนัขจิ้งจอก ไปถึงประตูกองมูลสัตว์ และตรวจสอบกำแพงเมืองเยรูซาเล็มที่ปรักหักพัง และตรวจประตูไม้ที่ถูกไฟเผาจนวอด +\v 14 แล้วข้าพเจ้าจึงไปที่ประตูน้ำพุ ไปจนถึงสระหลวง สถานที่แห่งนั้นแคบเกินกว่าที่สัตว์ตัวที่ข้าพเจ้ากำลังขี่อยู่จะผ่านไปได้ + + +\s5 +\p +\v 15 ในคืนนั้นข้าพเจ้าจึงขึ้นไปบนหุบเขาและตรวจดูกำแพงเมือง และข้าพเจ้าจึงย้อนกลับเข้ามาทางประตูหุบเขาเหมือนเดิม +\v 16 พวกผู้ปกครองไม่รู้ว่าข้าพเจ้าไปที่ไหนหรือทำอะไร และข้าพเจ้ายังไม่ได้บอกเรื่องนี้แก่ชาวยิวทั้งหลาย ไม่ได้บอกแก่พวกปุโรหิต ไม่ได้บอกแก่พวกขุนนาง พวกผู้ปกครอง และไม่ได้บอกแก่คนที่เหลืออยู่ที่จะทำงาน + + +\s5 +\p +\v 17 ข้าพเจ้าพูดกับพวกเขาว่า "พวกท่านเห็นความทุกข์ใจที่อยู่ภายในพวกเราแล้ว คือเรื่องที่กรุงเยรูซาเล็มถูกทำลายและประตูเมืองก็ถูกไฟเผาจนวอด มาเถิด ให้พวกเราสร้างกำแพงกรุงเยรูซาเล็มขึ้นมาใหม่ เพื่อพวกเราจะไม่ต้องอับอายขายหน้าอีกต่อไป" +\v 18 ข้าพเจ้าบอกแก่พวกเขาว่าพระหัตถ์อันประเสริฐของพระเจ้าของข้าพเจ้านั้นอยู่เหนือข้าพเจ้า และบอกถึงถ้อยคำของกษัตริย์ที่ตรัสแก่ข้าพเจ้า พวกเขาพูดว่า "ให้เราลุกขึ้นและสร้างเถิด" ดังนั้นพวกเขาจึงร่วมมือกันเพื่อการดีนั้น + + +\s5 +\p +\v 19 แต่เมื่อสันบาลลัทชาวโฮโรนาอิมกับโทบียาห์ข้าราชการชาวอัมโมน และเกเชมชาวอาหรับได้ยินเรื่องนี้ พวกเขาได้เยาะเย้ยและสบประมาทพวกเรา และพวกเขาพูดว่า "พวกเจ้ากำลังทำอะไรกันหรือ? พวกเจ้ากำลังกบฎต่อกษัตริย์ใช่ไหม?" +\v 20 แล้วข้าพเจ้าจึงตอบพวกเขาว่า "พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์จะประทานความสำเร็จให้แก่พวกเรา พวกเราเป็นผู้รับใช้ของพระองค์ พวกเราจะลุกขึ้นและสร้าง แต่พวกเจ้าจะไม่มีส่วน ไม่มีสิทธิ และไม่มีข้อเรียกร้องใดที่น่าจดจำในกรุงเยรูซาเล็ม" + + +\s5 +\c 3 +\p +\v 1 แล้วเอลียาชีบมหาปุโรหิตได้ลุกขึ้นพร้อมกับเหล่าพี่น้องปุโรหิตของท่าน และพวกเขาได้สร้างประตูแกะ พวกเขาได้ทำพิธีชำระให้บริสุทธิ์และตั้งประตูให้เข้าที่ พวกเขาได้ทำพิธีชำระให้บริสุทธิ์ไปไกลถึงหอคอยพลหนึ่งร้อย และไกลไปถึงหอคอยฮานันเอล +\v 2 ถัดเขาไปก็เป็นคนเยรีโคได้ทำงานให้ และถัดเขาไปก็เป็นศักเกอร์บุตรของอิมรีได้ทำงานให้ + + +\s5 +\p +\v 3 บุตรทั้งหลายของหัสเสนาอาห์ได้สร้างประตูปลา พวกเขาได้ทำวงกบ และติดตั้งประตู ใส่สลักยึด และดาลประตู +\v 4 เมเรโมทได้ซ่อมแซมส่วนถัดไป เขาเป็นบุตรของอุรียาห์ผู้เป็นบุตรของฮักโขส ถัดพวกเขาไป เมชุลลามได้ซ่อมแซม เขาเป็นบุตรของเบเรคิยาห์ผู้เป็นบุตรของเมเชซาเบล ถัดพวกเขาไปศาโดกได้ซ่อมแซม เขาเป็นบุตรของบาอานา +\v 5 ถัดพวกเขามา ชาวเทโคอาได้ซ่อมแซม แต่ผู้นำของพวกเขาปฏิเสธไม่ยอมทำงานภายใต้ผู้ควบคุมของพวกเขา + + +\s5 +\p +\v 6 โยยาดาบุตรของปาเสอาห์และเมชุลลามบุตรของเบโสไดอาห์ได้ซ่อมแซมประตูเก่า พวกเขาได้ทำวงกบ และติดตั้งประตู ใส่สลักยึด และดาลประตู +\v 7 ถัดพวกเขามาเมลาติยาห์ชาวกิเบโอนและยาโดนชาวเมโรโนท ผู้เป็นคนมาจากเมืองกิเบโอนและเมืองมิสปาห์ ได้ซ่อมแซมส่วนที่เป็นที่อยู่อาศัยของเจ้าเมืองเหนือแม่น้ำขึ้นไป + + +\s5 +\p +\v 8 ถัดเขามา อุสซีเอลบุตรของฮารฮายาห์ คนหนึ่งในช่างทองได้ซ่อมแซม และถัดเขามาเป็นฮานันยาห์เป็นผู้ปรุงน้ำหอม พวกเขาได้บูรณะซ่อมแซมเยรูซาเล็มขึ้นใหม่ไกลไปจนถึงกำแพงกว้าง +\v 9 ถัดพวกเขามา เรไฟยาห์บุตรของเฮอร์ได้ซ่อมแซม เขาเป็นผู้ปกครองแขวงครึ่งหนึ่งของเยรูซาเล็ม +\v 10 ถัดพวกเขามา เยดายาห์บุตรของฮารุมัฟได้ซ่อมแซมถัดจากบ้านของเขา ถัดไปจากเขา ฮัทธัชบุตรของฮาชับเนยาห์ได้ซ่อมแซม + + +\s5 +\p +\v 11 มัลคิยาห์บุตรของฮาริม และหัสชูบบุตรของปาหัทโมอับได้ซ่อมแซมอีกส่วนพร้อมกับหอคอยเตาอบ +\v 12 ถัดพวกเขามาชัลลูมบุตรของฮัลโลเหช ผู้ปกครองแขวงครึ่งหนึ่งของเยรูซาเล็มได้ซ่อมแซมพร้อมกับบุตรหญิงทั้งหลายของท่าน + + +\s5 +\p +\v 13 ฮานูนและผู้อาศัยในเมืองศาโนอาห์ได้ซ่อมแซมประตูหุบเขา พวกเขาได้สร้างขึ้นใหม่ และติดตั้งประตู ใส่สลักยึด และใส่ดาลประตู พวกเขาได้ซ่อมแซมไปไกลถึงหนึ่งพันศอกจนถึงประตูกองขยะ + + +\s5 +\p +\v 14 มัลคียาห์บุตรของเรคาบ ผู้ปกครองแขวงเบธฮัคเคเรม ได้ซ่อมแซมประตูกองขยะ เขาได้สร้างขึ้นและติดตั้งประตู ใส่สลักยึด และใส่ดาลประตู +\v 15 ชัลลูมบุตรของคลโฮเซห์ ผู้ปกครองแขวงมิสปาห์ ได้สร้างประตูน้ำพุขึ้นใหม่ เขาสร้างมันขึ้น ติดตั้งประตู ใส่สลักยึด และใส่ดาลประตู เขายังสร้างกำแพงของสระสิโลอัมที่ติดกับราชอุทยานขึ้นมาใหม่ด้วย ไปไกลจนถึงบันไดซึ่งพาดลงมาจากนครดาวิด + + +\s5 +\p +\v 16 เนหะมีย์บุตรของอัสบูก ผู้ปกครองแขวงเบธซูร์ครึ่งหนึ่ง ได้ซ่อมแซมไปจนถึงที่ตรงข้ามอุโมงค์ฝังศพของดาวิด ไปจนถึงสระที่คนขุดขึ้นมา และยาวไปจนถึงค่ายของนักรบ +\v 17 ต่อจากเขาไป คนเลวีได้ซ่อมแซม รวมไปถึงเรฮูมบุตรของบานี และถัดจากเขา ฮาชานิยาห์ ผู้ปกครองแขวงเคอีลาห์ครึ่งหนึ่ง ได้ซ่อมแซมในแขวงของตนเอง + + +\s5 +\p +\v 18 ต่อจากเขาไป ชาวเมืองของเขาได้ซ่อมแซม รวมถึงบินนุยบุตรของเฮนาดัด ผู้ปกครองแขวงเคอีลาห์ครึ่งหนึ่ง +\v 19 ถัดเขาไป เอเซอร์บุตรของเยชูอา ผู้ปกครองมิสปาห์ ได้ซ่อมแซมอีกส่วนหนึ่งที่อยู่ตรงด้านหน้าทางขึ้นไปคลังอาวุธตรงหัวมุมกำแพง + + +\s5 +\p +\v 20 ต่อจากเขาไป บารุคบุตรของศับบัยได้ทุ่มเทในการซ่อมแซมอีกส่วนหนึ่ง จากหัวมุมของกำแพงไปจนถึงประตูบ้านของเอลียาชีบมหาปุโรหิต +\v 21 ต่อจากเขาไป เมเรโมทบุตรของอุรียาห์ ผู้เป็นบุตรของฮักโขส ได้ซ่อมแซมอีกส่วนหนึ่ง จากประตูบ้านของเอลียาชีบไปจนถึงท้ายบ้านของเอลียาชีบ + + +\s5 +\p +\v 22 ถัดจากเขา บรรดาปุโรหิตทั้งหลาย คนที่มาจากพื้นที่รอบๆ เยรูซาเล็มได้ซ่อมแซม +\v 23 ต่อจากพวกเขาไป เบนยามินและหัสชูบได้ซ่อมแซมตรงกันข้ามกับบ้านของพวกเขา ต่อจากพวกเขาอาซาริยาห์บุตรของมาอาเสอาห์ ผู้เป็นบุตรของอานานิยาห์ได้ซ่อมแซมข้างบ้านของเขาเอง +\v 24 ต่อจากเขาไป บินนุยบุตรของเฮนาดัดได้ซ่อมแซมอีกส่วนหนึ่ง จากบ้านของอาซาริยาห์ไปจนถึงหัวมุมกำแพง + + +\s5 +\p +\v 25 ปาลาลบุตรของอุซัยได้ซ่อมแซมบนส่วนที่ตรงกันข้ามกับหัวมุมกำแพงและหอคอยที่ยื่นขึ้นมาจากพระราชวังชั้นบนตรงลานทหารรักษาพระองค์ ต่อจากเขาไป เปดายาห์บุตรของปาโรชได้ซ่อมแซม +\v 26 บัดนี้ผู้รับใช้ในพระวิหารที่อาศัยอยู่ในโอเฟลได้ซ่อมแซมไปจนถึงจุดที่ตรงข้ามกับประตูน้ำทางทิศตะวันออกและหอคอยที่ยื่นออกมา +\v 27 ต่อจากเขาไป ชาวเทโคอาได้ซ่อมแซมอีกส่วนหนึ่งที่อยู่ตรงข้ามหอคอยใหญ่ที่ยื่นออกมาไปไกลจนถึงกำแพงโอเฟล + + +\s5 +\p +\v 28 บรรดาปุโรหิตทั้งหลายได้ซ่อมแซมเหนือประตูม้าขึ้นไป แต่ละคนก็ซ่อมแซมที่ตรงข้ามบ้านของตนเอง +\v 29 ต่อจากพวกเขาไป ศาโดกบุตรของอิมเมอร์ได้ซ่อมแซมส่วนที่ตรงข้ามบ้านของเขาเอง แล้วต่อจากเขาเชไมอาห์บุตรของเชคานิยาห์ ซึ่งเป็นผู้เฝ้าประตูตะวันออกได้ทำการซ่อมแซม +\v 30 ต่อจากเขาไป ฮานันยาห์บุตรของเชเลมิยาห์ และฮานูนบุตรคนที่หกของศาลาฟไปได้ซ่อมแซมอีกส่วนหนึ่ง ต่อจากเขาไปเมชุลลามบุตรของเบเรคิยาห์ได้ซ่อมแซมตรงข้ามกับที่พักของเขา + + +\s5 +\p +\v 31 ต่อจากเขาไป มัลคียาห์ช่างทองคนหนึ่ง ได้ซ่อมแซมไปจนถึงบ้านของผู้รับใช้ในพระวิหารและของพวกพ่อค้า ที่ตรงข้ามประตูตรวจพลและที่พักชั้นบนตรงหัวมุม +\v 32 บรรดาช่างทองและพวกพ่อค้าได้ซ่อมแซมระหว่างห้องชั้นบนตรงหัวมุมกับประตูแกะ + + +\s5 +\c 4 +\p +\v 1 เมื่อสันบาลลัทได้ยินว่า เรากำลังก่อสร้างกำแพง เรื่องนี้ทำให้เขาร้อนใจ และเขาก็โกรธเกรี้ยวอย่างมาก และเขาก็เยาะเย้ยพวกยิว +\v 2 เมื่ออยู่ต่อหน้าพวกพี่น้องของเขาและกองทัพของสะมาเรีย เขากล่าวว่า "พวกยิวที่อ่อนแอเหล่านี้กำลังทำอะไรกัน? พวกเขาจะซ่อมแซมเมืองนั้นเพื่อตัวเองหรือ? พวกเขาจะถวายเครื่องบูชาหรือ? พวกเขาจะทำงานให้เสร็จภายในวันเดียวหรือ? พวกเขาจะเอาก้อนหินที่ถูกเผาไฟจากกองขยะมาใช้อีกหรือ? +\v 3 โทบีอาห์คนอัมโมนอยู่กับเขา และเขาบอกว่า "ถ้ามีสุนัขจิ้งจอกสักตัวหนึ่งขึ้นไปบนสิ่งที่เขากำลังสร้างอยู่นั้น มันก็จะพังกำแพงหินของพวกเขาลงมา!" + + +\s5 +\p +\v 4 ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลาย ขอทรงฟัง เพราะเราถูกดูหมิ่น ขอให้คำเยาะเย้ยของพวกเขากลับไปตกที่ศีรษะของพวกเขาเอง และขอทรงมอบพวกเขาไว้ให้ถูกปล้นในแผ่นดินที่พวกเขาเป็นนักโทษอยู่นั้น +\v 5 ขออย่าทรงปกปิดความผิดบาปของพวกเขาไว้ ขออย่าทรงลบล้างความบาปของพวกเขาจากพระพักตร์พระองค์ เพราะพวกเขาได้ยั่วยุพวกคนก่อสร้างให้โกรธ +\v 6 ดังนั้น เราจึงสร้างกำแพง และกำแพงทั้งสิ้นก็ต่อกันสูงครึ่งหนึ่งของความสูงของกำแพงแล้ว เพราะประชาชนมีความปรารถนาที่จะทำงาน + + +\s5 +\p +\v 7 แต่เมื่อสันบาลลัท โทบีอาห์ คนอาหรับ คนอัมโมน และคนอัศโดด ได้ยินว่าการซ่อมแซมกำแพงเยรูซาเล็มกำลังคืบหน้าไป และมีการอุดที่มีรอยแตกของกำแพงแล้ว พวกเขาก็โกรธยิ่งนัก +\v 8 พวกเขาทุกคนจึงร่วมกันวางแผนร้าย และพวกเขาก็เข้ามาสู้รบกับเยรูซาเล็ม และทำให้เกิดความวุ่นวายในเมืองนั้น +\v 9 แต่เราได้อธิษฐานต่อพระเจ้าของเรา และวางยามเพื่อป้องกันพวกเขาทั้งกลางวันและกลางคืน เพราะภัยคุกคามของพวกเขา + + +\s5 +\p +\v 10 แล้วคนยูดาห์กล่าวว่า "กำลังเรี่ยวแรงของคนที่ขนของก็กำลังลดน้อยถอยลง มีเศษหินอยู่มากมายเหลือเกิน และเราไม่สามารถก่อสร้างกำแพงได้ +\v 11 พวกศัตรูของเราก็กล่าวว่า "พวกเขาจะไม่รู้และไม่เห็น จนกว่าเราจะเข้ามาท่ามกลางพวกเขาและฆ่าพวกเขา และยับยั้งงานนั้น" + + +\s5 +\p +\v 12 ในเวลานั้นพวกยิวที่อาศัยอยู่ใกล้พวกเขาก็มาจากทุกทิศทุกทาง และได้บอกกับเราเป็นสิบครั้ง เตือนเราเกี่ยวกับแผนการที่พวกเขากำลังทำกับเราอยู่ +\v 13 ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงได้กำหนดให้ประชาชนอยู่ในส่วนที่ต่ำที่สุดของกำแพงในบริเวณที่ยังเปิดอยู่นั้น ข้าพเจ้าได้กำหนดให้แต่ละครอบครัวมีดาบ หอก และคันธนู +\v 14 แล้วข้าพเจ้าก็มองดูและยืนขึ้น และข้าพเจ้าพูดกับพวกขุนนาง ผู้ปกครองทั้งหลาย และคนที่เหลือนอกนั้นว่า "อย่ากลัวพวกเขาเลย จงระลึกถึงองค์พระผู้เป็นเจ้า ผู้ทรงยิ่งใหญ่และน่ายำเกรง จงต่อสู้เพื่อครอบครัวของท่าน ลูกชายลูกสาวของท่าน ภรรยาของท่านและบ้านของท่าน" + + +\s5 +\p +\v 15 มันเกิดขึ้นเมื่อศัตรูของเราได้ยินว่า เราได้ล่วงรู้แผนงานของพวกเขาแล้ว และพระเจ้าได้ทรงทำลายแผนงานของพวกเขา เราทุกคนก็กลับมายังกำแพงนั้น แต่ละคนต่างก็มาที่งานของตน +\v 16 ตั้งแต่เวลานั้นมา คนรับใช้ของข้าพเจ้าครึ่งหนึ่งทำเฉพาะงานก่อสร้างกำแพง และคนรับใช้อีกครึ่งหนึ่งถือหอก โล่ คันธนู และสวมยุทธภัณฑ์ ในขณะที่พวกผู้นำยืนอยู่ข้างหลังคนยูดาห์ทุกคน + + +\s5 +\p +\v 17 คนงานพวกเดียวกันนี้ที่กำลังสร้างกำแพงและขนของ แล้วยังต้องรับหน้าที่เฝ้ายามด้วย ทุกคนทำงานด้วยมือข้างหนึ่ง และมืออีกข้างหนึ่งก็ถืออาวุธของตน +\v 18 คนก่อสร้างทุกคนสะพายดาบของตนไว้ข้างตัวและนั่นเป็นวิธีการที่เขาทำงาน คนเป่าแตรคนหนึ่งอยู่ข้างข้าพเจ้า + + +\s5 +\p +\v 19 ข้าพเจ้าบอกกับพวกขุนนางและพวกเจ้าหน้าที่ และคนที่เหลือนอกนั้นว่า "งานนี้ใหญ่โตและกว้างขวางมาก และเราแยกกันไปอยู่บนกำแพงที่ห่างจากกัน +\v 20 เมื่อพวกท่านได้ยินเสียงแตรเป่าที่ใด พวกท่านต้องรีบวิ่งไปยังสถานที่นั้นและรวมตัวกันที่นั่น พระเจ้าของเราจะทรงต่อสู้เพื่อพวกเรา + + +\s5 +\p +\v 21 ดังนั้น ในขณะที่เรากำลังทำงานกัน พวกเขาครึ่งหนึ่งถือหอกตั้งแต่เช้าตรู่จนกระทั่งดาวขึ้น +\v 22 ข้าพเจ้าบอกกับประชาชนในเวลานั้นอีกว่า "ขอให้ผู้ชายทุกคนและคนรับใช้ของเขาค้างคืนอยู่ที่ตรงกลางของเยรูซาเล็ม เพื่อให้พวกเขาเป็นยามเฝ้าในช่วงเวลากลางคืน และเป็นคนทำงานในตอนกลางวัน" +\v 23 เพราะฉะนั้น ไม่ว่าข้าพเจ้า หรือพี่น้องของข้าพเจ้า หรือคนรับใช้ของข้าพเจ้า หรือคนยามที่ติดตามข้าพเจ้า ไม่มีใครในพวกเราที่เปลี่ยนเสื้อผ้าของเราออก และเราแต่ละคนต่างก็ถืออาวุธของตน แม้ว่าตอนที่เขาจะไปเอาน้ำ + + +\s5 +\c 5 +\p +\v 1 พวกผู้ชายและภรรยาของพวกเขาได้ร้องโวยวายขึ้นต่อต้านพี่น้องคนยิวของเขาทั้งหลาย +\v 2 เพราะมีบางคนพูดว่า "พวกเรามีบุตรชาย และบุตรหญิงมากมาย ขอให้เรามีข้าวที่จะรับประทาน และมีชีวิตอยู่ได้" +\v 3 บางคนพูดว่า "ในช่วงเวลาการกันดารอาหาร เราจำนำไร่นาทั้งหลายของเรา สวนองุ่นทั้งหลายของเรา และบ้านเรือนทั้งหลายของเราเพื่อที่จะได้ข้าว" + + +\s5 +\p +\v 4 บางคนพูดว่า "เราได้ยืมเงินเพื่อจ่ายภาษีให้กษัตริย์ ในการจำนำไร่นาและสวนองุ่นทั้งหลายของเรา" +\v 5 ส่วนเนื้อและเลือดของเราก็เป็นเหมือนพี่น้องของเรา และลูก ๆ ของเราก็เป็นเหมือนลูก ๆ ของพวกเขา เราถูกบังคับให้ขายบุตรชายและบุตรหญิงทั้งหลายของเราให้เป็นทาส บุตรหญิงของเราบางคนได้เป็นทาสไปแล้ว แต่มันไม่อยู่ในกำลังของเราที่จะช่วยเพราะว่าเดี๋ยวนี้พวกผู้ชายคนอื่น ๆ ได้เป็นเจ้าของที่นา และสวนองุ่นของเรา + + +\s5 +\p +\v 6 ข้าพเจ้าโกรธมากเมื่อได้ยินเสียงเรียกร้องและคำพูดเหล่านี้ของพวกเขา +\v 7 จากนั้นข้าพเจ้าใคร่ครวญถึงเรื่องนี้ และนำไปกล่าวหาพวกขุนนาง และเจ้าหน้าที่ทั้งหลาย ข้าพเจ้าพูดกับพวกเขาว่า "พวกท่านกำลังต่างคนต่างเรียกดอกเบี้ยจากพี่น้องของตน" ข้าพเจ้าได้เรียกประชุมใหญ่เพื่อต่อสู้กับพวกเขา +\v 8 และพูดกับพวกเขาว่า "เราได้นำพี่น้องคนยิวของเราที่ถูกขายให้กับบรรดาประชาชาติทั้งหลาย กลับมาจากการเป็นทาสมากเท่าที่เราสามารถทำได้ แต่พวกท่านกลับขายพวกพี่น้องชายหญิงของพวกท่านเพื่อที่พวกเขาจะถูกขายกลับมาให้เรา!" เขาทั้งหลายนิ่งเงียบ พูดไม่ออก + + +\s5 +\p +\v 9 ข้าพเจ้าพูดอีกว่า "สิ่งที่พวกท่านกำลังทำอยู่นั้นไม่ดี ไม่ควรหรือที่พวกท่านได้ดำเนินชีวิตด้วยความยำเกรงพระเจ้าของพวกเรา เพื่อป้องกันการเยาะเย้ยของบรรดาประชาชาติซึ่งเป็นศัตรูของพวกเรา?" +\v 10 ข้าพเจ้า และพวกพี่น้องของข้าพเจ้า และคนใช้ทั้งหลายของข้าพเจ้ากำลังให้พวกเขายืมเงินและข้าว แต่เราต้องหยุดการเรียกเก็บดอกเบี้ยในการให้ยืมเงินเหล่านี้ +\v 11 จงคืนที่นาของพวกเขา สวนองุ่นของพวกเขา สวนมะกอกเทศของพวกเขา และบ้านเรือนของพวกเขาและกำไรของเงินยืมนั้น ข้าว เหล้าองุ่นใหม่ และน้ำมันซึ่งพวกท่านบีบบังคับเอามาจากพวกเขา" + + +\s5 +\p +\v 12 จากนั้นพวกเขาก็พูดว่า "เราจะคืนอะไรก็ตามที่เราเอามาจากพวกเขา และจะไม่เรียกร้องอะไรเลยจากพวกเขา เราจะทำดังที่ท่านพูด" แล้วข้าพเจ้าจึงเรียกบรรดาปุโรหิต และให้พวกเขาสาบานว่าจะทำดังที่พวกเขาได้สัญญาไว้ +\v 13 ข้าพเจ้าได้สลัดเสื้อคลุมที่พับไว้ของข้าพเจ้าออก และพูดว่า "ขอให้พระเจ้าสลัดทุกคนที่ไม่รักษาสัญญาออกจากบ้านเรือนของเขา และทรัพย์สินของเขา ขอให้เขาถูกสลัดออกและไม่มีอะไร " ทุกคนในที่ประชุมกล่าวว่า "เอเมน" และพวกเขาได้สรรเสริญพระยาห์เวห์ และประชาชนได้กระทำดังที่พวกเขาได้สัญญาไว้ + + +\s5 +\p +\v 14 ตั้งแต่เมื่อข้าพเจ้าได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ว่าราชการของพวกเขาในแผ่นดินยูดาห์ จากปีที่ยี่สิบจนถึงปีที่สามสิบสองของกษัตริย์อารทาเซอร์ซีส เป็นเวลาสิบสองปี ทั้งข้าพเจ้าและพี่น้องของข้าพเจ้าก็ไม่ได้รับประทานอาหารที่ได้จัดเตรียมไว้สำหรับผู้ว่าราชการ +\v 15 แต่ผู้ว่าราชการคนก่อนหลายคนก่อนหน้าข้าพเจ้าได้วางภาระหนักลงบนประชาชน และเก็บเงินสี่สิบเชเขลจากพวกเขาเพื่อเป็นค่าอาหารและเหล้าองุ่นของเขาทั้งหลายในแต่ละวัน แม้กระทั่งคนใช้ของเขาทั้งหลายก็ได้กดขี่ข่มเหงประชาชน แต่ข้าพเจ้าไม่ได้ทำเช่นนั้นเพราะความเกรงกลัวในพระเจ้า + + +\s5 +\p +\v 16 ข้าพเจ้ายังคงทำงานสร้างกำแพงอยู่ และพวกเราไม่ได้ซื้อที่ดิน และคนใช้ทั้งหมดของข้าพเจ้ารวมกันอยู่ที่นั่นเพื่อทำงาน +\v 17 ที่โต๊ะของข้าพเจ้ามีคนยิวและเจ้าหน้าที่ทั้งหลาย 150 คน ไม่นับคนเหล่านั้นที่มาหาพวกเรา มาจากบรรดาประชาชาติที่อยู่รอบ ๆ เรา + + +\s5 +\p +\v 18 เดี๋ยวนี้สิ่งที่ได้จัดเตรียมในแต่ละวันคือ วัวหนึ่งตัว แกะที่คัดเลือกแล้วหกตัว และมีนกด้วย และทุก ๆ สิบวันมีเหล้าองุ่นชนิดต่าง ๆ มากมาย แต่ทั้งหมดนี้ข้าพเจ้าไม่ได้เรียกร้องเอาอาหารสำหรับผู้ว่าราชการ เพราะว่าการเรียกร้องนั้นเป็นภาระหนักเกินไปสำหรับประชาชน +\v 19 ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอทรงระลึกถึงข้าพระองค์ ขอให้เกิดผลดี เพราะข้าพระองค์ได้กระทำทุกสิ่งเพื่อประชาชนเหล่านี้ + + +\s5 +\c 6 +\p +\v 1 บัดนี้เมื่อสันบาลลัท โทบีอาห์ และเกเชมชาวอาหรับกับศัตรูที่เหลือของเราได้ยินว่าข้าพเจ้าได้ก่อกำแพงอีกครั้งและไม่มีส่วนไหนถูกทิ้งให้เป็นรอยแตกเลย ถึงแม้ว่าข้าพเจ้ายังไม่ได้ตั้งบานประตูที่ประตูเมืองทั้งหลาย +\v 2 สันบาลลัทและเกเชมได้ส่งข่าวมาหาข้าพเจ้าว่า "จงมาเถิด ให้เรามาพบกันในที่บางแห่งในที่ราบของโอโน" แต่พวกเขาตั้งใจที่จะทำร้ายข้าพเจ้า + + +\s5 +\p +\v 3 