1522 lines
270 KiB
Plaintext
1522 lines
270 KiB
Plaintext
|
\id JDG Unlocked Literal Bible
|
||
|
\ide UTF-8
|
||
|
\h JUDGES
|
||
|
\toc1 Judges
|
||
|
\toc2 Judges
|
||
|
\toc3 Jdg
|
||
|
\mt1 JUDGES
|
||
|
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\c 1
|
||
|
\p
|
||
|
\v 1 หลังจากโยชูวาสิ้นชีวิตแล้ว คนอิสราเอลได้ทูลถามพระยาห์เวห์ว่า "ใครจะไปโจมตีกับคนคานาอันเพื่อพวกเราก่อน ใครที่จะไปสู้รบกับพวกเขา?"
|
||
|
\v 2 พระยาห์เวห์ตรัสว่า "ยูดาห์จะโจมตี ดูเถิด เราได้มอบแผ่นดินนี้ให้พวกเขาควบคุมแล้ว"
|
||
|
\v 3 พวกคนยูดาห์ได้พูดกับพวกคนสิเมโอนพี่น้องของพวกเขาว่า "จงขึ้นไปกับเราเข้าไปในเขตแดนของเราที่ได้มอบให้แก่เรา เพื่อที่พวกเราจะสู้รบกับคนคานาอันด้วยกัน เราก็จะไปกับท่านยังเขตแดนที่ได้มอบให้แก่พวกท่านเช่นกัน" ด้วยเหตุนี้เผ่าสิเมโอนจึงได้ไปกับพวกเขา
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 4 พวกคนยูดาห์ได้ต่อสู้ และพระยาห์เวห์ได้ประทานชัยชนะแก่พวกเขาเหนือคนคานาอันและคนเปริสซี พวกเขาฆ่าคนเหล่านั้นหนึ่งหมื่นคนที่เมืองเบเซก
|
||
|
\v 5 พวกเขาได้พบกับอาโดนีเบเซกที่เมืองเบเซก และพวกเขาสู้รบกับท่าน และชนะคนคานาอันและคนเปริสซี
|
||
|
\v 6 แต่อาโดนีเบเซกหลบหนีไปได้ และพวกเขาจึงไล่ตามท่านไปและจับท่านได้ และพวกเขาได้ตัดนิ้วหัวแม่มือและนิ้วหัวแม่เท้าของท่าน
|
||
|
\v 7 อาโดนีเบเซกได้กล่าวว่า "มีกษัตริย์เจ็ดสิบองค์ที่นิ้วหัวแม่มือและนิ้วหัวแม่เท้าของพวกเขาถูกตัดออก ได้เก็บอาหารจากใต้โต๊ะของเรา เราได้ทำไว้ฉันใด พระเจ้าก็ได้ทรงทำแก่เราฉันนั้น" พวกเขาจึงพาท่านไปที่เมืองเยรูซาเล็ม และท่านก็สิ้นชีวิตที่นั่น
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 8 พวกคนยูดาห์โจมตีเมืองเยรูซาเล็มและยึดเมืองได้ พวกเขาโจมตีเมืองนั้นด้วยคมดาบ และพวกเขาได้เผาเมืองนั้น
|
||
|
\v 9 หลังจากนั้น พวกคนยูดาห์ได้ลงมาสู้รบกับคนคานาอันที่อาศัยอยู่ในแดนเทือกเขาในเนเกบและเชิงเขาทางทิศตะวันตก
|
||
|
\v 10 ยูดาห์บุกเข้าโจมตีคนคานาอันที่อาศัยอยู่ในเมืองเฮโบรน (ชื่อของเมืองเฮโบรนเมื่อก่อนนี้คือ คีริยาทอารบา) และพวกเขาเอาชนะเชชัย อาหิมาน และทัลมัย
|
||
|
\v 11 จากที่นั่น พวกคนยูดาห์ได้บุกเข้าไปโจมตีชาวเมืองเดบีร์ (ชื่อของเมืองเดบีร์เมื่อก่อนนี้ คือ คีริยาทเสเฟอร์)
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 12 คาเลบพูดว่า "ใครก็ตามที่โจมตีคีริยาทเสเฟอร์และยึดได้ ข้าพเจ้าจะยกอัคสาห์บุตรหญิงของข้าพเจ้าให้เป็นภรรยาของเขา"
|
||
|
\v 13 โอทนีเอลบุตรชายของเคนัส (น้องชายของคาเลบ) ได้ยึดเมืองเดอร์บีได้ ดังนั้น คาเลบจึงได้ยกอัคสาห์บุตรหญิงของเขาให้เป็นภรรยาของเขา
|
||
|
\v 14 จากนั้นไม่นาน อัคสาห์ก็ได้มาหาโอทนีเอล และนางคะยั้นคะยอเขาให้ขอบิดาของนางให้มอบทุ่งนาแก่นาง ขณะที่นางกำลังลงจากลาของนาง คาเลบถามนางว่า "พ่อจะทำอะไรให้กับลูกได้บ้าง?"
|
||
|
\v 15 นางจึงตอบเขาว่า "ขอมอบของขวัญให้แก่ลูกสักอย่างหนึ่งเถิด เนื่องจากพ่อได้ให้แผ่นดินเนเกบแก่ลูกแล้ว ขอน้ำพุให้แก่ลูกด้วย" ดังนั้น คาเลบจึงได้ยกน้ำพุบนและน้ำพุล่างให้แก่นาง
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 16 พงศ์พันธุ์ของพ่อตาของโมเสส คนเคไนต์ได้ขึ้นไปจากเมืองต้นอินทผาลัมพร้อมกับคนยูดาห์ เข้าไปในถิ่นทุรกันดารยูดาห์ที่อยู่ในเนเกบ เพื่ออาศัยอยู่กับคนยูดาห์ใกล้เมืองอาราด
|
||
|
\v 17 พวกคนยูดาห์ไปกับพวกคนสิเมโอนพี่น้องของพวกเขา และพวกเขาได้โจมตีคนคานาอันที่อาศัยอยู่เมืองเศฟัท และพวกเขาทำลายเมืองนั้นเสียสิ้น ชื่อของเมืองนั้นจึงถูกเรียกว่าโฮร์มาห์
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 18 คนยูดาห์จึงได้ยึดเมืองกาซาและพื้นที่โดยรอบ เมืองอัชเคโลนและพื้นที่โดยรอบ และเมืองเอโครนและพื้นที่โดยรอบ
|
||
|
\v 19 พระยาห์เวห์ได้สถิตกับคนยูดาห์และพวกเขายึดแดนเทือกเขาเป็นกรรมสิทธิ์ แต่พวกเขาไม่สามารถขับไล่คนที่อาศัยอยู่ในที่ราบนั้นออกไปได้ เพราะพวกเขามีรถรบเหล็ก
|
||
|
\v 20 เมืองเฮโบรนถูกยกให้แก่คาเลบ (อย่างที่โมเสสได้กล่าวไว้) และเขาได้ขับไล่บุตรชายของอานาคทั้งสามคนออกไปจากที่นั่น
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 21 แต่คนเบนยามินไม่ได้ขับไล่คนเยบุสที่อาศัยอยู่ในเมืองเยรูซาเล็มออกไป ด้วยเหตุนี้คนเยบุสจึงได้อาศัยอยู่กับคนเบนยามินในเมืองเยรูซาเล็มจนถึงทุกวันนี้
|
||
|
\v 22 วงศ์วานของโยเซฟได้เตรียมการโจมตีเบธเอล และพระยาห์เวห์สถิตกับพวกเขา
|
||
|
\v 23 พวกเขาได้ส่งคนออกไปสอดแนมที่เบธเอล (เมื่อก่อนเมืองนี้มีชื่อเรียกว่า ลูส)
|
||
|
\v 24 พวกคนสอดแนมได้เห็นชายคนหนึ่งออกมาจากเมืองนั้น และพวกเขาจึงกล่าวกับชายคนนั้นว่า "ขอโปรดชี้ทางที่จะเข้าไปในเมืองนั้นแก่เรา และเราจะกรุณาต่อเจ้า"
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 25 เขาจึงบอกทางเข้าไปในเมืองนั้นแก่พวกเขา และด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงโจมตีเมืองนั้นด้วยคมดาบ แต่พวกเขาได้ปล่อยให้ชายคนนั้นและครอบครัวของเขาทุกคนไป
|
||
|
\v 26 แล้วชายคนนั้นก็ได้ไปยังแผ่นดินของคนฮิตไทต์และสร้างเมืองหนึ่งและเรียกชื่อเมืองนั้นว่าลูส ที่เป็นชื่อของเมืองนั้นมาจนถึงทุกวันนี้
|
||
|
\v 27 คนมนัสเสห์ไม่ได้ขับไล่ชนชาติที่อาศัยอยู่ในเมืองเหล่านั้นของเบธชานและหมู่บ้านของเมืองนั้น หรือเมืองทาอานาคและหมู่บ้านต่างๆ ของเมืองนั้น หรือพวกคนที่อาศัยอยู่ในเมืองโดร์และหมู่บ้านต่างๆ ของเมืองนั้น หรือคนเหล่านั้นที่อาศัยอยู่ในเมืองอิบเลอัมและหมู่บ้านต่างๆ ของเมืองนั้น หรือพวกคนที่อาศัยอยู่ในเมืองเมกิดโดและหมู่บ้านต่างๆ ของเมืองนั้น เพราะคนคานาอันได้ถูกกำหนดให้อยู่ในแผ่นดินนั้น
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 28 เมื่อคนอิสราเอลเข้มแข็งขึ้น พวกเขาได้บังคับคนคานาอันให้รับใช้พวกเขาด้วยการทำงานหนัก แต่พวกเขาไม่เคยขับไล่คนเหล่านั้นออกไปจนหมดสิ้น
|
||
|
\v 29 เอฟราอิมไม่ได้ขับไล่คนคานาอันที่อาศัยอยู่ในเมืองเกเซอร์ ดังนั้น คนคานาอันก็ยังคงได้อาศัยอยู่ในเมืองเกเซอร์ท่ามกลางพวกเขาต่อไป
|
||
|
\v 30 เศบูลุนไม่ได้ขับไล่ชนชาติที่อาศัยอยู่ในเมืองคิทโรนออกไป หรือชนชาติที่อาศัยอยู่ในเมืองนาหะโลล และด้วยเหตุนี้ คนคานาอันก็ยังคงได้อาศัยอยู่ท่ามกลางพวกเขาต่อไป แต่เศบูลุนได้บังคับให้คนคานาอันรับใช้พวกเขาด้วยการทำงานหนัก
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 31 อาเชอร์ไม่ได้ขับไล่ชนชาติที่อาศัยอยู่ในเมืองอัคโคออกไป หรือชนชาติที่อาศัยอยู่ในเมืองไซดอน หรือพวกคนที่อาศัยอยู่ในเมืองอาห์ลาบ เมืองอัคซีบ เมืองเฮลบาห์ เมืองอาฟิก หรือเมืองเรโหบ
|
||
|
\v 32 ดังนั้น เผ่าอาเชอร์จึงได้อาศัยอยู่ท่ามกลางคนคานาอัน (พวกคนที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินนั้น) เพราะพวกเขาไม่ได้ขับไล่คนเหล่านั้นออกไป
|
||
|
\v 33 เผ่านัฟทาลีไม่ได้ขับไล่พวกคนที่อาศัยอยู่ในเมืองเบชเชเมชออกไป หรือพวกคนที่อาศัยอยู่ในเมืองเบธานาท ด้วยเหตุนี้ เผ่านัฟทาลีจึงได้อาศัยอยู่ท่ามกลางคนคานาอัน (พวกคนที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินนั้น) แต่อย่างไรก็ตาม พวกชาวเมืองเบชเชเมชและชาวเมืองเบธานาทก็ถูกบังคับให้ทำงานหนักให้กับนัฟทาลี
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 34 คนอาโมไรต์ได้บีบบังคับเผ่าดานให้อาศัยอยู่ในแดนเทือกเขา ไม่ยอมให้พวกเขาลงมายังที่ราบนั้น
|
||
|
\v 35 ดังนั้น คนอาโมไรต์จึงอาศัยอยู่ที่ภูเขาเฮเรสในอัยยาโลนและในชาอัลบิม แต่อำนาจทางทหารของวงศ์วานโยเซฟได้ยึดครองพวกเขา และคนอาโมไรต์ถูกบังคับให้รับใช้พวกเขาด้วยการทำงานหนัก
|
||
|
\v 36 เขตแดนของคนอาโมไรต์เริ่มตั้งแต่เนินเขาอัครับบิมที่เมืองเส-ลาขึ้นไปถึงแดนเทือกเขานั้น
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\c 2
|
||
|
\p
|
||
|
\v 1 ทูตของพระยาห์เวห์ขึ้นไปจากกิลกาลถึงโบคิม และกล่าวว่า "เราได้นำพวกเจ้าขึ้นมาจากอียิปต์ และได้นำพวกเจ้ามายังแผ่นดินที่เราปฏิญาณว่าจะมอบให้แก่บรรดาบรรพบุรุษของพวกเจ้า เรากล่าวว่า 'เราจะไม่มีวันหักพันธสัญญาของเราที่ทำกับพวกเจ้า
|
||
|
\v 2 พวกเจ้าต้องไม่ทำพันธสัญญาใดๆ กับพวกคนที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินนี้ พวกเจ้าต้องรื้อแท่นบูชาต่างๆ ลง' แต่พวกเจ้าไม่ฟังเสียงของเรา นี่พวกเจ้าได้ทำอะไรลงไป?
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 3 ดังนั้นเราพูดในเวลานี้ว่า 'เราจะไม่ขับไล่คนคานาอันออกไปให้พ้นหน้าพวกเจ้า แต่พวกเขาจะกลายเป็นหนามยอกอกของพวกเจ้า และบรรดาพระต่างๆ ของพวกเขาจะเป็นกับดักแก่พวกเจ้า'"
|
||
|
\v 4 เมื่อทูตของพระยาห์เวห์กล่าวถ้อยคำเหล่านี้ต่อคนอิสราเอลทั้งปวงแล้ว ประชาชนก็ส่งเสียงดังและร้องไห้
|
||
|
\v 5 พวกเขาได้เรียกสถานที่นั้นว่าโบคิม พวกเขาได้ถวายบรรดาเครื่องสัตวบูชาแด่พระยาห์เวห์ที่นั่น
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 6 เมื่อโยชูวาให้ประชาชนไปตามทางของพวกเขา คนอิสราเอลต่างก็ไปยังสถานที่ที่ได้รับมอบกรรมสิทธิ์ เพื่อยึดครองเป็นเจ้าของที่ดินของพวกเขา
|
||
|
\v 7 ประชาชนได้ปรนนิบัติพระยาห์เวห์ตลอดชั่วชีวิตของโยชูวาและพวกผู้อาวุโสที่มีอายุยืนนานกว่าเขา คนเหล่านั้นที่เคยเห็นพระราชกิจอันยิ่งใหญ่ทั้งสิ้นของพระยาห์เวห์ที่พระองค์ทรงกระทำแก่อิสราเอล
|
||
|
\v 8 โยชูวาบุตรชายของนูนผู้รับใช้ของพระเจ้าได้สิ้นชีวิตเมื่ออายุ 110 ปี
|
||
|
\v 9 พวกเขาก็ฝังโยชูวาไว้ในเขตแดนของแผ่นดินที่เขาได้เป็นกรรมสิทธิ์ในทิมนาทเฮเรส ในแดนเทือกเขาเอฟราอิม ทางทิศเหนือของภูเขากาอัช
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 10 คนรุ่นนั้นทั้งหมดถูกรวมไปอยู่กับพวกบรรพบุรุษของพวกเขา คนอีกรุ่นหนึ่งที่เติบโตมาภายหลังพวกเขาไม่รู้จักพระยาห์เวห์หรือสิ่งที่พระองค์ได้ทรงกระทำแก่อิสราเอล
|
||
|
\v 11 คนอิสราเอลได้ทำสิ่งชั่วร้ายในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ และพวกเขาปรนนิบัติบรรดาพระบาอัล
|
||
|
\v 12 พวกเขาได้แยกตัวออกจากพระยาห์เวห์ พระเจ้าของบรรดาบรรพบุรุษของพวกเขา ผู้ได้ทรงนำพวกเขาออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ พวกเขาไปติดตามพระอื่นๆ ที่เป็นบรรดาพระของชนชาติที่อยู่รอบๆ พวกเขา และพวกเขาก้มกราบพระเหล่านั้น พวกเขาเร้าให้พระยาห์เวห์กริ้วเพราะ
|
||
|
\v 13 พวกเขาได้แยกตัวออกจากพระยาห์เวห์และนมัสการพระบาอัลและบรรดาพระอัชโทเรท
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 14 ความกริ้วของพระยาห์เวห์ได้พลุ่งขึ้นต่ออิสราเอล และพระองค์ทรงมอบพวกเขาให้แก่พวกปล้นผู้ที่ขโมยทรัพย์สินจากพวกเขา พระองค์ทรงขายพวกเขาเป็นทาสที่ถูกกักขังไว้โดยพวกศัตรูที่มีกำลังที่อยู่รอบๆ พวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถปกป้องตัวพวกเขาเองจากพวกศัตรูของพวกเขาได้อีกต่อไป
|
||
|
\v 15 ไม่ว่าอิสราเอลจะออกไปสู้รบที่ใดก็ตาม พระหัตถ์ของพระยาห์เวห์ก็ต่อสู้พวกเขาทำให้พวกเขาพ่ายแพ้ไป ดังที่พระองค์ได้ทรงปฏิญาณต่อพวกเขา พวกเขาจึงอยู่ในความทุกข์ยากยิ่งนัก
|
||
|
\v 16 แล้วพระยาห์เวห์ทรงให้มีผู้วินิจฉัยเกิดขึ้น ผู้ที่ช่วยพวกเขาจากมือของคนเหล่านั้นที่ได้ขโมยทรัพย์สินของพวกเขา
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 17 แต่พวกเขาก็ยังไม่ฟังผู้วินิฉัยของพวกเขา พวกเขาไม่สัตย์ซื่อต่อพระยาห์เวห์และทำตัวเองให้เป็นเหมือนพวกโสเภณีกับพระอื่นๆ และนมัสการพระเหล่านั้น ในไม่ช้าพวกเขาก็หันไปจากทางที่บรรดาบรรพบุรุษของพวกเขาได้ดำเนิน ซึ่งคนเหล่านั้นเป็นผู้ที่ได้เชื่อฟังพระบัญญัติของพระยาห์เวห์ แต่พวกเขาเองไม่ได้ทำเช่นนั้น
|
||
|
\v 18 เมื่อพระยาห์เวห์ทรงทำให้มีผู้วินิจฉัยเกิดขึ้นเพื่อพวกเขา พระยาห์เวห์ทรงช่วยพวกผู้วินิจฉัยและช่วยพวกเขาให้รอดจากมือของพวกศัตรูของพวกเขาตลอดช่วงเวลาที่ผู้วินิจฉัยคนนั้นมีชีวิตอยู่ พระยาห์เวห์ทรงสงสารพวกเขาเมื่อพวกเขาคร่ำครวญเพราะคนเหล่านั้นที่ได้ข่มเหงพวกเขาและทำให้พวกเขาเป็นทุกข์
|
||
|
\v 19 แต่เมื่อผู้วินิจฉัยคนนั้นตาย พวกเขาก็จะหันไปและทำสิ่งที่ชั่วร้ายกว่าบรรดาบรรพบุรุษของพวกเขาได้ทำ พวกเขาไปติดตามพระอื่นๆ เพื่อปรนนิบัติและนมัสการพระเหล่านั้น พวกเขาไม่ยอมเลิกประพฤติชั่วใดๆ ของพวกเขา หรือทิ้งการกระทำที่ดื้อรั้นของพวกเขา
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 20 ความกริ้วของพระยาห์เวห์ได้พลุ่งขึ้นต่ออิสราเอล พระองค์ตรัสว่า "เพราะชนชาตินี้ได้ละเมิดเงื่อนไขของพันธสัญญาของเราที่เราได้ตั้งไว้ให้กับบรรดาบรรพบุรุษของพวกเขา เพราะพวกเขาไม่ฟังเสียงของเรา
|
||
|
\v 21 ตั้งแต่นี้ไป เราจะไม่ขับไล่ชนชาติใดๆ ที่โยชูวาได้เหลือไว้เมื่อเขาตายออกไปพ้นหน้าพวกเขา
|
||
|
\v 22 เราจะทำดังนี้ เพื่อที่เราจะทดสอบอิสราเอล ไม่ว่าพวกเขาจะถือรักษาทางของพระยาห์เวห์และดำเนินตามนั้น เหมือนกับที่บรรดาบรรพบุรุษของพวกเขาได้ถือรักษาหรือไม่ก็ตาม"
|
||
|
\v 23 นั่นคือเหตุผลที่พระยาห์เวห์ได้ทรงเหลือชนชาติเหล่านั้นไว้และไม่ทรงขับไล่พวกเขาออกไปอย่างรวดเร็ว และไม่ได้มอบพวกเขาไว้ในมือของโยชูวา
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\c 3
|
||
|
\p
|
||
|
\v 1 พระยาห์เวห์ทรงเหลือชนชาติเหล่านี้ไว้เพื่อทดสอบอิสราเอล กล่าวได้ว่าทุกคนในอิสราเอลไม่เคยมีประสบการณ์ในการสู้รบทำสงครามใดๆ ในคานาอันเลย
|
||
|
\v 2 (พระองค์ทรงทำเช่นนี้ เพื่อสอนการทำสงครามให้กับชนรุ่นใหม่ของคนอิสราเอลที่ไม่ได้รู้เรื่องนี้มาก่อน)
|
||
|
\v 3 ต่อไปนี้เป็นบรรดาชนชาติเหล่านั้นคือ กษัตริย์ทั้งห้าพระองค์จากคนฟิลิสเตีย คนคานาอันทั้งหมด คนไซดอน และคนฮีไวต์ผู้ที่อาศัยอยู่ในเทือกเขาเลบานอน ตั้งแต่ภูเขาบาอัลเฮอร์โมนไปจนถึงฮามัทพาส
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 4 ชนชาติเหล่านี้ยังคงเหลืออยู่ ซึ่งเป็นวิธีการที่พระยาห์เวห์จะทรงใช้ทดสอบอิสราเอล เพื่อยืนยันว่าพวกเขาจะเชื่อฟังพระบัญญัติที่พระองค์ทรงมอบให้แก่บรรดาบรรพบุรุษของพวกเขาผ่านทางโมเสสหรือไม่
|
||
|
\v 5 ดังนั้นคนอิสราเอลจึงอาศัยอยู่ท่ามกลางคนคานาอัน คนฮิตไทต์ คนอาโมไรต์ คนเปริสซี คนฮีไวต์ และคนเยบุส
|
||
|
\v 6 พวกเขารับพวกบุตรหญิงของคนเหล่านั้นมาเป็นภรรยาของพวกเขา และได้ยกบุตรหญิงของพวกเขาเองให้แก่บุตรชายของคนเหล่านั้น และพวกเขาได้ปรนนิบัติบรรดาพระของพวกเขา
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 7 คนอิสราเอลทำสิ่งที่ชั่วร้ายในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์และได้ลืมพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา พวกเขานมัสการบรรดาพระบาอัลและพระอาเชราห์
|
||
|
\v 8 ด้วยเหตุนี้ พระพิโรธของพระเจ้าจึงพลุ่งขึ้นต่ออิสราเอล และพระองค์ทรงขายพวกเขาไว้ในมือของคูชันริชาธาอิมกษัตริย์แห่งอารัมนาทาราอิม คนอิสราเอลได้รับใช้คูชันริชาธาอิมเป็นเวลาแปดปี
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 9 เมื่อคนอิสราเอลร้องทูลต่อพระยาห์เวห์ พระยาห์เวห์ทรงให้มีบางคนที่จะมาช่วยคนอิสราเอล และผู้ที่จะช่วยพวกเขา คือโอทนีเอลบุตรชายของเคนัส (น้องชายของคาเลบ)
|
||
|
\v 10 พระวิญญาณของพระยาห์เวห์ได้ทรงเสริมกำลังเขา และเขาได้วินิจฉัยอิสราเอลและออกไปทำสงคราม พระยาห์เวห์ทรงประทานชัยชนะให้แก่เขาเหนือคูชันริชาธาอิมกษัตริย์แห่งอารัม มือของโอทนีเอลก็ได้ทำให้คูชันริชาธาอิมพ่ายแพ้ไป
|
||
|
\v 11 แผ่นดินนี้จึงมีความสงบสุขเป็นเวลาสี่สิบปี แล้วโอทนีเอลบุตรชายของเคนัสก็สิ้นชีวิต
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 12 หลังจากนั้น คนอิสราเอลก็ทำสิ่งที่ชั่วร้ายในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์อีก และพระยาห์เวห์ทรงเสริมกำลังให้กับกษัตริย์เอกโลนกษัตริย์แห่งโมอับให้มีอำนาจเหนือคนอิสราเอล
|
||
|
\v 13 เอกโลนร่วมมือกับคนอัมโมนและคนอามาเลข และพวกเขาได้ไปและทำให้อิสราเอลพ่ายแพ้ และพวกเขาได้ยึดครองเมืองต้นอินทผาลัม
|
||
|
\v 14 คนอิสราเอลรับใช้เอกโลนกษัตริย์แห่งโมอับเป็นเวลาสิบแปดปี
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 15 เมื่อคนอิสราเอลร้องทูลต่อพระยาห์เวห์ พระยาห์เวห์ทรงยกชูบางคนขึ้นมาที่จะช่วยพวกเขา คือ เอฮูดบุตรชายของเก-รา คนเผ่าเบนยามิน เป็นคนถนัดมือซ้าย คนอิสราเอลได้ใช้เขาไป พร้อมกับเครื่องบรรณาการของพวกเขาไปถวายเอกโลนกษัตริย์แห่งโมอับ
|
||
|
\v 16 เอฮูดได้ทำดาบที่มีสองคมด้วยตัวเอง ยาวหนึ่งศอก เขาเหน็บดาบนั้นไว้ใต้เสื้อผ้าของเขาที่ต้นขาขวา
|
||
|
\v 17 เขาถวายเครื่องบรรณาการแด่เอกโลนกษัตริย์แห่งโมอับ (ตอนนี้ เอกโลนเป็นคนอ้วนมาก)
|
||
|
\v 18 หลังจากเอฮูดได้ถวายเครื่องบรรณาการแล้ว เขาก็ออกไปกับพวกคนที่หามเครื่องบรรณาการนั้น
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 19 แต่ส่วนตัวเอฮูดเอง เมื่อเขาไปถึงสถานที่ซึ่งตั้งรูปเคารพแกะสลักที่อยู่ใกล้กิลกาล เขาหันกลับและกลับไป และเขาทูลว่า "ข้าแต่กษัตริย์ของข้าพระองค์ ข้าพระองค์มีข่าวลับที่จะทูลพระองค์" เอกโลนจึงตรัสว่า "เงียบไว้" ดังนั้น ทุกคนที่รับใช้พระองค์อยู่ก็ออกไปจากห้อง
|
||
|
\v 20 เอฮูดเข้ามาเฝ้าพระองค์ กษัตริย์ประทับตามลำพังแต่พระองค์เดียวในห้องที่มีอากาศเย็นชั้นบน เอฮูดจึงทูลว่า "ข้าพระองค์มีถ้อยคำจากพระเจ้ามายังท่าน" กษัตริย์จึงทรงลุกขึ้นจากพระที่นั่ง
