1991 lines
341 KiB
Plaintext
1991 lines
341 KiB
Plaintext
\id 2KI Unlocked Literal Bible
|
|
\ide UTF-8
|
|
\h 2 KINGS
|
|
\toc1 2 Kings
|
|
\toc2 2 Kings
|
|
\toc3 2ki
|
|
\mt1 2 KINGS
|
|
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\c 1
|
|
\p
|
|
\v 1 โมอับก็ได้ก่อการกบฏต่ออิสราเอล หลังจากที่อาหับได้สวรรคต
|
|
\v 2 แล้วอาหัสยาห์ได้ทรงตกลงมาจากช่องไม้ระแนงหน้าต่างที่ห้องชั้นบนของพระองค์ในสะมาเรีย และทรงบาดเจ็บ ดังนั้น พระองค์จึงได้ทรงใช้บรรดาผู้สื่อสารไป และได้ทรงบอกกับพวกเขาว่า “จงไปสอบถามพระบาอัลเซบูบ พระของเอโครนว่าเราจะหายจากการบาดเจ็บนี้หรือไม่?”
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 3 แต่ทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์ได้พูดกับเอลียาห์ชาวทิชบีว่า “จงขึ้นไปหาพวกผู้สื่อสารของกษัตริย์ของเมืองสะมาเรีย และพูดกับพวกเขาว่า ‘เหตุเพราะไม่มีพระเจ้าในอิสราเอลหรือ ท่านจึงไปขอการปรึกษาพระบาอัลเซบูบ พระของเอโครน?
|
|
\v 4 ดังนั้นพระยาห์เวห์ทรงกล่าวดังนี้ว่า ‘เจ้าจะไม่ได้ลุกจากที่นอนของเจ้า แต่เจ้าจะต้องตายอย่างแน่นอน’” แล้วเอลียาห์ได้จากไป
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 5 เมื่อผู้สื่อสารนั้นได้กลับมาเฝ้าอาหัสยาห์พระองค์ได้ทรงกล่าวถามเขาทั้งหลายว่า “เหตุใดพวกเจ้าจึงพากันมา?”
|
|
\v 6 เขาทั้งหลายได้พูดต่อพระองค์ว่า “มีชายคนหนึ่งขึ้นมาหาพวกข้าพระองค์ และได้พูดกับพวกข้าพระองค์ว่า ‘จงกลับไปเข้าเฝ้ากษัตริย์ผู้ทรงใช้ท่านมา และพูดต่อพระองค์ว่า องค์พระยาห์เวห์ทรงกล่าวดังนี้ว่า เหตุเพราะไม่มีพระเจ้าในอิสราเอลหรือ เจ้าจึงใช้คนไปขอการปรึกษาพระบาอัลเซบูบพระของเอโครน? ดังนั้น เจ้าจะไม่ได้ลุกจากที่นอนของเจ้า แต่เจ้าจะต้องตายอย่างแน่นอน’”
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 7 อาหัสยาห์ได้ทรงกล่าวถามผู้สื่อสารของพระองค์ว่า “คนที่ขึ้นพบเจ้าและบอกสิ่งเหล่านี้แก่เจ้านั้นมีลักษณะเช่นไร?”
|
|
\v 8 พวกเขาได้ทูลพูดต่อพระองค์ว่า “เขาได้สวมเสื้อผ้าที่ทำด้วยขนสัตว์และมีสายหนังคาดเอวของเขา” ดังนั้น กษัตริย์ได้ทรงกล่าวว่า “นั่นคือ เอลียาห์ชาวทิชบี”
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 9 แล้วกษัตริย์ก็ได้ทรงรับสั่งให้นายกองกับทหารห้าสิบนายไปหาเอลียาห์ นายกองได้ขึ้นไปหาเอลียาห์ที่ซึ่งเขากำลังนั่งอยู่บนยอดเขา นายกองได้กล่าวแก่เขาว่า “ท่าน คนของพระเจ้า กษัตริย์ได้ทรงกล่าวดังนี้ว่า ‘จงลงมา’”
|
|
\v 10 แต่เอลียาห์ได้ตอบนายกองและได้พูดว่า “หากเราเป็นคนของพระเจ้า ก็ขอให้ไฟลงมาจากท้องฟ้าเผาไหม้ท่าน และคนทั้งห้าสิบของท่านเถิด” แล้วไฟก็ได้ลงมาจากท้องฟ้า และได้เผาไหม้เขากับคนทั้งห้าสิบของเขา
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 11 แล้วกษัตริย์อาหัสยาห์ได้รับสั่งให้นายกองอีกคนหนึ่งกับทหารห้าสิบนายของเขาไปหาเอลียาห์ นายกองคนนี้ก็ได้กล่าวแก่เอลียาห์ว่า “ท่าน คนของพระเจ้า กษัตริย์ทรงกล่าวดังนี้ว่า ‘จงลงมาเร็วๆ’”
|
|
\v 12 เอลียาห์ได้ตอบและได้พูดว่า “หากเราเป็นคนของพระเจ้า ก็ขอให้ไฟลงมาจากท้องฟ้าเผาไหม้ท่าน และคนทั้งห้าสิบของท่านเถิด” แล้วไฟของพระเจ้าได้ลงมาจากท้องฟ้า และได้เผาไหม้เขากับคนทั้งห้าสิบของเขาอีก
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 13 อีกครั้ง กษัตริย์ยังได้รับสั่งให้นายกองกลุ่มที่สามกับนายกองห้าสิบนายของเขา นายกองคนนี้ก็ได้ขึ้นไป คุกเข่าต่อหน้าเอลียาห์ ได้วิงวอนและพูดกับเขาว่า “ท่าน คนของพระเจ้า ข้าพเจ้าได้ขอร้องท่าน ขอให้ชีวิตของข้าพเจ้าและชีวิตของผู้รับใช้ของท่านอีกห้าสิบคนนี้เป็นสิ่งที่มีค่าในสายตาของท่าน
|
|
\v 14 แท้จริงแล้วไฟได้ลงมาจากท้องฟ้า และได้เผาผลาญนายกองสองคนแรก พร้อมทั้งทหารของเขาที่มาก่อน แต่บัดนี้ขอให้ชีวิตของข้าพเจ้าเป็นสิ่งที่มีค่าในสายตาของท่านด้วยเถิด”
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 15 แล้วทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์ได้กล่าวแก่เอลียาห์ว่า “จงลงไปกับเขาเถิด อย่ากลัวเขาเลย” ดังนั้น เอลียาห์ก็ได้ลุกขึ้นและลงไปกับเขาเพื่อเข้าเฝ้ากษัตริย์
|
|
\v 16 ต่อมา เอลียาห์ได้กราบทูลอาหัสยาห์ว่า “นี่คือเหตุที่พระยาห์เวห์ตรัสว่า ‘เพราะเจ้าได้ส่งผู้สื่อสารไปปรึกษาพระบาอัลเซบูบ พระแห่งเอโครน เพราะไม่มีพระเจ้าในอิสราเอลให้ทูลถามอย่างนั้นหรือ? เพราะฉะนั้น บัดนี้เจ้าจะไม่ได้ลุกขึ้นจากที่นอน แต่เจ้าจะต้องตายอย่างแน่นอน’”
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 17 เพราะเหตุนั้น กษัตริย์อาหัสยาห์ก็ได้สวรรคต เป็นไปตามพระวจนะของพระยาห์เวห์ซึ่งเอลียาห์ได้พูดไว้ และโยรัมได้ทรงขึ้นปกครองแทน ในปีที่สองของรัชกาลเยโฮรัม โอรสของเยโฮชาฟัทกษัตริย์ของยูดาห์ เพราะอาหัสยาห์ไม่มีโอรส
|
|
\v 18 ในส่วนพระราชกรณียกิจอื่นของอาหัสยาห์ ไม่ได้ถูกบันทึกไว้ในหนังสือพงศาวดารกษัตริย์ของอิสราเอลหรือ?
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\c 2
|
|
\p
|
|
\v 1 ดังนั้น แล้วสิ่งนี้ก็ได้เกิดขึ้น เมื่อพระยาห์เวห์จะทรงรับเอลียาห์ไปยังท้องฟ้าด้วยพายุหมุน ที่ซึ่งเอลียาห์และเอลีชากำลังเดินทางจากกิลกาล
|
|
\v 2 เอลียาห์ได้พูดกับเอลีชาว่า “พระยาห์เวห์ทรงใช้เราไปเบธเอล ดังนั้นจงคอยอยู่ที่นี่เถิด” แล้วเอลีชาได้ตอบว่า “หากแม้พระยาห์เวห์ทรงพระชนม์อยู่และท่านเองมีชีวิตอยู่อย่างแน่นอน ข้าพเจ้าจะไม่ไปจากท่านเหมือนกัน” ดังนั้น เขาทั้งสองก็ได้ลงไปเบธเอล
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 3 เหล่าผู้เผยพระวจนะผู้อยู่ในเบธเอลได้ออกมาหาเอลีชา และได้บอกเขาว่า “เจ้าทราบไหมว่า วันนี้พระยาห์เวห์จะทรงรับเจ้านายของเจ้าไปจากเจ้า?” เอลีชาได้ตอบว่า “ข้าพเจ้าทราบแล้ว แต่อย่าพูดถึงเรื่องนี้”
|
|
\v 4 เอลียาห์ได้พูดกับเขาว่า “เอลีชา จงคอยอยู่ที่นี่เถิด เพราะพระยาห์เวห์ทรงได้ส่งเราไปเมืองเยรีโค” แล้วเอลีชาได้ตอบว่า “หากแม้พระยาห์เวห์ทรงพระชนม์อยู่และท่านเองมีชีวิตอยู่อย่างแน่นอน ข้าพเจ้าจะไม่ไปจากท่านเหมือนกัน” ดังนั้น เขาทั้งสองก็ได้มายังเมืองเยรีโค
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 5 แล้วเหล่าผู้เผยพระวจนะผู้อยู่ในเมืองเยรีโคได้เข้ามาใกล้เอลีชาและได้พูดกับท่านว่า “เจ้าทราบไหมว่า วันนี้พระยาห์เวห์จะทรงรับเจ้านายของเจ้าไปจากเจ้า?” เอลีชาได้ตอบว่า “ข้าพเจ้าทราบแล้ว แต่อย่าพูดถึงเรื่องนี้”
|
|
\v 6 แล้วเอลียาห์ได้พูดกับเขาว่า “จงคอยอยู่ที่นี่เถิด เพราะพระยาห์เวห์ทรงใช้เราไปที่แม่น้ำจอร์แดน” เอลีชาได้ตอบว่า “หากแม้พระยาห์เวห์ทรงพระชนม์อยู่และท่านเองมีชีวิตอยู่อย่างแน่นอน ข้าพเจ้าจะไม่ไปจากท่านเหมือนกัน” ดังนั้น เขาทั้งสองก็ได้เดินต่อไป
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 7 ต่อมามีเหล่าผู้เผยพระวจนะห้าสิบคนได้ยืนฝั่งตรงข้ามกับพวกเขาที่อยู่ไกลออกไป ส่วนเขาทั้งสองยืนอยู่ริมแม่น้ำจอร์แดน
|
|
\v 8 เอลียาห์ได้เอาเสื้อคลุมของท่าน ม้วนเข้าแล้วฟาดลงที่น้ำนั้น แม่น้ำก็ได้แยกออกไปสองข้าง เพื่อว่าเขาทั้งสองได้เดินข้ามไปบนดินแห้ง
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 9 แล้วสิ่งนี้ก็ได้เกิดขึ้น หลังจากพวกเขาได้ข้ามไปแล้ว เอลียาห์ได้พูดกับเอลีชาว่า “จงขอเราเถิด เจ้าอยากให้เราทำอะไรให้แก่เจ้า ก่อนที่เราจะถูกรับไปจากเจ้า” เอลีชาได้ตอบว่า “โปรดให้วิญญาณของท่านสองเท่ามาอยู่เหนือข้าพเจ้า”
|
|
\v 10 เอลียาห์ได้ตอบว่า “เจ้าขอสิ่งที่ยากนัก อย่างไรก็ดี ถ้าเจ้าเห็นเราถูกรับไปจากเจ้า เจ้าก็จะได้อย่างนั้น แต่ถ้าเจ้าไม่เห็น เจ้าก็จะไม่ได้”
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 11 เมื่อพวกเขายังได้เดินสนทนากันต่อไป ดูสิ รถม้าศึกเพลิงคันหนึ่งและพวกม้าเพลิงได้แยกเขาทั้งสองออกจากกัน และเอลียาห์ได้ขึ้นไปท้องฟ้าโดยพายุหมุน
|
|
\v 12 เอลีชาได้เห็น และได้ร้องว่า “บิดาของข้า บิดาของข้า รถม้าศึกแห่งอิสราเอล และทหารม้าของพวกเขา" เขาก็ไม่ได้เห็นเอลียาห์อีกเลย แล้วเอลีชาได้จับเสื้อผ้าของตนและได้ฉีกออกเป็นสองท่อน
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 13 เอลีชาก็ได้หยิบเสื้อคลุมของเอลียาห์ ที่ตกลงมาจากเอลียาห์นั้น และได้กลับไปยืนอยู่ที่ฝั่งแม่น้ำจอร์แดน
|
|
\v 14 เขาก็ได้เอาเสื้อคลุมของเอลียาห์ที่ตกลงมานั้น ฟาดลงไปที่น้ำและได้กล่าวว่า “พระยาห์เวห์พระเจ้าของเอลียาห์สถิตที่ใด?” เมื่อเขาฟาดลงที่น้ำ น้ำก็แยกออกเป็นสองข้าง และเอลีชาก็ได้เดินข้ามไป
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 15 เมื่อเหล่าผู้เผยพระวจนะที่อยู่เมืองเยรีโคเห็นเขาอยู่แต่ไกล เขาทั้งหลายได้พูดว่า “วิญญาณของเอลียาห์อยู่กับเอลีชา” ดังนั้นเขาทั้งหลายจึงมาพบเขา และได้ก้มลงถึงดินทำการเคารพต่อหน้าเขา
|
|
\v 16 เขาทั้งหลายได้พูดกับเขาว่า “ดูเถิดบัดนี้ มีชายฉกรรจ์ห้าสิบคนอยู่กับพวกผู้รับใช้ของท่าน พวกเราวิงวอนขอให้พวกเขาไปและเสาะหาเจ้านายของท่าน เผื่อว่าพระวิญญาณของพระยาห์เวห์ได้รับท่านไปแล้วและได้เหวี่ยงท่านลงมาที่ภูเขาลูกหนึ่งหรือหุบเขาแห่งหนึ่ง” เอลีชาได้ตอบว่า “อย่าใช้พวกเขาไปเลย”
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 17 แต่เมื่อพวกเขาได้รบเร้าเอลีชาจนเขาละอาย แล้วเขาจึงได้พูดว่า “ใช้พวกเขาไปเถิด” แล้วพวกเขาจึงใช้ห้าสิบคนไป และพวกเขาได้เสาะหาเอลียาห์อยู่สามวันแต่ไม่พบท่าน
|
|
\v 18 พวกเขาก็ได้กลับมาหาเอลีชา ขณะที่เขาพักอยู่ที่เมืองเยรีโค และเอลีชาได้พูดกับพวกเขาว่า “เราบอกพวกเจ้าแล้วไม่ใช่หรือว่า ‘อย่าไปเลย?’”
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 19 ผู้คนในเมืองนั้นได้พูดกับเอลีชาว่า “ดูสิ พวกเราได้ขอร้องท่าน ทำเลเมืองนี้ร่มรื่นดี เหมือนที่เจ้านายของข้าพเจ้าได้เห็นแล้ว แต่น้ำไม่ดีและแผ่นดินก็ไม่เกิดผล”
|
|
\v 20 เอลีชาได้พูดว่า “จงเอาชามใหม่มาใบหนึ่งและใส่เกลือในนั้น” แล้วเขาทั้งหลายก็ได้นำมาให้เขา
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 21 แล้วเอลีชาก็ได้ไปที่น้ำพุและโยนเกลือลงในนั้นและเขาได้กล่าวว่า “พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า ‘เราทำน้ำนี้ให้ดีแล้ว ตั้งแต่นี้ไปจะไม่มีความตายหรือการไม่เกิดผล’”
|
|
\v 22 ดังนั้น น้ำนั้นจึงดีมาจนถึงทุกวันนี้ ตามถ้อยคำที่เอลีชาได้กล่าวนั้น
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 23 แล้วเอลีชาได้ขึ้นไปจากที่นั่นถึงเมืองเบธเอล และขณะขึ้นไปตามทาง มีพวกเด็กหนุ่มได้ออกมาจากเมืองและล้อเลียนเขา โดยพูดกับเขาว่า “ไปให้พ้น เจ้าหัวล้าน ไปให้พ้น เจ้าหัวล้าน”
|
|
\v 24 เอลีชาก็ได้หันมาเห็นเขาและได้มองพวกเขา เอลีชาจึงได้แช่งพวกเขาในพระนามพระยาห์เวห์ แล้วมีหมีตัวเมียสองตัวได้ออกมาจากป่าและได้ทำให้เด็กชายเหล่านั้นสี่สิบสองคนได้รับบาดเจ็บ
|
|
\v 25 แล้วเอลีชาได้ขึ้นไปถึงภูเขาคารเมล และจากที่นั่นเขาก็ได้กลับมายังกรุงสะมาเรีย
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\c 3
|
|
\p
|
|
\v 1 บัดนี้ ในปีที่สิบแปดของรัชกาลเยโฮชาฟัทกษัตริย์ยูดาห์ โยรัมพระราชโอรสของอาหับได้ทรงครองอิสราเอลในกรุงสะมาเรีย พระองค์ได้ทรงปกครองอยู่สิบสองปี
|
|
\v 2 พระองค์ได้ทรงทำสิ่งชั่วร้ายในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ แต่ไม่ได้ทรงเหมือนพระบิดาและพระมารดาของพระองค์ เพราะพระองค์ได้ทรงรื้อเสาหินศักดิ์สิทธิ์ของพระบาอัล ซึ่งพระบิดาของพระองค์ได้ทรงทำไว้
|
|
\v 3 อย่างไรก็ดี พระองค์ยังได้ทรงยึดติดอยู่กับบรรดาความบาปของเยโรโบอัมบุตรชายของเนบัท ผู้เป็นเหตุให้อิสราเอลทำบาป พระองค์ไม่ได้ทรงหันจากบาปนั้น
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 4 บัดนี้ เมชากษัตริย์โมอับได้ทรงเป็นผู้เพาะพันธุ์แกะ พระองค์ต้องถวายลูกแกะ 100,000 ตัว และขนแกะตัวผู้ 100,000 ผืนแก่กษัตริย์แห่งอิสราเอล
|
|
\v 5 แต่ต่อมาเมื่ออาหับได้สวรรคตแล้ว กษัตริย์แห่งโมอับก็ได้กบฏต่อกษัตริย์แห่งอิสราเอล
|
|
\v 6 ดังนั้น ในครั้งนั้นกษัตริย์โยรัมได้ทรงออกจากกรุงสะมาเรียเพื่อระดมพลคนอิสราเอลทั้งสิ้นเพื่อการสงคราม
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 7 พระองค์ได้ทรงส่งสาสน์ไปยังเยโฮชาฟัทกษัตริย์ยูดาห์ กล่าวว่า “กษัตริย์โมอับได้กบฏต่อข้าพเจ้า ท่านจะไปรบกับโมอับกับข้าพเจ้าหรือไม่?” เยโฮชาฟัทได้ตรัสตอบว่า “ข้าพเจ้าจะไป ข้าพเจ้าก็เป็นเหมือนที่ท่านเป็น และประชาชนของข้าพเจ้าก็เป็นเหมือนประชาชนของท่าน บรรดาม้าของข้าพเจ้าก็เป็นเหมือนบรรดาม้าของท่าน”
|
|
\v 8 แล้วพระองค์ได้ตรัสว่า “พวกเราควรจะยกขึ้นไปโจมตีทางไหน?” เยโฮชาฟัทได้ตรัสตอบว่า “ไปทางถิ่นทุรกันดารเอโดม”
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 9 ดังนั้น กษัตริย์อิสราเอลจึงได้เสด็จไปกับกษัตริย์ยูดาห์ และกษัตริย์เอโดม และเมื่อทั้งสามกษัตริย์เสด็จอ้อมไปได้เจ็ดวันแล้ว ก็หาน้ำให้กองทัพหรือให้ม้าทั้งหลายของพวกเขาหรือเหล่าสัตว์ต่างๆ ที่มาด้วยไม่ได้
|
|
\v 10 ดังนั้น กษัตริย์อิสราเอลจึงได้ตรัสว่า “นี่คืออะไร? พระยาห์เวห์ได้ทรงเรียกสามกษัตริย์มาเพื่อจะมอบไว้ในมือของโมอับหรือ?”
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 11 แต่เยโฮชาฟัทได้ตรัสว่า “ที่นี่ไม่มีผู้เผยพระวจนะของพระยาห์เวห์ เพื่อเราจะให้เขาทูลปรึกษาพระยาห์เวห์หรือ?” แล้วข้าราชบริพารคนหนึ่งในบรรดาข้าราชบริพารของกษัตริย์อิสราเอลได้ทรงตอบและทูลว่า “เอลีชาบุตรชายของชาฟัทอยู่ที่นี่ คือผู้ที่ได้เทน้ำลงบนมือของเอลียาห์”
|
|
\v 12 เยโฮชาฟัทได้ตรัสว่า “พระวจนะของพระยาห์เวห์อยู่กับเขา” ดังนั้น เยโฮชาฟัท กษัตริย์อิสราเอล และกษัตริย์เอโดมจึงได้เสด็จลงไปหาท่าน
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 13 เอลีชาได้ทูลกษัตริย์อิสราเอลว่า “ข้าพระองค์มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับพระองค์หรือ? ขอเสด็จไปหาผู้เผยพระวจนะของพระราชบิดาและพระราชมารดาของพระองค์เถิด” ดังนั้น กษัตริย์อิสราเอลได้ตรัสกับท่านว่า “ไม่ไป เพราะพระยาห์เวห์ได้ทรงเรียกบรรดากษัตริย์ทั้งสามนี้มาเพื่อมอบพวกเขาไว้ในมือของโมอับ”
|
|
\v 14 เอลีชาได้ทูลว่า “พระยาห์เวห์ผู้ทรงเป็นจอมทัพ ผู้ทรงพระชนม์อยู่ ผู้ซึ่งข้าพระองค์ได้อยู่ต่อพระพักตร์พระองค์ แน่ที่เดียว ถ้าข้าพระองค์ไม่ได้เคารพนับถือเยโฮชาฟัทกษัตริย์ยูดาห์แล้ว ข้าพระองค์จะไม่เอาใจจดจ่ออยู่กับพระองค์เลย
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 15 แต่บัดนี้ ขอได้ทรงนำนักดนตรีมาให้ข้าพระองค์สักคนหนึ่ง” แล้วสิ่งนี้ก็ได้เกิดขึ้นเมื่อนักเล่นพิณได้เล่นแล้ว พระหัตถ์ของพระยาห์เวห์ก็มาเหนือเอลีชา
|
|
\v 16 ท่านได้ทูลว่า “พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า ‘จงทำหุบเขานี้ให้เต็มไปด้วยร่องน้ำ’
|
|
\v 17 เพราะพระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า ‘เจ้าทั้งหลายจะไม่เห็นลมหรือฝน แต่หุบเขานั้นจะเต็มไปด้วยน้ำ และเจ้าจะได้ดื่ม ทั้งเจ้าเองกับฝูงปศุสัตว์ของเจ้า และสัตว์ใช้งานทั้งหมดของเจ้า’
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 18 เรื่องอย่างนี้เป็นเรื่องเล็กน้อยในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ พระองค์จะทรงมอบชัยชนะเหนือคนโมอับให้แก่เจ้าด้วย
|
|
\v 19 พวกเจ้าจะโจมตีเมืองที่มีป้อมทุกเมือง และเมืองหลักทุกเมือง โค่นต้นไม้ดีทุกต้น อุดน้ำพุทุกที่ และทำไร่นาดีทุกแปลงให้เสียไปด้วยหิน”
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 20 ดังนั้น ในเวลาตอนเช้าประมาณเวลาถวายเครื่องบูชา มีน้ำไหลมาทางเมืองเอโดม จนแผ่นดินเต็มไปด้วยน้ำ
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 21 บัดนี้ เมื่อคนโมอับทั้งหมดได้ยินว่าบรรดากษัตริย์ได้ยกขึ้นมารบกับพวกเขา พวกเขาก็รวบรวมทุกคนที่สวมเสื้อเกราะได้ และพวกเขาได้ไปตั้งรับที่พรมแดน
|
|
\v 22 พวกเขาได้ตื่นขึ้นตอนเช้าตรู่ และพระอาทิตย์ส่องแสงอยู่บนน้ำ เมื่อคนโมอับได้เห็นน้ำที่อยู่ตรงข้ามกับพวกเขา สีนั้นแดงเหมือนเลือด
|
|
\v 23 พวกเขาได้อุทานว่า “นี่คือเลือด บรรดากษัตริย์ได้สู้รบกันแน่ๆ และพวกเขาได้ฆ่ากันเอง บัดนี้ โมอับเอ๋ย จงมาริบเอาข้าวของของพวกเขาเถิด
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 24 เมื่อพวกเขาได้มาถึงค่ายอิสราเอล คนอิสราเอลก็ได้ทำให้พวกเขาประหลาดใจและได้ต่อสู้กับพวกโมอับจนเขาทั้งหลายหนีไปต่อหน้าพวกเขา กองทัพของอิสราเอลได้รุกไล่คนโมอับรุกหน้าเข้าไปในแผ่นดินและได้ฆ่าฟันพวกเขา
|
|
\v 25 พวกเขาได้ทำลายเมืองต่างๆ และทุกคนได้โยนหินเข้าไปในไร่นาที่ดีทุกแปลง พวกเขาได้อุดน้ำพุเสียทุกที่ และโค่นต้นไม้ดีๆ เสียหมด เหลือแต่เมืองคีร์หะเรเซทเท่านั้น แต่พวกกองทหารกับบรรดานักสลิงได้ล้อมเมืองไว้และได้โจมตี
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 26 เมื่อกษัตริย์เมชาโมอับทรงเห็นว่าจะสู้ไม่ได้ พระองค์จึงทรงพาพลดาบเจ็ดร้อยนายตีฝ่าออกไปทางกษัตริย์เอโดม แต่พวกเขาออกมาไม่ได้
|
|
\v 27 แล้วพระองค์ได้ทรงนำพระราชโอรสหัวปีของพระองค์ ผู้ควรจะขึ้นครองราชย์ต่อจากพระองค์ และได้ถวายพระโอรสเป็นเครื่องเผาบูชาที่บนกำแพง ดังนั้นจึงมีความโกรธแค้นอย่างใหญ่หลวงต่อพวกอิสราเอล และกองทัพอิสราเอลจึงได้ถอยไปจากกษัตริย์เมชาและได้ยกทัพกลับแผ่นดินของตน
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\c 4
|
|
\p
|
|
\v 1 บัดนี้ ภรรยาของคนหนึ่งในพวกผู้เผยพระวจนะได้ร้องทุกข์ต่อเอลีชา กล่าวว่า “คนรับใช้ของท่าน คือสามีของฉันได้เสียชีวิตแล้ว และท่านทราบอยู่แล้วว่าคนรับใช้ของท่านเกรงกลัวพระยาห์เวห์ บัดนี้ เจ้าหนี้ได้มาเพื่อจะเอาลูกสองคนของดิฉันไปเป็นทาสของเขา”
|
|
\v 2 ดังนั้น เอลีชาได้ตอบนางว่า “จะให้เราทำอะไรให้แก่เจ้า ? จงบอกเราซิว่าเจ้ามีอะไรอยู่ในบ้านบ้าง?” นางได้ตอบว่า “คนรับใช้ของท่านไม่มีอะไรในบ้าน นอกจากน้ำมันหนึ่งไห”
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 3 แล้วเอลีชาได้กล่าวว่า “จงออกไป ขอยืมเหยือกเปล่าจากเพื่อนบ้านทุกคน ขอยืมมามากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
|
|
\v 4 แล้วเจ้าจงเข้าบ้าน และปิดประตูขังตัวเองและบุตรชายไว้ แล้วเทน้ำมันใส่เหยือกเหล่านี้ทั้งหมด ใบที่เต็มแล้วให้แยกไว้ต่างหาก”
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 5 ดังนั้น นางก็ได้ไปจากเอลีชา และปิดประตูขังตัวเองกับบุตรชายของนางไว้ พวกเขาได้นำเหยือกมาให้นาง และนางก็ได้เติมน้ำมันใส่เหยือกเหล่านั้น
|
|
\v 6 เมื่อภาชนะเต็มหมดแล้วนางจึงได้บอกบุตรชายของนางว่า “เอาเหยือกอีกใบหนึ่งมาให้แม่” แต่เขาได้ตอบนางว่า “ไม่มีเหยือกเหลือแล้ว” แล้วน้ำมันก็หยุดไหล
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 7 แล้วนางก็ได้มาบอกให้คนของพระเจ้าทราบ เขาพูดว่า “จงไปขายน้ำมัน แล้วเอาเงินชำระหนี้ของเธอ และส่วนที่เหลือนั้นเธอกับลูกๆ จงใช้เลี้ยงชีวิต”
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 8 วันหนึ่งเอลีชาได้ผ่านไปยังเมืองชูเนม ที่ซึ่งหญิงผู้มั่งคั่งคนหนึ่งได้อาศัยอยู่ นางได้ชวนให้เขารับประทานอาหารกับนาง ฉะนั้นบ่อยครั้งเมื่อเอลีชาได้ผ่านไปทางนั้น เขาก็ได้แวะเข้าไปรับประทานอาหารที่นั่น
|
|
\v 9 หญิงคนนี้ได้บอกสามีของนางว่า “ดูสิ ฉันเห็นว่าชายคนนี้ที่เดินผ่านบ้านเราบ่อยๆ นั้นเป็นคนบริสุทธิ์ของพระเจ้า
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 10 ขอให้เราทำห้องเล็กไว้บนดาดฟ้าสำหรับเอลีชา และให้พวกเราวางเตียงนอน โต๊ะ เก้าอี้ และตะเกียงไว้ให้ท่าน เพื่อว่าเมื่อท่านมาหาเรา ท่านจะได้เข้าไปพักในห้องนั้น”
|
|
\v 11 ฉะนั้น เมื่อวันที่เอลีชาได้มาหยุดที่นั่นอีก เขาก็พักที่ในห้องนั้น และนอนพักอยู่ที่นั่น
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 12 เอลีชาจึงได้บอกเกหะซีคนใช้ของท่านว่า “ไปเรียกหญิงชาวชูเนมคนนี้มา” เมื่อเขาเรียกนาง นางก็ได้มายืนอยู่ต่อหน้าเขา
|
|
\v 13 เอลีชาจึงได้บอกแก่เกหะซีว่า “จงบอกนางว่า ‘นางลำบากมากมายอย่างนี้เพื่อเรา จะให้เราทำอะไรเพื่อนางบ้าง? มีอะไรจะให้ทูลกษัตริย์เพื่อนางหรือไม่? หรือจะให้พูดอะไรกับผู้บัญชาการกองทัพ?'" นางได้ตอบว่า “ฉันอยู่สบายดีในท่ามกลางคนของฉัน”
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 14 ดังนั้นเอลีชาได้กล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้นจะให้ทำอะไรเพื่อนาง?” เกหะซีได้ตอบว่า “แท้จริงนางไม่มีบุตรชายและสามีของนางก็ได้แก่แล้ว”
|
|
\v 15 ดังนั้น เอลีชาจึงได้บอกว่า “ไปเรียกนางมา” และเมื่อเขาไปเรียกนาง นางก็ได้มายืนอยู่ที่ประตู
|
|
\v 16 เอลีชาได้กล่าวว่า “เมื่อถึงเวลานี้ในปีหน้า เจ้าจะได้อุ้มบุตรชายคนหนึ่ง” นางได้ตอบว่า “อย่าเลย คนของพระเจ้า เจ้านายของดิฉัน อย่าหลอกคนรับใช้ของท่านเลย”
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 17 แต่หญิงนั้นก็ได้ตั้งครรภ์และคลอดบุตรชายคนหนึ่ง เมื่อถึงเวลานั้นในปีต่อมาตามที่เอลีชาได้บอกนาง
|
|
\v 18 เมื่อเด็กนั้นเติบโตขึ้น วันหนึ่งเขาออกไปหาบิดาของเขาในหมู่คนเกี่ยวข้าว
|
|
\v 19 เขาได้บอกบิดาว่า “หัวของฉัน หัวของฉัน” บิดาจึงได้สั่งคนใช้ว่า “อุ้มเขาไปหาแม่”
|
|
\v 20 เมื่อคนใช้ได้อุ้มและนำเขามาให้มารดา เด็กนั้นก็นั่งอยู่บนตักมารดาจนเที่ยงวัน แล้วเขาก็เสียชีวิต
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 21 ดังนั้น นางจึงลุกขึ้นและวางเขาไว้บนที่นอนของคนของพระเจ้า ปิดประตู แล้วออกไปข้างนอก
|
|
\v 22 นางก็ได้ไปเรียกสามีของนางและกล่าวว่า “ขอโปรดส่งคนใช้คนหนึ่งกับลาตัวหนึ่งมาให้ฉัน เพื่อฉันจะรีบไปหาคนของพระเจ้า แล้วกลับมาอีก”
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 23 สามีของนางได้ถามว่า “วันนี้เจ้าจะไปหาท่านทำไม? มันไม่ใช่วันข้างขึ้นหรือวันสะบาโต” นางได้ตอบว่า “ไม่เป็นไร”
|
|
\v 24 แล้วนางได้ผูกอานลาและได้สั่งคนใช้ว่า “จงเร่งลาไปเร็วๆ อย่าชะลอฝีเท้า นอกจากฉันสั่ง”
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 25 ดังนั้น นางก็ได้ออกเดินทาง และมาถึงคนของพระเจ้าที่ภูเขาคารเมล ดังนั้นเมื่อคนของพระเจ้าได้เห็นนางมา เขาก็ได้พูดกับเกหะซีคนใช้ของเขาว่า “ดูสิ หญิงชาวชูเนมคนนั้นนี่
|
|
\v 26 จงรีบไปรับนางเถิด และถามนางว่า ‘เจ้ารวมทั้งสามีของเจ้าและเด็กสบายดีหรือ?’” นางได้ตอบว่า “สบายดีค่ะ”
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 27 เมื่อนางได้มาพบคนของพระเจ้าที่ภูเขาแล้ว นางก็เข้าไปกอดเท้าของเขา เกหะซีจึงเข้ามาเพื่อจะจับนางออกไป แต่คนของพระเจ้าได้กล่าวว่า “ปล่อยนางเถอะ เพราะนางมีความระทมขมขื่นมาก และพระยาห์เวห์ได้ทรงปิดเรื่องนี้ไว้จากเรา ไม่ได้ทรงแจ้งให้เราทราบ”
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 28 แล้วนางจึงได้บอกว่า “ฉันขอบุตรชายจากเจ้านายของฉันหรือ? ฉันไม่ได้พูดหรือว่า ‘อย่าหลอกฉันเลย’?”