ข้าพเจ้าได้ส่งพวกผู้ถือสารไปหาพวกเขา กล่าวว่า "ข้าพเจ้ากำลังทำงานที่ยิ่งใหญ่ และข้าพเจ้าไม่สามารถลงมาได้ ทำไมควรจะให้งานหยุดชงักในขณะที่ข้าพเจ้าละทิ้งงานและลงมาหาพวกท่านหรือ?" +\v 4 แล้วพวกเขาก็ส่งข้อความเหมือนกันมาให้ข้าพเจ้าสี่ครั้ง และข้าพเจ้าก็ตอบเขาไปทำนองเดียวกันทุกครั้ง + + +\s5 +\p +\v 5 สันบาลลัทได้ส่งคนรับใช้มาหาข้าพเจ้าในทำนองเดียวกันเป็นครั้งที่ห้า พร้อมด้วยจดหมายเปิดผนึกในมือของเขา +\v 6 ในนั้นถูกเขียนว่า "มีรายงานท่ามกลางประชาชาติทั้งหลาย และเกเชมก็ได้พูดด้วยว่า ท่านและพวกยิวกำลังวางแผนก่อกบฎ เพราะนั่นเป็นเหตุผลที่ท่านจึงก่อกำแพงขึ้นอีก จากที่รายงานเหล่านี้ได้กล่าวไว้ ท่านกำลังจะกลายเป็นกษัตริย์ของพวกเขา + + +\s5 +\p +\v 7 ท่านได้แต่งตั้งพวกผู้เผยพระวจนะด้วยเพื่อป่าวประกาศเกี่ยวกับท่านในกรุงเยรูซาเล็มว่า "มีกษัตริย์ในยูดาห์! " ท่านสามารถแน่ใจว่ากษัตริย์จะได้ยินรายงานเหล่านี้ ดังนั้นจงมาเถิด ให้เรามาหารือด้วยกัน" + + +\s5 +\p +\v 8 แล้วข้าพเจ้าก็ส่งถ้อยคำไปหาเขากล่าวว่า "ไม่มีสิ่งนั้นได้เกิดขึ้นตามที่ท่านกล่าวมาเลย เพราะในใจของท่านปั้นแต่งมันขึ้นมาเอง" +\v 9 เพราะพวกเขาทั้งหมดต้องการทำให้พวกเรากลัว และคิดว่า "พวกเขาจะละมือจากการทำงาน และงานจะไม่สำเร็จ" แต่บัดนี้ ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงโปรดเสริมกำลังมือของข้าพระองค์ + + +\s5 +\p +\v 10 ข้าพเจ้าได้ไปที่บ้านของเชไมอาห์บุตรของเดไลยาห์ผู้เป็นบุตรของเมเหทาเบล ผู้ซึ่งเก็บตัวอยู่ในบ้านของเขา เขาพูดว่า "ให้เราพบกันในพระนิเวศของพระเจ้า ในพระวิหาร และให้เราปิดประตูพระวิหารเสีย เพราะว่าพวกเขากำลังมาฆ่าท่าน ในเวลากลางคืนพวกเขาจะมาฆ่าท่าน" +\v 11 ข้าพเจ้าตอบว่า "คนอย่างข้าพเจ้าจะวิ่งหนีหรือ? คนอย่างข้าพเจ้าเข้าไปในพระวิหารเพียงเพื่อจะรักษาชีวิตของตนหรือ? ข้าพเจ้าจะไม่เข้าไปข้างใน" + + +\s5 +\p +\v 12 ข้าพเจ้าตระหนักว่าพระเจ้ามิได้ทรงใช้เขา แต่เขาได้เผยพระวจนะใส่ร้ายข้าพเจ้า โทบีอาห์และสันบาลลัทได้จ้างเขา +\v 13 พวกเขาได้จ้างเขามาเพื่อทำให้ข้าพเจ้ากลัว เพื่อที่ข้าพเจ้าอาจทำสิ่งที่เขาได้พูดและทำบาป เช่นนั้นพวกเขากระทำให้ข้าพเจ้ามีชื่อเสียงไม่ดีเพื่อที่จะทำให้ข้าพเจ้าอับอายขายหน้า +\v 14 ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอทรงโปรดระลึกถึงโทบีอาห์และสันบาลลัท และสิ่งทั้งหมดที่พวกเขาได้ทำ โปรดทรงระลึกถึงผู้เผยพระวจนะหญิงโนอัดยาห์และผู้เผยพระวจนะคนอื่นๆ ผู้ที่พยายามทำให้ข้าพเจ้ากลัวด้วยเถิด + + +\s5 +\p +\v 15 ดังนั้นกำแพงได้สำเร็จในวันที่ยี่สิบห้าของเดือนแห่งเอลูล หลังจากห้าสิบสองวัน +\v 16 เมื่อศัตรูทั้งสิ้นของเราทั้งหลายได้ยินเรื่องนี้ ประชาชาติทั้งปวงรอบเรา พวกเขาก็กลัวและพวกเขาก็ประจักษ์แก่ตาของพวกเขาเอง เพราะเขาทั้งหลายรู้ว่างานสำเร็จก็ด้วยการทรงช่วยเหลือของพระเจ้าของเรา + + +\s5 +\p +\v 17 ในเวลานี้ขุนนางทั้งหลายของยูดาห์ก็ได้ส่งจดหมายหลายฉบับไปถึงโทบีอาห์ และจดหมายทั้งหลายของโทบีอาห์ก็มาถึงเขา +\v 18 เพราะมีหลายคนในยูดาห์ได้ผูกพันกับเขาด้วยคำสาบานต่อเขา เพราะว่าเขาเป็นบุตรเขยของเชคานิยาห์ ผู้เป็นบุตรชายของอาราห์ บุตรชายของเขาชื่อเยโฮฮานันได้รับบุตรีของเมชุลลาม ผู้เป็นบุตรชายของเบเรคิยาห์มาเป็นภรรยาของตน +\v 19 พวกเขาทั้งหลายพูดกับข้าพเจ้าเกี่ยวกับการกระทำดีของเขา และรายงานคำของข้าพเจ้าไปให้เขา จดหมายจากโทบีอาห์ถูกส่งมาให้ข้าพเจ้าเพื่อทำให้ข้าพเจ้ากลัว + + +\s5 +\c 7 +\p +\v 1 เมื่อกำแพงเมืองถูกสร้างเสร็จแล้ว ข้าพเจ้าจึงติดตั้งประตูเข้าไป และได้แต่งตั้งบรรดายามเฝ้าประตู คณะนักร้อง และบรรดาคนเลวีทั้งหลาย +\v 2 ข้าพเจ้าได้มอบหมายให้ฮานานีพี่น้องของข้าพเจ้าร่วมกันกับฮานันยาห์ผู้ตรวจการป้อมเพื่อดูแลเหนือเยรูซาเล็ม เพราะเขาเป็นชายที่สัตย์ซื่อและยำเกรงพระเจ้ามากยิ่งกว่าคนอื่นอีกหลายคน + + +\s5 +\p +\v 3 ข้าพเจ้ากล่าวแก่พวกเขาว่า "อย่าเปิดประตูของเยรูซาเล็มจนกว่าแดดจะร้อน ขณะที่ยามเฝ้าประตูทั้งหลายประจำการอยู่นั้น ขอให้พวกท่านปิดประตูและลงกลอนประตูเหล่านั้น และแต่งตั้งคนเหล่านั้นที่อาศัยอยู่ในเยรูซาเล็มให้เป็นยามรักษาการณ์ โดยให้บางคนประจำอยู่ที่สถานีเฝ้าระวัง และบางคนประจำอยู่ที่หน้าบ้านของพวกเขาเอง +\v 4 เวลานี้เมืองกว้างและใหญ่โตมาก แต่มีผู้อาศัยอยู่เพียงจำนวนน้อย และยังไม่มีบ้านเรือนที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ + + +\s5 +\p +\v 5 พระเจ้าของข้าพเจ้าทรงเร้าใจให้ข้าพเจ้ารวบรวมบรรดาขุนนาง เจ้าหน้าที่ และประชาชนทั้งหลายให้ลงทะเบียนตามครอบครัวของพวกเขา ข้าพเจ้าค้นพบหนังสือลำดับพงศ์พันธ์ุของบรรดาคนที่กลับมาเป็นพวกแรกและได้พบสิ่งที่ถูกบันทึกเอาไว้ในหนังสือดังต่อไปนี้ + + +\s5 +\p +\v 6 "เหล่านี้คือประชาชนที่อยู่ในอาณาเขตซึ่งขึ้นมาจากการถูกเนรเทศเป็นเชลยนั้น เมื่อครั้งที่กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนได้เนรเทศพวกเขาไป พวกเขาได้กลับมายังเมืองของตนในเยรูซาเล็มและยูดาห์ +\v 7 พวกเขามาพร้อมกับเศรุบบาเบล เยชูอา เนหะมีย์ อาซาริยาห์ ราอามิยาห์ นาหะมานี โมรเดคัย บิลชาน มิสเปเรท บิกวัย เนฮูม และบาอานาห์ จำนวนคนของชาวอิสราเอลมีดังต่อไปนี้ + + +\s5 +\p +\v 8 วงศ์วานของปาโรช 2,172 คน +\v 9 วงศ์วานของเชฟาทิยาห์ 372 คน +\v 10 วงศ์วานของอาราห์ 652 คน + + +\s5 +\p +\v 11 วงศ์วานของปาหัทโมอับ โดยผ่านทางวงศ์วานของเยชูอาและโยอาบ 2,818 คน +\v 12 วงศ์วานของเอลาม 1,254 คน +\v 13 วงศ์วานของศัทธู 845 คน +\v 14 วงศ์วานของศักคัย 760 คน + + +\s5 +\p +\v 15 วงศ์วานของบินนุย 648 คน +\v 16 วงศ์วานของเบบัย 628 คน +\v 17 วงศ์วานของอัสกาด 2,322 คน +\v 18 วงศ์วานของอาโดนีคัม 667 คน + + +\s5 +\p +\v 19 วงศ์วานของบิกวัย 2,067 คน +\v 20 วงศ์วานของอาดีน 655 คน +\v 21 วงศ์วานของอาเทอร์ โดยทางวงศ์วานของเฮเซคียาห์ 98 คน +\v 22 วงศ์วานของฮาชูม 328 คน + + +\s5 +\p +\v 23 วงศ์วานของเบไซ 324 คน +\v 24 วงศ์วานฮาริฟ 112 คน +\v 25 วงศ์วานของกิเบโอน 95 คน +\v 26 ชาวเบธเลเฮม และชาวเนโทฟาห์ 188 คน + + +\s5 +\p +\v 27 ชาวอานาโธท 128 คน +\v 28 ชาวเบธอัสมาเวท 42 คน +\v 29 ชาวคิริยาทเยอาริม ชาวเคฟีราห์ และชาวเบเอโรท 743 คน +\v 30 ชาวรามาห์และชาวเกบา 621 คน + + +\s5 +\p +\v 31 ชาวมิคมาช 122 คน +\v 32 ชาวเบธเอลและชาวอัย 123 คน +\v 33 ชาวเนโบอีกพวกหนึ่ง 52 คน +\v 34 ชาวเอลามอีกพวกหนึ่ง 1,254 คน + + +\s5 +\p +\v 35 ชาวฮาริม 320 คน +\v 36 ชาวเยรีโค 345 คน +\v 37 ชาวโลด ชาวฮาดิด และชาวโอโน 721 คน +\v 38 ชาวเสนาอาห์ 3,930 คน + + +\s5 +\p +\v 39 บรรดาปุโรหิตได้แก่ วงศ์วานของเยดายาห์ (โดยทางเชื้อสายครอบครัวของเยชูอา) 973 คน +\v 40 วงศ์วานของอิมเมอร์ 1,052 คน +\v 41 วงศ์วานของปาชเฮอร์ 1,247 คน +\v 42 วงศ์วานของฮาริม 1,017 คน + + +\s5 +\p +\v 43 บรรดาคนเลวีได้แก่ วงศ์วานของเยชูอาคือ ของขัดมีเอล ของบินนุย และของโฮดาวิยาห์ 74 คน +\v 44 คณะนักร้องได้แก่ วงศ์วานของอาสาฟ 148 คน +\v 45 บรรดายามเฝ้าประตูได้แก่ วงศ์วานของชัลลูม วงศ์วานของอาเทอร์ วงศ์วานของทัลโมน วงศ์วานของอักขูม วงศ์วานของฮาทิทา และวงศ์วานของโชบัย รวม 138 คน + + +\s5 +\p +\v 46 บรรดาคนรับใช้ในพระวิหารได้แก่ วงศ์วานของศิหะ วงศ์วานของฮาสูฟา วงศ์วานของทับบาโอท +\v 47 วงศ์วานของเคโรส วงศ์วานของสีอา วงศ์วานของพาโดน +\v 48 วงศ์วานของเลบานาห์ วงศ์วานของฮากาบาห์ วงศ์วานของชัลมัย +\v 49 วงศ์วานของฮานัน วงศ์วานของกิดเดล วงศ์วานของกาฮาร์ + + +\s5 +\p +\v 50 วงศ์วานของเรอายาห์ วงศ์วานของเรซีน วงศ์วานของเนโคดา +\v 51 วงศ์วานของกัสซาม วงศ์วานของอุสซา วงศ์วานของปาเสอาห์ +\v 52 วงศ์วานของเบสัย วงศ์วานของเมอูนิม วงศ์วานของเนฟิสิชิม + + +\s5 +\p +\v 53 วงศ์วานของบัคบูค วงศ์วานของฮาคูฟา วงศ์วานของฮารฮูร์ +\v 54 วงศ์วานของบัสลูท วงศ์วานของเมหิดา วงศ์วานของฮารชา +\v 55 วงศ์วานของบารโขส วงศ์วานของสิเสรา วงศ์วานของเทมาห์ +\v 56 วงศ์วานของเนซิยาห์ วงศ์วานของฮาทิฟา + + +\s5 +\p +\v 57 วงศ์วานของบรรดาคนรับใช้ของโซโลมอนได้แก่ วงศ์วานของโสทัย วงศ์วานของโสเฟเรท วงศ์วานของเปรีดา +\v 58 วงศ์วานของยาอาลา วงศ์วานของดารโคน วงศ์วานของกิดเดล +\v 59 วงศ์วานของเชฟาทิยาห์ วงศ์วานของฮัททิล