|
||
|
\v 21 เอฮูดได้ยื่นมือซ้ายชักดาบนั้นออกมาจากต้นขาขวา และเขาก็ได้แทงดาบเข้าไปในลำตัวของกษัตริย์
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 22 ดาบก็จมเข้าไปมิดทั้งด้ามที่ในลำตัวพระองค์จน ปลายดาบทะลุออกมาด้านหลัง และไขมันก็หุ้มดาบนั้น เพราะเอฮูดไม่ได้ดึงดาบออกมาจากท้องของพระองค์
|
||
|
\v 23 แล้วเอฮูดก็ได้ออกไปบนเฉลียงและปิดประตูของห้องชั้นบนที่อยู่ด้านหลังของเขาและปิดประตูใส่กุญแจ
|
||
|
\v 24 หลังจากเอฮูดได้ไปแล้ว พวกข้าราชการของกษัตริย์ก็ได้เข้ามา พวกเขาได้เห็นประตูของห้องชั้นบนปิดใส่กุญแจอยู่ พวกเขาจึงคิดว่า "พระองค์ทรงกำลังปลดทุกข์อยู่ในห้องเย็นชั้นบนอย่างแน่นอน"
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 25 พวกเขาก็เริ่มกังวลมากขึ้น จนพวกเขารู้สึกว่าพวกเขากำลังละเลยการปฏิบัติหน้าที่ของพวกเขา เมื่อกษัตริย์ยังไม่ทรงเปิดประตูไปยังห้องชั้นบน ดังนั้น พวกเขาจึงได้เอากุญแจมาและเปิดประตู และที่นั่นเจ้านายของพวกเขาล้มลงนอนสิ้นชีวิตอยู่ที่พื้น
|
||
|
\v 26 ขณะที่พวกข้าราชการต่างคอยกันอยู่ ด้วยความงงงันว่าพวกเขาควรจะทำอย่างไรดี เอฮูดก็ได้หนีไปแล้ว และได้ผ่านเลยสถานที่ซึ่งมีรูปเคารพแกะสลักไปแล้ว และเขาได้หนีไปยังเสรีอาห์
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 27 เมื่อเขามาถึง เขาก็เป่าแตรในแดนหุบเขาเอฟราอิม แล้วคนอิสราเอลได้ลงจากหุบเขานั้นไปพร้อมกับเขา และเขาก็นำคนเหล่านั้นไป
|
||
|
\v 28 เขาพูดกับคนเหล่านั้นว่า "จงตามข้าพเจ้ามา เพราะพระยาห์เวห์ทรงกำลังจะทำให้คนโมอับศัตรูของพวกท่านพ่ายแพ้ไป" พวกเขาก็ตามไป และพวกเขาได้ยึดท่าข้ามของแม่น้ำจอร์แดนมาจากคนโมอับ และพวกเขาไม่ยอมให้คนใดข้ามแม่น้ำมา
|
||
|
\v 29 ในตอนนั้น พวกเขาได้ฆ่าคนโมอับประมาณหนึ่งหมื่นคน และทุกคนล้วนเป็นชายฉกรรจ์และมีความสามารถ ไม่มีใครสักคนหนีรอดไปได้เลย
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 30 ดังนั้น ในวันนั้นโมอับจึงพ่ายแพ้ไปโดยกำลังของอิสราเอล และแผ่นดินนั้นก็พักสงบเป็นเวลาแปดสิบปี
|
||
|
\v 31 หลังจากเอฮูด ผู้วินิจฉัยคนต่อไปคือ ชัมการ์บุตรชายของอานาทผู้ที่ได้ฆ่าคนฟีลิสเตียไป 600 คนด้วยประตักที่ใช้ต้อนฝูงโค เขาได้ช่วยอิสราเอลให้พ้นจากอันตรายด้วย
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\c 4
|
||
|
\p
|
||
|
\v 1 หลังจากเอฮูดได้สิ้นชีวิตแล้ว คนอิสราเอลก็ทำสิ่งที่ชั่วร้ายในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์อีก
|
||
|
\v 2 พระยาห์เวห์จึงทรงขายพวกเขาไว้ในมือของยาบินกษัตริย์แห่งคานาอันผู้ทรงครองราชย์ในกรุงฮาโซร์ ผู้บัญชาการกองทัพของท่านชื่อสิเสรา และเขาอาศัยอยู่ในเมืองฮาโรเชธฮาโกยิม
|
||
|
\v 3 คนอิสราเอลจึงร้องทูลขอความช่วยเหลือจากพระยาห์เวห์ เพราะสิเสรามีรถรบเหล็กเก้าร้อยคัน และเขาได้ข่มเหงอิสราเอลด้วยการบีบบังคับเป็นเวลายี่สิบปี
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 4 ในขณะนั้น เดโบราห์ผู้เผยพระวจนะหญิง (ภรรยาของลัปปิโดท) เป็นผู้วินิจฉัยที่เป็นผู้นำในอิสราเอลในเวลานั้น
|
||
|
\v 5 นางได้เคยนั่งอยู่ใต้ต้นอินทผาลัมแห่งเดโบราห์ที่อยู่ระหว่างรามาห์กับเบธเอลในแดนเทือกเขาเอฟราอิม และคนอิสราเอลก็มาหานางเพื่อตัดสินข้อพิพาทของพวกเขา
|
||
|
\v 6 นางให้คนไปเรียกบาราคบุตรชายของอาบีโนอัมให้มาจากเคเดชในนัฟทาลี นางกล่าวกับเขาว่า "พระยาห์เวห์ พระเจ้าแห่งอิสราเอล ทรงบัญชาท่านว่า 'จงไปที่ภูเขาทาโบร์ และนำคนหนึ่งหมื่นคนจากนัฟทาลีและเศบูลุนไปพร้อมกับเจ้าด้วย
|
||
|
\v 7 เราจะชักนำสิเสราผู้บัญชาการกองทัพของยาบินออกมาพร้อมกับบรรดารถรบและกองทัพของเขา ให้มาพบกับเจ้าใกล้แม่น้ำคีโชน และเราจะมอบชัยชนะแก่เจ้าเหนือเขา'"
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 8 บาราคจึงกล่าวกับนางว่า "ถ้าท่านไปกับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็จะไป แต่ถ้าท่านไม่ไปกับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็จะไม่ไป"
|
||
|
\v 9 นางจึงตอบว่า "ฉันจะไปกับท่านแน่นอน แต่ว่าทางที่ท่านกำลังจะไปนั้นจะไม่ได้นำไปสู่เกียรติยศของท่าน เพราะพระยาห์เวห์จะทรงขายสิเสราไว้ในมือของผู้หญิงคนหนึ่ง" แล้วเดโบราห์ก็ลุกขึ้นและไปพร้อมกับบาราคถึงเคเดช
|
||
|
\v 10 บาราคได้เรียกพวกคนจากเศบูลุนและนัฟทาลีให้เข้ามารวมกันที่เคเดช มีคนหนึ่งหมื่นคนติดตามเขาไป และเดโบราห์ก็ไปพร้อมกับเขาด้วย
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 11 ในขณะนั้น เฮเบอร์ (คนเคไนต์) ได้แยกตัวเองออกมาจากพวกคนเคไนต์ ซึ่งพวกเขาเป็นพงศ์พันธุ์ของโฮบับ (พ่อตาของโมเสส) และเขาปักหมุดตั้งเต็นท์ของเขาใกล้ต้นโอ๊กในศานันนิมใกล้เคเดช
|
||
|
\v 12 เมื่อพวกเขาบอกสิเสราว่า บาราคบุตรชายของอาบีโนอัมได้ขึ้นไปยังภูเขาทาโบร์แล้ว
|
||
|
\v 13 สิเสราจึงเรียกรถรบทั้งหมดของเขามา ซึ่งเป็นรถรบเหล็กเก้าร้อยคัน และทหารทั้งหมดที่อยู่กับเขา ยกไปจากฮาโรเชทของพวกต่างชาติไปถึงแม่น้ำคีโชน
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 14 เดโบราห์กล่าวกับบาราคว่า "จงไปเถิด เพราะนี่เป็นวันที่พระยาห์เวห์ได้ทรงมอบชัยชนะแก่ท่านเหนือสิเสรา พระยาห์เวห์ทรงนำหน้าท่านอยู่ไม่ใช่หรือ?" ดังนั้น บาราคจึงลงมาจากภูเขาทาโบร์พร้อมกับพวกคนที่ติดตามเขาหนึ่งหมื่นคน
|
||
|
\v 15 พระยาห์เวห์ทรงทำให้กองทัพของสิเสราสับสน ทั้งรถรบทั้งหมดของเขาและกองทัพทั้งหมดของเขา พวกคนของบาราคก็โจมตีพวกเขา และสิเสราจึงลงจากรถรบของเขาและวิ่งหนีไป
|
||
|
\v 16 แต่บาราคไล่ตามบรรดารถรบและกองทัพนั้นไปยังฮาโรเชทของพวกคนต่างชาติ และกองทัพของสิเสราทั้งหมดก็ถูกประหารด้วยคมดาบ และไม่มีสักคนหนึ่งที่รอดชีวิต
|
||
|
\v 17 แต่สิเสราวิ่งหนีไปยังเต็นท์ของยาเอล ภรรยาของเฮเบอร์คนเคไนต์ เพราะมีสันติภาพระหว่างยาบินกษัตริย์แห่งฮาโซร์กับวงศ์วานของเฮเบอร์คนเคไนต์
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 18 ยาเอลได้ออกไปพบกับสิเสราและกล่าวกับเขาว่า "ขอเชิญหันมาทางนี้ เจ้านายของดิฉัน ขอเชิญมาหาดิฉัน และอย่ากลัวเลย" ดังนั้น เขาจึงหันไปหานางและเข้าไปในเต็นท์ของนาง และนางก็คลุมเขาด้วยผ้าห่ม
|
||
|
\v 19 เขาจึงพูดกับนางว่า "ขอน้ำให้เราดื่มสักหน่อย เพราะเรากระหายน้ำ" นางจึงเปิดถุงหนังที่ใส่นมและให้เขาดื่ม แล้วนางก็คลุมผ้าให้เขาอีก
|
||
|
\v 20 เขาจึงพูดกับนางว่า "จงยืนอยู่ที่ทางเข้าเต็นท์ ถ้าใครมาและถามเจ้าว่า "มีใครอยู่ที่นี่ไหม?" จงบอกว่า 'ไม่มี' "
|
||
|
\v 21 แล้วยาเอล (ภรรยาของเฮเบอร์) ได้เอาหมุดเต็นท์และค้อนอันหนึ่งมาไว้ในมือของนาง และได้แอบย่องเข้าไปหาเขา เพราะเขาหลับสนิท และนางก็ได้ตอกหมุดเต็นท์เข้าไปที่ขมับของเขา และแทงทะลุเขาจนติดดิน และเขาก็สิ้นชีวิต
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 22 ขณะที่บาราคกำลังไล่ตามสิเสราอยู่นั้น ยาเอลก็ได้ออกไปพบกับเขา และกล่าวกับเขาว่า "มาเถิด ดิฉันจะชี้ให้ท่านเห็นคนที่ท่านกำลังตามหาอยู่" ดังนั้น เขาจึงเข้าไปกับนาง และสิเสราก็นอนตายอยู่ที่นั่น มีหมุดเต็นท์ในขมับของเขา
|
||
|
\v 23 ดังนั้น ในวันนั้น พระเจ้าได้ทรงทำให้ยาบินกษัตริย์แห่งคานาอันพ่ายแพ้ไปต่อหน้าคนอิสราเอล
|
||
|
\v 24 กำลังของคนอิสราเอลก็เข้มแข็งมากยิ่งขึ้นต่อยาบินกษัตริย์แห่งคานาอัน จนกระทั่งพวกเขาได้ทำลายท่านเสียสิ้น
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\c 5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 1 ในวันนั้น เดโบราห์กับบาราคบุตรชายของอาบีโนอัมได้ร้องเพลงนี้ว่า
|
||
|
\v 2 "เมื่อพวกผู้นำได้นำในอิสราเอล เมื่อประชาชนอาสาสมัครไปทำสงครามด้วยความยินดี เราสรรเสริญพระยาห์เวห์
|
||
|
\v 3 ท่านกษัตริย์ทั้งหลาย ขอจงฟัง ท่านผู้นำทั้งหลาย ขอจงตั้งใจฟัง ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะร้องเพลงถวายแด่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าจะร้องเพลงสรรเสริญแด่พระยาห์เวห์ พระเจ้าแห่งอิสราเอล
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 4 ข้าแต่พระยาห์เวห์ เมื่อพระองค์ได้เสด็จออกจากเสอีร์ เมื่อพระองค์ได้ทรงดำเนินจากเอโดม แผ่นดินก็สั่นสะเทือน และท้องฟ้าก็สั่นสะท้าน เมฆก็ได้หลั่งน้ำลงมา
|
||
|
\v 5 ภูเขาก็สั่นไหวต่อพระพักตร์พระยาห์เวห์ แม้แต่ภูเขาซีนายก็สั่นไหวต่อพระพักตร์พระยาห์เวห์ พระเจ้าแห่งอิสราเอล
|
||
|
\v 6 ในสมัยของชัมการ์ (บุตรชายของอานาท) ในสมัยของยาเอล ทางหลวงก็ร้างเปล่า และคนเหล่านั้นผู้ซึ่งได้สัญจรก็ใช้ทางที่คดเคี้ยวเท่านั้น
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 7 มีพวกนักรบไม่กี่คนในอิสราเอล จนกระทั่ง ข้าพเจ้า เดโบราห์ได้รับพระบัญชา ผู้เป็นมารดาคนหนึ่งได้รับพระบัญชาในอิสราเอล
|
||
|
\v 8 เมื่อพวกเขาได้เลือกนับถือบรรดาพระใหม่ ได้มีการต่อสู้กันที่ประตูเมือง แต่ไม่มีโล่หรือหอกอยู่เลยท่ามกลางคนสี่หมื่นคนในอิสราเอล
|
||
|
\v 9 ใจของข้าพเจ้าออกไปถึงพวกผู้บัญชาการของอิสราเอล พร้อมกับประชาชนที่อาสาสมัครด้วยความยินดี เราสรรเสริญพระยาห์เวห์สำหรับพวกเขา
|
||
|
\v 10 จงคิดถึงเรื่องนี้ พวกท่านผู้ที่ขี่ลาสีขาวที่นั่งอยู่บนพรมที่ใช้เป็นอาน และพวกท่านที่เดินไปตามถนน
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 11 จงฟังเสียงของคนเหล่านั้นที่ร้องเพลงในสถานที่ตักน้ำ ที่นั่นพวกเขาบอกถึงพระราชกิจอันชอบธรรมของพระยาห์เวห์อีก และการกระทำอันชอบธรรมของพวกนักรบของพระองค์ในอิสราเอล แล้วประชากรของพระยาห์เวห์ก็ได้ลงไปที่ประตูเมืองนั้น
|
||
|
\v 12 จงตื่นขึ้นเถิด ตื่นขึ้นเถิด เดโบราห์เอ๋ย ตื่นขึ้นเถิด ตื่นขึ้นมาร้องเพลง ลุกขึ้นเถิด บาราค และจับพวกเชลยของท่านไป ท่านบุตรชายของอาบีโนอัม
|
||
|
\v 13 แล้วพวกที่รอดชีวิตก็ได้ลงมาหาพวกผู้สูงศักดิ์ ประชากรของพระยาห์เวห์ได้ลงมาหาข้าพเจ้าพร้อมกับพวกนักรบ
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 14 พวกเขาได้มาจากเอฟราอิม ผู้ที่รากเหง้าของพวกเขาอยู่ในอามาเลข คนเบนยามินได้ติดตามท่านไป ผู้บัญชาการได้ลงมาจากมาคีร์ และคนเหล่านั้นผู้ซึ่งถือเสาธงของนายทหารมาจากเศบูลุน
|
||
|
\v 15 พวกเจ้านายของข้าพเจ้าในอิสสาคาร์ได้อยู่กับเดโบราห์ และอิสสาคาร์ได้อยู่กับบาราค ซึ่งรีบติดตามเขาเข้าไปในหุบเขาภายใต้คำสั่งของเขา มีการตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่ท่ามกลางตระกูลต่างๆ ของรูเบน
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 16 ทำไมพวกเจ้าจึงนั่งอยู่ระหว่างเตาผิง เพื่อฟังคนเลี้ยงแกะเป่าปี่ให้ฝูงสัตว์ของพวกเขาฟัง? ส่วนตระกูลต่างๆ ของรูเบนได้มีการตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่
|
||
|
\v 17 กิเลอาดได้อาศัยอยู่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำจอร์แดน และดาน ทำไมเขาจึงได้ร่อนเร่ไปบนเรือ? อาเชอร์ยังคงอยู่ที่ริมฝั่งทะเลและได้อาศัยอยูใกล้ท่าเรือของเขา
|
||
|
\v 18 เศบูลุนได้เป็นเผ่าที่เสี่ยงชีวิตของพวกเขาที่มุ่งไปสู่ความตาย และนัฟทาลี ก็เช่นกัน ที่อยู่ในสนามรบ
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 19 บรรดากษัตริย์ได้มากัน พวกเขาก็ได้สู้รบกัน กษัตริย์ทั้งหลายแห่งคานาอันได้สู้รบที่ทาอานาค ริมน่านน้ำเมกิดโด แต่พวกเขาไม่ได้เอาเงินไปเป็นของริบเลย
|
||
|
\v 20 เหล่าดวงดาวได้สู้รบจากฟ้า จากวิถีของดาวเหล่านั้นข้ามผ่านท้องฟ้า ดาวเหล่านั้นได้สู้รบกับสิเสรา
|
||
|
\v 21 แม่น้ำคีโชนได้กวาดพวกเขาไป แม่น้ำโบราณนั้น คือแม่น้ำคีโชน ใจของข้าพเจ้าเอ๋ย จงเดินหน้าไป จงเข้มแข็งเถิด
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 22 แล้วเสียงกีบม้าทั้งหลาย ที่กำลังควบมา การควบมาของบรรดาผู้เก่งกล้าของเขา
|
||
|
\v 23 'จงสาปแช่งเมโรส' ทูตของพระยาห์เวห์ได้กล่าว 'แน่ทีเดียว จงสาปแช่งชาวเมืองนั้น เพราะพวกเขาไม่มาช่วยพระยาห์เวห์ เพื่อช่วยพระยาห์เวห์ในการทำสงครามต่อสู้กับพวกนักรบที่เก่งกล้า'
|
||
|
\v 24 ยาเอลได้รับการสรรเสริญยิ่งกว่าหญิงอื่นใดทั้งหมด ยาเอล (ภรรยาของเฮเบอร์คนเคไนต์) นางได้รับการสรรเสริญยิ่งกว่าหญิงอื่นใดทั้งหมดที่อาศัยอยู่ในเต็นท์ทั้งหลาย
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 25 ชายคนนั้นได้ขอน้ำ และนางได้ให้นมแก่เขา นางได้ให้เนยใส่จานแก่เขาที่คู่ควรสำหรับพวกเจ้านาย
|
||
|
\v 26 นางได้ถือหมุดเต็นท์ไว้ในมือของนาง และมือขวาของนางก็ได้ถือค้อนของคนงาน นางได้ประหารสิเสราด้วยค้อนอันนั้น นางได้ตอกศีรษะของเขา นางได้ทำให้กระโหลกของเขาแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เมื่อนางตอกทะลุศีรษะของเขาไปอีกข้างหนึ่ง
|
||
|
\v 27 เขาได้ทรุดตัวลงระหว่างเท้าของนาง เขาได้ล้มลงและนอนอยู่ที่นั่น เขาได้ล้มลงระหว่างเท้าของนาง สถานที่ที่เขาทรุดตัวลงเป็นที่ซึ่งเขาได้ถูกฆ่าอย่างทารุณ
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 28 มารดาของสิเสราได้มองออกไปทางหน้าต่าง นางได้จ้องมองผ่านช่องตารางหน้าต่างออกไป และนางร้องเรียกด้วยความเศร้าใจ 'ทำไมรถรบของเขาจึงมาช้าเหลือเกิน? ทำไมเสียงกีบม้าที่ลากรถรบของเขาจึงล่าช้านัก?'
|
||
|
\v 29 บรรดาเจ้าหญิงที่แสนฉลาดของนางได้ตอบ และนางก็ให้คำตอบอย่างเดียวกันกับตัวของนางเองว่า
|
||
|
\v 30 'พวกเขาคงยังไม่พบและยังไม่ได้แบ่งของที่ริบมาได้หรือ?' ผู้หญิงหนึ่งคน ผู้หญิงสองคนสำหรับผู้ชายทุกคน ของที่ริบมาได้ที่เป็นผ้าย้อมสีสำหรับสิเสรา ของที่ริบมาได้ที่เป็นผ้าย้อมสีที่ปักลวดลาย ผ้าย้อมสีที่ปักลวดลายสองผืนสำหรับคอของพวกคนที่ริบมาได้หรือ?
|
||
|
\v 31 ดังนั้น ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอให้ศัตรูทั้งสิ้นของพระองค์จงพินาศไป แต่บรรดาผู้ที่เป็นมิตรของพระองค์จะเป็นเหมือนดั่งตอนที่ดวงอาทิตย์ขึ้นในแสงแรงกล้า" แล้วแผ่นดินนั้นได้มีความสงบสุขเป็นเวลาสี่สิบปี
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\c 6
|
||
|
\p
|
||
|
\v 1 คนอิสราเอลได้ทำสิ่งที่ชั่วร้ายในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ และพระองค์ได้ทรงมอบพวกเขาไว้ในมือของคนมีเดียนเป็นเวลาเจ็ดปี
|
||
|
\v 2 ผู้ที่มีอำนาจของคนมีเดียนก็ได้บีบบังคับอิสราเอล เพราะเหตุจากคนมีเดียน คนอิสราเอลจึงต้องทำที่พักอาศัยสำหรับพวกเขาเองตามที่หลบซ่อนต่างๆ ในเนินเขา ถ้ำต่างๆ และที่กำบังเข้มแข็งต่างๆ
|
||
|
\v 3 เหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นก็คือ เมื่อไรก็ตามที่คนอิสราเอลได้เพาะปลูกพืชของพวกเขา คนมีเดียนและคนอามาเลขและพวกคนที่มาจากทางทิศตะวันออกก็จะเข้ามาโจมตีคนอิสราเอล
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 4 พวกเขาจะตั้งกองทัพของพวกเขาบนแผ่นดินนั้นและทำลายพืชผลนั้น ตลอดทางไปจนถึงเมืองกาซา พวกเขาจะไม่เหลืออาหารใดๆ ในอิสราเอลเลย และไม่มีฝูงแกะ หรือไม่มีฝูงโคหรือฝูงลา
|
||
|
\v 5 เมื่อใดก็ตามที่พวกเขาและฝูงสัตว์และเต็นท์ของพวกเขาขึ้นมา พวกเขาก็จะมาเหมือนกับฝูงตั๊กแตน และไม่สามารถที่จะนับจำนวนทั้งคนและอูฐของพวกเขาได้ พวกเขาได้รุกรานเพื่อที่จะทำลายแผ่นดินนั้น
|
||
|
\v 6 คนมีเดียนได้ทำให้คนอิสราเอลอ่อนกำลังลงอย่างมาก คนอิสราเอลจึงได้ร้องทูลต่อพระยาห์เวห์
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 7 เมื่อคนอิสราเอลร้องทูลต่อพระยาห์เวห์ เหตุเพราะคนมีเดียน
|
||
|
\v 8 พระยาห์เวห์ได้ทรงใช้ผู้เผยพระวจนะคนหนึ่งมาหาคนอิสราเอล ผู้เผยพระวจนะคนนั้นกล่าวกับพวกเขาว่า "นี่คือถ้อยคำพระยาห์เวห์ พระเจ้าแห่งอิสราเอลได้ตรัสว่า 'เราได้นำพวกเจ้าออกมาจากอียิปต์ เราได้นำพวกเจ้าออกมาจากเรือนทาส
|
||
|
\v 9 เราได้ช่วยพวกเจ้าให้พ้นจากมือของชาวอียิปต์ และจากมือของบรรดาคนที่บีบบังคับพวกเจ้า เราได้ขับไล่พวกเขาออกไปพ้นหน้าพวกเจ้า และเราได้มอบแผ่นดินของพวกเขาให้แก่พวกเจ้า
|
||
|
\v 10 เราบอกกับพวกเจ้าว่า "เราคือยาห์เวห์ พระเจ้าของพวกเจ้า" เราได้บัญชาพวกเจ้าไม่ให้นมัสการพระต่างๆ ของคนอาโมไรต์ ในแผ่นดินของพวกเขาที่พวกเจ้าอาศัยอยู่" แต่พวกเจ้าไม่ยอมเชื่อฟังเสียงของเรา'"
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 11 ในขณะนั้น ทูตของพระยาห์เวห์ได้มาและอยู่ที่ใต้ต้นโอ๊กในโอฟราห์ ซึ่งเป็นของโยอาช (คนอาบีเยเซอร์) ในขณะที่กิเดโอน บุตรชายของโยอาชกำลังนวดข้าวสาลีโดยการฟาดฟ่อนข้าวลงบนพื้นในบ่อย่ำองุ่น เพื่อซ่อนข้าวสาลีจากพวกมีเดียน
|
||
|
\v 12 ทูตของพระยาห์เวห์ได้ปรากฏต่อเขา และได้กล่าวกับเขาว่า "พระยาห์เวห์สถิตกับท่าน ท่านนักรบผู้เข้มแข็ง"
|
||
|
\v 13 กิเดโอนได้กล่าวกับท่านว่า "โอ เจ้านายของข้าพเจ้า ถ้าพระยาห์เวห์สถิตกับพวกเรา แล้วทำไมเหตุการณ์ทั้งหมดนี้จึงเกิดขึ้นกับพวกเรา? พระราชกิจอัศจรรย์ของพระองค์ทั้งสิ้นที่บรรพบุรุษของพวกเราได้เล่าให้พวกเราฟังอยู่ที่ไหน เมื่อพวกเขาได้พูดว่า 'พระยาห์เวห์ทรงนำพวกเราขึ้นมาจากอียิปต์ไม่ใช่หรือ?' แต่บัดนี้ พระยาห์เวห์ได้ทรงทอดทิ้งพวกเราและมอบพวกเราไว้ในมือของคนมีเดียน"
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 14 พระยาห์เวห์ได้ทรงมองเขาและตรัสว่า "จงไปด้วยกำลังที่เจ้ามีอยู่แล้ว จงปลดปล่อยอิสราเอลให้พ้นจากมือของคนมีเดียน เราได้ส่งเจ้าไปไม่ใช่หรือ?"