|
|
\v 29 แล้วเอลีชาจึงได้สั่งเกหะซีว่า “คาดเอวของเจ้า แล้วถือไม้เท้าของเราไว้ในมือของเจ้า ไปที่บ้านของนางเถอะ ถ้าเจ้าพบใคร อย่าทักทายเขา และถ้าใครทักทายเจ้า ก็ได้อย่าได้ตอบ จงวางไม้เท้าของเราบนหน้าของเด็กนั้น”
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 30 แต่มารดาของเด็กนั้นได้เรียนว่า “พระยาห์เวห์ได้ทรงพระชนม์อยู่และตัวท่านเองมีชีวิตอยู่แน่ฉันใด ฉันจะไม่ไปจากท่านฉันนั้น” ดังนั้น เอลีชาจึงได้ลุกขึ้นตามนางไป
|
|
\v 31 เกหะซีได้ล่วงหน้าไปก่อน และได้วางไม้เท้าบนหน้าของเด็กนั้น แต่เด็กนั้นไม่พูดหรือได้ยิน แล้วดังนั้นเกหะซีจึงได้กลับมาพบเอลีชาและบอกเขาว่า “เด็กนั้นยังไม่ตื่นเลย”
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 32 เมื่อเอลีชามาถึงที่บ้านหลังนั้น เด็กนั้นก็ตายแล้วและยังอยู่บนที่นอน
|
|
\v 33 ดังนั้น เอลีชาจึงเข้าไปข้างใน ปิดประตูอยู่กับเด็กนั้น และได้อธิษฐานต่อพระยาห์เวห์
|
|
\v 34 เขาได้ขึ้นไปและได้นอนทับเด็กคนนั้น เขาเอาปากทับปาก ตาทับตา และมือทับมือ เขาได้เหยียดตัวของเขาบนเด็กชาย และร่างกายของเด็กชายนั้นก็เริ่มอุ่นขึ้นมา
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 35 แล้วเอลีชาก็ได้ลุกขึ้นและเดินไปรอบๆ ห้อง เขาขึ้นไปและเหยียดตัวของเขาบนเด็กชายอีกครั้ง เด็กนั้นก็ได้จามเจ็ดครั้ง และได้ลืมตาของเขา
|
|
\v 36 ดังนั้น เอลีชาจึงเรียกเกหะซีมาและสั่งว่า “ไปเรียกหญิงชาวชูเนมมา” ดังนั้น เขาจึงไปเรียกนางเข้ามาข้างในห้อง เอลีชาได้กล่าวว่า “จงอุ้มบุตรชายของเจ้าขึ้นมาเถิด”
|
|
\v 37 แล้วนางจึงได้เข้ามาทรุดตัวลงที่เท้าของเอลีชาและกราบลงถึงดิน แล้วก็อุ้มบุตรชายของนางขึ้นและพาออกไปข้างนอก
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 38 แล้วเอลีชาได้กลับมาที่กิลกาลอีกครั้ง แผ่นดินเกิดกันดารอาหาร และพวกผู้เผยพระวจนะกำลังนั่งอยู่ต่อหน้าเขา เขาก็ได้บอกคนใช้ของเขาว่า “จงตั้งหม้อใบใหญ่และต้มน้ำแกงให้แก่พวกผู้เผยพระวจนะ”
|
|
\v 39 คนหนึ่งในพวกเขาได้ออกไปเก็บผักที่ทุ่งนา พวกเขาได้พบไม้เถาป่าเถาหนึ่งและเก็บน้ำเต้าป่าห่อไว้ในเสื้อคลุมของเขาจนเต็ม พวกเขาได้หั่นและใส่ในน้ำแกงโดยไม่รู้ว่าเป็นผลชนิดอะไร
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 40 ดังนั้น พวกเขาได้เทน้ำแกงออกให้คนเหล่านั้นกิน ต่อมา ขณะที่พวกเขากำลังกินอยู่นั้น พวกเขาได้ร้องขึ้นและพูดว่า “คนของพระเจ้า มีความตายอยู่ในหม้อนั้น” ฉะนั้นพวกเขาก็ไม่อาจกินอีกต่อไปได้
|
|
\v 41 แต่เอลีชาได้สั่งว่า “จงเอาแป้งมา” เขาก็ได้ใส่แป้งลงในหม้อ และได้บอกว่า “จงเทออกให้คนเหล่านั้นกิน” แล้วไม่มีอันตรายอยู่ในหม้อนั้นอีกเลย
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 42 มีชายคนหนึ่งได้มาจากบาอัลชาลิชาห์ มาหาคนของพระเจ้าและได้นำขนมปังบาร์เลย์ยี่สิบก้อนจากการเก็บเกี่ยวพืชผลแรกใส่กระสอบของเขามา และรวงข้าวใหม่ เอลีชาได้กล่าวว่า “จงให้แก่คนเหล่านั้นเพื่อพวกเขาจะกินได้”
|
|
\v 43 คนรับใช้ของเขาได้ตอบว่า “ข้าพเจ้าจะตั้งอาหารเพียงเท่านี้ให้คนหนึ่งร้อยคนกินกันได้อย่างไร?” แต่เอลีชาได้พูดว่า “จงให้สิ่งนี้แก่คนเหล่านั้นเพื่อว่าพวกเขาจะได้กิน เพราะพระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า ‘เขาทั้งหลายจะได้กินและยังเหลืออีก’”
|
|
\v 44 ดังนั้น คนรับใช้ของเขาจึงได้ตั้งอาหารไว้ต่อหน้าเขาทั้งหลาย พวกเขาได้กิน และยังเหลืออยู่จริงตามพระวจนะของพระยาห์เวห์ที่ได้ทรงสัญญาไว้
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\c 5
|
|
\p
|
|
\v 1 บัดนี้ นาอามานผู้บัญชาการกองทัพของกษัตริย์อารัม เป็นคนสำคัญมากและมีเกียรติในสายพระเนตรของเจ้านายของเขา เพราะพระยาห์เวห์ได้ประทานชัยชนะแก่อารัมโดยเขานี้ เขาเป็นคนแข็งแรงกล้าหาญ แต่เขาป่วยเป็นโรคเรื้อน
|
|
\v 2 มีกองโจรชาวอารัมได้ออกไป และได้จับเด็กหญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งจากดินแดนอิสราเอล เธอได้มารับใช้ภรรยาของนาอามาน
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 3 เด็กหญิงได้พูดกับนายผู้หญิงว่า “ฉันปรารถนาให้นายผู้ชายได้ไปพบกับผู้เผยพระวจนะซึ่งอยู่ในสะมาเรีย แล้วเขาจะได้รักษาเจ้านายของฉันให้หายจากโรคเรื้อนของท่าน”
|
|
\v 4 ดังนั้น นาอามานจึงได้ไปและได้ทูลกษัตริย์อารัมว่า เด็กหญิงตัวเล็กจากดินแดนอิสราเอลพูดเช่นนั้น
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 5 ดังนั้น กษัตริย์อารัมได้ตรัสว่า “จงไปเถิดและเราจะส่งจดหมายไปยังกษัตริย์อิสราเอล” นาอามานก็ได้ไปและได้นำเงินสิบตะลันต์ ทองคำหกพันแผ่น และเสื้อผ้าเพื่อเปลี่ยนอีกสิบชุดไปด้วย
|
|
\v 6 เขาก็นำจดหมายไปยังกษัตริย์อิสราเอล มีใจความว่า “บัดนี้ เมื่อสารนี้มาถึงท่าน ท่านจะทราบว่า เราได้ส่งนาอามานข้าราชบริพารของเรามายังท่าน เพื่อให้ท่านรักษาเขาให้หายจากโรคเรื้อนของเขา”
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 7 เมื่อกษัตริย์แห่งอิสราเอลได้ทรงอ่านจดหมายนั้นแล้ว พระองค์ก็ได้ฉีกฉลองพระองค์และตรัสว่า “เราเป็นพระเจ้าซึ่งจะให้ตายและให้มีชีวิตหรือ ผู้ชายคนนี้จึงต้องการให้เรารักษาคนหนึ่งให้หายจากโรคเรื้อน? ดูเหมือนเขากำลังเริ่มหาเรื่องทะเลาะกับเรา”
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 8 ดังนั้น เมื่อเอลีชาคนของพระเจ้าได้ยินว่า กษัตริย์อิสราเอลได้ฉีกฉลองพระองค์ของพระองค์ เขาจึงได้ใช้คนไปทูลกษัตริย์ว่า “ทำไมพระองค์จึงได้ฉีกฉลองพระองค์? ให้เขามาหาข้าพระองค์เถิด และเขาจะรู้ว่า มีผู้เผยพระวจนะคนหนึ่งในอิสราเอล”
|
|
\v 9 ดังนั้น นาอามานจึงได้มาพร้อมกับบรรดาม้าและรถม้าศึกของเขา และยืนอยู่ที่ประตูบ้านของเอลีชา
|
|
\v 10 เอลีชาก็ได้ส่งผู้สื่อสารมาบอกเขาว่า “จงไปและจุ่มตัวของท่านในแม่น้ำจอร์แดนเจ็ดครั้ง และเนื้อของท่านจะกลับคืนอย่างเดิม และท่านจะสะอาด”
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 11 แต่นาอามานก็โกรธและได้ไปเสีย และกล่าวว่า “ดูสิ ข้าคิดว่าเขาจะออกมาหาข้าแน่ๆ และมายืนอยู่ และออกพระนามของพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขา แล้วโบกมือเหนือที่นั้นและรักษาโรคเรื้อนของข้า
|
|
\v 12 อาบานาห์และฟารปาร์แม่น้ำเมืองดามัสกัส ไม่ดีกว่าบรรดาลำน้ำทั้งหมดของอิสราเอลหรือ? ข้าจะชำระตัวในแม่น้ำเหล่านั้น และจะสะอาดไม่ได้หรือ?” ดังนั้น เขาจึงได้หันหลังไปเสียด้วยความเดือดดาล
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 13 แล้วคนรับใช้ของนาอามาน ได้เข้ามาใกล้ และได้พูดกับเขาว่า “บิดาของข้าพเจ้า ถ้าผู้เผยพระวจนะจะสั่งให้ท่านทำสิ่งยากอย่างหนึ่ง ท่านจะไม่ทำหรือ? ถ้าเช่นนั้นแล้วเมื่อผู้เผยพระวจนะสั่งท่านให้ทำสิ่งง่ายว่า ‘จงไปจุ่มตัวของท่าน และสะอาดเถิด”’ ท่านยิ่งควรจะทำสักเท่าไร?
|
|
\v 14 แล้วเขาจึงได้ลงไปและได้จุ่มตัวเจ็ดครั้งในแม่น้ำจอร์แดนเพราะเชื่อฟังตามถ้อยคำของคนของพระเจ้า เนื้อของเขาก็กลับคืนเป็นอย่างเนื้อของเด็กเล็ก และเขาก็หายโรค
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 15 นาอามานก็ได้กลับมาหาคนของพระเจ้า ทั้งตัวเขาและพรรคพวกของเขา และได้มายืนอยู่ต่อหน้าเอลีชา เขาได้กล่าวว่า “ดูสิ ข้าพเจ้ารู้แล้วว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใด ไม่ว่าที่ไหนในโลก นอกจากในอิสราเอล เพราะฉะนั้น บัดนี้ โปรดรับของกำนัลจากคนรับใช้ของท่านเถิด”
|
|
\v 16 แต่เอลีชาได้ตอบว่า “พระยาห์เวห์ซึ่งเราปรนนิบัติ ทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด เราจะไม่รับอะไรเลยฉันนั้น” นาอามานได้คะยั้นคะยอให้เอลีชารับของกำนัลไว้ แต่เขาได้ปฏิเสธ
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 17 ดังนั้น นาอามานจึงได้กล่าวว่า “หากท่านไม่รับ ก็โปรดให้คนรับใช้ของท่านเอาดินที่นี่กลับไปมากพอที่ล่อสองตัวจะบรรทุกได้เถิด เพราะตั้งแต่นี้ไป คนรับใช้ของท่านจะไม่ถวายเครื่องเผาบูชาหรือเครื่องสัตวบูชาแด่พระอื่น แต่จะถวายแด่พระยาห์เวห์เท่านั้น
|
|
\v 18 ในเรื่องนี้ ขอพระยาห์เวห์ทรงให้อภัยคนรับใช้ของพระองค์ คือเมื่อกษัตริย์นายของข้าพเจ้าได้เข้าไปในนิเวศของพระริมโมนเพื่อจะนมัสการที่นั่น พระองค์ได้ทรงพิงอยู่ที่มือของข้าพเจ้าทำให้ข้าพเจ้าต้องก้มตัวลงทำความเคารพในนิเวศของพระริมโมน เมื่อข้าพเจ้าก้มตัวลงทำความเคารพในนิเวศของพระริมโมนนั้น ขอพระยาห์เวห์ทรงให้อภัยคนรับใช้ของพระองค์ในเรื่องนี้เถิด”
|
|
\v 19 เอลีชาจึงได้ตอบเขาว่า “จงไปโดยสวัสดิภาพเถิด” ดังนั้นนาอามานจึงได้จากไป
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 20 เขาออกไปได้ไม่ไกลนัก เมื่อเกหะซีคนใช้ของเอลีชาคนของพระเจ้าคิดในใจว่า “ดูสิ นายของข้าไม่ยอมรับของจากมือของนาอามานคนอารัมที่เขานำมา พระยาห์เวห์ทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด ข้าจะวิ่งตามไปเอามาจากเขาบ้างฉันนั้น”
|
|
\v 21 ดังนั้น เกหะซีจึงได้ตามนาอามานไป เมื่อนาอามานได้เห็นคนวิ่งตามเขามา เขาก็ได้กระโดดลงจากรถม้าศึกต้อนรับเขาและได้พูดว่า “ทุกอย่างเรียบร้อยดีหรือ?”
|
|
\v 22 เกหะซีได้ตอบว่า “เรียบร้อยดี นายข้าได้ใช้ข้ามาบอกว่า ‘ดูเถิด บัดนี้ชายหนุ่มสองคนในกลุ่มผู้เผยพระวจนะจากแดนเทือกเขาเอฟราอิมมาหาเรา โปรดให้เงินพวกเขาสักหนึ่งตะลันต์ และเสื้อผ้าเพื่อเปลี่ยนสักสองชุด’”
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 23 นาอามานได้กล่าวว่า “ข้าพเจ้ายินดีที่จะให้สองตะลันต์” นาอามานก็ได้คะยั้นคะยอเกหะซี และเอาเงินสองตะลันต์ใส่ในถุงสองใบพร้อมกับเสื้อผ้าเพื่อเปลี่ยนสองตัว แล้วให้คนใช้สองคนแบกถุงเงินนำหน้าเกหะซีไป
|
|
\v 24 เมื่อเกหะซีได้มาถึงภูเขา เขาก็ได้รับถุงใส่เงินมาจากมือของพวกเขา และเขาได้ซ่อนถุงเงินต่างๆ เก็บไว้ในบ้าน เขาได้ส่งคนเหล่านั้นกลับ และพวกเขาได้จากไป
|
|
\v 25 เมื่อเกหะซีได้เข้าไปยืนอยู่ต่อหน้านายของเขา เอลีชาได้ถามเขาว่า “เจ้าไปไหนมาเกหะซี?” เขาได้ตอบว่า “คนรับใช้ของท่านไม่ได้ไปไหน”
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 26 เอลีชาได้กล่าวกับเกหะซีว่า “จิตใจของเราไม่ได้ไปกับเจ้าหรือ เมื่อชายคนนั้นเลี้ยวรถม้าศึกกลับมาพบเจ้า? นี่เป็นเวลาควรที่จะรับเงิน เสื้อผ้า สวนมะกอก และสวนองุ่น แกะ และโค และคนใช้ชายหญิงหรือ?
|
|
\v 27 ฉะนั้นโรคเรื้อนของนาอามานจะติดอยู่กับเจ้าและเชื้อสายของเจ้าตลอดไป” ดังนั้น เกหะซีก็ได้ไปจากหน้าเขา และเป็นโรคเรื้อนขาวอย่างหิมะ
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\c 6
|
|
\p
|
|
\v 1 บรรดาผู้เผยพระวจนะได้กล่าวกับเอลีชาว่า “สถานที่ที่พวกเราอยู่กับท่านนั้นก็เล็กเกินไปสำหรับเราทุกคน”
|
|
\v 2 ขอให้พวกเราไปที่แม่น้ำจอร์แดน ให้ทุกคนตัดไม้ท่อนหนึ่งมาและสร้างเป็นที่อาศัยที่นั่น” และเอลีชาได้ตอบว่า “เจ้าจงไปเถิด”
|
|
\v 3 คนหนึ่งในพวกเขาจึงกล่าวว่า “ขอท่านโปรดไปกับผู้รับใช้ของท่านด้วย” เอลีชาได้ตอบว่า “ข้าพเจ้าจะไป”
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 4 ดังนั้น ท่านก็ไปกับเขาทั้งหลาย และเมื่อพวกเขามาถึงแม่น้ำจอร์แดน พวกเขาก็ตัดต้นไม้
|
|
\v 5 แต่ขณะที่คนหนึ่งกำลังตัดต้นไม้อยู่ หัวขวานของเขาตกลงไปในน้ำ เขาจึงร้องขึ้นว่า “แย่แล้ว เจ้านาย ขวานนั้นข้าพเจ้าได้ยืมเขามา”
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 6 แล้วคนของพระเจ้าถามว่า “ขวานนั้นตกที่ไหน?” เมื่อคนนั้นชี้จุดที่ขวานตกให้เอลีชาแล้ว ท่านก็ตัดไม้อันหนึ่งทิ้งลงไปในน้ำ ทำให้ขวานเหล็กนั้นลอยขึ้นมา
|
|
\v 7 เอลีชาจึงบอกว่า “หยิบขึ้นมาซิ” เขาก็เอื้อมมือไปหยิบขึ้นมา
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 8 บัดนี้ กษัตริย์อารัมกำลังรบกับอิสราเอล พระองค์ได้ทรงปรึกษากับข้าราชบริพารของพระองค์ว่า “เราจะตั้งค่ายของเราที่นั่น”
|
|
\v 9 ดังนั้น คนของพระเจ้าจึงได้ส่งข่าวไปยังกษัตริย์อิสราเอลว่า “ขอพระองค์ทรงระวัง อย่าผ่านมาทางนั้น เพราะคนอารัมกำลังลงไปที่นั่น”
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 10 กษัตริย์อิสราเอลได้ทรงส่งข่าวไปยังสถานที่ซึ่งคนของพระเจ้าได้บอก และเคยเตือนพระองค์ไว้ เมื่อกษัตริย์เสด็จไปที่นั่นไม่ใช่เพียงครั้งสองครั้ง พระองค์ได้ทรงระวังตัว
|
|
\v 11 กษัตริย์แห่งอารัมก็กริ้วเพราะเรื่องคำเตือนนี้ พระองค์จึงได้ทรงเรียกข้าราชบริพารมา และได้ตรัสว่า “พวกท่านจะไม่บอกเราหรือว่า คนไหนในพวกเราที่อยู่ฝ่ายกษัตริย์อิสราเอล?”
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 12 ดังนั้น ข้าราชบริพารคนหนึ่งได้ทูลว่า “ไม่มีใครเลย ข้าแต่กษัตริย์เจ้านายของข้าพระองค์ เพราะเอลีชาผู้เผยพระวจนะในอิสราเอลบอกกษัตริย์อิสราเอลด้วยถ้อยคำซึ่งพระองค์ตรัสในห้องบรรทมของพระองค์”
|
|
\v 13 กษัตริย์จึงได้ตรัสว่า “จงไปดูที่เอลีชาอยู่ เพื่อเราจะใช้คนไปจับเขามา” มีบางคนได้ทูลพระองค์ว่า “ดูสิ เขาอยู่ในโดธาน”
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 14 ดังนั้น กษัตริย์จึงได้ทรงส่งม้า รถม้าศึกทั้งหลาย และกองทัพใหญ่ไปที่โดธาน พวกเขาได้ไปกันในเวลากลางคืน และได้ล้อมเมืองนั้นไว้
|
|
\v 15 เมื่อผู้รับใช้ของคนของพระเจ้าตื่นขึ้นในเวลาตอนเช้า และออกไปข้างนอก นี่แน่ะ กองทัพพร้อมกับม้าและรถม้าศึกได้ล้อมเมืองไว้ และคนใช้นั้นได้บอกท่านว่า “แย่แล้ว เจ้านาย เราจะทำอย่างไรดี?”
|
|
\v 16 เอลีชาได้ตอบว่า “อย่ากลัวเลย เพราะคนของเรามีมากกว่าคนของเขา”
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 17 เอลีชาก็ได้อธิษฐานว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงเปิดตาของเขาเพื่อเขาจะได้เห็น” และพระยาห์เวห์ได้ทรงเปิดตาของผู้รับใช้คนนั้น และเขาก็ได้มองเห็นภูเขาเต็มไปด้วยม้า และรถม้าศึกพร้อมไฟรอบ ๆ เอลีชา
|
|
\v 18 และเมื่อคนอารัมได้ลงมาหาท่าน เอลีชาก็ได้อธิษฐานต่อพระยาห์เวห์ว่า “พระองค์เจ้าข้า ขอทรงให้คนเหล่านี้ตาบอด” พระองค์จึงได้ทรงให้เขาทั้งหลายตาบอดไปตามที่เอลีชาได้ขอ
|
|
\v 19 แล้วเอลีชาได้บอกคนอารัมเหล่านั้นว่า “ไม่ใช่ทางนี้ และไม่ใช่เมืองนี้ จงตามข้ามา และข้าจะพาไปหาคนนั้นที่พวกท่านกำลังมองหาอยู่” และท่านก็ได้พาพวกเขาไปกรุงสะมาเรีย
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 20 ต่อมาเมื่อพวกเขาได้เข้าไปในกรุงสะมาเรีย เอลีชาได้ทูลว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงเปิดตาของคนเหล่านี้เพื่อเขาจะเห็นได้” พระยาห์เวห์จึงทรงเปิดตาของพวกเขาและเขาก็ได้เห็น และนี่แน่ะ พวกเขาได้มาอยู่กลางกรุงสะมาเรีย
|
|
\v 21 กษัตริย์แห่งอิสราเอลจึงได้ตรัสแก่เอลีชาเมื่อพระองค์ได้ทรงทอดพระเนตรพวกเขาว่า “พระบิดาของข้าพระองค์ เราควรฆ่าพวกมันดีไหม? เราควรฆ่าพวกมันเลยไหม?”
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 22 เอลีชาได้ทูลตอบว่า “ขอพระองค์อย่าทรงสังหารพวกเขาเลย คนพวกนี้ที่พระองค์จะทรงประหารนั้น พระองค์ทรงได้จับมาด้วยดาบและธนูก็หาไม่? ขอทรงจัดอาหารและน้ำให้เขารับประทานและดื่ม แล้วปล่อยให้พวกเขาไปหาเจ้านายของพวกเขาเถิด”
|
|
\v 23 ดังนั้น กษัตริย์จึงได้ทรงจัดอาหารมื้อใหญ่ให้พวกเขา และเมื่อพวกเขาได้กินและได้ดื่มแล้ว กษัตริย์ก็ได้ทรงปล่อยพวกเขาไป และพวกเขาทั้งหลายได้กลับไปหาเจ้านายของพวกเขา และพวกอารัมไม่ได้กลับมาในดินแดนอิสราเอลอีก
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 24 อีกภายหลัง เบนฮาดัดกษัตริย์แห่งอารัมได้ทรงจัดกองทัพทั้งหมดของพระองค์ แล้วได้ไปโจมตีและได้ปิดล้อมสะมาเรียไว้
|
|
\v 25 จึงได้เกิดมีการขาดแคลนอาหารอย่างหนักในสะมาเรีย ดูเถิดขณะเมื่อพวกเขาได้ล้อมเมืองไว้ แม้กระทั่งหัวลาตัวหนึ่งยังมีราคาสูงเป็นเงินหนักถึงแปดสิบเชเขล และเมล็ดถั่วป่าขนาดจุดสี่กับมีราคาขายถึงห้าเชเขล
|
|
\v 26 ขณะที่กษัตริย์แห่งอิสราเอลได้เสด็จผ่านใกล้กำแพงเมือง มีผู้หญิงคนหนึ่งได้ร้องทูลพระองค์ว่า “ข้าแต่กษัตริย์ เจ้านายของหม่อมฉัน ขอทรงช่วยด้วยเถิด”
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 27 พระองค์ได้ตรัสว่า “หากพระยาห์เวห์ไม่ทรงช่วยเจ้า เราจะเอาความช่วยเหลือจากที่ไหนมาให้เจ้า? จากลานนวดข้าวหรือ จากบ่อย่ำองุ่นหรือ?”
|
|
\v 28 กษัตริย์จึงได้ตรัสถามนางต่อว่า “เจ้ามีเรื่องอะไร?” นางได้ทูลตอบว่า “หญิงคนนี้บอกหม่อมฉันว่า ‘เอาบุตรชายของเจ้ามาให้พวกเรากินวันนี้เถิด และพวกเราจะกินบุตรชายของฉันวันพรุ่งนี้’”
|
|
\v 29 ดังนั้น พวกเราจึงได้ต้มบุตรชายของหม่อมฉันและได้กินเขา และรุ่งขึ้นหม่อมฉันก็ได้พูดกับนางว่า “เอาบุตรชายของเจ้ามา เพื่อพวกเราจะกินกัน แต่นางก็ได้ซ่อนบุตรชายของนางเสีย”
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 30 เมื่อกษัตริย์ทรงได้ยินถ้อยคำของหญิงนั้น พระองค์ก็ได้ฉีกฉลองพระองค์ (ขณะที่พระองค์ได้เสด็จผ่านใกล้กำแพง) และประชาชนก็ได้มองเห็นพระองค์ทรงฉลองพระองค์ผ้ากระสอบอยู่แนบเนื้อ
|
|
\v 31 แล้วพระองค์ได้ตรัสว่า “ถ้าศีรษะของเอลีชาบุตรชาฟัทยังอยู่บนบ่าของเขาในวันนี้ ก็ขอพระเจ้าทรงลงโทษเราและยิ่งหนักกว่า”
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 32 แต่เอลีชานั่งอยู่ในบ้านของเขา และพวกผู้อาวุโสก็นั่งอยู่ด้วย กษัตริย์ทรงใช้คนหนึ่งมาหาเขา แต่ก่อนที่ผู้สื่อสารจะมาถึงเอลีชา เขาก็ได้พูดกับพวกผู้อาวุโสว่า “ท่านทั้งหลายได้เห็นหรือไม่ว่า ฆาตกรคนนี้ได้ส่งคนมาตัดศีรษะของเรา ดูสิ เมื่อผู้สื่อสารมา จงปิดประตู และยึดประตูให้แน่น ป้องกันเขาไว้ นั่นไม่ใช่เสียงฝีเท้าของเจ้านายของเขาที่ตามมาหรือ?”
|
|
\v 33 ขณะที่ท่านกำลังพูดกับพวกเขาทั้งหลายอยู่ ดูเถิด ผู้สื่อสารได้มาหาท่าน กษัตริย์ได้ตรัสว่า “จงดูเถิด ความเดือดร้อนนี้มาจากพระยาห์เวห์ ทำไมเรารอคอยพระยาห์เวห์อยู่อีก?”