วงศ์วานของโปเคเรทหัสเซบาอิม วงศ์วานของอาโมน +\v 60 บรรดาคนรับใช้ในพระวิหารและวงศ์วานของบรรดาคนรับใช้ของโซโลมอนมีจำนวน 392 คน + + +\s5 +\p +\v 61 เหล่านี้คือคนที่เดินทางมาจากเมืองเทลเมลาห์ เทลคารชา เครูบ อัดโดน และอิมเมอร์ แต่พวกเขาไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าพวกเขาหรือครอบครัวของบรรพบุรุษของพวกเขาเป็นวงศ์วานที่มาจากอิสราเอล คือ +\v 62 วงศ์วานของเดไลยาห์ วงศ์วานของโทบียาห์ และวงศ์วานของเนโคดา รวม 642 คน +\v 63 บรรดาคนเหล่านั้นที่มาจากพวกปุโรหิต ได้แก่ วงศ์วานของฮาบายาห์ ฮักโขส และบารซิลลัย (ซึ่งภรรยาของเขามาจากบรรดาบุตรสาวของบารซิลลัยชาวกิเลอาดและได้ถูกเรียกตามชื่อของพวกเขา) + + +\s5 +\p +\v 64 คนเหล่านี้ได้ค้นหาหนังสือลำดับพงศ์พันธุ์ของพวกเขา แต่พวกเขาไม่สามารถพบชื่อของพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ถูกนับเข้ากับบรรดาปุโรหิตเนื่องจากเป็นมลทิน +\v 65 ดังนั้นผู้ว่าการจึงพูดกับพวกเขาว่า พวกเขาไม่สมควรได้รับอนุญาตให้รับประทานอาหารที่มาจากแท่นบูชาร่วมกันกับบรรดาปุโรหิตจนกว่าปุโรหิตคนหนึ่งจะยกเรื่องนี้ขึ้นโดยทางอุริมและทูมมิม + + +\s5 +\p +\v 66 รวมคนกลุ่มนี้ทั้งหมดมีจำนวน 42,360 คน +\v 67 ไม่รวมบรรดาคนรับใช้ชายและหญิงของพวกเขาจำนวน 7,337 คน คณะนักร้องชายและหญิงของพวกเขามีจำนวน 245 คน + + +\s5 +\p +\v 68 ม้าของพวกเขามีจำนวน 736 ตัว ล่อของพวกเขามีจำนวน 245 ตัว +\v 69 อูฐของพวกเขามีจำนวน 435 ตัว และลาของพวกเขามีจำนวน 6,720 ตัว + + +\s5 +\p +\v 70 บางคนในท่ามกลางบรรดาหัวหน้าครอบครัวของบรรพบุรุษได้มอบเป็นของถวายเพื่องานนี้ ผู้ว่าการได้มอบทองคำหนักหนึ่งพันดาริค ชามอ่าง 50 ใบ และเครื่องแต่งกายสำหรับปุโรหิตจำนวน 530 ชุด เพื่อเข้าในคลังทรัพย์ +\v 71 หัวหน้าครอบครัวของเหล่าบรรพบุรุษบางคนได้มอบทองคำหนักสองหมื่นดาริค เงินสองพันสองร้อยมาเน เพื่อเข้าในคลังทรัพย์สำหรับงานนี้ +\v 72 ส่วนประชาชนที่เหลือได้มอบทองคำสองหมื่นดาริค เงินสองพันมาเน และเครื่องแต่งกายทั้งหลายของปุโรหิตจำนวน 67 ชุด + + +\s5 +\p +\v 73 ดังนั้นบรรดาปุโรหิต คนเลวี ยามเฝ้าประตู คณะนักร้อง ประชาชนบางคน บรรดาคนรับใช้ในพระวิหารบางคนและชาวอิสราเอลทั้งหมดต่างก็อาศัยอยู่ในเมืองของพวกเขา เป็นเวลาเจ็ดเดือนที่ชาวอิสราเอลได้ตั้งถิ่นฐานในเมืองของพวกเขานั้น" + + +\s5 +\c 8 +\p +\v 1 ประชาชนทั้งหมดมาชุมนุมกันเหมือนกับเป็นคนคนเดียวในพื้นที่โล่งซึ่งอยู่หน้าประตูน้ำ พวกเขาขอให้เอสราผู้เป็นธรรมาจารย์นำหนังสือแห่งพระบัญญัติของโมสสซึ่งพระยาห์เวห์ได้บัญชาอิสราเอลไว้ออกมา +\v 2 ในวันที่หนึ่งของเดือนที่เจ็ด เอสราผู้เป็นปุโรหิตได้นำพระบัญญัติมาต่อหน้าชุมนุมชน ทั้งชายและหญิง และทุกคนที่สามารถฟังและเข้าใจได้ +\v 3 ท่านได้หันหน้าไปทางพื้นที่โล่งซึ่งอยู่หน้าประตูน้ำ และท่านอ่านตั้งแต่เช้าตรู่จนถึงเที่ยงวัน ต่อหน้าชายและหญิง และผู้ที่สามารถเข้าใจได้ และประชาชนทั้งปวงต่างตั้งใจฟังหนังสือแห่งพระบัญญัติ + + +\s5 +\p +\v 4 แล้วเอสราผู้เป็นธรรมาจารย์ได้ยืนอยู่บนแท่นไม้ยกสูงที่ประชาชนได้ทำขึ้นเพื่องานนี้ ข้างๆท่านมีมัททีธิยาห์ เชมา อานายาห์ อุรียาห์ ฮิลคียาห์ และมาอาเสอาห์ยืนอยู่ขวามือของท่าน และมีเปดายาห์ มิชาเอล มัลคิยาห์ ฮาชูม ฮัชบัดดานาห์ เศคาริยาห์ และเมชุลลามยืนอยู่ซ้ายมือของท่าน +\v 5 เอสราได้เปิดหนังสือนั้นต่อสายตาประชาชนทั้งปวง เพราะท่านยืนอยู่สูงกว่าประชาชน เมื่อท่านเปิดหนังสือนั้นพวกประชาชนทั้งปวงก็ยืนขึ้น + + +\s5 +\p +\v 6 เอสราขอบพระคุณพระยาห์เวห์ ผู้ทรงเป็นพระเจ้ายิ่งใหญ่ และประชาชนทั้งปวงได้ยกมือของพวกเขาขึ้นและตอบว่า "อาเมน! อาเมน!" แล้วพวกเขาก็ก้มศีรษะลงและกราบนมัสการพระยาห์เวห์จนหน้าของพวกเขาแนบพื้น +\v 7 นอกจากนี้ยังมีเยชูอา บานี เชเรบิยาห์ ยามีน อักขูบ ชับเบธัย โฮดียาห์ มาอาเสอาห์ เคลิทา อาซาริยาห์ โยซาบาด ฮานัน เปไลยาห์ พวกคนเลวี ได้ช่วยประชาชนให้เข้าใจพระบัญญัติ ในขณะที่ประชาชนยังยืนอยู่กับที่ของเขา +\v 8 พวกเขาได้อ่านหนังสือนั้น ซึ่งเป็นพระบัญญัติของพระเจ้า ทำให้ชัดเจนโดยการแปลและตีความหมาย ดังนั้นประชาชนจึงได้เข้าใจสิ่งที่กำลังอ่าน + + +\s5 +\p +\v 9 เนหะมีย์ผู้เป็นผู้ว่าราชการ และเอสราผู้เป็นปุโรหิตและธรรมาจารย์ และคนเลวีผู้ที่ได้แปลความหมายให้กับประชาชนได้พูดกับประชาชนทั้งหมดว่า "วันนี้เป็นวันบริสุทธิ์แด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน จงอย่าคร่ำครวญหรือร้องไห้" เพราะประชาชนทั้งปวงต่างร้องไห้เมื่อได้ยินถ้อยคำของพระบัญญัตินั้น +\v 10 แล้วเนหะมีย์กล่าวกับพวกเขาว่า "ไปเถิด ไปรับประทานไขมันและดื่มน้ำหวาน และส่งอาหารบางส่วนให้แก่คนที่ไม่มีอะไรเตรียมไว้ เพราะวันนี้เป็นวันบริสุทธิ์แด่องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา อย่าโศกเศร้าเลย เพราะความชื่มชมยินดีของพระยาห์เวห์เป็นกำลังของพวกท่าน" + + +\s5 +\p +\v 11 ดังนั้นคนเลวีจึงทำให้ประชาชนอยู่ในความเงียบ บอกว่า "จงเงียบเถิด! เพราะวันนี้เป็นวันบริสุทธิ์ อย่าทุกข์โศกเลย" +\v 12 แล้วประชาชนทั้งปวงจึงไปกินและดื่มและแบ่งปันอาหาร และเฉลิมฉลองด้วยความชื่นชมยินดีเป็นอย่างมากเพราะพวกเขาเข้าใจถ้อยคำซึ่งทำให้พวกเขาเข้าใจนั้น + + +\s5 +\p +\v 13 ในวันที่สองพวกผู้นำของพงศ์พันธุ์ของบรรพบุรุษที่มาจากประชาชนทั้งปวง พวกพวกปุโรหิต และคนเลวี ได้พร้อมกันมาหาเอสราผู้เป็นธรรมาจารย์ เพื่อจะรับความเข้าใจในถ้อยคำของพระบัญญัติเพิ่มเติม +\v 14 พวกเขาพบข้อเขียนในพระบัญญัติถึงเรื่องที่พระยาห์เวห์ได้บัญชาผ่านทางโมเสสนั้นว่าประชาชนอิสราเอลควรอยู่เพิงช่วงเวลาเทศกาลอยู่เพิงในเดือนที่เจ็ด +\v 15 พวกเขาควรออกไปประกาศป่าวร้องในทุกเมืองของพวกเขาและในเยรูซาเล็มว่า "จงออกไปที่เนินเขา และนำกิ่งเหล่านั้นจากต้นมะกอกและต้นมะกอกป่า และจากต้นน้ำมันเขียว ต้นปาล์ม และต้นที่มีใบดกทั้งหลาย กลับมาทำเพิง ตามที่ถูกเขียนไว้" + + +\s5 +\p +\v 16 ดังนั้นประชาชนก็ออกไปนำกิ่งไม้ต่างๆ กลับมา และทำเพิงด้วยตัวพวกเขาเอง ตามแต่ละหลังคาบ้านของตน ตามลานบ้านของตน ตามลานพระนิเวศของพระเจ้า ตามพื้นที่โล่งตรงหน้าประตูน้ำ และในลานจตุรัสที่ประตูเอฟราอิม +\v 17 ชุมนุมชนทั้งหมดของบรรดาคนที่ได้กลับมาจากการเป็นเชลย ได้ทำเพิงและพักอยู่ในเพิงนั้น เพราะตั้งแต่สมัยของโยชูวาบุตรนูนจนถึงวันนั้น ประชาชนอิสราเอลไม่ได้เฉลิมฉลองเทศกาลนี้ และดังนั้นพวกเขาจึงมีความชื่นชมยินดียิ่งนัก + + +\s5 +\p +\v 18 เช่นเดียวกันในแต่ละวันจากวันแรกจนถึงวันสุดท้าย เอสราได้อ่านจากหนังสือแห่งพระบัญญัติของพระเจ้า พวกเขาได้ถือเทศกาลนั้นเป็นเวลาเจ็ดวัน และในวันที่แปดได้มีการประชุมตามพิธีการ จากการเชื่อฟังต่อคำสั่ง + + +\s5 +\c 9 +\p +\v 1 ในวันที่ยี่สิบสี่เดือนเดียวกันนี้ ประชากรชาวอิสราเอลได้ชุมนุมกันถืออดอาหาร และห่มผ้ากระสอบ และเอาดินใส่ศีรษะ +\v 2 บรรดาพงศ์พันธุ์อิสราเอลได้แยกพวกของตนออกจากชนต่างชาติทั้งหมด พวกเขาได้ยืนขึ้นสารภาพบาปของตนและการกระทำอันชั่วร้ายของบรรพบุรุษของพวกเขา + + +\s5 +\p +\v 3 พวกเขาต่างยืนขึ้นในสถานที่ของตน และหนึ่งในสี่ของวันพวกเขาอ่านจากหนังสือแห่งพระบัญญัติของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา อีกหนึ่งในสี่ของวันพวกเขาสารภาพและโน้มตัวลงต่อพระพักตร์พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขาทั้งหลาย +\v 4 คนเลวี เยชูอา บานี ขัดมีเอล เชบานิยาห์ บุนนี เชเรบิยาห์ บานีและเคนานี ได้ยืนขึ้นที่บันไดและพวกเขาได้ร้องด้วยเสียงดังต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา + + +\s5 +\p +\v 5 บรรดาคนเลวี เยชูอา และขัดมีเอล บานี ฮาชับเนยาห์ เชเรบิยาห์ โฮดียาห์ เชบานิยาห์ และเปธาหิยาห์ ได้กล่าวว่า “จงยืนขึ้นและยกย่องพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเจ้าตลอดไป” "สาธุการพระนามอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า และขอให้พระนามของพระองค์ได้รับการยกย่องและเป็นที่ยกย่องเหนือทุกสิ่ง +\v 6 พระองค์เป็นพระยาห์เวห์ พระองค์เพียงผู้เดียวที่ได้ทรงสร้างท้องฟ้า ท้องฟ้าสูงสุดพร้อมกับบริวารทั้งสิ้นของท้องฟ้านั้น แผ่นดินโลกและบรรดาทุกสิ่งที่อยู่ในนั้น ทะเลและบรรดาทุกสิ่งที่อยู่ในนั้น