|
||
|
\v 15 กิเดโอนจึงได้ทูลพระองค์ว่า "ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระกรุณา ข้าพระองค์จะปลดปล่อยอิสราเอลได้อย่างไร? ดูเถิด ครอบครัวของข้าพระองค์ก็ต่ำต้อยที่สุดในเผ่ามนัสเสห์ และข้าพระองค์ก็เป็นคนเล็กน้อยที่สุดในบ้านของบิดาของข้าพระองค์"
|
||
|
\v 16 พระยาห์เวห์ได้ตรัสตอบเขาว่า "เราจะอยู่กับเจ้า และเจ้าจะชนะกองทัพคนมีเดียนทั้งหมดอย่างกับสู้รบกับคนๆเดียว"
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 17 กิเดโอนได้ทูลพระองค์ว่า "ถ้าหากพระองค์ทรงพอพระทัยข้าพระองค์ แล้วขอประทานหมายสำคัญว่า พระองค์ทรงเป็นผู้ที่ตรัสกับข้าพระองค์
|
||
|
\v 18 ขอทรงโปรดอย่าเสด็จไปจากที่นี่ จนกว่าข้าพระองค์จะกลับมาหาพระองค์ และนำของถวายของข้าพระองค์มา และตั้งไว้ต่อพระพักตร์พระองค์" พระยาห์เวห์ได้ตรัสว่า "เราจะรอจนกว่าเจ้าจะกลับมา"
|
||
|
\v 19 กิเดโอนจึงได้ไปและจัดเตียมลูกแพะ และเขาได้ทำขนมปังไร้เชื้อจากแป้งหนึ่งเอฟาห์ เขาได้ใส่เนื้อในกระจาด และเขาได้ใส่น้ำแกงลงในหม้อและได้นำสิ่งเหล่านั้นมาหาพระองค์ใต้ต้นโอ๊กนั้น และได้ถวายสิ่งเหล่านั้น
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 20 ทูตของพระเจ้าได้กล่าวเขาว่า "จงเอาเนื้อกับขนมปังไร้เชื้อมาและวางบนก้อนหินนี้ และเทน้ำแกงลงไปบนของเหล่านั้น" กิเดโอนก็ทำตามนั้น
|
||
|
\v 21 แล้วทูตของพระยาห์เวห์ได้ยื่นปลายไม้ในมือของท่าน แตะเนื้อและขนมปังไร้เชื้อด้วยไม้นั้น ไฟก็ลุกขึ้นจากก้อนหินและเผาไหม้เนื้อและขนมปังไร้เชื้อนั้น แล้วทูตของพระยาห์เวห์ก็ได้จากไป และกิเดโอนก็ไม่ได้เห็นท่านอีกเลย
|
||
|
\v 22 กิเดโอนก็ได้เข้าใจว่านี่เป็นทูตของพระยาห์เวห์ กิเดโอนได้ทูลว่า "โอ ข้าแต่พระยาห์เวห์ องค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะข้าพระองค์ได้เห็นทูตของพระยาห์เวห์หน้าต่อหน้า"
|
||
|
\v 23 พระยาห์เวห์ได้ตรัสกับเขาว่า "สันติสุขจงดำรงอยู่กับเจ้า อย่ากลัวเลย เจ้าจะไม่ตาย"
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 24 ดังนั้น กิเดโอนจึงได้สร้างแท่นบูชาแด่พระยาห์เวห์ที่นั่น เขาเรียกแท่นนั้นว่า "พระยาห์เวห์คือสันติสุข" แท่นนั้นยังคงตั้งอยู่ที่โอฟราห์ของตระกูลอาบีเยเซอร์มาจนถึงทุกวันนี้
|
||
|
\v 25 คืนนั้น พระยาห์เวห์ได้ตรัสกับเขาว่า "จงเอาโคตัวผู้ของบิดาของเจ้าไป และโคตัวผู้ตัวที่สองที่อายุเจ็ดปีอีกตัวหนึ่ง และพังแท่นบูชาของพระบาอัลที่เป็นของบิดาของเจ้า และจงโค่นเสาอาเชราห์ที่อยู่ข้างแท่นนั้นด้วย
|
||
|
\v 26 จงสร้างแท่นบูชาแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าที่บนสุดของที่ลี้ภัยแห่งนี้ และก่อสร้างแท่นนั้นให้ถูกวิธี จงถวายโคตัวผู้ตัวที่สองเป็นเครื่องเผาบูชา จงใช้ฟืนจากเสาอาเชราห์ที่เจ้าได้โค่นลงมา"
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 27 ดังนั้น กิเดโอนจึงได้พาคนรับใช้ของเขาสิบคนไปและได้ทำตามที่พระยาห์เวห์ได้ทรงบอกเขา แต่เพราะว่าเขากลัวครอบครัวบิดาของเขาและกลัวชาวเมืองมากเกินกว่าที่จะทำในตอนกลางวัน เขาจึงได้ทำตอนกลางคืน
|
||
|
\v 28 ในตอนเช้า เมื่อชาวเมืองได้ตื่นขึ้น แท่นบูชาของพระบาอัลได้พังทลายลงมา และเสาอาเชราห์ที่อยู่ข้างแท่นนั้นก็ถูกโค่นลงมา และโคตัวผู้ตัวที่สองก็ได้ถวายบนแท่นบูชาที่ได้สร้างขึ้นมา
|
||
|
\v 29 ชาวเมืองนั้นก็พูดกันว่า "ใครได้ทำเช่นนี้?" เมื่อพวกเขาได้พูดคุยกับคนอื่นๆ และได้หาคำตอบเรื่องนี้ พวกเขาได้กล่าวว่า "กิเดโอนบุตรชายของโยอาชได้ทำสิ่งนี้"
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 30 แล้วชาวเมืองนั้นได้พูดกับโยอาชว่า "จงนำบุตรชายของเจ้าออกมา เพื่อที่เขาจะถูกลงโทษถึงตาย เพราะเขาได้พังแท่นบูชาของพระบาอัล และเพราะเขาได้โค่นเสาอาเชราห์ที่อยู่ข้างแท่นนั้น"
|
||
|
\v 31 โยอาชจึงได้พูดกับคนทั้งปวงที่มาฟ้องต่อเขาว่า "พวกท่านจะสู้ความแทนพระบาอัลหรือ? พวกท่านจะช่วยพระนั้นหรือ? ใครก็ตามที่สู้ความแทนพระนั้น ก็ให้เขาถูกลงโทษถึงตายขณะที่ยังเช้าอยู่ ถ้าพระบาอัลเป็นพระจริง ก็ให้ท่านสู้ความเองเถิด เมื่อมีใครมาพังแท่นบูชาของท่าน"
|
||
|
\v 32 ด้วยเหตุนี้ ในวันนั้น พวกเขาจึงได้เรียกกิเดโอนว่า "เยรุบบาอัล" เพราะเขาได้กล่าวว่า "ให้บาอัลสู้ความเอง" เพราะกิเดโอนได้พังแท่นของพระบาอัลลงมา
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 33 ขณะนั้น บรรดาคนมีเดียน คนอามาเลข และชาวตะวันออกได้มาชุมนุมกัน พวกเขาได้ข้ามแม่น้ำจอร์แดนและได้ตั้งค่ายในหุบเขายิสเรเอล
|
||
|
\v 34 แต่พระวิญญาณของพระยาห์เวห์ได้เสด็จมาเหนือกิเดโอน กิเดโอนจึงได้เป่าแตร เรียกตระกูลอาบีเยเซอร์ เพื่อให้พวกเขาติดตามเขาไป
|
||
|
\v 35 เขาได้ส่งผู้สื่อสารไปทั่วเผ่ามนัสเสห์ทั้งหมด และพวกเขาก็ได้ถูกเรียกให้ออกมาติดตามเขาด้วย เขาได้ส่งผู้สื่อสารไปยังเผ่าอาเชอร์ เผ่าเศบูลุน และเผ่านัฟทาลีด้วย และพวกเขาก็ขึ้นไปพบกับเขา
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 36 กิเดโอนทูลต่อพระเจ้าว่า "ถ้าพระองค์ทรงประสงค์จะใช้ข้าพระองค์เพื่อช่วยกู้อิสราเอล ดังที่พระองค์ได้ตรัสแล้ว
|
||
|
\v 37 ดูเถิด ข้าพระองค์วางกลุ่มขนแกะไว้บนลานนวดข้าว ถ้าหากมีน้ำค้างเฉพาะที่กลุ่มขนแกะเท่านั้น และบนพื้นดินทั้งหมดแห้ง แล้วข้าพระองค์ก็จะรู้ว่า พระองค์จะทรงใช้ข้าพระองค์ให้ช่วยกู้อิสราเอลตามที่พระองค์ได้ตรัส"
|
||
|
\v 38 นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น กิเดโอนได้ลุกขึ้นแต่เช้าในวันรุ่งขึ้น เขาได้บีบกลุ่มขนแกะเข้าด้วยกัน และบิดน้ำค้างออกมาจากกลุ่มขนแกะนั้น มีน้ำมากพอจนเต็มชาม
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 39 แล้วกิเดโอนได้ทูลต่อพระเจ้าว่า "ขออย่ากริ้วต่อข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะขอทูลอีกครั้ง ขอทรงโปรดให้ข้าพระองค์ทดสอบด้วยกลุ่มขนแกะอีกครั้ง ครั้งนี้ขอให้กลุ่มขนแกะแห้ง และให้มีน้ำค้างอยู่บนพื้นดินโดยรอบ"
|
||
|
\v 40 พระเจ้าทรงได้กระทำตามที่เขาได้ร้องขอในคืนนั้น กลุ่มขนแกะแห้ง และมีน้ำค้างอยู่บนพื้นดินโดยรอบกลุ่มขนแกะนั้น
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\c 7
|
||
|
\p
|
||
|
\v 1 แล้วเยรุบบาอัล (นั่นก็คือกิเดโอน) และประชาชนทั้งหมดที่อยู่กับเขาได้ลุกขึ้นแต่เช้าตรู่ และพวกเขาได้ตั้งค่ายอยู่ข้างน้ำพุฮาโรด ค่ายของคนมีเดียนอยู่ทางเหนือของพวกเขาในหุบเขาใกล้ภูเขาโมเรห์
|
||
|
\v 2 พระยาห์เวห์ได้ตรัสกับกิเดโอนว่า "มีทหารมากเกินไปสำหรับเราที่จะมอบชัยชนะเหนือคนมีเดียนให้แก่เจ้า เพื่อที่อิสราเอลจะไม่โอ้อวดต่อเราได้ โดยกล่าวว่า 'กำลังของพวกเราเองได้ช่วยกู้พวกเราไว้'
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 3 เพราะฉะนั้น จงประกาศให้ประชาชนได้ยินเดี๋ยวนี้ และกล่าวว่า 'คนใดที่กลัว คนใดที่ตัวสั่น ก็ให้เขากลับไป และออกไปจากภูเขากิเลอาด"' ดังนั้น มีคนสองหมื่นสองพันคนได้ออกไป คงเหลืออยู่หนึ่งหมื่นคน
|
||
|
\v 4 พระยาห์เวห์ได้ตรัสกับกิเดโอนว่า "ประชาชนยังมากเกินไป จงพาพวกเขาลงไปที่น้ำ และที่นั่น เราจะทำให้จำนวนของพวกเขาน้อยลงสำหรับเจ้า ถ้าเราบอกเจ้าว่า 'คนนี้จะไปกับเจ้า' เขาก็จะไปกับเจ้า แต่ถ้าเราบอกว่า 'คนนี้จะไม่ไปกับเจ้า' เขาก็จะไม่ไป"
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 5 ดังนั้น กิเดโอนจึงได้นำประชาชนลงไปที่น้ำ และพระยาห์เวห์ได้ตรัสกับเขาว่า "จงแยกทุกคนที่เลียน้ำเหมือนกับที่สุนัขเลียน้ำ ออกจากพวกคนที่คุกเข่าลงดื่มน้ำ"
|
||
|
\v 6 มีคนสามร้อยคนที่ได้เลียน้ำ ส่วนคนที่เหลือได้คุกเข่าลงดื่มน้ำ
|
||
|
\v 7 พระยาห์เวห์ได้ตรัสกับกิเดโอนว่า "เราจะช่วยเจ้าและมอบชัยชนะเหนือคนมีเดียนให้แก่เจ้า ด้วยคนสามร้อยคนที่เลียน้ำ ให้คนอื่นทุกคนกลับไปยังที่ของเขา"
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 8 ดังนั้น คนที่ได้รับเลือกเหล่านั้นก็ได้เอาเสบียงและแตรของพวกเขาไป กิเดโอนได้ส่งพวกคนอิสราเอลทั้งหมดไป ทุกคนก็ได้ไปยังเต็นท์ของเขา แต่เขายังคงให้สามร้อยคนนั้นอยู่ ในขณะนั้น ค่ายของคนมีเดียนได้ลงมาอยู่ข้างล่างเขาในหุบเขา
|
||
|
\v 9 ในคืนเดียวกันนั้น พระยาห์เวห์ได้ตรัสกับเขาว่า "จงตื่นขึ้น ไปโจมตีค่ายนั้น เพราะเราจะมอบชัยชนะแก่เจ้าเหนือค่ายนั้น
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 10 แต่ถ้าเจ้ากลัวที่จะลงไป ก็จงลงไปที่ค่ายนั้นกับปูราห์คนรับใช้ของเจ้า
|
||
|
\v 11 และฟังว่าพวกเขาพูดอะไรกัน และความกล้าหาญของเจ้าจะได้รับเสริมกำลังให้โจมตีค่ายนั้น" ดังนั้น กิเดโอนจึงได้ไปกับปูราห์คนรับใช้ของเขา ลงไปที่กองกำลังรักษาการณ์ของค่ายนั้น
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 12 บรรดาคนมีเดียน คนอามาเลข และพวกชาวตะวันออกได้ตั้งทัพอยู่ตามหุบเขานั้น หนาแน่นเหมือนกับฝูงของตั๊กแตน ฝูงอูฐของพวกเขาก็เกินกว่าที่จะนับได้แล้ว พวกเขามีจำนวนมากกว่าเม็ดทรายบนฝั่งทะเล
|
||
|
\v 13 เมื่อกิเดโอนได้มาถึงที่นั่น ชายคนหนึ่งกำลังเล่าความฝันให้เพื่อนของเขาฟัง ชายคนนั้นได้กล่าวว่า "ดูสิ ข้าได้ฝันเรื่องหนึ่ง และข้าได้เห็นขนมปังบาร์เลย์กลมอันหนึ่งกำลังกลิ้งเข้ามาในค่ายของคนมีเดียน มันได้เข้ามาที่เต็นท์นั้น และชนเต็นท์อย่างแรงจนเต็นท์นั้นโค่นลงและพลิกหงายขึ้น แล้วเต็นท์นั้นก็ราบไป"
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 14 ชายอีกคนหนึ่งได้พูดว่า "นี่ไม่ใช่สิ่งอื่นใด นอกจากดาบของกิเดโอน (บุตรชายของโยอาช) คนอิสราเอล พระเจ้าได้ทรงมอบชัยชนะให้แก่เขาเหนือคนมีเดียนและกองทัพทั้งหมดของพวกเขาแล้ว"
|
||
|
\v 15 เมื่อกิเดโอนได้ยินการเล่าเรื่องความฝันและการแปลความหมายความฝันนั้น เขาก็ได้ก้มกราบลงนมัสการ เขาได้กลับไปยังค่ายของอิสราเอล และได้กล่าวว่า "จงลุกขึ้นเถิด พระยาห์เวห์ได้ทรงมอบชัยชนะเหนือกองทัพมีเดียนให้แก่พวกท่านแล้ว"
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 16 เขาจึงได้แบ่งคนสามร้อยคนนั้นออกเป็นสามกลุ่ม และเขาได้ให้แตรทั้งหมด และหม้อเปล่าที่มีคบเพลิงอยู่ในหม้อแต่ละใบแก่พวกเขา
|
||
|
\v 17 เขาได้พูดกับคนเหล่านั้นว่า "จงมองดูข้าพเจ้าและทำตามที่ข้าพเจ้าทำ จงคอยเฝ้าดู เมื่อข้าพเจ้ามาถึงค่ายด้านนอกนั้น พวกท่านต้องทำอย่างที่ข้าพเจ้าทำ
|
||
|
\v 18 เมื่อข้าพเจ้าเป่าแตร ทั้งข้าพเจ้าและทุกคนที่อยู่กับข้าพเจ้า แล้วก็จงเป่าแตรของพวกท่านด้วย จากทุกๆ ด้านของค่ายทั้งหมด และร้องตะโกนว่า 'เพื่อพระยาห์เวห์และเพื่อกิเดโอน'"
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 19 ดังนั้น กิเดโอนกับคนหนึ่งร้อยคนที่อยู่กับเขาได้มาถึงด้านนอกค่าย ในเวลาต้นยามกลาง ขณะที่คนมีเดียนกำลังผลัดเปลี่ยนเวรยามรักษาการณ์ พวกเขาก็ได้เป่าแตรและทุบหม้อเหล่านั้นที่อยู่ในมือของพวกเขาให้แตก
|
||
|
\v 20 ทั้งสามกองก็ได้เป่าแตรและทุบหม้อเหล่านั้นให้แตก พวกเขาถือคบเพลิงในมือซ้ายของพวกเขา และถือแตรในมือขวาของพวกเขาเพื่อเป่าแตรนั้น พวกเขาร้องตะโกนว่า "ดาบเพื่อพระยาห์เวห์และเพื่อกิเดโอน"
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 21 ทุกคนก็ยืนอยู่ในที่ของเขารอบค่ายนั้น และกองทัพคนมีเดียนทั้งหมดก็ได้วิ่งหนี พวกเขาได้ตะโกนและวิ่งหนีไป
|
||
|
\v 22 เมื่อพวกเขาได้เป่าแตรสามร้อยอันนั้น พระยาห์เวห์ได้ทรงทำให้ดาบของคนมีเดียนทุกคนต่อสู้กับเพื่อนของเขา และต่อสู้กับกองทัพทั้งหมดของพวกเขา กองทัพนั้นก็ได้หนีไปไกลจนถึงเบธชิททาห์ ทางไปยังเศเรราห์ ไกลไปจนถึงเขตแดนของอาเบลเมโฮลาห์ ใกล้ทับบาท
|
||
|
\v 23 คนอิสราเอลจากเผ่านัฟทาลี เผ่าอาเชอร์ และเผ่ามนัสเสห์ทั้งหมดก็ได้ถูกเรียกออกมา และพวกเขาก็ได้ไล่ตามคนมีเดียนไป
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 24 กิเดโอนได้ส่งผู้สื่อสารออกไปทั่วแดนเทือกเขาเอฟราอิม ได้กล่าวว่า "จงลงไปต่อสู้กับคนมีเดียน และยึดแม่น้ำจอร์แดนไว้ ไกลไปจนถึงเบธบาราห์ เพื่อหยุดยั้งพวกเขา" ดังนั้น คนเอฟราอิมทั้งหมดก็ได้มาชุมนุมกัน และยึดบรรดาลำน้ำนั้นไว้ ไปไกลจนถึงเบธบาราห์และแม่น้ำจอร์แดน
|
||
|
\v 25 พวกเขาได้จับเจ้านายสองคนของมีเดียนคือ โอเรบกับเศเอบ พวกเขาได้ประหารโอเรบที่ศิลาโอเรบ และพวกเขาได้ประหารเศเอบที่บ่อย่ำองุ่นเศเอบ พวกเขาได้ไล่ตามคนมีเดียนไป และพวกเขาได้นำศีรษะของโอเรบและเศเอบมาให้กิเดโอนที่อยู่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำจอร์แดน
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\c 8
|
||
|
\p
|
||
|
\v 1 คนเอฟราอิมได้พูดกับกิเดโอนว่า "ท่านได้ทำอะไรกับพวกเราเช่นนี้? ท่านไม่ได้เรียกพวกเรา ตอนที่ท่านได้ไปสู้รบกับคนมีเดียน" แล้วพวกเขาก็ได้โต้เถียงกิเดโอนอย่างรุนแรง
|
||
|
\v 2 กิเดโอนจึงตอบพวกเขาว่า "บัดนี้ ข้าพเจ้าได้ทำอะไรที่จะไปเทียบกับพวกท่านได้หรือ? ผลองุ่นที่ชาวเอฟราอิมเก็บตกก็ยังดีกว่าผลองุ่นที่อาบีเยเซอร์เก็บเกี่ยวทั้งหมดไม่ใช่หรือ?
|
||
|
\v 3 พระเจ้าได้ประทานชัยชนะแก่พวกท่านเหนือบรรดาเจ้านายของคนมีเดียน คือโอเรบกับเศเอบ ข้าพเจ้ามีความสามารถอะไรที่จะเทียบกับพวกท่านได้?" เมื่อกิเดโอนได้พูดดังนี้ พวกเขาก็หายโกรธ
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 4 กิเดโอนได้มายังแม่น้ำจอร์แดนและข้ามแม่น้ำนั้น ทั้งเขาและคนสามร้อยคนที่ได้อยู่กับเขา พวกเขาอ่อนล้า แต่พวกเขาก็คงไล่ตามไป
|
||
|
\v 5 เขาได้พูดกับชาวเมืองสุคคทว่า "ขอโปรดให้ขนมปังแก่คนที่ติดตามเรามาเถิด เพราะพวกเขาอ่อนล้า และข้าพเจ้ากำลังไล่ตามเศบาห์กับศัลมุนนากษัตริย์ของมีเดียน"
|
||
|
\v 6 แล้วพวกเจ้านายทั้งหลายจึงได้ตอบว่า "ตอนนี้ มือของเศบาห์กับศัลมุนนาอยู่ในมือของเจ้าแล้วหรือ? ทำไมเราจึงควรให้ขนมปังแก่กองทัพของเจ้า?"