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\c 7
|
|
\p
|
|
\v 1 เอลีชาได้ทูลว่า “ขอทรงฟังพระวจนะของพระยาห์เวห์ นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ตรัส ‘พรุ่งนี้ประมาณเวลานี้ แป้งอย่างดีถังหนึ่งเขาจะขายกันหนึ่งเชเขล และข้าวบาร์เลย์สองถังหนึ่งเชเขลที่ประตูเมืองสะมาเรีย’”
|
|
\v 2 แล้วผู้บังคับการทหารคนที่กษัตริย์ได้ทรงยืนพิงมือเขาอยู่ได้ตอบคนของพระเจ้า และได้พูดว่า “ดูเถิด ถ้าแม้พระยาห์เวห์ได้ทรงสร้างหน้าต่างในท้องฟ้าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้หรือ?” เอลีชาได้บอกว่า “ดูเถิด ท่านจะเฝ้าดูสิ่งที่จะเกิดขึ้นด้วยตาของท่านเอง แต่ท่านจะไม่ได้กินอะไรเลย”
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 3 บัดนี้ มีคนป่วยเป็นโรคเรื้อนสี่คนอยู่ที่ทางเข้าด้านนอกประตูเมือง พวกเขาได้พูดกันว่า “พวกเราจะนั่งที่นี่จนตายทำไมเล่า?
|
|
\v 4 ถ้าพวกเราพูดว่า ให้พวกเราเข้าไปในเมือง การขาดแคลนอาหารก็อยู่ในเมืองนั้น และพวกเราก็จะตายที่นั่น แต่ถ้าพวกเรายังนั่งอยู่ที่นี่พวกเราก็จะตายเหมือนกัน ฉะนั้นจงมาเถิด ให้พวกเราไปยังค่ายของคนอารัม ถ้าพวกเขาไว้ชีวิตของพวกเรา พวกเราก็จะรอดตาย และถ้าพวกเขาฆ่าพวกเรา พวกเราก็จะแค่ตายเท่านั้นเอง”
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 5 ดังนั้น พวกเขาจึงได้ลุกขึ้นในเวลาพลบค่ำ เพื่อจะไปยังค่ายของคนอารัม เมื่อพวกเขาได้มาถึงด้านนอกค่ายของคนอารัม ไม่มีใครที่นั่นสักคน
|
|
\v 6 เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงทำให้กองทัพของคนอารัมได้ยินเสียงของรถม้าศึก เสียงของม้า และเสียงของกองทัพใหญ่อื่นๆ อีก และพวกเขาจึงได้พูดกันว่า “ดูสิ กษัตริย์อิสราเอลได้จ้างบรรดากษัตริย์ของคนฮิตไทต์ และบรรดากษัตริย์ของคนอียิปต์ให้มาสู้กับพวกเรา”
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 7 ดังนั้น พวกทหารจึงได้ลุกขึ้นและได้หนีไปในเวลาพลบค่ำ และได้ทิ้งบรรดาเต็นท์ ม้า และลาของพวกเขา และได้ทิ้งค่ายไว้อย่างนั้นเอง และหนีเพื่อเอาชีวิตรอด
|
|
\v 8 เมื่อคนโรคเรื้อนเหล่านี้ได้มาถึงด้านนอกสุดของค่าย พวกเขาก็ได้เข้าไปในเต็นท์หนึ่ง กินและดื่ม และขนเงิน ทองคำ และเสื้อผ้าจากที่นั่นเอาไปซ่อนไว้ พวกเขาก็ได้กลับมาและได้เข้าไปในอีกเต็นท์หนึ่ง ขนเอาข้าวของออกไปจากที่นั่น เอาไปซ่อนไว้ด้วย
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 9 แล้วพวกเขาได้พูดกันว่า “พวกเราทำไม่ถูกเสียแล้ว วันนี้เป็นวันข่าวดี ถ้าพวกเรานิ่งอยู่ และคอยจนแสงอรุณขึ้น โทษจะตกอยู่กับพวกเรา บัดนี้แล้ว มาเถิด ให้พวกเราไปบอกสำนักพระราชวัง”
|
|
\v 10 ดังนั้น พวกเขาจึงได้ไป และเรียกคนเฝ้าประตูเมือง และได้บอกแก่เขาทั้งหลาย “พวกเราได้ไปยังค่ายของคนอารัม แต่ไม่มีใครเลยที่นั่นและไม่มีเสียงใครเลย มีแต่ม้าถูกผูกไว้ และลาถูกผูกไว้ และเต็นท์ทั้งหลายก็ได้ตั้งอยู่อย่างนั้นเอง”
|
|
\v 11 แล้วบรรดาคนเฝ้าประตูก็ได้ตะโกนแจ้งข่าวและได้บอกไปถึงสำนักพระราชวัง
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 12 แล้วกษัตริย์ได้ทรงตื่นบรรทมตอนกลางคืน และได้ตรัสกับพวกข้าราชบริพารของพระองค์ว่า “เราจะแจ้งพวกเจ้าเดี๋ยวนี้ ถึงสิ่งที่คนอารัมได้ทำกับเรา เขาทั้งหลายรู้ว่าเราหิว พวกเขาจึงได้ออกนอกค่ายไปซ่อนตัวที่กลางทุ่ง พวกเขาพูดกันว่า ‘เมื่ออิสราเอลออกจากเมือง เราจะจับเป็นพวกเขา แล้วจะเข้าไปในเมือง’”
|
|
\v 13 ข้าราชบริพารคนหนึ่งของกษัตริย์ได้ตอบและทูลว่า “ขอรับสั่งให้บางคนเอาม้าห้าตัว ที่เหลืออยู่ในเมืองไป พวกเขาเป็นเหมือนที่คนอิสราเอลที่เหลืออยู่ในเมือง หรือจะเป็นอย่างคนอิสราเอลที่ส่วนมากได้ตายไปแล้ว ให้เราส่งพวกเขาออกไปและดู”
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 14 ดังนั้นพวกเขาจึงได้เอารถม้าศึกสองคันกับม้า และกษัตริย์ได้ทรงส่งพวกเขาให้ไปติดตามกองทัพของคนอารัม ตรัสว่า “จงไปและดู”
|
|
\v 15 เขาทั้งหลายจึงได้ติดตามไปจนถึงแม่น้ำจอร์แดน และตลอดทางมีเสื้อผ้าและเครื่องใช้ซึ่งคนอารัมได้ทิ้งเพราะความรีบเร่งของพวกเขา ดังนั้นผู้สื่อสารก็ได้กลับมาและได้ทูลกษัตริย์
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 16 ประชาชนก็ได้ออกไปและริบข้าวของค่ายของคนอารัม ฉะนั้นแป้งอย่างดีจึงได้ขายกันถังละเชเขล และข้าวบาร์เลย์สองถังขายหนึ่งเชเขล ตามพระวจนะของพระยาห์เวห์ที่ได้ตรัสไว้
|
|
\v 17 กษัตริย์ได้ทรงสั่งผู้บังคับการทหารคนที่กษัตริย์ได้ทรงยืนพิงมือให้ไปเฝ้าดูแลประตูเมือง และประชาชนก็ได้เหยียบไปบนเขาตรงประตู เขาจึงได้สิ้นชีวิตตามที่คนของพระเจ้าได้กล่าวไว้ เมื่อกษัตริย์ได้เสด็จลงมาหาเขา
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 18 ดังนั้น สิ่งนี้ก็ได้เกิดขึ้นตามที่คนของพระเจ้าได้ทูลกษัตริย์ กล่าวว่า “ประมาณเวลานี้ที่ประตูเมืองสะมาเรีย ข้าวบาร์เลย์สองถังจะขายหนึ่งเชเขล และแป้งอย่างดีหนึ่งถังขายหนึ่งเชเขล”
|
|
\v 19 ว่าผู้บังคับการทหารก็ได้ตอบคนของพระเจ้าและได้พูดว่า “ดูเถิด ถ้าแม้พระยาห์เวห์ได้ทรงสร้างหน้าต่างในท้องฟ้าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้หรือ?” และเอลีชาได้ตอบว่า “ดูเถอะ ท่านจะมองดูมันเกิดขึ้นด้วยตาของท่านเอง แต่จะไม่ได้กินอะไรเลย”
|
|
\v 20 สิ่งนี้ก็ได้เกิดขึ้นจริงกับตัวเขา เพราะประชาชนได้เหยียบเขาที่ประตูเมือง และเขาได้เสียชีวิต
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\c 8
|
|
\p
|
|
\v 1 บัดนี้ เอลีชาได้บอกหญิงคนที่เขาได้ให้บุตรชายของนางกลับคืนชีวิต เขาได้พูดกับนางว่า “จงลุกขึ้นและไปกับครอบครัว และอยู่ในดินแดนอื่นที่เจ้าจะอยู่ได้ เพราะพระยาห์เวห์ได้ทรงบันดาลให้เกิดการขาดแคลนอาหาร และแผ่นดินนี้จะขาดแคลนอาหารอยู่เจ็ดปี”
|
|
\v 2 ดังนั้น หญิงคนนั้นก็ได้ลุกขึ้นและนางได้เชื่อฟังถ้อยคำของคนของพระเจ้า นางได้เดินทางไปกับครอบครัวและอาศัยอยู่ในดินแดนฟีลิสเตียเจ็ดปี
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 3 สิ่งนี้ได้เกิดขึ้น เมื่อสิ้นปีที่เจ็ดแล้ว หญิงคนนั้นก็ได้กลับมาจากดินแดนฟีลิสเตีย และนางได้ไปร้องทูลต่อกษัตริย์เพื่อขอบ้านและที่ดินของนางคืน
|
|
\v 4 บัดนี้ กษัตริย์ได้ทรงกำลังกล่าวกับเกหะซีคนรับใช้ของคนของพระเจ้าว่า “จงบอกเราถึงสิ่งยิ่งใหญ่ทุกอย่างที่เอลีชาได้ทำเถิด”
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 5 แล้วเมื่อเขากำลังทูลกษัตริย์เรื่องที่เอลีชาได้ชุบชีวิตเด็กที่ตายแล้ว ผู้หญิงคนที่ท่านได้ชุบชีวิตบุตรชายของนางได้มาได้มาร้องทูลต่อกษัตริย์ เพื่อขอบ้านและที่ดินของนางคืน เกหะซีได้ทูลว่า “ข้าแต่กษัตริย์เจ้านายของข้าพระองค์ นี่เป็นหญิงคนนั้นจริงๆ และนี่เป็นบุตรชายของนางที่เอลีชาได้ชุบชีวิต”
|
|
\v 6 เมื่อกษัตริย์ได้ตรัสถามผู้หญิงนั้นเกี่ยวกับบุตรชายของนาง นางก็ได้ทูลพระองค์ ดังนั้นกษัตริย์จึงได้ทรงตั้งข้าราชบริพารคนหนึ่งให้ช่วยนาง และรับสั่งว่า “จงจัดการคืนทุกอย่างที่เป็นของนาง พร้อมทั้งพืชผลทั้งหมดของนางนั้น ตั้งแต่วันที่นางได้ออกจากแผ่นดินมาจนถึงเวลานี้”
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 7 เอลีชาได้มายังดามัสกัส ที่ซึ่งเบนฮาดัดกษัตริย์อารัมได้ทรงประชวรอยู่ และมีคนทูลกษัตริย์ว่า “คนของพระเจ้าได้มาที่นี่”
|
|
\v 8 กษัตริย์ตรัสกับฮาซาเอลว่า “จงนำของกำนัลไปพบคนของพระเจ้า และให้ทูลถามพระยาห์เวห์โดยผ่านเขา ถามว่า ‘เราจะหายจากการป่วยไหม?’”
|
|
\v 9 ดังนั้นฮาซาเอลจึงไปพบเขา และได้นำของกำนัลติดมือไปด้วย คือของดีทุกอย่างจากดามัสกัส ซี่งได้บรรทุกโดยอูฐสี่สิบตัว ดังนั้นฮาซาเซลได้มา ได้ยืนอยู่ต่อหน้าเอลีชา และกล่าวว่า “บุตรชายของท่าน เบนฮาดัดกษัตริย์อารัมได้ทรงใช้ข้าพเจ้ามาหาท่านเพื่อถามว่า ‘เราจะหายจากการป่วยไหม?’”
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 10 เอลีชาได้ตอบเขาว่า “จงไปทูลเบนฮาดัดว่า ‘พระองค์จะหายจากพระอาการประชวรแน่’ แต่พระยาห์เวห์ได้ทรงสำแดงแก่ข้าพเจ้าว่า พระองค์จะสวรรคตแน่”
|
|
\v 11 แล้วเอลีชาจึงได้เพ่งดูฮาซาเอลจนเขาละอาย และคนของพระเจ้าก็ร้องไห้
|
|
\v 12 ฮาซาเอลได้ถามว่า “ทำไมเจ้านายของข้าพเจ้าจึงร้องไห้?” เขาจึงตอบว่า “เพราะข้าพเจ้าทราบถึงเหตุร้ายที่ท่านจะทำต่อคนอิสราเอล ท่านจะเอาไฟเผาป้อมปราการของเขา จะฆ่าคนหนุ่มด้วยดาบ จับเด็กเล็กฟาดจนแหลก และผ่าท้องหญิงมีครรภ์เสีย”
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 13 ฮาซาเอลได้ตอบว่า “คนรับใช้ของท่านเป็นใครเล่าที่จะทำสิ่งใหญ่นี้? เขาเป็นเพียงสุนัข” เอลีชาได้ตอบว่า “พระยาห์เวห์ทรงสำแดงแก่ข้าพเจ้าว่า ท่านจะเป็นกษัตริย์ที่ทรงครอบครองอารัม”
|
|
\v 14 จากนั้น ฮาซาเอลก็ไปจากเอลีชาและมายังเจ้านายของเขา ผู้ซึ่งถามเขาว่า “เอลีชาพูดอย่างไรกับเจ้าบ้าง?” และเขาทูลตอบว่า “ท่านได้บอกว่าพระองค์จะทรงหายจากพระอาการประชวรแน่”
|
|
\v 15 แล้วในวันรุ่งขึ้น ฮาซาเอลจึงได้เอาผ้าห่มจุ่มน้ำคลุมพระพักตร์ของเบนฮาดัดจนกระทั่งพระองค์เสด็จสวรรคต แล้วฮาซาเอลก็ได้ขึ้นครองราชย์แทน
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 16 ในปีที่ห้าของรัชกาลโยรัม โอรสของอาหับกษัตริย์อิสราเอล เยโฮรัมได้ทรงขึ้นครองราชย์ พระองค์เป็นโอรสของเยโฮชาฟัทกษัตริย์ยูดาห์ พระองค์ได้ทรงปกครองเมื่อเยโฮชาฟัทเป็นกษัตริย์ยูดาห์
|
|
\v 17 เยโฮรัมมีพระชนมายุสามสิบสองพรรษาเมื่อได้เริ่มปกครองและพระองค์ได้ทรงปกครองในกรุงเยรูซาเล็มแปดปี
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 18 เยโฮรัมได้ทรงดำเนินตามทางของบรรดากษัตริย์อิสราเอล ตามอย่างราชวงศ์อาหับได้ทำ เพราะว่าธิดาของอาหับเป็นมเหสีของพระองค์ และพระองค์ได้ทรงกระทำสิ่งชั่วร้ายในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์
|
|
\v 19 อย่างไรก็ดี เพราะได้ทรงเห็นแก่ดาวิดผู้รับใช้ของพระองค์ พระยาห์เวห์ไม่ได้ทรงมีพระประสงค์ที่จะทำลายยูดาห์ เหตุที่พระองค์ได้ตรัสแก่เขาว่า จะทรงประทานเชื้อสายให้แก่พระองค์ตลอดไป
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 20 ในรัชกาลของเยโฮรัม เอโดมได้กบฏ ไม่ยอมอยู่ใต้อุ้งมือของยูดาห์ และพวกเขาได้ตั้งกษัตริย์ขึ้นเหนือพวกเขาเอง
|
|
\v 21 แล้วเยโฮรัมจึงได้ทรงเสด็จข้ามไปยังเมืองศาอีร์พร้อมกับรถม้าศึกทั้งสิ้นของพระองค์ สิ่งนี้ได้เกิดขึ้นเมื่อพระองค์ได้ลุกขึ้นในตอนกลางคืนและได้ทรงถูกโจมตีและถูกโอบล้อมจากพวกเอโดม ผู้ซึ่งได้มาล้อมพระองค์และบรรดาแม่ทัพรถม้าศึก แล้วกองทัพของเยโฮรัมก็หนีกลับบ้านเมืองของพวกเขาได้
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 22 ดังนั้นเอโดมจึงได้กบฏ ไม่ยอมอยู่ใต้การปกครองของยูดาห์จนถึงปัจจุบัน แล้วลิบนาห์ก็ได้กบฏในเวลาเดียวกัน
|
|
\v 23 ราชกิจต่างๆ ของเยโฮรัม และทุกอย่างที่พระองค์ได้ทรงกระทำ ได้ถูกบันทึกไว้ในหนังสือพงศาวดารกษัตริย์ยูดาห์แล้วมิใช่?
|
|
\v 24 เยโฮรัมจึงได้ทรงล่วงหลับไปและพักสงบอยู่กับบรรพบุรุษของพระองค์ และเขาฝังไว้กับบรรพบุรุษของพระองค์ในนครดาวิด แล้วอาหัสยาห์โอรสของพระองค์ได้ขึ้นครองราชย์แทน
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 25 ในปีที่สิบสองแห่งรัชกาลโยรัมโอรสของอาหับกษัตริย์แห่งอิสราเอล อาหัสยาห์โอรสของเยโฮรัมกษัตริย์แห่งยูดาห์ได้ทรงขึ้นครองราชย์
|
|
\v 26 เมื่ออาหัสยาห์ได้ทรงเป็นกษัตริย์นั้น พระองค์มีพระชนมายุยี่สิบสองพรรษา พระองค์ได้ทรงครองราชย์ในกรุงเยรูซาเล็มหนึ่งปี พระราชมารดาของพระองค์มีพระนามว่าอาธาลิยาห์ พระนางเป็นพระราชธิดาของอมรีกษัตริย์อิสราเอล
|
|
\v 27 อาหัสยาห์ได้ทรงดำเนินในทางของราชวงศ์อาหับด้วย พระองค์ได้ทรงทำสิ่งชั่วร้ายในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ ดังที่ราชวงศ์ของอาหับได้ทรงกระทำ เพราะเป็นบุตรเขยในราชวงศ์ของอาหับ
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 28 อาหัสยาห์ได้เสด็จไปกับโยรัมโอรสของอาหับ เพื่อทรงทำสงครามกับฮาซาเอลกษัตริย์อารัมที่ราโมทกิเลอาด คนอารัมได้ทำให้โยรัมบาดเจ็บ
|
|
\v 29 กษัตริย์โยรัมได้ทรงกลับมารักษาการบาดเจ็บที่ยิสเรเอล ที่เกิดจากที่คนอารัมได้ทำแก่พระองค์ที่รามาห์ เมื่อพระองค์ได้ทรงต่อสู้กับฮาซาเอลกษัตริย์อารัม ดังนั้นอาหัสยาห์โอรสของเยโฮรัมกษัตริย์ยูดาห์ ได้เสด็จลงไปหาโยรัมโอรสของอาหับในเมืองยิสเรเอล เพราะโยรัมทรงบาดเจ็บ
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\c 9
|
|
\p
|
|
\v 1 เอลีชาผู้เผยพระวจนะได้เรียกคนหนึ่งในพวกบุตรชายของผู้เผยพระวจนะ และได้พูดกับเขาว่า “จงสวมชุดเดินทาง แล้วถือน้ำมันขวดเล็กนี้ไว้ในมือของเจ้า และไปที่ราโมทกิเลอาด
|
|
\v 2 เมื่อเจ้าถึงที่นั่นแล้ว จงมองหาเยฮูบุตรชายของเยโฮชาฟัท บุตรชายของนิมชี และจงเข้าไปข้างใน ให้เขาลุกขึ้นจากหมู่พรรคพวกของเขา และนำเขาเข้าไปในห้องชั้นใน
|
|
\v 3 แล้วจงเอาน้ำมันในขวดไปและเทลงบนศีรษะของเขา และพูดว่า ‘พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า “เราเจิมตั้งเจ้าให้เป็นกษัตริย์เหนืออิสราเอล”’ แล้วจงเปิดประตูและวิ่งออกไป อย่ารอช้าอยู่”
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 4 ด้วยเหตุนี้ คนหนุ่มคนนั้น คือผู้เผยพระวจนะหนุ่ม จึงได้ไปยังราโมทกิเลอาด
|
|
\v 5 เมื่อเขามาถึง ดูเถิด บรรดาผู้บังคับบัญชาทหารกำลังนั่งอยู่ ดังนั้นผู้เผยพระวจนะหนุ่มได้พูดว่า “ท่านผู้บัญชาการ ข้าพเจ้านำข่าวมาถึงท่าน” เยฮูได้พูดว่า “มาถึงใครในพวกเรา?” ผู้เผยพระวจนะหนุ่มได้ตอบว่า “มาถึงท่าน ท่านผู้บัญชาการ”
|
|
\v 6 ดังนั้นเยฮูก็ได้ลุกขึ้นและได้เข้าไปในบ้าน และผู้เผยพระวจนะก็ได้เทน้ำมันลงบนศีรษะของเขาและได้พูดกับเยฮูว่า “พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า ‘เราได้เจิมตั้งเจ้าไว้เป็นกษัตริย์เหนือประชาชนของพระยาห์เวห์ คือเหนือคนอิสราเอล
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 7 เจ้าจงโค่นราชวงศ์ของอาหับนายของเจ้า เพื่อเราจะแก้แค้นให้เลือดของพวกผู้รับใช้ของเราคือบรรดาผู้เผยพระวจนะ และเลือดของพวกผู้รับใช้ทั้งสิ้นของพระยาห์เวห์ ผู้ซึ่งถูกฆ่าโดยมือของเยเซเบล
|
|
\v 8 เพราะว่าราชวงศ์อาหับทั้งหมดจะต้องพินาศ และเราจะกำจัดบุตรชายทุกคนเสียจากอาหับ ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นทาสหรือไท
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 9 เราจะทำให้ราชวงศ์ของอาหับเป็นเหมือนราชวงศ์ของเยโรโบอัมบุตรชายของเนบัท และเหมือนราชวงศ์ของบาอาชาบุตรชายของอาหิยาห์
|
|
\v 10 พวกสุนัขจะกินเยเซเบลในยิสเรเอล และจะไม่มีใครฝังศพนาง’” แล้วผู้เผยพระวจนะก็ได้เปิดประตูและวิ่งหนีไป
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 11 แล้วเมื่อเยฮูได้ออกมาพบพวกข้าราชบริพารของเจ้านายของเขา พวกเขาได้ถามเขาว่า “ทุกอย่างเรียบร้อยดีหรือ? ทำไมคนบ้าคนนี้จึงมาหาท่าน?” เยฮูได้พูดกับเขาทั้งหลายว่า “พวกท่านรู้จักชายคนนั้นและสิ่งที่เขาพูดแล้ว”
|
|
\v 12 แต่เขาทั้งหลายได้พูดว่า “นั่นไม่จริง จงบอกพวกเรามาเถิด” เยฮูได้ตอบว่า “เขาได้พูดอย่างนี้และอย่างนั้นกับข้าพเจ้า และเขายังได้พูดว่า ‘พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า เราเจิมตั้งเจ้าให้เป็นกษัตริย์เหนืออิสราเอล’”
|
|
\v 13 แล้วพวกเขาแต่ละคนก็ได้รีบเอาเครื่องแต่งกายที่สวมข้างนอกของเขาออกมาปูให้เยฮูเหยียบที่บันไดขั้นบนสุด พวกเขาได้เป่าเขาสัตว์ และพูดว่า “เยฮูเป็นกษัตริย์”
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 14 ด้วยวิธีนี้ เยฮูบุตรชายของเยโฮชาฟัท บุตรชายของนิมชีได้ร่วมกับคนอื่นคิดกบฏต่อโยรัม ตอนนี้โยรัมได้ทรงกำลังป้องกันเมืองราโมทกิเลอาด พระองค์กับอิสราเอลทั้งสิ้นไว้จากฮาซาเอลกษัตริย์อารัม
|
|
\v 15 แต่กษัตริย์โยรัมได้ทรงกลับไปที่ยิสเรเอลเพื่อรักษาบาดแผลที่คนอารัมทำร้ายพระองค์ เมื่อพระองค์ได้ทรงสู้รบกับฮาซาเอลกษัตริย์อารัม เยฮูจึงได้กล่าวกับพวกข้าราชบริพารของโยรัมว่า “ถ้านี่เป็นความประสงค์ของท่านทั้งหลาย ก็อย่าให้คนหนึ่งคนใดเล็ดลอดออกจากเมืองเพื่อไปบอกข่าวนี้ในยิสเรเอลได้”
|
|
\v 16 ดังนั้นเยฮูได้ขึ้นรถม้าศึกไปยังยิสเรเอล เพราะโยรัมทรงพักนอนที่นั่น ตอนนี้อาหัสยาห์กษัตริย์ยูดาห์ได้เสด็จลงมาเยี่ยมโยรัม
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 17 ทหารยามกำลังยืนอยู่บนหอคอยที่ยิสเรเอล และเขาได้มองเห็นพวกของเยฮูมา ขณะที่เขามาจากระยะไกล เขาได้พูดว่า “ข้าพเจ้าเห็นคนพวกหนึ่งกำลังมา” โยรัมตรัสว่า “จงใช้พลม้าคนหนึ่งไปและพบพวกเขาและให้ถามเขาว่า ‘ท่านมาอย่างสันติหรือ?’”
|
|
\v 18 ดังนั้นพระองค์จึงส่งชายคนหนึ่งขี่หลังม้าไปพบเขา เขาได้พูดว่า “กษัตริย์ตรัสดังนี้ว่า ‘มาอย่างสันติหรือ?’” ดังนั้นเยฮูได้ตอบว่า “ท่านเกี่ยวข้องอะไรกับสันติ? จงเลี้ยวกลับตามเรามา” แล้วทหารยามก็ได้รายงานต่อกษัตริย์ว่า “ผู้สื่อสารได้ไปพบพวกเขาแล้ว แต่เขาไม่ได้กลับมา”
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 19 แล้วพระองค์จึงทรงใช้ชายคนที่สองขี่ม้าออกไป ผู้ซึ่งได้มาถึงพวกเขา และได้พูดว่า “กษัตริย์ตรัสดังนี้ว่า ‘ท่านมาอย่างสันติหรือ?’” เยฮูได้ตอบว่า “ท่านเกี่ยวข้องอะไรกับสันติ? จงเลี้ยวกลับและตามเรามา”
|
|
\v 20 อีกครั้งหนึ่งทหารยามก็ได้รายงานว่า “เขาได้ไปพบคนเหล่านั้นแล้ว แต่ไม่กลับมา วิธีการขับรถม้านั้นก็เหมือนกับการขับรถม้าของเยฮูบุตรชายของนิมชี เพราะเขากำลังขับอย่างบ้าคลั่ง”
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 21 ดังนั้นโยรัมได้ตรัสว่า “จงเตรียมรถม้าศึกของเรา” พวกเขาก็ได้จัดรถม้าศึกของพระองค์ และโยรัมกษัตริย์แห่งอิสราเอล และอาหัสยาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์แต่ละพระองค์ก็ได้ทรงรถม้าศึกของตนเพื่อจะทรงพบกับเยฮู พระองค์ทั้งสองได้พบเขาที่ที่ดินของนาโบทชาวยิสเรเอล
|
|
\v 22 เมื่อโยรัมได้ทอดพระเนตรเยฮูแล้ว พระองค์จึงได้ตรัสว่า “เยฮู เจ้ามาอย่างสันติหรือ?” เยฮูได้ทูลตอบว่า “จะสันติได้อย่างไร เมื่อการนอกใจโดยการบูชารูปเคารพ และวิทยาคมของเยเซเบลมารดาของพระองค์ยังมีอยู่มากมายเช่นนี้?”
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 23 ดังนั้น โยรัมได้ทรงชักบังเหียนรถม้าศึกหันกลับและได้หนีไป และได้ตรัสกับอาหัสยาห์ว่า “อาหัสยาห์ มีกบฏ”
|
|
\v 24 แล้วเยฮูก็ได้โก่งธนูของเขาด้วยสุดกำลัง และได้ยิงถูกโยรัมระหว่างพระอังสาทั้งสอง ลูกธนูจึงได้แทงทะลุพระหทัย และพระองค์ก็ได้ทรงล้มลงในรถม้าศึกของพระองค์
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 25 ต่อมาเยฮูได้พูดกับบิดคาร์ ผู้บัญชาการทหารว่า “จงยกเขาขึ้น และโยนทิ้งลงไปในที่ดินแปลงของนาโบทชาวยิสเรเอล ขอให้คิดถึงเมื่อเรากับเจ้าได้ขี่ม้าเคียงกันมา ให้พระองค์ตามอาหับบิดาของพระองค์ไป พระยาห์เวห์ได้ทรงกล่าวโทษพระองค์ว่า
|
|
\v 26 ‘พระยาห์เวห์ตรัสว่า เมื่อวานนี้เราได้เห็นเลือดของนาโบทและเลือดของบุตรชายของเขา และเราจะได้ตอบสนองเจ้าบนที่ดินแปลงนี้แหละ พระยาห์เวห์ตรัสเวลานี้ว่า จงยกเขาขึ้นและโยนเขาทิ้งไว้บนที่ดินแปลงนี้ ตามพระวจนะของพระยาห์เวห์”
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 27 เมื่ออาหัสยาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์ได้ทอดพระเนตรเห็นดังนี้ พระองค์ได้ทรงหนีไปตามถนนไปทางเมืองเบธฮักกาน แต่เยฮูก็ได้ติดตามพระองค์ไป และได้พูดว่า “จงฆ่าเขาในรถม้าศึกด้วย” และเขาทั้งหลายได้ยิงพระองค์ตรงทางขึ้นไปตำบลกูร ซึ่งอยู่ใกล้อิบเลอัม และอาหัสยาห์ได้ทรงหนีไปถึงเมืองเมกิดโด และสวรรคตที่นั่น
|
|
\v 28 บรรดาข้าราชบริพารของพระองค์ก็ได้บรรทุกพระศพใส่รถม้าศึกไปยังกรุงเยรูซาเล็ม และได้ฝังพระองค์ไว้ในอุโมงค์ฝังศพกับบรรพบุรุษของพระองค์ในนครดาวิด
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 29 บัดนี้ในปีที่สิบเอ็ดแห่งรัชกาลโยรัมโอรสของอาหับ ที่อาหัสยาห์ได้ทรงครองราชย์เหนือยูดาห์
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 30 เมื่อเยฮูได้มาถึงเมืองยิสเรเอล เยเซเบลทรงทราบเรื่อง และนางก็ได้ทรงเขียนตาของนาง ได้แต่งพระเกศา และทอดพระเนตรออกไปทางหน้าต่าง
|
|
\v 31 เมื่อเยฮูได้ผ่านเข้าประตูเข้ามา พระนางจึงตรัสว่า “เจ้ามาอย่างสันติหรือ เจ้าฆ่านายของเจ้าอย่างเจ้าศิมรีหรือ?”
|
|
\v 32 เยฮูได้แหงนหน้าไปที่หน้าต่างและกล่าวว่า “ใครอยู่ฝ่ายเรา? ใครบ้าง?” แล้วก็มีขันทีสองสามคนชะโงกหน้าต่างออกมาดู
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 33 ดังนั้นเยฮูจึงกล่าวว่า “โยนนางลงมา” ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงโยนเยซาเบลลงมา และเลือดของนางก็กระเด็นติดผนังกำแพงกับพวกม้า และเยฮูก็ได้เหยียบย่ำไปบนร่างของนาง
|
|
\v 34 เมื่อเยฮูได้เข้าไปในพระราชวัง เขาได้กินและดื่ม แล้วได้พูดว่า “ บัดนี้จงดูหญิงที่ได้รับการแช่งสาปคนนี้เถิด จงเอานางไปฝังเสีย เพราะนางเป็นธิดาของกษัตริย์”
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 35 เมื่อพวกเขาได้ไปเพื่อจะฝังศพนาง แต่พวกเขาก็ไม่ได้พบอะไรมากไปกว่า กะโหลกศีรษะ เท้า และฝ่ามือของนาง
|
|
\v 36 ดังนั้นพวกเขาได้กลับมาและได้บอกเยฮู เขาได้กล่าวว่า “สิ่งนี้เป็นไปตามพระวจนะของพระยาห์เวห์ ซึ่งได้พระองค์ได้ตรัสทางเอลียาห์ชาวทิชบีผู้รับใช้ของพระองค์ว่า ‘ในยิสเรเอลสุนัขจะกินเนื้อของเยเซเบล
|
|
\v 37 และศพของเยเซเบลจะเป็นเหมือนมูลสัตว์บนที่ดินของแผ่นดินที่ยิสเรเอล เพื่อว่าจะไม่มีใครสามารถพูดได้ว่า “นี่คือ เยเซเบล’””
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\c 10
|
|
\p
|
|
\v 1 ตอนนี้อาหับได้ทรงมีโอรสเจ็ดสิบองค์ในสะมาเรีย เยฮูได้เขียนจดหมายส่งไปสะมาเรีย ถึงบรรดาผู้ปกครองเมืองยิสเรเอล รวมทั้งพวกผู้อาวุโส และบรรดาพี่เลี้ยงของโอรสของอาหับว่า
|
|
\v 2 “ในเมื่อบรรดาบุตรชายของนายของพวกท่านอยู่กับท่าน ท่านมีรถม้าศึกกับม้า และเมืองที่มีป้อม และอาวุธ ดังนั้นแล้วทันทีที่จดหมายนี้มาถึงท่าน
|
|
\v 3 จงคัดเลือกบุตรชายนายของท่าน คนที่ดีที่สุด และเหมาะสมที่สุด แล้วตั้งคนนั้นไว้บนบัลลังก์ของบิดาของเขา และจงสู้รบเพื่อราชวงศ์นายของพวกท่าน”
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 4 แต่พวกเขากลัวมาก และได้พูดว่า “ดูเถิด กษัตริย์สองพระองค์ยังทรงต้านทานเยฮูไม่ได้ แล้วพวกเราจะต้านทานได้อย่างไร?”
|
|
\v 5 แล้วผู้ดูแลพระราชวัง ผู้ดูแลเมือง พวกผู้อาวุโสและพวกพี่เลี้ยงเด็ก ได้ส่งสารกลับไปถึงเยฮูว่า “พวกเราเป็นผู้รับใช้ของท่าน พวกเราจะทำทุกอย่างที่ท่านสั่ง พวกเราจะไม่ตั้งผู้ใดเป็นกษัตริย์ ขอทำตามที่ดวงตาท่านเห็นว่าดีเถิด”
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 6 แล้วเยฮูได้เขียนจดหมายเป็นฉบับที่สองถึงพวกเขาว่า “ถ้าท่านทั้งหลายอยู่ฝ่ายเรา และถ้าท่านจะเชื่อฟังเรา ท่านต้องนำศีรษะของบรรดาบุตรชายนายของท่าน และมาหาเราที่ยิสเรเอลพรุ่งนี้เวลานี้” บัดนี้บรรดาบุตรชายเจ็ดสิบคนของกษัตริย์อยู่กับคนใหญ่คนโตในเมือง ผู้ได้ชุบเลี้ยงพวกเขามา
|
|
\v 7 ดังนั้นเมื่อจดหมายได้มาถึงพวกเขา พวกเขาก็ได้จับบุตรชายของกษัตริย์ทั้งเจ็ดสิบคนและได้สังหารเสีย แล้วได้เอาศีรษะใส่ตะกร้า และได้ส่งไปให้เยฮูที่ยิสเรเอล
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 8 ผู้สื่อสารได้มาบอกเยฮูว่า “พวกเขาได้นำศีรษะบุตรชายของกษัตริย์มาแล้ว” ดังนั้นเขาได้พูดว่า “จงกองบรรดาศีรษะไว้เป็นสองกองตรงทางเข้าประตูเมืองจนถึงตอนเช้า”
|
|
\v 9 พอตอนเช้า เยฮูได้ออกไปและยืน และได้พูดกับประชาชนทั้งปวงว่า “ท่านทั้งหลายเป็นผู้ไร้ความผิด ดูเถิด เราได้กบฏต่อนายของเราและประหารพระองค์เสีย แต่ใครเล่าที่ฆ่าคนเหล่านี้?