และพระองค์ทรงรักษาสิ่งทั้งปวงเหล่านั้นไว้และบรรดาชาวท้องฟ้าก็ได้นมัสการพระองค์ + + +\s5 +\p +\v 7 พระองค์เป็นพระยาห์เวห์ พระเจ้าผู้ทรงเลือกอับราม และทรงนำเขาออกมาจากเมืองเออร์แห่งประเทศเคลเดีย และทรงมอบนามแก่เขาว่าอับราฮัม +\v 8 พระองค์ทรงพบว่าใจของเขาซื่อตรงต่อพระองค์ และพระองค์ได้ทรงกระทำพันธสัญญากับเขาที่จะทรงมอบแผ่นดินของชาวคานาอัน ชาวฮิตไทต์ ชาวอาโมไรต์ ชาวเปริสซี ชาวเยบุส และชาวเกอร์กาชีแก่เชื้อสายของเขา พระองค์ผู้ทรงรักษาพระสัญญาของพระองค์เพราะพระองค์ทรงเที่ยงธรรม + + +\s5 +\p +\v 9 พระองค์นั้นได้ทอดพระเนตรความทุกข์ระทมใจของบรรดาบรรพบุรุษของข้าพระองค์ในอียิปต์ และพระองค์ทรงฟังเสียงร้องทุกข์ของพวกเขาที่ทะเลแดง +\v 10 พระองค์ทรงกระทำหมายสำคัญและความน่าฉงนต่อต้านฟาโรห์และข้าราชบริพาร และต่อประชากรทั้งสิ้นแห่งแผ่นดินของฟาโรห์ เพราะพระองค์ทรงรู้ว่าชาวอียิปต์ทั้งหลายได้ประพฤติอย่างเหย่อหยิ่งต่อบรรพบุรุษของข้าพระองค์ แต่พระองค์ทรงกระทำให้พระนามของพระองค์ยังคงอยู่ไปจนถึงทุกวันนี้ + + +\s5 +\p +\v 11 พระองค์ได้ทรงแบ่งทะเลต่อหน้าพวกเขา เพื่อพวกเขาได้เดินไปกลางทะเลบนดินแห้ง และพระองค์ทรงโยนพวกที่ไล่ตามพวกเขาลงไปในทะเลลึกเหมือนกับก้อนหินที่จมลงไป + + +\s5 +\p +\v 12 พระองค์ทรงนำพวกเขาให้พวกเขาเดินไปในกลางวันด้วยเสาเมฆ และในกลางคืนด้วยเสาเพลิงเพื่อให้แสงส่องทางในที่ที่พวกเขาไป +\v 13 พระองค์เสด็จลงมาบนภูเขาซีนายและตรัสกับพวกเขาจากท้องฟ้าและทรงมอบกฎหมายอันเที่ยงธรรมและธรรมบัญญัติที่แท้จริง ทรงมอบกฎเกณฑ์และคำบัญชาที่ดีแก่พวกเขา + + +\s5 +\p +\v 14 พระองค์ทรงให้พวกเขารู้ถึงวันสะบาโตบริสุทธิ์ของพระองค์ และพระองค์ทรงทรงมอบพระบัญญัติและกฎเกณฑ์ และข้อบังคับหนึ่งให้แก่พวกเขาโดยผ่านทางโมเสสผู้รับใช้ของพระองค์ +\v 15 พระองค์ทรงมอบอาหารแก่พวกเขาจากท้องฟ้าเพื่อบรรเทาความหิว และทรงมอบน้ำที่ออกมาจากศิลาเพื่อดับความกระหายของพวกเขา และพระองค์ทรงตรัสต่อพวกเขาให้เข้าไปกำราบแผ่นดินซึ่งพระองค์ทรงสัญญาว่าจะทรงมอบให้พวกเขา + + +\s5 +\p +\v 16 แต่พวกเขาและบรรพบุรุษของพวกข้าพระองค์ได้กระทำสิ่งที่น่าดูหมิ่น พวกเขาดื้อดึง และไม่ฟังคำบัญชาทั้งหลายของพระองค์ +\v 17 พวกเขาปฏิเสธที่จะฟังและไม่ใส่ใจการอัศจรรย์ซึ่งพระองค์ทรงกระทำขึ้นท่ามกลางพวกเขา กระนั้นพวกเขากลายเป็นคนดื้อดึง และในการก่อกบฎของพวกเขานั้นพวกเขาได้แต่งตั้งหัวหน้าคนหนึ่งเพื่อจะกลับไปสู่ความเป็นทาส แต่พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงเต็มไปด้วยการอภัยโทษ พระกรุณา และพระคุณ ทรงพระพิโรธช้า และทรงเต็มเปี่ยมด้วยความรักมั่นคง พระองค์มิได้ทรงทิ้งพวกเขา + + +\s5 +\p +\v 18 หากแม้นว่าพวกเขาได้หล่อโคตัวหนึ่งจากโลหะหลอมละลายและพูดว่า ‘นี่คือพระเจ้าของพวกเจ้าผู้ที่นำพวกเจ้าออกมาจากอียิปต์’ และได้ทำการดูหมิ่นอย่างมากยิ่ง +\v 19 ด้วยพระเมตตากรุณาของพระองค์ พระองค์ก็ไม่ได้ทรงทิ้งพวกเขาในถิ่นทุรกันดาร เสาเมฆซึ่งนำพวกเขาในตอนกลางวันไม่ได้พรากจากพวกเขาไป หรือเสาเพลิงซึ่งเป็นแสงส่องทางให้พวกเขาเดินไป + + +\s5 +\p +\v 20 พระองค์ทรงมอบพระวิญญาณอันประเสริฐเพื่อสั่งสอนพวกเขา และไม่ได้ทรงหยุดยั้งมานาของพระองค์เสียจากปากของพวกเขาและทรงมอบน้ำเพื่อดับกระหายให้แก่พวกเขา +\v 21 เป็นเวลากว่าสี่สิบปีที่พระองค์ทรงเลี้ยงดูเขาทั้งหลายในถิ่นทุรกันดาร และพวกเขาไม่ขาดสิ่งใดเลย เสื้อผ้าของพวกเขาไม่ขาด และเท้าของพวกเขาก็ไม่บวม + + +\s5 +\p +\v 22 พระองค์ทรงมอบอาณาจักรและบรรดาประชาชาติแก่พวกเขา ทรงกำหนดทุกดินแดนให้แก่พวกเขา แล้วพวกเขาจึงได้กำราบแผ่นดินของกษัตริย์สิโหนแห่งเมืองเฮชโบนและแผ่นดินของกษัตริย์โอกแห่งเมืองบาชาน + + +\s5 +\p +\v 23 พระองค์ทรงเพิ่มบุตรหลานของพวกเขาอย่างมากมายเหมือนดวงดาวบนท้องฟ้า และพระองค์ทรงพาพวกเขาเข้าไปในแผ่นดินซึ่งพระองค์ตรัสแก่พวกบรรพบุรุษของพวกเขาให้เข้าไปครอบครองนั้น +\v 24 ผู้คนเหล่านั้นจึงเข้าไปและครอบครองแผ่นดินนั้น พระองค์ทรงกำราบผู้ที่อยู่อาศัยในเมืองนั้น คือชาวคานาอันต่อหน้าต่อตาพวกเขาและทรงมอบคนเหล่านั้นไว้ในมือของพวกเขา พร้อมกับกษัตริย์และประชาชาติทั้งหลายแห่งแผ่นดินนั้นเพื่อชาวอิสราเอลจะทำสิ่งใดตามใจชอบกับคนเหล่านั้นได้ + + +\s5 +\p +\v 25 พวกเขาจึงเข้ากำราบเมืองที่มีป้อมและแผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ และพวกเขากำราบเอาบ้านเรือนซึ่งเต็มด้วยของดีทุกอย่าง รวมทั้งบ่อน้ำที่สกัดไว้ สวนองุ่น สวนมะกอก และต้นไม้ที่มีผลมากมาย เพื่อที่พวกเขาได้กินอิ่มสมบูรณ์และชื่นชมในความดีเลิศของพระองค์ + + +\s5 +\p +\v 26 ถึงกระนั้นพวกเขายังไม่เชื่อฟังและกบฏต่อพระองค์ พวกเขาขว้างพระบัญญัติของพระองค์ไว้ข้างหลัง และได้สังหารผู้เผยพระวจนะของพระองค์ ผู้ได้เตือนพวกเขาเพื่อให้พวกเขากลับมาหาพระองค์ และพวกเขาทำการดูหมิ่นประมาททางศาสนายิ่งนัก +\v 27 ดังนั้นพระองค์ทรงมอบพวกเขาไว้ในมือศัตรูของพวกเขา ผู้ทำให้พวกเขาทุกข์ทรมาน ในเวลาแห่งการทนทรมานของพวกเขา พวกเขาร้องทูลต่อพระองค์ และพระองค์ทรงฟังพวกเขาจากท้องฟ้า พระองค์ทรงทรงมอบบรรดาผู้ช่วยกู้แก่พวกเขาให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของบรรดาศัตรูทั้งหลายของพวกเขา + + +\s5 +\p +\v 28 แต่เมื่อพวกเขาพัก พวกเขาก็ทำความชั่วต่อพระพักตร์พระองค์อีก พระองค์จึงทรงทิ้งพวกเขาไว้ในมือศัตรู ดังนั้นศัตรูทั้งหลายจึงได้ปกครองเหนือพวกเขา ถึงกระนั้นเมื่อพวกเขาหันมาร้องทูลต่อพระองค์ พระองค์ทรงฟังพวกเขาจากท้องฟ้าและพระองค์ทรงช่วยกู้พวกเขาไว้หลายครั้งหลายหนตามพระกรุณาของพระองค์ +\v 29 พระองค์ได้ทรงเตือนพวกเขาเพื่อพวกเขาจะทรงหันกลับมาหาพระธรรมบัญญัติของพระองค์ แต่พวกเขาก็ยังประพฤติอย่างเย่อหยิ่งอวดดี ไม่ยอมเชื่อฟังพระบัญชาของพระองค์ แต่ได้ทำผิดต่อกฎหมายของพระองค์ซึ่งให้ชีวิตแก่ทุกคนที่กระทำตาม พวกเขาเชิดไหล่ ดื้อดึง คอแข็ง และปฏิเสธที่จะฟัง + + +\s5 +\p +\v 30 เพราะพระองค์ทรงอดทนต่อพวกเขาเป็นเวลาหลายปีและทรงตักเตือนพวกเขาผ่านทางผู้เผยพระวจนะของพระองค์ ด้วยพระวิญญาณของพระองค์ พวกเขาก็ยังไม่เงี่ยหูฟัง ดังนั้นพระองค์จึงทรงมอบพวกเขาไว้ในมือของประชาชาติเพื่อนบ้านทั้งหลาย +\v 31 แต่ด้วยพระเมตตากรุณาอันมากยิ่งนักของพระองค์ พระองค์ไม่ได้ทรงกระทำให้เขาย่อยยับหรือทรงทอดทิ้งพวกเขาเสีย เพราะพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงเปี่ยมด้วยพระกรุณาและพระเมตตา + + +\s5 +\p +\v 32 ดังนั้นตอนนี้ พระเจ้าของพวกเรา พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าที่ยิ่งใหญ่ ทรงฤทธิ์เดชและน่าเคารพ ผู้ทรงรักษาพันธสัญญาและความรักมั่นคง ฉะนั้นขอพระองค์อย่าทรงเห็นว่า ความทุกข์ยากลำบากทั้งสิ้นนั้นเป็นล้วนเป็นสิ่งเล็กๆน้อยๆซึ่งบังเกิดขึ้นกับข้าพระองค์ทั้งหลาย กับบรรดากษัตริย์ของข้าพระองค์กับบรรดาเจ้าเมือง บรรดาปุโรหิต บรรดาผู้เผยพระวจนะ บรรพบุรุษและประชาชาติของพระองค์ทั้งสิ้น ตั้งแต่สมัยกษัตริย์อัสซีเรียจนถึงตอนนี้ +\v 33 พระองค์ทรงความยุติธรรมในทุกสิ่งที่บังเกิดขึ้นแก่ข้าพระองค์ทั้งหลาย สำหรับพระองค์ทรงปฏิบัติอย่างเที่ยงธรรม แต่ข้าพระองค์ทั้งหลายประพฤติอย่างชั่วร้าย +\v 34 บรรดากษัตริย์ เจ้าเมือง ปุโรหิตและบรรพบุรุษของข้าพระองค์ทั้งหลาย ไม่ได้รักษาพระธรรมบัญญัติหรือใส่ใจต่อพระบัญชาของพระองค์ หรือต่อกฎเกณฑ์แห่งพันธสัญญาของพระองค์ซึ่งพระองค์ทรงได้เตือนพวกเขา + + +\s5 +\p +\v 35 แม้แต่ในอาณาจักรของตัวเอง ขณะที่พวกเขามีความสุขกับความดีอันแสนประเสริฐของพระองค์ที่ทรงมีต่อพวกเขา ในแผ่นดินอันกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ที่พระองค์ตั้งไว้ต่อหน้าพวกเขา พวกเขาก็ไม่ได้ปรนนิบัติพระองค์หรือหันกลับจากวิถีทางอันชั่วร้ายของพวกเขา + + +\s5 +\p +\v 36 บัดนี้ข้าพระองค์ทั้งหลายเป็นทาสอยู่ในแผ่นดินที่พระองค์ประทานแก่บรรพบุรุษของข้าพระองค์ทั้งหลายเพื่อให้เปรมปรีดิ์ในพืชผลกับของประทานอันดีของมัน แต่ดูเถิดพวกข้าพระองค์ทั้งหลายเป็นทาสอยู่ในนั้น! +\v 37 ผลผลิตที่อุดมสมบูรณ์จากแผ่นดินของข้าพระองค์ทั้งหลายไปถึงกษัตริย์ที่พระองค์ตั้งไว้เหนือข้าพระองค์ทั้งหลายเพราะบาปของข้าพระองค์ทั้งหลาย พวกเขามีอำนาจเหนือร่างกายและเหนือฝูงสัตว์เลี้ยงของข้าพระองค์ทั้งหลายตามความพอใจของพวกเขา ข้าพระองค์ทั้งหลายอยู่ในความทุกข์ยิ่งนัก + + +\s5 +\p +\v 38 ด้วยเหตุนี้พวกข้าพระองค์จึงได้ทำพันธสัญญามั่นคงไว้เป็นลายลักษณ์อักษร บนเอกสารที่ประทับตราไว้เป็นชื่อของเจ้าเมือง คนเลวีและปุโรหิตของข้าพระองค์ทั้งหลาย" + + +\s5 +\c 10 +\p +\v 1 บรรดาผู้ที่ประทับตราในหนังสือนี้คือ เนหะมีย์ ผู้ว่าราชการ ผู้เป็นบุตรของฮาคาลิยาห์และเศเดคียาห์ +\v 2 เสไรอาห์ อาซาริยาห์ เยเรมีย์ +\v 3 ปาชเฮอร์ อามาริยาห์ มัลคิยาห์ + + +\s5 +\p +\v 4 ฮัทธัช เชบานิยาห์ มัลลูค +\v 5 ฮาริม เมเรโมท โอบาดีห์ +\v 6 ดาเนียล กินเนโธน บารุค +\v 7 เมชุลลาม อาบียาห์ มิยามิน +\v 8 มาอาซิยาห์ บิลกัย และเชไมอาห์ คนเหล่านี้เป็นปุโรหิต + + +\s5 +\p +\v 9 พวกคนเลวีคือ เยชูอาผู้เป็นบุตรอาซันยาห์ บินนุยแห่งพงศ์พันธุ์เฮนาดัด ขัดมีเอล +\v 10 และพวกพ้องคนเลวีของพวกเขา เชบานิยาห์ โฮดียาห์ เคลิทา เปเลยาห์ ฮานัน +\v 11 มีคา เรโหบ ฮาชาบิยาห์ +\v 12 ศักเกอร์ เชเรบิยาห์ เชบานิยาห์ +\v 13 โฮดียาห์ บานี และเบนินู +\v 14 บรรดาผู้นำของประชาชนคือ ปาโรส ปาหัทโมอับ เอลาม ศัทธู บานี + + +\s5 +\p +\v 15 บุนนี อัสกาด เบบัย +\v 16 อาโดนียาห์ บิกวัย อาดีน +\v 17 อาเทอร์ เฮเซคียาห์ อัสซูร์ +\v 18 โฮดียาห์ ฮาชูม เบไซ +\v 19 ฮาริฟ อานาโธท เนบัย +\v 20 มักปีอาช เมชุลลาม เฮซีร์ +\v 21 เมเชซาเบล ศาโดก ยาดดูวา + + +\s5 +\p +\v 22 เปลาทีอาห์ ฮานัน อานายาห์ +\v 23 โฮเชยา ฮานันยาห์ หัสชูบ +\v 24 ฮัลโลเหช ปิลหา โชเบก +\v 25 เรฮูม ฮาซับนาห์ มาอาเสอาห์ +\v 26 อาหิอาห์ ฮานัน อานัน +\v 27 มัลลูค ฮาริม และบาอานาห์ + + +\s5 +\p +\v 28 ส่วนพวกคนที่เหลืออยู่ที่เป็นพวกปุโรหิต คนเลวี คนเฝ้าประตู คณะนักร้อง คนรับใช้ของพระวิหาร และทุกคนที่ได้แยกตัวเองออกจากชนชาติในแผ่นดินที่อยู่ใกล้เคียงนั้น และได้ปฏิญาณตนต่อพระบัญญัติของพระเจ้า รวมทั้งบรรดาภรรยา บุตรชายบุตรสาวของพวกเขา และคนทั้งปวงผู้มีความรู้และความเข้าใจ +\v 29 พวกเขาได้มารวมตัวกันกับพี่น้องและขุนนางของพวกเขา เข้ารับการสาบานตนและปฏิญาณที่จะดำเนินในพระบัญญัติของพระเจ้าที่ได้รับไว้โดยโมเสสผู้รับใช้ของพระเจ้า และที่จะรักษาและกระทำตามพระบัญญัติของพระยาห์เวห์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา และตามกฎหมายและกฎเกณฑ์ของพระองค์ + + +\s5 +\p +\v 30 พวกเราสัญญาว่าจะไม่ยกบุตรสาวของเราให้แก่คนในแผ่นดินนั้น หรือไม่รับบุตรสาวของพวกเขามาให้กับบุตรชายของเรา +\v 31 พวกเราสัญญาด้วยว่า ถ้าคนของแผ่นดินนั้นนำสินค้าหรือข้าวใดๆ มาขายในวันสะบาโต เราจะไม่ซื้อจากพวกเขาในวันสะบาโตหรือวันบริสุทธิ์อื่นๆ เราจะให้ทุ่งนาได้หยุดพักทุกปีที่เจ็ด และเราจะยกหนี้สินทั้งหมดที่พวกยิวบางคนได้ทำสัญญาไว้ + + +\s5 +\p +\v 32 พวกเรายอมรับพระบัญชาทั้งหลาย ในการถวายหนึ่งส่วนสามเชเขลในแต่ละปี เพื่อการปรนนิบัติในพระนิเวศของพระเจ้า +\v 33 เพื่อจัดให้มีขนมปังหน้าพระพักตร์ สำหรับธัญบูชาเป็นประจำ เครื่องเผาบูชาในวันสะบาโต เทศกาลขึ้นหนึ่งค่ำ เทศกาลงานเลี้ยงต่างๆที่กำหนดไว้ เพื่อเครื่องบูชาบริสุทธิ์ และเพื่อเครื่องบูชาลบบาป เพื่อทำการลบล้างมลทินบาปให้กับอิสราเอล เช่นเดียวกันกับงานทั้งหมดในพระนิเวศของพระเจ้าของเรา + + +\s5 +\p +\v 34 พวกปุโรหิต คนเลวีและประชาชนได้จับฉลากเพื่อถวายฟืน เพื่อที่จะเลือกว่าเผ่าใดในพงศ์พันธุ์ของเราจะนำฟืนเข้ามาในพระนิเวศของพระเจ้าตามเวลาที่กำหนดไว้ในแต่ละปี เพื่อเผาบนแท่นบูชาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา ตามที่ถูกเขียนไว้ในธรรมบัญญัติ +\v 35 พวกเราสัญญาว่าจะนำผลแรกที่เกิดจากพื้นดินของเรา และผลแรกของต้นไม้ทุกต้นในแต่ละปี มายังพระนิเวศของพระยาห์เวห์ +\v 36 ตามที่มีเขียนไว้ในธรรมบัญญัติ พวกเราสัญญาว่าจะนำบุตรชายหัวปี และลูกหัวปีของฝูงวัว และฝูงแพะแกะของเรามายังพระนิเวศของพระเจ้า และมายังปุโรหิตผู้ที่ปรนนิบัติอยู่ที่นั่น + + +\s5 +\p +\v 37 พวกเราจะนำส่วนแรกของขนมปังธัญบูชา ผลจากต้นไม้ทุกต้น เหล้าองุ่นใหม่และน้ำมัน มายังปุโรหิต มายังคลังพระนิเวศของพระเจ้าของเรา พวกเราจะนำทศางค์จากพื้นดินของเรามาให้แก่พวกคนเลวี เพราะคนเลวีเก็บทศางค์ไว้ทุกเมืองที่เราทำงาน +\v 38 ปุโรหิตที่เป็นเชื้อสายของอาโรนต้องอยู่กับคนเลวี เมื่อพวกเขารับทศางค์ คนเลวีต้องนำสิบลดของทศางค์มาไว้ที่พระนิเวศของพระเจ้าเพื่อเก็บไว้ในห้องคลังสมบัติ + + +\s5 +\p +\v 39 เพราะคนอิสราเอลและลูกหลานของคนเลวีจะนำส่วนถวายที่เป็นเหล้าองุ่นใหม่และน้ำมันมาเก็บไว้ที่ห้องคลังที่เก็บเครื่องใช้ของสถานนมัสการ และที่อยู่ของปุโรหิตที่ปรนนิบัติ คนเฝ้าประตู และคณะนักร้องอยู่ พวกเราจะไม่เพิกเฉยต่อพระนิเวศของพระเจ้าของเรา + + +\s5 +\c 11 +\p +\v 1 บรรดาผู้นำของประชาชนได้อาศัยอยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม และประชาชนส่วนที่เหลือได้จับฉลากกัน เพื่อที่จะเลือกคนหนึ่งส่วนในสิบส่วนให้อยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม นครศักดิ์สิทธิ์ และที่เหลืออีกเก้าส่วนให้ไปอาศัยในเมืองอื่น ๆ +\v 2 จากนั้นประชาชนก็ได้อวยพรคนทั้งหมดที่เต็มใจเสนอตัวที่จะอยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม + + +\s5 +\p +\v 3 ต่อไปนี้คือเจ้าหน้าที่มณฑลทั้งหลายที่อาศัยอยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม อย่างไรก็ดี ในเมืองต่าง ๆ ของยูดาห์ทุกคนก็ได้อาศัยอยู่ในที่ดินของตน อิสราเอลบางส่วน ปุโรหิต คนเลวี คนรับใช้ในพระวิหาร และเชื้อสายข้าราชการของซาโลมอน +\v 4 เชื้อสายบางส่วนของยูดาห์ และเบนยามินอาศัยอยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม เชื้อสายของยูดาห์มี อาธายาห์บุตรชายของอุสซิยาห์ ผู้เป็นบุตรชายของเศคาริยาห์ ผู้เป็นบุตรชายของอามาริยาห์ ผู้เป็นบุตรชายของเชฟาทิยาห์ ผู้เป็นบุตรชายของมาหะลาเลล เชื้อสายของเปเรศ + + +\s5 +\p +\v 5 มีมาอาเสอาห์บุตรชายของบารุค ผู้เป็นบุตรชายของคลโฮเซห์ ผู้เป็นบุตรชายของฮาซายาห์ ผู้เป็นบุตรชายของอาดายาห์ ผู้เป็นบุตรชายของโยยาริบ ผู้เป็นบุตรชายของเศคาริยาห์ ผู้เป็นบุตรชายของคนชีโลห์ +\v 6 บุตรชายทั้งหมดของเปเรสผู้ที่ได้อาศัยอยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม มีทั้งหมด 468 คน พวกเขาล้วนเป็นคนดีเลิศ + + +\s5 +\p +\v 7 ต่อไปนี้คือเชื้อสายของเบนยามิน สัลลูบุตรชายของเมชุลลาม ผู้เป็นบุตรชายของโยเอด ผู้เป็นบุตรชายของเปดายาห์ ผู้เป็นบุตรชายของโคลายาห์ ผู้เป็นบุตรชายของมาอาเสอาห์ ผู้เป็นบุตรชายของอิธีเอล ผู้เป็นบุตรชายของเยชายาห์ +\v 8 และผู้ที่ติดตามเขา กับบัยและสัลลัย มี 928 คน +\v 9 โยเอลบุตรชายของศีครีเป็นหัวหน้าของพวกเขา และยูดาห์บุตรชายของเสนูอาห์เป็นรองหัวหน้าในการสั่งการเหนือเมืองนั้น + + +\s5 +\p +\v 10 จากพวกปุโรหิตคือ เยดายาห์บุตรชายของโยยาริบ ยาคิน +\v 11 เสไรยาห์บุตรชายของฮิลคียาห์ ผู้เป็นบุตรชายของเมชุลลาม ผู้เป็นบุตรชายของศาโดก ผู้เป็นบุตรชายของเมราโยท ผู้เป็นบุตรชายของอาหิทูบ เป็นผู้ควบคุมดูแลพระนิเวศของพระเจ้า +\v 12 และพวกพี่น้องของเขาที่ทำงานในพระนิเวศ จำนวน 822 คน พร้อมด้วยอาดายาห์บุตรชายของเยโรอัม ผู้เป็นบุตรชายของเปไลยาห์ ผู้เป็นบุตรชายของอัมซี ผู้เป็นบุตรชายของเศคาริยาห์ ผู้เป็นบุตรชายของปาซเฮอร์ ผู้เป็นบุตรชายของมัลคิยาห์ + + +\s5 +\p +\v 13 พวกพี่น้องของเขาเป็นหัวหน้าของตระกูล มี 242 คน และอามาชสัยบุตรชายของอาซาเรล ผู้เป็นบุตรชายของอัคซัย ผู้เป็นบุตรชายของเมชิลเลโมท ผู้เป็นบุตรชายของอิมเมอร์ +\v 14 และพี่น้องของเขาจำนวน 128 คน เป็นผู้ชายที่กล้าหาญในการต่อสู้ หัวหน้าของเขาคือ ศับดีเอลบุตรชายของฮักเกโดลิม + + +\s5 +\p +\v 15 จากคนเลวีคือ เชไมอาห์บุตรชายของหัสชูบ ผู้เป็นบุตรชายของอัสรีคัม ผู้เป็นบุตรชายของฮาชาบิยาห์ ผู้เป็นบุตรชายของบุนนี +\v 16 และชับเบธัยกับโยซาบาดผู้ซึ่งมาจากพวกผู้นำของคนเลวีและเป็นผู้ควบคุมงานภายนอกพระนิเวศของพระเจ้า + + +\s5 +\p +\v 17 มีมัทธานิยาห์บุตรชายของมีคาห์ ผู้เป็นบุตรชายของศับดี ผู้เป็นเชื้อสายของอาสาฟเป็นหัวหน้าในการเริ่มต้นการขอบพระคุุณในการอธิษฐาน และบัคบูคิยาห์เป็นรองหัวหน้าท่ามกลางพี่น้องของเขา และอับดาบุตรชายของชัมมุวา ผู้เป็นบุตรของกาลาล ผู้เป็นบุตรชายของเยดูธูน +\v 18 คนเลวีทั้งหมดในนครศักดิ์สิทธิ์มีจำนวน 284 คน + + +\s5 +\p +\v 19 คนเฝ้าประตูคือ อักขูบ ตัลโมน และพี่น้องของเขา ผู้เฝ้าระวังประตูต่างๆ จำนวน 172 คน +\v 20 คนอิสราเอลที่เหลือ เป็นพวกปุโรหิตและคนเลวี อยู่ในเมืองต่างๆของยูดาห์ ทุกคนอาศัยอยู่ในที่ดินมรดกของเขา +\v 21 คนงานของพระวิหารอาศัยอยู่ในโอเฟล และศีหะกับกิชปาเป็นคนคอยดูแลของพวกเขา + + +\s5 +\p +\v 22 หัวหน้าคนดูแลคนเลวีในกรุงเยรูซาเล็มคืออุสซีบุตรชายของบานี ผู้เป็นบุตรชายของฮาชาบิยาห์ ผู้เป็นบุตรชายของมัทธานิยาห์ ผู้เป็นบุตรชายของมีคาเชื้อสายของอาสาฟ พวกนักร้องดูแลงานในพระนิเวศของพระเจ้า +\v 23 พวกเขาอยู่ภายใต้ข้อกำหนดต่างๆ ที่มาจากกษัตริย์ และระเบียบต่างๆ อย่างเข้มงวดได้ถูกประทานให้กับพวกนักร้องทุกวันตามกำหนด +\v 24 ส่วนเปธาหิยาห์บุตรชายของเมเชซาเบล เชื้อสายคนหนึ่งของเศราห์ ผู้เป็นบุตรชายยูดาห์ เป็นมหาดเล็กอยู่ข้าง ๆ กษัตริย์ในทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับประชาชน + + +\s5 +\p +\v 25 ส่วนหมู่บ้านและไร่นาของหมู่บ้านเหล่านั้น ประชาชนบางส่วนของยูดาห์อาศัยในคีรียาทอารบา รวมทั้งหมู่บ้านต่างๆ ของเมืองนั้น ในดีโบนรวมทั้งหมู่บ้านต่างๆ ของเมืองนั้น ในเยขับเซเอลรวมทั้งหมู่บ้านต่างๆ ของเมืองนั้น +\v 26 และในเยชูอา ในโมลาดาห์ ในเบธเปเลต +\v 27 ในฮาซารชูอาล และในเบเออร์เชบารวมทั้งหมู่บ้านต่างๆ ของเมืองนั้น + + +\s5 +\p +\v 28 ประชาชนบางส่วนของยูดาห์อาศัยอยู่ในศิกลาก ในเมโคนาห์ รวมทั้งหมู่บ้านต่างๆ ของเมืองนั้น +\v 29 ในเอนริมโมน ในโศราห์ ในยารมูท +\v 30 ในศาโนอาห์ ในอดุลลัม รวมทั้งหมู่บ้านต่างๆ ของเมืองนั้น และในลาคีช รวมทั้งไร่นาต่างๆ ของเมืองนั้น และอาเซคาห์รวมทั้งหมู่บ้านต่างๆ ของเมืองนั้น ดังนั้นพวกเขาจึงอาศัยอยู่ตั้งแต่เบเออร์เชบาจนถึงหุบเขาฮินโมน +\v 31 ประชาชนของพวกเบนยามินได้อาศัยต่อจากเกบาด้วย ที่มิคมาช และอัยยา ที่เบธเอลและหมู่บ้านต่างๆ ของเมืองนั้น +\v 32 ที่อานาโธท นบ อานานิยาห์ +\v 33 ฮาโซร์ รามา กิททาอิม +\v 34 ฮาดิด เสโบอิม เนบัลลัท +\v 35 ลด และโอโน หุบเขาของพวกช่างฝีมือ +\v 36 บางส่วนของคนเลวีซึ่งอาศัยในยูดาห์ ถูกมอบหมายให้อยู่กับประชาชนของเบนยามิน + + +\s5 +\c 12 +\p +\v 1 ต่อไปนี้เป็นพวกปุโรหิตและพวกเลวีที่ขึ้นมาพร้อมกับเศรุบบาเบล บุตรของเชอัลทิเอลและกับเยชูอา คือ เสไรยาห์ เยเรมีย์ เอสรา +\v 2 อามาริยาห์ มัลลูค ฮัทธัช +\v 3 เชคานิยาห์ เรฮูม และ เมเรโมท + + +\s5 +\p +\v 4 ยังมีอิดโด กินเนธอน อาบียาห์ +\v 5 มิยามิน โมอาดิยา บิลกาห์ +\v 6 เชไมยาห์ และโยยาริบ เยดายาห์ +\v 7 สัลลู อาโมค ฮิลิคียาห์ เยดายาห์ คนเหล่านี้เป็นหัวหน้าของบรรดาปุโรหิตและพี่น้องของเขาในสมัยของเยชูอา + + +\s5 +\p +\v 8 คนเลวี คือ เยชูอา บินนุย ขัดมีเอล เชเรบิยาห์ ยูดาห์ และมัทธานิยาห์ ผู้ซึ่งดูแลบทเพลงขอบพระคุณพร้อมกับคณะของเขา +\v 9 บัคบูคิยาห์ กับอุนนี คณะของเขา ได้ยืนอยู่ตรงข้ามพวกเขาระหว่างการปรนนิบัติ + + +\s5 +\p +\v 10 เยชูอาเป็นบิดาของโยยาคิม โยยาคิมเป็นบิดาของเอลียาชีบ เอลียาชีบเป็นบิดาของโยยาดา +\v 11 โยยาดาเป็นบิดาของโยนาธาน และโยนาธานเป็นบิดาของยาดดูอา + + +\s5 +\p +\v 12 ในสมัยของโยยาคิม พวกปุโรหิตที่ เป็นผู้นำของตระกูลต่างๆ ได้แก่ เมรายาห์เป็นผู้นำของตระกูลเสไรยาห์ ฮานานิยาห์เป็นผู้นำของตระกูลเยเรมีย์ +\v 13 เมชุลลามเป็นผู้นำของตระกูลเอสรา เยโฮฮานันเป็นผู้นำของตระกูลอามาริยาห์ +\v 14 โยนาธานเป็นผู้นำของตระกูลมัลลูค และโยเซฟเป็นผู้นำของตระกูลเชบานิยาห์ + + +\s5 +\p +\v 15 อัดนาเป็นผู้นำของตระกูลฮาริม เฮลคายเป็นผู้นำของตระกูลเมราโยท +\v 16 เศคาริยาห์เป็นผู้นำของตระกูลอิดโด เมชุลลามเป็นผู้นำของตระกูลกินเนโธน และ +\v 17 ศิครีเป็นผู้นำของตระกูลอาบียาห์... ของมินยามิน ปิลทัยเป็นผู้นำของตระกูลโมอัดยาห์ +\v 18 ชัมมุวาเป็นผู้นำของตระกูลบิลกาห์ เยโฮนาธันเป็นผู้นำของตระกูลเชไมยาห์ +\v 19 มัทเธนัยเป็นผู้นำของตระกูลโยยาริบ อุสซีเป็นผู้นำของตระกูลเยดายาห์ +\v 20 คาลลัยเป็นผู้นำของตระกูลศัลลัย เอเบอร์เป็นผู้นำของตระกูลอาโมค +\v 21 ฮาชาบิยาห์เป็นผู้นำของตระกูลฮิลคียาห์ และเนธัลเอลเป็นผู้นำของตระกูลเยดายาห์ + + +\s5 +\p +\v 22 ในสมัยของเอลียาชีบ คนเลวีตระกูลเอลียาชีบ โยยาดา โยฮานัน และ ยาดดูวา ถูกบันทึกไว้ว่าเป็นหัวหน้าของตระกูลต่างๆ และบรรดาปุโรหิตก็ถูกบันทึกไว้ระหว่างรัชสมัยของดาริอัสชาวเปอร์เซีย +\v 23 พงศ์พันธุ์ของคนเลวี บรรดาผู้นำตระกูลของพวกเขาได้ถูกบันทึกไว้ในหนังสือพงศาวดาร จนถึงสมัยของโยฮานันบุตรของเอลียาชีบ + + +\s5 +\p +\v 24 บรรดาผู้นำของคนเลวีคือ ฮาชาบิยาห์ เรเชบิยาห์ และเยชูอาบุตรขัดมีเอล กับคณะของพวกเขาที่ยืนอยู่ตรงข้ามกันกับพวกเขาเพื่อสรรเสริญและขอบพระคุณ เป็นการตอบสนองทุกส่วนทีละส่วน ในการเชื่อฟังคำสั่งของดาวิดคนของพระเจ้า +\v 25 มัทธานิยาห์ บัคบูคิยาห์ โอบาดีห์ เมชุลลาม ทัลโมน และอักขูบ เป็นคนเฝ้าประตูยืนเฝ้าอยู่ที่ประตูห้องคลังต่างๆ +\v 26 คนเหล่านี้ได้รับใช้อยู่ในสมัยของโยยาคิมบุตรเยชูอา ผู้เป็นบุตรโยซาดัก และในสมัยของเนหะมีย์เป็นผู้ว่าราชการ กับในสมัยของเอสราเป็นปุโรหิตและธรรมาจารย์ + + +\s5 +\p +\v 27 ในการทำพิธีมอบถวายกำแพงกรุงเยรูซาเล็ม พวกประชาชนได้เสาะหาคนเลวีตามที่พวกเขาอาศัยอยู่ เพื่อจะนำพวกเขามายังกรุงเยรูซาเล็ม เพื่อฉลองการมอบถวายด้วยความยินดี ด้วยการขอบพระคุณ และการร้องเพลง พร้อมด้วยฉาบ พิณ และพิณเขาคู่ +\v 28 พวกพ้องของคณะนักร้องได้รวมตัวกันมาจากอาณาบริเวณรอบกรุงเยรูซาเล็มและมาจากหมู่บ้านต่างๆ ของชาวเนโทฟาห์ + + +\s5 +\p +\v 29 พวกเขามาจากเมืองเบธกิลกาล และจากเขตเกบา และจากอัสมาเวท เพราะว่าพวกนักร้องได้สร้างหมู่บ้านของพวกเขาเองรอบๆ กรุงเยรูซาเล็ม +\v 30 บรรดาปุโรหิตและคนเลวีได้ชำระตนเองให้บริสุทธิ์ และพวกเขาได้ชำระประชาชน ประตูเมือง และกำแพงให้บริสุทธิ์ + + +\s5 +\p +\v 31 แล้วข้าพเจ้าได้ให้ผู้นำของยูดาห์ขึ้นไปบนกำแพง และได้แต่งตั้งนักร้องคณะใหญ่สองคณะเป็นผู้กล่าวขอบพระคุณ คณะหนึ่งได้เดินไปด้านขวาบนกำแพงมุ่งไปยังประตูมูลสัตว์ + + +\s5 +\p +\v 32 โฮชายาห์และผู้นำยูดาห์ครึ่งหนึ่งตามไป +\v 33 หลังจากพวกเขาคือ อาซาริยาห์ เอสรา เมชุลลาม +\v 34 ยูดาห์ เบนยามิน เชไมยาห์ เยเรมีย์ +\v 35 และบุตรของปุโรหิตบางคนที่มีแตร และเศคาริยาห์บุตรของโยนาธาน ผู้เป็นบุตรของเชไมยาห์ ผู้เป็นบุตรของมัทธานิยาห์ ผู้เป็นบุตรของมีคายาห์ ผู้เป็นบุตรของศักเกอร์ ผู้เป็นบุตรของอาสาฟ + + +\s5 +\p +\v 36 ยังมีญาติของเศคาริยาห์ด้วย คือ เชไมยาห์ อาซาเรล มิลาลัย กิลาลัย มาอัย เนธันเอล ยูดาห์ ฮานานี ที่ใช้เครื่องดนตรีต่างๆ ของดาวิดคนของพระเจ้า เอสราธรรมาจารย์เดินนำหน้าพวกเขา +\v 37 ที่ประตูน้ำพุพวกเขาได้เดินตรงไปขึ้นบันไดของเมืองแห่งดาวิด ที่ทางบันไดไปยังกำแพงเหนือพระราชวังของดาวิด ไปยังประตูน้ำด้านทิศตะวันออก + + +\s5 +\p +\v 38 นักร้องอีกคณะหนึ่งที่เป็นผู้กล่าวคำขอบพระคุณได้เดินไปอีกทางหนึ่ง ข้าพเจ้าตามพวกเขาไปบนกำแพงพร้อมกับประชาชนครึ่งหนึ่งเหนือหอคอยเตาไฟ ไปถึงกำแพงกว้าง +\v 39 เหนือประตูเอฟราอิม และโดยทางประตูเก่า ทางประตูปลา และหอคอยฮานันเอล หอคอยศตพลไปจนถึงประตูแกะ และพวกเขาหยุดที่ประตูยาม + + +\s5 +\p +\v 40 นักร้องทั้งสองคณะที่กล่าวขอบพระคุณได้เข้าประจำที่ในพระนิเวศของพระเจ้า และข้าพเจ้ากับเจ้าหน้าที่อีกครึ่งหนึ่งก็เข้าประจำที่ด้วยเช่นกัน +\v 41 ปุโรหิตที่ถือแตรก็ได้เข้าประจำที่ของเขา ได้แก่ เอลียาคิม มาอาเสยาห์ มินยามิน มีคายาห์ เอลีโอนัย เศคาริยาห์ และฮานันยาห์ +\v 42 และมาอาเสยาห์ เชไมยาห์ เอเลอาซาร์ อุสซี เยโฮฮานัน มัลคิยาห์ เอลาม และเอเซอร์ และคณะนักร้องได้ร้องเพลงโดยมียิสรายาห์เป็นหัวหน้าพวกเขา + + +\s5 +\p +\v 43 พวกเขาได้ถวายสัตวบูชาอย่างยิ่งใหญ่ในวันนั้นและเปรมปรีดิ์ เพราะพระเจ้าทรงกระทำให้พวกเขาเปรมปรีดิ์ด้วยความเบิกบานใจยิ่งนัก พวกผู้หญิงและเด็กๆ ก็เปรมปรีดิ์ด้วย ดังนั้น ความชื่นบานของเยรูซาเล็มก็ได้ยินไปไกล + + +\s5 +\p +\v 44 ในวันนั้น เขาแต่งตั้งพวกผู้ชายให้ดูแลห้องเก็บของ สำหรับของถวายต่างๆ ผลแรกต่างๆ และทศางค์ทั้งหลาย รวบรวมให้เป็นไปตามสัดส่วนกำหนดไว้ในบัญญัติสำหรับพวกปุโรหิตและพวกเลวี แต่ละคนได้ถูกกำหนดให้ทำงานในทุ่งนาใกล้เมืองต่างๆ ส่วนยูดาห์เปรมปรีดิ์ต่อบรรดาปุโรหิตและคนเลวีที่ยืนต่อหน้าพวกเขาทั้งหลาย +\v 45 พวกเขาได้ปรนนิบัติพระเจ้าของเขา และเพื่อการชำระให้บริสุทธิ์ และคณะนักร้องและพวกคนเฝ้าประตูก็กระทำเช่นเดียวกันในการปฎิบัติตามบัญชาของดาวิดและของซาโลมอนโอรสของพระองค์ + + +\s5 +\p +\v 46 เพราะเมื่อนานมาแล้ว ในสมัยของดาวิดและอาสาฟ มีหัวหน้าคณะนักร้อง มีบทเพลงสรรเสริญ และบทเพลงขอบพระคุณพระเจ้า +\v 47 ในสมัยของเศรุบบาเบลและในสมัยของเนหะมีย์ อิสราเอลทั้งปวงได้ปันส่วนแก่คณะนักร้องและพวกคนเฝ้าประตูทุกวัน และเขาได้กันส่วนของคนเลวีไว้ต่างหาก และคนเลวีได้กันส่วนสำหรับพงศ์พันธุ์ของอาโรนไว้ต่างหาก + + +\s5 +\c 13 +\p +\v 1 ในวันนั้นที่พวกเขาได้อ่านหนังสือของโมเสสให้พวกอิสราเอลได้ฟัง มีการพบว่าในหนังสือนั้นได้เขียนไว้ว่าไม่ควรให้คนโมอับ และคนอัมโมนเข้ามาในชุมชนของพระเจ้าเป็นนิตย์ +\v 2 เพราะพวกเขาไม่ได้เอาอาหารและน้ำมาให้คนอิสราเอล แต่พวกเขาได้จ้างบาลาอัมให้มาแช่งสาปคนอิสราเอล อย่างไรก็ตามพระเจ้าของเราได้เปลี่ยนคำแช่งสาปให้กลายเป็นคำอวยพร +\v 3 ทันทีที่พวกเขาได้ยินธรรมบัญญัติ พวกเขาได้แยกคนอิสราเอลออกจากคนต่างชาติทุกคน + + +\s5 +\p +\v 4 ก่อนหน้านี้ เอลียาชีบปุโรหิตได้ถูกแต่งตั้งให้ดูแลห้องเก็บของทั้งหลายในพระนิเวศแห่งพระเจ้าของเรา เขามีความเกี่ยวข้องกับโทบีอาห์ +\v 5 เอลียาชีบได้จัดห้องขนาดใหญ่ให้กับโทบีอาห์ ซึ่งก่อนหน้านี้ห้องดังกล่าวได้ถูกใช้เป็นที่เก็บธัญญบูชา กำยาน เครื่องใช้ต่าง ๆ และทศางค์ของธัญญพืช เหล้าองุ่นใหม่ และน้ำมัน ซึ่งถูกจัดไว้ให้แก่คนเลวี นักร้อง คนเฝ้าประตู และของถวายสำหรับพวกปุโรหิต + + +\s5 +\p +\v 6 แต่ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในขณะที่ข้าพเจ้าไม่ได้อยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม เพราะในปีที่สามสิบสองแห่งอารทาเซอร์ซีส กษัตริย์ของบาบิโลน ข้าพเจ้าได้ไปเข้าเฝ้ากษัตริย์ หลังจากนั้นข้าพเจ้าได้ขออนุญาตทูลลากษัตริย์ +\v 7 ข้าพเจ้ากลับมายังกรุงเยรูซาเล็ม แล้วข้าพเจ้าจึงทราบความชั่วร้ายซึ่งเอลียาชีบได้กระทำ คือจัดห้องให้โทบีอาห์ภายในบริเวณพระนิเวศของพระเจ้า + + +\s5 +\p +\v 8 ข้าพเจ้าโกรธมากและโยนข้าวของทั้งหมดของโทบียาห์ออกจากห้องนั้น +\v 9 ข้าพเจ้าสั่งให้พวกเขาชำระห้องเก็บของนั้น และข้าพเจ้านำเครื่องใช้ต่าง ๆ ของพระนิเวศของพระเจ้า เครื่องธัญญบูชา และกำยานกลับไปไว้ในห้องนั้นอีก + + +\s5 +\p +\v 10 ข้าพเจ้ายังทราบด้วยว่าคนเลวีไม่ได้รับส่วนที่เป็นของพวกเขา พวกเลวีและพวกนักร้องซึ่งกระทำการงานได้หนีกลับไปยังทุ่งนาของตนเอง +\v 11 ดังนั้นข้าพเจ้าจึงได้ต่อว่าพวกเจ้าหน้าที่ และพูดว่า "ทำไมพระนิเวศของพระเจ้าถูกทอดทิ้ง?" ข้าพเจ้าได้รวบรวมพวกเขาและตั้งพวกเขาตามตำแหน่งของพวกเขาอีก + + +\s5 +\p +\v 12 จากนั้นพวกยูดาห์ทั้งหมดได้นำทศางค์ของธัญญพืช เหล้าองุ่นใหม่ และน้ำมันมาไว้ในห้องเก็บของ +\v 13 ข้าพเจ้าได้แต่งตั้งผู้ดูแลคลังเก็บของคือ เชเลมิยาห์ปุโรหิต และศาโดกธรรมาจารย์ และจากคนเลวีคือเปดายาห์ ถัดจากพวกเขาคือฮานันบุตรชายของศักเกอร์ ผู้เป็นบุตรของมัทธานิยาห์ เพราะว่าพวกเขานับว่าเป็นคนน่าเชื่อถือ หน้าที่ของพวกเขาคือการแจกจ่ายสิ่งของต่าง ๆ แก่พวกพี่น้องของพวกเขา +\v 14 ข้าแต่พระเจ้าแห่งข้าพระองค์ ขอทรงระลึกถึงข้าพระองค์เกี่ยวกับเรื่องนี้ และขออย่าทรงลบล้างการดีทั้งหลายที่ข้าพระองค์ได้กระทำเพื่อพระนิเวศของพระเจ้าของข้าพระองค์และการปรนนิบัติรับใช้ในที่นั้น + + +\s5 +\p +\v 15 ครั้งนั้นในยูดาห์ ข้าพเจ้าเห็นประชาชนย่ำองุ่นในวันสะบาโต และนำกองข้าวบรรทุกบนหลังลา พร้อมด้วยเหล้าองุ่น ผลองุ่น ผลมะเดื่อ และสัมภาระหนักทุกชนิด ซึ่งพวกเขานำเข้ามาในกรุงเยรูซาเล็มในวันสะบาโต ข้าพเจ้าได้ทักท้วงพวกเขาที่กำลังซื้อขายอาหารในวันนั้น + + +\s5 +\p +\v 16 พวกผู้ชายจากไทระที่อาศัยในกรุงเยรูซาเล็มนำปลา และสินค้าทุกชนิด พวกเขาขายสินค้าเหล่านี้ให้กับประชาชนของยูดาห์และกับประชาชนในเมืองนั้นในวันสะบาโต! +\v 17 จากนั้นข้าพเจ้าได้ต่อว่าผู้นำของยูดาห์ "พวกเจ้ากำลังทำสิ่งชั่วร้ายอะไรกันนี่ กำลังดูหมิ่นวันสะบาโตหรือ? +\v 18 บรรพบุรุษทั้งหลายของพวกเจ้าไม่ได้ทำเช่นนี้หรือ? พระเจ้าของเรามิได้ทรงนำสิ่งที่ชั่วร้ายทั้งหมดนี้มาให้พวกเราและเมืองนี้หรือ? บัดนี้พวกเจ้ากำลังนำพระพิโรธที่มากยิ่งขึ้นมาให้คนอิสราเอลโดยการดูหมิ่นวันสะบาโต" + + +\s5 +\p +\v 19 ทันทีที่มืดลงที่ประตูเมืองกรุงเยรูซาเล็มก่อนวันสะบาโต ข้าพเจ้าสั่งให้ปิดประตูทั้งหลาย และไม่ให้เปิดอีกจนกว่าจะพ้นวันสะบาโตแล้ว ข้าพเจ้าได้ตั้งคนใช้บางคนของข้าพเจ้าที่ประตูเมือง ดังนั้นจึงไม่มีสัมภาระสิ่งของใดๆ สามารถนำเข้ามาในเมืองได้ในวันสะบาโต +\v 20 พ่อค้าทั้งหลายและพวกขายสินค้าทุกชนิดต้องนอนพักนอกกรุงเยรูซาเล็มครั้งหรือสองครั้ง + + +\s5 +\p +\v 21 แต่ข้าพเจ้าได้เตือนพวกเขา "ทำไมพวกเจ้านอนพักนอกกำแพงเมือง? ถ้าพวกเจ้าทำอีก ข้าพเจ้าจะจับพวกท่าน!" ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาพวกเขาก็ไม่มาในวันสะบาโตอีก +\v 22 จากนั้นข้าพเจ้าได้สั่งพวกเลวีให้ชำระตัวเขาเอง และมาเฝ้าประตูเมืองไว้ เพื่อรักษาวันสะบาโตให้บริสุทธิ์ ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอทรงระลึกถึงข้าพระองค์สำหรับเรื่องนี้ด้วย และขอทรงเมตตาต่อข้าพระองค์เพราะพันธสัญญาที่มั่นคงที่พระองค์มีต่อข้าพระองค์ + + +\s5 +\p +\v 23 ในเวลานั้นข้าพเจ้าได้เห็นคนยิวที่ได้แต่งงานกับหญิงคนอัชโดด คนอัมโมน และคนโมอับ +\v 24 เด็กของพวกเขาครึ่งหนึ่งพูดภาษาอัชโดด ไม่มีใครสักคนพูดภาษายูดาห์ได้ แต่พูดได้เพียงภาษาของพวกเขาแต่ละพวกเท่านั้น + + +\s5 +\p +\v 25 ข้าพเจ้าได้โต้แย้งกับพวกเขา ได้แช่งเขา ได้ตีพวกเขาบางคน และได้ดึงผมของพวกเขา ให้พวกเขาสาบานในพระนามของพระเจ้าว่า "เจ้าทั้งหลายจะไม่ยกลูกสาวของเจ้าให้กับบุตรชายของเขา หรือรับลูกสาวของพวกเขามาให้บุตรชายของเจ้า หรือเพื่อตัวเจ้าเอง +\v 26 ซาโลมอนกษัตริย์แห่งอิสราเอลไม่ได้ทำบาปด้วยเรื่องผู้หญิงเหล่านี้หรือ? ท่ามกลางบรรดาประชาชาติไม่มีกษัตริย์องค์ใดเหมือนพระองค์ และพระเจ้าของพระองค์ก็ทรงรักพระองค์ และพระเจ้าทรงตั้งพระองค์เป็นกษัตริย์ครอบครองเหนืออิสราเอลทั้งหมด ถึงแม้ว่าจะเป็นเช่นนั้นก็ตาม บรรดานางสนมต่างชาติทั้งหลายของพระองค์ก็เป็นเหตุให้พระองค์ทรงทำบาป +\v 27 ควรหรือที่เราจะฟังคำเจ้าและทำสิ่งที่ชั่วร้ายอันยิ่งใหญ่นี้ และกระทำการทรยศต่อพระเจ้าของเราโดยการแต่งงานกับหญิงต่างชาติ? + + +\s5 +\p +\v 28 บุตรชายคนหนึ่งของโยยาดา ผู้เป็นบุตรของเอลียาชีบมหาปุโรหิต เป็นบุตรเขยของสันบาลลัทคนโฮโรนาอิม ดังนั้นข้าพเจ้าจึงได้ขับไล่เขาไปเสียจากข้าพเจ้า +\v 29 ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอทรงระลึกถึงข้าพระองค์เพราะว่าพวกเขาได้ทำให้ความเป็นปุโรหิต และพันธสัญญาของความเป็นปุโรหิตและของคนเลวีเป็นมลทิน + + +\s5 +\p +\v 30 ดังนี้แหล่ะ ข้าพเจ้าจึงได้ชำระพวกเขาจากทุกสิ่งที่เป็นของคนต่างชาติและและข้าพเจ้าได้กำหนดหน้าที่ของบรรดาปุโรหิตและคนเลวี ต่างก็ประจำงานของตน +\v 31 ข้าพเจ้าได้จัดหาฟืนถวายตามเวลาที่กำหนด และสำหรับผลแรก ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอทรงระลึกถึงข้าพระองค์เพื่อผลดีเถิด + + diff --git a/manifest.yaml b/manifest.yaml new file mode 100644 index 0000000..bf94302 --- /dev/null +++ b/manifest.yaml @@ -0,0 +1,43 @@ +--- +dublin_core: + conformsto: rc0.2 + contributor: + - Special User + creator: Wycliffe Associates + description: "" + format: text/usfm + identifier: ulb + issued: 2020-03-11 + modified: 2020-03-11 + language: + direction: ltr + identifier: th + title: ไทย + publisher: unfoldingWord + relation: + - th/tw + - th/tq + - th/tn + rights: CC BY-SA 4.0 + source: + - + identifier: ulb + language: en + version: "1" + subject: Bible + title: Unlocked Literal Bible + type: bundle + version: 1 +checking: + checking_entity: + - Wycliffe Associates + checking_level: 3 +projects: + - + title: Nehemiah + versification: ulb + identifier: neh + sort: 16 + path: ./16-NEH.usfm + categories: + - bible-ot