|
||
|
\v 7 กิเดโอนจึงได้ตอบว่า "เมื่อพระยาห์เวห์ได้ทรงมอบชัยชนะแก่เราเหนือเศบาห์กับศัลมุนนาแล้ว เราจะฉีกหนังของพวกท่านด้วยหนามในทะเลทรายและพุ่มหนาม"
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 8 เขาได้ขึ้นไปจากที่นั่นไปยังเมืองเปนูเอล และได้พูดกับชาวเมืองที่นั่นอย่างเดียวกัน แต่ชาวเมืองเปนูเอลก็ได้ตอบเขาเหมือนกับชาวเมืองสุคคทได้ตอบ
|
||
|
\v 9 เขาจึงได้พูดกับชาวเมืองเปนูเอล และกล่าวว่า "เมื่อข้าพเจ้ากลับมาอีกครั้งโดยสวัสดิภาพ ข้าพเจ้าจะพังหอคอยนี้"
|
||
|
\v 10 ตอนนี้เศบาห์กับศัลมุนนาได้อยู่ที่คารโคร์กับกองทัพของพระองค์ ที่มีประมาณหนึ่งหมื่นห้าพันคน คนทั้งหมดที่ยังเหลืออยู่จากกองทัพทั้งหมดของชาวตะวันออก เพราะมีคนที่ได้รับการฝึกฝนในการสู้รบด้วยดาบได้ล้มตายไป 120,000 คน
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 11 กิเดโอนได้ขึ้นไปตามถนนที่พวกอาศัยอยู่ในเต็นท์ยึดครอง ผ่านโนบาห์กับโยกเบฮาห์ไป เขาได้ทำให้กองทัพศัตรูนั้นพ่ายแพ้ไป เพราะพวกเขาไม่ได้คิดว่าจะถูกโจมตี
|
||
|
\v 12 เศบาห์กับศัลมุนนาจึงหนีไป และขณะที่กิเดโอนไล่ตามพวกเขาไป เขาได้จับกษัตริย์มีเดียนทั้งสองพระองค์คือเศบาห์กับศัลมุนนา และทำให้กองทัพทั้งสิ้นของพวกเขาแตกตื่น
|
||
|
\v 13 กิเดโอนบุตรชายของโยอาชกลับมาจากการทำสงครามโดยผ่านมาทางเฮเรส
|
||
|
\v 14 เขาจึงจับตัวชายหนุ่มคนหนึ่งที่เป็นชาวสุคคท และถามคำถามเขา ชายหนุ่มคนนั้นจึงเขียนชื่อของพวกข้าราชการและพวกผู้ใหญ่เจ็ดสิบเจ็ดคนของเมืองสุคคท
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 15 กิเดโอนได้มาหาชาวเมืองสุคคทและกล่าวว่า "จงดูเศบาห์กับศัลมุนนา คือพวกท่านได้เยาะเย้ยข้าพเจ้า และกล่าวว่า 'เจ้าได้ชนะเศบาห์กับศัลมุนนาแล้วหรือ? เราไม่รู้ว่าเราควรจะให้ขนมปังแก่กองทัพของเจ้า'"
|
||
|
\v 16 กิเดโอนจึงนำพวกผู้ใหญ่ในเมืองนั้นไป และเขาได้ลงโทษชาวเมืองสุคคทเหล่านั้นด้วยหนามในทะเลทรายและพุ่มหนาม
|
||
|
\v 17 แล้วเขาก็ได้พังหอคอยของเมืองเปนูเอลลงมาและประหารชาวเมืองนั้น
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 18 แล้วกิเดโอนจึงกล่าวกับเศบาห์กับศัลมุนนาว่า "คนเหล่านั้นที่พวกท่านฆ่าที่ภูเขาทาโบร์เป็นคนประเภทไหน? พวกเขาตอบว่า "ท่านเป็นอย่างไร พวกเขาก็เป็นอย่างนั้น ทุกคนในพวกเขามองดูเหมือนกับโอรสของกษัตริย์"
|
||
|
\v 19 กิเดโอนจึงกล่าวว่า "พวกเขาเป็นพี่น้องของข้าพเจ้า ซึ่งเป็นพวกบุตรชายของมารดาของข้าพเจ้า พระยาห์เวห์ทรงพระชนม์อยู่ฉันใด ถ้าพวกท่านช่วยพวกเขาให้มีชีวิตอยู่ ข้าพเจ้าก็จะไม่ฆ่าพวกท่าน"
|
||
|
\v 20 เขาพูดกับเยเธอร์ (บุตรหัวปีของเขา) "จงลุกขึ้นและประหารพวกเขา" แต่ชายหนุ่มไม่ได้ชักดาบออกมาเพราะเขากลัว เพราะเขายังเป็นเด็กหนุ่ม
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 21 แล้วเศบาห์กับศัลมุนนาจึงกล่าวว่า "ท่านจงลุกขึ้นและประหารพวกเราเองซิ เพราะยิ่งหนุ่มแน่นมากเท่าใด กำลังของเขาก็มากขึ้นเท่านั้น" กิเดโอนจึงลุกขึ้นและประหารเศบาห์กับศัลมุนนา เขายังได้เอาเครื่องประดับรูปพระจันทร์เสี้ยวที่อยู่บนคอของอูฐของพวกเขามาด้วย
|
||
|
\v 22 แล้วคนอิสราเอลจึงได้กล่าวกับกิเดโอนว่า "ขอจงปกครองเหนือเราเถิด ทั้งท่านและบุตรชายของท่าน และหลานชายของท่าน เพราะท่านได้ช่วยพวกเราให้พ้นจากมือของคนมีเดียน"
|
||
|
\v 23 กิเดโอนจึงตอบพวกเขาว่า "ข้าพเจ้าจะไม่ปกครองพวกท่าน บุตรชายของข้าพเจ้าก็จะไม่ปกครองพวกท่านเช่นกัน พระยาห์เวห์จะทรงปกครองพวกท่าน"
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 24 กิเดโอนได้กล่าวกับพวกเขาว่า "ให้ข้าพเจ้าขออย่างหนึ่งจากพวกท่าน ขอให้แต่ละคนในพวกท่านให้ตุ้มหูเหล่านั้นจากของที่ริบมาของเขาให้แก่ข้าพเจ้า" (คนมีเดียนมีตุ้มหูทองคำ เพราะพวกเขาเป็นคนอิชมาเอล)
|
||
|
\v 25 พวกเขาตอบว่า "พวกเรายินดีที่จะให้สิ่งเหล่านั้นแก่ท่าน" พวกเขาจึงปูเสื้อคลุมและทุกคนต่างก็โยนตุ้มหูจากของที่ริบมาของเขาได้ลงไปในนั้น
|
||
|
\v 26 น้ำหนักของตุ้มหูทองคำที่เขาได้ขอมา 1,700 เชเขลทองคำ นอกจากของที่ริบมาได้นี้ยังมีเครื่องประดับรูปพระจันทร์เสี้ยว จี้ห้อยคอ และผ้าสีม่วงที่พวกกษัตริย์มีเดียนสวมใส่ และอีกทั้งสร้อยที่คล้องคอพวกอูฐของพวกเขาด้วย
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 27 กิเดโอนทำเอโฟดอันหนึ่งจากตุ้มหูเหล่านั้นและเก็บไว้ในเมืองของเขาในเมืองโอฟราห์ และคนอิสราเอลทั้งหมดก็เล่นชู้โดยการนมัสการเอโฟดนั้นที่นั่น ซึ่งได้กลายมาเป็นกับดักแก่กิเดโอนและพวกคนที่อยู่ในบ้านของเขา
|
||
|
\v 28 ดังนั้น คนมีเดียนจึงพ่ายแพ้ไปต่อหน้าคนอิสราเอลและพวกเขาก็ไม่ได้เงยศีรษะขึ้นมาอีก ดังนั้น แผ่นดินนั้นก็มีความสงบสุขเป็นเวลาสี่สิบปีในสมัยของกิเดโอน
|
||
|
\v 29 เยรุบบาอัลบุตรชายของโยอาชก็ได้ไปและอาศัยอยู่ในบ้านของตน
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 30 กิเดโอนได้มีบุตรชายเจ็ดสิบคนที่เป็นเชื้อสายของเขา เพราะเขามีภรรยาหลายคน
|
||
|
\v 31 ภรรยาน้อยของเขาที่อยู่ในเมืองเชเคม ก็ให้กำเนิดบุตรชายให้แก่เขาด้วย กิเดโอนตั้งชื่อให้เขาว่าอาบีเมเลค
|
||
|
\v 32 กิเดโอนบุตรชายของโยอาชสิ้นชีวิตเมื่อวัยชรามากแล้ว และถูกฝังไว้ในเมืองโอฟราห์ในอุโมงค์ฝังศพของโยอาชบิดาของเขา ซึ่งเป็นของตระกูลอาบีเยเซอร์
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 33 ต่อมาทันทีที่กิเดโอนสิ้นชีวิต คนอิสราเอลก็หันกลับไปอีกและเล่นชู้โดยการนมัสการบรรดาพระบาอัล พวกเขาได้ทำให้บาอัลเบรีทเป็นพระของพวกเขา
|
||
|
\v 34 คนอิสราเอลไม่ได้ระลึกถึงการที่จะถวายพระเกียรติแด่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของพวกเขาผู้ได้ทรงช่วยพวกเขาจากมือของศัตรูของพวกเขาจากทุกๆ ด้าน
|
||
|
\v 35 พวกเขาไม่ได้รักษาสัญญาที่มีต่อวงศ์วานของเยรุบบาอัล (นั่นคือ กิเดโอน) ในการตอบแทนสำหรับการดีทั้งหมดที่เขาได้ทำในอิสราเอล
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\c 9
|
||
|
\p
|
||
|
\v 1 อาบีเมเลคบุตรชายของเยรุบบาอัลได้ไปหาบรรดาญาติของมารดาของเขาที่เมืองเชเคม และเขาพูดกับพวกเขาและกับตระกูลของครอบครัวของมารดาของเขาทั้งหมดว่า
|
||
|
\v 2 "ขอโปรดพูดดังนี้ เพื่อให้พวกผู้นำในเมืองเชเคมทั้งหมดได้ยินว่า "อย่างไหนจะดีกว่ากันสำหรับพวกท่าน ที่จะมีบุตรชายของเยรุบบาอัลทั้งหมดเจ็ดสิบคนปกครองเหนือพวกท่าน หรือว่ามีแค่คนเดียวปกครองเหนือพวกท่าน? ขอให้ระลึกด้วยว่าข้าพเจ้าเป็นกระดูกและเป็นเนื้อของท่าน"
|
||
|
\v 3 บรรดาญาติของมารดาของเขาได้พูดกับพวกผู้นำในเมืองเชเคมให้กับเขา และพวกเขาก็เห็นด้วยที่จะติดตามอาบีเมเลค เพราะพวกเขาได้กล่าวว่า "เขาเป็นพี่น้องของพวกเรา"
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 4 พวกเขาจึงให้เงินเจ็ดสิบแผ่นจากวิหารของพระบาอัลเบรีทแก่เขา และอาบีเมเลคใช้เงินนั้นไปจ้างพวกคนผู้ซึ่งติดตามเขาที่มีลักษณะเป็นนักเลงอันธพาล
|
||
|
\v 5 อาบีเมเลคไปที่บ้านของบิดาของเขาที่เมืองโอฟราห์ และบนศิลาแผ่นเดียว เขาฆ่าพี่น้องของเขาทั้งเจ็ดสิบคนที่เป็นบุตรชายของเยรุบบาอัล เหลือเพียงแต่โยธามที่เป็นบุตรชายคนสุดท้องของเยรุบบาอัลเท่านั้น เพราะเขาซ่อนตัวอยู่
|
||
|
\v 6 พวกผู้นำของเมืองเชเคมกับเมืองเบธมิลโลทั้งหมดจึงได้มาชุมนุมกันและพวกเขาก็ไปและตั้งอาบีเมเลคเป็นกษัตริย์ ที่ข้างต้นโอ๊กใกล้กับเสานั้นที่อยู่ในเมืองเชเคม
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 7 เมื่อโยธามทราบเรื่องนี้ เขาก็ไปและยืนอยู่บนยอดภูเขาเกริซิม เขาตะโกนและพูดกับพวกเขาว่า "พวกเจ้า พวกผู้นำของเมืองเชเคม ขอจงฟังเรา เพื่อที่พระเจ้าจะทรงฟังพวกเจ้า
|
||
|
\v 8 ครั้งหนึ่ง ต้นไม้ต่างๆ ได้ออกไปเพื่อเจิมตั้งกษัตริย์องค์หนึ่งให้ปกครองพวกมัน เพราะพวกมันพูดกับต้นมะกอกว่า 'ขอจงปกครองเหนือพวกเราเถิด'
|
||
|
\v 9 แต่ต้นมะกอกตอบพวกมันว่า "ฉันควรจะเลิกผลิตน้ำมันของฉันที่ใช้ถวายเกียรติแด่บรรดาพระและมนุษย์ เพื่อฉันจะกลับไป และกวัดแกว่งอยู่เหนือต้นไม้ทั้งหลายหรือ?"
|
||
|
\v 10 ต้นไม้เหล่านั้นจึงพูดกับต้นมะเดื่อว่า 'ขอจงมาและปกครองพวกเราเถิด'
|
||
|
\v 11 แต่ต้นมะเดื่อตอบพวกมันว่า 'ฉันควรจะเลิกผลิตผลที่หวานและดีของฉัน เพื่อฉันจะกลับไป และกวัดแกว่งอยู่เหนือต้นไม้อื่นๆ หรือ?'
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 12 ต้นไม้เหล่านั้นจึงพูดกับเถาองุ่นว่า 'ขอจงมาและปกครองเหนือเราเถิด'
|
||
|
\v 13 เถาองุ่นจึงตอบพวกมันว่า 'ฉันควรจะหยุดผลิตเหล้าองุ่นใหม่ของฉัน ที่ทำให้บรรดาพระและมนุษย์ชื่นใจ และกลับไป และกวัดแกว่งเหนือต้นไม้อื่นๆ หรือ?'
|
||
|
\v 14 แล้วต้นไม้เหล่านั้นจึงพูดกับต้นพุ่มหนามว่า 'ขอจงมาและปกครองเหนือเราเถิด'
|
||
|
\v 15 ต้นพุ่มหนามพูดกับต้นไม้เหล่านั้นว่า 'ถ้าพวกเจ้าต้องการเจิมฉันเป็นกษัตริย์เหนือพวกเจ้าจริงๆ แล้วจงมาและหาที่ปลอดภัยภายใต้ร่มเงาของฉันเถิด ถ้าไม่เป็นเช่นนั้น แล้วก็ขอให้ไฟออกมาจากต้นพุ่มหนามและให้ไฟนั้นเผาผลาญต้นสนสีดาร์แห่งเลบานอนเสีย'
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 16 เพราะฉะนั้นบัดนี้ ถ้าพวกเจ้าได้กระทำด้วยความจริงใจและซื่อสัตย์แล้ว เมื่อตอนที่พวกเจ้าได้ตั้งอาบีเมเลคเป็นกษัตริย์ และถ้าพวกเจ้าทำดีต่อเยรุบบาอัลและครอบครัวของเขา และถ้าพวกเจ้าลงโทษเขาอย่างที่เขาสมควรจะได้รับ
|
||
|
\v 17 และคิดว่าบิดาของเราได้สู้รบเพื่อพวกเจ้า ได้เสี่ยงชีวิตของเขา และช่วยชีวิตของพวกเจ้าจากมือของคนมีเดียน
|
||
|
\v 18 แต่วันนี้พวกเจ้าได้ลุกขึ้นทำร้ายครอบครัวบิดาของเรา และฆ่าบรรดาบุตรชายของเขาทั้งเจ็ดสิบคนบนศิลาแผ่นเดียว แล้วพวกเจ้าตั้งอาบีเมเลคบุตรชายของสาวใช้มาเป็นกษัตริย์เหนือพวกผู้นำของเชเคม เพราะว่าเขาเป็นญาติของพวกเจ้า
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 19 ถ้าพวกเจ้ากระทำด้วยความซื่อสัตย์และความจริงใจต่อเยรุบบาอัลและครอบครัวของเขา แล้วพวกเจ้าก็ควรจะยินดีกับอาบีเมเลค และให้เขายินดีในพวกเจ้าด้วย
|
||
|
\v 20 แต่ถ้าไม่ใช่อย่างนั้น ก็ขอให้ไฟออกมาจากอาบีเมเลคและเผาผลาญชาวเชเคมและชาวเบธมิลโล และขอให้ไฟออกมาจากชาวเชเคมและชาวเบธมิลโลเผาผลาญอาบีเมเลคเถิด"
|
||
|
\v 21 โยธามได้หนีไป และเขาไปยังเบเออร์ เขาอาศัยอยู่ที่นั่น เพราะเมืองนั้นอยู่ห่างไกลจากอาบีเมเลคพี่ชายของเขา
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 22 อาบีเมเลคปกครองเหนืออิสราเอลเป็นเวลาสามปี
|
||
|
\v 23 พระเจ้าทรงปล่อยวิญญาณชั่วให้เข้ามาแทรกระหว่างอาบีเมเลคกับพวกผู้นำของเมืองเชเคม พวกผู้นำของเมืองเชเคมจึงทรยศต่อความไว้วางใจที่พวกเขามีต่ออาบีเมเลค
|
||
|
\v 24 พระเจ้าทรงทำเช่นนี้ เพื่อที่จะแก้แค้นการทารุณกรรมที่ได้ทำกับบุตรชายของเยรุบบาอัลทั้งเจ็ดสิบคน และอาบีเมเลคซึ่งเป็นพี่น้องของพวกเขาก็จะต้องรับผิดชอบต่อการประหารพวกเขา และชาวเมืองเชเคมก็จะต้องรับผิดชอบ เพราะพวกเขาได้ช่วยอาบีเมเลคประหารพี่น้องของเขา
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 25 ดังนั้น พวกผู้นำของเมืองเชเคมจึงวางคนเพื่อซุ่มคอยบนยอดเขาที่พวกเขาสามารถซุ่มโจมตีเขาได้ และพวกเขาได้ปล้นทุกคนที่ผ่านไปมาตามถนนนั้น เรื่องนี้มีการรายงานต่ออาบีเมเลคให้ทราบ
|
||
|
\v 26 กาอัลบุตรชายของเอเบดมากับบรรดาญาติของเขา และพวกเขาไปที่เมืองเชเคม พวกผู้นำของเมืองเชเคมมีความมั่นใจในตัวเขา
|
||
|
\v 27 พวกเขาจึงออกไปยังทุ่งนา และเก็บผลองุ่นจากสวนองุ่น และพวกเขาย่ำผลองุ่นเหล่านั้น พวกเขาจัดงานเลี้ยงในวิหารของพระของพวกเขา ที่ซึ่งพวกเขาได้กินและดื่ม และพวกเขาก็สาปแช่งอาบีเมเลค
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 28 กาอัลบุตรชายของเอเบดกล่าวว่า "อาบีเมเลคเป็นใคร และเชเคมเป็นใครที่เราต้องรับใช้เขา? เขาไม่ใช่บุตรชายของเยรุบบาอัลหรือ? เศบุลไม่ใช่เจ้าเมืองของเขาหรือ? จงรับใช้คนฮาโมร์บิดาของเชเคมเถิด ทำไมเราจึงต้องรับใช้อาบีเมเลค?
|
||
|
\v 29 ข้าต้องการให้ชนชาตินี่้อยู่ภายใต้คำสั่งของข้า แล้วข้าจะถอดอาบีเมเลคออก ข้าจะพูดกับอาบีเมเลคว่า "จงเรียกกองทัพของเจ้ามา"'
|
||
|
\v 30 เมื่อเศบุลเจ้าเมืองนั้น ได้ยินถ้อยคำที่กาอัลบุตรชายของเอเบดได้กล่าว ความโกรธของเขาก็พลุ่งขึ้น
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 31 เขาส่งผู้สื่อสารไปยังอาบีเมเลคเพื่อที่จะหลอกว่า "ดูสิ กาอัลบุตรชายของเอเบดและบรรดาญาติของเขากำลังมาที่เมืองเชเคม และพวกเขากำลังยุยงให้เมืองนั้นต่อสู้กับท่าน
|
||
|
\v 32 บัดนี้ ขอจงลุกขึ้นในตอนกลางคืน ท่านและพวกทหารที่ไปกับท่าน และเตรียมการซุ่มคอยโจมตีในทุ่งนา
|
||
|
\v 33 พอถึงตอนเช้า ทันทีที่ดวงอาทิตย์ขึ้น ขอจงลุกขึ้นแต่เช้าตรู่และบุกเข้าโจมตีเมืองนั้น เมื่อเขาและประชาชนของเขามาต่อสู้กับท่าน ก็จงทำตามที่ท่านสามารถทำได้กับพวกเขาเถิด"
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 34 ดังนั้น อาบีเมเลค ทั้งเขาและพวกคนที่อยู่กับเขาจึงลุกขึ้นในตอนกลางคืน และพวกเขาแบ่งออกเป็นสี่กองซุ่มคอยโจมตีชาวเชเคมอยู่
|
||
|
\v 35 กาอัลบุตรชายของเอเบดได้ออกไปและยืนอยู่ที่ทางเข้าประตูเมืองนั้น อาบีเมเลคและพวกคนที่อยู่กับเขาก็ออกมาจากที่ซ่อนของพวกเขา
|
||
|
\v 36 เมื่อกาอัลเห็นคนเหล่านั้น เขาจึงพูดกับเศบุลว่า "ดูสิ คนเหล่านั้นกำลังลงมาจากยอดเขา" เศบุลตอบเขาว่า "ท่านกำลังเห็นเงาของภูเขาเป็นเหมือนกับคน"
|
||
|
\v 37 กาอัลพูดขึ้นอีกและกล่าวว่า "ดูสิ คนเหล่านั้นกำลังลงมาในตรงกลางแผ่นดินนั้น และกองหนึ่งกำลังมาทางต้นโอ๊กแห่งผู้ทำนาย"
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 38 แล้วเศบุลพูดกับเขาว่า "ตอนนี้ ถ้อยคำที่โอ้อวดของท่านอยู่ที่ไหน ท่านผู้ที่ได้พูดว่า 'อาบีเมเลคคือใครที่เราต้องรับใช้เขา?' คนพวกนี้ไม่ใช่พวกคนที่ท่านได้ดูหมิ่นหรือ? จงออกไปเดี๋ยวนี้และสู้รบกับพวกเขา"
|
||
|
\v 39 กาอัลจึงได้ออกไปและเขาได้นำหน้าชาวเชเคมไป และเขาได้สู้รบกับอาบีเบเลค
|
||
|
\v 40 อาบีเมเลคก็ไล่ตามเขามา และกาอัลก็ได้หนีไปต่อหน้าเขา คนมากมายได้บาดเจ็บล้มตายข้างหน้าทางเข้าประตูเมืองนั้น
|
||
|
\v 41 อาบีเมเลคได้อยู่ในอารูมาห์ เศบุลได้ขับไล่กาอัลและพวกญาติๆ ของเขาออกไปจากเมืองเชเคม
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 42 วันต่อมา ชาวเชเคมจึงออกไปยังทุ่งนา และรายงานเรื่องนี้ต่ออาบีเมเลค
|
||
|
\v 43 เขาจึงนำคนของเขาไปด้วยโดยแบ่งพวกเขาเป็นสามกอง และพวกเขาซุ่มคอยโจมตีอยู่ในทุ่งนา เขามองดูและเห็นคนเหล่านั้นกำลังออกมาจากเมืองและเขาก็จู่โจมและฆ่าพวกเขา
|
||
|
\v 44 อาบีเมเลคและพวกกองทหารที่อยู่กับเขาเข้าโจมตีและปิดทางเข้าประตูเมืองนั้น กองทหารอีกสองกองได้โจมตีทุกคนที่อยู่ในทุ่งนานั้นและประหารพวกเขา
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 45 อาบีเมเลคสู้รบกับเมืองนั้นตลอดวันนั้น เขายึดเมืองนั้น และฆ่าประชาชนที่อยู่ในเมืองนั้น เขาพังกำแพงของเมืองนั้นและหว่านเกลือลงในเมืองนั้น
|
||
|
\v 46 เมื่อพวกผู้นำทั้งหมดของป้อมปราการแห่งเมืองเชเคมได้ยินเรื่องนี้ พวกเขาจึงเข้าไปในที่กำบังเข้มแข็งของวิหารพระเอลเบรีท
|
||
|
\v 47 อาบีเมเลครับแจ้งว่าพวกผู้นำทั้งหมดได้ไปชุมนุมกันอยู่ที่ป้อมปราการแห่งเชเคม อาบีเมเลคจึงไปยังภูเขาศัลโมน เขาและคนทั้งหมดที่อยู่กับเขา
|
||
|
\v 48 อาบีเมเลคเอาขวานอันหนึ่งไปและตัดกิ่งไม้ เขาเอามันไว้ที่บ่าของเขาและสั่งพวกคนที่อยู่กับเขาว่า "เมื่อพวกเจ้าได้เห็นเราทำอะไร ก็จงรีบทำตามที่เราได้ทำ"
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 49 ดังนั้น ทุกคนจึงตัดกิ่งไม้และทำตามอาบีเมเลค พวกเขาได้สุมกิ่งไม้เหล่านั้นไว้ที่กำแพงของป้อมปราการ และพวกเขาก็จุดไฟ เพื่อให้คนทั้งหมดที่อยู่ในป้อมปราการแห่งเชเคมที่มีประมาณหนึ่งพันคนทั้งผูัชายและผู้หญิงตายด้วย
|
||
|
\v 50 แล้วอาบีเมเลคไปที่เมืองเธเบส และตั้งค่ายสู้รบกับเมืองเธเบสและยึดเมืองนั้นได้
|
||
|
\v 51 แต่มีป้อมปราการที่แข็งแกร่งในเมืองนั้น และพวกชายและพวกผู้หญิงทั้งหมดและพวกผู้นำของเมืองก็ได้หนีไปยังป้อมปราการนั้นและปิดประตูขังตัวเองไว้ข้างใน แล้วพวกเขาจึงขึ้นไปบนหลังคาของป้อมปราการนั้น
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 52 อาบีเมเลคได้มาที่หอรบนั้นและโจมตีป้อมปราการนั้น และเขาขึ้นไปใกล้ประตูของป้อมปราการเพื่อจะเผาป้อมปราการนั้น
|
||
|
\v 53 แต่มีผู้หญิงคนหนึ่งได้ทุ่มโม่หินลงมาบนศีรษะของอาบีเมเลค และมันก็ทำให้กะโหลกของเขาแตก
|
||
|
\v 54 แล้วเขาจึงรีบเรียกชายหนุ่มที่ถืออาวุธของเขามา และได้บอกเขาว่า "จงชักดาบของเจ้าออกมาและฆ่าเราเสีย เพื่อจะไม่มีใครพูดเกี่ยวกับเราว่า 'ผู้หญิงคนหนึ่งได้ฆ่าเขา'" ดังนั้น ชายหนุ่มคนนั้นก็ได้แทงเขาจนทะลุ และเขาก็สิ้นชีวิต
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 55 เมื่อคนอิสราเอลเห็นว่าอาบีเมเลคได้สิ้นชีวิตแล้ว พวกเขาก็กลับบ้านไป
|
||
|
\v 56 ดังนั้น พระเจ้าจึงได้ทรงแก้แค้นความชั่วร้ายของอาบีเมเลคที่เขาได้ทำกับบิดาของเขาในการฆ่าพี่น้องของเขาทั้งเจ็ดสิบคน
|
||
|
\v 57 พระเจ้าทรงทำให้ความชั่วร้ายทั้งหมดของชาวเชเคมกลับไปสนองศีรษะของพวกเขาเอง และคำสาปแช่งของโยธามบุตรชายของเยรุบบาอัลก็ได้มาเหนือพวกเขา
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\c 10
|
||
|
\p
|
||
|
\v 1 ต่อจากอาบีเมเลค โทลาบุตรชายของปูอาห์ ผู้เป็นบุตรชายของโดโด ชาวอิสสาคาร์ผู้ที่ได้อาศัยอยู่ในเมืองชามีห์ ในแดนเทือกเขาเอฟราอิมได้ลุกขึ้นเพื่อปลดปล่อยคนอิสราเอล
|
||
|
\v 2 เขาได้วินิจฉัยอิสราเอลเป็นเวลายี่สิบสามปี เขาสิ้นชีวิตและถูกฝังไว้ในเมืองชามีร์
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 3 ต่อจากเขา คือยาอีร์คนกิเลอาด เขาได้วินิจฉัยอิสราเอลยี่สิบสองปี
|
||
|
\v 4 เขามีบุตรชายสามสิบคนผู้ที่ได้ขี่ลาสามสิบตัว และพวกเขามีเมืองสามสิบเมืองที่อยู่ในแผ่นดินกิเลอาด ซึ่งถูกเรียกว่าฮาวโวทยาอีร์จนถึงทุกวันนี้
|
||
|
\v 5 ยาอีร์สิ้นชีวิตและถูกฝังไว้ในเมืองคาโมน
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 6 คนอิสราเอลได้เพิ่มความชั่วร้ายในสิ่งที่พวกเขาทำมากขึ้นในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ และนมัสการบรรดาพระบาอัล พระอัชโทเรท พระของอารัม พระของไซดอน พระของโมอับ พระของชาวอัมโมน และพระของคนฟีลิสเตีย พวกเขาละทิ้งพระยาห์เวห์และไม่ได้นมัสการพระองค์อีกต่อไป
|
||
|
\v 7 พระพิโรธของพระยาห์เวห์จึงพลุ่งขึ้นต่อคนอิสราเอล และพระองค์จึงทรงขายพวกเขาไว้ในมือของคนฟีลิสเตียและในมือของคนอัมโมน
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 8 พวกเขาบีบบังคับและข่มเหงคนอิสราเอลในปีนั้น และพวกเขาข่มเหงคนอิสราเอลทั้งหมดที่อยู่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำจอร์แดนในแผ่นดินของคนอาโมไรต์ที่อยู่ในกิเลอาดเป็นเวลาสิบแปดปี
|
||
|
\v 9 แล้วคนอัมโมนจึงข้ามมายังอีกฟากหนึ่งของแม่น้ำจอร์แดนเพื่อสู้รบกับยูดาห์ กับเบนยามิน และกับวงศ์วานของเอฟราอิม ดังนั้น คนอิสราเอลจึงได้รับความทุกข์ยากอย่างยิ่ง
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 10 แล้วคนอิสราเอลได้ร้องทูลต่อพระยาห์เวห์ ทูลว่า "พวกข้าพระองค์ได้ทำบาปต่อพระองค์แล้ว เพราะพวกข้าพระองค์ได้ละทิ้งพระเจ้าของพวกข้าพระองค์และได้นมัสการบรรดาพระบาอัล"
|
||
|
\v 11 พระยาห์เวห์ตรัสกับคนอิสราเอลว่า "เราไม่ได้ช่วยกู้พวกเจ้าให้รอดพ้นจากคนอียิปต์ คนอาโมไรต์ คนอัมโมน คนฟีลิสเตีย
|
||
|
\v 12 และจากคนไซดอนด้วยหรือ? คนอามาเลขและคนมาโอนได้ข่มเหงพวกเจ้า พวกเจ้าร้องทูลต่อเรา และเราก็ช่วยพวกเจ้าให้พ้นจากอำนาจของพวกเขา
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 13 แต่พวกเจ้ากลับละทิ้งเราอีก และนมัสการพระอื่นๆ ด้วยเหตุนี้ เราจะไม่ปลดปล่อยพวกเจ้าอีกต่อไป
|
||
|
\v 14 จงไปและร้องขอพระต่างๆ ที่พวกเจ้าได้นมัสการ ให้พวกเขาช่วยพวกเจ้าตอนที่พวกเจ้าได้รับความยากลำบากเถิด"
|
||
|
\v 15 คนอิสราเอลทูลต่อพระยาห์เวห์ว่า "พวกข้าพระองค์ได้ทำบาปแล้ว ขอพระองค์ทรงกระทำแก่พวกข้าพระองค์ตามที่พระองค์ทรงเห็นชอบ แต่ขอทรงโปรดช่วยเราในวันนี้ด้วยเถิด"
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 16 พวกเขากำจัดพระต่างด้าวต่างๆ ที่อยู่ท่ามกลางพวกเขาออกไป และพวกเขานมัสการพระยาห์เวห์ แล้วพระยาห์เวห์ก็ทรงทนต่อทุกข์ยากลำบากของอิสราเอลไม่ได้อีกต่อไป
|
||
|
\v 17 แล้วคนอัมโมนก็ได้มาชุมนุมกัน และตั้งค่ายในกิเลอาด คนอิสราเอลก็ได้มาชุมนุมกันและตั้งค่ายของพวกเขาที่มิสปาห์
|
||
|
\v 18 พวกผู้นำอิสราเอลของชาวกิเลอาดพูดกันว่า "ใครจะเป็นคนที่เริ่มออกไปสู้รบกับคนอัมโมนก่อน? เขาจะได้เป็นผู้นำเหนือคนทั้งหมดที่อาศัยอยู่ในกิเลอาด"
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\c 11
|
||
|
\p
|
||
|
\v 1 ในตอนนั้น เยฟธาห์คนกิเลอาดได้เป็นนักรบผู้กล้าหาญ แต่เขาเป็นบุตรชายของหญิงโสเภณี กิเลอาดเป็นบิดาของเขา
|
||
|
\v 2 ภรรยาของกิเลอาดยังได้ให้กำเนิดบุตรชายของเขาอีกหลายคน เมื่อพวกบุตรชายของภรรยาของเขาเติบโตขึ้น พวกเขาก็ขับไล่เยฟธาห์ให้ออกจากบ้าน และกล่าวกับเขาว่า "เจ้าจะไม่มีส่วนในมรดกใดๆ ของครอบครัวของเรา เจ้าเป็นลูกของหญิงอื่น"
|
||
|
\v 3 ดังนั้น เยฟธาห์จึงหนีไปจากพี่น้องของเขา และอาศัยอยู่ในแผ่นดินโทบ พวกนักเลงอันธพาลจึงได้เข้าร่วมกับเยฟธาห์ พวกเขามาและไปกับเขา
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 4 หลายวันต่อมา คนอัมโมนได้ทำสงครามกับคนอิสราเอล
|
||
|
\v 5 ขณะที่คนอัมโมนทำสงครามกับคนอิสราเอลอยู่นั้น พวกผู้ใหญ่ของกิเลอาดก็ได้ไปพาเยฟธาห์กลับมาจากแผ่นดินโทบ
|
||
|
\v 6 พวกเขากล่าวกับเยฟธาห์ว่า "จงกลับมาและเป็นผู้นำของพวกเราเถิด เพื่อที่พวกเราจะต่อสู้กับคนอัมโมนได้"
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 7 เยฟธาห์ได้กล่าวกับพวกผู้ใหญ่ของกิเลอาดว่า "พวกท่านเกลียดชังข้าพเจ้า และขับไล่ข้าพเจ้าให้ออกจากบ้านของบิดาของข้าพเจ้า บัดนี้ ทำไมพวกท่านจึงมาหาข้าพเจ้า ตอนที่พวกท่านอยู่ในความยากลำบากเล่า?"