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 10 บัดนี้ท่านจงทราบแน่เถิดว่า พระวจนะของพระยาห์เวห์ไม่ว่าส่วนใดก็ตาม ซึ่งพระองค์ได้ตรัสเกี่ยวกับราชวงศ์ของอาหับจะไม่ตกดินแต่อย่างใดเลย เพราะพระยาห์เวห์ได้ทรงทำตามที่ตรัสผ่านทางเอลียาห์ผู้รับใช้ของพระองค์”
|
|
\v 11 ดังนั้นเยฮูได้ประหารทุกคนที่เหลืออยู่ในราชวงศ์ของอาหับในเมืองยิสเรเอล อีกทั้งคนใหญ่คนโตทุกคนของพระองค์ สหายสนิทของพระองค์ และปุโรหิตของพระองค์ จนพวกเขาไม่เหลือรอดชีวิตสักคนเดียวเลย
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 12 แล้วเยฮูได้ลุกขึ้นและได้ออกไป เขาได้ไปยังสะมาเรีย ในระหว่างทางที่เขาถึงที่เบธเอเขดหมู่บ้านของผู้เลี้ยงแกะ
|
|
\v 13 เขาได้พบญาติของอาหัสยาห์กษัตริย์ยูดาห์ เยฮูได้ถามว่า “พวกท่านเป็นใคร?” พวกเขาได้ตอบว่า “พวกเราเป็นญาติของอาหัสยาห์ และพวกเรากำลังจะไปเยี่ยมบรรดาบุตรชายของกษัตริย์และของพระราชินีเยเซเบล”
|
|
\v 14 เยฮูได้พูดกับพวกคนของเขาว่า “จับเป็นพวกเขา” ดังนั้น เขาทั้งหลายก็จับเป็นคนเหล่านั้น และสังหารพวกเขาทั้งสี่สิบสองคนที่บ่อเบธเอเขด เขาไม่ได้ไว้ชีวิตของพวกเขาสักคนเดียว
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 15 เมื่อเยฮูได้ออกจากที่นั่น เขาก็ได้พบเยโฮนาดับบุตรชายของเรคาบผู้ซึ่งกำลังมาหาเขา เยฮูได้ต้อนรับเขา และได้พูดกับเขาว่า “จิตใจของเจ้าซื่อตรงต่อจิตใจของเรา อย่างที่จิตใจของเราซื่อตรงต่อจิตใจของเจ้าหรือ?” เยโฮนาดับได้ตอบว่า “ซื่อตรงสิ” เยฮูได้พูดว่า “ถ้าซื่อตรงก็ยื่นมือของเจ้ามาให้เรา” เยโฮนาดับจึงยื่นมือของเขาให้เยฮู และเยฮูก็ดึงเยโฮนาดับขึ้นมาบนรถม้าศึก
|
|
\v 16 เยฮูได้พูดว่า “มากับเราเถิด และดูความกระตือรือร้นของเราเพื่อพระยาห์เวห์” ดังนั้นเขาจึงให้เยโฮนาดับนั่งรถม้าศึกไปกับเขา
|
|
\v 17 เมื่อเขาได้มาถึงสะมาเรีย เยฮูได้ประหารทุกคนในราชวงศ์ของอาหับที่เหลืออยู่ในสะมาเรียจนหมด เยฮูได้ทำลายเชื้อพระวงศ์ทุกคนในราชวงศ์ของอาหับ ตามพระวจนะของพระยาห์เวห์ซึ่งพระองค์ได้ตรัสกับเอลียาห์
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 18 แล้วเยฮูได้เรียกประชุมประชาชนทั้งหมด และได้พูดกับเขาทั้งหลายว่า “อาหับปรนนิบัติพระบาอัลเล็กน้อย แต่เยฮูจะปรนนิบัติพระองค์มากกว่า
|
|
\v 19 ดังนั้นในเวลานี้ จงเรียกผู้พยากรณ์ของพระบาอัลมาหาเราให้หมด ทั้งผู้นมัสการและนักบวชทั้งหมดของพระบาอัล อย่าให้ใครขาดไปเลย เพราะเราจะมีการถวายสัตวบูชาครั้งใหญ่แก่พระบาอัล ใครขาดก็จะไม่ให้มีชีวิตอยู่” แต่เยฮูได้ทำอย่างมีเลศนัยเพื่อจะทำลายพวกที่นมัสการพระบาอัล
|
|
\v 20 เยฮูได้พูดว่า “จงจัดประชุมเพื่อนมัสการพระบาอัล” ดังนั้นพวกเขาก็ป่าวร้องเรียกประชุมดังกล่าว
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 21 แล้วเยฮูได้ส่งข่าวไปทั่วอิสราเอล และพวกผู้นมัสการพระบาอัลก็มาทั้งหมด จึงไม่มีเหลือสักคนหนึ่งที่ไม่ได้มา เขาทั้งหลายก็เข้าไปในวิหารของพระบาอัล แล้ววิหารของพระบาอัลก็เต็มแน่นขนัดจากข้างหนึ่งถึงอีกข้างหนึ่ง
|
|
\v 22 เยฮูได้สั่งผู้ดูแลตู้เสื้อคลุมว่า “จงเอาเสื้อสำหรับผู้นมัสการพระบาอัลออกมา” เขาก็เอาเสื้อออกมาให้เขาทั้งหลาย
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 23 ดังนั้นเยฮูได้เข้าไปในวิหารของพระบาอัล พร้อมกับเยโฮนาดับบุตรเรคาบ เขาได้พูดกับผู้นมัสการพระบาอัลว่า “จงค้นดู ดูให้ดีว่าไม่มีผู้นมัสการพระยาห์เวห์อยู่กับพวกท่าน ให้มีแต่ผู้นมัสการพระบาอัลเท่านั้น”
|
|
\v 24 แล้วเขาทั้งหลายได้เข้าไปถวายเครื่องสัตวบูชาและเครื่องเผาบูชา เยฮูวางคนแปดสิบคนไว้ภายนอก และได้พูดว่า “ถ้าคนไหนปล่อยให้คนหนึ่งคนใดซึ่งเรามอบไว้ในมือพวกเจ้าหนีรอดไปได้ เขาต้องเสียชีวิตของเขาแทน”
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 25 ดังนั้นเมื่อเยฮูได้เสร็จการถวายเครื่องเผาบูชา เยฮูก็ได้สั่งทหารยามและพวกผู้บัญชาการว่า “จงเข้าไปฆ่าพวกเขาเสีย อย่าให้รอดสักคนเดียว” เมื่อฆ่าเขาทั้งหลายด้วยคมดาบแล้ว ทหารยามและพวกผู้บัญชาการก็โยนศพออกไปข้างนอก และก็เข้าไปที่ห้องข้างในของวิหารพระบาอัล
|
|
\v 26 พวกเขาได้นำเอาเสาศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหารของพระบาอัลออกมาเผาเสีย
|
|
\v 27 แล้วพวกเขาได้ทำลายเสาศักดิ์สิทธิ์ของพระบาอัล และได้ทำลายวิหารของพระบาอัล แล้วทำให้เป็นส้วมจนทุกวันนี้
|
|
\v 28 นี่คือวิธีที่เยฮูได้ทำลายผู้นมัสการพระบาอัลออกจากอิสราเอล
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 29 แต่เยฮูไม่ได้หันจากบาปของเยโรโบอัมบุตรชายของเนบัท ผู้ซึ่งเขาได้นำอิสราเอลให้ทำบาปด้วย นั่นคือ การนมัสการลูกวัวทองคำซึ่งอยู่ในเมืองเบธเอลและในเมืองดาน
|
|
\v 30 ดังนั้นพระยาห์เวห์ได้ตรัสกับเยฮูว่า “เพราะเจ้าได้ทำดีโดยทำสิ่งที่ชอบในสายตาของเรา และได้ทำต่อราชวงศ์อาหับตามทุกอย่างที่อยู่ในใจของเรา บุตรชายของเจ้าสี่ชั่วอายุคนจะได้นั่งบนบัลลังก์ของอิสราเอล”
|
|
\v 31 แต่เยฮูไม่ระมัดระวังที่จะดำเนินตามธรรมบัญญัติของพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลด้วยสุดใจของเขา เขาไม่ได้หันจากบาปของเยโรโบอัม ซึ่งเขาได้นำอิสราเอลให้ทำบาปด้วย
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 32 ในสมัยนั้น พระยาห์เวห์ทรงเริ่มตัดดินแดนของอิสราเอลออก และฮาซาเอลก็ได้รบชนะทั่วดินแดนอิสราเอล
|
|
\v 33 ตั้งแต่แม่น้ำจอร์แดนฟากตะวันออก ทั่วแผ่นดินกิเลอาด คนกาด คนรูเบน และคนมนัสเสห์ ตั้งแต่อาโรเออร์ ซึ่งอยู่ข้างหุบเขาของอารโนน ผ่านกิเลอาดไปจนถึงบาชาน
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 34 ในส่วนราชกิจต่างๆ ของเยฮู และทุกอย่างที่ได้ทรงกระทำ และอำนาจทั้งสิ้นของพระองค์ ได้ถูกบันทึกไว้ในหนังสือพงศาวดารกษัตริย์อิสราเอลแล้วมิใช่?
|
|
\v 35 เยฮูจึงได้เสด็จสวรรคตไปอยู่กับบรรพบุรุษ และพวกเขาก็ฝังพระองค์ไว้ในกรุงสะมาเรีย และเยโฮอาหาสบุตรชายของพระองค์ก็ทรงเป็นกษัตริย์แทน
|
|
\v 36 เวลาที่เยฮูได้ทรงปกครองอิสราเอลในสะมาเรียนั้นคือยี่สิบแปดปี
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\c 11
|
|
\p
|
|
\v 1 บัดนี้เมื่ออาธาลิยาห์ มารดาของอาหัสยาห์ ได้เห็นว่าบุตรชายของนางได้เสียชีวิตแล้ว นางก็ได้ลุกขึ้นและสังหารเชื้อพระวงศ์ทั้งสิ้น
|
|
\v 2 แต่เยโฮเชบาธิดาของกษัตริย์เยโฮรัมและน้องสาวของอาหัสยาห์ ได้แอบนำโยอาบุตรชายของอาหัสยาห์มาและได้ซ่อนเขาไว้จากท่ามกลางบรรดาลูกชายของกษัตริย์ ซึ่งต้องถูกประหาร รวมทั้งพี่เลี้ยงของเขา นางได้วางเขาไว้ในห้องนอน พวกเขาได้ซ่อนเขาเสียจากอาธาลิยาห์ เพื่อที่ว่าเขาจะไม่ถูกประหารชีวิต
|
|
\v 3 เขาได้อยู่กับเยโฮเชบาหกปี ผู้ซึ่งซ่อนเขาไว้ในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ ในขณะที่อาธาลิยาห์ได้ทรงปกครองเหนือแผ่นดิน
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 4 แต่ในปีที่เจ็ด เยโฮยาดาได้ส่งสารและได้นำไปมอบให้บรรดาผู้บัญชาการของพวกคารี และของพวกทหารยามให้มาหาเขาในพระวิหารของพระยาห์เวห์ เยโฮยาดาได้ทำพันธสัญญากับเขาทั้งหลาย และให้พวกเขาสาบานในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ แล้วเขาก็ได้นำบุตรชายของกษัตริย์มาให้พวกเขาเห็น
|
|
\v 5 เขาได้สั่งคนเหล่านั้นว่า “สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เจ้าทั้งหลายต้องทำคือ กลุ่มหนึ่งในสามกลุ่มของเจ้าผู้ซึ่งเข้าเวรวันสะบาโตจะต้องเฝ้าดูวังของกษัตริย์
|
|
\v 6 อีกกลุ่มหนึ่งในสามกลุ่มจะต้องอยู่ที่ประตูสูร และกลุ่มหนึ่งในสามกลุ่มให้ประจำอยู่ที่ประตูข้างหลังป้อมยาม
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 7 ส่วนอีกสองกลุ่มซึ่งไม่ได้อยู่เวรในวันสะบาโต พวกเจ้าต้องเฝ้าระวังพระนิเวศของพระยาห์เวห์สำหรับกษัตริย์
|
|
\v 8 พวกเจ้าต้องล้อมกษัตริย์ไว้ ผู้ชายทุกคนพร้อมบรรดาอาวุธในมือของพวกเขา ผู้ใดก็ตามที่ได้เข้าไปใกล้ในแถวจะต้องถูกสังหาร เจ้าต้องอยู่กับกษัตริย์เมื่อพระองค์เสด็จออกและเมื่อพระองค์เสด็จเข้า”
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 9 ดังนั้นบรรดาผู้บัญชาการก็ได้เชื่อฟังทุกสิ่งตามที่เยโฮยาดาปุโรหิตได้สั่งไว้ แต่ละคนต่างก็นำคนของตน ผู้ซึ่งจะเข้าเวรวันสะบาโต พร้อมกับผู้ที่จะออกเวรวันสะบาโตนั้น และพวกเขาได้มาหาเยโฮยาดาปุโรหิต
|
|
\v 10 แล้วเยโฮยาดาปุโรหิตก็ได้มอบหอกและโล่ซึ่งเป็นของกษัตริย์ดาวิดที่อยู่ในพระนิเวศของพระยาห์เวห์แก่บรรดาผู้บัญชาการ
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 11 ดังนั้นพวกทหารยามแต่ละคนได้ยืนพร้อมบรรดาอาวุธในมือของพวกเขา จากด้านขวาของไปถึงด้านซ้ายของพระวิหาร ใกล้แท่นบูชาและพระวิหารล้อมรอบกษัตริย์
|
|
\v 12 แล้วเยโฮยาดาก็ได้นำบุตรชายของกษัตริย์คือโยอาชออกมา ได้สวมมงกุฎให้เขา และได้มอบกฎเกณฑ์แห่งพันธสัญญาให้เขา แล้วเขาทั้งหลายได้ตั้งและเจิมเขาให้เป็นกษัตริย์ แล้วเขาทั้งหลายจึงตบมือ และได้บอกว่า “ขอให้กษัตริย์ทรงพระเจริญ”
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 13 เมื่ออาธาลิยาห์ได้ยินเสียงทหารยามและเสียงประชาชน นางก็ได้เข้าไปหาประชาชนในพระนิเวศของพระยาห์เวห์
|
|
\v 14 นางได้มอง และดูเถิด กษัตริย์ได้ทรงยืนอยู่ข้างเสา ตามธรรมเนียมที่เคยปฏิบัติ และมีบรรดาผู้บัญชาการและคนเป่าแตรได้อยู่ข้างกษัตริย์ ประชาชนทั้งสิ้นในแผ่นดินก็ได้ยินดีและเป่าแตร แล้วอาธาลิยาห์ก็ได้ฉีกเสื้อผ้าของนางและได้ตะโกนว่า “กบฏ กบฏ”
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 15 แล้วเยโฮยาดาปุโรหิตก็ได้สั่งพวกผู้บัญชาการที่ได้รับการตั้งให้ควบคุมกองทัพว่า “จงนำตัวนางออกมาระหว่างแถวทหาร ใครก็ตามที่ติดตามนางไปก็จงประหารเขาเสียด้วยดาบ” เพราะปุโรหิตได้กล่าวว่า “อย่าประหารนางในพระนิเวศของพระยาห์เวห์”
|
|
\v 16 ดังนั้นเขาทั้งหลายจึงได้จับนาง ขณะที่นางได้ไปถึงทางที่ม้าเข้าลานพระราชวัง และนางได้ถูกสังหารที่นั่น
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 17 แล้วเยโฮยาดาได้ทำพันธสัญญาระหว่างพระยาห์เวห์กับกษัตริย์และประชาชน ว่าพวกเขาควรจะเป็นประชาชนของพระยาห์เวห์ และยังทำพันธสัญญาระหว่างกษัตริย์กับประชาชนด้วย
|
|
\v 18 ดังนั้นประชาชนหมดทั้งแผ่นดินก็ได้เข้าไปในศาลาของพระบาอัล และพังศาลาลง พวกเขาได้ทำลายบรรดาแท่นบูชาและรูปเคารพของพระบาอัลแตกเป็นชิ้นๆ และพวกเขาได้ประหารมัทตาน นักบวชของพระบาอัลเสียที่หน้าแท่นบูชา แล้วเยโฮยาดาปุโรหิตได้แต่งตั้งพวกยามไว้เฝ้าพระนิเวศของพระยาห์เวห์
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 19 เยโฮยาดาได้พาพวกผู้บัญชาการ พวกคารี พวกทหารยาม และประชาชนทั้งสิ้นแห่งแผ่นดินไปกับเขา และเขาทั้งหลายได้เชิญกษัตริย์เสด็จลงมาจากพระนิเวศของพระยาห์เวห์ร่วมกัน และพวกเขาได้เข้าไปในวังของกษัตริย์ที่ทางประตูทหารยาม โยอาชก็ได้ประทับบนบัลลังก์ของกษัตริย์
|
|
\v 20 ดังนั้นประชาชนทั้งสิ้นแห่งแผ่นดินก็ได้เปรมปรีดิ์ และบ้านเมืองก็สงบหลังจากได้ประหารอาธาลิยาห์ด้วยดาบแล้วที่วังของกษัตริย์
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 21 โยอาชมีพระชนมายุเจ็ดพรรษา เมื่อพระองค์ได้ทรงครองราชย์
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\c 12
|
|
\p
|
|
\v 1 ในปีที่เจ็ดแห่งรัชกาลเยฮู โยอาชได้ทรงครองราชย์ พระองค์ได้ทรงครองราชย์สี่สิบปีในกรุงเยรูซาเล็ม มารดาของพระองค์คือ ศิบียาห์ชาวเบเออร์เชบา
|
|
\v 2 โยอาชได้ทรงทำสิ่งที่ชอบธรรมในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ตลอดรัชกาล เพราะเยโฮยาดาปุโรหิตได้แนะนำพระองค์
|
|
\v 3 แต่สถานสูงต่าง ๆ ยังไม่ได้รื้อลง ประชาชนยังคงถวายสัตวบูชาและเผาเครื่องหอมในสถานสูงเหล่านั้น
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 4 โยอาชได้ตรัสกับพวกปุโรหิตว่า “เงินทั้งสิ้นอันเป็นของถวายที่บริสุทธิ์ ซึ่งได้นำเข้ามาในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ ได้แก่เงินที่เรียกจากแต่ละคน คือเงินที่ได้เก็บโดยการสำรวจสำมะโนประชากร หรือเงินที่ได้จากการปฏิญาณของบุคคล หรือเงินที่ประชาชนได้ถวายโดยการดลใจจากพระยาห์เวห์ด้วยสมัครใจของพวกเขา
|
|
\v 5 ปุโรหิตควรรับเงินนั้นจากหนึ่งในพวกผู้เก็บเงินทั้งหลายและซ่อมแซมพระวิหารตรงที่ที่เห็นว่าชำรุด”
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 6 แต่ในปีที่ยี่สิบสามของรัชกาลของกษัตริย์โยอาช พวกปุโรหิตไม่ได้ซ่อมแซมสิ่งใดในพระวิหารเลย
|
|
\v 7 แล้วกษัตริย์โยอาชจึงได้ทรงเรียกเยโฮยาดาปุโรหิต และบรรดาปุโรหิตอื่นๆ พระองค์ได้ตรัสกับพวกเขาว่า “ทำไมพวกท่านจึงไม่ซ่อมแซมสิ่งใด ๆ ในพระวิหาร? เพราะฉะนั้น ต่อไปนี้อย่ารับเงินจากผู้บริจาคเลย แต่ให้เก็บเงินมาเฉพาะที่จะซ่อมพระวิหาร และจ่ายให้แก่พวกผู้ที่จะซ่อมแซมพระวิหารเท่านั้น”
|
|
\v 8 ดังนั้นพวกปุโรหิตจึงได้ตกลงกันว่าจะไม่รับเงินจากประชาชนอีก และจะไม่ซ่อมแซมพระวิหารด้วยตัวของพวกเขาเอง
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 9 แต่เยโฮยาดาปุโรหิตได้นำหีบมาใบหนึ่ง ได้เจาะรูหนึ่งที่ฝาหีบนั้น และได้ตั้งไว้ข้างแท่นบูชาด้านขวา ทางเข้าพระนิเวศของพระยาห์เวห์ และปุโรหิตผู้เฝ้าอยู่ที่ทางเข้าพระวิหารก็ได้ใส่เงินทั้งหมดลงไปในหีบที่ได้เข้ามาในพระนิเวศของพระยาห์เวห์
|
|
\v 10 เมื่อใดก็ตามที่พวกเขาได้เห็นว่ามีเงินในหีบมากพอแล้ว อาลักษณ์ของกษัตริย์และมหาปุโรหิตจะมา และเอาเงินใส่ถุง แล้วเอาเงินที่พบในพระวิหารของพระยาห์เวห์ไปนับ
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 11 พวกเขาได้มอบเงินที่ชั่งแล้วให้แก่บรรดาคนที่ดูแลพระวิหารของพระยาห์เวห์ พวกเขาได้จ่ายให้แก่พวกช่างไม้และพวกช่างก่อสร้าง ผู้ซึ่งได้บูรณะวิหารของพระยาห์เวห์
|
|
\v 12 และให้แก่พวกช่างก่อ และพวกช่างสกัดหิน เพื่อซื้อไม้และหินสกัดที่ใช้ในการซ่อมแซมพระวิหารของพระยาห์เวห์ และสำหรับค่าใช้จ่ายอื่นๆ ทั้งหมดที่จำเป็นในการซ่อมแซม
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 13 แต่เงินที่ได้นำเข้ามาในพระนิเวศของพระยาห์เวห์นั้น ไม่ให้นำไปใช้ในการทำพวกถ้วยเงิน กรรไกรตัดไส้ตะเกียง อ่าง แตร หรือภาชนะทองคำ หรือภาชนะเงินที่ใช้ในการตกแต่งใดๆ
|
|
\v 14 พวกเขาได้จ่ายเงินให้แก่พวกคนที่ได้ทำงานซ่อมพระนิเวศของพระยาห์เวห์
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 15 ยิ่งกว่านั้น พวกเขาไม่ต้องเขียนรายงานค่าใช้จ่ายในการซ่อมทั้งพวกผู้ที่ได้รับเงินและพวกผู้ที่ได้จ่ายเงินแก่พวกคนงาน เพราะเขาทั้งหลายได้ปฏิบัติงานด้วยความซื่อสัตย์
|
|
\v 16 แต่เงินถวายบูชาเพื่อการลบความผิดและเงินถวายบูชาเพื่อการลบล้างบาปจะไม่ได้นำมาไว้ในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ เพราะเงินนั้นให้เป็นของพวกปุโรหิต
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 17 แล้วฮาซาเอลกษัตริย์อารัมได้ทรงยกขึ้นไปรบกับเมืองกัท และยึดเมืองนั้นได้ แล้วฮาซาเอลก็ได้หันขึ้นไปโจมตีกรุงเยรูซาเล็ม
|
|
\v 18 โยอาชกษัตริย์ยูดาห์ได้ทรงนำเอาสิ่งของศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดที่เยโฮชาฟัท และเยโฮรัม และอาหัสยาห์บรรพบุรุษของพระองค์ ผู้เป็นกษัตริย์แห่งยูดาห์ได้ทรงชำระให้บริสุทธิ์ไว้นั้น และสิ่งของศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์เอง และทองคำทั้งหมดที่ได้พบในคลังของพระนิเวศพระยาห์เวห์และของพระราชวังมา แล้วพระองค์ได้ทรงส่งสิ่งเหล่านี้ไปให้ฮาซาเอลกษัตริย์แห่งอารัม แล้วฮาซาเอลก็ได้ทรงถอยทัพไปจากกรุงเยรูซาเล็ม
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 19 ส่วนราชกิจต่างๆ ของโยอาช และทุกอย่างที่ได้ทรงกระทำ ได้ถูกบันทึกในหนังสือพงศาวดารกษัตริย์ของยูดาห์แล้วมิใช่?
|
|
\v 20 พวกข้าราชบริพารของพระองค์ได้ลุกและได้ก่อกบฏ และได้ปลงพระชนม์โยอาชเสียในวัง เบธมิลโล ตามทางที่ลงไปยังสิลลา 21 โยซาบาดบุตรชิเมอัท และเยโฮซาบาดบุตรโชเมอร์ พวกข้าราชบริพารของพระองค์ได้สังหารพระองค์ พระองค์จึงได้สวรรคต พวกเขาได้ฝังโยอาชไว้กับบรรพบุรุษในนครดาวิด และอามาซิยาห์ผู้ซึ่งเป็นโอรสของพระองค์ได้ทรงขึ้นปกครองแทน
|
|
\v 21 โยซาบาดบุตรชิเมอัท และเยโฮซาบาดบุตรโชเมอร์ พวกข้าราชบริพารของพระองค์ได้ประหารพระองค์ พระองค์จึงได้เสด็จสวรรคต พวกเขาได้ฝังโยอาชไว้กับบรรพบุรุษในนครดาวิด และอามาซิยาห์ผู้ซึ่งเป็นพระราชโอรสของพระองค์ได้ทรงขึ้นครองราชย์แทน
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\c 13
|
|
\p
|
|
\v 1 ในปีที่ยี่สิบสามแห่งรัชกาลโยอาช โอรสของอาหัสยาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์ เยโฮอาหาสโอรสของเยฮูได้ทรงครองราชย์เหนืออิสราเอลในกรุงสะมาเรีย พระองค์ได้ทรงครองราชย์อยู่สิบเจ็ดปี
|
|
\v 2 พระองค์ได้กระทำสิ่งที่เลวร้ายในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ และได้กระทำความบาปทั้งสิ้นตามเยโรโบอัมโอรสของเนบัท ผู้ได้ชักจูงอิสราเอลให้กระทำความบาปด้วย และเยโฮอาหาสไม่ได้ทรงหันพระองค์จากความบาปนั้น
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 3 ความกริ้วขององค์พระยาห์เวห์ได้ปะทุขึ้นต่ออิสราเอล และพระองค์ได้ทรงมอบพวกเขาไว้ในมือของฮาซาเอลกษัตริย์อารัม และในมือของเบนฮาดัดโอรสของฮาซาเอลอย่างต่อเนื่อง
|
|
\v 4 ดังนั้นเยโฮอาหาสได้ทรงวิงวอนพระยาห์เวห์ และพระยาห์เวห์ได้ทรงฟังพระองค์ เพราะพระยาห์เวห์ทรงเห็นการข่มเหงอิสราเอล คือที่กษัตริย์อารัมได้ทรงข่มเหงพวกเขา
|
|
\v 5 เพราะฉะนั้นพระยาห์เวห์ได้ทรงประทานผู้ช่วยกู้คนหนึ่งแก่อิสราเอล พวกเขาจึงได้หลุดพ้นจากมือคนอารัม และประชาชนอิสราเอลก็ได้อาศัยอยู่ในบ้านของพวกเขาอย่างที่เคยมีมาก่อนนี้
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 6 ถึงกระนั้น พวกเขาก็หนีไม่พ้นจากบาปของราชวงศ์เยโรโบอัม ซึ่งพระองค์ได้ทรงเป็นต้นเหตุให้อิสราเอลได้กระทำบาปด้วย และพวกเขายังคงได้อยู่ในบาปเหล่านั้นต่อไป และเสาพระอาเชราห์ก็ยังคงอยู่ในสะมาเรียต่อไป
|
|
\v 7 พวกคนอารัมได้เหลือเพียงทหารม้าห้าสิบคน รถม้าศึกสิบคัน และทหารราบหนึ่งหมื่นคนให้แก่เยโฮอาหาส เพราะกษัตริย์แห่งอารัมได้ทรงทำลายพวกเขาเสีย และทำให้พวกเขาเป็นอย่างแกลบในเวลานวดข้าว
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 8 ส่วนราชกิจต่างๆ ของเยโฮอาหาส และทุกอย่างที่ได้ทรงกระทำ และอำนาจของพระองค์ ได้ถูกบันทึกไว้ในหนังสือพงศาวดารกษัตริย์อิสราเอลแล้วมิใช่?
|
|
\v 9 ดังนั้นเยโฮอาหาสได้ทรงล่วงหลับไปอยู่กับบรรพบุรุษของพระองค์ และพวกเขาได้ฝังพระองค์ไว้ในสะมาเรีย เยโฮอาชโอรสของพระองค์ได้ขึ้นครองราชย์แทน
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 10 ในปีที่สามสิบเจ็ดแห่งรัชกาลโยอาชกษัตริย์แห่งยูดาห์ เยโฮอาชโอรสของเยโฮอาหาสได้ทรงปกครองเหนืออิสราเอลในสะมาเรียสิบหกปี
|
|
\v 11 พระองค์ได้กระทำสิ่งที่เลวร้ายในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ พระองค์ไม่ได้ทรงหันหนีจากบาปทั้งสิ้นของเยโรโบอัมโอรสของเนบัท ผู้ได้ชักจูงอิสราเอลให้กระทำความบาปด้วย แต่พระองค์ได้ทรงดำเนินในบาปนั้น
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 12 ส่วนราชกิจต่างๆ ของเยโฮอาช และทุกอย่างที่ได้ทรงกระทำ และอำนาจซึ่งพระองค์ได้ทรงรบกับอามาซิยาห์กษัตริย์ของยูดาห์ ได้ถูกบันทึกไว้ในหนังสือพงศาวดารกษัตริย์อิสราเอลแล้วมิใช่?
|
|
\v 13 เยโฮอาชได้ทรงล่วงหลับไปอยู่กับบรรพบุรุษของพระองค์ และเยโรโบอัมได้ประทับบนพระที่นั่งของพระองค์ เยโฮอาชได้ทรงถูกฝังไว้ในสะมาเรียกับบรรดากษัตริย์แห่งอิสราเอล
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 14 บัดนี้เอลีชาได้ล้มป่วยด้วยโรคที่เขาจะต้องตายในไม่ช้า ดังนั้นเยโฮอาชกษัตริย์อิสราเอลได้เสด็จลงไปหาเขา และได้ทรงกันแสงต่อหน้าเขา พระองค์ได้ตรัสว่า “ท่านพ่อ ท่านพ่อของข้า รถม้าศึกแห่งอิสราเอล และทหารม้าประจำรถกำลังจะมารับท่านแล้ว”
|
|
\v 15 เอลีชาได้ทูลพระองค์ว่า “ขอได้ทรงเอาคันธนูและลูกธนูมาจำนวนหนึ่งด้วย” ดังนั้นโยอาชจึงได้ทรงเอาคันธนูและลูกธนูมาจำนวนหนึ่งด้วย
|
|
\v 16 เอลีชาได้ทูลกษัตริย์อิสราเอลว่า “ขอได้ทรงจับคันธนูไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์” ดังนั้นพระองค์ได้ทรงจับคันธนูไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์ แล้วเอลีชาได้วางมือของเขาบนพระหัตถ์ทั้งสองข้างของกษัตริย์
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 17 เอลีชาได้ทูลว่า “ขอได้ทรงเปิดหน้าต่างทางทิศตะวันออก” ดังนั้น พระองค์ได้ทรงเปิดแล้ว เอลีชาได้ทูลว่า “ขอทรงยิง” และพระองค์ก็ทรงยิงออกไป เอลีชาทูลว่า “นี่จะเป็นลูกธนูแห่งชัยชนะของพระยาห์เวห์ ลูกธนูแห่งชัยชนะเหนือพวกอารัม เพราะพระองค์จะได้ทรงทำลายคนอารัมได้อย่างราบคาบที่อาเฟก”
|
|
\v 18 แล้วเอลีชาได้ทูลว่า “ขอทรงหยิบลูกธนูเหล่านั้นมา” ดังนั้นโยอาชจึงทรงหยิบลูกธนูเหล่านั้น และเขาได้ทูลกษัตริย์อิสราเอลว่า “ทรงตีลูกธนูลงพื้นดินสิ” และพระองค์ทรงตีสามครั้งแล้วจึงทรงหยุด
|
|
\v 19 แต่คนของพระเจ้าได้โกรธพระองค์ และทูลว่า “พระองค์ควรจะตีสักห้าหรือหกครั้ง แล้วพระองค์จะได้ตีอารัมจนกว่าจะได้ทรงทำให้พวกเขาสิ้นไป แต่บัดนี้พระองค์จะตีชนะอารัมได้เพียงสามครั้งเท่านั้น”
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 20 แล้วเอลีชาได้สิ้นชีวิต และพวกเขาก็ได้ฝังเอลีชาไว้ ปกติในเวลานี้กลุ่มชาวโมอับที่ได้เคยปล้นในดินแดนนั้นในตอนต้นปี
|
|
\v 21 ขณะที่พวกเขากำลังฝังศพชายคนหนึ่งอยู่ พวกเขาก็เห็นกลุ่มชาวโมอับกลุ่มนั้น ดังนั้นพวกเขาจึงได้โยนศพชายคนนั้นลงไปในหลุมฝังของเอลีชา เมื่อศพผู้ชายคนนั้นได้โดนกระดูกของเอลีชา ผู้ชายคนนั้นก็ได้กลับมีชีวิตขึ้นและยืนขึ้นด้วยตัวเอง
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 22 ฮาซาเอล กษัตริย์อารัมได้ทรงข่มเหงชาวอิสราเอลอยู่ตลอดรัชกาลของเยโฮอาหาส
|
|
\v 23 แต่พระยาห์เวห์ได้ทรงพระกรุณาและได้ทรงพระเมตตาต่ออิสราเอล และพระองค์ทรงห่วงใยพวกเขา เพราะพันธสัญญาของพระองค์ที่ได้ทรงกระทำกับอับราฮัม อิสอัค และยาโคบ ดังนั้นพระยาห์เวห์จึงไม่ได้ทรงทำลายพวกเขา และพระองค์ยังไม่ได้ทรงขับไล่พวกเขาไปให้พ้นพระพักตร์ของพระองค์เลย
|
|
\v 24 ฮาซาเอลกษัตริย์อารัมได้สวรรคต เบนฮาดัดโอรสของพระองค์ได้ทรงขึ้นครองราชย์แทน
|
|
\v 25 เยโฮอาชโอรสของเยโฮอาหาสได้ยึดบรรดาเมืองจากเบนฮาดัดโอรสของฮาซาเอลกลับคืนมา ซึ่งเป็นเมืองที่พระองค์ได้ทรงยึดจากเยโฮอาหาสบิดาของเยโฮอาชได้เมื่อตอนทำสงครามกัน เยโฮอาชได้รบชนะพระองค์สามครั้งและได้บรรดาเมืองอิสราเอลกลับคืนมา
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\c 14
|
|
\p
|
|
\v 1 ในปีที่สองแห่งรัชกาลเยโฮอาชโอรสของเยโฮอาหาสกษัตริย์แห่งอิสราเอล อามาซิยาห์โอรสของโยอาชกษัตริย์ยูดาห์ได้ทรงขึ้นครองราชย์
|
|
\v 2 เมื่อพระองค์ได้ทรงเป็นกษัตริย์นั้น พระองค์มีพระชนมายุยี่สิบห้าพรรษา พระองค์ทรงครองราชยี่สิบเก้าปีในกรุงเยรูซาเล็ม พระมารดาของพระองค์มีพระนามว่า เยโฮอัดดานชาวเยรูซาเล็ม
|
|
\v 3 พระองค์ได้ทรงทำสิ่งที่เที่ยงธรรมในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ แต่ยังไม่เหมือนกับดาวิดบรรพบุรุษของพระองค์ พระองค์ได้ทรงทำตามทุกอย่างซึ่งโยอาชบิดาของพระองค์ได้ทรงกระทำ
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 4 แต่สถานสูงเหล่านั้นก็ยังไม่ได้รื้อเสีย ประชาชนยังคงถวายสัตวบูชา และเผาเครื่องหอมที่สถานสูงเหล่านั้น
|
|
\v 5 สิ่งนี้ได้เกิดขึ้นเมื่อราชอาณาจักรได้อยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์อย่างมั่นคงแล้ว พระองค์ก็ได้ทรงประหารพวกข้าราชบริพารที่ได้ปลงพระชนม์พระราชบิดาของพระองค์
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 6 แต่พระองค์ไม่ได้ทรงสังหารลูกหลานของผู้ที่ได้ปลงพระชนม์นั้น แต่พระองค์ได้ทรงปฏิบัติตามที่ได้ถูกบันทึกไว้ในหนังสือธรรมบัญญัติของโมเสส ซึ่งพระยาห์เวห์ได้ทรงบัญชาว่า “อย่าสังหารบิดาเพราะการกระทำของลูกหลานพวกเขา หรืออย่าสังหารลูกหลานเพราะการกระทำของบิดามารดาของพวกเขา แต่ละคนต้องถูกสังหารเพราะบาปของตนเอง”
|
|
\v 7 พระองค์ได้ทรงสังหารคนเอโดมหนึ่งหมื่นคนในหุบเขาเกลือ และพระองค์ได้ทรงยึดเมืองเสลาด้วยในการสงครามและได้ทรงเรียกเมืองนั้นว่า โยกเธเอล ซึ่งเป็นชื่อมาถึงทุกวันนี้
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 8 แล้วอามาซิยาห์ได้ทรงส่งคณะทูตไปเฝ้าเยโฮอาช โอรสของเยโฮอาหาสโอรสของเยฮู กษัตริย์แห่งอิสราเอล ทูลว่า “มาเถิด ขอให้เราเผชิญหน้ากันในการต่อสู้”
|
|
\v 9 แต่เยโฮอาชกษัตริย์อิสราเอลได้ทรงส่งผู้สื่อสารไปยังอามาซิยาห์กษัตริย์ยูดาห์ว่า “ต้นหนามในเลบานอนได้ส่งข่าวไปหาต้นสนสีดาร์ในเลบานอนว่า ‘จงยกลูกสาวของเจ้าให้เป็นภรรยาลูกชายของเรา’ แต่สัตว์ป่าตัวหนึ่งซึ่งอยู่ในเลบานอนได้ผ่านมา และได้ย่ำต้นหนามลงเสีย
|
|
\v 10 ท่านได้โจมตีเอโดม และจิตใจของท่านก็ทำให้ท่านผยองขึ้น จงภูมิใจในชัยชนะของท่านเถิด แต่จงอยู่กับบ้านของตน เพราะทำไมท่านจึงสร้างปัญหาให้ตัวเองและล้มลง ทั้งท่านและยูดาห์ด้วย?”
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 11 แต่อามาซิยาห์ไม่ได้ทรงฟัง ดังนั้นเยโฮอาชกษัตริย์อิสราเอลจึงได้ทรงโจมตี และพระองค์กับอามาซิยาห์กษัตริย์ยูดาห์ก็ได้ทรงเผชิญหน้ากันที่เมืองเบธเชเมชซึ่งเป็นของยูดาห์
|
|
\v 12 ยูดาห์ได้พ่ายแพ้อิสราเอล และผู้ชายทุกคนจึงหนีกลับบ้าน
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 13 เยโฮอาชกษัตริย์อิสราเอลก็ได้ทรงจับอามาซิยาห์ กษัตริย์ยูดาห์โอรสของเยโฮอาช โอรสของอาหัสยาห์ได้ที่เมืองเบธเชเมช และได้เสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็ม และทรงพังกำแพงเยรูซาเล็มเป็นระยะทางสี่ร้อยศอกลง ตั้งแต่ประตูเอฟราอิมจนถึงประตูมุม
|
|
\v 14 พระองค์ได้ทรงริบทองคำและเงินทั้งหมด และของใช้ทั้งหมดที่พบในพระนิเวศของพระยาห์เวห์และในคลังของราชวัง พร้อมทั้งจับตัวประกันด้วย และได้เสด็จกลับไปยังกรุงสะมาเรีย
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 15 ส่วนราชกิจต่างๆ ของเยโฮอาชที่ได้ทรงกระทำ ทั้งอำนาจของพระองค์ และการรบกับอามาซิยาห์ กษัตริย์ของยูดาห์นั้น ได้ถูกบันทึกไว้ในหนังสือพงศาวดารกษัตริย์อิสราเอลแล้วมิใช่?
|
|
\v 16 เยโฮอาชได้ทรงล่วงหลับไปอยู่กับบรรพบุรุษ และได้ทรงถูกฝังไว้ในสะมาเรียกับเหล่ากษัตริย์อิสราเอล และเยโรโบอัมโอรสของพระองค์ได้ทรงขึ้นปกครองแทน
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 17 อามาซิยาห์โอรสของโยอาชกษัตริย์ของยูดาห์ได้ทรงมีพระชนม์อยู่อีกสิบห้าปี หลังจากเยโฮอาชโอรสของเยโฮอาหาสกษัตริย์อิสราเอลได้สวรรคต
|
|
\v 18 ส่วนราชกิจต่างๆ ของอามาซิยาห์ ได้ถูกบันทึกไว้ในหนังสือพงศาวดารกษัตริย์ของยูดาห์แล้วมิใช่?
|
|
\v 19 พวกเขาได้ร่วมกันกบฏต่ออามาซิยาห์ในกรุงเยรูซาเล็ม และพระองค์ได้ทรงหนีไปยังเมืองลาคีช แต่เขาทั้งหลายได้ส่งคนตามพระองค์ไปที่เมืองลาคีช และได้สังหารพระองค์ที่นั่น
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 20 พวกเขาได้นำพระศพบรรทุกม้ากลับมา และได้ฝังไว้กับบรรพบุรุษในเมืองของดาวิด
|
|
\v 21 ประชาชนทั้งหมดของยูดาห์ก็ได้ตั้งอาซาริยาห์ ซึ่งมีพระชนมายุสิบหกพรรษา ให้เป็นกษัตริย์แทนอามาซิยาห์บิดาของพระองค์
|
|
\v 22 อาซาริยาห์ได้ทรงสร้างเมืองเอลัทขึ้นใหม่และบูรณะให้กลับมาขึ้นกับยูดาห์ หลังจากที่กษัตริย์อามาซิยาห์ได้ทรงล่วงหลับไปอยู่กับบรรพบุรุษ
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 23 ในปีที่สิบห้าแห่งรัชกาลอามาซิยาห์ โอรสของโยอาชกษัตริย์ยูดาห์ เยโรโบอัมโอรสของเยโฮอาชแห่งอิสราเอลได้ทรงครองราชย์ในกรุงสะมาเรียอยู่สี่สิบเอ็ดปี
|
|
\v 24 พระองค์ได้ทรงทำสิ่งชั่วร้ายในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ พระองค์ไม่ได้ทรงละจากบาปทั้งสิ้นของเยโรโบอัมบุตรชายของเนบัท ผู้ได้นำอิสราเอลให้ทำบาปด้วย
|
|
\v 25 พระองค์ได้ทรงตีเอาดินแดนอิสราเอลคืนมา ตั้งแต่ทางเข้าเมืองเลโบฮามัท ไกลไปจนถึงทะเลแห่งอาราบาห์ ตามพระบัญชาตามพระวจนะของพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล ซึ่งตรัสโดยผู้รับใช้ของพระองค์ คือโยนาห์ บุตรชายของอามิททัยผู้เผยพระวจนะผู้มาจากกัธเฮเฟอร์
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 26 เพราะพระยาห์เวห์ทอดพระเนตรเห็นว่า ความทุกข์ของอิสราเอลนั้นขมขื่นนัก ไม่ว่าทาสหรือไท และไม่มีใครช่วยกู้อิสราเอล
|
|
\v 27 เหตุฉะนั้นพระยาห์เวห์ไม่ได้ตรัสว่า พระองค์จะไม่ทรงลบนามอิสราเอลจากใต้ท้องฟ้า แต่พระองค์กลับได้ทรงช่วยเขาโดยพระหัตถ์ของเยโรโบอัมโอรสของเยโฮอาช
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 28 ส่วนราชกิจต่างๆ ของเยโรโบอัม และทุกอย่างที่ได้ทรงกระทำ และอำนาจของพระองค์ การรบของพระองค์ และเรื่องที่ได้ทรงตีเอากรุงดามัสกัสและเมืองฮามัท ซึ่งเคยเป็นของยูดาห์คืนแก่อิสราเอล ได้ถูกบันทึกไว้ในหนังสือพงศาวดารกษัตริย์อิสราเอลแล้วมิใช่?
|
|
\v 29 เยโรโบอัมได้ทรงล่วงหลับไปอยู่กับบรรพบุรุษ คือเหล่ากษัตริย์อิสราเอล แล้วเศคาริยาห์โอรสของพระองค์ได้ทรงขึ้นปกครองแทน
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\c 15
|
|
\p
|
|
\v 1 ในปีที่ยี่สิบเจ็ดแห่งรัชกาลเยโรโบอัม กษัตริย์อิสราเอล อาซาริยาห์ โอรสของอามาซิยาห์ กษัตริย์แห่งยูดาห์ได้ทรงขึ้นครองราชย์
|
|
\v 2 อาซาริยาห์ทรงมีพระชนมายุสิบหกพรรษาเมื่อได้ทรงขึ้นครองราชย์ และพระองค์ได้ทรงปกครองในกรุงเยรูซาเล็มห้าสิบสองปี มารดาของพระองค์มีพระนามว่า เยโคลียาห์ และนางได้มาจากกรุงเยรูซาเล็ม
|
|
\v 3 พระองค์ได้ทรงทำสิ่งชอบธรรมในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ เหมือนทุกอย่างที่อามาซิยาห์บิดาของพระองค์ได้ทรงกระทำ
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 4 อย่างไรก็ดี สถานสูงยังไม่ถูกกำจัดเสีย ประชาชนยังถวายสัตวบูชาและเผาเครื่องหอมบนสถานสูงเหล่านั้น
|
|
\v 5 พระยาห์เวห์ได้ทรงลงโทษกษัตริย์ พระองค์ได้ทรงเป็นโรคเรื้อนจนถึงวันสวรรคต และพระองค์ประทับในวังต่างหาก โยธามโอรสของกษัตริย์ได้ทรงดูแลควบคุมสำนักพระราชวัง และได้ทรงปกครองประชาชนของแผ่นดิน
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 6 ส่วนราชกิจต่างๆ ของอาซาริยาห์และทุกอย่างที่พระองค์ได้ทรงกระทำ ได้ทรงบันทึกไว้ในหนังสือพงศาวดารกษัตริย์ของยูดาห์แล้วมิใช่?
|
|
\v 7 ดังนั้นอาซาริยาห์ได้ทรงล่วงหลับไปอยู่กับบรรพบุรุษ และพวกเขาก็ได้ฝังพระศพไว้กับบรรพบุรุษของพระองค์ในนครดาวิด โยธามโอรสของพระองค์ได้ทรงเป็นกษัตริย์แทน
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 8 ในปีที่สามสิบแปดแห่งรัชกาลอาซาริยาห์กษัตริย์ยูดาห์ เศคาริยาห์โอรสของเยโรโบอัมได้ทรงปกครองเหนืออิสราเอลในสะมาเรียได้หกเดือน
|
|
\v 9 พระองค์ก็ได้ทรงทำสิ่งชั่วร้ายในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ ดังที่บรรพบุรุษของพระองค์ได้ทรงกระทำ พระองค์ไม่ได้ทรงละทิ้งจากบาปทั้งหลายของเยโรโบอัมบุตรชายของเนบัท ผู้ที่ได้ทรงนำอิสราเอลให้ทำบาปด้วย
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 10 ชัลลูมบุตรชายของยาเบชได้ก่อการกบฏต่อเศคาริยาห์ โค่นพระองค์ลงในอิเบลอัม และสังหารพระองค์เสีย และพระองค์ได้ทรงขึ้นเป็นกษัตริย์แทน
|
|
\v 11 ส่วนราชกิจอื่นๆ ของเศคาริยาห์ ได้ทรงถูกบันทึกไว้ในหนังสือพงศาวดารกษัตริย์แห่งอิสราเอล
|
|
\v 12 เหตุการณ์นี้เป็นไปตามพระวจนะที่พระยาห์เวห์ได้ตรัสแก่เยฮูว่า “เชื้อสายของเจ้าจะนั่งบนบัลลังก์ของอิสราเอลถึงสี่ชั่วอายุคน” และก็เป็นดังนั้น
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 13 ชัลลูมบุตรชายของยาเบชได้ทรงขึ้นครองราชย์ในปีที่สามสิบเก้า แห่งรัชกาลอาซาริยาห์ กษัตริย์แห่งยูดาห์ และพระองค์ได้ทรงปกครองในสะมาเรียได้หนึ่งเดือน
|
|
\v 14 เมนาเฮมบุตรชายของกาดีก็ได้ขึ้นมาจากเมืองทีรซาห์ไปยังสะมาเรีย ที่นั่นเขาได้โค่นล้มชัลลูมบุตรชายของยาเบชในสะมาเรีย และประหารพระองค์เสีย และได้ทรงขึ้นเป็นกษัตริย์แทน
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 15 ส่วนราชกิจอื่นๆ ของชัลลูม และการกบฏที่พระองค์ได้ทรงทำ ได้ทรงถูกบันทึกไว้ในหนังสือพงศาวดารกษัตริย์แห่งอิสราเอล
|
|
\v 16 ต่อมาเมนาเฮมได้โจมตีทิฟสาห์ และทุกคนที่อยู่ในเมืองนั้นและชายแดนของเมืองนั้นตั้งแต่ทีรซาห์ไป เพราะพวกเขาไม่เปิดประตูเมืองให้เขา ดังนั้นเขาได้โจมตีเมืองนั้น และเขาได้ผ่าท้องหญิงมีครรภ์ของหมู่บ้านนั้นทุกคน
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 17 ในปีที่สามสิบเก้าแห่งรัชกาลอาซาริยาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์ เมนาเฮมบุตรชายของกาดีได้ทรงปกครองอิสราเอลในสะมาเรียสิบปี
|
|
\v 18 พระองค์ก็ได้ทรงทำสิ่งชั่วร้ายในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ ตลอดรัชกาลของพระองค์ก็ไม่ได้ทรงละทิ้งบาปทั้งหลายของเยโรโบอัมบุตรชายของเนบัท ผู้ได้ทรงนำอิสราเอลให้ทำบาปด้วย
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 19 ต่อมาปูลกษัตริย์อัสซีเรียได้ทรงยกขึ้นมาต่อต้านดินแดนนั้น และเมนาเฮมได้ทรงถวายเงินหนึ่งพันตะลันต์แก่ปูล เพื่อให้ปูลทรงสนับสนุนพระองค์ และทำให้อาณาจักรอิสราเอลที่อยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์เข้มแข็งขึ้น
|
|
\v 20 เมนาเฮมได้ทรงรีดเงินจากคนอิสราเอลคือ จากคนมั่งมีทุกคน คนละห้าสิบเชเขล เพื่อทรงถวายแด่กษัตริย์อัสซีเรีย ดังนั้นกษัตริย์อัสซีเรียจึงยกทัพกลับ และไม่ได้ประทับอยู่ในดินแดนนั้น
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 21 ส่วนราชกิจอื่นๆ ของเมนาเฮม และทุกสิ่งที่ได้ทรงกระทำ ได้ถูกบันทึกไว้ในหนังสือพงศาวดารกษัตริย์แห่งอิสราเอลไม่ใช่หรือ?
|
|
\v 22 ดังนั้นเมนาเฮมได้ทรงล่วงหลับไปอยู่กับบรรพบุรุษ และเปคาหิยาห์โอรสของพระองค์ได้ทรงขึ้นเป็นกษัตริย์แทน
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 23 ในปีที่ห้าสิบแห่งรัชกาลอาซาริยาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์ เปคาหิยาห์โอรสของเมนาเฮมได้ทรงปกครองเหนืออิสราเอลในสะมาเรีย พระองค์ได้ทรงครองราชย์สองปี
|
|
\v 24 พระองค์ก็ได้ทรงทำสิ่งชั่วร้ายในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ พระองค์ไม่ได้ทรงละทิ้งบาปทั้งหลายของเยโรโบอัมบุตรชายของเนบัท ฉะนั้นพระองค์จึงได้ทรงเป็นเหตุให้อิสราเอลทำบาปด้วย
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 25 เปคาหิยาห์มีข้าราชการคนหนึ่งชื่อเปคาห์บุตรชายของเรมาลิยาห์ ผู้ได้ก่อการกบฏต่อพระองค์ เปคาห์ร่วมกับคนกิเลอาดห้าสิบคนได้ประหารเปคาหิยาห์พร้อมกับอารโกบและอารีเอห์ในป้อมของพระราชวังในสะมาเรีย เปคาห์ได้ประหารเปคาหิยาห์และได้ขึ้นเป็นกษัตริย์แทน
|
|
\v 26 ส่วราชกิจอื่นๆ ของเปคาหิยาห์ และทุกสิ่งที่ได้ทรงกระทำถูกบันทึกในหนังสือพงศาวดารกษัตริย์แห่งอิสราเอล
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 27 ในปีที่ห้าสิบสองแห่งรัชกาลอาซาริยาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์ เปคาห์บุตรชายของเรมาลิยาห์ได้ทรงปกครองเหนืออิสราเอลในสะมาเรีย พระองค์ได้ทรงครองราชย์ยี่สิบปี
|
|
\v 28 พระองค์ได้ทรงทำสิ่งชั่วร้ายในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ พระองค์ไม่ได้ทรงละทิ้งจากบาปทั้งหลายของเยโรโบอัมบุตรชายของเนบัท ผู้เป็นเหตุให้อิสราเอลทำบาปด้วย
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 29 ในรัชกาลของเปคาห์กษัตริย์อิสราเอล ทิกลัทปิเลเสอร์กษัตริย์อัสซีเรียได้ทรงยกมายึดเมืองอิโยน อาเบลเบธมาอาคาห์ ยาโนอาห์ คาเดช ฮาโซร์ กิเลอาด กาลิลี และแผ่นดินนัฟทาลีทั้งหมด พระองค์ได้ทรงกวาดต้อนประชาชนไปเป็นเชลยยังอัสซีเรีย
|
|
\v 30 ดังนั้นโฮเชยาบุตรชายของเอลาห์ได้ทรงร่วมกันคิดกบฏต่อเปคาห์บุตรชายของเรมาลิยาห์ เขาได้โค่นพระองค์ลงและประหารพระองค์เสีย แล้วเขาได้ขึ้นเป็นกษัตริย์แทนในปีที่ยี่สิบแห่งรัชกาลโยธามโอรสของอุสซียาห์
|
|
\v 31 ส่วนราชกิจอื่นๆ ของเปคาห์และทุกสิ่งที่ได้ทรงกระทำถูกบันทึกในหนังสือพงศาวดารกษัตริย์แห่งอิสราเอล
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 32 ในปีที่สองแห่งรัชกาลเปคาห์บุตรชายของเรมาลิยาห์ กษัตริย์แห่งอิสราเอล โยธามโอรสของอาซาริยาห์กษัตริย์ยูดาห์ ได้ทรงขึ้นครองราชย์
|
|
\v 33 เมื่อพระองค์ได้ทรงขึ้นครองราชย์นั้นมีพระชนมายุยี่สิบห้าพรรษา พระองค์ได้ทรงปกครองในกรุงเยรูซาเล็มสิบหกปี มารดาของพระองค์มีพระนามว่า เยรูชา นางเป็นบุตรหญิงของศาโดก
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 34 โยธามได้ทรงทำสิ่งที่ถูกต้องในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ พระองค์ได้ทรงทำตามทุกอย่างที่อาซาริยาห์บิดาของพระองค์ได้ทรงกระทำ
|
|
\v 35 อย่างไรก็ดี สถานสูงยังไม่ได้ถูกกำจัดเสีย ประชาชนยังคงถวายสัตวบูชาและเผาเครื่องหอมบนสถานสูงเหล่านั้น โยธามได้ทรงสร้างประตูบนของพระนิเวศแห่งพระยาห์เวห์
|
|
\v 36 ส่วนราชกิจอื่นๆ ของโยธาม และทุกสิ่งที่ได้ทรงกระทำถูกบันทึกไว้ในหนังสือพงศาวดารกษัตริย์แห่งยูดาห์ไม่ใช่หรือ?
|
|
\v 37 ในเวลานั้นพระยาห์เวห์ได้ทรงใช้เรซีน กษัตริย์แห่งอารัม และเปคาห์บุตรชายของเรมาลิยาห์ให้มาสู้กับยูดาห์
|
|
\v 38 โยธามได้ทรงล่วงหลับไปอยู่กับบรรพบุรุษของพระองค์ และได้ทรงถูกฝังไว้กับบรรพบุรุษของพระองค์ในนครดาวิด ผู้เป็นบรรพบุรุษของพระองค์ แล้วอาหัสโอรสของพระองค์ได้ทรงขึ้นเป็นกษัตริย์แทน
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\c 16
|
|
\p
|
|
\v 1 ในปีที่สิบเจ็ดแห่งรัชกาลเปคาห์บุตรชายของเรมาลิยาห์ อาหัสโอรสของโยธามกษัตริย์แห่งยูดาห์ได้ขึ้นครองราชย์
|
|
\v 2 เมื่ออาหัสได้ทรงเป็นกษัตริย์นั้น มีพระชนมายุยี่สิบพรรษา และพระองค์ได้ทรงครองราชย์ในกรุงเยรูซาเล็มสิบหกปี พระองค์ไม่ได้ทรงทำสิ่งที่เที่ยงธรรมในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพระองค์ เหมือนอย่างดาวิดบรรพบุรุษของพระองค์ได้ทรงกระทำ
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 3 แต่พระองค์ได้ทรงดำเนินตามทางของกษัตริย์ทั้งหลายแห่งอิสราเอล ถึงกับได้ทรงให้โอรสของพระองค์ลุยไฟ ตามการกระทำอันน่าเกลียดน่าชังของชนชาติทั้งหลาย ซึ่งพระยาห์เวห์ทรงขับไล่ไปให้พ้นหน้าประชาชนอิสราเอล
|
|
\v 4 พระองค์ได้ทรงถวายสัตวบูชา และเผาเครื่องหอมที่สถานสูง บนยอดเขารวมทั้งใต้ต้นไม้เขียวสดทุกต้น
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 5 แล้วเรซีนกษัตริย์อารัมกับเปคาห์บุตรชายของเรมาลิยาห์ กษัตริย์อิสราเอลได้ทรงยกขึ้นมาโจมตีกรุงเยรูซาเล็ม ทั้งสองพระองค์ทรงล้อมอาหัสไว้ แต่ทั้งสองไม่ได้ทรงสามารถเอาชัยชนะพระองค์ได้
|
|
\v 6 เวลานั้นเรซีนกษัตริย์อารัมได้ตีเมืองเอลัทคืนให้คนอารัม และทรงขับไล่ประชาชนยูดาห์ออกจากเอลัท แล้วคนอารัมมาที่เอลัทและพวกเขาอยู่ที่นั่นจนทุกวันนี้
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 7 ดังนั้นอาหัสจึงได้ทรงส่งผู้สื่อสารไปเฝ้าทิกลัทปิเลเสอร์กษัตริย์อัสซีเรีย ให้ทูลว่า “ข้าพเจ้าเป็นคนรับใช้ของท่าน และเป็นบุตรชายของท่าน ขอเสด็จขึ้นมาช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากมือของกษัตริย์อารัม และจากมือของกษัตริย์อิสราเอล ผู้มาโจมตีข้าพเจ้าด้วยเถิด”
|
|
\v 8 ดังนั้นอาหัสจึงทรงนำเงินและทองคำซึ่งพบในพระนิเวศพระยาห์เวห์ และในท้องพระคลังของพระราชวัง และพระองค์ทรงส่งไปเป็นเครื่องบรรณาการแก่กษัตริย์อัสซีเรีย
|
|
\v 9 แล้วกษัตริย์อัสซีเรียก็ได้ทรงฟังพระองค์ และกษัตริย์แห่งอัสซีเรียจึงทรงยกทัพขึ้นไปยังกรุงดามัสกัสและยึดได้ ทั้งกวาดต้อนประชาชนเมืองนั้นไปเป็นเชลยยังเมืองคีร์ พระองค์ยังได้ทรงประหารเรซีนกษัตริย์อารัมด้วยเช่นกัน
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 10 เมื่อกษัตริย์อาหัสได้เสด็จไปกรุงดามัสกัสเพื่อพบทิกลัทปิเลเสอร์กษัตริย์อัสซีเรีย พระองค์ทอดพระเนตรแท่นบูชาที่อยู่ในดามัสกัส และพระองค์ทรงส่งแบบจำลองแท่นบูชาไปยังอุรียาห์ปุโรหิต พร้อมทั้งแบบแปลนของแท่นนั้นและรูปแบบสำหรับงานก่อสร้างที่จำเป็น
|
|
\v 11 ดังนั้นอุรียาห์ปุโรหิตจึงได้สร้างแท่นบูชานั้นตามแบบทุกอย่างที่กษัตริย์อาหัสได้ทรงส่งมาจากดามัสกัส เขาจึงทำแท่นบูชาเสร็จก่อนที่กษัตริย์อาหัสเสด็จกลับมาจากดามัสกัส
|
|
\v 12 เมื่อกษัตริย์เสด็จกลับจากดามัสกัส พระองค์ได้ทอดพระเนตรแท่นบูชา แล้วกษัตริย์ทรงเข้ามาใกล้แท่นบูชาและถวายเครื่องบูชาบนแท่นนั้น
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 13 พระองค์ได้ทรงเผาเครื่องเผาบูชาและธัญบูชา และได้ทรงเทเครื่องดื่มบูชา และทรงพรมเลือดแห่งเครื่องสันติบูชาของพระองค์ลงบนแท่นนั้น
|
|
\v 14 แท่นบูชาทองสัมฤทธิ์ซึ่งอยู่เฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์นั้น พระองค์ทรงย้ายออกเสียจากข้างหน้าพระวิหาร บริเวณระหว่างแท่นบูชาของพระองค์กับพระวิหารของพระยาห์เวห์ และตั้งไว้ทางด้านเหนือของแท่นบูชาของพระองค์นั้น
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 15 แล้วกษัตริย์อาหัสได้ทรงบัญชาอุรียาห์ปุโรหิตว่า “บนแท่นใหญ่นี้ ท่านจงเผาเครื่องเผาบูชาตอนเช้า และธัญบูชาตอนเย็น และเครื่องเผาบูชาของกษัตริย์ และเครื่องธัญบูชาของพระองค์ พร้อมกับเครื่องเผาบูชาของประชาชนทั้งหมดในแผ่นดิน รวมทั้งธัญบูชา และเครื่องดื่มบูชาของเขาทั้งหลาย จงพรมเลือดทั้งหมดของเครื่องเผาบูชาและเลือดของเครื่องสัตวบูชา แต่แท่นบูชาทองสัมฤทธิ์ให้เป็นที่สำหรับเราที่เราจะทูลขอการทรงนำ”
|
|
\v 16 อุรียาห์ปุโรหิตได้ทำทุกอย่างตามพระบัญชาของกษัตริย์อาหัส
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 17 แล้วกษัตริย์อาหัสได้ทรงเอาแผงของแท่นนั้นและทรงยกขันออกไป และพระองค์ทรงเอาอ่างทะเลลงมาจากโคทองสัมฤทธิ์ที่รองอยู่นั้นและทรงตั้งไว้บนพื้นหิน
|
|
\v 18 พระองค์ได้ทรงรื้อส่วนปิดทางเดินของศาลาวันสะบาโต ซึ่งพวกเขาสร้างไว้ในพระวิหารและทางเข้าชั้นนอกสำหรับกษัตริย์ที่มายังพระวิหารของพระยาห์เวห์ออก เพราะเห็นแก่กษัตริย์แห่งอัสซีเรีย
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 19 ส่วนราชกิจอื่นๆ ของอาหัสที่ได้ทรงกระทำถูกบันทึกไว้ในหนังสือพงศาวดารกษัตริย์แห่งยูดาห์ไม่ใช่หรือ?