|
||
|
\v 8 พวกผู้ใหญ่ของกิเลอาดตอบเยฟธาห์ว่า "นั่นคือสาเหตุที่พวกเรากลับมาหาท่านในตอนนี้ ขอจงมากับพวกเราและสู้รบกับคนอัมโมน และท่านจะได้เป็นผู้นำเหนือทุกคนที่อาศัยอยู่ในกิเลอาด"
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 9 เยฟธาห์จึงกล่าวกับพวกผู้ใหญ่ของกิเลอาดว่า "ถ้าพวกท่านพาข้าพเจ้ากลับไปบ้านอีก เพื่อสู้รบกับคนอัมโมน และถ้าหากพระยาห์เวห์ประทานให้พวกเรามีชัยชนะเหนือพวกเขา ข้าพเจ้าจะเป็นผู้นำของพวกท่าน"
|
||
|
\v 10 พวกผู้ใหญ่ของกิเลอาดกล่าวกับเยฟธาห์ว่า "ขอพระยาห์เวห์ทรงเป็นพยานระหว่างพวกเรา ถ้าหากพวกเราไม่ได้ทำอย่างที่พวกเราพูด"
|
||
|
\v 11 ดังนั้น เยฟธาห์จึงไปกับพวกผู้ใหญ่ของกิเลอาด และประชาชนจึงได้ยกเขาให้เป็นผู้นำและผู้บัญชาการเหนือพวกเขา เยฟธาห์ได้กล่าวย้ำอีกครั้งถึงสัญญาทั้งสิ้นที่เขาได้ทำ เมื่อเขาอยู่ต่อพระพักตร์พระยาห์เวห์ในเมืองมิสปาห์
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 12 แล้วเยฟธาห์จึงส่งผู้สื่อสารไปยังกษัตริย์ของชาวอัมโมน ถามว่า "ความขัดแย้งระหว่างพวกเราครั้งนี้คืออะไร? ทำไมท่านจึงได้มาพร้อมกับกองทหาร เพื่อยึดเอาแผ่นดินของเรา?"
|
||
|
\v 13 กษัตริย์ของชาวอัมโมนได้ตอบกับผู้สื่อสารของเยฟธาห์ว่า "เพราะตอนที่อิสราเอลขึ้นมาจากอียิปต์ พวกเขาได้ยึดแผ่นดินของเราไป ตั้งแต่แม่น้ำอารโนนจนถึงยับบอก ข้ามไปถึงแม่น้ำจอร์แดน บัดนี้ จงคืนแผ่นดินเหล่านั้นให้กับเราอย่างสันติ"
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 14 เยฟธาห์ส่งผู้สื่อสารไปยังกษัตริย์ของชาวอัมโมนอีกคร้้ง
|
||
|
\v 15 และเขากล่าวว่า "นี่เป็นถ้อยคำที่เยฟธาห์พูด อิสราเอลไม่ได้ยึดแผ่นดินโมอับ และแผ่นดินของคนอัมโมน
|
||
|
\v 16 แต่พวกเขาขึ้นมาจากอียิปต์ และอิสราเอลได้เดินทางผ่านถิ่นทุรกันดารไปยังทะเลแดง และไปยังคาเดช"
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 17 เมื่ออิสราเอลส่งผู้สื่อสารไปยังกษัตริย์แห่งเอโดม กล่าวว่า 'ขอโปรดให้เราเดินทางผ่านแผ่นดินของท่านไปเถิด' กษัตริย์แห่งเอโดมก็ไม่ฟัง พวกเขาก็ยังส่งผู้สื่อสารไปยังกษัตริย์แห่งโมอับด้วย แต่เขาปฏิเสธ ดังนั้น อิสราเอลจึงยังคงอยู่ที่คาเดช
|
||
|
\v 18 แล้วพวกเขาได้เดินทางไปผ่านถิ่นทุรกันดาร และหันไปจากแผ่นดินเอโดมและแผ่นดินโมอับ และพวกเขาไปตามทางด้านทิศตะวันออกของแผ่นดินโมอับ และพวกเขาตั้งค่ายบนอีกฟากหนึ่งของแม่น้ำอารโนน แต่พวกเขาไม่ได้เข้าไปในเขตแดนของโมอับ เพราะแม่น้ำอารโนนเป็นพรมแดนของโมอับ
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 19 คนอิสราเอลส่งผู้สื่อสารไปยังสิโหนกษัตริย์ของคนอาโมไรต์ ผู้ที่ปกครองในเมืองเฮชโบน คนอิสราเอลกล่าวกับเขาว่า 'ขอกรุณาให้พวกเราเดินทางผ่านแผ่นดินของท่านไปยังที่ซึ่งเป็นแผ่นดินของเราเถิด'
|
||
|
\v 20 แต่สิโหนไม่ได้ไว้วางใจให้คนอิสราเอลเดินทางผ่านเขตแดนของเขาไป ดังนั้น สิโหนจึงระดมกองทัพของเขาทั้งหมดมารวมกัน และยกกองทัพไปยังยาฮาส และเขาสู้รบกับคนอิสราเอลที่นั่น
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 21 แล้วพระยาห์เวห์ พระเจ้าแห่งอิสราเอลทรงมอบสิโหนพร้อมกับประชาชนของเขาทั้งหมดไว้ในมือของอิสราเอล และชนะพวกเขา ดังนั้น อิสราเอลจึงได้ยึดแผ่นดินทั้งสิ้นของคนอาโมไรต์ที่อาศัยอยู่ในดินแดนนั้น
|
||
|
\v 22 พวกเขายึดครองทุกสิ่งที่อยู่ในเขตแดนของคนอาโมไรต์ ตั้งแต่แม่น้ำอารโนนจนถึงยับบอก และตั้งแต่ถิ่นทุรกันดารไปจนถึงแม่น้ำจอร์แดน
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 23 จากนั้น พระยาห์เวห์ พระเจ้าแห่งอิสราเอลได้ทรงขับไล่คนอาโมไรต์ไปพ้นหน้าประชากรของพระองค์ บัดนี้ ท่านควรจะยึดครองแผ่นดินของพวกเขาหรือ?
|
||
|
\v 24 ท่านจะไม่ไปยึดครองแผ่นดินที่พระเคโมช พระของท่านได้มอบให้แก่ท่านหรือ? ดังนั้น แผ่นดินใดก็ตามที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเราได้ประทานแก่เรา เราจะยึดครอง
|
||
|
\v 25 บัดนี้ ท่านดีกว่าบาลาคบุตรชายของศิปโปร์ กษัตริย์โมอับจริงหรือ? เขากล้าที่จะโกรธกับคนอิสราเอลหรือ? เขาเคยได้ทำสงครามกับคนอิสราเอลหรือ?
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 26 ในขณะที่คนอิสราเอลได้อาศัยอยู่ในเมืองเฮชโบนและหมู่บ้านต่างๆ ของเมืองนั้นเป็นเวลาสามร้อยปี และในเมืองอาโรเออร์และหมู่บ้านต่างๆ ของเมืองนั้น และในทุกๆ เมืองที่อยู่ตามฝั่งแม่น้ำอารโนน แล้วทำไมท่านจึงไม่ยึดเอาเมืองเหล่านั้นคืนไปในช่วงเวลานั้น?
|
||
|
\v 27 ข้าพเจ้าไม่เคยทำผิดต่อท่าน แต่ท่านกำลังทำผิดต่อข้าพเจ้าที่มาโจมตีข้าพเจ้า พระยาห์เวห์ ผู้ทรงเป็นผู้พิพากษา จะทรงตัดสินความระหว่างคนอิสราเอลกับคนอัมโมนในวันนี้"
|
||
|
\v 28 แต่กษัตริย์ของคนอัมโมนได้ปฏิเสธคำเตือนที่เยฟธาห์ได้ส่งมาให้เขา
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 29 แล้วพระวิญญาณของพระยาห์เวห์ได้เสด็จมาเหนือเยฟธาห์ และเขาก็เดินทางผ่านกิเลอาดและมนัสเสห์ และผ่านไปยังเมืองมิสปาห์ของกิเลอาด และจากเมืองมิสปาห์ของกิเลอาด เขาได้เดินทางผ่านคนอัมโมน
|
||
|
\v 30 เยฟธาห์ได้ปฏิญาณต่อพระยาห์เวห์ และกล่าวว่า "ถ้าหากพระองค์ประทานชัยชนะแก่ข้าพระองค์เหนือคนอัมโมน
|
||
|
\v 31 แล้วใครก็ตามที่ออกมาจากประตูของบ้านของข้าพระองค์เพื่อมาต้อนรับข้าพระองค์ เมื่อข้าพระองค์กลับมาจากคนอัมโมนโดยสวัสดิภาพ คนนั้นก็จะเป็นของพระยาห์เวห์ และข้าพระองค์จะถวายคนนั้นเป็นเครื่องเผาบูชา"
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 32 ดังนั้น เยฟธาห์จึงได้เดินทางไปยังคนอัมโมนเพื่อสู้รบกับพวกเขา พระยาห์เวห์ได้ทรงมอบชัยชนะแก่เขา
|
||
|
\v 33 เขาได้โจมตีคนเหล่านั้น และทำให้เกิดการสังหารครั้งยิ่งใหญ่ ตั้งแต่อาโรเออร์ไปไกลถึงมินนิท คือยี่สิบเมือง และไปยังอาเบลเครามิม ดังนั้น คนอัมโมนจึงอยู่ภายใต้อำนาจของคนอิสราเอล
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 34 เยฟธาห์ได้กลับมาถึงบ้านของเขาที่เมืองมิสปาห์ และที่นั่น บุตรหญิงของเขาก็ได้ถือรำมะนาและเต้นรำออกมาต้อนรับเขา เธอยังเป็นเด็กอยู่ และนอกจากเธอแล้ว เขาก็ไม่มีทั้งบุตรชายหรือบุตรหญิงอีกเลย
|
||
|
\v 35 ทันทีที่เขาได้เห็นเธอ เขาก็ฉีกเสื้อผ้าของเขาและได้กล่าวว่า "โอ...ลูกสาวของพ่อ เจ้าได้ทำให้พ่อโศกเศร้ายิ่งนัก เพราะเจ้าได้เป็นผู้ที่ทำให้พ่อเจ็บปวด เพราะพ่อได้ปฏิญาณต่อพระยาห์เวห์ไว้แล้ว และพ่อไม่สามารถคืนคำสัญญาของพ่อได้"
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 36 เธอจึงได้กล่าวว่า "พ่อของลูก เมื่อพ่อได้ปฏิญาณต่อพระยาห์เวห์แล้ว ก็จงทำทุกอย่างตามที่พ่อได้สัญญาไว้เถิด เพราะพระยาห์เวห์ทรงทำการแก้แค้นต่อคนอัมโมนศัตรูของพ่อให้กับพ่อแล้ว"
|
||
|
\v 37 เธอกล่าวกับบิดาของเธอว่า "ขอให้พ่อรักษาสัญญานี้แก่ลูก ขอปล่อยให้ลูกอยู่ตามลำพังสักสองเดือน เพื่อที่ลูกจะจากไปและลงไปยังภูเขา และคร่ำครวญถึงพรหมจารีของลูก ทั้งลูกกับเพื่อนๆ ของลูก"
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 38 เขากล่าวว่า "จงไปเถิด" เขาได้ส่งเธอไปเป็นเวลาสองเดือน เธอได้จากเขาไป ทั้งเธอกับเพื่อนๆ ของเธอ และพวกเธอได้คร่ำครวญถึงพรหมจารีของเธอในภูเขานั้น
|
||
|
\v 39 เมื่อครบสองเดือนแล้ว เธอจึงกลับมาหาบิดาของเธอ ผู้ที่ได้ทำกับเธอตามสัญญาที่เขาปฏิญาณไว้ ในเวลานั้น เธอไม่เคยหลับนอนกับชายใดเลย และเรื่องนี้จึงกลายมาเป็นธรรมเนียมในอิสราเอล
|
||
|
\v 40 ที่ทุกๆ ปี พวกบุตรหญิงของอิสราเอล จะเล่าเรื่องราวของบุตรหญิงของเยฟธาห์คนกิเลอาดเป็นเวลาสี่วัน
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\c 12
|
||
|
\p
|
||
|
\v 1 มีเสียงเรียกออกไปถึงคนเอฟราอิม พวกเขาจึงได้ยกข้ามมาทางศาโฟนและกล่าวกับเยฟธาห์ว่า "ทำไมท่านจึงได้ยกข้ามไปสู้รบกับคนอัมโมน แล้วไม่ได้เรียกพวกเราไปกับท่านด้วย? พวกเราจะเผาบ้านของท่านให้พังลงมาทับท่านเสีย"
|
||
|
\v 2 เยฟธาห์จึงตอบพวกเขาว่า "ข้าพเจ้ากับประชาชนของข้าพเจ้าอยู่ในการสู้รบครั้งใหญ่กับคนอัมโมน เมื่อข้าพเจ้าเรียกพวกท่าน พวกท่านก็ไม่ได้ไปช่วยข้าพเจ้าพ้นจากพวกเขา
|
||
|
\v 3 เมื่อข้าพเจ้าเห็นว่าพวกท่านไม่ได้ช่วยข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงเสี่ยงชีวิตด้วยกำลังของข้าพเจ้าเอง และยกข้ามไปสู้รบกับคนอัมโมน และพระยาห์เวห์ได้ประทานชัยชนะแก่ข้าพเจ้า ทำไมพวกท่านจึงได้มาสู้รบกับข้าพเจ้าในวันนี้?"
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 4 เยฟธาห์จึงรวบรวมคนกิเลอาดทั้งหมด และเขาก็ได้สู้รบกับเอฟราอิม คนกิเลอาดโจมตีคนเอฟราอิม เพราะพวกเขาพูดกันว่า "เจ้าพวกคนกิเลอาดเป็นพวกคนลี้ภัยในเอฟราอิม ทั้งในเอฟราอิมและมนัสเสห์"
|
||
|
\v 5 คนกิเลอาดยึดท่าข้ามแม่น้ำจอร์แดนที่ข้ามไปยังเอฟราอิมไว้ได้ เมื่อมีคนเอฟราอิมที่รอดชีวิตคนใดได้กล่าวว่า "ขอให้เราข้ามแม่น้ำไปเถิด" คนกิเลอาดก็จะถามเขาว่า "เจ้าเป็นคนเอฟราอิมหรือเปล่า?" ถ้าเขาได้ตอบว่า "ไม่ใช่"
|
||
|
\v 6 แล้วพวกเขาก็จะพูดกับคนนั้นว่า "จงพูดคำว่า ชิบโบเลท" และถ้าเขาได้พูดว่า "ซิบโบเลท" (เพราะเขาไม่สามารถออกเสียงคำนั้นได้ถูกต้อง) คนกิเลอาดก็จะจับกุมและฆ่าคนนั้นที่ท่าข้ามแม่น้ำจอร์แดน ในเวลานั้น คนเอฟราอิมได้ถูกประหารสี่หมื่นสองพันคน
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 7 เยฟธาห์ทำหน้าที่เป็นผู้วินิจฉัยเหนืออิสราเอลหกปี แล้วเยฟธาห์ได้สิ้นชีวิตและถูกฝังไว้ที่เมืองหนึ่งในบรรดาเมืองของกิเลอาด
|
||
|
\v 8 ต่อจากเยฟธาห์คือ อิบซาน ชาวเบธเลเฮมได้ทำหน้าที่เป็นผู้วินิจฉัยเหนืออิสราเอล
|
||
|
\v 9 เขามีบุตรชายสามสิบคน เขาได้ยกบุตรหญิงสามสิบคนให้แต่งงานออกไป และเขาได้รับเอาบุตรหญิงสามสิบคนของคนอื่นจากนอกเผ่ามาให้กับบรรดาบุตรชายของตน เขาวินิจฉัยอิสราเอลเป็นเวลาเจ็ดปี
|
||
|
\v 10 อิบซานได้สิ้นชีวิตและถูกฝังไว้ที่เบธเลเฮม
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 11 หลังจากอิบซาน เอโลนคนเศบูลุนได้ทำหน้าที่เป็นผู้วินิจฉัยเหนืออิสราเอล เขาวินิจฉัยอิสราเอลเป็นเวลาสิบปี
|
||
|
\v 12 เอโลนคนเศบูลุนได้สิ้นชีวิตและถูกฝังไว้ในอัยยาโลนในแผ่นดินเศบูลุน
|
||
|
\v 13 ต่อจากเอโลน คืออับโดนบุตรชายของฮิลเอลชาวปิราโธนได้ทำหน้าที่เป็นผู้วินิจฉัยเหนืออิสราเอล
|
||
|
\v 14 เขามีบุตรชายสี่สิบคนและมีหลานชายสามสิบคน พวกเขาได้ขี่ลาเจ็ดสิบตัว และเขาวินิจฉัยเหนืออิสราเอลเป็นเวลาแปดปี
|
||
|
\v 15 อับโดนบุตรชายของฮิลเอลชาวปิราโธนได้สิ้นชีวิตและถูกฝังไว้ในปิราโธนในแผ่นดินเอฟราอิมในแดนเทือกเขาของคนอามาเลข
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\c 13
|
||
|
\p
|
||
|
\v 1 คนอิสราเอลก็ได้ทำสิ่งที่ชั่วร้ายในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์อีก และพระองค์ทรงมอบพวกเขาไว้ในมือของคนฟีลิสเตียเป็นเวลาสี่สิบปี
|
||
|
\v 2 มีชายคนหนึ่งเป็นชาวเมืองโศราห์ในตระกูลของเผ่าดาน ชื่อของเขาคือมาโนอาห์ ภรรยาของเขาไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ และดังนั้น นางจึงไม่มีบุตร
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 3 ทูตของพระยาเวห์ได้มาปรากฏต่อผู้หญิงคนนั้น และกล่าวกับนางว่า "ดูเถิด เจ้าไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ และเจ้าไม่ได้ให้กำเนิดบุตร แต่เจ้าจะตั้งครรภ์ และเจ้าจะให้กำเนิดบุตรชาย
|
||
|
\v 4 บัดนี้ จงระวัง อย่าดื่มเหล้าองุ่นหรือของมึนเมา และอย่ากินสิ่งใดที่เป็นมลทิน
|
||
|
\v 5 ดูเถิด เจ้าจะตั้งครรภ์และเจ้าให้กำเนิดบุตรชาย อย่าใช้มีดโกนบนศีรษะของเขา เพราะเด็กคนนี้จะเป็นนาศีร์แด่พระเจ้าตั้งแต่อยู่ในครรภ์ และเขาจะเริ่มต้นปลดปล่อยคนอิสราเอลให้พ้นจากมือของคนฟีลิสเตีย"
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 6 แล้วผู้หญิงคนนั้นจึงมาบอกกับสามีของนางว่า "คนของพระเจ้าได้มาหาฉัน และลักษณะของท่านเป็นเหมือนกับทูตของพระเจ้า น่ากลัวยิ่งนัก ฉันไม่ได้ถามท่านว่าท่านมาจากไหน และท่านก็ไม่ได้บอกชื่อของท่านแก่ฉัน
|
||
|
\v 7 ท่านได้พูดกับฉันว่า 'ดูเถิด เจ้าจะตั้งครรภ์ และเจ้าจะให้กำเนิดบุตรชาย ดังนั้นแล้ว จงอย่าดื่มเหล้าองุ่นหรือของมึนเมา และอย่ากินอาหารที่กฎบัญญัติประกาศว่าเป็นมลทิน เพราะเด็กคนนี้จะเป็นนาศีร์แด่พระเจ้าตั้งแต่เวลาที่เขาอยู่ในครรภ์ของเจ้าจนถึงวันตายของเขา"'
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 8 แล้วมาโนอาห์ก็ได้อธิษฐานต่อพระยาห์เวห์ว่า "โอ องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงโปรดให้ผู้ชายคนที่พระองค์ทรงส่งมานั้นมาหาพวกเราอีกครั้งเถิด เพื่อที่ท่านจะสอนเราถึงสิ่งที่เราต้องทำเพื่อเด็กที่จะเกิดมาในอีกไม่นานนี้"
|
||
|
\v 9 พระเจ้าได้ทรงตอบคำอธิษฐานของมาโนอาห์ และทูตของพระเจ้าได้มาหาผู้หญิงคนนั้นอีกครั้ง ในขณะที่นางกำลังนั่งอยู่ในทุ่งนา แต่มาโนอาห์สามีของนางไม่ได้อยู่กับนาง
|
||
|
\v 10 ดังนั้นผู้หญิงคนนั้นจึงได้รีบวิ่งมาบอกสามีของนางว่า "ดูเถิด ผู้ชายคนนั้น คนที่มาหาฉันเมื่อวันก่อนได้ปรากฏต่อฉัน"
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 11 มาโนอาห์จึงได้ลุกขึ้นและตามภรรยาของเขาไป เมื่อเขาได้มาถึงผู้ชายคนนั้น เขาได้ถามว่า "ท่านเป็นผู้ชายที่ได้พูดกับภรรยาของข้าพเจ้าหรือ?" ผู้ชายคนนั้นตอบว่า "เราเป็นผู้นั้น"
|
||
|
\v 12 ดังนั้น มาโนอาห์จึงได้กล่าวว่า "บัดนี้ ขอให้ถ้อยคำของท่านเป็นจริงเถิด จะมีข้อปฏิบัติอะไรบ้างสำหรับเด็กคนนี้ และเขาจะทำงานอะไร?"
|
||
|
\v 13 ทูตของพระยาห์เวห์ได้ตอบมาโนอาห์ว่า "นางต้องระวังที่จะทำทุกอย่างตามที่เราได้บอกนางแล้ว
|
||
|
\v 14 นางจะกินสิ่งที่มาจากเถาองุ่นไม่ได้ และอย่าให้นางกินอาหารที่กฎบัญญัติได้ประกาศว่าเป็นมลทิน นางจะต้องเชื่อฟังทุกอย่างที่เราได้สั่งนางให้ทำ"
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 15 มาโนอาห์จึงกล่าวกับทูตของพระยาห์เวห์ว่า "ขอท่านโปรดอยู่ที่นี่สักพักเถิด เพื่อให้เวลาแก่ข้าพเจ้าที่จะเตรียมลูกแพะสักตัวหนึ่งให้แก่ท่าน"
|
||
|
\v 16 ทูตของพระยาห์เวห์กล่าวกับมาโนอาห์ว่า "ถึงแม้ว่าเราอยู่ เราก็จะไม่กินอาหารของเจ้า แต่ถ้าเจ้าเตรียมเครื่องเผาบูชา ก็จงถวายแด่พระยาห์เวห์เถิด" (มาโนอาห์ไม่รู้ว่าท่านเป็นทูตของพระยาห์เวห์)
|
||
|
\v 17 มาโนอาห์ได้ถามทูตของพระยาห์เวห์ว่า "ท่านชื่ออะไร เพื่อพวกเราจะได้ให้เกียรติแก่ท่านเมื่อถ้อยคำของท่านเป็นจริง?