|
|
\v 20 อาหัสได้ทรงล่วงหลับไปอยู่กับบรรพบุรุษ และได้ทรงถูกฝังไว้กับบรรพบุรุษในนครดาวิด เฮเซคียาห์โอรสของพระองค์ก็ได้ขึ้นเป็นกษัตริย์แทน
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\c 17
|
|
\p
|
|
\v 1 ในปีที่สิบสองแห่งรัชกาลอาหัสกษัตริย์แห่งยูดาห์ โฮเชยาโอรสของเอลาห์ได้ทรงขึ้นครองราชย์ พระองค์ได้ทรงปกครองในกรุงสะมาเรียเหนืออิสราเอลอยู่เก้าปี
|
|
\v 2 พระองค์ทรงทำสิ่งชั่วร้ายในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ แต่ก็ไม่เหมือนกับบรรดากษัตริย์อิสราเอลที่อยู่ก่อนพระองค์
|
|
\v 3 แชลมาเนเสอร์กษัตริย์อัสซีเรียได้ทรงยกทัพมารบกับพระองค์ และโฮเชยาทรงยอมเป็นเมืองขึ้นของพระองค์และถวายเครื่องบรรณาการแก่พระองค์
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 4 แล้วกษัตริย์อัสซีเรียได้ตระหนักว่าโฮเชยาเป็นกบฏต่อพระองค์ เพราะโฮเชยาได้ทรงใช้ผู้สื่อสารไปยังโส กษัตริย์อียิปต์ด้วย พระองค์ไม่ได้ทรงถวายเครื่องบรรณาการแก่กษัตริย์อัสซีเรียอย่างที่พระองค์ทรงเคยทำมาทุกปี เพราะฉะนั้นกษัตริย์อัสซีเรียจึงทรงขังโฮเชยาไว้ และทรงจำพระองค์ไว้ในคุก
|
|
\v 5 แล้วกษัตริย์อัสซีเรียจึงได้ทรงบุกเข้าทั่วแผ่นดิน และขึ้นมายังกรุงสะมาเรีย และทรงล้อมเมืองไว้สามปี
|
|
\v 6 ในปีที่เก้าแห่งรัชกาลโฮเชยา กษัตริย์แห่งอัสซีเรียทรงยึดสะมาเรียได้ พระองค์ได้ทรงกวาดต้อนคนอิสราเอลไปยังอัสซีเรีย พระองค์ทรงให้พวกเขาอยู่ที่ฮาลาห์ ที่ข้างแม่น้ำฮาโบร์แห่งเมืองโกซาน และในเมืองต่างๆ ของคนมีเดีย
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 7 การตกเป็นเชลยในครั้งนี้ก็เพราะคนอิสราเอลได้ทำบาปต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา ผู้ได้ทรงนำพวกเขาออกจากแผ่นดินอียิปต์ จากใต้พระหัตถ์ของฟาโรห์กษัตริย์อียิปต์ เพราะประชาชนได้นมัสการบรรดาพระอื่นๆ
|
|
\v 8 และได้ดำเนินตามธรรมเนียมปฏิบัติของบรรดาประชาชาติ ซึ่งพระยาห์เวห์ทรงขับไล่ไปเสียให้พ้นหน้าคนอิสราเอล และตามปฏิบัติอย่างที่บรรดากษัตริย์แห่งอิสราเอลที่พวกพระองค์ทรงกระทำ
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 9 ประชาชนอิสราเอลทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขาอย่างลับๆ เขาทั้งหลายได้สร้างสถานสูงสำหรับตนทั่วบ้านทั่วเมือง ตั้งแต่ที่มีหอสังเกตการณ์ จนถึงเมืองที่มีป้อม
|
|
\v 10 พวกเขาได้ตั้งเสาศักดิ์สิทธิ์และเสาอาเช-ราห์บนเขาสูงทุกแห่ง และใต้ต้นไม้เขียวสดทุกต้น
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 11 ที่นั่นพวกเขาได้เผาเครื่องหอมบนสถานสูงทุกที่ ตามอย่างประชาชาติทั้งหลายได้กระทำ คนเหล่านั้นซึ่งพระยาห์เวห์ได้ทรงกวาดไปให้พ้นหน้าพวกเขา ชาวอิสราเอลได้ทำสิ่งชั่วต่างๆ ทำให้พระยาห์เวห์ทรงพระพิโรธ
|
|
\v 12 เขาทั้งหลายนมัสการรูปเคารพซึ่งพระยาห์เวห์ได้ตรัสแก่พวกเขาแล้วว่า “เจ้าอย่าทำอย่างนี้”
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 13 พระยาห์เวห์ยังได้ทรงตักเตือนอิสราเอลและยูดาห์ ผ่านทางผู้เผยพระวจนะทุกคนและผู้ทำนายทุกคนว่า “จงหันจากทางชั่วทั้งหลายของเจ้า และรักษาพระบัญญัติของเราและกฎเกณฑ์ของเรา ตามธรรมบัญญัติทั้งสิ้นซึ่งเราได้บัญชาแก่บรรพบุรุษของเจ้า และซึ่งเราได้ส่งมายังเจ้า ทางบรรดาผู้เผยพระวจนะผู้รับใช้ของเรา”
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 14 แต่พวกเขาไม่ฟัง พวกเขาดื้อดึงอย่างมากเหมือนอย่างบรรพบุรุษของพวกเขาผู้ไม่เชื่อถือพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา
|
|
\v 15 พวกเขาได้ปฏิเสธกฎเกณฑ์และพันธสัญญาของพระองค์ซึ่งพระองค์ทรงกระทำกับบรรพบุรุษของพวกเขา รวมทั้งพระดำรัสเตือนซึ่งประทานแก่พวกเขา เขาทั้งหลายได้ติดตามสิ่งไร้ค่าและพวกเขากลายเป็นคนไร้ค่าไป พวกเขาติดตามชนชาติที่อยู่รอบๆ พวกเขาที่ไม่ได้นับถือพระเจ้า ซึ่งพระยาห์เวห์ได้ทรงห้ามไม่ให้พวกเขาเลียนแบบคนเหล่านั้น
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 16 เขาทั้งหลายได้เพิกเฉยพระบัญญัติทั้งสิ้นของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา พวกเขาได้สร้างรูปเคารพหล่อเป็นลูกโคโลหะสองตัวเพื่อนมัสการ และพวกเขาได้ทำเสาอาเช-ราห์ และพวกเขาได้นมัสการดวงดาวต่างๆ ในท้องฟ้าและพระบาอัล
|
|
\v 17 เขาทั้งหลายให้บุตรชายหญิงของเขาลุยไฟ และเขาทำนายโชคชะตาและทำเวทมนตร์ ทั้งได้ขายตัวเองเพื่อไปทำสิ่งชั่วร้ายในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ ได้ยั่วยุพระองค์ให้ทรงพระพิโรธ
|
|
\v 18 เพราะฉะนั้น พระยาห์เวห์จึงทรงพระพิโรธต่ออิสราเอลยิ่งนัก และทรงให้พวกเขาออกไปพ้นพระพักตร์ของพระองค์ ไม่มีใครเหลืออยู่นอกจากเผ่ายูดาห์เท่านั้น
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 19 แม้แต่เผ่ายูดาห์เองก็ไม่ได้รักษาพระบัญญัติของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา แต่ทำตามในสิ่งที่พวกอิสราเอลได้ทำ
|
|
\v 20 ดังนั้นพระยาห์เวห์จึงทรงปฏิเสธเชื้อสายของอิสราเอลทั้งสิ้น พระองค์ทรงให้เขาทั้งหลายทนทุกข์ และมอบพวกเขาไว้ในมือของผู้ปล้นชิง จนกว่าพระองค์จะทรงเหวี่ยงพวกเขาไปพ้นพระพักตร์ของพระองค์
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 21 พระองค์ทรงฉีกอิสราเอลจากราชวงศ์ของดาวิด และพวกเขาได้ตั้งเยโรโบอัมบุตรชายของเนบัทให้เป็นกษัตริย์ เยโรโบอัมได้ทรงชักนำอิสราเอลไปจากการติดตามพระยาห์เวห์ และทรงทำให้พวกเขาทำบาปอย่างใหญ่หลวง
|
|
\v 22 ประชาชนอิสราเอลได้ดำเนินในบาปทั้งสิ้นของเยโรโบอัมที่ได้ทรงกระทำ เขาทั้งหลายไม่ได้ละทิ้งจากบาปเหล่านั้นเลย
|
|
\v 23 ดังนั้นพระยาห์เวห์ทรงให้อิสราเอลออกไปพ้นพระพักตร์ของพระองค์ ตามที่ตรัสทางบรรดาผู้เผยพระวจนะผู้รับใช้ของพระองค์ ทั้งหมด ดังนั้นอิสราเอลจึงถูกกวาดจากแผ่นดินของตนไปเป็นเชลยในอัสซีเรียจนทุกวันนี้
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 24 กษัตริย์อัสซีเรียได้ทรงนำประชาชนมาจากบาบิโลน คูธาห์ อัฟวา ฮามัท เสฟารวาอิม และให้พวกเขาอาศัยอยู่ในเมืองต่างๆ ของสะมาเรียแทนประชาชนอิสราเอล พวกเขาก็ได้เข้าถือกรรมสิทธิ์ในสะมาเรีย และอาศัยอยู่ในเมืองเหล่านั้น
|
|
\v 25 สิ่งนี้ได้เกิดขึ้นตั้งแต่แรกที่พวกเขามาอาศัยอยู่ที่นั่น พวกเขาก็ไม่ได้ให้พระเกียรติพระยาห์เวห์ ฉะนั้น พระยาห์เวห์จึงได้ทรงส่งให้พวกสิงโตมาฆ่าบางคนในท่ามกลางพวกเขา
|
|
\v 26 ดังนั้นพวกเขาจึงทูลต่อกษัตริย์แห่งอัสซีเรียว่า “พวกประชาชาติซึ่งพระองค์ได้ทรงพาไปและให้อยู่ในเมืองต่างๆ ของสะมาเรียล้วนไม่รู้ธรรมเนียมปฏิบัติของพระของแผ่นดินนั้น ฉะนั้นพระนั้นจึงให้สิงโตมาท่ามกลางพวกเขา และดูสิ พวกสิงโตได้ฆ่าผู้คนที่อยู่ที่นั่น เพราะพวกเขาไม่รู้ธรรมเนียมปฏิบัติของพระของแผ่นดินนั้น”
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 27 แล้วกษัตริย์อัสซีเรียจึงบัญชาว่า “จงนำคนหนึ่งในพวกปุโรหิตที่พวกเจ้าได้กวาดต้อนมาจากสะมาเรียกลับไปอยู่ที่นั่น และให้พวกเขาสั่งสอนธรรมเนียมปฏิบัติของพระของแผ่นดินนั้น”
|
|
\v 28 ฉะนั้นคนหนึ่งในพวกปุโรหิตที่พวกเขาได้กวาดต้อนมาจากสะมาเรีย ได้มาอาศัยอยู่ในเมืองเบธเอล เขาสั่งสอนคนเหล่านั้นถึงวิธีการที่พวกเขาควรถวายพระเกียรติแด่พระยาห์เวห์
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 29 ชนเผ่าทุกกลุ่มได้สร้างพวกรูปพระของตนเอง และตั้งไว้ในสถานสูงต่างๆ ซึ่งชาวสะมาเรียสร้างขึ้น ชนเผ่าทุกกลุ่มที่อยู่ในเมืองต่างๆที่พวกเขาอาศัยอยู่
|
|
\v 30 ประชาชนชาวบาบิโลนได้สร้างพระสุคคทเบโนท ประชาชนชาวคูทได้สร้างพระเนอร์กัล ประชาชนชาวฮามัทได้สร้างพระอาชิมา
|
|
\v 31 คนอัฟวาได้สร้างพระนิบหัสและพระทารทัก คนเสฟารวาอิมได้เผาบุตรของตนในไฟถวายพระอัดรัมเมเลคและพระอานัมเมเลค ซึ่งเป็นพระของเมืองเสฟารวาอิม
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 32 พวกเขายังได้ถวายพระเกียรติแด่พระยาห์เวห์ด้วย และได้ตั้งนักบวชแห่งสถานสูงในท่ามกลางพวกเขา ให้ทำหน้าที่แทนพวกเขาในวิหารต่างๆ ที่บนสถานสูง
|
|
\v 33 พวกเขาได้ถวายพระเกียรติแด่พระยาห์เวห์ และได้นมัสการบรรดาพระของพวกเขาเองด้วย ตามธรรมเนียมของบรรดาประชาชาติในท่ามกลางผู้คนที่พวกเขาได้กวาดต้อนมา
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 34 ทุกวันนี้พวกเขาก็ยังคงทำตามธรรมเนียมเดิมของพวกเขา เขาทั้งหลายไม่ถวายพระเกียรติแด่พระยาห์เวห์ และไม่ติดตามกฎเกณฑ์ กฎหมาย ธรรมบัญญัติ หรือพระบัญญัติต่างๆ ซึ่งพระยาห์เวห์ได้ทรงบัญชาแก่คนของยาโคบ ผู้ที่พระองค์ได้ประทานนามให้ว่าอิสราเอล
|
|
\v 35 และผู้ที่พระยาห์เวห์ได้ทรงทำพันธสัญญากับเขาทั้งหลายและบัญชาพวกเขาว่า “อย่ายำเกรงพระอื่นๆ หรือกราบนมัสการพระนั้น หรือปรนนิบัติ หรือถวายสัตวบูชาแก่พระนั้น
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 36 แต่เจ้าจงยำเกรงพระยาห์เวห์ ผู้ได้นำเจ้าออกจากแผ่นดินอียิปต์ด้วยฤทธานุภาพยิ่งใหญ่ และด้วยพระกรที่เหยียดออก คือผู้เดียวที่เจ้าต้องถวายพระเกียรติ เจ้าจะหมอบกราบต่อพระองค์ และจงถวายสัตวบูชาแด่พระองค์
|
|
\v 37 กฎเกณฑ์ กฎหมาย ธรรมบัญญัติ และพระบัญญัติต่างๆ ซึ่งพระองค์ได้ทรงจารึกสำหรับพวกเจ้า เจ้าจงระวังที่จะทำตามเสมอ ดังนั้นเจ้าต้องไม่ยำเกรงพระอื่นใดเลย
|
|
\v 38 และเจ้าอย่าลืมพันธสัญญาที่เราได้ทำไว้กับเจ้า เจ้าต้องไม่ลืม อย่าถวายเกียรติบรรดาพระอื่นเลย
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 39 แต่เจ้าทั้งหลายจงถวายพระเกียรติพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเจ้า พระองค์จะทรงช่วยกู้พวกเจ้าให้พ้นจากอำนาจของศัตรูทั้งสิ้นของพวกเจ้า”
|
|
\v 40 พวกเขาไม่ได้ฟัง เพราะว่าพวกเขายังคงทำสิ่งที่เคยกระทำในอดีตอยู่เรื่อยๆ
|
|
\v 41 ดังนั้นประชาชาติเหล่านี้จึงได้ยำเกรงพระยาห์เวห์ และพวกเขาก็นมัสการรูปเคารพแกะสลักของพวกเขาด้วย พวกบุตรของพวกเขาก็ทำอย่างเดียวกัน หลานของพวกเขาก็ทำอย่างเดียวกัน พวกเขาก็ยังคงทำสิ่งที่บรรพบุรุษของพวกเขาทำจนถึงทุกวันนี้
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\c 18
|
|
\p
|
|
\v 1 บัดนี้ในปีที่สามแห่งรัชกาลโฮเชยาโอรสของเอลาห์ กษัตริย์แห่งอิสราเอล เฮเซคียาห์โอรสของอาหัสกษัตริย์ยูดาห์ได้ทรงขึ้นครองราชย์
|
|
\v 2 เมื่อพระองค์ทรงครองราชย์นั้น พระองค์มีพระชนมายุยี่สิบห้าพรรษา พระองค์ทรงครองราชย์ในกรุงเยรูซาเล็มยี่สิบเก้าปี พระมารดาของพระองค์มีพระนามว่า อาบียาห์ นางเป็นบุตรหญิงของเศคาริยาห์
|
|
\v 3 พระองค์ทรงทำสิ่งที่ชอบธรรมในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ ตามที่ดาวิดบรรพบุรุษของพระองค์ทรงกระทำตัวอย่างไว้ทั้งสิ้น
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 4 พระองค์ทรงรื้อสถานสูงทิ้งไป ทรงทำลายเสาหินศักดิ์สิทธิ์ลง และทรงโค่นพวกเสาอาเชราห์ลงเสีย พระองค์ทรงทุบงูทองสัมฤทธิ์ซึ่งโมเสสสร้างขึ้นนั้นเสียเป็นชิ้นๆ เพราะว่าคนอิสราเอลเผาเครื่องหอมให้แก่งูนั้นจนถึงวันเหล่านั้น งูนั้นเรียกว่า “เนหุชทาน”
|
|
\v 5 เฮเซคียาห์ทรงวางพระทัยในพระยาห์เวห์พระเจ้าอิสราเอล เพราะฉะนั้นในบรรดากษัตริย์ยูดาห์ต่อจากพระองค์มา หรือในบรรดาผู้อยู่ก่อนพระองค์ ไม่มีผู้ใดเหมือนพระองค์
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 6 เพราะว่าพระองค์ทรงวางใจในพระยาห์เวห์อย่างมั่นคง พระองค์ไม่ทรงหยุดการติดตามพระองค์เลย แต่ได้ทรงรักษาพระบัญญัติซึ่งพระยาห์เวห์ทรงบัญชาโมเสส
|
|
\v 7 ดังนั้นพระยาห์เวห์จึงสถิตกับเฮเซคียาห์ และพระองค์ทรงประสบความสำเร็จไม่ว่าที่ใดก็ตามที่ได้ทรงกระทำ พระองค์ทรงกบฏต่อกษัตริย์อัสซีเรีย และไม่ยอมปรนนิบัติพระองค์
|
|
\v 8 พระองค์ทรงโจมตีคนฟีลิสเตียไปจนถึงเมืองกาซาและดินแดนโดยรอบ ตั้งแต่หอคอยจนถึงป้อมปราการ
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 9 ในปีที่สี่แห่งรัชกาลกษัตริย์เฮเซคียาห์ ซึ่งเป็นปีที่เจ็ดแห่งรัชกาลโฮเชยาโอรสของเอลาห์ กษัตริย์อิสราเอล แชลมาเนเสอร์กษัตริย์อัสซีเรียได้ทรงยกทัพขึ้นมารบกับสะมาเรีย และล้อมเมืองไว้
|
|
\v 10 สิ้นสามปีก็ยึดเมืองนั้นได้ ในปีที่หกของรัชกาลเฮเซคียาห์ ซึ่งเป็นปีที่เก้าของรัชกาลโฮเชยากษัตริย์อิสราเอล สะมาเรียก็ถูกยึดไปได้
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 11 ดังนั้นกษัตริย์อัสซีเรียได้กวาดต้อนคนอิสราเอลไปยังอัสซีเรีย และพาพวกเขาไปไว้ที่ฮาลาห์ และที่แม่น้ำฮาโบร์แห่งเมืองโกซาน และในเมืองต่างๆ ของคนมีเดีย
|
|
\v 12 พระองค์ทรงทำสิ่งนี้เพราะพวกเขาไม่เชื่อฟังพระสุรเสียงของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา แต่พวกเขาได้ทำผิดต่อข้อกำหนดของพันธสัญญาของพระองค์ คือทำผิดต่อทุกอย่างซึ่งโมเสสผู้รับใช้ของพระยาห์เวห์ได้สั่งไว้ เขาทั้งหลายปฏิเสธที่จะฟังหรือทำตาม
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 13 แล้วในปีที่สิบสี่แห่งรัชกาลกษัตริย์เฮเซคียาห์ เซนนาเคอริบกษัตริย์อัสซีเรียได้ทรงยกขึ้นมาต่อสู้บรรดาเมืองที่มีป้อมของยูดาห์ และยึดเมืองเหล่านั้น
|
|
\v 14 ดังนั้นเฮเซคียาห์กษัตริย์ยูดาห์จึงทรงใช้คนไปทูลกษัตริย์อัสซีเรียที่เมืองลาคีชว่า “ข้าพเจ้าได้ทำผิดต่อท่าน ขอท่านถอนทัพไปจากข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะยอมเสียเครื่องบรรณาการตามที่ท่านเรียกร้อง” และกษัตริย์อัสซีเรียได้เรียกร้องเอาจากเฮเซคียาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์เป็นเงินสามร้อยตะลันต์ และทองคำสามสิบตะลันต์
|
|
\v 15 ดังนั้นเฮเซคียาห์ได้มอบเงินทั้งหมดซึ่งมีอยู่ในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ และในพระคลังของพระราชวังของกษัตริย์
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 16 แล้วเฮเซคียาห์ทรงลอกทองคำจากประตูทั้งหลายของพระวิหารของพระยาห์เวห์ และจากเสาประตูทั้งหลายซึ่งเฮเซคียาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์ได้ทรงหุ้มไว้ พระองค์ทรงมอบแก่กษัตริย์อัสซีเรีย
|
|
\v 17 แต่กษัตริย์แห่งอัสซีเรียทรงมีรับสั่งให้เคลื่อนกองทัพอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ โดยส่งทารทานและรับสารีสกับผู้บัญชาการใหญ่ออกจากเมืองลาคีชไปเข้าเฝ้ากษัตริย์เฮเซคียาห์ที่กรุงเยรูซาเล็ม พวกเขาได้ขึ้นไปทางถนนและไปถึงด้านนอกของกรุงเยรูซาเล็ม พวกเขาเดินทัพมาใกล้ตรงทางรางระบายน้ำสระบน ซึ่งเป็นเส้นทางของการซักล้าง และหยุดทัพที่นั่น
|
|
\v 18 เมื่อพวกเขาเรียกหากษัตริย์เฮเซคียาห์ เอลียาคิมบุตรชายของฮิลคียาห์เจ้ากรมวัง เชบนาห์ราชอาลักษณ์ และโยอาห์บุตรชายของอาสาฟราชเลขาได้ออกมาพบพวกเขา
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 19 ดังนั้นผู้บัญชาการใหญ่พูดกับพวกเขาให้บอกกับเฮเซคียาห์ว่า กษัตราธิราชแห่งอัสซีเรียตรัสดังนี้ว่า “อะไรคือแหล่งของความวางใจของพวกเจ้า?
|
|
\v 20 พวกเจ้าพูดแต่สิ่งที่ไร้สาระ กล่าวว่ามีพันธมิตรและแสนยานุภาพเพื่อการสงคราม บัดนี้พวกเจ้าวางใจในใครหรือ? ใครหรือที่มอบความกล้าหาญให้พวกเจ้าเพื่อแข็งข้อต่อเรา?
|
|
\v 21 นี่แน่ะ เจ้าพึ่งไม้เท้าต้นกกที่หักคือ อียิปต์ ซึ่งจะตำมือคนที่ใช้ไม้เท้านั้นค้ำยันด้วยความเจ็บปวด นั่นคือฟาโรห์กษัตริย์แห่งอียิปต์เป็นเช่นนี้ต่อทุกคนที่พึ่งเขา
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 22 แต่ถ้าเจ้าทั้งหลายจะบอกข้าว่า ‘พวกเราพึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเรา’ ก็สถานสูงและแท่นบูชาของพระเจ้านั้นไม่ใช่หรือที่เฮเซคียาห์ รื้อทิ้งเสียและกล่าวกับยูดาห์ และเยรูซาเล็มว่า ‘ท่านทั้งหลายจงนมัสการที่หน้าแท่นบูชานี้ในกรุงเยรูซาเล็มเถิด’?
|
|
\v 23 ดังนั้นมาทำข้อต่อรองกับกษัตริย์อัสซีเรียเจ้านายของข้า แล้วข้าจะให้ม้าสองพันตัวแก่เจ้า ถ้าเจ้าหาพวกคนขี่ม้าให้กับพวกเขาได้
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 24 เจ้าจะต้านทานนายกองคนเดียวในหมู่ข้าราชบริพารผู้อ่อนแอที่สุดของนายข้าได้อย่างไร? เพราะเจ้ายังพึ่งอียิปต์เรื่องรถม้าศึกและทหารม้า
|
|
\v 25 ข้าได้เดินทางมาที่นี่โดยที่ไม่มีพระยาห์เวห์ที่สถานที่นี้เพื่อต่อสู้และทำลายหรือ? พระยาห์เวห์ตรัสกับข้าว่า ‘จงขึ้นไปต่อสู้กับแผ่นดินนี้และทำลายเสีย’”
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 26 แล้วเอลียาคิมบุตรชายของฮิลคียาห์และเชบนาห์ และโยอาห์ได้พูดกับผู้บัญชาการใหญ่ว่า “ขอพูดกับผู้รับใช้ของท่านด้วยภาษาอาราเมคเถิด เพราะเราเข้าใจภาษานั้น อย่าพูดกับเราด้วยภาษายูดาห์ให้เข้าหูประชาชนผู้อยู่บนกำแพงนั้นเลย”
|
|
\v 27 แต่ผู้บัญชาการใหญ่ได้พูดกับเขาทั้งหลายว่า “นายของข้าใช้ให้มาพูดถ้อยคำเหล่านี้แก่นายของเจ้า และแก่เจ้าเท่านั้นหรือ? ไม่ใช่ให้พูดกับคนที่นั่งอยู่บนกำแพง ผู้ที่จะต้องกินอุจจาระและดื่มปัสสาวะของพวกเขาเองพร้อมกับเจ้าด้วยหรือ?”
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 28 แล้วผู้บัญชาการใหญ่ยืนขึ้นตะโกนเสียงดังเป็นภาษายูดาห์ว่า “จงฟังดำรัสของกษัตราธิราชคือกษัตริย์อัสซีเรีย
|
|
\v 29 กษัตริย์ตรัสว่า ‘อย่าให้เฮเซคียาห์หลอกลวงเจ้าทั้งหลาย เพราะเขาจะไม่สามารถช่วยเจ้าจากอำนาจของข้า
|
|
\v 30 อย่าให้เฮเซคียาห์ทำให้เจ้าพึ่งพระยาห์เวห์โดยกล่าวว่า “พระยาห์เวห์จะทรงช่วยกู้พวกเราแน่ และจะไม่ได้ทรงมอบเมืองนี้ไว้ในมือของกษัตริย์อัสซีเรีย”’
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 31 อย่าฟังเฮเซคียาห์ เพราะกษัตริย์อัสซีเรียได้ตรัสว่า ‘จงสวามิภักดิ์ต่อเรา และออกมาหาเรา แล้วเจ้าแต่ละคนจะได้กินจากเถาองุ่นของตน และจากต้นมะเดื่อของตน และจะได้ดื่มน้ำจากบ่อเก็บน้ำของตน
|
|
\v 32 จนเราจะมานำเจ้าไปยังแผ่นดินที่เหมือนแผ่นดินของเจ้าเอง เป็นแผ่นดินที่มีข้าวและเหล้าองุ่นใหม่ เป็นแผ่นดินที่มีขนมปังและพวกสวนองุ่น แผ่นดินที่มีพวกต้นมะกอกและน้ำผึ้ง เพื่อเจ้าทั้งหลายจะมีชีวิตอยู่และไม่ตาย ‘อย่าฟังเฮเซคียาห์เมื่อเขาชักชวนเจ้าโดยกล่าวว่า ‘พระยาห์เวห์จะทรงช่วยกู้พวกเรา’
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 33 มีพระองค์ไหนของประชาชาติเคยช่วยกู้แผ่นดินของตนให้พ้นจากพระหัตถ์ของกษัตริย์อัสซีเรียได้บ้าง?
|
|
\v 34 พระของเมืองฮามัทและเมืองอารปัดอยู่ที่ไหน? พระของเมืองเสฟารวาอิม เฮนาและอิฟวาห์อยู่ที่ไหน? พระเหล่านี้ได้ช่วยกู้สะมาเรียจากมือของเราหรือ?
|
|
\v 35 พระองค์ไหนในบรรดาพระทั้งหมดของประเทศทั้งหลาย ได้ช่วยกู้ประเทศของตนจากมือของเราหรือ? พระยาห์เวห์จะช่วยกู้เยรูซาเล็มจากมือของเราได้หรือ?”
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 36 แต่ประชาชนได้แต่นิ่งไม่ตอบสนองแม้แต่คำเดียว เพราะพระบัญชาของกษัตริย์ได้มีว่า “อย่าตอบเขา”
|
|
\v 37 แล้วเอลียาคิมบุตรชายของฮิลคียาเจ้ากรมวัง และเชบนาห์ราชอาลักษณ์ และโยอาห์บุตรอาสาฟราชเลขา ได้เข้าเฝ้าเฮเซคียาห์ด้วยเสื้อผ้าฉีกขาด และกราบทูลพระองค์ถึงถ้อยคำของผู้บัญชาการใหญ่
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\c 19
|
|
\p
|
|
\v 1 สิ่งนี้ได้เกิดขึ้นเมื่อกษัตริย์เฮเซคียาห์ได้สดับรายงานของพวกเขา พระองค์ทรงฉีกฉลองพระองค์ ทรงเอาผ้ากระสอบคลุมพระองค์ และเสด็จเข้าไปในพระนิเวศของพระยาห์เวห์
|
|
\v 2 พระองค์ได้ทรงใช้เอลียาคิมเจ้ากรมวัง และเชบนาห์ราชอาลักษณ์ และพวกปุโรหิตอาวุโสคลุมตัวด้วยผ้ากระสอบ ได้ไปหาผู้เผยพระวจนะอิสยาห์บุตรชายของอามอส
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 3 เขาทั้งหลายทูลพระองค์ว่า “เฮเซคียาห์ได้ตรัสดังนี้ว่า ‘วันนี้เป็นวันทุกข์ใจ วันถูกติเตียนและอดสู เพราะว่าเด็กก็ถึงกำหนดคลอดแต่พวกเขาไม่มีกำลังที่จะคลอดออกมา
|
|
\v 4 อาจะเป็นเพราะว่าพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะทรงสดับถ้อยคำทั้งสิ้นของผู้บัญชาการใหญ่ผู้ที่กษัตริย์อัสซีเรียนายของเขาได้ส่งมาเยาะเย้ยพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ และพระองค์จะทรงว่ากล่าวเขาด้วยเรื่องถ้อยคำซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้สดับ บัดนี้ขอให้ท่านอธิษฐานเพื่อคนที่ยังคงเหลืออยู่ที่นี่’”
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 5 ดังนั้นเมื่อข้าราชบริพารของกษัตริย์เฮเซคียาห์มาถึงอิสยาห์
|
|
\v 6 และอิสยาห์จึงบอกเขาทั้งหลายว่า “จงทูลนายของท่านเถิดว่า ‘พระยาห์เวห์ได้ตรัสดังนี้ว่า อย่ากลัวเพราะถ้อยคำที่เจ้าได้ยินนั้น ซึ่งข้าราชบริพารทั้งหลายของกษัตริย์อัสซีเรียได้หมิ่นประมาทเรา
|
|
\v 7 ดูสิ เราจะใส่วิญญาณอย่างหนึ่งในเขา เพื่อเขาจะได้ยินข่าวลือและกลับไปยังแผ่นดินของเขา และเราจะให้เขาล้มลงด้วยดาบในแผ่นดินของเขาเอง’””
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 8 แล้วผู้บัญชาการใหญ่จึงกลับไป และพบว่ากษัตริย์อัสซีเรียกำลังสู้รบกับเมืองลิบนาห์ เพราะเขาได้ยินว่ากษัตริย์ได้เสด็จออกจากเมืองลาคีชแล้ว
|
|
\v 9 แล้วเซนนาเคอริบได้สดับว่าทีรหะคาห์กษัตริย์แห่งเอธิโอเปียและอียิปต์ได้ยกกองทัพออกมาสู้รบกับพระองค์แล้ว ดังนั้นพระองค์จึงส่งบรรดาผู้สื่อสารไปเฝ้าเฮเซคียาห์อีกครั้งด้วยข้อความว่า
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 10 “เจ้าจงพูดกับเฮเซคียาห์กษัตริย์ยูดาห์ดังนี้ว่า ‘อย่าให้พระเจ้าของท่านซึ่งท่านวางใจนั้นหลอกลวงท่านว่า “เยรูซาเล็มจะไม่ถูกมอบไว้ในมือของกษัตริย์แห่งอัสซีเรีย”
|
|
\v 11 ดูสิ ท่านได้ยินแล้วว่าสิ่งที่บรรดากษัตริย์อัสซีเรียได้ทรงทำกับแผ่นดินทั้งหมดโดยการทำลายจนหมดสิ้น ฉะนั้นแล้วท่านเองจะรอดพ้นหรือ?
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 12 บรรดาพระของเหล่าประชาชาติซึ่งบรรพบุรุษของเราได้ทำลาย คือชนชาติโกซาน ฮาราน เรเซฟ และประชาชนของเอเดนซึ่งอยู่ในเทลอัสสาร์ได้ช่วยกู้พวกเขาให้พ้นหรือ?
|
|
\v 13 กษัตริย์ของฮามัท กษัตริย์ของอารปัด กษัตริย์ของเมืองเสฟารวาอิม เฮนาและอิฟวาห์อยู่ที่ไหน?’”
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 14 เฮเซคียาห์ทรงรับจดหมายจากมือของผู้สื่อสารและได้ทรงอ่าน และเสด็จขึ้นไปยังพระนิเวศของพระยาห์เวห์ และเฮเซคียาห์ทรงคลี่จดหมายนั้นออกเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์
|
|
\v 15 แล้วเฮเซคียาห์ทรงอธิษฐานเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์และตรัสว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์จอมโยธาพระเจ้าแห่งอิสราเอล ผู้ประทับเหนือเหล่าเครูบ พระองค์คือพระเจ้าองค์เดียวที่อยู่เหนือบรรดาราชอาณาจักรของแผ่นดินโลกทั้งสิ้น พระองค์ทรงสร้างฟ้าและแผ่นดินโลก
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 16 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงเงี่ยพระกรรณและสดับ ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอเบิกพระเนตรมองดู และขอสดับถ้อยคำของเซนนาเคอริบซึ่งเขาส่งมาเย้ยพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์
|
|
\v 17 ข้าแต่พระยาห์เวห์ เป็นความจริงที่กษัตริย์แห่งอัสซีเรียได้ทำให้ประชาชาติและแผ่นดินของพวกเขาร้างเปล่า
|
|
\v 18 พวกเขาได้เหวี่ยงพระของพวกเขาลงในกองไฟ เพราะสิ่งเหล่านั้นไม่ใช่พระเจ้า เป็นแต่ผลงานของมือมนุษย์ เป็นไม้และหิน เพราะฉะนั้นชาวอัสซีเรียจึงทำลายสิ่งเหล่านั้นได้
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 19 ฉะนั้นบัดนี้ ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลาย ขอทรงช่วยพวกข้าพระองค์ให้พ้นอำนาจของเขา เพื่อราชอาณาจักรทั้งสิ้นแห่งแผ่นดินโลกจะทราบว่า พระองค์คือพระยาห์เวห์ ทรงเป็นพระเจ้าแต่องค์เดียว”
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 20 แล้วอิสยาห์บุตรชายของอามอสได้ใช้คนส่งสารไปถึงเฮเซคียาห์ทูลว่า “พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า ‘เพราะเจ้าได้อธิษฐานต่อเราเรื่องเซนนาเคอริบกษัตริย์อัสซีเรีย เราได้ยินคำอธิษฐานของเจ้าแล้ว
|
|
\v 21 สิ่งนี้คือถ้อยคำของพระยาห์เวห์ที่ได้ตรัสถึงเขา “ธิดาพรหมจารีแห่งศิโยน ดูถูกเจ้า และหัวเราะเยาะเจ้า ธิดาแห่งเยรูซาเล็มสั่นศีรษะของนางใส่เจ้า
|
|
\v 22 เจ้าได้เย้ยและกล่าวหยาบช้าต่อผู้ใดหรือ? เจ้าขึ้นเสียงของเจ้าต่อผู้ใด และได้เบิ่งตาของเจ้าอย่างเย่อหยิ่งต่อผู้ใดหรือ? ก็ต่อองค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอลน่ะซิ
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 23 โดยผู้สื่อสารของเจ้า เจ้าได้เย้ยองค์พระผู้เป็นเจ้า และเจ้าได้ว่า ‘ด้วยรถม้าศึกมากมายของข้า ข้าได้ขึ้นไปที่สูงของภูเขาต่างๆ ถึงที่ไกลสุดของเลบานอน ข้าจะโค่นต้นสนสีดาร์ที่สูงที่สุดของมันลง ทั้งต้นสนสามใบที่ดีที่สุดของมัน ข้าจะเข้าไปยังที่พักไกลลิบที่สุดของมัน ที่ป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดของมัน
|
|
\v 24 ข้าได้ขุดบ่อ และดื่มน้ำในดินแดนต่างด้าว ข้าได้เอาฝ่าเท้าของข้า ทำให้ธารน้ำทั้งสิ้นของอียิปต์แห้งไป’
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 25 เจ้าไม่ได้ยินหรือว่า เราได้ตัดสินใจไว้นานแล้ว และที่เราได้วางแผนงานไว้แต่ดึกดำบรรพ์อย่างไร? บัดนี้เรากำลังให้มันเกิดขึ้นแล้ว เจ้าอยู่ที่นี่เพื่อทำให้บรรดาเมืองที่แข็งแกร่งพังลงเหลือเป็นซากปรักหักพัง
|
|
\v 26 ส่วนชาวเมืองผู้อาศัยในเมืองนั้นซึ่งมีกำลังน้อย ได้ถูกทำให้เสื่อมเสียและอับอาย พวกเขาเป็นเหมือนต้นไม้ในทุ่งนา เหมือนหญ้าเขียวอ่อน เหมือนหญ้าบนหลังคาเรือนหรือในทุ่งนา ซึ่งถูกเผาไหม้ก่อนที่จะงอกงาม
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 27 แต่เราได้รู้จักการที่เจ้านั่งลง การที่เจ้าออกไปและการที่เจ้าเข้ามา และการเกรี้ยวกราดของเจ้าต่อเรา
|
|
\v 28 เพราะการเกรี้ยวกราดของเจ้าต่อเรา และความจองหองของเจ้าได้มาเข้าหูของเรา ฉะนั้นเราจะเอาตะขอของเราเกี่ยวจมูกเจ้า และเอาบังเหียนของเราใส่ปากเจ้า แล้วเราจะหันเจ้าให้กลับไปตามทางซึ่งเจ้ามานั้น”
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 29 และนี่จะเป็นหมายสำคัญแก่เจ้าคือ ปีนี้เจ้าจะกินสิ่งที่งอกขึ้นเอง และในปีที่สองกินสิ่งที่ผลิจากต้นเดิม แต่ในปีที่สามเจ้าต้องเพาะปลูกและเก็บเกี่ยว ต้องทำสวนองุ่นและกินผลของพวกมัน
|
|
\v 30 คนของวงศ์วานยูดาห์ที่เหลืออยู่และรอดชีวิตจะหยั่งรากลงและเกิดผลขึ้นอีกครั้ง
|
|
\v 31 เพราะคนที่เหลืออยู่จะออกจากกรุงเยรูซาเล็ม และคนที่รอดอยู่จะออกจากภูเขาศิโยน ความกระตือรือร้นของพระยาห์เวห์จอมโยธาจะทำการนี้
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 32 เพราะฉะนั้นพระยาห์เวห์จึงตรัสเกี่ยวกับกษัตริย์แห่งอัสซีเรียดังนี้ว่า “เขาจะไม่เข้าในเมืองนี้ หรือยิงลูกธนูมาที่นี่ หรือเขาจะไม่เข้ามาก่อนด้วยโล่ หรือสร้างบันไดบุกขึ้นมา
|
|
\v 33 ทางไหนที่เขาเข้ามา ก็จะเป็นทางเดียวกันที่เขาจะกลับไปทางนั้น เขาจะไม่เข้าเมืองนี้ พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ”
|
|
\v 34 เพราะเราจะป้องกันเมืองนี้ไว้ให้รอด เพื่อเห็นแก่เราเอง และเห็นแก่ดาวิดผู้รับใช้ของเรา’”
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 35 อยู่มาในคืนนั้น ทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์ได้ออกไป และประหารทหารในค่ายอัสซีเรียเสีย 185,000 นาย และเมื่อคนลุกขึ้นในตอนเช้ามืด ดูสิ พวกเขาทั้งหมดกลายเป็นศพในทุกที่
|
|
\v 36 ดังนั้นเซนนาเคอริบกษัตริย์แห่งอัสซีเรียจึงจึงทรงยกทัพออกจากอิสราเอลและทรงเสด็จกลับวัง และทรงประทับในกรุงนีนะเวห์
|
|
\v 37 ต่อมา เมื่อพระองค์นมัสการในศาลาของพระนิสโรคพระของพระองค์ อัดรัมเมเลคและชาเรเซอร์ โอรสของพระองค์ก็ได้ประหารพระองค์ด้วยดาบ แล้วเขาทั้งสองก็หนีไปยังแผ่นดินอารารัต แล้วเอสารฮัดโดนโอรสของพระองค์ก็ได้ทรงเป็นกษัตริย์แทน
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\c 20
|
|
\p
|
|
\v 1 ในเวลานั้น เฮเซคียาห์ได้ทรงพระประชวรใกล้จะสวรรคต ดังนั้นผู้เผยพระวจนะอิสยาห์บุตรชายของอามอสมาเข้าเฝ้าพระองค์ และทูลพระองค์ว่า “พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า ‘จงจัดการบ้านเมืองของเจ้าให้เรียบร้อย เพราะเจ้าจะตายและไม่มีชีวิตอยู่’”
|
|
\v 2 แล้วเฮเซคียาห์ทรงหันพระพักตร์เข้าข้างฝา และอธิษฐานต่อพระยาห์เวห์ว่า
|
|
\v 3 “ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงระลึกว่า ข้าพระองค์ได้ดำเนินอยู่เฉพาะพระพักตร์ของพระองค์ด้วยความซื่อสัตย์และด้วยความเต็มใจ และทำสิ่งที่ดีในสายพระเนตรของพระองค์” แล้วเฮเซคียาห์จึงกันแสงเสียงดัง
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 4 ก่อนที่อิสยาห์จะออกไปถึงลานกลาง พระวจนะของพระยาห์เวห์มาถึงท่านว่า
|
|
\v 5 “จงกลับไปบอกเฮเซคียาห์ผู้นำประชาชนของเราว่า 'นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของดาวิดบรรพบุรุษของเจ้าตรัส “เราได้ยินคำอธิษฐานของเจ้าแล้ว เราได้เห็นน้ำตาของเจ้าแล้ว เราจะรักษาเจ้า ในวันที่สาม เจ้าจะขึ้นไปยังพระนิเวศของพระยาห์เวห์
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 6 เราจะเพิ่มชีวิตของเจ้าอีกสิบห้าปี เราจะช่วยกู้เจ้าและเมืองนี้จากมือของกษัตริย์แห่งอัสซีเรีย และเราจะป้องกันเมืองนี้ไว้เพื่อเห็นแก่เราเอง และเพื่อเห็นแก่ดาวิดผู้รับใช้ของเรา”’”
|
|
\v 7 ดังนั้นอิสยาห์จึงบอกว่า “จงเอาขนมมะเดื่อมาอันหนึ่ง” พวกเขาก็เอามาวางไว้บนพระยอดของพระองค์นั้น แล้วพระองค์ก็ทรงหายเป็นปกติ
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 8 เฮเซคียาห์ตรัสกับอิสยาห์ว่า “อะไรเป็นหมายสำคัญที่แสดงว่าพระยาห์เวห์จะทรงรักษาข้าพเจ้า และที่แสดงว่าข้าพเจ้าจะได้ขึ้นไปยังพระนิเวศของพระยาห์เวห์ในวันที่สาม?”
|
|
\v 9 อิสยาห์ทูลว่า “นี้เป็นหมายสำคัญสำหรับพระองค์จากพระยาห์เวห์ ที่พระยาห์เวห์จะได้ทรงทำตามที่พระองค์ตรัสไว้ คือจะให้เงาคืบไปข้างหน้าสิบขั้น หรือจะให้ย้อนกลับมาสิบขั้น?”
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 10 เฮเซคียาห์ตรัสตอบว่า “เป็นเรื่องง่ายที่เงาจะยาวออกไปอีกสิบขั้น อย่าเลย ขอให้เงาย้อนกลับมาสิบขั้นเถิด”
|
|
\v 11 ดังนั้นอิสยาห์ผู้เผยพระวจนะได้ร้องทูลพระยาห์เวห์ และพระองค์ทรงนำเงาย้อนกลับมาสิบขั้น จากที่ซึ่งมันย้อนกลับขึ้นไปบนขั้นบันไดของอาหัส
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 12 คราวนั้นเมโรดัคบาลาดัน พระราชโอรสของบาลาดันกษัตริย์แห่งบาบิโลน ได้ทรงส่งพระราชสารและเครื่องบรรณาการมายังเฮเซคียาห์ เพราะพระองค์ได้สดับว่าเฮเซคียาห์ทรงพระประชวร
|
|
\v 13 เฮเซคียาห์ทรงฟังพระราชสารเหล่านั้น และทรงพาพวกผู้สื่อสารชมคลังทรัพย์ทั้งหมดของพระองค์ ให้ชมเงิน ทองคำ เครื่องเทศ น้ำมันอย่างดี และคลังพระแสงของพระองค์ และให้ทอดพระเนตรทุกอย่างซึ่งมีในท้องพระคลังของพระองค์ ไม่มีสิ่งใดในพระราชวังหรือในราชอาณาจักรทั้งสิ้นของพระองค์ ซึ่งเฮเซคียาห์ไม่ได้สำแดงแก่พวกพระองค์
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 14 แล้วอิสยาห์ผู้เผยพระวจนะจึงมาเข้าเฝ้ากษัตริย์เฮเซคียาห์ และทูลถามพระองค์ว่า “คนเหล่านี้ทูลอะไรบ้าง? และเขามาเฝ้าพระองค์จากที่ไหน?” เฮเซคียาห์ได้ตรัสว่า “พวกเขามาจากเมืองไกลคือจากประเทศบาบิโลน”
|
|
\v 15 อิสยาห์ทูลถามว่า “พวกเขาเห็นอะไรในพระราชวังของพระองค์บ้าง?” เฮเซคียาห์ตรัสตอบว่า “เขาเห็นทุกอย่างในวังของเรา ไม่มีสิ่งมีค่าใดในพระคลังของเราที่เราไม่ได้สำแดงแก่พวกเขา”
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 16 ดังนั้นอิสยาห์จึงทูลเฮเซคียาห์ว่า “จงฟังพระวจนะของพระยาห์เวห์
|
|
\v 17 ‘นี่แน่ะ วันเวลากำลังมาถึงเมื่อทุกสิ่งในวังของท่าน และสิ่งที่บรรพบุรุษของท่านได้สะสมมาจนถึงทุกวันนี้ จะต้องถูกเอาไปยังบาบิโลน และไม่มีสิ่งใดเหลือเลย พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ
|
|
\v 18 โอรสทั้งหลายซึ่งถือกำเนิดจากท่าน ผู้ซึ่งท่านได้เป็นบิดา คนเหล่านั้นจะเอาตัวพวกเขาไป และพวกเขาจะไปเป็นขันทีในพระราชวังของกษัตริย์แห่งบาบิโลน’”
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 19 แล้วเฮเซคียาห์ได้ตรัสกับอิสยาห์ว่า “พระวจนะของพระยาห์เวห์ซึ่งท่านกล่าวนั้นดีแล้ว” เพราะพระองค์ไทรงคิดว่า “ก็ดีแล้วมิใช่หรือ ในเมื่อมีความอยู่เย็นเป็นสุขและความปลอดภัยในสมัยของเรา?”
|
|
\v 20 ส่วนพระราชกิจอื่นๆ ของเฮเซคียาห์ และพระราชอำนาจทั้งสิ้นของพระองค์ และการที่พระองค์ได้ทรงสร้างสระและรางระบายน้ำ และวิธีที่พระองค์ได้นำน้ำเข้ามาในกรุงได้อย่างไร ได้บันทึกไว้ในหนังสือพงศาวดารกษัตริย์แห่งยูดาห์ไม่ใช่หรือ?
|
|
\v 21 เฮเซคียาห์ได้ทรงล่วงหลับไปอยู่กับบรรพบุรุษของพระองค์ และมนัสเสห์พระราชโอรสของพระองค์ได้ทรงขึ้นเป็นกษัตริย์แทน
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\c 21
|
|
\p
|
|
\v 1 มนัสเสห์ทรงมีพระชนมายุสิบสองพรรษาเมื่อได้ทรงครองราชย์ พระองค์ทรงครองราชย์ในกรุงเยรูซาเล็มห้าสิบห้าปี พระมารดาของพระองค์มีพระนามว่าเฮฟซีบาห์
|
|
\v 2 พระองค์ได้ทรงทำสิ่งชั่วร้ายในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ ตามการกระทำที่น่าเกลียดน่าชังของประชาชาติทั้งหลายซึ่งพระยาห์เวห์ทรงขับไล่ไปให้พ้นหน้าประชาชนอิสราเอล
|
|
\v 3 พระองค์ทรงสร้างสถานสูงซึ่งเฮเซคียาห์พระราชบิดาของพระองค์ได้ทรงทำลายนั้น และพระองค์ทรงตั้งแท่นบูชาต่างๆ แด่พระบาอัล และทรงสร้างเสาพระอาเชราห์ขึ้นใหม่เหมือนที่อาหับกษัตริย์แห่งอิสราเอลได้ทรงกระทำ และทรงก้มกราบดวงดาวทั้งหมดของท้องฟ้า และนมัสการสิ่งเหล่านั้น
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 4 มนัสเสห์ได้ทรงสร้างแท่นบูชาของพระต่างชาติในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ ทั้งๆ ที่พระยาห์เวห์ได้ตรัสว่า “เราจะใส่ชื่อของเราไว้ในกรุงเยรูซาเล็มตลอดไป”
|
|
\v 5 พระองค์ได้ทรงสร้างแท่นบูชาต่างๆ แด่ดวงดาวต่างๆ ทั้งหมดของท้องฟ้า ในลานทั้งสองแห่งของพระนิเวศของพระยาห์เวห์
|
|
\v 6 พระองค์ได้ทรงนำพระราชโอรสไปเผาไฟ และทรงดูฤกษ์ยาม ทรงทำเวทมนตร์ และทรงติดต่อกับคนที่ตายไปแล้ว และคนที่พูดกับภูติผีต่างๆ ได้ พระองค์ได้ทรงทำสิ่งชั่วร้ายมากมายในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ ยั่วยุให้พระเจ้าพิโรธ
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 7 ส่วนรูปแกะสลักของพระอาเชราห์ที่พระองค์ได้ทรงสร้างนั้น พระองค์ทรงตั้งไว้ในพระนิเวศ ซึ่งพระนิเวศนี้พระยาห์เวห์ได้ตรัสกับดาวิดและซาโลมอนพระราชโอรสของพระองค์ว่า “ในนิเวศนี้ และในกรุงเยรูซาเล็ม ซึ่งเราได้เลือกออกจากเผ่าทั้งหมดของอิสราเอล ที่เราจะใส่ชื่อของเราไว้เป็นนิตย์
|
|
\v 8 เราจะไม่เป็นเหตุให้เท้าของอิสราเอลพเนจรออกจากแผ่นดินที่เราให้กับบรรพบุรุษของพวกเขาอีก ถ้าเพียงแต่พวกเขาระมัดระวังที่จะทำตามทุกสิ่งซึ่งเราได้บัญชาพวกเขา และทำตามธรรมบัญญัติทั้งสิ้นที่โมเสสผู้รับใช้ของเราได้บัญชาพวกเขาไว้”
|
|
\v 9 แต่ประชาชนไม่ฟัง และมนัสเสห์ได้ทรงนำพวกเขาให้หลงทำชั่วยิ่งกว่าบรรดาประชาชาติซึ่งพระยาห์เวห์ได้ทรงทำลายให้พ้นหน้าประชาชนอิสราเอล
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 10 ดังนั้นพระยาห์เวห์ได้ตรัสทางพวกผู้เผยพระวจนะผู้รับใช้ของพระองค์ว่า
|
|
\v 11 “เพราะมนัสเสห์กษัตริย์แห่งยูดาห์ได้ทำสิ่งที่น่าเกลียดน่าชังเหล่านี้ และทำชั่วยิ่งกว่าที่คนอาโมไรต์ผู้อยู่ก่อนเขาได้ทำทั้งหมด อีกทั้งยังทำให้ยูดาห์ทำบาปด้วยบรรดารูปเคารพของเขา
|
|
\v 12 เพราะฉะนั้น พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า นี่แน่ะ เรากำลังนำเหตุร้ายมาเหนือกรุงเยรูซาเล็มและยูดาห์ ที่ใครก็ตามได้ยินแล้ว หูทั้งสองข้างของเขาจะอื้อไป
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 13 เราจะวัดกรุงกรุงเยรูซาเล็มโดยใช้เชือกเส้นเดียวกับที่เราวัดกรุงสะมาเรีย และใช้ลูกดิ่งอันเดียวกับที่วัดราชวงศ์อาหับ เราจะล้างกรุงเยรูซาเล็มให้สะอาดอย่างคนล้างจาน คือล้างแล้วก็คว่ำลง
|
|
\v 14 เราจะทิ้งมรดกส่วนที่เหลือของเราเสีย และมอบพวกเขาไว้ในมือศัตรูของพวกเขา และพวกเขาจะเป็นเหยื่อและเป็นของริบของศัตรูทั้งหมดของพวกเขา
|
|
\v 15 เพราะพวกเขาได้ทำสิ่งชั่วร้ายในสายตาของเรา และยั่วให้เราโกรธ ตั้งแต่วันที่บรรพบุรุษของพวกเขาออกจากอียิปต์จนถึงทุกวันนี้”
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 16 ยิ่งกว่านั้นอีก มนัสเสห์ได้ทรงทำให้โลหิตของผู้บริสุทธิ์ตกเป็นอันมาก จนพระองค์ทำให้ความตายเต็มกรุงเยรูซาเล็มจากด้านหนึ่งถึงอีกด้านหนึ่ง นอกเหนือจากบาปที่ได้ทรงทำให้ยูดาห์ทำผิดด้วย เมื่อพวกเขาทำสิ่งชั่วร้ายในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์
|
|
\v 17 ส่วนราชกิจอื่นๆ ของมนัสเสห์ และทุกสิ่งที่ได้ทรงกระทำ และบาปซึ่งพระองค์ได้ทรงกระทำถูกบันทึกไว้ในหนังสือพงศาวดารกษัตริย์แห่งยูดาห์ไม่ใช่หรือ?
|
|
\v 18 มนัสเสห์ทรงล่วงหลับไปอยู่กับบรรพบุรุษ และได้ทรงถูกฝังไว้ในพระราชอุทยานของพระราชวังของพระองค์เองในสวนอุสซา อาโมนพระราชโอรสของพระองค์ได้ทรงขึ้นเป็นกษัตริย์แทน
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 19 อาโมนมีพระชนมายุยี่สิบสองพรรษาเมื่อพระองค์ได้ทรงครองราชย์ พระองค์ทรงครองราชย์ในกรุงเยรูซาเล็มสองปี พระมารดาของพระองค์มีพระนามว่า เมชุลเลเมท นางเป็นบุตรหญิงของฮารูสชาวโยทบาห์
|
|
\v 20 พระองค์ทรงทำสิ่งชั่วร้ายในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ เหมือนมนัสเสห์บิดาของพระองค์ได้ทรงกระทำ
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 21 อาโมนทรงดำเนินในทางทั้งสิ้นที่พระราชบิดาของพระองค์ได้ทรงดำเนิน และนมัสการรูปเคารพซึ่งพระราชบิดาของพระองค์ได้ทรงนมัสการ และก้มกราบรูปเคารพเหล่านั้น
|
|
\v 22 พระองค์ทรงละทิ้งพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของพระองค์ และไม่ได้ทรงดำเนินในมรรคาของพระยาห์เวห์
|
|
\v 23 ข้าราชบริพารของอาโมนได้ร่วมกันคิดกบฏ และได้ปลงพระชนม์กษัตริย์ในพระราชวังของพระองค์เอง
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 24 แต่ประชาชนในแผ่นดินได้ฆ่าทุกคนที่ร่วมกันคิดกบฏต่อกษัตริย์อาโมน แล้วประชาชนในแผ่นดินตั้งโยสิยาห์พระราชโอรสของพระองค์ให้เป็นกษัตริย์แทน
|
|
\v 25 ส่วนราชกิจอื่นๆ ของอาโมนที่ได้ทรงกระทำ ได้ถูกบันทึกไว้ในหนังสือพงศาวดารกษัตริย์แห่งยูดาห์ไม่ใช่หรือ?