|
||
|
\v 18 ทูตของพระยาห์เวห์ได้ตอบเขาว่า "เจ้าถามชื่อของเราทำไม? ชื่อของเราคืออัศจรรย์"
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 19 มาโนอาห์ได้นำลูกแพะพร้อมกับเครื่องธัญบูชามา และถวายเป็นเครื่องบูชาเหล่านั้นแด่พระยาห์เวห์บนศิลานั้น ทูตองค์นั้นได้ทำสิ่งอัศจรรย์ ในขณะที่มาโนอาห์กับภรรยาของเขากำลังเฝ้ามองอยู่
|
||
|
\v 20 เมื่อเปลวไฟพลุ่งจากแท่นบูชาขึ้นไปสู่ท้องฟ้า และทูตของพระยาห์เวห์ก็ได้ขึ้นไปในเปลวไฟของแท่นบูชานั้น มาโนอาห์กับภรรยาของเขาได้เห็นเหตุการณ์นี้และซบหน้าลงถึงพื้นดิน
|
||
|
\v 21 ทูตของพระยาห์เวห์ก็ไม่ได้ปรากฏต่อมาโนอาห์หรือภรรยาของเขาอีกเลย แล้วมาโนอาห์จึงรู้ว่าท่านคือทูตของพระยาห์เวห์
|
||
|
\v 22 มาโนอาห์จึงกล่าวกับภรรยาของเขาว่า "พวกเราคงจะตายแน่ๆ เพราะพวกเราได้เห็นพระเจ้า"
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 23 แต่ภรรยาของเขากล่าวกับเขาว่า "ถ้าหากพระยาห์เวห์ทรงประสงค์ที่จะประหารพวกเรา พระองค์คงจะไม่ทรงรับเครื่องเผาบูชาและเครื่องธัญบูชาที่พวกเราได้ถวายแด่พระองค์ พระองค์ก็คงจะไม่ทรงสำแดงให้เราเห็นสิ่งทั้งปวงเหล่านี้ หรือพระองค์ก็จะไม่ทรงให้พวกเราได้ยินสิ่งเหล่านี้ในเวลานี้"
|
||
|
\v 24 หลังจากนั้น ผู้หญิงคนนั้นก็ได้ให้กำเนิดบุตรชาย และเรียกชื่อของเขาว่าแซมสัน เด็กคนนั้นก็เติบโตขึ้น และพระยาห์เวห์ได้ทรงอวยพระพรเขา
|
||
|
\v 25 พระวิญญาณของพระยาห์เวห์ได้ทรงเริ่มเร้าใจเขาในมาหะเนห์ดาน ซึ่งอยู่ระหว่างเมืองโศราห์กับเมืองเอชทาโอล
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\c 14
|
||
|
\p
|
||
|
\v 1 แซมสันได้ลงไปยังเมืองทิมนาห์ และที่นั่นเขาเห็นผู้หญิงคนหนึ่งในบรรดาบุตรหญิงของคนฟีลิสเตีย
|
||
|
\v 2 เมื่อเขากลับมา เขาได้บอกกับบิดาและมารดาของเขาว่า "ลูกได้เห็นผู้หญิงคนหนึ่งในบรรดาบุตรหญิงของคนฟีลิสเตียในเมืองทิมนาห์ บัดนี้ ขอเธอให้เป็นภรรยาของลูกเถิด"
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 3 บิดากับมารดาของเขาพูดกับเขาว่า "ไม่มีผู้หญิงสักคนหนึ่งในบรรดาบุตรหญิงของบรรดาญาติของเจ้า หรือในท่ามกลางชนชาติทั้งหมดของพวกเราแล้วหรือ? เจ้าจึงจะไปรับผู้หญิงจากคนฟีลิสเตียที่ไม่ได้เข้าสุหนัตมาเป็นภรรยา" แซมสันจึงกล่าวกับบิดาของเขาว่า "ขอเธอให้ลูกเถิด เพราะเมื่อลูกเห็นเธอ ลูกพอใจเธอมาก"
|
||
|
\v 4 แต่บิดากับมารดาของเขาไม่ได้ทราบว่าเรื่องนี้ได้มาจากพระยาห์เวห์ เพราะพระองค์ทรงประสงค์ที่จะสร้างความขัดแย้งกับคนฟีลิสเตีย (เพราะในเวลานั้น คนฟีลิสเตียกำลังปกครองอิสราเอลอยู่)
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 5 แล้วแซมสันจึงลงไปยังเมืองทิมนาห์พร้อมกับบิดาและมารดาของเขา และพวกเขาได้มาถึงสวนองุ่นในเมืองทิมนาห์ และดูเถิด มีสิงโตหนุ่มตัวหนึ่งออกมาและคำรามใส่เขา
|
||
|
\v 6 ทันใดนั้น พระวิญญาณของพระยาห์เวห์ได้มาสถิตเหนือเขา แล้วเขาได้ฉีกสิงโตตัวนั้นเหมือนอย่างฉีกลูกแพะด้วยมือเปล่า แต่เขาไม่ได้บอกบิดาและมารดาของเขาถึงสิ่งที่เขาได้ทำไป
|
||
|
\v 7 เขาจึงไปและพูดกับผู้หญิงคนนั้น และเมื่อเขามองดูเธอ แซมสันก็ยิ่งพอใจเธอมาก
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 8 ไม่กี่วันต่อมา เมื่อเขากลับมาเพื่อแต่งงานกับเธอ เขาได้แวะไปดูซากสิงโตตัวนั้น และดูสิ มีผึ้งฝูงหนึ่งมาทำรังและมีน้ำผึ้งในซากสิงโตตัวนั้น
|
||
|
\v 9 เขาได้กวาดน้ำผึ้งนั้นไว้ในมือของเขา และเดินทางต่อไป เขาเดินไปกินไป เมื่อเขามาถึงที่ซึ่งบิดาและมารดาของเขาอยู่ เขาได้แบ่งน้ำผึ้งนั้นให้แก่พวกเขา และพวกเขาก็กิน แต่เขาไม่ได้บอกบิดามารดาว่าเขาได้เอาน้ำผึ้งนั้นมาจากซากสิงโต
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 10 บิดาของแซมสันได้ลงไปยังที่ซึ่งผู้หญิงคนนั้นอยู่ และแซมสันได้จัดงานเลี้ยงที่นั่น เพราะนี่เป็นธรรมเนียมของพวกชายหนุ่ม
|
||
|
\v 11 ทันทีที่บรรดาญาติของเธอได้เห็นแซมสัน พวกเขาก็พาเพื่อนของพวกเขาสามสิบคนมาอยู่กับแซมสัน
|
||
|
\v 12 แซมสันจึงกล่าวกับพวกเขาว่า "ขอให้ข้าทายปริศนากับพวกเจ้าสักข้อหนึ่งเถิด ถ้าคนใดในพวกเจ้าบอกคำตอบแก่ข้าได้ในระหว่างงานเลี้ยงเจ็ดวันนี้ ข้าจะมอบเสื้อคลุมผ้าป่านสามสิบตัวและเสื้อผ้าสามสิบชุด
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 13 แต่ถ้าพวกเจ้าบอกคำตอบแก่ข้าไม่ได้ พวกเจ้าจะต้องมอบเสื้อคลุมผ้าป่านสามสิบตัวและเสื้อผ้าสามสิบชุดให้แก่ข้า" พวกเขาจึงได้กล่าวกับแซมสันว่า "จงบอกคำปริศนาของเจ้าให้พวกเราฟังเถิด"
|
||
|
\v 14 แซมสันจึงกล่าวกับพวกเขาว่า "มีของที่กินได้ออกมาจากตัวของผู้ที่กิน และมีของรสหวานออกมาจากตัวของผู้ที่แข็งแรง" แต่บรรดาแขกของเขาไม่สามารถหาคำตอบได้ในสามวัน
|
||
|
\v 15 ในวันที่สี่ พวกเขาจึงพูดกับภรรยาของแซมสันว่า "จงหลอกล่อผัวของเจ้า เพื่อให้เขาบอกคำตอบของคำปริศนาของเขามา มิฉะนั้น พวกเราจะเผาเจ้ากับบ้านของบิดาของเจ้าเสีย เจ้าได้เชิญพวกเรามาที่นี่ เพื่อที่จะทำให้เรายากจนหรือ?"
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 16 ภรรยาของแซมสันจึงร้องไห้ต่อหน้าเขา เธอกล่าวว่า "ทั้งหมดที่เธอทำเป็นการเกลียดฉัน เธอไม่ได้รักฉัน เธอได้บอกคำปริศนากับบางคนของชนชาติของฉัน แต่เธอไม่ได้บอกคำตอบนั้นแก่ฉัน" แซมสันจึงกล่าวกับเธอว่า "ดูสิ ถ้าฉันยังไม่ได้บอกพ่อหรือแม่ของฉัน แล้วฉันจะบอกเธอหรือ?"
|
||
|
\v 17 เธอได้ร้องไห้ตลอดเจ็ดวันที่ซึ่งเป็นวันเลี้ยงของพวกเขา พอถึงวันที่เจ็ดเขาก็ได้บอกคำตอบกับเธอเพราะเธอคาดคั้นเขามาก เธอจึงได้บอกกับพวกญาติของเธอ
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 18 ก่อนถึงเวลาดวงอาทิตย์ตกดินในวันที่เจ็ด พวกผู้ชายชาวเมืองนั้นก็ได้กล่าวกับเขาว่า "มีอะไรหวานกว่าน้ำผึ้ง? มีอะไรแข็งแรงกว่าสิงโต?" แซมสันจึงได้กล่าวกับพวกเขาว่า "ถ้าพวกเจ้าไม่ได้ไถด้วยแม่โคของข้า พวกเจ้าก็คงจะหาคำตอบของคำปริศนาของข้าไม่ได้"
|
||
|
\v 19 แล้วทันใดนั้น พระวิญญาณของพระยาห์เวห์ได้มาสถิตเหนือแซมสันด้วยพลัง เขาได้ลงไปยังเมืองอัชเคโลนและฆ่าชาวเมืองนั้นสามสิบคน เขาได้นำของที่ริบจากพวกเขามา และเขาให้เสื้อผ้าของคนเหล่านั้นแก่พวกคนที่ตอบคำปริศนานั้นได้ เขาจึงขึ้นไปยังบ้านบิดาของเขาด้วยความเดือดดาล
|
||
|
\v 20 ภรรยาของแซมสันก็ถูกยกให้กับเพื่อนของเขา
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\c 15
|
||
|
\p
|
||
|
\v 1 หลายวันต่อมา ในช่วงฤดูเก็บเกี่ยวข้าวสาลี แซมสันได้นำลูกแพะตัวหนึ่งไปและออกไปเยี่ยมเยียนภรรยาของเขา เขาบอกกับตัวเองว่า "ข้าจะไปยังห้องของภรรยาของข้า" แต่บิดาของเธอจะไม่ยอมให้เขาเข้าไปข้างใน
|
||
|
\v 2 บิดาของเธอกล่าวว่า "จริงๆ แล้ว ข้าคิดว่าเจ้าเกลียดชังเธอ ข้าจึงยกเธอให้กับเพื่อนของเจ้า น้องสาวของเธอก็สวยงามกว่าเธอไม่ใช่หรือ? จงรับเธอไปแทนเถิด"
|
||
|
\v 3 แซมสันจึงกล่าวกับพวกเขาว่า "ตอนนี้ข้าก็จะไม่มีความผิดในเรื่องเกี่ยวกับคนฟีลิสเตียเมื่อข้าทำร้ายพวกเขา"
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 4 แซมสันจึงออกไปและจับสุนัขจิ้งจอกมาสามร้อยตัว และเขาได้ผูกหางกับหางแต่ละคู่ติดกันไว้ แล้วเขาเอาคบเพลิงมาและผูกไว้ตรงกลางของหางแต่ละคู่
|
||
|
\v 5 เมื่อเขาได้จุดไฟคบเพลิงแล้ว เขาก็ปล่อยสุนัขจิ้งจอกเหล่านั้นเข้าไปในนาข้าวที่ตั้งรวงอยู่ของคนฟีลิสเตีย และพวกมันก็ทำให้ไฟติดทั้งฟ่อนข้าวและต้นข้าวที่ตั้งรวงอยู่ในทุ่งนา รวมทั้งสวนองุ่นและสวนมะกอก
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 6 คนฟีลิสเตียจึงถามว่า "ใครได้ทำเช่นนี้?" มีคนบอกพวกเขาว่า "แซมสันบุตรเขยของคนทิมนาห์ได้ทำเช่นนี้ เพราะคนทิมนาห์ได้เอาภรรยาของแซมสันไป และยกเธอให้กับเพื่อนของเขา" แล้วคนฟีลิสเตียจึงได้ไปและเผาเธอและบิดาของเธอเสีย
|
||
|
\v 7 แซมสันกล่าวกับพวกเขาว่า "ถ้านี่เป็นสิ่งที่พวกเจ้าทำ ข้าจะแก้แค้นพวกเจ้า และข้าจะไม่หยุดจนกว่าจะทำการแก้แค้นสำเร็จ"
|
||
|
\v 8 แล้วเขาก็เฉือนคนเหล่านั้นออกเป็นชิ้นๆ ตัดส่วนสะโพกและต้นขาออกอย่างโหดเหี้ยม แล้วเขาก็ได้ลงไปและอาศัยอยู่ในถ้ำตรงหน้าผาเอตาม
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 9 แล้วคนฟีลิสเตียจึงขึ้นมาและพวกเขาได้เตรียมการเพื่อสู้รบในยูดาห์ และตั้งกองทัพของเขาในเลฮี
|
||
|
\v 10 คนยูดาห์จึงถามว่า "ทำไมพวกท่านจึงยกมาสู้รบกับพวกเรา?" พวกเขาจึงตอบว่า "พวกเรายกมาสู้รบ เพื่อจะจับแซมสัน และทำกับเขาอย่างที่เขาได้ทำกับพวกเรา"
|
||
|
\v 11 แล้วคนยูดาห์สามร้อยคนจึงลงไปยังถ้ำตรงหน้าผาเอตาม และพวกเขากล่าวกับแซมสันว่า "เจ้าไม่รู้หรือว่าคนฟีลิสเตียเป็นผู้ปกครองเหนือพวกเรา? เจ้าได้ทำอะไรกับพวกเราเช่นนี้? แซมสันจึงตอบพวกเขาว่า "พวกเขาได้ทำกับข้า และด้วยเหตุนี้ ข้าจึงได้ทำต่อพวกเขา"
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 12 พวกเขาจึงกล่าวกับแซมสันว่า "พวกเราลงมาเพื่อจับเจ้ามัดและมอบเจ้าไว้ในมือของคนฟีลิสเตีย" แซมสันกล่าวกับพวกเขาว่า "จงสาบานกับข้าว่าพวกท่านจะไม่ประหารข้าเสียเอง"
|
||
|
\v 13 พวกเขาจึงกล่าวกับแซมสันว่า "ไม่หรอก พวกเราจะมัดเจ้าด้วยเชือกเท่านั้นและมอบเจ้าให้แก่พวกเขา เราสัญญาว่าเราจะไม่ฆ่าเจ้า" แล้วพวกเขาก็ได้จับแซมสันมัดด้วยเชือกใหม่สองเส้น และได้นำเขาขึ้นมาจากก้อนหินนั้น
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 14 เมื่อแซมสันมาถึงเมืองเลฮี คนฟีลิสเตียจึงร้องตะโกนเข้ามาเมื่อพวกเขาได้พบแซมสัน แล้วพระวิญญาณของพระยาห์เวห์ได้เสด็จมาสถิตเหนือเขาด้วยพลัง เชือกที่มัดแขนของเขาก็เป็นเหมือนป่านที่ไหม้ไฟ และเชือกเหล่านั้นก็หลุดจากมือของเขา
|
||
|
\v 15 แซมสันพบกระดูกขากรรไกรลาที่ยังสดใหม่อันหนึ่ง และเขาได้หยิบมันขึ้นมา และได้ฆ่าคนหนึ่งพันคนด้วยขากรรไกรลาอันนั้น
|
||
|
\v 16 แซมสันกล่าวว่า "ด้วยขากรรไกรลานี้ คนจำนวนมากกองซ้อนทับกัน ด้วยขากรรไกรลาอันนี้ ข้าได้ฆ่าคนหนึ่งพันคน"
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 17 เมื่อแซมสันกล่าวจบแล้ว เขาก็ได้โยนขากรรไกรลาทิ้งไป และเขาเรียกสถานที่นั้นว่ารามาทเลฮี
|
||
|
\v 18 แซมสันรู้สึกกระหายน้ำมาก และได้ร้องทูลต่อพระยาห์เวห์ว่า "พระองค์ได้ประทานชัยชนะอันใหญ่หลวงครั้งนี้ต่อผู้รับใช้ของพระองค์ แต่บัดนี้ ข้าพระองค์จะต้องตายด้วยความกระหายน้ำ และตกอยู่ในมือของพวกคนที่ไม่ได้เข้าสุหนัตหรือ?"
|
||
|
\v 19 พระเจ้าจึงทรงเปิดช่องที่อยู่ที่เมืองเลฮีและน้ำได้ไหลออกมา เมื่อเขาได้ดื่ม กำลังของเขาก็ได้กลับคืนมาและฟื้นชื่นขึ้น ดังนั้น เขาจึงเรียกชื่อสถานที่นั้นว่าเอนหักโคร์ ซึ่งอยู่ที่เมืองเลฮีจนถึงทุกวันนี้
|
||
|
\v 20 แซมสันได้วินิจฉัยอิสราเอลในสมัยของคนฟีลิสเตียเป็นเวลายี่สิบปี
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\c 16
|
||
|
\p
|
||
|
\v 1 แซมสันได้ไปยังเมืองกาซา และเห็นโสเภณีคนหนึ่งที่นั่น แล้วเขาก็ไปหลับนอนกับนาง
|
||
|
\v 2 มีคนบอกชาวกาซาว่า "แซมสันได้มาที่นี่แล้ว" ชาวกาซาจึงล้อมสถานที่นั้นไว้และแอบซ่อนตัวอยู่ พวกเขาซุ่มคอยแซมสันอยู่ที่ประตูเมืองตลอดคืน พวกเขาอยู่กันเงียบๆ ตลอดทั้งคืน พวกเขาพูดกันว่า "ให้เราซุ่มคอยจนถึงรุ่งเช้า แล้วจากนั้นก็ให้พวกเราฆ่าเขาเสีย"
|
||
|
\v 3 แซมสันนอนอยู่บนที่นอนจนถึงเที่ยงคืน พอถึงเที่ยงคืนเขาก็ลุกขึ้น และเขาได้ยกประตูเมืองพร้อมกับเสาประตูทั้งสองต้นไป เขาได้ถอนเสาเหล่านั้นขึ้นมาจากพื้นดินพร้อมกับดาลประตูและทั้งหมด วางไว้บนบ่าของเขาและแบกขึ้นไปจนถึงยอดเขาที่อยู่ตรงหน้าภูเขาเฮโบรน
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 4 หลังจากเหตุการณ์นี้ แซมสันได้รักผู้หญิงคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในหุบเขาโสเรก ชื่อของนางคือเดลิลาห์
|
||
|
\v 5 พวกผู้ปกครองฟีลิสเตียได้ขึ้นมาหานาง และกล่าวกับนางว่า "จงหลอกล่อแซมสันเพื่อให้รู้ว่ากำลังมหาศาลของเขามาจากไหน และทำอย่างไรพวกเราจึงจะเอาชนะเขาได้ เพื่อเราจะจับมัดเขาได้ เพื่อที่จะทำให้เขาอับอาย จงทำเช่นนี้ และพวกเราแต่ละคนจะให้เงินเจ้า 1,100 แผ่น"
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 6 แล้วเดลิลาห์จึงถามแซมสันว่า "โปรดบอกฉันเถิดว่าเธอมีกำลังมหาศาลได้อย่างไร? ทำอย่างไรถึงจะควบคุมเธอได้"
|
||
|
\v 7 แซมสันตอบนางว่า "ถ้าพวกเขามัดฉันด้วยสายธนูสดที่ยังไม่แห้งเจ็ดเส้น แล้วฉันก็จะหมดแรงและเป็นเหมือนกับผู้ชายคนอื่นๆ"
|
||
|
\v 8 แล้วพวกผู้ปกครองฟีลิสเตียจึงได้นำสายธนูสดที่ยังไม่แห้งเจ็ดเส้นมาให้เดลิลาห์ และนางก็ได้เอามามัดแซมสันไว้
|
||
|
\v 9 ในขณะนั้น นางได้ให้พวกผู้ชายเหล่านั้นแอบซ่อนตัวอยู่ในห้องข้างในของนาง นางได้พูดกับเขาว่า "แซมสัน คนฟีลิสเตียมาหาเธอแล้ว" แต่เขาก็ได้ทำให้สายธนูเหล่านั้นขาดออกจากกันเหมือนกับเส้นด้ายเมื่อถูกไฟ ดังนั้นความลับเกี่ยวกับกำลังของเขาจึงยังไม่ถูกเปิดเผย
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 10 แล้วเดลิลาห์ก็ถามแซมสันว่า "นี่เธอได้หลอกฉันและพูดโกหกกับฉัน โปรดบอกฉันเถอะว่า เธอมีกำลังมหาศาลได้อย่างไร"
|
||
|
\v 11 เขาตอบนางว่า "ถ้าพวกเขามัดฉันด้วยเชือกใหม่ที่ไม่เคยใช้งานมาก่อน ฉันก็จะหมดแรงและเป็นเหมือนกับผู้ชายคนอื่นๆ"
|
||
|
\v 12 ดังนั้นเดลิลาห์จึงได้เอาเชือกใหม่มามัดเขาไว้ และพูดกับเขาว่า "แซมสัน คนฟีลิสเตียขึ้นมาหาเธอแล้ว" คนเหล่านั้นกำลังซุ่มคอยอยู่ในห้องชั้นใน แต่แซมสันได้ฉีกเชือกนั้นให้ขาดออกจากแขนของเขาเป็นเหมือนฉีกเส้นด้าย
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 13 เดลิลาห์ถามแซมสันว่า "จนถึงเดี๋ยวนี้ เธอก็ยังหลอกลวงฉัน และพูดโกหกกับฉัน ขอจงบอกฉันว่าเธอมีกำลังมหาศาลได้อย่างไร" แซมสันได้ตอบนางว่า "ถ้าเธอเอาผมทั้งเจ็ดปอยของฉันทอเข้ากับเส้นด้ายบนหูกทอผ้า แล้วตรึงผมนั้นไว้กับหูกทอผ้านั้น ฉันก็จะเป็นเหมือนกับผู้ชายคนอื่นๆ"
|
||
|
\v 14 ในขณะที่เขาได้นอนหลับอยู่นั้น เดลิลาห์ก็ได้ทอผมเจ็ดปอยของเขาเข้ากับเส้นด้ายบนหูกทอผ้าและตรึงผมนั้นไว้ในหูกทอผ้า และนางได้พูดกับเขาว่า "แซมสัน คนฟีลิสเตียขึ้นมาหาเธอแล้ว" เขาจึงได้ตื่นขึ้นจากหลับและดึงเส้นด้ายและเข็มออกมาจากหูกทอผ้านั้น
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 15 นางได้กล่าวกับเขาว่า "เธอพูดได้อย่างไรว่า 'ฉันรักเธอ' ในเมื่อเธอไม่ได้บอกความลับของเธอกับฉัน? เธอได้หลอกฉันสามครั้งแล้ว และไม่ได้บอกฉันว่าเธอมีกำลังมหาศาลเช่นนี้ได้อย่างไร"
|
||
|
\v 16 นางได้คาดคั้นเขาอยู่ทุกวันด้วยคำพูดของนาง และบีบบังคับเขาอย่างมากจนเขาอยากจะตาย
|
||
|
\v 17 ดังนั้นแซมสันจึงบอกนางทุกอย่าง และพูดกับนางว่า "ฉันไม่เคยให้มีดโกนตัดผมบนศีรษะของฉันเลย เพราะฉันเป็นนาศีร์แด่พระเจ้าตั้งแต่ในครรภ์มารดาของฉัน ถ้าศีรษะฉันถูกโกนผมออก แล้วฉันก็จะหมดแรง และเป็นเหมือนผู้ชายคนอื่นๆ ทุกคน"
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 18 เมื่อเดลิลาห์ได้เห็นว่า เขาได้บอกความจริงทุกอย่างกับนางแล้ว นางก็ได้ใช้คนไปเรียกพวกผู้ปกครองฟีลิสเตียมา กล่าวว่า "จงขึ้นมาอีก เพราะเขาได้บอกฉันทุกอย่างแล้ว" แล้วพวกผู้ปกครองฟีลิสเตียก็ได้ขึ้นมาหานาง นำเงินติดมือมาด้วย
|
||
|
\v 19 นางทำให้เขาหลับอยู่บนตักของนาง นางได้เรียกผู้ชายคนหนึ่งให้โกนผมทั้งเจ็ดปอยบนศีรษะของเขา และนางก็เริ่มทำให้เขาหมดแรง เพราะกำลังของเขาได้หมดไปแล้ว
|
||
|
\v 20 นางพูดว่า "แซมสัน คนฟีลิสเตียขึ้นมาหาเธอแล้ว" เขาจึงตื่นขึ้นจากหลับและพูดว่า "ฉันจะออกไปเหมือนอย่างครั้งก่อนๆ และสลัดตัวเองให้หลุดไปได้" แต่เขาไม่รู้ว่า พระยาห์เวห์ได้ทรงจากเขาไปแล้ว
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 21 คนฟีลิสเตียก็ได้จับแซมสันไป และควักดวงตาทั้งสองข้างของเขาออก พวกเขาพาแซมสันลงไปยังเมืองกาซา และล่ามเขาไว้ด้วยโซ่ทองสัมฤทธิ์ เขาได้โม่แป้งอยู่ที่เรือนจำ
|
||
|
\v 22 แต่ผมของเขาก็เริ่มงอกออกมาอีก หลังจากที่ได้ถูกโกนออกไป
|
||
|
\v 23 พวกผู้ปกครองฟีลิสเตียก็ได้มาชุมนุมกันเพื่อถวายเครื่องบูชาครั้งยิ่งใหญ่แด่พระดาโกน พระของพวกเขา และพากันชื่นชมยินดี พวกเขาพูดกันว่า "พระของพวกเราได้ชนะแซมสันศัตรูของเราแล้ว และได้ใส่เขาไว้ในอุ้งมือของเราแล้ว"
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 24 เมื่อประชาชนเห็นเขา พวกเขาก็สรรเสริญพระของพวกเขา พวกเขาพูดกันว่า "พระของพวกเราได้ชนะศัตรูของพวกเราแล้ว และมอบเขาให้แก่พวกเรา ผู้ทำลายประเทศของเรา ผู้ที่ฆ่าพวกเราไปหลายคน"
|
||
|
\v 25 เมื่อพวกเขากำลังเฉลิมฉลองกันอยู่นั้น พวกเขาพูดกันว่า "จงเรียกแซมสันมา เพื่อให้เขาทำให้พวกเราหัวเราะกัน" พวกเขาจึงเรียกแซมสันออกมาจากคุก และเขาก็ทำให้คนเหล่านั้นหัวเราะกัน พวกเขาได้ให้แซมสันยืนอยู่ระหว่างเสาสองต้น
|
||
|
\v 26 แซมสันพูดกับเด็กชายที่จูงมือของเขาว่า "ขอให้ข้าเกาะเสาเหล่านั้นที่รองรับตึกนี้อยู่ เพื่อที่ข้าจะพิงเสาเหล่านั้นได้"
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 27 ตึกนั้นเต็มไปด้วยผู้ชายและผู้หญิง พวกผู้ปกครองฟีลิสเตียทั้งหมดก็ได้อยู่ที่นั่น มีคนประมาณสามพันคนทั้งผู้ชายและผู้หญิงอยู่บนหลังคานั้น ที่กำลังมองดูขณะที่แซมสันได้ทำให้พวกเขาสนุกสนาน
|
||
|
\v 28 แซมสันได้ร้องทูลพระยาห์เวห์ และทูลว่า "พระยาห์เวห์ องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงระลึกถึงข้าพระองค์ ขอทรงโปรดให้ข้าพระองค์มีกำลังครั้งนี้อีกเพียงครั้งเดียว พระเจ้า เพื่อข้าพระองค์จะแก้แค้นคนฟีลิสเตียให้กับตาทั้งสองข้างของข้าพระองค์ในครั้งเดียว"
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 29 แซมสันได้จับเสาตรงกลางสองต้นที่รองรับตึกนั้น และเขาได้ยันเสาทั้งสองต้นนั้น เสาหนึ่งอยู่ที่มือขวาของเขา และอีกเสาหนึ่งอยู่ที่มือซ้ายของเขา
|
||
|
\v 30 แซมสันกล่าวว่า "ขอให้ข้าตายไปกับคนฟีลิสเตียเถิด" เขาก็เหยียดออกไปด้วยกำลังของเขา และตึกนั้นก็พังลงมาทับพวกผู้ปกครองฟีลิสเตียและทับประชาชนทั้งหมดที่อยู่ในตึกนั้น ดังนั้น คนที่เขาฆ่าตอนที่เขาตายนี้มีมากกว่าคนเหล่านั้นที่เขาได้ฆ่าเมื่อตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่
|
||
|
\v 31 แล้วพี่น้องของเขาและครอบครัวของบิดาทั้งหมดก็ได้ลงมา พวกเขาได้นำร่างของแซมสันกลับไปและฝังเขาไว้ระหว่างเมืองโศราห์กับเมืองเอชทาโอลในที่ฝังศพของมาโนอาห์บิดาของเขา แซมสันได้วินิจฉัยอิสราเอลเป็นเวลายี่สิบปี
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\c 17
|
||
|
\p
|
||
|
\v 1 มีชายคนหนึ่งในแดนเทือกเขาเอฟราอิม เขาชื่อมีคาห์
|
||
|
\v 2 เขาพูดกับมารดาของเขาว่า "เงิน 1,100 แผ่นที่ถูกลักไปจากแม่ ซึ่งแม่ได้กล่าวคำสาปแช่งและลูกได้ยินแล้ว ดูสิ ลูกมีเงินนั้นอยู่กับลูก ลูกได้ขโมยไปเอง" มารดาของเขาจึงกล่าวว่า "ลูกของแม่ ขอพระยาห์เวห์ทรงอวยพรลูกเถิด"
|
||
|
\v 3 เขาได้คืนเงิน 1,100 แผ่นให้กับมารดาของเขา และมารดาของเขาจึงกล่าวว่า "แม่ได้แยกเงินนี้ไว้แด่พระยาห์เวห์ เพื่อให้ลูกของแม่จะทำเป็นรูปแกะสลักและรูปหล่อโลหะต่างๆ ดังนั้นในเวลานี้ แม่จึงคืนเงินนี้ให้แก่ลูก"
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 4 เมื่อเขาได้คืนเงินให้กับมารดาของเขาแล้ว มารดาของเขาก็ได้เอาเงินไปสองร้อยแผ่น และให้เงินนั้นแก่ช่างโลหะเพื่อทำให้เงินนั้นเป็นรูปแกะสลักและรูปหล่อโลหะต่างๆ และได้ตั้งสิ่งเหล่านั้นไว้ในบ้านของมีคาห์
|
||
|
\v 5 มีคาห์คนนี้จึงมีบ้านของรูปเคารพ และเขาได้ทำเอโฟดอันหนึ่งและบรรดาพระประจำบ้าน และเขาได้จ้างบุตรชายคนหนึ่งในบรรดาบุตรชายของเขาให้เป็นปุโรหิตของเขา
|
||
|
\v 6 ในสมัยนั้น ยังไม่มีกษัตริย์ในอิสราเอล และทุกคนก็ทำตามที่ตนเองเห็นชอบ
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 7 ในขณะนั้น มีชายหนุ่มชาวเมืองเบธเลเฮมคนหนึ่งในยูดาห์ จากตระกูลของเผ่ายูดาห์ ผู้ซึ่งเป็นคนเลวี เขาได้พักอาศัยอยู่ที่นั่นเพื่อปฏิบัติหน้าที่ของเขาให้เสร็จสิ้น
|
||
|
\v 8 ชายคนนั้นได้ออกจากเมืองเบธเลเฮมในยูดาห์เพื่อไปหาที่พักอาศัย ขณะที่เขาเดินทางไป เขาก็ได้มาถึงบ้านของมีคาห์ในแดนเทือกเขาเอฟราอิม
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 9 มีคาห์กล่าวกับเขาว่า "ท่านมาจากไหน?" ชายคนนั้นตอบเขาว่า "ข้าพเจ้าเป็นคนเลวีจากเมืองเบธเลเฮมในยูดาห์ และข้าพเจ้ากำลังเที่ยวหาสถานที่ซึ่งข้าพเจ้าจะพักอาศัย"
|
||
|
\v 10 มีคาห์จึงกล่าวกับเขาว่า "จงพักอยู่กับข้าพเจ้าเถิด มาเป็นบิดาและเป็นปุโรหิตให้กับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะให้เงินท่านปีละสิบแผ่น ให้เสื้อผ้าชุดหนึ่งกับให้อาหารแก่ท่าน" ดังนั้น คนเลวีคนนั้นจึงเข้าไปในบ้านของเขา
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 11 คนเลวีคนนั้นพอใจที่จะอาศัยอยู่กับชายนั้น และชายหนุ่มคนนั้นก็ได้เป็นเหมือนกับบุตรชายคนหนึ่งในบรรดาบุตรชายของมีคาห์
|
||
|
\v 12 มีคาห์ได้แยกคนเลวีคนนั้นไว้ให้ปฏิบัติพิธีการต่างๆ และชายหนุ่มคนนั้นก็ได้เป็นปุโรหิตของเขา และอยู่ในบ้านของมีคาห์
|
||
|
\v 13 แล้วมีคาห์กล่าวว่า "บัดนี้ ข้าพเจ้าทราบแล้วว่าพระยาห์เวห์จะทรงทำการดีแก่ข้าพเจ้า เพราะคนเลวีคนนี้ได้มาเป็นปุโรหิตของข้าพเจ้าแล้ว"
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\c 18
|
||
|
\p
|
||
|
\v 1 ในสมัยนั้น ยังไม่มีกษัตริย์ในอิสราเอล พงศ์พันธุ์ของเผ่าดานกำลังแสวงหาเขตแดนเพื่ออยู่อาศัย เพราะจนถึงวันนั้น พวกเขายังไม่ได้มรดกใดๆ เลยจากท่ามกลางบรรดาเผ่าของอิสราเอล
|
||
|
\v 2 คนเผ่าดานได้ส่งคนห้าคนจากจำนวนคนทั้งหมดในเผ่าของพวกเขาที่เป็นนักรบที่ชำนาญการศึกจากโศราห์และจากเอชทาโอล เพื่อออกไปเดินเท้าสำรวจและตรวจดูแผ่นดินนั้น พวกเขาได้กล่าวกับคนเหล่านั้นว่า "จงไปและตรวจดูแผ่นดินนั้น" พวกเขาได้มายังแดนเทือกเขาเอฟราอิม มายังบ้านของมีคาห์ และพวกเขาได้ค้างคืนอยู่ที่นั่น
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 3 เมื่อพวกเขาอยู่ใกล้บ้านของมีคาห์ พวกเขาก็จำเสียงพูดของคนเลวีหนุ่มคนนั้นได้ ดังนั้น พวกเขาจึงได้หยุดแวะและถามเขาว่า "ใครพาท่านมาที่นี่? ท่านมาทำอะไรในสถานที่นี้? ทำไมท่านจึงอยู่ที่นี่?"
|
||
|
\v 4 เขาจึงตอบคนเหล่านั้นว่า "มีคาห์ได้ทำดังนี้แก่ข้าพเจ้า เขาได้จ้างข้าพเจ้าให้เป็นปุโรหิตของเขา"
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 5 คนเหล่านั้นจึงกล่าวกับเขาว่า "ขอโปรดทูลขอคำปรึกษาจากพระเจ้า เพื่อพวกเราจะทราบว่า การเดินทางที่เรากำลังไปนี้จะสำเร็จหรือไม่"
|
||
|
\v 6 ปุโรหิตคนนั้นจึงกล่าวกับพวกเขาว่า "จงไปโดยสันติเถิด พระยาห์เวห์จะทรงนำพวกท่านในทางที่พวกท่านจะไปนั้น"
|
||
|
\v 7 แล้วผู้ชายทั้งห้าคนก็จากไป แล้วมายังเมืองลาอิช และพวกเขาได้เห็นว่าประชาชนในเมืองนั้นได้อาศัยกันอยู่อย่างปลอดภัย เหมือนอย่างที่คนไซดอนอยู่กัน ที่อยูู่อย่างสงบสุขและไร้กังวล ไม่มีใครมายึดครองหรือกดขี่พวกเขาเลยในแผ่นดินนั้น พวกเขาจึงอาศัยอยู่ห่างจากคนไซดอนและไม่คบค้ากับใครเลย
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 8 พวกเขาได้กลับไปยังเผ่าของพวกเขาในเมืองโศราห์และเมืองเอชทาโอล แล้วบรรดาญาติพี่น้องของพวกเขาก็ถามว่า "พวกเจ้าได้พบอะไรบ้าง?"
|
||
|
\v 9 พวกเขาจึงกล่าวว่า "มาเถิด ให้พวกเราไปโจมตีพวกเขา พวกเราได้เห็นแผ่นดินนั้นซึ่งเป็นแผ่นดินที่ดีมาก พวกท่านจะไม่ทำอะไรเลยหรือ?" อย่ารอช้าอยู่เลยที่จะไปโจมตีและยึดครองแผ่นดินนั้น
|
||
|
\v 10 เมื่อพวกท่านไป พวกท่านจะพบกับประชาชนที่คิดว่าพวกเขาปลอดภัย และแผ่นดินนั้นกว้างขวาง พระเจ้าได้ประทานแผ่นดินนั้นแก่พวกท่านแล้ว ที่ซึ่งไม่ขาดแคลนอะไรเลยในแผ่นดินนั้น"
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 11 คนเผ่าดานหกร้อยคนจากเผ่าดานได้ถืออาวุธสงคราม ได้ออกเดินทางไปจากเมืองโศราห์และเมืองเอชทาโอล
|
||
|
\v 12 พวกเขาขึ้นไปและตั้งค่ายที่คีริยาทเยอาริมในยูดาห์ นี่คือเหตุผลที่ผู้คนเรียกสถานที่นั้นว่ามาฮาเนห์ดานจนถึงทุกวันนี้ เมืองนี้อยู่ทางด้านทิศตะวันตกของคีริยาทเยอาริม
|
||
|
\v 13 พวกเขาได้ยกออกจากที่นั่นไปยังแดนเทือกเขาเอฟราอิม และมายังบ้านของมีคาห์
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 14 แล้วผู้ชายทั้งห้าคนที่ไปสำรวจดินแดนของเมืองลาอิชได้กล่าวกับพวกญาติพี่น้องของพวกเขาว่า "พวกท่านรู้ไหมว่า ในบ้านเหล่านี้มีเอโฟด พระประจำบ้านต่างๆ รูปแกะสลัก และรูปหล่อโลหะ? ขอให้ตัดสินใจเสียเดี๋ยวนี้ว่าพวกท่านจะทำอะไร"
|
||
|
\v 15 ดังนั้น พวกเขาจึงกลับมาที่นั่น และได้มายังบ้านของคนเลวีหนุ่มคนนั้นคือที่บ้านของมีคาห์ และคนเหล่านั้นได้ทักทายเขา
|
||
|
\v 16 บัดนี้ คนดานที่ถืออาวุธสงครามหกร้อยคนก็ได้ยืนอยู่ที่ประตูทางเข้านั้น
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 17 ผู้ชายทั้งห้าคนที่ได้ไปสำรวจแผ่นดินนั้นก็ไปที่นั่น และพวกเขาได้เอารูปแกะสลัก เอโฟด พระประจำบ้านต่างๆ และรูปหล่อโลหะไป ขณะที่ปุโรหิตคนนั้นยืนอยู่ข้างประตูที่เปิดอยู่กับคนหกร้อยคนที่ถืออาวุธสงคราม
|
||
|
\v 18 ในขณะที่คนเหล่านี้ได้เข้าไปในบ้านของมีคาห์และได้เอารูปแกะสลัก เอโฟด บรรดาพระประจำบ้านต่างๆ และรูปหล่อโลหะไป ปุโรหิตคนนั้นได้กล่าวกับพวกเขาว่า "พวกท่านกำลังทำอะไร?"
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 19 พวกเขากล่าวกับปุโรหิตนั้นว่า "จงเงียบไว้ จงเอามือปิดปากของท่านและไปกับเรา และมาเป็นบิดาและปุโรหิตให้กับเรา การเป็นปุโรหิตให้กับบ้านของคนคนเดียว หรือการเป็นปุโรหิตของเผ่าซึ่งเป็นตระกูลหนึ่งของอิสราเอล อย่างไหนจะดีกว่ากันสำหรับท่าน?"
|
||
|
\v 20 ใจของปุโรหิตคนนั้นก็ยินดี เขาจึงเอาเอโฟด บรรดาพระประจำบ้านต่างๆ และรูปแกะสลักไปและตามคนเหล่านั้นไป
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 21 ดังนั้น พวกเขาจึงหันกลับและออกไป พวกเขาให้พวกเด็กเล็กๆ พร้อมกับฝูงสัตว์และทรัพย์สินของพวกเขาอยู่ข้างหน้าพวกเขา
|
||
|
\v 22 เมื่อไปได้ไกลจากบ้านของมีคาห์ระยะหนึ่ง บรรดาคนที่อยู่ในบ้านเรือนใกล้บ้านของมีคาห์ก็ถูกเรียกออกมารวมตัวกัน และพวกเขาติดตามไปจนทันคนเผ่าดาน
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 23 พวกเขาร้องตะโกนเรียกคนเผ่าดาน และคนเผ่าดานจึงหันกลับมาและพูดกับมีคาห์ว่า "เจ้าได้เรียกคนพวกนี้มากันทำไม?"
|
||
|
\v 24 มีคาห์จึงได้ตอบว่า "พวกเจ้าได้ขโมยพระต่างๆ ที่ข้าได้ทำ พวกเจ้าได้เอาปุโรหิตของข้าไป และพวกเจ้าก็กำลังจากไป ข้ายังมีอะไรเหลืออยู่เล่า? พวกเจ้ายังจะถามข้าได้อย่างไรว่า 'อะไรที่ทำความยุ่งยากให้แก่เจ้า?'"
|
||
|
\v 25 คนเผ่าดานจึงได้กล่าวว่า "เจ้าอย่าพูดอะไรให้พวกเราได้ยินอีก มิฉะนั้น มีบางคนที่กำลังโกรธมากก็จะทำร้ายเจ้า ทั้งเจ้าและครอบครัวของเจ้าก็จะถูกฆ่าเสีย"
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 26 แล้วคนเผ่าดานก็ได้ไปตามทางของพวกเขา เมื่อมีคาห์เห็นว่าคนเหล่านั้นมีกำลังมากกว่าเขายิ่งนัก เขาก็หันกลับและกลับไปยังบ้านของเขา
|
||
|
\v 27 คนเผ่าดานยึดเอาสิ่งที่มีคาห์ได้ทำ พร้อมกับเอาปุโรหิตของเขาไป และพวกเขามายังเมืองลาอิช ไปยังประชาชนที่อยู่กันอย่างสงบสุขและไร้กังวล และพวกเขาฆ่าคนเหล่านั้นด้วยดาบและเผาเมืองนั้น
|
||
|
\v 28 ไม่มีใครที่จะช่วยพวกเขา เพราะเมืองนั้นอยู่ไกลจากเมืองไซดอนมาก และพวกเขาก็ไม่คบค้ากับใคร เมืองนี้เป็นหุบเขาที่อยู่ใกล้เบธเรโหบ คนดานได้สร้างเมืองนี้ขึ้นมาใหม่และได้อาศัยอยู่ที่นั่น
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 29 พวกเขาจึงตั้งชื่อเมืองนั้นว่าดาน ตามชื่อของดานที่เป็นบรรพบุรุษของพวกเขา ผู้ซึ่งเป็นบุตรชายคนหนึ่งของอิสราเอล แต่เมืองนี้เคยมีชื่อว่าเมืองลาอิช
|
||
|
\v 30 คนเผ่าดานได้ตั้งรูปแกะสลักไว้สำหรับพวกเขาเอง โยนาธานบุตรชายของเกอร์โชมบุตรของโมเสส เขาและบรรดาบุตรของเขาได้เป็นปุโรหิตให้กับเผ่าของคนเผ่าดานจนถึงสมัยที่แผ่นดินได้ตกเป็นเชลย
|
||
|
\v 31 ดังนั้น พวกเขาจึงได้นมัสการรูปแกะสลักของมีคาห์ที่เขาได้ทำขึ้นมาตลอดเวลาที่พระนิเวศของพระเจ้าอยู่ที่เมืองชิโลห์
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\c 19
|
||
|
\p
|
||
|
\v 1 ในสมัยนั้น ในขณะที่ยังไม่มีกษัตริย์ในอิสราเอล มีชายคนหนึ่งเป็นคนเลวีที่ได้อาศัยอยู่ไม่นานในแดนไกลโพ้นในบริเวณเขตแดนเทือกเขาเอฟราอิม เขาได้รับผู้หญิงคนหนึ่งจากเมืองเบธเลเฮมในยูดาห์มาเป็นภรรยาน้อยของตนเอง
|
||
|
\v 2 แต่ภรรยาน้อยของเขาไม่ซื่อสัตย์ต่อเขา นางได้จากเขาไปและกลับไปยังบ้านบิดาของนางที่เมืองเบธเลเฮมในยูดาห์ นางได้พักอาศัยอยู่ที่นั่นเป็นเวลาสี่เดือน
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 3 แล้วสามีของนางก็ลุกขึ้นและไปตามนางเพื่อจะชวนให้นางกลับมา คนรับใช้ของเขาไปกับเขาและลาคู่หนึ่ง นางพาเขาเข้าไปในบ้านของบิดาของนาง เมื่อบิดาของหญิงสาวนั้นได้เห็นเขาก็ยินดีมาก
|
||
|
\v 4 พ่อตาของเขาซึ่งเป็นบิดาของหญิงสาวคนนั้น ก็เชิญชวนให้เขาพักอยู่ที่นั้นสามวัน พวกเขาได้กินและดื่ม และพวกเขาก็ค้างคืนที่นั่น
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 5 ในวันที่สี่ พวกเขาตื่นแต่เช้าและเขาได้เตรียมตัวที่จะไป แต่บิดาของหญิงสาวนั้นพูดกับบุตรเขยของเขาว่า "กินอาหารสักหน่อยให้มีกำลัง แล้วพวกเจ้าจึงค่อยไปกัน"
|
||
|
\v 6 ดังนั้นผู้ชายทั้งสองคนจึงนั่งลงกินและดื่มด้วยกัน จากนั้นบิดาของหญิงสาวคนนั้นจึงพูดว่า "ขอให้ค้างอีกสักคืนเถิดและทำใจให้เบิกบาน"
|
||
|
\v 7 เมื่อคนเลวีลุกขึ้นจะจากไป บิดาของหญิงสาวคนนั้นก็คะยั้นคะยอให้เขาอยู่ ดังนั้น เขาจึงได้เปลี่ยนแผนและค้างคืนที่นั่นอีก
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 8 ในวันที่ห้า เขาตื่นขึ้นแต่เช้าเพื่อจะไป แต่บิดาของหญิงสาวคนนั้นพูดว่า "พักเอาแรงอีกสักหน่อย และคอยจนกว่าจะถึงตอนบ่ายเถิด" ดังนั้น ชายทั้งสองคนจึงได้กินอาหาร
|
||
|
\v 9 เมื่อคนเลวีและภรรยาน้อยของเขาและคนรับใช้ของเขาลุกขึ้นจะออกเดินทาง พ่อตาของเขาซึ่งเป็นบิดาของหญิงสาวคนนั้นได้พูดกับเขาว่า "ดูสิ ตอนนี้ วันนี้ใกล้จะเย็นแล้ว ขอจงพักที่นี่อีกสักคืน และทำใจให้เบิกบานเถิด พรุ่งนี้พวกเจ้าตื่นแต่เช้าและกลับไปบ้านก็ได้"
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 10 แต่คนเลวีคนนั้นไม่ยอมค้างคืน เขาจึงลุกขึ้นและจากไป เขาได้ตรงไปยังเมืองเยบุส (นั่นคือเมืองเยรูซาเล็ม) เขามีลาที่ผูกอานคู่หนึ่ง และภรรยาน้อยของเขาได้อยู่กับเขา
|
||
|
\v 11 เมื่อพวกเขาอยู่ใกล้เมืองเยบุส ก็เกือบจะหมดวันแล้ว และคนรับใช้ได้พูดกับนายของเขาว่า "มาเถิด ขอให้พวกเราไปแวะที่เมืองของชาวเยบุสและค้างคืนในเมืองนั้นเถิด"
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 12 นายของเขาจึงพูดกับเขาว่า "พวกเราจะไม่แวะเข้าไปในเมืองของคนต่างชาติที่ไม่ใช่คนอิสราเอล พวกเราจะไปที่เมืองกิเบอาห์"
|
||
|
\v 13 คนเลวีคนนั้นพูดกับคนหนุ่มของเขาว่า "มาเถิด ให้เราไปยังที่เหล่านั้นสักแห่งหนึ่ง และค้างคืนในเมืองกิเบอาห์หรือเมืองรามาห์"
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 14 ดังนั้น พวกเขาจึงเดินทางต่อไป และดวงอาทิตย์ตกแล้ว ในขณะที่พวกเขาใกล้มาถึงเมืองกิเบอาห์ ในเขตแดนของเบนยามิน
|
||
|
\v 15 พวกเขาได้แวะที่นั่นเพื่อค้างคืนในเมืองกิเบอาห์ พวกเขาไปและนั่งลงที่ลานเมือง แต่ไม่มีใครพาพวกเขาไปค้างที่บ้านเลย
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 16 แต่แล้วก็มีชายชราคนหนึ่งซึ่งกำลังกลับมาจากการทำงานในทุ่งนาเวลาเย็นนั้น เขามาจากแดนเทือกเขาเอฟราอิม และเขาพักอยู่ในเมืองกิเบอาห์ได้ไม่นานนัก แต่พวกผู้ชายที่อาศัยอยู่ในที่นั้นเป็นคนเบนยามิน
|
||
|
\v 17 เขาเงยหน้าขึ้นและเห็นคนเดินทางบนลานเมือง ชายชราคนนั้นจึงถามว่า "พวกท่านจะไปไหน? พวกท่านมาจากไหน?"