|
|
\v 26 ประชาชนได้ฝังพระองค์ไว้ในอุโมงค์ฝังศพของพระองค์ในสวนอุสซา และโยสิยาห์พระราชโอรสของพระองค์ได้ทรงขึ้นเป็นกษัตริย์แทน
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\c 22
|
|
\p
|
|
\v 1 โยสิยาห์ทรงมีพระชนมายุได้แปดพรรษาเมื่อพระองค์ทรงครองราชย์ พระองค์ทรงครองราชย์ในกรุงเยรูซาเล็มสามสิบเอ็ดปี พระมารดาของพระองค์มีพระนามว่า เยดีดาห์ (นางเป็นบุตรหญิงของอาดายาห์ชาวโบสคาท)
|
|
\v 2 พระองค์ทรงทำสิ่งที่ชอบธรรมในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ พระองค์ทรงดำเนินตามทางทั้งสิ้นของดาวิดบรรพบุรุษของพระองค์ และพระองค์ไม่ได้ทรงหันเหไปทางขวาหรือทางซ้าย
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 3 สิ่งนี้ได้เกิดขึ้นในปีที่สิบแปดแห่งรัชกาลกษัตริย์โยสิยาห์ พระองค์ได้ทรงใช้ชาฟานบุตรชายของอาซาลิยาห์ บุตรชายของเมชุลลามราชอาลักษณ์ไปยังพระนิเวศของพระยาห์เวห์ ตรัสว่า
|
|
\v 4 “จงขึ้นไปหาฮิลคียาห์มหาปุโรหิต และบอกท่านให้นับเงินที่ได้นำเข้ามาในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ ซึ่งผู้เฝ้าประตูเก็บจากประชาชน
|
|
\v 5 ขอให้มอบไว้ในมือของผู้ทำหน้าที่ดูแลพระนิเวศของพระยาห์เวห์ และให้พวกเขาจ่ายแก่คนงานผู้อยู่ในพระนิเวศของพระยาห์เวห์เพื่อซ่อมแซมพระวิหารสำหรับพวกเขา
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 6 ขอให้พวกเขาให้เงินแก่ช่างไม้ ช่างก่อสร้าง และช่างปูน และที่จะซื้อไม้และหินสกัดเพื่อซ่อมแซมพระวิหารด้วย”
|
|
\v 7 แต่ไม่ต้องรายงานเกี่ยวกับเงินที่มอบไว้ในมือของพวกเขา เพราะพวกเขาได้ทำอย่างซื่อสัตย์
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 8 ฮิลคียาห์มหาปุโรหิตได้พูดกับชาฟานราชอาลักษณ์ว่า “ข้าพเจ้าพบหนังสือธรรมบัญญัติในพระนิเวศของพระยาห์เวห์” ดังนั้นฮิลคียาห์จึงมอบหนังสือนั้นให้ชาฟานและเขาก็ได้อ่าน
|
|
\v 9 ชาฟานได้จากไปและได้นำหนังสือไปถวายกษัตริย์และทูลรายงานต่อพระองค์ว่า “พวกข้าราชบริพารของพระองค์ได้จ่ายเงินที่พบในพระนิเวศ และพวกเขาได้นำเงินไปมอบไว้ในมือของคนงานผู้ทำหน้าที่ดูแลพระนิเวศของพระยาห์เวห์”
|
|
\v 10 แล้วชาฟานราชอาลักษณ์ได้ทูลกษัตริย์ว่า “ฮิลคียาห์ปุโรหิตได้มอบหนังสือแก่ข้าพระองค์ม้วนหนึ่ง” แล้วชาฟานก็ได้อ่านถวายกษัตริย์
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 11 สิ่งนี้ได้เกิดขึ้นเมื่อกษัตริย์ได้สดับถ้อยคำของหนังสือธรรมบัญญัตินั้น และพระองค์ก็ทรงฉีกฉลองพระองค์
|
|
\v 12 กษัตริย์ทรงบัญชาฮิลคียาห์ปุโรหิต และอาหิคัมบุตรชายของชาฟาน และอัคโบร์บุตรชายของมีคายาห์และชาฟานราชอาลักษณ์ และอาสายาห์องครักษ์ของพระองค์เอง ตรัสว่า
|
|
\v 13 “จงไปทูลถามพระยาห์เวห์เพื่อเรา และเพื่อประชาชน และเพื่อยูดาห์ทั้งหมด เกี่ยวกับถ้อยคำในหนังสือนี้ที่ได้พบ เพราะว่าพระพิโรธของพระยาห์เวห์ซึ่งพลุ่งขึ้นต่อพวกเรานั้นใหญ่หลวงนัก เพราะว่าบรรพบุรุษของเราไม่ได้เชื่อฟังถ้อยคำของหนังสือนี้ ที่จะทำทุกสิ่งตามที่เขียนไว้เกี่ยวกับพวกเรา”
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 14 ดังนั้นฮิลคียาห์ปุโรหิต อาหิคัม อัคโบร์ ชาฟาน และอาสายาห์ จึงได้ไปหาฮุลดาห์ผู้เผยพระวจนะหญิงผู้เป็นภรรยาของชัลลูม บุตรชายของทิกวาห์บุตรชายของฮารฮัสผู้ดูแลตู้เสื้อผ้า (นางได้อยู่ในกรุงเยรูซาเล็มในเขตสอง) และพวกเขาได้สนทนากับนาง
|
|
\v 15 นางได้บอกพวกเขาว่า “นี่แหละคือสิ่งที่พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลได้ตรัสว่า ‘จงบอกคนที่ใช้พวกท่านมาหาฉันว่า
|
|
\v 16 “นี่แหละคือสิ่งที่พระยาห์เวห์ตรัส ‘นี่แน่ะ เราจะนำเหตุร้ายมายังสถานที่นี้ และมายังชาวเมืองนี้ ตามถ้อยคำทั้งหมดในหนังสือซึ่งกษัตริย์แห่งยูดาห์ได้อ่านนั้น
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 17 เพราะพวกเขาได้ละทิ้งเรา และเผาเครื่องหอมถวายพระอื่นๆ ซึ่งยั่วยุให้เราโกรธด้วยการกระทำทั้งหมดจากที่พวกเขาได้กระทำ ดังนั้นความโกรธของเราจะจุดขึ้นต่อสถานที่นี้ และจะดับไม่ได้’”
|
|
\v 18 แต่กษัตริย์แห่งยูดาห์ผู้ทรงใช้พวกท่านมาถามน้ำพระทัยของพระยาห์เวห์นั้น จงไปบอกพระองค์ว่า “พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสไว้ว่า ‘เรื่องบรรดาถ้อยคำที่เจ้าได้ยิน
|
|
\v 19 เพราะใจของเจ้าอ่อนน้อม และเจ้าถ่อมตัวลงเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ เมื่อเจ้าได้ยินถ้อยคำซึ่งเรากล่าวโทษสถานที่นี้และชาวเมืองนี้ ซึ่งจะกลายเป็นที่ร้างและที่ถูกแช่งสาป และเจ้าได้ฉีกเสื้อผ้าของเจ้า และร้องไห้ต่อหน้าเรา เราเองก็ได้ยินเจ้าด้วย นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 20 ดูเถิด เราจะนำเจ้าไปไว้กับบรรพบุรุษทั้งหลายของเจ้า และเจ้าจะถูกนำไปยังอุโมงค์ฝังศพของเจ้าอย่างสงบสุข ดวงตาของเจ้าจะไม่เห็นเหตุร้ายทั้งสิ้นที่เราจะนำมายังสถานที่นี้’’”” ดังนั้นผู้ชายทั้งหลายก็ได้นำข่าวสารนี้กลับมาทูลกษัตริย์
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\c 23
|
|
\p
|
|
\v 1 ดังนั้นกษัตริย์ได้ทรงใช้ผู้ส่งสารผู้ซึ่งรวบรวมผู้อาวุโสทั้งหมดของยูดาห์และของกรุงเยรูซาเล็มให้มาเข้าเฝ้าพระองค์
|
|
\v 2 แล้วกษัตริย์ได้เสด็จขึ้นไปยังพระนิเวศของพระยาห์เวห์ พร้อมกับคนยูดาห์ทั้งหมด และชาวกรุงเยรูซาเล็มทั้งสิ้นที่อยู่กับพระองค์ รวมทั้งพวกปุโรหิต พวกผู้เผยพระวจนะ และประชาชนทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นผู้เล็กน้อยหรือผู้ใหญ่ แล้วพระองค์ทรงอ่านถ้อยคำทั้งหมดในหนังสือพันธสัญญา ที่พบในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ให้พวกเขาฟัง
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 3 กษัตริย์ได้ทรงยืนข้างเสา และทรงทำพันธสัญญาเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ ว่าจะดำเนินตามพระยาห์เวห์ และจะรักษาพระบัญญัติ พระโอวาท และกฎเกณฑ์ของพระองค์ ด้วยสุดจิตสุดใจของพระองค์ จะยืนยันถ้อยคำของพันธสัญญานี้ที่เขียนไว้ในหนังสือนี้ ดังนั้น ประชาชนทั้งหมดก็ได้เข้าร่วมในพันธสัญญานั้น
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 4 กษัตริย์ได้ทรงบัญชาฮิลคียาห์มหาปุโรหิต และพวกปุโรหิตที่รองลงมา และผู้เฝ้าประตู ให้นำเครื่องใช้ทั้งสิ้นที่ทำขึ้นสำหรับพระบาอัล สำหรับพระอาเชราห์ และสำหรับบรรดาดวงดาวของท้องฟ้าทั้งสิ้นออกมาจากพระวิหารของพระยาห์เวห์ พระองค์จึงทรงเผาเสียที่ภายนอกกรุงเยรูซาเล็มในทุ่งนาแห่งหุบเขาขิดโรน และทรงขนมูลเถ้าของมันไปยังเบธเอล
|
|
\v 5 พระองค์ทรงกำจัดพวกนักบวชของรูปเคารพ ผู้ที่บรรดากษัตริย์แห่งยูดาห์ได้ทรงแต่งตั้งให้เผาเครื่องหอมในสถานสูง ที่เมืองต่างๆ ของยูดาห์ และที่รอบๆ กรุงเยรูซาเล็ม รวมทั้งคนเหล่านั้นที่เผาเครื่องหอมถวายพระบาอัล ถวายดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดาวเคราะห์ และหมู่ดาวทั้งสิ้นของท้องฟ้า
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 6 พระองค์ทรงนำพระอาเชราห์ออกจากพระวิหารของพระยาห์เวห์ ไปยังหุบเขาขิดโรนภายนอกเยรูซาเล็ม และทรงเผาเสียที่นั่น พระองค์ทรงทุบให้เป็นผงคลีและทรงโยนผงคลีนั้นลงบนหลุมศพของสามัญชน
|
|
\v 7 พระองค์ทรงรื้อที่พักของโสเภณีในพิธีทางศาสนา ซึ่งอยู่ในพระวิหารของพระยาห์เวห์ ที่ผู้หญิงได้ทอเสื้อผ้าสำหรับพระอาเชราห์
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 8 โยสิอาห์ทรงให้นักบวชทั้งหมดออกจากเมืองต่างๆ ของยูดาห์ และทรงทำให้สถานสูงคือที่ซึ่งนักบวชได้เผาเครื่องหอมเสียความศักดิ์สิทธิ์ ตั้งแต่เมืองเกบาถึงเบเออร์เชบา และพระองค์ทรงทำลายสถานสูงของประตู ซึ่งอยู่ตรงทางเข้าประตูของโยชูวา (ผู้ว่าราชการเมือง) ซึ่งอยู่ทางซ้ายมือที่ประตูเมือง
|
|
\v 9 ถึงแม้ว่า บรรดานักบวชแห่งสถานสูงไม่ได้รับอนุญาตให้ปรนนิบัติที่แท่นบูชาของพระยาห์เวห์ในกรุงเยรูซาเล็ม แต่เขาทั้งหลายได้กินขนมปังไร้เชื้อ ท่ามกลางพวกพี่น้องของพวกเขาเอง
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 10 โยสิยาห์ได้ทรงทำให้โทเฟทที่อยู่ในหุบเขาเบนฮินโนมเป็นมลทิน เพื่อจะไม่มีใครเผาบุตรชายหรือบุตรหญิงของเขาให้เป็นเครื่องบูชาต่อพระโมเลค
|
|
\v 11 พระองค์ทรงกำจัดพวกม้าซึ่งบรรดากษัตริย์แห่งยูดาห์ได้ถวายแก่ดวงอาทิตย์ ที่อยู่ในบริเวณทางเข้าพระวิหารของพระยาห์เวห์ ใกล้ห้องนาธันเมเลคมหาดเล็ก โยสิยาห์ทรงเผารถม้าของดวงอาทิตย์
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 12 กษัตริย์โยสิยาห์ทรงทำลายแท่นบูชาบนหลังคาห้องชั้นบนของอาหัส ซึ่งบรรดากษัตริย์ของยูดาห์ได้ทรงสร้างไว้ และแท่นบูชาซึ่งมนัสเสห์ได้ทรงสร้างไว้ในลานทั้งสองของพระวิหารของพระยาห์เวห์ โยสิยาห์ทรงทุบสิ่งเหล่านั้นเป็นชิ้นๆ และทรงโยนมันทิ้งไปในหุบเขาขิดโรน
|
|
\v 13 กษัตริย์ทรงทำลายสถานสูงซึ่งอยู่ทางตะวันออกของกรุงเยรูซาเล็ม และอยู่ทางใต้ของภูเขาแห่งความเสื่อมทรามนั้นเสียความศักดิ์สิทธิ์ ที่ซาโลมอนกษัตริย์แห่งอิสราเอลได้ทรงสร้างไว้สำหรับพระอัชโทเรท เป็นรูปเคารพสิ่งน่าชังของชาวไซดอน และสำหรับพระเคโมช เป็นรูปเคารพสิ่งน่าชังของชาวโมอับ และสำหรับพระโมเลค เป็นรูปเคารพสิ่งน่าชังของชาวอัมโมน
|
|
\v 14 พระองค์ทรงทุบเสาศักดิ์สิทธิ์เป็นชิ้นๆ และโค่นบรรดาเสาอาเชราห์ลงเสีย แล้วเอาบรรดากระดูกมนุษย์ถมที่นั้น
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 15 โยสิยาห์ทรงทำลายแท่นบูชาที่เบธเอลกับสถานสูงซึ่งได้ทรงตั้งขึ้นโดยเยโรโบอัมบุตรชายของเนบัท (ผู้ได้นำอิสราเอลให้ทำบาปด้วย) พระองค์ทรงเผาแท่นบูชากับสถานสูงนั้นลง และทรงเผาสถานสูงนั้น แล้วบดให้เป็นผง พระองค์ยังได้ทรงเผาเสาอาเชราห์ด้วย
|
|
\v 16 ขณะที่โยสิยาห์ได้ทอดพระเนตรไปรอบบริเวณนั้น พระองค์ทรงสังเกตเห็นหลุมฝังศพซึ่งอยู่ข้างภูเขา พระองค์ทรงใช้คนให้ไปเอาบรรดากระดูกออกมาจากหลุมฝังศพ และพระองค์ทรงเผาเสียบนแท่นบูชา เพื่อทำให้เสียความศักดิ์สิทธิ์ ตามพระวจนะของพระยาห์เวห์ซึ่งคนของพระเจ้าได้พูดไว้ คนที่ได้พูดถึงสิ่งเหล่านี้ไว้ก่อนแล้ว
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 17 แล้วพระองค์ได้ตรัสว่า “อนุสาวรีย์อะไรที่เรามองเห็น?” พวกคนเมืองนั้นจึงทูลพระองค์ว่า “เป็นหลุมฝังศพของคนของพระเจ้า ผู้มาจากยูดาห์และพูดถึงสิ่งเหล่านี้ ซึ่งพระองค์พึ่งได้ทรงกระทำต่อแท่นบูชาที่เบธเอล”
|
|
\v 18 ดังนั้นโยสิยาห์จึงตรัสว่า “ให้เขาอยู่ที่นั่นแหละ อย่าให้ใครย้ายกระดูกของเขา” เขาทั้งหลายจึงทิ้งกระดูกของเขาไว้อย่างนั้น พร้อมกับกระดูกของผู้เผยพระวจนะผู้ออกมาจากสะมาเรีย
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 19 แล้วโยสิยาห์ได้ทรงย้ายบรรดาศาลาทั้งสิ้นของสถานสูง ที่อยู่ในเมืองต่างๆ ของสะมาเรีย ซึ่งบรรดากษัตริย์แห่งอิสราเอลได้ทรงสร้างไว้ และเป็นการยั่วยุให้พระยาห์เวห์กริ้ว พระองค์ทรงทำต่อสิ่งเหล่านั้นเหมือนทุกอย่างที่ได้ทรงทำที่เบธเอล
|
|
\v 20 พระองค์ทรงประหารนักบวชแห่งสถานสูงทั้งหมดบนแท่นบูชา และทรงเผากระดูกคนบนแท่นเหล่านั้น แล้วพระองค์ก็ได้เสด็จกลับกรุงเยรูซาเล็ม
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 21 แล้วกษัตริย์ทรงบัญชาประชาชนทั้งหมดว่า “จงถือเทศกาลปัสกาถวายแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเจ้า ดังที่เขียนไว้ในหนังสือพันธสัญญานี้”
|
|
\v 22 เพราะว่าการฉลองเทศกาลปัสกาเช่นนี้ไม่เคยถือกันมาตั้งแต่สมัยผู้วินิจฉัยซึ่งได้ปกครองอิสราเอล ไม่เคยมีในสมัยบรรดากษัตริย์แห่งอิสราเอลและกษัตริย์แห่งยูดาห์
|
|
\v 23 แต่ในปีที่สิบแปดแห่งรัชกาลกษัตริย์โยสิยาห์ มีการฉลองเทศกาลปัสกาของพระยาห์เวห์อย่างนี้ในกรุงเยรูซาเล็ม
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 24 โยสิยาห์ยังได้ทรงกำจัดบรรดาพวกที่คุยกับคนตายหรือภูตผี พระองค์ยังได้ทรงกำจัด บรรดาเครื่องราง รูปเคารพ และสิ่งน่าเกลียดน่าชังซึ่งเห็นกันอยู่ในแผ่นดินยูดาห์และกรุงเยรูซาเล็ม เพื่อทรงยืนยันถ้อยคำแห่งธรรมบัญญัติ ซึ่งได้เขียนอยู่ในหนังสือที่ฮิลคียาห์ปุโรหิตได้พบในพระนิเวศของพระยาห์เวห์
|
|
\v 25 ก่อนโยสิยาห์ก็ไม่มีกษัตริย์องค์ใดเหมือนพระองค์ ผู้ได้หันกลับมาหาพระยาห์เวห์ด้วยสุดจิตสุดใจและด้วยสุดกำลังของพระองค์ผู้ซึ่งได้ทรงทำตามธรรมบัญญัติทั้งสิ้นของโมเสส หลังพระองค์ก็ไม่มีกษัตริย์องค์ใดขึ้นมาเหมือนพระองค์
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 26 ถึงกระนั้น พระยาห์เวห์ก็ไม่ได้ทรงหันจากพระพิโรธอันแรงกล้าของพระองค์ ซึ่งได้พลุ่งขึ้นต่อยูดาห์ เพราะการนมัสการพระของคนต่างชาติทั้งสิ้นที่มนัสเสห์ได้ทรงยั่วยุให้พระองค์กริ้ว
|
|
\v 27 ดังนั้นพระยาห์เวห์ตรัสว่า “เราจะให้ยูดาห์ออกไปให้พ้นสายตาเราด้วย เหมือนที่เราได้ทำต่ออิสราเอล และเราจะเหวี่ยงเมืองนี้ซึ่งเราได้เลือกออกไปเสีย คือกรุงเยรูซาเล็มกับพระนิเวศ ซึ่งเราได้บอกว่า ‘นามของเราจะอยู่ที่นั่น’”
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 28 ส่วนราชกิจอื่นๆ ของโยสิยาห์ และทุกสิ่งที่ได้ทรงกระทำ ได้บันทึกในหนังสือพงศาวดารกษัตริย์แห่งยูดาห์ไม่ใช่หรือ?
|
|
\v 29 ในสมัยของพระองค์ ฟาโรห์เนโคกษัตริย์แห่งอียิปต์ได้ยกทัพสู้กับกษัตริย์แห่งอัสซีเรียที่แม่น้ำยูเฟรติส กษัตริย์โยสิยาห์ได้ทรงไปพบกับเนโคในสนามรบ และเนโคก็ทรงประหารพระองค์ที่เมืองเมกิดโด
|
|
\v 30 ข้าราชบริพารของโยสิยาห์จึงได้นำพระศพใส่รถม้าศึกจากเมืองเมกิดโด นำมายังกรุงเยรูซาเล็ม และได้ฝังพระองค์ไว้ในหลุมฝังศพของพระองค์เอง แล้วประชาชนในแผ่นดินนั้นก็นำเยโฮอาหาสพระราชโอรสของโยสิยาห์มาและได้เจิมพระองค์ แล้วได้ตั้งให้เป็นกษัตริย์แทนพระราชบิดา
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 31 เยโฮอาหาสมีพระชนมายุยี่สิบสามพรรษาเมื่อทรงขึ้นครองราชย์ และทรงครองราชย์ในกรุงเยรูซาเล็มสามเดือน พระมารดาของพระองค์มีพระนามว่า ฮามุทาล พระนางเป็นบุตรหญิงของเยเรมีย์ชาวลิบนาห์
|
|
\v 32 เยโฮอาหาสทรงกระทำสิ่งชั่วร้ายในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ ตามทุกอย่างซึ่งบรรพบุรุษของพระองค์ได้ทรงกระทำ
|
|
\v 33 ฟาโรห์เนโคได้ทรงจับพระองค์ขังไว้ที่ริบลาห์ในแผ่นดินฮามัท เพื่อไม่ให้พระองค์ปกครองในกรุงเยรูซาเล็ม แล้วเนโคได้ทรงปรับยูดาห์ด้วยเงินหนึ่งร้อยตะลันต์ และทองคำหนึ่งตะลันต์
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 34 ฟาโรห์เนโคได้ทรงตั้งเอลียาคิมพระราชโอรสของโยสิยาห์เป็นกษัตริย์แทนโยสิยาห์พระราชบิดาของพระองค์ และทรงเปลี่ยนชื่อให้เป็นเยโฮยาคิม แต่พระองค์ทรงพาเยโฮอาหาสไปยังอียิปต์ และเยโฮอาหาสก็ได้เสด็จสวรรคตที่นั่น
|
|
\v 35 เยโฮยาคิมได้ทรงจ่ายเงินและทองคำแก่ฟาโรห์ ตามพระบัญชาของฟาโรห์ เยโฮยาคิมทรงเก็บภาษีที่ดินและบังคับประชาชนแต่ละคนของแผ่นดินให้เอาเงินและทองคำมาถวายให้พระองค์ตามการประเมินของพวกเขา
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 36 เยโฮยาคิมทรงมีพระชนมายุยี่สิบห้าพรรษา เมื่อพระองค์ทรงขึ้นครองราชย์ และพระองค์ทรงครองราชย์ในกรุงเยรูซาเล็มสิบเอ็ดปี พระมารดาของพระองค์มีพระนามว่า เศบิดาห์ พระนางเป็นบุตรหญิงของเปดายาห์ชาวรูมาห์
|
|
\v 37 เยโฮยาคิมทรงกระทำสิ่งชั่วร้ายในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ ตามทุกอย่างซึ่งบรรพบุรุษของพระองค์ได้ทรงกระทำ
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\c 24
|
|
\p
|
|
\v 1 ในรัชกาลของเยโฮยาคิม เนบูคัดเนสซาร์ กษัตริย์แห่งบาบิโลนได้โจมตียูดาห์ เยโฮยาคิมเป็นคนรับใช้ของพระองค์สามปี แล้วเยโฮยาคิมก็กลับเป็นกบฏต่อเนบูคัดเนสซาร์
|
|
\v 2 พระยาห์เวห์ทรงใช้คนเคลเดีย คนอารัม คนโมอับและคนอัมโมนมาต่อสู้กับเยโฮยาคิม พระองค์ทรงใช้เขาทั้งหลายไปต่อสู้ยูดาห์เพื่อจะทำลายเสีย สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นตามพระวจนะของพระยาห์เวห์ซึ่งได้ตรัสผ่านทางบรรดาผู้เผยพระวจนะผู้รับใช้ของพระองค์
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 3 แท้จริงเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับยูดาห์ตามคำตรัสของพระยาห์เวห์ เพื่อจะเอาพวกเขาออกไปให้พ้นสายพระเนตรของพระองค์ เพราะบาปทั้งหลายของมนัสเสห์ ทุกอย่างที่พระองค์ได้ทรงกระทำ
|
|
\v 4 และเพราะโลหิตที่ไร้ความผิดซึ่งพระองค์ได้ทำให้ไหลออกนั้นด้วย เพราะพระองค์ได้ทำให้กรุงเยรูซาเล็มเต็มไปด้วยโลหิตที่ไร้ความผิด พระยาห์เวห์ไม่ทรงประสงค์ที่จะทรงอภัย
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 5 ส่วนราชกิจอื่นๆ ของเยโฮยาคิม และทุกสิ่งที่พระองค์ได้ทรงกระทำได้ถูกบันทึกไว้ในหนังสือพงศาวดารกษัตริย์แห่งยูดาห์ไม่ใช่หรือ?
|
|
\v 6 เยโฮยาคิมทรงล่วงหลับไปอยู่กับบรรพบุรุษ และเยโฮยาคีนพระราชโอรสของพระองค์ได้ทรงขึ้นเป็นกษัตริย์แทน
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 7 กษัตริย์แห่งอียิปต์ไม่ได้ทรงยกทัพมาโจมตีจากแผ่นดินของพระองค์อีกเลย เพราะกษัตริย์แห่งบาบิโลนได้พิชิตดินแดนทั้งสิ้น ซึ่งควบคุมโดยกษัตริย์แห่งอียิปต์ตั้งแต่ลำห้วยของอียิปต์ถึงแม่น้ำยูเฟรติส
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 8 เยโฮยาคีนมีพระชนมายุสิบแปดพรรษาเมื่อพระองค์ทรงครองราชย์ พระองค์ทรงครองราชย์ในกรุงเยรูซาเล็มสามเดือน พระมารดาของพระองค์มีพระนามว่าเนหุชทา พระนางคือบุตรหญิงของเอลนาธันชาวเยรูซาเล็ม
|
|
\v 9 พระองค์ทรงทำสิ่งชั่วร้ายในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ พระองค์ทรงกระทำทุกอย่างตามที่พระบิดาของพระองค์ได้ทรงกระทำ
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 10 ในเวลานั้นกองทัพของเนบูคัดเนสซาร์ กษัตริย์แห่งบาบิโลน ได้ยกทัพขึ้นมาโจมตีกรุงเยรูซาเล็มและล้อมกรุงไว้
|
|
\v 11 เนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์แห่งบาบิโลนเสด็จมาที่เมืองนั้น ขณะที่พวกทหารของพระองค์ยังล้อมเมืองนั้นอยู่
|
|
\v 12 และเยโฮยาคีนกษัตริย์แห่งยูดาห์ทรงออกไปหากษัตริย์แห่งบาบิโลน ทั้งตัวพระองค์เองพร้อมกับพระราชมารดา พวกข้าราชบริพาร พวกเจ้าเมือง และพวกข้าราชสำนักของพระองค์ กษัตริย์แห่งบาบิโลนได้จับพระองค์เป็นเชลยในปีที่แปดแห่งการครองราชย์ของพระองค์
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 13 เนบูคัดเนสซาร์ทรงขนเอาสิ่งที่มีค่าในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ทั้งหมดและทรัพย์สินในพระราชวังของกษัตริย์ พระองค์ทรงตัดเครื่องใช้ทองคำที่ซาโลมอนกษัตริย์แห่งอิสราเอลได้ทรงสร้างไว้ในพระวิหารของพระยาห์เวห์ออกเป็นชิ้นๆ ดังที่พระยาห์เวห์ได้ตรัสไว้ก่อนแล้วว่าจะเกิดขึ้น
|
|
\v 14 พระองค์ทรงกวาดต้อนชาวเยรูซาเล็มไปเป็นเชลยทั้งหมด คือผู้นำทั้งหมด นักรบทั้งหมด เชลยหนึ่งหมื่นคน รวมทั้งช่างฝีมือและช่างโลหะทั้งหมด ไม่เหลือผู้ใดไว้เลยนอกจากประชาชนของแผ่นดินที่ยากจนที่สุด
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 15 เนบูคัดเนสซาร์ทรงนำเยโฮยาคีนไปเป็นเชลยที่บาบิโลน รวมทั้งพระมารดาของกษัตริย์ บรรดาพระมเหสี ข้าราชสำนักของพระองค์ และบุคคลชั้นหัวหน้าของแผ่นดินด้วย พระองค์ทรงนำพวกเขาจากกรุงเยรูซาเล็มไปยังบาบิโลนเพื่อเป็นเชลย
|
|
\v 16 นักรบทั้งหมดเจ็ดพันคน ช่างฝีมือและช่างเหล็กหนึ่งพันคน และทุกคนที่เหมาะสำหรับการรบ กษัตริย์แห่งบาบิโลนได้ทรงนำคนเหล่านี้มายังบาบิโลนเพื่อไปเป็นเชลย
|
|
\v 17 กษัตริย์แห่งบาบิโลนทรงตั้งมัทธานิยาห์ พระปิตุลาของเยโฮยาคีนเป็นกษัตริย์แทนพระองค์ และเปลี่ยนพระนามให้ว่า เศเดคียาห์
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 18 เศเดคียาห์มีพระชนมายุยี่สิบเอ็ดพรรษา เมื่อพระองค์ทรงครองราชย์ พระองค์ทรงครองราชย์ในกรุงเยรูซาเล็มสิบเอ็ดปี พระมารดาของพระองค์มีพระนามว่า ฮามุทาล พระนางเป็นบุตรหญิงของเยเรมีย์ชาวลิบนาห์
|
|
\v 19 พระองค์ทรงทำสิ่งชั่วร้ายในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ พระองค์ทรงกระทำทุกอย่างตามที่เยโฮยาคิมได้ทรงกระทำ
|
|
\v 20 เพราะพระพิโรธของพระยาห์เวห์ สิ่งเหล่านี้ทั้งปวงจึงได้เกิดขึ้นต่อเยรูซาเล็มและยูดาห์ จนกระทั่งพระองค์ได้ทรงขับไล่ทั้งสองไปให้พ้นพระพักตร์ของพระองค์ แล้วเศเดคียาห์ก็ได้ทรงกบฏต่อกษัตริย์แห่งบาบิโลน
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\c 25
|
|
\p
|
|
\v 1 สิ่งนี้ได้เกิดขึ้นในปีที่เก้าแห่งรัชกาลของเศเดคียาห์เมื่อเดือนสิบวันที่สิบ เนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์บาบิโลนได้ทรงยกกองทัพทั้งสิ้นของพระองค์มาโจมตีกรุงเยรูซาเล็ม พระองค์ทรงตั้งค่ายด้านตรงข้าม และเขาทั้งหลายสร้างกำแพงดินไว้ล้อมรอบ
|
|
\v 2 ดังนั้น กรุงนั้นจึงถูกล้อมอยู่ถึงปีที่สิบเอ็ดแห่งรัชกาลกษัตริย์เศเดคียาห์
|
|
\v 3 ในวันที่เก้าของเดือนที่สี่ของปีนั้น เกิดการขาดแคลนอาหารรุนแรงในกรุงนั้น ไม่มีอาหารให้แก่ประชาชนของแผ่นดิน
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 4 แล้วกรุงนั้นก็แตก และทหารทั้งสิ้นได้หนีออกไปในเวลากลางคืนตามทางประตูเมืองระหว่างกำแพงทั้งสองซึ่งอยู่ริมอุทยานของกษัตริย์ ทั้งๆ ที่คนเคลเดียอยู่รอบเมือง กษัตริย์จึงเสด็จออกไปทางทะเลทรายอารบา
|
|
\v 5 แต่กองทัพของคนเคลเดียได้ไล่ตามกษัตริย์เศเดคียาห์ และมาทันพระองค์ในที่ราบของแม่น้ำจอร์แดนใกล้เมืองเยรีโค กองทัพทั้งสิ้นของพระองค์ก็กระจัดกระจายไปจากพระองค์
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 6 พวกเขาจึงจับกษัตริย์ และนำพระองค์มายังกษัตริย์บาบิโลนที่เมืองริบลาห์ ที่ซึ่งพวกเขาได้ตัดสินลงโทษพระองค์
|
|
\v 7 สำหรับบรรดาพระราชโอรสของเศเดคียาห์ พวกเขาได้ประหารชีวิตต่อเบื้องพระเนตรของพระองค์ แล้วเขาได้ควักพระเนตรของเศเดคียาห์ออก ตีโซ่ตรวนสัมฤทธิ์พระองค์ และได้พาพระองค์ไปยังบาบิโลน
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 8 บัดนี้เมื่อวันที่เจ็ด ในเดือนที่ห้า ซึ่งเป็นปีที่สิบเก้าของรัชกาลกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์แห่งบาบิโลน เนบูซาระดาน ผู้เป็นข้าราชบริพารคนหนึ่งของกษัตริย์แห่งบาบิโลนและเป็นผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ ได้มายังกรุงเยรูซาเล็ม
|
|
\v 9 เขาได้เผาพระนิเวศของพระยาห์เวห์พระราชวังของกษัตริย์ และบ้านเรือนทั้งหมดของกรุงเยรูซาเล็ม เขาได้เผาอาคารสำคัญทุกหลังในเมืองลงด้วย
|
|
\v 10 สำหรับกำแพงทั้งหมดรอบเยรูซาเล็ม ทหารชาวบาบิโลนทั้งหมดผู้อยู่กับผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ได้ทำลายลง
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 11 ประชาชนที่เหลืออยู่ซึ่งอยู่ในเมือง และคนซึ่งหลบหนีไปหากษัตริย์แห่งบาบิโลน พร้อมกับมวลชนที่เหลืออยู่นั้น เนบูซาระดานผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ได้กวาดต้อนพวกเขาไปเป็นเชลย
|
|
\v 12 แต่ผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ได้ทิ้งคนจนที่สุดแห่งแผ่นดินไว้ให้เป็นคนทำสวนองุ่นและเป็นคนทำไร่ไถนา
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 13 สำหรับเสาทองสัมฤทธิ์ซึ่งอยู่ในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ และแท่นกับอ่างทะเลทองสัมฤทธิ์ซึ่งอยู่ในพระนิเวศของพระยาห์เวห์นั้น คนเคลเดียได้ทุบเป็นชิ้นๆ และได้ขนเอาทองสัมฤทธิ์ไปยังบาบิโลน
|
|
\v 14 บรรดาหม้อ พลั่ว และกรรไกรตัดไส้ตะเกียง และช้อน และเครื่องใช้ทองสัมฤทธิ์ทั้งหมดซึ่งปุโรหิตใช้ในงานของพระวิหาร พวกชาวเคลเดียได้เอาไปหมด
|
|
\v 15 กระถางสำหรับตักขี้เถ้า กับชามที่ทำด้วยทองคำและด้วยเงิน ผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ก็ได้ขนเอาไปหมดด้วย
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 16 เสาใหญ่สองต้น อ่างทะเล และพวกขาตั้งซึ่งซาโลมอนได้ทรงสร้างสำหรับพระนิเวศของพระยาห์เวห์นั้น ทองสัมฤทธิ์ของภาชนะเหล่านี้ก็หนักเกินกว่าที่จะชั่งได้
|
|
\v 17 เสาใหญ่ต้นหนึ่งสูงประมาณสิบแปดศอก และมีบัวคว่ำทองสัมฤทธิ์บนเสา บัวคว่ำนั้นสูงประมาณสามศอกพร้อมตาข่ายและลูกทับทิมที่ล้อมรอบบัว ทั้งหมดล้วนทำด้วยทองสัมฤทธิ์ เสาใหญ่อีกต้นและตาข่ายก็เหมือนกับเสาต้นแรก
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 18 ผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ก็ได้จับเสไรยาห์ปุโรหิตใหญ่ และเศฟันยาห์ปุโรหิตรอง กับผู้เฝ้าประตูสามคนไปด้วย
|
|
\v 19 จากเมืองนั้นเขาได้จับข้าราชสำนัก ซึ่งเป็นผู้บัญชาการกองทัพ ที่ปรึกษาของกษัตริย์ห้าคนที่ยังคงอยู่ในเมืองนั้นไปเป็นนักโทษ เขายังได้จับข้าราชการของกษัตริย์ซึ่งรับผิดชอบเกณฑ์คนไปเป็นทหาร พร้อมกับหกสิบคนสำคัญของแผ่นดินซึ่งพบในเมืองไปเป็นนักโทษ
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 20 แล้วเนบูซาระดานผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ได้จับพวกเขาเหล่านี้พามาเฝ้ากษัตริย์แห่งบาบิโลนที่ริบลาห์
|
|
\v 21 กษัตริย์แห่งบาบิโลนได้ทรงประหารชีวิตเขาทั้งหลายเสียที่ริบลาห์ในแผ่นดินฮามัท ในวิธีนี้ยูดาห์จึงออกจากแผ่นดินของตนไปเป็นเชลย
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 22 สำหรับประชาชนที่เหลือในแผ่นดินยูดาห์ ผู้ซึ่งเนบูคัดเนสซาร์ กษัตริย์บาบิโลนได้ทรงเหลือไว้ พระองค์ทรงแต่งตั้งเกดาลิยาห์บุตรชายของอาหิคัม บุตรชายของชาฟานให้เป็นผู้ควบคุมพวกเขา
|
|
\v 23 บัดนี้ เมื่อบรรดาผู้บังคับบัญชากองทัพทั้งหมด ทั้งตัวเขาทั้งหลาย และคนของเขาได้ยินว่า กษัตริย์แห่งบาบิโลนทรงแต่งตั้งเกดาลิยาห์ให้เป็นเจ้าเมือง พวกเขาได้มาหาเกดาลิยาห์ที่มิสปาห์ คนเหล่านี้คืออิชมาเอลบุตรชายของเนธานิยาห์ โยฮานันบุตรชายของคาเรอาห์ เสไรยาห์บุตรชายของทันหุเมทชาวเนโทฟาห์ และยาอาซันยาห์บุตรชายของคนตระกูลมาอาคาห์ ทั้งตัวพวกเขา และคนของเขา
|
|
\v 24 เกดาลิยาห์ได้ทำสัตย์สาบานแก่พวกเขาและคนของเขาว่า “อย่ากลัวข้าราชบริพารเคลเดียเลย จงอาศัยในแผ่นดินและปรนนิบัติกษัตริย์บาบิโลน แล้วพวกเจ้าก็จะอยู่เย็นเป็นสุข”
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 25 แต่ในเดือนที่เจ็ด อิชมาเอลบุตรชายของเนธานิยาห์ บุตรชายของเอลีชามา ผู้เป็นเชื้อพระวงศ์ ได้เข้ามาพร้อมกับชายสิบคน ได้โจมตีเกดาลิยาห์ เกดาลิยาห์ตายพร้อมกับคนยูดาห์กับคนบาบิโลนผู้อยู่กับเขาที่มิสปาห์
|
|
\v 26 แล้วประชาชนทั้งสิ้น ทั้งผู้น้อย และผู้ใหญ่ และผู้บังคับบัญชาพลรบได้ลุกขึ้น และไปยังอียิปต์ เพราะพวกเขากลัวคนบาบิโลน
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 27 ต่อมาในปีที่สามสิบเจ็ดที่เยโฮยาคีนกษัตริย์ยูดาห์ถูกเนรเทศในเดือนที่สิบสอง เมื่อวันที่ยี่สิบเจ็ดของเดือนนั้นที่เอวิลเมโรดักกษัตริย์แห่งบาบิโลนได้ทรงปล่อยเยโฮยาคีนกษัตริย์ยูดาห์พ้นจากเรือนจำ สิ่งนี้ได้เกิดขึ้นในปีที่เอวิลเมโรดักได้ทรงขึ้นครองราชย์
|
|
|
|
|
|
\s5
|
|
\p
|
|
\v 28 พระองค์ได้ตรัสอย่างเมตตาแก่ดยโฮยาคีน และให้ที่นั่งที่มีเกียรติกว่าบรรดาที่นั่งของบรรดากษัตริย์ที่อยู่ในกรุงบาบิโลนกับพระองค์
|
|
\v 29 เอวิลเมโรดักจึงได้ถอดเครื่องแต่งกายของนักโทษออกจากเยโฮยาคีน เยโฮยาคีนได้รับประทานที่โต๊ะเสวยของกษัตริย์เป็นประจำทุกวันตลอดชีวิตของพระองค์
|
|
\v 30 พระองค์ทรงได้รับค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงชีพทุกๆ วันไปจนตลอดชีวิตที่เหลือของพระองค์
|
|
|
|
|