|
||
|
\v 18 คนเลวีคนนั้นจึงตอบเขาว่า "พวกเรากำลังอยู่ระหว่างการเดินทางจากเมืองเบธเลเฮมในยูดาห์ไปยังแดนไกลโพ้นของแดนเทือกเขาเอฟราอิม ที่ซึ่งข้าพเจ้าได้มาจากที่นั่น ข้าพเจ้าได้ไปที่เมืองเบธเลเฮมในยูดาห์ และข้าพเจ้ากำลังจะไปที่พระนิเวศของพระยาห์เวห์ แต่ไม่มีใครที่จะพาข้าพเจ้าเข้าไปในบ้านของเขาเลย
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 19 พวกเรามีฟางและอาหารสำหรับลาของพวกเรา และมีอาหารและเหล้าองุ่นสำหรับข้าพเจ้าและสาวใช้ของท่านที่นี่ และสำหรับคนหนุ่มคนนี้กับคนรับใช้ของท่านด้วย พวกเราไม่ขาดสิ่งใดเลย"
|
||
|
\v 20 ชายชราคนนั้นจึงกล่าวต้อนรับพวกเขาว่า "ขอสันติสุขจงมีแก่พวกท่านเถิด ข้าพเจ้าจะดูแลในสิ่งที่พวกท่านต้องการทั้งหมด เพียงแต่อย่าค้างคืนที่ลานเมืองนี้เลย"
|
||
|
\v 21 ดังนั้นชายคนนั้นจึงพาคนเลวีเข้าไปที่บ้านของเขา และให้อาหารแก่ลาเหล่านั้น พวกเขาล้างเท้าของตน และได้กินและดื่ม
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 22 ขณะที่พวกเขากำลังเพลิดเพลินใจอยู่นั้น พวกผู้ชายชาวเมืองนั้นที่เป็นพวกอันธพาลก็ได้มาล้อมบ้านหลังนั้น และทุบประตู พวกเขาพูดกับชายชราคนที่เป็นเจ้าของบ้านหลังนั้นว่า "จงนำผู้ชายที่เข้าไปในบ้านของเจ้าออกมา เพื่อเราจะร่วมรักกับเขา"
|
||
|
\v 23 ผู้ชายคนนั้นที่เป็นเจ้าของบ้านได้ออกไปหาพวกเขาและพูดกับพวกเขาว่า "อย่าเลย พี่น้องของข้า ขออย่าทำสิ่งชั่วร้ายนี้เลย เพราะชายคนนี้เป็นแขกในบ้านของข้า อย่าทำสิ่งที่ชั่วร้ายนี้เลย
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 24 นี่แน่ะ ลูกสาวพรหมจารีของข้ากับภรรยาน้อยของเขาอยู่ที่นี่ ขอให้ข้านำพวกนางออกมาในตอนนี้ จงข่มขืนพวกนางและทำกับพวกนางตามใจชอบ แต่อย่าทำสิ่งชั่วร้ายอย่างนั้นกับผู้ชายคนนี้เลย"
|
||
|
\v 25 แต่ผู้ชายพวกนั้นไม่ฟังเสียงเขา คนเลวีคนนั้นจึงจับภรรยาน้อยของเขาและพานางออกมาให้พวกเขา พวกเขาก็ได้จับนางไป ข่มขืนนาง และทำทารุณกับนางตลอดทั้งคืน และพอถึงรุ่งเช้า พวกเขาก็ได้ปล่อยนางไป
|
||
|
\v 26 ตอนรุ่งเช้า ผู้หญิงคนนั้นได้มาและนางได้ล้มลงที่ประตูบ้านของชายคนนั้นที่นายของนางพักอาศัยอยู่ และนางนอนอยู่ที่นั่นจนสว่าง
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 27 นายของนางได้ลุกขึ้นในตอนเช้า เขาเปิดประตูบ้านและออกไปเพื่อจะตามเส้นทางของเขา เขาได้เห็นภรรยาน้อยของเขานอนอยู่ที่ประตูนั้น มือของนางอยู่ที่ธรณีประตู
|
||
|
\v 28 คนเลวีคนนั้นจึงพูดกับนางว่า "ลุกขึ้น ให้เราไปกันเถิด" แต่ไม่มีคำตอบใดๆ เขาจึงเอานางขึ้นบนหลังลา และชายคนนั้นก็ออกเดินทางไปบ้าน
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 29 เมื่อคนเลวีคนนั้นมาถึงบ้านของเขา เขาก็ได้เอามีดมา และเขาได้จับตัวภรรยาน้อยของเขา และหั่นศพของนาง ตัดแขนตัดขาออกเป็นสิบสองท่อน แล้วได้ส่งท่อนเหล่านั้นไปทั่วทุกแห่งในอิสราเอล
|
||
|
\v 30 คนทั้งปวงที่ได้เห็นสิ่งนี้ได้กล่าวว่า "เรื่องอย่างนี้ไม่เคยมีใครทำกันหรือได้พบเห็นตั้งแต่วันที่คนอิสราเอลได้ขึ้นมาจากแผ่นดินอียิปต์จนถึงทุกวันนี้ จงตรึกตรองเกี่ยวกับเรื่องนี้ ขอจงให้คำแนะนำเรา ขอบอกเราว่าจะทำอย่างไร"
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\c 20
|
||
|
\p
|
||
|
\v 1 แล้วคนอิสราเอลทั้งหมดตั้งแต่ดานจนถึงเบเออร์เชบาก็ออกมาพร้อมกันเป็นใจเดียว รวมทั้งแผ่นดินกิเลอาดก็ออกมาด้วย และพวกเขาได้มาประชุมกันต่อพระพักตร์พระยาห์เวห์ที่เมืองมิสปาห์
|
||
|
\v 2 พวกผู้ใหญ่ของคนอิสราเอลทั้งหมด จากทุกเผ่าของอิสราเอล ก็มาปรากฏตัวในที่ประชุมของประชากรของพระเจ้าที่เป็นทหารราบ 400,000 คน ผู้ที่พร้อมที่จะสู้รบด้วยดาบ
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 3 ในขณะนั้น คนเบนยามินได้ยินว่าคนอิสราเอลได้ยกขึ้นไปที่เมืองมิสปาห์ คนอิสราเอลถามว่า "จงบอกเราว่าเรื่องที่ชั่วร้ายนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร"
|
||
|
\v 4 คนเลวีคนนั้นที่เป็นสามีของผู้หญิงที่ได้ถูกฆ่าตอบว่า "ข้าพเจ้าได้มายังเมืองกิเบอาห์ในเขตแดนที่เป็นของเบนยามิน ทั้งข้าพเจ้ากับภรรยาน้อยของข้าพเจ้าได้ค้างคืนที่นั่น
|
||
|
\v 5 ในระหว่างคืนนั้น พวกผู้นำของกิเบอาห์ได้บุกเข้ามาหาข้าพเจ้า ได้ล้อมบ้านนั้น และหมายจะฆ่าข้าพเจ้า พวกเขาได้จับตัวภรรยาน้อยของข้าพเจ้าไปและข่มขืนนาง แล้วนางก็ตาย
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 6 ข้าพเจ้าจึงได้นำภรรยาน้อยของข้าพเจ้าไป และหั่นศพของนางเป็นท่อนๆ แล้วส่งไปยังพวกเขาในแต่ละเขตแดนที่เป็นมรดกของอิสราเอล เพราะพวกเขาได้ทำเรื่องที่ชั่วร้ายและโหดเหี้ยมเช่นนั้นในอิสราเอล
|
||
|
\v 7 บัดนี้ ท่านคนอิสราเอลทั้งปวง ขอจงให้คำแนะนำและคำปรึกษากันที่นี่เถิด"
|
||
|
\v 8 พวกเขาทุกคนก็ลุกขึ้นพร้อมกันเป็นใจเดียว และพวกเขาได้กล่าวว่า "ไม่มีใครในพวกเราที่จะกลับไปยังเต็นท์ของเขา ไม่มีใครสักคนจะกลับไปบ้านของเขา
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 9 แต่นี่คือสิ่งที่พวกเราจะทำกับเมืองกิเบอาห์เดี๋ยวนี้ พวกเราจะสู้รบกับเมืองนั้นตามที่ฉลากได้นำเรา
|
||
|
\v 10 พวกเราจะเลือกคนสิบคนจากหนึ่งร้อยคนจากทั่วทุกเผ่าของอิสราเอล และหนึ่งร้อยคนจากหนึ่งพันคน และหนึ่งพันคนจากหนึ่งหมื่นคน เพื่อไปจัดหาเสบียงสำหรับคนเหล่านี้ เพื่อตอนที่พวกเขามาถึงเมืองกิเบอาห์ในเบนยามิน พวกเขาจะลงโทษคนเหล่านั้นสำหรับความชั่วร้ายที่พวกเขาได้ทำในอิสราเอล"
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 11 ดังนั้น พวกทหารของอิสราเอลทั้งหมดก็ได้รวมตัวกันออกไปสู้รบกับเมืองนั้นเป็นใจเดียวกัน
|
||
|
\v 12 เผ่าต่างๆ ของอิสราเอลได้ส่งคนเหล่านั้นไปทั่วเผ่าเบนยามินทั้งหมด ได้กล่าวว่า "พวกเจ้าได้ทำเรื่องที่ชั่วร้ายอะไรเช่นนี้?
|
||
|
\v 13 ด้วยเหตุนี้ จงส่งพวกคนกิเบอาห์ที่ชั่วร้ายนั้นมาให้เรา เพื่อพวกเราจะประหารพวกเขาเสีย และเพื่อพวกเราจะเอาความชั่วร้ายทั้งสิ้นนี้ออกไปจากอิสราเอล" แต่คนเบนยามินไม่ฟังเสียงคนอิสราเอลพี่น้องของพวกเขา
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 14 แล้วคนเบนยามินได้ออกมาจากเมืองต่างๆ มารวมตัวกันที่เมืองกิเบอาห์ เพื่อเตรียมพร้อมที่จะสู้รบกับคนอิสราเอล
|
||
|
\v 15 คนเบนยามินได้พากันมาจากเมืองต่างๆ ของพวกเขาเพื่อที่จะสู้รบในวันนั้นเป็นทหารจำนวนสองหมื่นหกพันคนที่ชำนาญในการสู้รบด้วยดาบ ยิ่งกว่านั้น ยังมีคนอีกเจ็ดร้อยคนที่เป็นคนที่ได้คัดเลือกมาจากชาวกิเบอาห์เพิ่มเข้ามาด้วย
|
||
|
\v 16 ท่ามกลางทหารเหล่านี้มีคนเจ็ดร้อยคนที่ถูกคัดเลือกมาที่ถนัดมือซ้าย แต่ละคนสามารถเหวี่ยงก้อนหินให้ถูกเส้นผมได้โดยไม่พลาดเลย
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 17 คนอิสราเอล ไม่นับรวมจำนวนที่มาจากเบนยาบิน มีจำนวน 400,000 คนที่ชำนาญในการสู้รบด้วยดาบ คนทั้งหมดเหล่านี้ล้วนเป็นนักรบ
|
||
|
\v 18 คนอิสราเอลได้ลุกขึ้น แล้วขึ้นไปที่เมืองเบธเอล และทูลขอคำปรึกษาจากพระเจ้า พวกเขาทูลถามว่า "ใครจะไปสู้รบกับคนเบนยามินเพื่อพวกข้าพระองค์ก่อน?" พระยาห์เวห์ได้ตรัสว่า "ยูดาห์จะไปสู้รบก่อน"
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 19 คนอิสราเอลตื่นขึ้นในเวลาเช้า และพวกเขาได้ย้ายค่ายของพวกเขาไปตั้งใกล้เมืองกิเบอาห์
|
||
|
\v 20 คนอิสราเอลออกไปสู้รบกับคนเบนยามิน พวกเขาจัดทัพรบต่อสู้กับคนเหล่านั้นที่เมืองกิเบอาห์
|
||
|
\v 21 คนเบนยามินออกมาจากเมืองกิเบอาห์ และพวกเขาฆ่าทหารของกองทัพอิสราเอลตายไปสองหมื่นสองพันคนในวันนั้น
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 22 แต่คนอิสราเอลต่างก็ได้เสริมกำลังกัน และพวกเขาจัดแนวรบในที่เดิมที่พวกเขาได้วางตำแหน่งไว้ในวันแรก
|
||
|
\v 23 แล้วคนอิสราเอลได้ขึ้นไปและพวกเขาร้องไห้คร่ำครวญต่อพระพักตร์พระยาห์เวห์จนถึงตอนเย็น พวกเขาแสวงหาการทรงนำจากพระยาห์เวห์ พวกเขาทูลถามว่า "พวกข้าพระองค์ควรจะออกไปสู้รบกับคนเบนยามินพี่น้องของพวกข้าพระองค์อีกหรือไม่?" พระยาห์เวห์ได้ตรัสว่า "จงไปสู้รบกับพวกเขาเถิด"
|
||
|
\v 24 ดังนั้นคนอิสราเอลจึงได้ไปสู้รบกับพวกทหารของเบนยามินในวันที่สอง
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 25 ในวันที่สอง คนเบนยามินได้ออกไปจากเมืองกิเบอาห์เพื่อสู้รบกับคนอิสราเอลอีก และพวกเขาได้ฆ่าคนอิสราเอลไปหนึ่งหมื่นแปดพันคน ซึ่งทุกคนล้วนเป็นคนที่ชำนาญในการต่อสู้ด้วยดาบ
|
||
|
\v 26 แล้วพวกทหารทั้งหมดของอิสราเอล และประชาชนทั้งหมดจึงขึ้นไปยังเมืองเบธเอลและร้องไห้คร่ำครวญ และที่นั่นพวกเขาได้นั่งลงต่อพระพักตร์พระยาห์เวห์ และพวกเขาอดอาหารจนถึงเวลาเย็น และถวายเครื่องเผาบูชาและเครื่องสันติบูชาต่อพระพักตร์พระยาห์เวห์
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 27 คนอิสราเอลทูลถามพระยาห์เวห์ เพราะหีบแห่งพันธสัญญาของพระเจ้าได้อยู่ที่นั่นในสมัยนั้น
|
||
|
\v 28 และฟีเนหัสบุตรชายของเอเลอาซาร์ผู้เป็นบุตรชายของอาโรนกำลังปรนนิบัติรับใช้ต่อหน้าหีบนั้นในสมัยนั้น "พวกข้าพระองค์ควรจะออกไปสู้รบกับคนเบนยามินพี่น้องของพวกข้าพระองค์อีกครั้งหรือว่าควรจะหยุด? พระยาห์เวห์ได้ตรัสว่า "จงสู้รบเถิด เพราะว่าพรุ่งนี้ เราจะช่วยพวกเจ้าให้ชนะพวกเขา"
|
||
|
\v 29 ดังนั้นคนอิสราเอลจึงได้จัดคนไว้ในที่ซ่อนต่างๆ รอบเมืองกิเบอาห์
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 30 คนอิสราเอลได้สู้รบกับคนเบนยามินเป็นวันที่สาม พวกเขาก็จัดแนวรบสู้รบกับเมืองกิเบอาห์เหมือนกับที่พวกเขาได้ทำคราวก่อน
|
||
|
\v 31 คนเบนยามินได้ออกไปและต่อสู้กับคนเหล่านั้น และพวกเขาได้ถูกล่อออกไปให้ห่างจากเมืองนั้น พวกเขาได้เริ่มฆ่าคนอิสราเอลไปบ้าง มีคนอิสราเอลประมาณสามสิบคนที่ตายในที่โล่งและตามถนน ถนนสายหนึ่งขึ้นไปยังเมืองเบธเอล และอีกสายหนึ่งไปยังเมืองกิเบอาห์
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 32 แล้วคนเบนยามินจึงกล่าวว่า "พวกเขาพ่ายแพ้แล้ว พวกเขากำลังหนีจากพวกเราเหมือนกับครั้งก่อน" แต่พวกทหารของอิสราเอลกล่าวกันว่า "ให้พวกเราวิ่งถอยออกมา และล่อพวกเขาให้ออกมาจากเมืองมายังถนนนั้น"
|
||
|
\v 33 คนอิสราเอลทั้งหมดได้ลุกขึ้นออกมาจากที่ต่างๆ ของพวกเขาและจัดแนวรบของตนที่บาอัลทามาร์ แล้วพวกทหารอิสราเอลที่กำลังซุ่มอยู่ในที่ซ่อนต่างๆ ก็ได้วิ่งออกมาจากที่ของพวกเขาจากมาอาเรห์กิเบอาห์
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 34 มีคนที่ได้ถูกคัดเลือกมาจากคนอิสราเอลทั้งหมดหนึ่งหมื่นคนได้ออกมาสู้รบกับเมืองกิเบอาห์ และการต่อสู้ก็ดุเดือดมาก แต่คนเบนยามินไม่ได้รู้ว่าความพินาศได้ใกล้มาถึงพวกเขาแล้ว
|
||
|
\v 35 พระยาห์เวห์ทรงทำให้คนเบนยามินพ่ายแพ้ไปต่อหน้าคนอิสราเอล ในวันนั้น พวกทหารของคนอิสราเอลได้ฆ่าคนเบนยามินไป 25,100 คน คนที่ตายไปทั้งหมดนี้ล้วนเป็นพวกคนที่ชำนาญการต่อสู้ด้วยดาบ
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 36 ดังนั้นพวกทหารของเบนยามินเห็นว่าพวกเขาได้พ่ายแพ้แล้ว คนอิสราเอลได้ทำเป็นล่าถอยคนเบนยามินเพราะพวกเขาได้วางพวกคนทั้งหลายซุ่มไว้นอกเมืองกิเบอาห์
|
||
|
\v 37 แล้วพวกคนที่ซุ่มอยู่ก็ได้ลุกขึ้นและรีบมา พวกเขารีบวิ่งเข้าไปในเมืองกิเบอาห์ และพวกเขาฆ่าทุกคนที่อาศัยอยู่ในเมืองนั้นด้วยดาบ
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 38 พวกทหารอิสราเอลกับพวกคนที่ซุ่มอยู่ในที่ซ่อนได้นัดกันด้วยการทำสัญญาณที่เป็นกลุ่มควันขนาดใหญ่ที่จะขึ้นมาจากเมืองนั้น
|
||
|
\v 39 เมื่อมีการส่งสัญญาณนั้น พวกทหารอิสราเอลก็จะหันกลับจากการสู้รบ เนื่องจากคนเบนยามินได้เริ่มโจมตี และพวกเขาได้ฆ่าคนอิสราเอลไปประมาณสามสิบคน พวกเขาพูดกันว่า "แน่ทีเดียวว่าพวกเขาได้พ่ายแพ้ต่อหน้าเราแล้ว เหมือนอย่างการสู้รบครั้งก่อน"
|
||
|
\v 40 แต่เมื่อควันไฟได้พลุ่งขึ้นจากเมืองนั้น คนเบนยามินก็หันมาและเห็นควันไฟได้พลุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้ามาจากทั่วทั้งเมืองนั้น
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 41 แล้วคนอิสราเอลก็ได้หันกลับมาสู้รบกับพวกเขา คนเบนยามินหวาดกลัวมาก เพราะพวกเขาเห็นว่าความพินาศได้มาเหนือพวกเขาแล้ว
|
||
|
\v 42 ดังนั้น พวกเขาจึงวิ่งหนีไปจากคนอิสราเอลโดยหนีไปตามทางที่ไปยังถิ่นทุรกันดาร แต่การสู้รบก็ยังตามไปทันพวกเขา พวกทหารของอิสราเอลได้ออกมาจากเมืองเหล่านั้น และฆ่าพวกเขาในที่พวกเขายืนอยู่
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 43 พวกเขาได้ล้อมคนเบนยามินไว้ และไล่ตามพวกเขาไป และเหยียบย่ำพวกเขาที่เมืองโนฮาห์ ตลอดทางไปจนถึงด้านทิศตะวันออกของกิเบอาห์
|
||
|
\v 44 คนเบนยามินได้ตายไปหนึ่งหมื่นแปดพันคน ซึ่งทุกคนล้วนเป็นนักรบที่มีชื่อเสียงในการสู้รบ
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 45 พวกเขากลับมาและหนีตรงไปยังถิ่นทุรกันดารที่ศิลาแห่งริมโมน คนอิสราเอลได้ฆ่าคนเบนยามินมากกว่าห้าพันคนไปตามถนนนั้น พวกเขายังคงไล่ตามคนเบนยามิน กำลังตามพวกเขาไปอย่างกระชั้นชิดตลอดทางไปยังเมืองกิโดม และที่นั่นพวกเขาได้ฆ่าคนมากกว่าสองพันคน
|
||
|
\v 46 พวกทหารของเบนยามินทั้งหมดล้มลงในวันนั้นสองหมื่นห้าพันคน ซึ่งเป็นคนที่ชำนาญการต่อสู้ด้วยดาบ พวกเขาทุกคนล้วนมีชื่อเสียงในการสู้รบ
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 47 แต่มีหกร้อยคนได้หันกลับไปและหนีไปยังถิ่นทุรกันดาร ตรงไปยังศิลาแห่งริมโมน พวกเขาได้อาศัยอยู่ที่ศิลาแห่งริมโมนเป็นเวลาสี่เดือน
|
||
|
\v 48 พวกทหารของอิสราเอลได้กลับมาสู้รบกับคนเบนยามิน โจมตี และฆ่าพวกเขาทั่วทั้งเมือง ไม่ว่าจะเป็นฝูงสัตว์ และทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเขาได้พบ พวกเขาเผาทุกหัวเมืองที่อยู่ในเส้นทางของพวกเขาด้วย
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\c 21
|
||
|
\p
|
||
|
\v 1 ในตอนนั้น คนอิสราเอลได้ทำสัญญากันที่เมืองมิสปาห์ว่า "ไม่มีใครในพวกเราจะยกบุตรหญิงของเขาให้แต่งงานกับคนเบนยามิน"
|
||
|
\v 2 แล้วประชาชนก็ไปยังเมืองเบธเอล และนั่งลงที่นั่นต่อพระพักตร์พระยาห์เวห์จนถึงเวลาเย็น และพวกเขาร้องไห้เสียงดังอย่างขมขื่น
|
||
|
\v 3 พวกเขาร้องทูลว่า "ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าแห่งอิสราเอล ทำไมเหตุการณ์นี้จึงได้เกิดขึ้นกับอิสราเอล ที่เผ่าหนึ่งของบรรดาเผ่าของพวกเราจะขาดหายไปในวันนี้?"
|
||
|
\v 4 วันรุ่งขึ้น ประชาชนได้ตื่นขึ้นแต่เช้าและสร้างแท่นบูชาที่นั่น และถวายเครื่องเผาบูชากับสันติบูชา
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 5 คนอิสราเอลกล่าวว่า "เผ่าใดในบรรดาเผ่าของอิสราเอลที่ไม่ได้ขึ้นมาประชุมต่อพระยาห์เวห์?" เพราะพวกเขาได้ทำสัญญาที่สำคัญเกี่ยวกับคนใดก็ตามที่ไม่ได้ขึ้นมาเฝ้าพระยาห์เวห์ที่เมืองมิสปาห์ พวกเขากล่าวว่า "เขาจะถูกประหารชีวิตแน่นอน"
|
||
|
\v 6 คนอิสราเอลมีความสงสารต่อเบนยามินพี่น้องของพวกเขา พวกเขากล่าวว่า "ในวันนี้ เผ่าหนึ่งได้ถูกตัดออกจากอิสราเอล
|
||
|
\v 7 ใครจะจัดหาภรรยาให้กับคนเหล่านั้นที่เหลืออยู่ เนื่องจากพวกเราได้ทำสัญญาต่อพระยาห์เวห์ว่า พวกเราจะไม่ยอมให้คนใดในพวกเขาแต่งงานกับบรรดาบุตรหญิงของพวกเรา?"
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 8 พวกเขาถามว่า "เผ่าใดในบรรดาเผ่าของอิสราเอลที่ไม่ได้ขึ้นมาเฝ้าพระยาห์เวห์ที่เมืองมิสปาห์?" ซึ่งได้พบว่าไม่มีใครจากยาเบชกิเลอาดที่มาประชุมเลย
|
||
|
\v 9 เพราะเมื่อได้จัดประชาชนให้เป็นระเบียบแล้ว ดูเถิด ไม่มีชาวเมืองยาเบชกิเลอาดอยู่ที่นั่นเลย
|
||
|
\v 10 ชุมนุมชนจึงส่งพวกคนกล้าหาญที่สุดของพวกเขาออกไปหนึ่งหมื่นสองพันคน พร้อมกับคำสั่งให้ไปยังยาเบชกิเลอาด และโจมตีพวกเขาและฆ่าพวกเขา ไม่เว้นแม้แต่พวกผู้หญิงและเด็กๆ
|
||
|
\v 11 "จงทำดังนี้ พวกเจ้าต้องฆ่าผู้ชายทุกคน และผู้หญิงทุกคนที่ได้หลับนอนกับผู้ชายแล้ว"
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 12 คนเหล่านั้นพบว่าท่ามกลางคนเหล่านั้นที่อาศัยอยู่ในยาเบชกิเลอาด มีพวกหญิงสาวที่ไม่เคยหลับนอนกับผู้ชายสี่ร้อยคน และพวกเขาจึงได้นำพวกนางกลับมายังค่ายที่เมืองชิโลห์ ในคานาอัน
|
||
|
\v 13 ชุมนุมชนทั้งหมดได้ส่งสารไป และบอกคนเบนยามินที่อยู่ที่ศิลาแห่งริมโมนว่าคนอิสราเอลได้สงบศึกพวกเขาแล้ว
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 14 คนเบนยามินได้กลับมาในเวลานั้น และพวกเขาก็ได้รับมอบพวกผู้หญิงชาวยาเบชกิเลอาด แต่ก็มีพวกผู้หญิงไม่เพียงพอสำหรับพวกเขาทั้งหมด
|
||
|
\v 15 ประชาชนจึงเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับคนเบนยามิน เพราะพระยาห์เวห์ได้ทรงทำให้เกิดการแบ่งแยกระหว่างเผ่าของอิสราเอล
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 16 แล้วพวกผู้นำของชุมนุมชนกล่าวว่า "พวกเราจะจัดหาภรรยาให้กับคนเบนยามินที่เหลืออยู่ได้อย่างไร เนื่องจากพวกผู้หญิงเบนยามินได้ถูกฆ่าตายหมดแล้ว?"
|
||
|
\v 17 พวกเขากล่าวว่า "ต้องมีมรดกให้กับคนเบนยามินที่รอดตาย เพื่อไม่ให้เผ่าหนึ่งถูกทำลายไปจากอิสราเอล
|
||
|
\v 18 พวกเราไม่สามารถยกบรรดาบุตรหญิงของพวกเราให้เป็นภรรยาของพวกเขาได้ เพราะคนอิสราเอลได้ทำสัญญาไว้แล้วว่า 'คนใดที่ยกบุตรหญิงให้เป็นภรรยาแก่คนเบนยามิน จงถูกสาปแช่ง"'
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 19 ดังนั้น พวกเขาจึงกล่าวว่า "พวกท่านรู้ว่ามีงานเลี้ยงฉลองแด่พระยาห์เวห์ทุกปีที่เมืองชิโลห์ (ที่อยู่ทางทิศเหนือของเมืองเบธเอล ทางทิศตะวันออกของถนนที่ขึ้นไปจากเมืองเบธเอลไปถึงเมืองเชเคม และทางทิศใต้ของเมืองเลโบนาห์)"
|
||
|
\v 20 พวกเขาได้สั่งคนเบนยามินว่า "จงไปแอบซุ่มคอยอยู่ในสวนองุ่น
|
||
|
\v 21 คอยเฝ้าดูอยู่ เมื่อพวกหญิงสาวชาวชิโลห์ออกมาเต้นรำ แล้วจงรีบวิ่งออกมาจากสวนองุ่น และพวกเจ้าแต่ละคนก็จงฉุดพวกหญิงสาวชาวชิโลห์มาเป็นภรรยา แล้วกลับไปยังแผ่นดินเบนยามิน
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 22 เมื่อพวกบิดาหรือพี่น้องของพวกนางมาประท้วงต่อพวกเรา พวกเราก็จะพูดกับพวกเขาว่า 'ขอจงแสดงความกรุณาต่อพวกเราเถิด ขอโปรดยอมให้พวกนางอยู่ เพราะพวกเราไม่ได้ให้ภรรยาแก่แต่ละคนในเวลาสงคราม เนื่องจากพวกท่านไม่ได้มอบบรรดาบุตรหญิงของพวกท่านให้แก่พวกเขา พวกท่านก็จะไม่มีความผิด'"
|
||
|
\v 23 คนเบนยามินก็ได้ทำดังนั้น พวกเขาก็ได้ภรรยาไปตามจำนวนที่พวกเขาต้องการจากพวกหญิงสาวที่กำลังเต้นรำอยู่ และพวกเขาได้ฉุดพวกนางมาเป็นภรรยาของพวกเขา พวกเขาได้กลับไปยังสถานที่แห่งมรดกของพวกเขา พวกเขาสร้างเมืองต่างๆ ขึ้นมาใหม่และอาศัยอยู่ในเมืองเหล่านั้น
|
||
|
|
||
|
|
||
|
\s5
|
||
|
\p
|
||
|
\v 24 แล้วคนอิสราเอลก็ออกไปจากสถานที่นั้น แล้วกลับไปบ้าน ต่างคนก็ไปยังเผ่าและตระกูลของตน และต่างคนก็กลับไปยังที่ซึ่งเป็นมรดกของตน
|
||
|
\v 25 ในสมัยนั้นยังไม่มีกษัตริย์ในอิสราเอล ทุกคนจึงได้ทำตามที่ตนเองเห็นชอบ
|
||
|
|
||
|
|